(ฟิคโอคิคางุ)After marriage
9.6
เขียนโดย naoza
วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 13.14 น.
10 ตอน
7 วิจารณ์
25.92K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 12.48 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
3) อาการป่วยของคางุระ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ค่ำคืนวันส่งท้ายปีใหม่ ณ ร้านรับจ้างสารพัดกินจัง
โซโกะมองเจ้าของร้านกับแขกผู้มาเยือนที่พากันเมามายจนหลับเมื่อปาร์ตี้เล็กๆแต่แสนเสียงดังนั้นจบลงแล้วถอนหายใจ เพราะนั่นเป็นภาพที่แสนอนาถเมื่อเขาเห็นกินโทกินอนแผ่หราโดยมีซัทจังกอดแนบกายด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ ชินปาจิก็นอนกอดหมอนโอซือที่โอทาเอะลงทุนซื้อให้น้องชายเป็นของขวัญปีใหม่ มาโยรินหรือฮิจิคาตะนอนหลับมาดหลุดอยู่ข้างๆคอนโด้ที่กกลูกสาวนอนแทนโอทาเอะซึ่งเมามายจนหมดสภาพไม่ต่างจากซึคุโยะกับคิวเบที่มาร่วมงานด้วย โชคดีที่ปีใหม่ปีนี้ไม่ได้มีคาซึระมาร่วม มิเช่นนั้นสภาพของพวกที่เมามายในตอนนี้อาจจะดูไม่ได้มากไปกว่าเดิม
ชายหนุ่มเดินข้ามคนที่เมาหลับแต่ละคนไปจนถึงภรรยาสาวของเขาที่นอนหนุนซาดาฮารุอยู่แล้วเอื้อมมือไปปลุกให้เธอตื่น
“คางุระ ไหนว่าจะไปตีระฆังกันไง ตื่นได้แล้ว”
“อือ.....”
คางุระครางรับรู้ในลำคอแต่ก็ไม่ยอมตื่น จนโซโกะต้องปลุกอีกครั้ง
“คางุระ จะไปไหมเนี่ย?”
“อั๊วก็อยากไปเหมือนกันน่อ แต่เปลือกตาอั๊วไม่ให้ความร่วมมือเลย”
“อะไรมันจะง่วงขนาดนี้ เมื่อกลางวันหล่อนก็นอนจนถึง 5 โมงเย็น ตื่นขึ้นมากินแล้วก็นอนต่ออีกไม่ใช่รึไง?”
“ก็อั๊วง่วงจริงๆน่อ ลื้ออยากไปก็ไปคนเดียวไป อั๊วจะนอนแล้วน่อ”
ไม่พูดไล่เพียงอย่างเดียว คางุระก็โบกมือไล่สามีให้ไปไกลๆด้วยความรำคาญ แต่โซโกะก็ดึงแขนเธอให้ลุกขึ้นแล้วอุ้มร่างบางพาดบ่าตัวเอง
“จะไปนอนก็ไปนอนที่บ้านเรา”
“........”
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากหญิงสาวเพราะคางุระนั้นหลับไปอีกครั้งหนึ่ง โซโกะจึงจำเป็นต้องแบกเธอไปอย่างทุลักทุเลข้ามผ่านพวกที่เมาหลับกลับไปยังบ้านของทั้งสองคน
รุ่งเช้ามาเยือน
คางุระงัวเงียตื่นขึ้นมาในยามเช้าด้วยความไม่สดใสนักเพราะเธอรู้สึกหนักตัวและมึนๆหัวจนต้องหลับตาอีกครั้ง
“จะกินข้าวไหมเนี่ย? คุณสามีที่แสนจะเพอร์เฟคอย่างฉันทำให้แล้วรบกวนเชิญคุณคางุระมารับประทานด้วยกันนะครับ”
โซโกะเอ่ยปากถามคนขี้เซาเมื่อเขาเลื่อนประตูห้องนอนมาก็ยังพบว่าภรรยายังคงนอนอยู่บนฟูก คางุระหันมาหาชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงประตูทำให้โซโกะเห็นว่าหน้าขาวๆของเธอซีดเผือดจึงรีบเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆร่างบาง
“อั๊วรู้สึกไม่มีแรงยังไงไม่รู้น่อ แถมตัวก็หนักๆด้วยน่อ”
คางุระเอ่ยเมื่อโซโกะก้มหน้าเอาหน้าผากของเขาแตะกับหน้าผากของเธอเพื่อวัดไข้
“อืม ไข้ก็ไม่มีนี่หน่า สงสัยว่าหล่อนจะสวาปามของกินไม่ยั้งตั้งแต่เมื่อวานน่ะสิ ทีหลังกินน่ะให้มันรู้ลิมิตตัวเองซะบ้างนะ มันน่าสงสารหรือสมน้ำหน้าดีนะยัยหมวยจอมตะกละ”
โซโกะบ่นแล้วพยุงให้หญิงสาวลุกขึ้น
“ฉันต้องไปเข้าเวรตอนเช้าด้วยน่ะสิ หล่อนอยู่เองคนเดียวได้ไหม?หรือจะให้ฉันไปส่งที่ร้านของลูกพี่”
“อั๊วอยู่คนเดียวได้น่อ ขากลับซื้อสาหร่ายดองกลับมาให้อั๊วด้วยแล้วกันน่อ”
“ยังจะห่วงกินอีก นี่ฉันมีเมียเป็นลูฟี่ใช่ไหมเนี่ย?”
ชายหนุ่มเปรียบเปรยภรรยาตัวเองกับตัวละครเรื่องอื่นแล้วดึงแขนพยุงร่างบางให้ลุกขึ้นไปกินข้าวเช้าด้วยกัน
คางุระยังคงกินข้าวเช้าได้เป็นปกติทำให้โซโกะสบายใจขึ้นบ้างเพราะเธอคงไม่ได้ป่วยอะไรมากมายอย่างที่เขากังวล
“โซโกะ”
“หือ?”
