(ฟิคโอคิคางุ)After marriage
9.6
เขียนโดย naoza
วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 13.14 น.
10 ตอน
7 วิจารณ์
25.91K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 12.48 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
4) ความสำคัญที่ไม่ได้ใส่ใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ยามเช้าในเดือนมีนาคมเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ อากาศค่อยๆแปรกระแสจากหนาวเย็นเป็นอบอุ่นขึ้นบ้างแล้ว เหล่าชาวเอโดะต่างใจจดใจจ่อกับเทศกาลชมดอกซากุระที่กำลังจะบานในปลายเดือน นกน้อยผลัดถิ่นนั้นเริ่มกลับมาสู่บ้านของตนสร้างความสดชื่นให้แก่ใครหลายคนยิ่งนัก
ต่างจากคางุระถึงแม้ว่าอากาศจะอุ่นขึ้นกว่าเดิมพอสมควรแต่หญิงสาวนั้นยังคงนอนหมกตัวอยู่ใต้โต๊ะอุ่นขาอย่างเคยตัวไม่เคยฟังคำเตือนของโซโกะผู้เป็นสามีว่าอย่านอนเช่นนี้เพราะอาจจะไม่สบายได้ ยิ่งชายหนุ่มเข้าเวรงานยามค่ำคืนไม่ได้กลับมานอนที่บ้าน คางุระก็ยิ่งมักง่ายไม่นอนบนฟูกอย่างที่ควรจะเป็นจนโซโกะที่กลับบ้านมาในตอนเช้าเริ่มละอากับสิ่งที่ได้พบเจอ
โซโกะมองคางุระที่ไม่เคยจะทำตามที่เขาแนะนำด้วยความรำคาญใจ เขาเดินไปถอดปลั๊กโต๊ะอุ่นขาแล้วยกเก็บโดยไม่ฟังเสียงภรรยาที่งัวเงียตื่นขึ้นมาร้องโวยวาย
“ลื้อทำบ้าอะไรน่อ? อั๊วหนาว”
ชายหนุ่มไม่พูดอะไรแต่เปิดตู้เก็บของใส่โต๊ะอุ่นขาเข้าไปเก็บในนั้นแล้วล็อคกุญแจไว้เพื่อไม่ให้คางุระใช้มันอีก
“อั๊วยังหนาวอยู่น่อ เอาออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”
คางุระรีบลุกไปแย่งกุญแจแต่โซโกะไวกว่าเขาเก็บกุญแจไว้ในเสื้อของตัวเองแล้วเดินหนีปล่อยให้คางุระฮึดฮัดดึงกุญแจที่ถูกล็อคกระชากอย่างแรงหวังให้มันหลุด แต่แล้วก็ไม่เป็นผลเพราะหลังจากที่เธอได้ตั้งท้องอยู่ขณะนี้พลังของยาโตะที่ตนเองมีอยู่กลับหายไปเสียอย่างนั้นจนเธอเหมือนหญิงชาวมนุษย์ธรรมดาๆคนหนึ่ง
“อั๊วไม่เจี๊ยะข้าวกับลื้อแล้วน่อ”
หญิงสาวชักสีหน้าบ่งบอกว่างอนพูดกับสามีที่กำลังทำอาหารเช้าให้อยู่แล้วเดินสะบัดหน้าหนีไปแต่งตัวเพื่อไปทำงาน จากนั้นสักครู่คางุระที่แต่งตัวเสร็จก็แอบชะโงกมองโซโกะที่อยู่ในครัวหวังว่าเขาจะเดินมาเรียกให้เธอไปร่วมกินข้าวด้วย ซึ่งเธอก็พบว่าโซโกะกำลังกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย และตรงข้ามเขาก็มีอาหารเช้าอีกชุดหนึ่งเตรียมไว้อยู่บนโต๊ะ แต่ถึงแม้จะอยากกินแค่ไหนคางุระก็ต้องหักห้ามใจเพราะโซโกะยังไม่ง้อเธอหญิงสาวจึงจำต้องเดินไปทำงานอย่างเศร้าๆ โซโกะเห็นคางุระเดินผ่านก็เอ่ยทักขึ้น
“ไม่กินข้าวก่อนเหรอ?”
หญิงสาวชะงักแต่ก็วางฟอร์มไว้ก่อน
“อั๊วจะไปเจี๊ยะกับพวกกินจังน่อ”
“ฉันถามลูกไม่ได้ถามหล่อน” โซโกะโต้กลับได้อย่างกวนประสาท “ถ้าลูกบอกว่าหิวก็เชิญมานั่งกินด้วยกัน”
คางุระมองคนกวนใจอย่างหมั่นไส้ไม่อยากร่วมโต๊ะกินอาหารด้วย แต่ท้องเจ้ากรรมกลับไม่ให้ความร่วมมือแถมยังส่งเสียงร้องโครกครากจนเธอต้องยอมแพ้ยอมมานั่งกินข้าวเช้ากับโซโกะจนได้
“โซนี่เจมส์ฟ็อกซ์บอกว่าหิวน่อ”
“ใครนะ?”
“ก็ลูกไงน่อ อั๊วตั้งชื่อไว้แล้ว”
“จะบ้ารึไงใครที่ไหนตั้งชื่อลูกกันแบบนี้” โซโกะว่าภรรยาที่ตั้งชื่อลูกที่ยังไม่ทันรู้เพศได้ไม่เอาไหน “ต้องชื่อว่าเจนิเฟอร์สเปซสิ”
“อั๊วว่าเราเลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่าน่อ” คางุระตัดบทสนาทันทีเมื่อได้ยินโซโกะตั้งชื่อลูกได้ไม่แพ้เธอแล้วเปลี่ยนเรื่อง “วันนี้ลื้อหยุดใช่ไหมน่อ อั๊วอยากกินโทริยากิลื้ออย่าลืมซื้อไว้ให้อั๊วน่อ”
“วันนี้ฉันเปลี่ยนวันหยุดกับคนอื่นเลยไม่ได้หยุด เอาไว้พรุ่งนี้แล้วกันนะ”
“งั้นอั๊วไปก่อนน่อ อย่าลืมล้างจานให้ด้วยนะดาร์ลิ่ง”
“จ้าๆ ฮันนี่”
โซโกะเดินไปส่งคางุระที่ประตูบ้านแล้วยื่นร่มให้เธอ
“ให้ฉันไปส่งไหม?”
“ลื้อถามอั๊วทุกวันแล้วอั๊วเคยให้ลื้อไปส่งไหมน่อ? อั๊วแค่กำลังท้องไม่ได้ป่วยสักหน่อยลื้อนี่จุกจิกจริงน่อ”
คางุระบ่นแล้วเดินออกจากบ้านไปโดยมีโซโกะมองตามด้วยความเป็นห่วงเพราะสาวเจ้าไม่ได้ระวังตัวอะไรเลยสักนิด
ณ ร้านรับจ้างสารพัดกินจัง
คางุระเดินเปิดประตูเข้าร้านก็พบว่ากินโทกิกับชินปาจิกำลังต้อนรับหญิงสาวผมยาวในชุดกิโมโนสีชมพูคนหนึ่งอยู่ เมื่อเธอเดินเข้าไปใกล้ก็พบว่าเป็นซาซาเอะเจ้าของร้านขายดอกไม้ที่อยู่ไม่ไกลในละแวกข้างๆนั่นเอง
“อ้าว ซาซาเอะจังเองเหรอน่อ”
“เล่าเรื่องต่อมาเลย”
กินโทกิเมินคางุระแล้วให้ซาซาเอะพูดต่อในเรื่องที่กำลังคุยค้างอยู่ ซึ่งคางุระก็เดินไปนั่งข้างๆชินปาจิเพื่อฟังเรื่องราวที่ซาซาเอะกำลังพูด
“เพราะฉะนั้นฉันเลยอยากให้พวกรับจ้างสารพัดช่วยไปตามหาน้องชายของฉันให้ทีค่ะ แล้วก็อยากจะให้ฝากของสิ่งนี้ให้ด้วยเผื่อเขาจะจำอะไรได้บ้าง”
ซาซาเอะบอกแล้วยื่นซองจดหมายสีขาวที่ไม่ได้ปิดผนึกให้กับกินโทกิซึ่งข้างในนั้นมีรูปถ่ายของซาซาเอะกับเด็กผู้ชายวัยรุ่นคนหนึ่งที่ดูเรียบร้อยมาก
“ท่าทางไม่น่าจะใช่เด็กมีปัญหาหนีออกจากบ้านอย่างที่คุณซาซาเอะพูดได้เลยนะครับเนี่ย”
ชินปาจิพิจารณาแล้วเปรยออกมา แต่กินโทกิไม่เห็นด้วย
“นายน่ะอ่อนต่อโลกเกินไปวัตสัน ไอ้ท่าท่างติ๋มๆหงิมๆแบบนี้น่ะแหละตัวเก็บกดรอเวลาระเบิดได้เลย”
“เป็นเพราะฉันเองล่ะค่ะ” ซาซาเอะพูดแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าสีชมพูมาซับน้ำตาที่กำลังไหล
จากนั้นเธอก็เล่าเหตุการณ์ก่อนที่น้องชายของตนที่มีชื่อว่า โรคุโอะ หายไปให้ฟัง หลังจากที่พ่อแม่ของพวกเธอประสบอุบัติเหตุยานอวกาศหายสาบสูญตอนไปฉลองฮันนีมูนครั้งที่ 15 นั้น ภาระหน้าที่ของร้านดอกไม้ก็ตกเป็นของซาซาเอะ ทำให้เธอไม่มีเวลาเอาใจใส่ให้กับโรคุโอะเท่าที่ควร ไม่รู้แม้กระทั่งน้องชายโดนแกล้งที๋โรงเรียนจนเกือบฆ่าตัวตายและกลายเป็นคนเก็บตัวจนตัวเธอเองทนไม่ไหวออกปากไล่น้องชายให้ไปข้างนอกบ้าง และหลังจากนั้นโรคุโอะก็ไม่กลับบ้านอีกเลย
“คุณโรคุโอะออกจากบ้านไปตอนอายุ 15 ปีใช่ไหมครับ? แล้วทำไมคุณซาซาเอะถึงพูดว่าให้เรามอบรูปภาพนี้เผื่อเขาจะจำอะไรได้บ้างล่ะครับ?”
“แสดงว่ารู้ที่อยู่สินะว่าน้องชายอยู่ไหนกันแน่? แล้วทำไมเธอไม่ไปเคลียร์กับน้องชายเอาเองเลยล่ะ ให้คนนอกครอบครัวอย่างพวกเราไปจะดีเหรอ? แล้วหายไปตั้ง 5 ปีแท้ๆทำไมเพิ่งอยากจะมาเจอเอาตอนนี้”
กินโทกิถามพลางแคะขี้มูกไปด้วยพร้อมกับเอนหลังเข้ากลับพนักพิงโซฟาเพื่อรอฟังเหตุผลจากซาซาเอะ
“ค่ะ เมื่อ 2 ปีก่อนฉันเพิ่งรู้ว่าน้องอยู่ที่ไหน” ซาซาเอะยอมรับทั้งน้ำตา “แต่ฉันก็ไม่สามารถไปพบน้องชายได้ เพราะว่าโรคุโอะตัดสินใจไปอยู่กับแก๊งค์แมวดำที่กำลังมีอิทธิพลอยู่ในขณะนี้ ตอนที่ฉันเจอกับริคุโอะเขามีท่าทีว่าจำฉันไม่ได้ด้วยซ้ำไม่รู้ว่าทางนั้นได้ทำอะไรกับเขารึเปล่า”
“แมวดำ? ใช่แก๊งค์ที่ค้ายาเสพติดใช่ไหมน่อ?”
คางุระที่ฟังอยู่นานพูดขึ้น ซาซาเอะพยักหน้ายอมรับว่าเป็นแก๊งค์ที่คางุระกำลังพูดถึงอยู่
“หล่อนรู้จักด้วยเหรอ?”
กินโทกิถาม คางุระจึงอธิบายให้ฟัง
“เมื่อไม่กี่วันก่อนอั๊วได้ยินโซโกะคุยโทรศัพท์กับมายองเล่อร์เกี่ยวกับเรื่องแมวดำค้ายาเสพติดนี่ล่ะน่อ ได้ยินว่ามีแบ๊คเป็นลูกท่านหลานเธอถึงไม่มีใครกล้ายุ่งแถมตอนนี้ก็ปักหลักกันอยู่ที่ท่าเรือไม่ใกล้ไม่ไกลนี้แต่อั๊วก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนักน่อ”
“ฉันล่ะเบื่อกับไอ้พวกเล่นเส้นสายไม่ค่อยอยากจะไปยุ่งเท่าไรนักหรอกนะ” ชายหนุ่มผมเงินเปรยออกมาอย่างเบื่อหน่าย “แต่การช่วยทำให้ครอบครัวกลับมาพบหน้ากันมันก็เป็นอีกเรื่อง”
ชินปาจิยิ้มเมื่อกินโทกิตอบรับการว่าจ้าง เขาหันไปหาซาซาเอะแล้วพูดกับเธอ
“ตอนนี้คุณซาซาเอะก็เป็นผู้ว่าจ้างของพวกเราแล้วนะครับ วางใจได้ครับไม่มีเรื่องอะไรที่รับจ้างสารพัดกินจังทำไม่ได้หรอกครับ”
“ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณมากจริงๆ”
ซาซาเอะก้มหัวให้ทั้ง 3 คน อย่างดีใจแล้วจ่ายเงินค่ามัดจำก้อนแรกให้กับพวกเขาก่อนจะออกจากร้านไปด้วยความหวัง
“เออออห่อหมกไปแบบนั้นเกิดปัญหาอะไรขึ้นคุณกินไม่รับรู้ด้วยนาเหวย”
กินโทกิเก็บเงินใส่ใต้โต๊ะทำงานของตนแล้วบ่นชินปาจิที่รับปากไปทั้งๆที่ยังไม่รู้เลยว่าจะหาทางไปรวมกลุ่มกับพวกแมวดำอย่างไร
“ปากพูดอย่างแต่การกระทำอีกอย่างนะครับคุณกิน แล้วกรุณาอย่าอมเงินค่าจ้างนะครับ”
ชินปาจิดักคอกินโทกิที่หวังเก็บเงินไว้ใช้คนเดียว
“นี่แกมองคุณกินคนนี้เป็นคนแบบไหนกันนะชินปาจิคุง”
“ผมก็มองคุณกินเป็นคนแบบนั้นล่ะครับ”
หนุ่มแว่นเถียงเจ้านายของตนเองอย่างไม่ลดราวาศอก
“แล้วพวกเราจะเริ่มงานกันตอนไหนน่อ?”
คางุระถามแทรกบทสนทนากึ่งถกเถียงของทั้งสองหนุ่ม กินโทกิมองหน้าคางุระแล้วครุ่นคิดก่อนจะให้คำตอบ
“คืนนี้เลยแล้วกัน ชินปาจินายคงไม่มีอะไรขัดข้องสินะ”
“ครับคุณกิน”
“ดีเลยน่อ วันนี้อาตี๋ซาดิสม์นั่นไม่กลับบ้านด้วยทางสะดวกเลยน่อ”
“เดี๋ยวๆ ใครว่าจะให้หล่อนไปด้วย?” กินโทกิขัดคางุระที่มีทีท่าว่าจะไปด้วย “หล่อนกลับบ้านไปรอสามีกลับมาหายามเช้าซะ”
“หมายความว่าไงน่อ อั๊วก็เป็นหนึ่งในร้านรับจ้างสารพัดรับจ้างเหมือนกันไม่ใช่เหรอน่อ?”
คางุระถามด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมชายหนุ่มผมเงินมาดเซอร์คนนี้ไม่ยอมให้เธอไปร่วมทำงานด้วย ชินปาจิเห็นท่าทางว่าจะเป็นเรื่องยุ่งจึงอาสาอธิบายให้เธอฟัง
“ถึงแม้คางุระจังจะเป็นหนึ่งรับจ้างสารพัดก็จริงอยู่ แต่ตอนนี้ร่างกายของคางุระจังต้องระวังให้มากนะครับ”
“ถ้าเป็นเรื่องที่อั๊วกำลังท้องอยู่พวกลื้อตัดความกังวลไปได้เลยน่อ เด็กคนนี้คือสายเลือดของยาโตะไม่เป็นอะไรไปง่ายๆหรอกน่อ”
“แต่ครึ่งหนึ่งก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาไม่ใช่รึไง?” กินโทกิค้านคางุระที่พูดเอาแต่ใจไม่ได้ห่วงชีวิตน้อยๆที่กำลังจะก่อเกิดเลยแม้แต่น้อย “ตอนนี้ร่างกายหล่อนก็แทบจะเป็นมนุษย์ธรรมดาอยู่แล้ว หล่อนน่ะกลับบ้านไปซะ แล้วฉันจะแบ่งค่าจ้างให้กินขนมเอง”
“กินจัง?”