“ลื้อกลับมาเร็วๆน่อ”
ชายหนุ่มกระพริบตาถี่ๆอย่างไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ตนเองได้ยิน เพราะตั้งแต่คบกันมาจนกระทั่งแต่งงานกันมาเข้าเดือนที่ 3 แล้วคางุระไม่เคยพูดจาชวนให้เขาไม่อยากไปทำงานอย่างนี้มาก่อนในชีวิต
“ฉันว่าหล่อนควรไปหาหมอจริงๆน่ะแหละ เดี๋ยวฉันไปขอร้องให้พวกลูกพี่พาเธอไปแทนแล้วกัน”
“ปีใหม่พวกคุณหมอเขาก็พานางพยาบาลไปเที่ยวพักผ่อนกันทั้งนั้นล่ะน่อ”
คางุระอ้างเพราะตัวเองไม่อยากไปหาหมอเสียเท่าไหร่ เนื่องจากตัวเองเคยไปมีประสบการณ์ไม่ดีเกี่ยวกับโรงพยาบาลมาก่อน
“ต้องรีบพาไปด่วนเลย ฉันว่าสมองหล่อนคงหมดทางเยียวยาแล้ว”
โซโกะพูดแล้วลุกขึ้นเมื่อกินข้าวเสร็จ
“ฝากล้างจานด้วยนะ ฮันนี่”
“อั๊วไม่สบายอยู่น่อ ยังจะมาใช้อั๊วอีก ถ้าอั๊วล้มหัวฟาดพื้นไปลื้อจะเสียใจน่อ”
คางุระตะโกนไล่หลังโซโกะที่สวมหน้ากากซาดาฮารุออกไปทำงานอย่างหงุดหงิดที่สามีไม่สนใจเท่าที่ควร แต่ก็ยอมทำหน้าที่แม่ศรีเรือนด้วยการล้างจานแล้วทำความสะอาดบ้านเมื่อรู้สึกดีขึ้น
“หา? แล้วยัยคางุระเป็นอะไรมากรึเปล่า?”
กินโทกิถามเมื่อโซโกะแวะมาขอร้องให้เขาพาคางุระไปหาหมอทั้งๆที่เขาเองก็ยังไม่สร่างจากการดื่มตั้งแต่เมื่อคืน
“ตอนนี้ยังไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ แต่ผมติดงานเลยพาไปหาไม่ได้” โซโกะตอบแล้วถามหาฮิจิคาตะ “แล้วนี่มาโยรินฟื้นรึยังครับลูกพี่”
“อยู่นี่ๆ”
ฮิจิคาตะในสภาพมาดนิ่งเดินออกมาพร้อมกับสวมหน้ากากภูติมาโยเรียบร้อยแล้ว
“นี่แกมานอนบ้านฉันทั้งคืนเลยรึไง”
กินโทกิหันไปถามหน้ากากภูติมาโยอย่างสงสัย ซึ่งฮิจิคาตะก็ตอบอย่างวาดมาด
“โทษทีว่ะ เมื่อคืนแท็กซี่หมดพอดี”
“บอกไปตามตรงว่าเมาจนเหมือนสุนัขเลยกลับบ้านไม่ได้ดีกว่านะครับ”
โซโกะแทรกขึ้น
“แกเงียบไปเลยเจ้าบ้าไคเซอร์ รีบไปทำงานกันได้แล้ว”
ฮิจิคาตะเสียงดังกลบเกลื่อนความอาย แล้วเดินนำหน้าโซโกะเพื่อไปทำงาน
“ฝากคางุระด้วยนะครับลูกพี่”
ชายหนุ่มทิ้งท้ายแล้วเดินตามมาโยรินหรือฮิจิคาตะหน้ากากภูติมาโยไปโดยมีกินโทกิมองตามแล้วพึมพำ
“แต่งงานไปแล้วฉันยังต้องตามไปดูแลอีกหรือฟะ?”
ในที่สุดคางุระก็ถูกกินโทกิกับชินปาจิพามายังสถานที่คางุระพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอดจนได้ หลังจากฉุดกระชากลากถูกันมาซักพักจนเธอหมดแรงไปเอง
“ผมก็ว่าคางุระจังแปลกๆมาตั้งแต่วันคริสต์มาสแล้วนะครับคุณกิน ไม่รู้จะแพ้แดดอีกไหม”
ชินปาจิเปิดบทสนทนากับกินโทกิเมื่อคางุระเดินเข้าไปในห้องตรวจแล้วหายไปนาน แต่คู่สนทนาของเขากลับมานั่งหลับน้ำลายยืดเสียอย่างนั้น
“คุณกิน!!!”
หนุ่มแว่นตะโกนเรียกใส่หูคนผมเงินจนเขาสะดุ้ง กินโทกิจึงรีบต่อบทสนทนาทันที
“อือๆ ฉันก็ว่าจะไปกินพาเฟ่ต์ที่ร้านเปิดใหม่เหมือนกัน”
“ผมคุยเรื่องนั้นซะที่ไหนล่ะครับนี่ยังไม่สร่างใช่ไหมเนี่ย?” ชินปาจิโวยกินโทกิที่ไม่ได้ฟังเขาเลยสักนิด “ว่าแต่ว่าคางุระจังหายเข้าไปนานแล้วนะครับ จะเป็นอะไรมากรึเปล่าไม่รู้”
“ยัยนั่นน่ะถึกยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้นไม่เป็นอะไรหรอกน่า”
กินโทกิบอกชินปาจิที่กังวลโดยใช่เหตุ
สักครู่ใหญ่ๆคางุระก็เดินมาหาพวกเขาด้วยสีหน้าไม่ดีนัก ทำให้ชินปาจิกับกินโทกิรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา
“เฮ้ คุณหนูทำไมทำหน้าตาเหมือนคนปวดท้องแต่ไม่ถ่ายอย่างนั้นล่ะ”
กินโทกิเดินเข้ามากอดคอถามคนที่เขารักดั่งลูกสาว
“อั๊ว อั๊วไม่รู้จะบอกยังไงดีน่อกินจัง ชินปาจิ”
คางุระพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเคลือ
“มีอะไรรึเปล่าคางุระจัง?”