“เชื่อคุณกินเถอะครับ เรื่องลุยขอให้เป็นหน้าที่ของพวกเรา ส่วนเรื่องปลอบใจคุณซาซาเอะพวกเราขอยกให้เป็นหน้าที่ของคางุระจังแล้วกันนะครับ”
ชินปาจิพยายามไกล่เกลี่ยให้เรื่องราวออกมาไม่มีการต่อล้อต่อเถียงกันให้มากที่สุด จากนั้นก็ชวนทั้งกินโทกิและคางุระไปช่วยทำความสะอาดศาลเจ้าตามคำว่าจ้างของหลวงพ่อที่กำลังอาพาธอยู่ และหลังจากภารกิจเสร็จแล้วพวกเขาก็ไปส่งคางุระถึงบ้านของเธอซึ่งก็เป็นเวลายามเย็นและโซโกะก็ไปทำงานแล้ว
“อยู่บ้าน ห้ามตามไปเด็ดขาดนะ”
กินโทกิกำชับหญิงสาวที่ทำเป็นหูทวนลม คางุระไม่ตอบอะไรแล้วเดินเข้าบ้านไปทำให้ชินปาจิอดกังวลไม่ได้
“จะไม่ตามเราไปจริงๆเหรอครับคุณกิน?”
“ใครจะไปรู้”
ชายหนุ่มผมเงินตอบแล้วรีบชวนหนุ่มแว่นให้ไปปฏิบัติภารกิจยามค่ำคืนโดยเร็ว
“พวกแก๊งค์แมวดำงั้นเรอะ?”
คอนโด้ที่กำลังทำความสะอาดโรงฝึกอยู่ทวนชื่อแก๊งค์แมวดำเมื่อทั้งฮิจิคาตะกับโซโกะมาหาที่บ้านในตอนหัวค่ำ
“คุ้นๆชื่อบ้างไหมครับ? ในแก๊งค์มีซาวาดะเป็นหัวหน้าอยู่ในขณะนี้”
ฮิจิคาตะถามคอนโด้ที่ถึงแม้จะล้างมือจากวงการตำรวจแล้วก็จริงแต่ก็ยังรอบรู้และเป็นที่ปรึกษาให้กับสองคนนี้เสมอ
“ซาวาดะ? เจ้าหน้าที่ส่วนกลางกองคลังนั่นน่ะเหรอ? งานครั้งนี้หินมากเลยนะ พวกนายก็ควรระวังตัวให้มากฉันเองก็พอจะรู้มาว่ายาเสพติดที่ได้รับความนิยมในตอนนี้คือ ยาหลงลืม ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับพวกนั้นก็ได้”
คอนโด้บอกข้อมูลที่ตัวเองพอรู้มาบ้าง โซโกะสงสัยเกี่ยวกับยาเสพติดที่คอนโด้พูดถึง
“ยาหลงลืมเหรอครับ?”
“ใช่ มันเป็นยาผงที่ถ้าผู้ใดได้เสพหรือสูดมันเข้าไปจะเกิดอาการหลงลืมชั่วขณะ ที่นิยมกันมากก็อาจจะเป็นเพราะว่าในตอนนี้ผู้คนต่างก็มีความทุกข์ใจเลยอยากจะลืมเรื่องเลวร้ายกันล่ะนะ”
คอนโด้ตอบแล้วถูพื้นต่อ โซโกะกับฮิจิคาตะมองหน้ากันจากนั้นก็พากันสวมหน้ากากประจำตัวของพวกตนออกไปปฏิบัติหน้าที่สมทบรวมกับลูกน้องที่รออยู่ที่ท่าเรืออยู่แล้วเพื่อสืบคดีและหาหลักฐานมัดตัวหัวหน้าซาวาดะให้ดิ้นไม่หลุด
ที่ท่าเรือ
กินโทกิกับชินปาจิพากันมาถึงจุดหมายแล้วพากันแอบอยู่ซอกตึกที่มีลังไม้บังพวกเขาอยู่อย่างเงียบเชียบ และเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังขนย้ายกล่องบางอย่างขึ้นเรือขนส่งลำใหญ่ด้วยท่าทีมีพิรุธแถมยังมีคนดูแลหน้าโหดตามจุดต่างๆอีกด้วย
“จะใช่พวกแมวดำรึเปล่านะครับ”
ชินปาจิเปิดบทสนทนาหลังจากแอบดูกันมาได้สักครู่
“นั่นน่ะสิ จะเป็นพวกเรือขนส่งธรรมดารึเปล่าไม่รู้”
กินโทกิเห็นด้วยกันกับที่หนุ่มแว่นพูด
“อั๊วว่าใช่ล่ะน่อ นั่นไงโรคุโอะคนที่ใส่เสื้อชุดสีเขียวๆกว่าคนอื่นนั่นน่ะน่อ”
“ไหนๆ เออใช่จริงๆด้วย”
กินโทกิหยิบเอาภาพที่ซาซาเอะเอาไว้ให้ขึ้นมาแล้วเห็นว่าผู้ชายคนที่อยู่ปลายบันไดส่งของนั่นเป็นโรคุโอะน้องชายของซาซาเอะจริงๆ
“งั้นก็ไม่ผิดแน่ครับ” ชินปาจิช่วยยืนยัน “ว่าแต่เมื่อกี้ผมได้ยินว่าใครพูดคำว่าน่อๆนะครับ”
“อั๊วเองน่อ”
“คางุระ/คางุระจัง??”
กินโทกิกับชินปาจิอุทานขึ้นด้วยความตกใจเมื่อเห็นหญิงสาวมาปรากฏยืนอยู่ด้านหลังของพวกเขา
“พวกลื้อนี่ไม่ได้ความเลยน่อ ถ้าใครแอบมาสอยพวกลื้อจากทางด้านหลังมีหวังพวกลื้อได้โดนจับถ่วงน้ำแน่นอนน่อ”
คางุระบ่นสองหนุ่มที่ไม่ค่อยระวังตัว แต่กินโทกิไม่ตลกด้วย
“ฉันบอกหล่อนแล้วไม่ใช่รึไงว่าห้ามมาน่ะ รู้รึเปล่าว่าอันตรายแค่ไหน”
“อั๊วรู้น่อ อั๊วสัญญาเลยนะกินจังว่าอั๊วจะไม่ทำอะไรที่มันเสี่ยงเด็ดขาดน่อ อั๊วขอยืนดูต้นทางให้พวกลื้ออย่างเดียวก็ได้น่อ”
“คุณกินครับ พวกนั้นจะออกเรือกันแล้วครับ”
ชินปาจิเอ่ยขึ้นเมื่อพวกแมวดำขนของกำลังจะเสร็จ เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์เกือบจะสายไปกินโทกิจึงได้หาวิธีเพื่อที่จะขึ้นเรือให้ได้
“เฮ้ย พวกแก ตรงนี้ยังมีอีก”
“คุณกิ๊นนนน!! จะตะโกนแบบนั้นออกไปทำไมคร้าบบบ?”
“ช่างเถอะหน่า รีบเข้าไปในกล่องเร็ว”
กินโทกิไม่มีเวลาอธิบายแต่รีบให้ลูกน้องตนทั้งสองคนแอบเข้าไปในกล่องที่มีอยู่สามกล่องพอดี โชคดีที่กล่องใหญ่พอทำให้พวกเขาเข้าไปได้
พวกลูกน้องแมวดำเดินตรงมายังกล่องสามใบด้วยความแปลกใจ แต่แล้วก็ยกกล่องเพื่อขึ้นบนเรือซึ่งพวกเขาก็พบกับความหนักที่ผิดปกติ
“อย่าเปิดนะ!!”
เสียงหนึ่งในแมวดำตะโกนขึ้น
“ถ้าเปิดแล้วละอองยามันมาฟุ้งออกมา พวกแกลำบากแน่”
ดังนั้นพวกกินโทกิจึงได้ถูกขนขึ้นเรือโดยไม่มีใครจับได้อย่างหวุดหวิด
ทางสำนักงานตำรวจสืบสวนคดีพิเศษนั้นต่างก็ปลอมตัวและบางส่วนก็แอบขึ้นเรือได้สำเร็จ พวกเขาพากันมาสำรวจล๊อตยาเสพติดที่บรรจุอยู่ในกล่องมากกว่าร้อยใบแล้วส่ายหน้า
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกนี้มันลอดสายตาพวกเรามาได้ยังไงตั้งสองปี”
ฮิจิคาตะที่ยังคงสวมหน้ากากภูติมาโยพึมพำอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
“ว่าไปนั่นมาโยริน พวกเราเพิ่งมารับราชการแค่ปีกว่าๆเองนะครับ”
หน้ากากซาดาฮารุหรือไคเซอร์แย้งมาโยริน แต่คนที่ได้ฉายาว่ามาโยรินกลับไม่ได้สนใจแล้วเดินสำรวจรอบๆ
“ระวังนะครับมาโยริน ได้ข่าวมาว่า ยาหลงลืม นี่แค่ได้สูดเพียงเล็กน้อยก็ทำให้หลงลืมไปนานเลยนะครับ”
ยามาซากิหรือคนที่สวมหน้ากากอันปังแมนบอกกับหัวหน้าของตนด้วยความเป็นห่วง หลังจากนั้นไม่เท่าไหร่ พวกเขาก็ได้ยินเสียงคนเดินมาจึงพากันหลบซ่อนด้วยความรวดเร็ว
ประตูห้องเก็บสัมภาระเปิดขึ้นพร้อมๆกับคนจำนวนหนึ่งที่ขนกล่องสามใบเดินเข้ามา
“รีบๆออกไปกันเถอะ ฉันไม่อยากเจอพิษของพวกมัน”
พวกกลุ่มแมวดำรีบพากันออกจากห้องแล้วรีบปิดประตู เพราะไม่อยากเจอฤทธิ์ของยาหลงลืม เมื่อประตูปิดสนิทเหล่าสำนักงานตำรวจสืบสวนคดีพิเศษก็พากันออกจากที่ซ่อนแต่ต้องชะงักแล้วหลบต่อเมื่อกล่องสามใบนั้นขยับได้
“โฮ่ๆ เกือบหายใจไม่ออก อย่าสูดมันเข้าไปนะครับ”
ชินปาจิที่ออกมาจากกล่องได้ก่อนเตือนทั้งกินโทกิกับคางุระที่กำลังออกมาจากกล่องเหมือนกันหลังจากที่ได้ฟังแล้วว่ายาหลงลืมอันตรายเพียงแค่ได้เจอละอองของมัน
“นี่เรารับงานยากมาซะแล้วมั้ง”
กินโทกิพึมพำแล้วช่วยแกะอีกกล่องออก
“พวกรับจ้างสารพัดมาทำอะไรที่นี่กันเนี่ย?”
ฮิจิคาตะหรือมาโยรินพึมพำด้วยความประหลาดใจ ต่างกับโซโกะหรือไคเซอร์ที่ตอนนี้ชาไปทั้งตัวหัวใจก็เต้นรัวเมื่อเห็นร่างของคนที่ควรนอนอยู่ที่บ้านกลับมายืนอยู่ตรงหน้าเขา
“กินจัง อั๊วหายใจไม่ออกน่อ”
คางุระบ่นเมื่อหายใจไม่สะดวกทั้งๆที่ออกจากกล่องมายืนแล้ว
“ใจเย็นๆ ก่อนอื่นพวกเราต้องหาทางออก จะว๊ายยย”
กินโทกิบอกแล้วมองรอบๆห้อง จากนั้นก็ร้องเปร่งเสียงออกมาดังลั่นเมื่อเห็นหน้ากากหลากหลายรูปแบบลอยได้
“หยุดแหกปากแต๋วแตกได้แล้วไอ้หัวหงอก”
หน้ากากภูติมาโยเปิดไฟฉายแล้วเรียกสติของกินโทกิ ซึ่งก็ทำให้ชายหนุ่มผมเงินวางฟอร์มทันที
“ใครแหกปาก พวกแกหูฝาดไปน่ะสิ”
“หูฉันมันไวต่อเสียงมาก ไม่มีทางจะฝาดหรอก”
ฮิจิคาตะบอกแล้วหันไปหยิบวอออกมาเพื่อส่งสัญญาณให้ลูกน้องที่ปลอมตัวอยู่ด้านนอกมาเปิดประตูให้
“ตาผมก็ไวกับสิ่งที่เห็นมาก เพราะฉะนั้นผมคงมองไม่ผิดหรอกนะว่ายัยหมวยนี่หน้าตาเหมือนเมียที่บ้าน”
โซโกะเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่ตอนนี้รีบหลบไปอยู่หลังกินโทกิอย่างรวดเร็วเพราะรู้ว่าตัวเองทำผิดสัญญาจริงๆ
“เอ่อ คืออั๊ว”
“เดี๋ยวค่อยคุย หล่อนหลบอยู่ในนี้ซะ”
ชายหนุ่มตัดบทไม่ฟังคำแก้ตัวของภรรยา และเมื่อประตูเปิดออกเหล่าสำนักงานตำรวจสืบสวนคดีพิเศษก็เปิดฉากลุยกับการขนส่งยาเสพติดทันที
“ซวยอะไรขนาดนี้ฟะเนี่ย” กินโทกิโวยวายที่ตัวเองต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดการพวกค้ายาเสพติดด้วย “ชินปาจินายรีบไปดักโรคุโอะเร็ว”
“ครับ คุณกิน”
ชินปาจิรับคำแล้วรีบมุ่งไปยังโรคุโอะที่มึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันใจหญิงสาวที่ถูกสั่งให้รออยู่ในห้องเก็บของร่างของเธอวิ่งแซงหนุ่มแว่นไปอย่างรวดเร็ว
“ยัยบ้า!!!”
โซโกะตะโกนว่าคางุระที่ไม่คิดหน้าคิดหลังวิ่งออกไปอย่างโมโห
เหตุการณ์ที่แสนชุลมุนจบลงได้ด้วยสำนักงานตำรวจสืบสวนคดีพิเศษและกินโทกิ ทางชินปาจิกับคางุระก็สามารถเข้าถึงโรคุโอะได้แต่ฮิจิคาตะจำเป็นต้องควบคุมตัวเพื่อสอบปากคำก่อน
“โซโกะ ลื้ออย่าเงียบแบบนี้สิน่อ”
คางุระเดินตามโซโกะที่เข้าไปสำรวจห้องเก็บของในเรืออย่างง้องอน แต่โซโกะก็ไม่ได้สนใจคางุระเลยแม้แต่น้อยเพราะเขาโกรธเธอมากเสียจนไม่อยากคุยด้วย
“อั๊วยอมรับว่าอั๊วดื้อเอง แต่ต่อไปนี้อั๊วจะทำตัวดีๆไม่ดื้อแล้วน่อ”
“ฉันคิดว่ามันยากที่จะทำให้หล่อนเห็นความสำคัญของตัวเองมากกว่านี้”
ชายหนุ่มยอมหันมาพูดกับภรรยาเพื่อจะสั่งสอน ซึ่งคางุระก็เดาไม่ออกว่าสีหน้าของโซโกะใต้หน้ากากซาดาฮารุจะโกรธเกรี้ยวแค่ไหนเธอจึงรีบหยอดลูกหวานให้สามีทันที
“อั๊วยอมให้ลื้อบ่นวันนึงเลยน่อ”
คางุระก้มหน้ายอมรับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ด้วยความเมื่อยล้าทำให้เธอไปนั่งบนกล่องยาหลงลืมด้วยความลืมตัวซึ่งนั่นเป็นกล่องที่ไม่ได้บรรจุยาหลงลืมมาเต็มกล่องจึงทำให้เกิดช่องว่างจนร่างบางผลุบร่วงลงไปในกล่อง ละอองจากถุงผ้าห่อยาฟุ้งกระจายรมใส่เธอ คางุระสูดลมหายใจแล้วสำลักละอองยาจากนั้นหญิงสาวไอเพียงไม่กี่ครั้งก็สลบไปท่ามกลางความตกใจของโซโกะเป็นอย่างมาก
“เกิดอะไรขึ้น???”