ชินปาจิเองก็ถามไถ่ด้วยความเป็นกังวล คางุระมองหน้าชายหนุ่มทั้งสองคนแล้วส่ายหน้า ก่อนจะขอตัวไปรับยาด้วยตัวเอง ซึ่งระหว่างทางกลับบ้านคางุระก็เงียบผิดปกติแต่ทั้งกินโทกิกับชินปาจิก็ไม่ได้เซ้าซี้เพราะจะรอจนกว่าหญิงสาวจะพูดออกมาเอง
โซโกะรีบกลับมายังบ้านของเขากับคางุระทันทีเมื่อเลิกงาน แต่เขาก็พบว่าคางุระไม่อยู่จึงรีบไปยังร้านรับจ้างสารพัดกินจัง ซึ่งก็พบว่าคางุระยังคงอยู่อย่างที่เขาคิดไว้
ชินปาจิเปิดประตูต้อนรับโซโกะด้วยสีหน้าไม่สบายใจนัก เพราะตั้งแต่กลับมาคางุระก็เอาแต่นิ่งเงียบ แม้กินโทกิจะขอดูถุงยาเธอก็ไม่ยอมให้เขาดู
“คางุระ?”
โซโกะเรียกและเดินเข้าไปนั่งข้างๆภรรยาที่ทำหน้านิ่งเอาแต่จ้องถุงยาอยู่อย่างนั้น คางุระหันไปตามเสียงเรียกและเมื่อเห็นว่าเป็นโซโกะหญิงสาวก็คว้าร่มสีม่วงข้างตัวมาฟาดสามีทันที ซึ่งก็ทำให้โซโกะรีบกระโดดไปหลบหลังเก้าอี้ยาวแทบไม่ทัน หญิงสาวยังคงไล่ตามไปฟาดและทำร้ายโซโกะอย่างไม่ลดละ จนกินโทกิกับชินปาจิต้องมาล็อคตัวคางุระไม่ให้ไปอาละวาดใส่ชายหนุ่มที่กำลังงงว่าเกิดอะไรขึ้น
“เฮ้ย คางุระ”
กินโทกิเรียกชื่อคนสติแตกให้ได้สติ เมื่อโดนดุเสียงดังคางุระปล่อยโฮร้องไห้ทำให้ผู้ชายตัวโตทั้งสามคนทำอะไรไม่ถูก
“คางุระ หล่อนเป็นอะไรไป?”
โซโกะเดินเข้าไปใกล้แล้วถามอีกครั้ง แต่คราวนี้คางุระเอาแต่ร้องไห้จนเขาดึงตัวเธอมากอดแนบอก
“อย่ามาแตะต้องตัวอั๊วน่อ” คางุระพลักโซโกะออกห่างแต่เขาไม่ยอมซึ่งหญิงสาวเองก็หมดแรงที่จะพลักเขาออกอีกครั้ง
“ทำไมฉันจะแตะต้องตัวหล่อนไม่ได้? เป็นอะไรก็พูดกันมาดีๆสิ”
“อั๊วไม่อยากเห็นหน้าลื้อ ไปไกลๆอั๊วเลยน่อ ไอ้ตี๋บ้า”
ไม่ว่ายังไงคางุระก็พยายามไล่สามีให้ออกห่างจากตน ซึ่งโซโกะก็ไม่ยอมทำตามใจภรรยาแม้จะถูกเธอทุบตียังไงก็ตาม
“เฮ้ย โอคิตะคุง แกไปแอบมีกิ๊กเป็นนางพยาบาลรึไงฟะ? ทำไมคางุระถึงเป็นแบบนี้ไปได้น่ะหา?”
กินโทกิที่ว่าจะไม่ยุ่งกับเรื่องในครอบครัวคนอื่นแล้วแท้ๆอดเดาสาเหตุไม่ได้ว่าทำไมยัยหมวยของพวกเขาถึงมีอาการแบบนี้
“จริงๆเหรอครับเนี่ย?? ทำไมล่ะครับ? คางุระจังของพวกผมผิดพลาดและไม่ดีตรงไหนล่ะครับ?”
ชินปาจิโวยวายเมื่อคิดตามกินโทกิ โซโกะชักเริ่มปวดหัวกับพวกที่จินตนาการกันไปเอง
“ถ้าจะให้พูดเรื่องผิดพลาดของยัยนี่คืนนี้ก็เล่าไม่หมดหรอกนะ แต่ที่แน่ๆฉันไม่เคยนอกใจยัยหมวยห่วยแตกเลยสักครั้งเดียว”
“อ้าว แล้วมันคืออะไรกันล่ะ? อย่าบอกนะว่าแกไปกิ๊กกับหมอแทนน่ะ?”
“ไม่กับหมอหรือพยาบาลทั้งนั้นล่ะครับลูกพี่ กรุณาอย่ายุแยงตะแคงรั่วให้มากไปกว่านี้เลยได้ไหมครับถ้าอยากจะตายแบบศพสวยอยู่”
โซโกะเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว ทำให้กินโทกิกับชินปาจิเงียบและเฝ้ามองคู่สามีภรรยาที่ทำท่าจะไม่ยอมเลิกตีกันง่ายๆอยู่ห่างๆ
คางุระค่อยๆเลิกร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดสามีแล้วมองหน้าโซโกะอย่างเคืองๆ ทำให้ชายหนุ่มยิ่งสงสัยว่าเขาไปทำอะไรให้เธอโกรธขนาดนี้
“ว่าไง?” โซโกะถามแล้วลูบผมที่ยุ่งฟูของหญิงสาวให้เข้าที่ “มาพูดกันด้วยเหตุผลได้แล้ว”
“อั๊วไม่อยากเห็นหน้าลื้อน่อ”
“แล้วฉันไปทำอะไรให้หล่อน?”
“แน่นอนว่าลื้อผิดเต็มๆเลยน่อ ลื้อผิดเต็มๆเลยที่ทำให้อั๊วเป็นแบบนี้”
“ฉัน?”