กินโทกิกับชินปาจิจะเข้าไปหาคางุระแต่โดนยามาซากิกันไว้
“ใจเย็นๆครับลูกพี่ พวกลูกพี่ไม่ได้ใส่หน้ากากเดี๋ยวจะโดนฤทธิ์ยานะครับ”
“โธ่เว้ย”
กินโทกิสบถอย่างหัวเสีย ได้แต่มองและตามโซโกะที่อุ้มคางุระลงจากเรือไปขึ้นรถอย่างห่างๆด้วยความห่วงใย
ภายในรถที่มีคาโต้อาสาขับพาไปรพ. โซโกะพยายามตบหน้าคางุระเบาๆเพื่อเรียกสติแต่เธอกลับไม่หือไม่อือจนเขาใจเสีย
“คางุระๆ”
ตื่นสิ ยัยบ้า
ต่างจากคางุระถึงแม้ว่าอากาศจะอุ่นขึ้นกว่าเดิมพอสมควรแต่หญิงสาวนั้นยังคงนอนหมกตัวอยู่ใต้โต๊ะอุ่นขาอย่างเคยตัวไม่เคยฟังคำเตือนของโซโกะผู้เป็นสามีว่าอย่านอนเช่นนี้เพราะอาจจะไม่สบายได้ ยิ่งชายหนุ่มเข้าเวรงานยามค่ำคืนไม่ได้กลับมานอนที่บ้าน คางุระก็ยิ่งมักง่ายไม่นอนบนฟูกอย่างที่ควรจะเป็นจนโซโกะที่กลับบ้านมาในตอนเช้าเริ่มละอากับสิ่งที่ได้พบเจอ
โซโกะมองคางุระที่ไม่เคยจะทำตามที่เขาแนะนำด้วยความรำคาญใจ เขาเดินไปถอดปลั๊กโต๊ะอุ่นขาแล้วยกเก็บโดยไม่ฟังเสียงภรรยาที่งัวเงียตื่นขึ้นมาร้องโวยวาย
“ลื้อทำบ้าอะไรน่อ? อั๊วหนาว”
ชายหนุ่มไม่พูดอะไรแต่เปิดตู้เก็บของใส่โต๊ะอุ่นขาเข้าไปเก็บในนั้นแล้วล็อคกุญแจไว้เพื่อไม่ให้คางุระใช้มันอีก
“อั๊วยังหนาวอยู่น่อ เอาออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”
คางุระรีบลุกไปแย่งกุญแจแต่โซโกะไวกว่าเขาเก็บกุญแจไว้ในเสื้อของตัวเองแล้วเดินหนีปล่อยให้คางุระฮึดฮัดดึงกุญแจที่ถูกล็อคกระชากอย่างแรงหวังให้มันหลุด แต่แล้วก็ไม่เป็นผลเพราะหลังจากที่เธอได้ตั้งท้องอยู่ขณะนี้พลังของยาโตะที่ตนเองมีอยู่กลับหายไปเสียอย่างนั้นจนเธอเหมือนหญิงชาวมนุษย์ธรรมดาๆคนหนึ่ง
“อั๊วไม่เจี๊ยะข้าวกับลื้อแล้วน่อ”
หญิงสาวชักสีหน้าบ่งบอกว่างอนพูดกับสามีที่กำลังทำอาหารเช้าให้อยู่แล้วเดินสะบัดหน้าหนีไปแต่งตัวเพื่อไปทำงาน จากนั้นสักครู่คางุระที่แต่งตัวเสร็จก็แอบชะโงกมองโซโกะที่อยู่ในครัวหวังว่าเขาจะเดินมาเรียกให้เธอไปร่วมกินข้าวด้วย ซึ่งเธอก็พบว่าโซโกะกำลังกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย และตรงข้ามเขาก็มีอาหารเช้าอีกชุดหนึ่งเตรียมไว้อยู่บนโต๊ะ แต่ถึงแม้จะอยากกินแค่ไหนคางุระก็ต้องหักห้ามใจเพราะโซโกะยังไม่ง้อเธอหญิงสาวจึงจำต้องเดินไปทำงานอย่างเศร้าๆ โซโกะเห็นคางุระเดินผ่านก็เอ่ยทักขึ้น
“ไม่กินข้าวก่อนเหรอ?”
หญิงสาวชะงักแต่ก็วางฟอร์มไว้ก่อน
“อั๊วจะไปเจี๊ยะกับพวกกินจังน่อ”
“ฉันถามลูกไม่ได้ถามหล่อน” โซโกะโต้กลับได้อย่างกวนประสาท “ถ้าลูกบอกว่าหิวก็เชิญมานั่งกินด้วยกัน”
คางุระมองคนกวนใจอย่างหมั่นไส้ไม่อยากร่วมโต๊ะกินอาหารด้วย แต่ท้องเจ้ากรรมกลับไม่ให้ความร่วมมือแถมยังส่งเสียงร้องโครกครากจนเธอต้องยอมแพ้ยอมมานั่งกินข้าวเช้ากับโซโกะจนได้
“โซนี่เจมส์ฟ็อกซ์บอกว่าหิวน่อ”
“ใครนะ?”
“ก็ลูกไงน่อ อั๊วตั้งชื่อไว้แล้ว”
“จะบ้ารึไงใครที่ไหนตั้งชื่อลูกกันแบบนี้” โซโกะว่าภรรยาที่ตั้งชื่อลูกที่ยังไม่ทันรู้เพศได้ไม่เอาไหน “ต้องชื่อว่าเจนิเฟอร์สเปซสิ”
“อั๊วว่าเราเลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่าน่อ” คางุระตัดบทสนาทันทีเมื่อได้ยินโซโกะตั้งชื่อลูกได้ไม่แพ้เธอแล้วเปลี่ยนเรื่อง “วันนี้ลื้อหยุดใช่ไหมน่อ อั๊วอยากกินโทริยากิลื้ออย่าลืมซื้อไว้ให้อั๊วน่อ”
“วันนี้ฉันเปลี่ยนวันหยุดกับคนอื่นเลยไม่ได้หยุด เอาไว้พรุ่งนี้แล้วกันนะ”
“งั้นอั๊วไปก่อนน่อ อย่าลืมล้างจานให้ด้วยนะดาร์ลิ่ง”
“จ้าๆ ฮันนี่”
โซโกะเดินไปส่งคางุระที่ประตูบ้านแล้วยื่นร่มให้เธอ
“ให้ฉันไปส่งไหม?”
“ลื้อถามอั๊วทุกวันแล้วอั๊วเคยให้ลื้อไปส่งไหมน่อ? อั๊วแค่กำลังท้องไม่ได้ป่วยสักหน่อยลื้อนี่จุกจิกจริงน่อ”
คางุระบ่นแล้วเดินออกจากบ้านไปโดยมีโซโกะมองตามด้วยความเป็นห่วงเพราะสาวเจ้าไม่ได้ระวังตัวอะไรเลยสักนิด
ณ ร้านรับจ้างสารพัดกินจัง
คางุระเดินเปิดประตูเข้าร้านก็พบว่ากินโทกิกับชินปาจิกำลังต้อนรับหญิงสาวผมยาวในชุดกิโมโนสีชมพูคนหนึ่งอยู่ เมื่อเธอเดินเข้าไปใกล้ก็พบว่าเป็นซาซาเอะเจ้าของร้านขายดอกไม้ที่อยู่ไม่ไกลในละแวกข้างๆนั่นเอง
“อ้าว ซาซาเอะจังเองเหรอน่อ”
“เล่าเรื่องต่อมาเลย”
กินโทกิเมินคางุระแล้วให้ซาซาเอะพูดต่อในเรื่องที่กำลังคุยค้างอยู่ ซึ่งคางุระก็เดินไปนั่งข้างๆชินปาจิเพื่อฟังเรื่องราวที่ซาซาเอะกำลังพูด
“เพราะฉะนั้นฉันเลยอยากให้พวกรับจ้างสารพัดช่วยไปตามหาน้องชายของฉันให้ทีค่ะ แล้วก็อยากจะให้ฝากของสิ่งนี้ให้ด้วยเผื่อเขาจะจำอะไรได้บ้าง”
ซาซาเอะบอกแล้วยื่นซองจดหมายสีขาวที่ไม่ได้ปิดผนึกให้กับกินโทกิซึ่งข้างในนั้นมีรูปถ่ายของซาซาเอะกับเด็กผู้ชายวัยรุ่นคนหนึ่งที่ดูเรียบร้อยมาก
“ท่าทางไม่น่าจะใช่เด็กมีปัญหาหนีออกจากบ้านอย่างที่คุณซาซาเอะพูดได้เลยนะครับเนี่ย”
ชินปาจิพิจารณาแล้วเปรยออกมา แต่กินโทกิไม่เห็นด้วย
“นายน่ะอ่อนต่อโลกเกินไปวัตสัน ไอ้ท่าท่างติ๋มๆหงิมๆแบบนี้น่ะแหละตัวเก็บกดรอเวลาระเบิดได้เลย”
“เป็นเพราะฉันเองล่ะค่ะ” ซาซาเอะพูดแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าสีชมพูมาซับน้ำตาที่กำลังไหล
จากนั้นเธอก็เล่าเหตุการณ์ก่อนที่น้องชายของตนที่มีชื่อว่า โรคุโอะ หายไปให้ฟัง หลังจากที่พ่อแม่ของพวกเธอประสบอุบัติเหตุยานอวกาศหายสาบสูญตอนไปฉลองฮันนีมูนครั้งที่ 15 นั้น ภาระหน้าที่ของร้านดอกไม้ก็ตกเป็นของซาซาเอะ ทำให้เธอไม่มีเวลาเอาใจใส่ให้กับโรคุโอะเท่าที่ควร ไม่รู้แม้กระทั่งน้องชายโดนแกล้งที๋โรงเรียนจนเกือบฆ่าตัวตายและกลายเป็นคนเก็บตัวจนตัวเธอเองทนไม่ไหวออกปากไล่น้องชายให้ไปข้างนอกบ้าง และหลังจากนั้นโรคุโอะก็ไม่กลับบ้านอีกเลย
“คุณโรคุโอะออกจากบ้านไปตอนอายุ 15 ปีใช่ไหมครับ? แล้วทำไมคุณซาซาเอะถึงพูดว่าให้เรามอบรูปภาพนี้เผื่อเขาจะจำอะไรได้บ้างล่ะครับ?”
“แสดงว่ารู้ที่อยู่สินะว่าน้องชายอยู่ไหนกันแน่? แล้วทำไมเธอไม่ไปเคลียร์กับน้องชายเอาเองเลยล่ะ ให้คนนอกครอบครัวอย่างพวกเราไปจะดีเหรอ? แล้วหายไปตั้ง 5 ปีแท้ๆทำไมเพิ่งอยากจะมาเจอเอาตอนนี้”
กินโทกิถามพลางแคะขี้มูกไปด้วยพร้อมกับเอนหลังเข้ากลับพนักพิงโซฟาเพื่อรอฟังเหตุผลจากซาซาเอะ
“ค่ะ เมื่อ 2 ปีก่อนฉันเพิ่งรู้ว่าน้องอยู่ที่ไหน” ซาซาเอะยอมรับทั้งน้ำตา “แต่ฉันก็ไม่สามารถไปพบน้องชายได้ เพราะว่าโรคุโอะตัดสินใจไปอยู่กับแก๊งค์แมวดำที่กำลังมีอิทธิพลอยู่ในขณะนี้ ตอนที่ฉันเจอกับริคุโอะเขามีท่าทีว่าจำฉันไม่ได้ด้วยซ้ำไม่รู้ว่าทางนั้นได้ทำอะไรกับเขารึเปล่า”
“แมวดำ? ใช่แก๊งค์ที่ค้ายาเสพติดใช่ไหมน่อ?”
คางุระที่ฟังอยู่นานพูดขึ้น ซาซาเอะพยักหน้ายอมรับว่าเป็นแก๊งค์ที่คางุระกำลังพูดถึงอยู่
“หล่อนรู้จักด้วยเหรอ?”
กินโทกิถาม คางุระจึงอธิบายให้ฟัง
“เมื่อไม่กี่วันก่อนอั๊วได้ยินโซโกะคุยโทรศัพท์กับมายองเล่อร์เกี่ยวกับเรื่องแมวดำค้ายาเสพติดนี่ล่ะน่อ ได้ยินว่ามีแบ๊คเป็นลูกท่านหลานเธอถึงไม่มีใครกล้ายุ่งแถมตอนนี้ก็ปักหลักกันอยู่ที่ท่าเรือไม่ใกล้ไม่ไกลนี้แต่อั๊วก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนักน่อ”
“ฉันล่ะเบื่อกับไอ้พวกเล่นเส้นสายไม่ค่อยอยากจะไปยุ่งเท่าไรนักหรอกนะ” ชายหนุ่มผมเงินเปรยออกมาอย่างเบื่อหน่าย “แต่การช่วยทำให้ครอบครัวกลับมาพบหน้ากันมันก็เป็นอีกเรื่อง”
ชินปาจิยิ้มเมื่อกินโทกิตอบรับการว่าจ้าง เขาหันไปหาซาซาเอะแล้วพูดกับเธอ
“ตอนนี้คุณซาซาเอะก็เป็นผู้ว่าจ้างของพวกเราแล้วนะครับ วางใจได้ครับไม่มีเรื่องอะไรที่รับจ้างสารพัดกินจังทำไม่ได้หรอกครับ”
“ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณมากจริงๆ”
ซาซาเอะก้มหัวให้ทั้ง 3 คน อย่างดีใจแล้วจ่ายเงินค่ามัดจำก้อนแรกให้กับพวกเขาก่อนจะออกจากร้านไปด้วยความหวัง
“เออออห่อหมกไปแบบนั้นเกิดปัญหาอะไรขึ้นคุณกินไม่รับรู้ด้วยนาเหวย”
กินโทกิเก็บเงินใส่ใต้โต๊ะทำงานของตนแล้วบ่นชินปาจิที่รับปากไปทั้งๆที่ยังไม่รู้เลยว่าจะหาทางไปรวมกลุ่มกับพวกแมวดำอย่างไร
“ปากพูดอย่างแต่การกระทำอีกอย่างนะครับคุณกิน แล้วกรุณาอย่าอมเงินค่าจ้างนะครับ”
ชินปาจิดักคอกินโทกิที่หวังเก็บเงินไว้ใช้คนเดียว
“นี่แกมองคุณกินคนนี้เป็นคนแบบไหนกันนะชินปาจิคุง”
“ผมก็มองคุณกินเป็นคนแบบนั้นล่ะครับ”
หนุ่มแว่นเถียงเจ้านายของตนเองอย่างไม่ลดราวาศอก
“แล้วพวกเราจะเริ่มงานกันตอนไหนน่อ?”
คางุระถามแทรกบทสนทนากึ่งถกเถียงของทั้งสองหนุ่ม กินโทกิมองหน้าคางุระแล้วครุ่นคิดก่อนจะให้คำตอบ
“คืนนี้เลยแล้วกัน ชินปาจินายคงไม่มีอะไรขัดข้องสินะ”
“ครับคุณกิน”
“ดีเลยน่อ วันนี้อาตี๋ซาดิสม์นั่นไม่กลับบ้านด้วยทางสะดวกเลยน่อ”
“เดี๋ยวๆ ใครว่าจะให้หล่อนไปด้วย?” กินโทกิขัดคางุระที่มีทีท่าว่าจะไปด้วย “หล่อนกลับบ้านไปรอสามีกลับมาหายามเช้าซะ”
“หมายความว่าไงน่อ อั๊วก็เป็นหนึ่งในร้านรับจ้างสารพัดรับจ้างเหมือนกันไม่ใช่เหรอน่อ?”
คางุระถามด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมชายหนุ่มผมเงินมาดเซอร์คนนี้ไม่ยอมให้เธอไปร่วมทำงานด้วย ชินปาจิเห็นท่าทางว่าจะเป็นเรื่องยุ่งจึงอาสาอธิบายให้เธอฟัง
“ถึงแม้คางุระจังจะเป็นหนึ่งรับจ้างสารพัดก็จริงอยู่ แต่ตอนนี้ร่างกายของคางุระจังต้องระวังให้มากนะครับ”
“ถ้าเป็นเรื่องที่อั๊วกำลังท้องอยู่พวกลื้อตัดความกังวลไปได้เลยน่อ เด็กคนนี้คือสายเลือดของยาโตะไม่เป็นอะไรไปง่ายๆหรอกน่อ”
“แต่ครึ่งหนึ่งก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาไม่ใช่รึไง?” กินโทกิค้านคางุระที่พูดเอาแต่ใจไม่ได้ห่วงชีวิตน้อยๆที่กำลังจะก่อเกิดเลยแม้แต่น้อย “ตอนนี้ร่างกายหล่อนก็แทบจะเป็นมนุษย์ธรรมดาอยู่แล้ว หล่อนน่ะกลับบ้านไปซะ แล้วฉันจะแบ่งค่าจ้างให้กินขนมเอง”
“กินจัง?”