“ใช่ ลื้อนั่นแหละ” คางุระพูดแล้วปาดน้ำตาตัวเอง
“ใช่เพราะโอคิตะคุงนั่นแหละ”
กินโทกิพูดเสริม ทั้งโซโกะกับคางุระจึงหันมองต้นเสียงซึ่งพวกเขาก็เห็นกินโทกิกับชินปาจิยืนถือถุงยาอยู่ พร้อมกับยืนถือใบยืนยันผลตรวจที่แนบมาด้วย
“อย่างนี้ต้องหุงข้าวแดงกันแล้วสินะครับคุณกิน”
“ของแบบนั้นมันจะมีอยู่ที่ร้านเราได้ยังไงล่ะชินปาจิเอ๋ย โอย ฉันรู้สึกว่าจะมีภาระยุ่งๆมาให้เลยว่ะ”
ชายหนุ่มผมเงินพูดแล้วเดินไปหาโซโกะพร้อมกับยื่นผลตรวจให้ดู โซโกะรับมาอย่างงุนงงแล้วก้มอ่าน
“ยินดีด้วยนะครับคุณโอคิตะ”
ชินปาจิกล่าวความยินดีกับโซโกะ เมื่อเห็นชายหนุ่มอ่านจบแล้วหันไปมองหน้าภรรยาที่ยังอยู่ในอ้อมกอด
โซโกะมองหน้าคางุระอย่างไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เขาได้รับรู้เมื่อสักครู่นี้ มือใหญ่แต่แสนอบอุ่นของเขาค่อยๆวางบรรจงลงบนหน้าท้องที่ยังแบนราบของหญิงสาวอย่างทะนุถนอม ทำให้คางุระสะอื้นขึ้นมาอีก
“แล้วหล่อนจะร้องไห้ทำไมกัน? ไม่ดีใจรึไงที่เรากำลังมีลูกด้วยกัน”
“เพราะลื้อทำให้อั๊วเตรียมตัวไม่ทันน่อ อั๊วยังไม่ได้ทำใจกับการเป็นแม่คนเลยน่อ ไอ้ตี๋บ้า”
“มันควรจะต้องเตรียมใจตั้งแต่เข้าหอลงโรงไปโจ๊ะพรึมๆกันไม่ใช่รึไง?”
กินโทกิอดแทรกไม่ได้ ซึ่งก็ทำให้ชินปาจิหน้าแดงแทนคู่สามีภรรยา
“แล้วอั๊วก็ยังอยากทำงานกับกินจังอยู่เลยน่อ”
คางุระบอกสามีอีกเหตุผลหนึ่ง โซโกะหันไปมองหน้ากินโทกิซึ่งนั่นก็ทำให้กินโทกิถอนหายใจออกมา
“ว่าไงล่ะว่าที่คุณพ่อ ฉันแล้วแต่นายเลยแล้วกันแต่ถ้ายังจะให้ยัยหมวยบ๊องนี่ทำงานที่นี่อยู่ล่ะก็ฉันก็สัญญาว่าดูแลให้อย่างดีแล้วกัน”
โซโกะมองหน้าภรรยาที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาแล้วใจอ่อนแม้จะห่วงสุขภาพของเธอมากก็ตาม
“งั้นก็รบกวนด้วยนะครับลูกพี่”
“ลื้อจะให้อั๊วทำงานที่ร้านต่อได้รึน่อ?”
“ก็จนกว่าหล่อนจะพอใจไปเลยฉันเคยขัดหล่อนได้ที่ไหนล่ะ แล้วอย่ามาร้องโอดครวญคลอดลูกระหว่างทำงานแล้วกัน”
“อั๊วรักลื้อที่สุดเลยน่อโซโกะ”
คางุระบอกแล้วกอดสามีแน่น โซโกะทำหน้าเซ็งๆกับความรักที่ไม่ค่อยได้ออกจากปากหญิงสาวแม้เขาจะทวงถามเท่าไรก็ตาม แต่คำบอกรักกลับพูดออกมาง่ายๆเมื่อเขาอนุญาตให้เธอได้ทำงานต่อ ความหึงหวงเกิดขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อคิดมากว่าคางุระยอมบอกรักเพราะเขาให้เธอทำงานกับกินโทกิ ไม่ว่ายังไงกินโทกิก็ยังคงสำคัญกับคางุระอยู่ดี
“แล้วหล่อนจะรับผิดชอบร่างกายฉันที่หล่อนทุบเอาๆอยู่เมื่อกี้ยังไง?”
“ลื้อนี่จุกจิกจริงน่อ เรื่องมันผ่านไปแล้วยังจะเอามาคิดอีก”
“มันผ่านไปแล้วแต่ฉันยังเจ็บและจุกอยู่เลยนะ”
“อย่าโมโหอั๊วน่อ เดี๋ยวลูกจะตกใจน่อ”
คางุระเอาลูกในท้องมาต่อรองไม่ให้เขาโกรธเธอ ซึ่งนั่นก็ทำให้โซโกะหันไปสนใจสิ่งมีชีวิตน้อยๆที่เป็นดั่งสายใยของเขากับเธอในท้องของคางุระ คนที่ไม่เคยใส่ใจเรื่องความสัมพันธ์และแทบไม่มีเพื่อนอย่างเขากลับกำลังสร้างครอบครัวเล็กๆได้ในตอนนี้
“สงสัยฉันจะยังไม่หายแฮงก์ว่ะชินปาจิ รู้สึกอยากจะอ้วกยังไงไม่รู้ อ้อ แล้วเชิญคุณสามีภรรยากลับไปทำความเข้าใจที่บ้านตัวเองทีเถอะ”
กินโทกิเอ่ยขึ้นอย่างหมั่นไส้แล้วโซโกะกับคางุระออกจากร้านไปแล้วปิดประตูใส่ในทันที
โซโกะกับคางุระมองหน้ากันอย่างเขินๆ
“อั๊วใส่ให้น่อ”
คางุระบอกแล้วเอาหน้ากากซาดาฮารุที่อยู่บนศีรษะสามีลงมาสวมให้เขาอย่างเบามือ จึงไม่เห็นว่าโซโกะยิ้มให้อย่างอ่อนโยนภายใต้หน้ากากนั่น
“คางุระ”
“หือ?”
“หล่อนสัญญากับฉันนะว่าจะดูแลตัวเองให้ดี อย่าทำงานที่ฝืนตัวเองนะถือว่าฉันขอร้อง”
“ลื้อไม่ห้ามอั๊ว แต่มาขอร้องแทนเหรอน่อ?”