“เชื่อคุณกินเถอะครับ เรื่องลุยขอให้เป็นหน้าที่ของพวกเรา ส่วนเรื่องปลอบใจคุณซาซาเอะพวกเราขอยกให้เป็นหน้าที่ของคางุระจังแล้วกันนะครับ”
ชินปาจิพยายามไกล่เกลี่ยให้เรื่องราวออกมาไม่มีการต่อล้อต่อเถียงกันให้มากที่สุด จากนั้นก็ชวนทั้งกินโทกิและคางุระไปช่วยทำความสะอาดศาลเจ้าตามคำว่าจ้างของหลวงพ่อที่กำลังอาพาธอยู่ และหลังจากภารกิจเสร็จแล้วพวกเขาก็ไปส่งคางุระถึงบ้านของเธอซึ่งก็เป็นเวลายามเย็นและโซโกะก็ไปทำงานแล้ว
“อยู่บ้าน ห้ามตามไปเด็ดขาดนะ”
กินโทกิกำชับหญิงสาวที่ทำเป็นหูทวนลม คางุระไม่ตอบอะไรแล้วเดินเข้าบ้านไปทำให้ชินปาจิอดกังวลไม่ได้
“จะไม่ตามเราไปจริงๆเหรอครับคุณกิน?”
“ใครจะไปรู้”
ชายหนุ่มผมเงินตอบแล้วรีบชวนหนุ่มแว่นให้ไปปฏิบัติภารกิจยามค่ำคืนโดยเร็ว
“พวกแก๊งค์แมวดำงั้นเรอะ?”
คอนโด้ที่กำลังทำความสะอาดโรงฝึกอยู่ทวนชื่อแก๊งค์แมวดำเมื่อทั้งฮิจิคาตะกับโซโกะมาหาที่บ้านในตอนหัวค่ำ
“คุ้นๆชื่อบ้างไหมครับ? ในแก๊งค์มีซาวาดะเป็นหัวหน้าอยู่ในขณะนี้”
ฮิจิคาตะถามคอนโด้ที่ถึงแม้จะล้างมือจากวงการตำรวจแล้วก็จริงแต่ก็ยังรอบรู้และเป็นที่ปรึกษาให้กับสองคนนี้เสมอ
“ซาวาดะ? เจ้าหน้าที่ส่วนกลางกองคลังนั่นน่ะเหรอ? งานครั้งนี้หินมากเลยนะ พวกนายก็ควรระวังตัวให้มากฉันเองก็พอจะรู้มาว่ายาเสพติดที่ได้รับความนิยมในตอนนี้คือ ยาหลงลืม ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับพวกนั้นก็ได้”
คอนโด้บอกข้อมูลที่ตัวเองพอรู้มาบ้าง โซโกะสงสัยเกี่ยวกับยาเสพติดที่คอนโด้พูดถึง
“ยาหลงลืมเหรอครับ?”
“ใช่ มันเป็นยาผงที่ถ้าผู้ใดได้เสพหรือสูดมันเข้าไปจะเกิดอาการหลงลืมชั่วขณะ ที่นิยมกันมากก็อาจจะเป็นเพราะว่าในตอนนี้ผู้คนต่างก็มีความทุกข์ใจเลยอยากจะลืมเรื่องเลวร้ายกันล่ะนะ”
คอนโด้ตอบแล้วถูพื้นต่อ โซโกะกับฮิจิคาตะมองหน้ากันจากนั้นก็พากันสวมหน้ากากประจำตัวของพวกตนออกไปปฏิบัติหน้าที่สมทบรวมกับลูกน้องที่รออยู่ที่ท่าเรืออยู่แล้วเพื่อสืบคดีและหาหลักฐานมัดตัวหัวหน้าซาวาดะให้ดิ้นไม่หลุด
ที่ท่าเรือ
กินโทกิกับชินปาจิพากันมาถึงจุดหมายแล้วพากันแอบอยู่ซอกตึกที่มีลังไม้บังพวกเขาอยู่อย่างเงียบเชียบ และเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังขนย้ายกล่องบางอย่างขึ้นเรือขนส่งลำใหญ่ด้วยท่าทีมีพิรุธแถมยังมีคนดูแลหน้าโหดตามจุดต่างๆอีกด้วย
“จะใช่พวกแมวดำรึเปล่านะครับ”
ชินปาจิเปิดบทสนทนาหลังจากแอบดูกันมาได้สักครู่
“นั่นน่ะสิ จะเป็นพวกเรือขนส่งธรรมดารึเปล่าไม่รู้”
กินโทกิเห็นด้วยกันกับที่หนุ่มแว่นพูด
“อั๊วว่าใช่ล่ะน่อ นั่นไงโรคุโอะคนที่ใส่เสื้อชุดสีเขียวๆกว่าคนอื่นนั่นน่ะน่อ”
“ไหนๆ เออใช่จริงๆด้วย”
กินโทกิหยิบเอาภาพที่ซาซาเอะเอาไว้ให้ขึ้นมาแล้วเห็นว่าผู้ชายคนที่อยู่ปลายบันไดส่งของนั่นเป็นโรคุโอะน้องชายของซาซาเอะจริงๆ
“งั้นก็ไม่ผิดแน่ครับ” ชินปาจิช่วยยืนยัน “ว่าแต่เมื่อกี้ผมได้ยินว่าใครพูดคำว่าน่อๆนะครับ”
“อั๊วเองน่อ”
“คางุระ/คางุระจัง??”
กินโทกิกับชินปาจิอุทานขึ้นด้วยความตกใจเมื่อเห็นหญิงสาวมาปรากฏยืนอยู่ด้านหลังของพวกเขา
“พวกลื้อนี่ไม่ได้ความเลยน่อ ถ้าใครแอบมาสอยพวกลื้อจากทางด้านหลังมีหวังพวกลื้อได้โดนจับถ่วงน้ำแน่นอนน่อ”
คางุระบ่นสองหนุ่มที่ไม่ค่อยระวังตัว แต่กินโทกิไม่ตลกด้วย
“ฉันบอกหล่อนแล้วไม่ใช่รึไงว่าห้ามมาน่ะ รู้รึเปล่าว่าอันตรายแค่ไหน”
“อั๊วรู้น่อ อั๊วสัญญาเลยนะกินจังว่าอั๊วจะไม่ทำอะไรที่มันเสี่ยงเด็ดขาดน่อ อั๊วขอยืนดูต้นทางให้พวกลื้ออย่างเดียวก็ได้น่อ”
“คุณกินครับ พวกนั้นจะออกเรือกันแล้วครับ”
ชินปาจิเอ่ยขึ้นเมื่อพวกแมวดำขนของกำลังจะเสร็จ เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์เกือบจะสายไปกินโทกิจึงได้หาวิธีเพื่อที่จะขึ้นเรือให้ได้
“เฮ้ย พวกแก ตรงนี้ยังมีอีก”
“คุณกิ๊นนนน!! จะตะโกนแบบนั้นออกไปทำไมคร้าบบบ?”
“ช่างเถอะหน่า รีบเข้าไปในกล่องเร็ว”
กินโทกิไม่มีเวลาอธิบายแต่รีบให้ลูกน้องตนทั้งสองคนแอบเข้าไปในกล่องที่มีอยู่สามกล่องพอดี โชคดีที่กล่องใหญ่พอทำให้พวกเขาเข้าไปได้
พวกลูกน้องแมวดำเดินตรงมายังกล่องสามใบด้วยความแปลกใจ แต่แล้วก็ยกกล่องเพื่อขึ้นบนเรือซึ่งพวกเขาก็พบกับความหนักที่ผิดปกติ
“อย่าเปิดนะ!!”