“เพราะฉันรู้ว่าฉันห้ามหล่อนไม่ได้ไงล่ะ”
โซโกะพูดความจริง คางุระยิ้มให้กับว่าที่คุณพ่อแล้วโอบเอวเขาเดินไปด้วยกัน
“อั๊วสัญญาน่อ ว่าอั๊วจะดูแลตัวเองกับลูกในท้องให้ดีเลยน่อ อาตี๋น้อยๆต้องแข็งแรงเหมือนอั๊วแน่นอนน่อ”
“อะไรนะ? ลูกน่ะต้องเป็นผู้หญิงแน่นอน”
โซโกะเถียงทันทีเพราะเขาอยากได้ลูกสาวหน้าตาน่ารักอย่างคางุระมาออดอ้อนทดแทนภรรยาที่กดขี่เขาอยู่เนืองๆ
“ไม่น่อ อั๊วมั่นใจว่านี่ต้องเป็นอาตี๋แน่นอน”
คางุระเองก็เถียงเช่นเดียวกัน เพราะเธออยากได้ลูกชายไว้สืบสกุลคนแรกตามแนวคิดของยาโตะ
ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าจะเพศใดกันแน่ แต่ว่าที่พ่อแม่มือใหม่ก็ยังคงถกเถียงกันอย่างไม่ลดละจนกระทั่งถึงบ้านของพวกเขา
หลังจากดองฟิคจนจะกินได้อยู่แล้ว ในที่สุดไรท์ก็มีเวลามาอัพสักทีค่ะ
ก่อนอื่นก็ขอบคุณคนที่เข้ามาอ่านเหมือนเดิมนะคะ แม้จะดองนานแต่ยังคงติดตามกันอยู่ก็ขอขอบคุณจริงๆค่ะ
ความจริงเนื้อเรื่องในตอนนี้ตั้งใจจะให้เป็นตอนที่ 4 แต่ทว่าเนื้อเรื่องตอนที่ 3 นั้นกลับมีปัญหาทำให้เปิดไฟล์ไม่ได้เสียอย่างนั้น จึงต้องปรับปรุงตอนต้นๆของตอนที่ 4 นี้เล็กน้อย
ขออภัยถ้าหากอ่านไม่เข้าใจนะคะ
และคงจะดองฟิคเหมือนฟิคเก่าสมัยจีบกันของโอคิคางุเหมือนเดิมค่ะ ในฟิคนั้น มี 20 ตอนแต่ใช้เวลา 5 เดือน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฟิคนี้จะเป็นเช่นไรเหมือนกัน แต่ไรท์ก็จะพยามนะคะ
แล้วเจอกันตอนหน้าค่าาาาาา
โซโกะมองเจ้าของร้านกับแขกผู้มาเยือนที่พากันเมามายจนหลับเมื่อปาร์ตี้เล็กๆแต่แสนเสียงดังนั้นจบลงแล้วถอนหายใจ เพราะนั่นเป็นภาพที่แสนอนาถเมื่อเขาเห็นกินโทกินอนแผ่หราโดยมีซัทจังกอดแนบกายด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ ชินปาจิก็นอนกอดหมอนโอซือที่โอทาเอะลงทุนซื้อให้น้องชายเป็นของขวัญปีใหม่ มาโยรินหรือฮิจิคาตะนอนหลับมาดหลุดอยู่ข้างๆคอนโด้ที่กกลูกสาวนอนแทนโอทาเอะซึ่งเมามายจนหมดสภาพไม่ต่างจากซึคุโยะกับคิวเบที่มาร่วมงานด้วย โชคดีที่ปีใหม่ปีนี้ไม่ได้มีคาซึระมาร่วม มิเช่นนั้นสภาพของพวกที่เมามายในตอนนี้อาจจะดูไม่ได้มากไปกว่าเดิม
ชายหนุ่มเดินข้ามคนที่เมาหลับแต่ละคนไปจนถึงภรรยาสาวของเขาที่นอนหนุนซาดาฮารุอยู่แล้วเอื้อมมือไปปลุกให้เธอตื่น
“คางุระ ไหนว่าจะไปตีระฆังกันไง ตื่นได้แล้ว”
“อือ.....”
คางุระครางรับรู้ในลำคอแต่ก็ไม่ยอมตื่น จนโซโกะต้องปลุกอีกครั้ง
“คางุระ จะไปไหมเนี่ย?”
“อั๊วก็อยากไปเหมือนกันน่อ แต่เปลือกตาอั๊วไม่ให้ความร่วมมือเลย”
“อะไรมันจะง่วงขนาดนี้ เมื่อกลางวันหล่อนก็นอนจนถึง 5 โมงเย็น ตื่นขึ้นมากินแล้วก็นอนต่ออีกไม่ใช่รึไง?”
“ก็อั๊วง่วงจริงๆน่อ ลื้ออยากไปก็ไปคนเดียวไป อั๊วจะนอนแล้วน่อ”
ไม่พูดไล่เพียงอย่างเดียว คางุระก็โบกมือไล่สามีให้ไปไกลๆด้วยความรำคาญ แต่โซโกะก็ดึงแขนเธอให้ลุกขึ้นแล้วอุ้มร่างบางพาดบ่าตัวเอง
“จะไปนอนก็ไปนอนที่บ้านเรา”
“........”
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากหญิงสาวเพราะคางุระนั้นหลับไปอีกครั้งหนึ่ง โซโกะจึงจำเป็นต้องแบกเธอไปอย่างทุลักทุเลข้ามผ่านพวกที่เมาหลับกลับไปยังบ้านของทั้งสองคน
รุ่งเช้ามาเยือน
คางุระงัวเงียตื่นขึ้นมาในยามเช้าด้วยความไม่สดใสนักเพราะเธอรู้สึกหนักตัวและมึนๆหัวจนต้องหลับตาอีกครั้ง
“จะกินข้าวไหมเนี่ย? คุณสามีที่แสนจะเพอร์เฟคอย่างฉันทำให้แล้วรบกวนเชิญคุณคางุระมารับประทานด้วยกันนะครับ”
โซโกะเอ่ยปากถามคนขี้เซาเมื่อเขาเลื่อนประตูห้องนอนมาก็ยังพบว่าภรรยายังคงนอนอยู่บนฟูก คางุระหันมาหาชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงประตูทำให้โซโกะเห็นว่าหน้าขาวๆของเธอซีดเผือดจึงรีบเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆร่างบาง
“อั๊วรู้สึกไม่มีแรงยังไงไม่รู้น่อ แถมตัวก็หนักๆด้วยน่อ”
คางุระเอ่ยเมื่อโซโกะก้มหน้าเอาหน้าผากของเขาแตะกับหน้าผากของเธอเพื่อวัดไข้
“อืม ไข้ก็ไม่มีนี่หน่า สงสัยว่าหล่อนจะสวาปามของกินไม่ยั้งตั้งแต่เมื่อวานน่ะสิ ทีหลังกินน่ะให้มันรู้ลิมิตตัวเองซะบ้างนะ มันน่าสงสารหรือสมน้ำหน้าดีนะยัยหมวยจอมตะกละ”
โซโกะบ่นแล้วพยุงให้หญิงสาวลุกขึ้น
“ฉันต้องไปเข้าเวรตอนเช้าด้วยน่ะสิ หล่อนอยู่เองคนเดียวได้ไหม?หรือจะให้ฉันไปส่งที่ร้านของลูกพี่”
“อั๊วอยู่คนเดียวได้น่อ ขากลับซื้อสาหร่ายดองกลับมาให้อั๊วด้วยแล้วกันน่อ”
“ยังจะห่วงกินอีก นี่ฉันมีเมียเป็นลูฟี่ใช่ไหมเนี่ย?”