เสียงหนึ่งในแมวดำตะโกนขึ้น
“ถ้าเปิดแล้วละอองยามันมาฟุ้งออกมา พวกแกลำบากแน่”
ดังนั้นพวกกินโทกิจึงได้ถูกขนขึ้นเรือโดยไม่มีใครจับได้อย่างหวุดหวิด
ทางสำนักงานตำรวจสืบสวนคดีพิเศษนั้นต่างก็ปลอมตัวและบางส่วนก็แอบขึ้นเรือได้สำเร็จ พวกเขาพากันมาสำรวจล๊อตยาเสพติดที่บรรจุอยู่ในกล่องมากกว่าร้อยใบแล้วส่ายหน้า
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกนี้มันลอดสายตาพวกเรามาได้ยังไงตั้งสองปี”
ฮิจิคาตะที่ยังคงสวมหน้ากากภูติมาโยพึมพำอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
“ว่าไปนั่นมาโยริน พวกเราเพิ่งมารับราชการแค่ปีกว่าๆเองนะครับ”
หน้ากากซาดาฮารุหรือไคเซอร์แย้งมาโยริน แต่คนที่ได้ฉายาว่ามาโยรินกลับไม่ได้สนใจแล้วเดินสำรวจรอบๆ
“ระวังนะครับมาโยริน ได้ข่าวมาว่า ยาหลงลืม นี่แค่ได้สูดเพียงเล็กน้อยก็ทำให้หลงลืมไปนานเลยนะครับ”
ยามาซากิหรือคนที่สวมหน้ากากอันปังแมนบอกกับหัวหน้าของตนด้วยความเป็นห่วง หลังจากนั้นไม่เท่าไหร่ พวกเขาก็ได้ยินเสียงคนเดินมาจึงพากันหลบซ่อนด้วยความรวดเร็ว
ประตูห้องเก็บสัมภาระเปิดขึ้นพร้อมๆกับคนจำนวนหนึ่งที่ขนกล่องสามใบเดินเข้ามา
“รีบๆออกไปกันเถอะ ฉันไม่อยากเจอพิษของพวกมัน”
พวกกลุ่มแมวดำรีบพากันออกจากห้องแล้วรีบปิดประตู เพราะไม่อยากเจอฤทธิ์ของยาหลงลืม เมื่อประตูปิดสนิทเหล่าสำนักงานตำรวจสืบสวนคดีพิเศษก็พากันออกจากที่ซ่อนแต่ต้องชะงักแล้วหลบต่อเมื่อกล่องสามใบนั้นขยับได้
“โฮ่ๆ เกือบหายใจไม่ออก อย่าสูดมันเข้าไปนะครับ”
ชินปาจิที่ออกมาจากกล่องได้ก่อนเตือนทั้งกินโทกิกับคางุระที่กำลังออกมาจากกล่องเหมือนกันหลังจากที่ได้ฟังแล้วว่ายาหลงลืมอันตรายเพียงแค่ได้เจอละอองของมัน
“นี่เรารับงานยากมาซะแล้วมั้ง”
กินโทกิพึมพำแล้วช่วยแกะอีกกล่องออก
“พวกรับจ้างสารพัดมาทำอะไรที่นี่กันเนี่ย?”
ฮิจิคาตะหรือมาโยรินพึมพำด้วยความประหลาดใจ ต่างกับโซโกะหรือไคเซอร์ที่ตอนนี้ชาไปทั้งตัวหัวใจก็เต้นรัวเมื่อเห็นร่างของคนที่ควรนอนอยู่ที่บ้านกลับมายืนอยู่ตรงหน้าเขา
“กินจัง อั๊วหายใจไม่ออกน่อ”
คางุระบ่นเมื่อหายใจไม่สะดวกทั้งๆที่ออกจากกล่องมายืนแล้ว
“ใจเย็นๆ ก่อนอื่นพวกเราต้องหาทางออก จะว๊ายยย”
กินโทกิบอกแล้วมองรอบๆห้อง จากนั้นก็ร้องเปร่งเสียงออกมาดังลั่นเมื่อเห็นหน้ากากหลากหลายรูปแบบลอยได้
“หยุดแหกปากแต๋วแตกได้แล้วไอ้หัวหงอก”
หน้ากากภูติมาโยเปิดไฟฉายแล้วเรียกสติของกินโทกิ ซึ่งก็ทำให้ชายหนุ่มผมเงินวางฟอร์มทันที
“ใครแหกปาก พวกแกหูฝาดไปน่ะสิ”
“หูฉันมันไวต่อเสียงมาก ไม่มีทางจะฝาดหรอก”
ฮิจิคาตะบอกแล้วหันไปหยิบวอออกมาเพื่อส่งสัญญาณให้ลูกน้องที่ปลอมตัวอยู่ด้านนอกมาเปิดประตูให้
“ตาผมก็ไวกับสิ่งที่เห็นมาก เพราะฉะนั้นผมคงมองไม่ผิดหรอกนะว่ายัยหมวยนี่หน้าตาเหมือนเมียที่บ้าน”
โซโกะเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่ตอนนี้รีบหลบไปอยู่หลังกินโทกิอย่างรวดเร็วเพราะรู้ว่าตัวเองทำผิดสัญญาจริงๆ
“เอ่อ คืออั๊ว”
“เดี๋ยวค่อยคุย หล่อนหลบอยู่ในนี้ซะ”
ชายหนุ่มตัดบทไม่ฟังคำแก้ตัวของภรรยา และเมื่อประตูเปิดออกเหล่าสำนักงานตำรวจสืบสวนคดีพิเศษก็เปิดฉากลุยกับการขนส่งยาเสพติดทันที
“ซวยอะไรขนาดนี้ฟะเนี่ย” กินโทกิโวยวายที่ตัวเองต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดการพวกค้ายาเสพติดด้วย “ชินปาจินายรีบไปดักโรคุโอะเร็ว”
“ครับ คุณกิน”
ชินปาจิรับคำแล้วรีบมุ่งไปยังโรคุโอะที่มึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันใจหญิงสาวที่ถูกสั่งให้รออยู่ในห้องเก็บของร่างของเธอวิ่งแซงหนุ่มแว่นไปอย่างรวดเร็ว
“ยัยบ้า!!!”
โซโกะตะโกนว่าคางุระที่ไม่คิดหน้าคิดหลังวิ่งออกไปอย่างโมโห
เหตุการณ์ที่แสนชุลมุนจบลงได้ด้วยสำนักงานตำรวจสืบสวนคดีพิเศษและกินโทกิ ทางชินปาจิกับคางุระก็สามารถเข้าถึงโรคุโอะได้แต่ฮิจิคาตะจำเป็นต้องควบคุมตัวเพื่อสอบปากคำก่อน
“โซโกะ ลื้ออย่าเงียบแบบนี้สิน่อ”
คางุระเดินตามโซโกะที่เข้าไปสำรวจห้องเก็บของในเรืออย่างง้องอน แต่โซโกะก็ไม่ได้สนใจคางุระเลยแม้แต่น้อยเพราะเขาโกรธเธอมากเสียจนไม่อยากคุยด้วย
“อั๊วยอมรับว่าอั๊วดื้อเอง แต่ต่อไปนี้อั๊วจะทำตัวดีๆไม่ดื้อแล้วน่อ”
“ฉันคิดว่ามันยากที่จะทำให้หล่อนเห็นความสำคัญของตัวเองมากกว่านี้”
ชายหนุ่มยอมหันมาพูดกับภรรยาเพื่อจะสั่งสอน ซึ่งคางุระก็เดาไม่ออกว่าสีหน้าของโซโกะใต้หน้ากากซาดาฮารุจะโกรธเกรี้ยวแค่ไหนเธอจึงรีบหยอดลูกหวานให้สามีทันที
“อั๊วยอมให้ลื้อบ่นวันนึงเลยน่อ”
คางุระก้มหน้ายอมรับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ด้วยความเมื่อยล้าทำให้เธอไปนั่งบนกล่องยาหลงลืมด้วยความลืมตัวซึ่งนั่นเป็นกล่องที่ไม่ได้บรรจุยาหลงลืมมาเต็มกล่องจึงทำให้เกิดช่องว่างจนร่างบางผลุบร่วงลงไปในกล่อง ละอองจากถุงผ้าห่อยาฟุ้งกระจายรมใส่เธอ คางุระสูดลมหายใจแล้วสำลักละอองยาจากนั้นหญิงสาวไอเพียงไม่กี่ครั้งก็สลบไปท่ามกลางความตกใจของโซโกะเป็นอย่างมาก
“เกิดอะไรขึ้น???”
กินโทกิกับชินปาจิจะเข้าไปหาคางุระแต่โดนยามาซากิกันไว้
“ใจเย็นๆครับลูกพี่ พวกลูกพี่ไม่ได้ใส่หน้ากากเดี๋ยวจะโดนฤทธิ์ยานะครับ”
“โธ่เว้ย”
กินโทกิสบถอย่างหัวเสีย ได้แต่มองและตามโซโกะที่อุ้มคางุระลงจากเรือไปขึ้นรถอย่างห่างๆด้วยความห่วงใย
ภายในรถที่มีคาโต้อาสาขับพาไปรพ. โซโกะพยายามตบหน้าคางุระเบาๆเพื่อเรียกสติแต่เธอกลับไม่หือไม่อือจนเขาใจเสีย
“คางุระๆ”
ตื่นสิ ยัยบ้า
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