ชายหนุ่มเปรียบเปรยภรรยาตัวเองกับตัวละครเรื่องอื่นแล้วดึงแขนพยุงร่างบางให้ลุกขึ้นไปกินข้าวเช้าด้วยกัน
คางุระยังคงกินข้าวเช้าได้เป็นปกติทำให้โซโกะสบายใจขึ้นบ้างเพราะเธอคงไม่ได้ป่วยอะไรมากมายอย่างที่เขากังวล
“โซโกะ”
“หือ?”
“ลื้อกลับมาเร็วๆน่อ”
ชายหนุ่มกระพริบตาถี่ๆอย่างไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ตนเองได้ยิน เพราะตั้งแต่คบกันมาจนกระทั่งแต่งงานกันมาเข้าเดือนที่ 3 แล้วคางุระไม่เคยพูดจาชวนให้เขาไม่อยากไปทำงานอย่างนี้มาก่อนในชีวิต
“ฉันว่าหล่อนควรไปหาหมอจริงๆน่ะแหละ เดี๋ยวฉันไปขอร้องให้พวกลูกพี่พาเธอไปแทนแล้วกัน”
“ปีใหม่พวกคุณหมอเขาก็พานางพยาบาลไปเที่ยวพักผ่อนกันทั้งนั้นล่ะน่อ”
คางุระอ้างเพราะตัวเองไม่อยากไปหาหมอเสียเท่าไหร่ เนื่องจากตัวเองเคยไปมีประสบการณ์ไม่ดีเกี่ยวกับโรงพยาบาลมาก่อน
“ต้องรีบพาไปด่วนเลย ฉันว่าสมองหล่อนคงหมดทางเยียวยาแล้ว”
โซโกะพูดแล้วลุกขึ้นเมื่อกินข้าวเสร็จ
“ฝากล้างจานด้วยนะ ฮันนี่”
“อั๊วไม่สบายอยู่น่อ ยังจะมาใช้อั๊วอีก ถ้าอั๊วล้มหัวฟาดพื้นไปลื้อจะเสียใจน่อ”
คางุระตะโกนไล่หลังโซโกะที่สวมหน้ากากซาดาฮารุออกไปทำงานอย่างหงุดหงิดที่สามีไม่สนใจเท่าที่ควร แต่ก็ยอมทำหน้าที่แม่ศรีเรือนด้วยการล้างจานแล้วทำความสะอาดบ้านเมื่อรู้สึกดีขึ้น
“หา? แล้วยัยคางุระเป็นอะไรมากรึเปล่า?”
กินโทกิถามเมื่อโซโกะแวะมาขอร้องให้เขาพาคางุระไปหาหมอทั้งๆที่เขาเองก็ยังไม่สร่างจากการดื่มตั้งแต่เมื่อคืน
“ตอนนี้ยังไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ แต่ผมติดงานเลยพาไปหาไม่ได้” โซโกะตอบแล้วถามหาฮิจิคาตะ “แล้วนี่มาโยรินฟื้นรึยังครับลูกพี่”
“อยู่นี่ๆ”
ฮิจิคาตะในสภาพมาดนิ่งเดินออกมาพร้อมกับสวมหน้ากากภูติมาโยเรียบร้อยแล้ว
“นี่แกมานอนบ้านฉันทั้งคืนเลยรึไง”
กินโทกิหันไปถามหน้ากากภูติมาโยอย่างสงสัย ซึ่งฮิจิคาตะก็ตอบอย่างวาดมาด
“โทษทีว่ะ เมื่อคืนแท็กซี่หมดพอดี”
“บอกไปตามตรงว่าเมาจนเหมือนสุนัขเลยกลับบ้านไม่ได้ดีกว่านะครับ”
โซโกะแทรกขึ้น
“แกเงียบไปเลยเจ้าบ้าไคเซอร์ รีบไปทำงานกันได้แล้ว”
ฮิจิคาตะเสียงดังกลบเกลื่อนความอาย แล้วเดินนำหน้าโซโกะเพื่อไปทำงาน
“ฝากคางุระด้วยนะครับลูกพี่”
ชายหนุ่มทิ้งท้ายแล้วเดินตามมาโยรินหรือฮิจิคาตะหน้ากากภูติมาโยไปโดยมีกินโทกิมองตามแล้วพึมพำ
“แต่งงานไปแล้วฉันยังต้องตามไปดูแลอีกหรือฟะ?”
ในที่สุดคางุระก็ถูกกินโทกิกับชินปาจิพามายังสถานที่คางุระพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอดจนได้ หลังจากฉุดกระชากลากถูกันมาซักพักจนเธอหมดแรงไปเอง
“ผมก็ว่าคางุระจังแปลกๆมาตั้งแต่วันคริสต์มาสแล้วนะครับคุณกิน ไม่รู้จะแพ้แดดอีกไหม”
ชินปาจิเปิดบทสนทนากับกินโทกิเมื่อคางุระเดินเข้าไปในห้องตรวจแล้วหายไปนาน แต่คู่สนทนาของเขากลับมานั่งหลับน้ำลายยืดเสียอย่างนั้น
“คุณกิน!!!”
หนุ่มแว่นตะโกนเรียกใส่หูคนผมเงินจนเขาสะดุ้ง กินโทกิจึงรีบต่อบทสนทนาทันที
“อือๆ ฉันก็ว่าจะไปกินพาเฟ่ต์ที่ร้านเปิดใหม่เหมือนกัน”
“ผมคุยเรื่องนั้นซะที่ไหนล่ะครับนี่ยังไม่สร่างใช่ไหมเนี่ย?” ชินปาจิโวยกินโทกิที่ไม่ได้ฟังเขาเลยสักนิด “ว่าแต่ว่าคางุระจังหายเข้าไปนานแล้วนะครับ จะเป็นอะไรมากรึเปล่าไม่รู้”
“ยัยนั่นน่ะถึกยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้นไม่เป็นอะไรหรอกน่า”
กินโทกิบอกชินปาจิที่กังวลโดยใช่เหตุ
สักครู่ใหญ่ๆคางุระก็เดินมาหาพวกเขาด้วยสีหน้าไม่ดีนัก ทำให้ชินปาจิกับกินโทกิรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา
“เฮ้ คุณหนูทำไมทำหน้าตาเหมือนคนปวดท้องแต่ไม่ถ่ายอย่างนั้นล่ะ”
กินโทกิเดินเข้ามากอดคอถามคนที่เขารักดั่งลูกสาว
“อั๊ว อั๊วไม่รู้จะบอกยังไงดีน่อกินจัง ชินปาจิ”
คางุระพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเคลือ
“มีอะไรรึเปล่าคางุระจัง?”
ชินปาจิเองก็ถามไถ่ด้วยความเป็นกังวล คางุระมองหน้าชายหนุ่มทั้งสองคนแล้วส่ายหน้า ก่อนจะขอตัวไปรับยาด้วยตัวเอง ซึ่งระหว่างทางกลับบ้านคางุระก็เงียบผิดปกติแต่ทั้งกินโทกิกับชินปาจิก็ไม่ได้เซ้าซี้เพราะจะรอจนกว่าหญิงสาวจะพูดออกมาเอง
โซโกะรีบกลับมายังบ้านของเขากับคางุระทันทีเมื่อเลิกงาน แต่เขาก็พบว่าคางุระไม่อยู่จึงรีบไปยังร้านรับจ้างสารพัดกินจัง ซึ่งก็พบว่าคางุระยังคงอยู่อย่างที่เขาคิดไว้
ชินปาจิเปิดประตูต้อนรับโซโกะด้วยสีหน้าไม่สบายใจนัก เพราะตั้งแต่กลับมาคางุระก็เอาแต่นิ่งเงียบ แม้กินโทกิจะขอดูถุงยาเธอก็ไม่ยอมให้เขาดู
“คางุระ?”
โซโกะเรียกและเดินเข้าไปนั่งข้างๆภรรยาที่ทำหน้านิ่งเอาแต่จ้องถุงยาอยู่อย่างนั้น คางุระหันไปตามเสียงเรียกและเมื่อเห็นว่าเป็นโซโกะหญิงสาวก็คว้าร่มสีม่วงข้างตัวมาฟาดสามีทันที ซึ่งก็ทำให้โซโกะรีบกระโดดไปหลบหลังเก้าอี้ยาวแทบไม่ทัน หญิงสาวยังคงไล่ตามไปฟาดและทำร้ายโซโกะอย่างไม่ลดละ จนกินโทกิกับชินปาจิต้องมาล็อคตัวคางุระไม่ให้ไปอาละวาดใส่ชายหนุ่มที่กำลังงงว่าเกิดอะไรขึ้น
“เฮ้ย คางุระ”
กินโทกิเรียกชื่อคนสติแตกให้ได้สติ เมื่อโดนดุเสียงดังคางุระปล่อยโฮร้องไห้ทำให้ผู้ชายตัวโตทั้งสามคนทำอะไรไม่ถูก
“คางุระ หล่อนเป็นอะไรไป?”
โซโกะเดินเข้าไปใกล้แล้วถามอีกครั้ง แต่คราวนี้คางุระเอาแต่ร้องไห้จนเขาดึงตัวเธอมากอดแนบอก
“อย่ามาแตะต้องตัวอั๊วน่อ” คางุระพลักโซโกะออกห่างแต่เขาไม่ยอมซึ่งหญิงสาวเองก็หมดแรงที่จะพลักเขาออกอีกครั้ง
“ทำไมฉันจะแตะต้องตัวหล่อนไม่ได้? เป็นอะไรก็พูดกันมาดีๆสิ”
“อั๊วไม่อยากเห็นหน้าลื้อ ไปไกลๆอั๊วเลยน่อ ไอ้ตี๋บ้า”
ไม่ว่ายังไงคางุระก็พยายามไล่สามีให้ออกห่างจากตน ซึ่งโซโกะก็ไม่ยอมทำตามใจภรรยาแม้จะถูกเธอทุบตียังไงก็ตาม
“เฮ้ย โอคิตะคุง แกไปแอบมีกิ๊กเป็นนางพยาบาลรึไงฟะ? ทำไมคางุระถึงเป็นแบบนี้ไปได้น่ะหา?”
กินโทกิที่ว่าจะไม่ยุ่งกับเรื่องในครอบครัวคนอื่นแล้วแท้ๆอดเดาสาเหตุไม่ได้ว่าทำไมยัยหมวยของพวกเขาถึงมีอาการแบบนี้
“จริงๆเหรอครับเนี่ย?? ทำไมล่ะครับ? คางุระจังของพวกผมผิดพลาดและไม่ดีตรงไหนล่ะครับ?”
ชินปาจิโวยวายเมื่อคิดตามกินโทกิ โซโกะชักเริ่มปวดหัวกับพวกที่จินตนาการกันไปเอง
“ถ้าจะให้พูดเรื่องผิดพลาดของยัยนี่คืนนี้ก็เล่าไม่หมดหรอกนะ แต่ที่แน่ๆฉันไม่เคยนอกใจยัยหมวยห่วยแตกเลยสักครั้งเดียว”
“อ้าว แล้วมันคืออะไรกันล่ะ? อย่าบอกนะว่าแกไปกิ๊กกับหมอแทนน่ะ?”
“ไม่กับหมอหรือพยาบาลทั้งนั้นล่ะครับลูกพี่ กรุณาอย่ายุแยงตะแคงรั่วให้มากไปกว่านี้เลยได้ไหมครับถ้าอยากจะตายแบบศพสวยอยู่”
โซโกะเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว ทำให้กินโทกิกับชินปาจิเงียบและเฝ้ามองคู่สามีภรรยาที่ทำท่าจะไม่ยอมเลิกตีกันง่ายๆอยู่ห่างๆ
คางุระค่อยๆเลิกร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดสามีแล้วมองหน้าโซโกะอย่างเคืองๆ ทำให้ชายหนุ่มยิ่งสงสัยว่าเขาไปทำอะไรให้เธอโกรธขนาดนี้
“ว่าไง?” โซโกะถามแล้วลูบผมที่ยุ่งฟูของหญิงสาวให้เข้าที่ “มาพูดกันด้วยเหตุผลได้แล้ว”
“อั๊วไม่อยากเห็นหน้าลื้อน่อ”
“แล้วฉันไปทำอะไรให้หล่อน?”
“แน่นอนว่าลื้อผิดเต็มๆเลยน่อ ลื้อผิดเต็มๆเลยที่ทำให้อั๊วเป็นแบบนี้”
“ฉัน?”
“ใช่ ลื้อนั่นแหละ” คางุระพูดแล้วปาดน้ำตาตัวเอง
“ใช่เพราะโอคิตะคุงนั่นแหละ”
กินโทกิพูดเสริม ทั้งโซโกะกับคางุระจึงหันมองต้นเสียงซึ่งพวกเขาก็เห็นกินโทกิกับชินปาจิยืนถือถุงยาอยู่ พร้อมกับยืนถือใบยืนยันผลตรวจที่แนบมาด้วย
“อย่างนี้ต้องหุงข้าวแดงกันแล้วสินะครับคุณกิน”
“ของแบบนั้นมันจะมีอยู่ที่ร้านเราได้ยังไงล่ะชินปาจิเอ๋ย โอย ฉันรู้สึกว่าจะมีภาระยุ่งๆมาให้เลยว่ะ”
ชายหนุ่มผมเงินพูดแล้วเดินไปหาโซโกะพร้อมกับยื่นผลตรวจให้ดู โซโกะรับมาอย่างงุนงงแล้วก้มอ่าน
“ยินดีด้วยนะครับคุณโอคิตะ”
ชินปาจิกล่าวความยินดีกับโซโกะ เมื่อเห็นชายหนุ่มอ่านจบแล้วหันไปมองหน้าภรรยาที่ยังอยู่ในอ้อมกอด
โซโกะมองหน้าคางุระอย่างไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เขาได้รับรู้เมื่อสักครู่นี้ มือใหญ่แต่แสนอบอุ่นของเขาค่อยๆวางบรรจงลงบนหน้าท้องที่ยังแบนราบของหญิงสาวอย่างทะนุถนอม ทำให้คางุระสะอื้นขึ้นมาอีก
“แล้วหล่อนจะร้องไห้ทำไมกัน? ไม่ดีใจรึไงที่เรากำลังมีลูกด้วยกัน”
“เพราะลื้อทำให้อั๊วเตรียมตัวไม่ทันน่อ อั๊วยังไม่ได้ทำใจกับการเป็นแม่คนเลยน่อ ไอ้ตี๋บ้า”
“มันควรจะต้องเตรียมใจตั้งแต่เข้าหอลงโรงไปโจ๊ะพรึมๆกันไม่ใช่รึไง?”
กินโทกิอดแทรกไม่ได้ ซึ่งก็ทำให้ชินปาจิหน้าแดงแทนคู่สามีภรรยา
“แล้วอั๊วก็ยังอยากทำงานกับกินจังอยู่เลยน่อ”
คางุระบอกสามีอีกเหตุผลหนึ่ง โซโกะหันไปมองหน้ากินโทกิซึ่งนั่นก็ทำให้กินโทกิถอนหายใจออกมา
“ว่าไงล่ะว่าที่คุณพ่อ ฉันแล้วแต่นายเลยแล้วกันแต่ถ้ายังจะให้ยัยหมวยบ๊องนี่ทำงานที่นี่อยู่ล่ะก็ฉันก็สัญญาว่าดูแลให้อย่างดีแล้วกัน”
โซโกะมองหน้าภรรยาที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาแล้วใจอ่อนแม้จะห่วงสุขภาพของเธอมากก็ตาม
“งั้นก็รบกวนด้วยนะครับลูกพี่”
“ลื้อจะให้อั๊วทำงานที่ร้านต่อได้รึน่อ?”
“ก็จนกว่าหล่อนจะพอใจไปเลยฉันเคยขัดหล่อนได้ที่ไหนล่ะ แล้วอย่ามาร้องโอดครวญคลอดลูกระหว่างทำงานแล้วกัน”
“อั๊วรักลื้อที่สุดเลยน่อโซโกะ”
คางุระบอกแล้วกอดสามีแน่น โซโกะทำหน้าเซ็งๆกับความรักที่ไม่ค่อยได้ออกจากปากหญิงสาวแม้เขาจะทวงถามเท่าไรก็ตาม แต่คำบอกรักกลับพูดออกมาง่ายๆเมื่อเขาอนุญาตให้เธอได้ทำงานต่อ ความหึงหวงเกิดขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อคิดมากว่าคางุระยอมบอกรักเพราะเขาให้เธอทำงานกับกินโทกิ ไม่ว่ายังไงกินโทกิก็ยังคงสำคัญกับคางุระอยู่ดี
“แล้วหล่อนจะรับผิดชอบร่างกายฉันที่หล่อนทุบเอาๆอยู่เมื่อกี้ยังไง?”
“ลื้อนี่จุกจิกจริงน่อ เรื่องมันผ่านไปแล้วยังจะเอามาคิดอีก”
“มันผ่านไปแล้วแต่ฉันยังเจ็บและจุกอยู่เลยนะ”
“อย่าโมโหอั๊วน่อ เดี๋ยวลูกจะตกใจน่อ”
คางุระเอาลูกในท้องมาต่อรองไม่ให้เขาโกรธเธอ ซึ่งนั่นก็ทำให้โซโกะหันไปสนใจสิ่งมีชีวิตน้อยๆที่เป็นดั่งสายใยของเขากับเธอในท้องของคางุระ คนที่ไม่เคยใส่ใจเรื่องความสัมพันธ์และแทบไม่มีเพื่อนอย่างเขากลับกำลังสร้างครอบครัวเล็กๆได้ในตอนนี้
“สงสัยฉันจะยังไม่หายแฮงก์ว่ะชินปาจิ รู้สึกอยากจะอ้วกยังไงไม่รู้ อ้อ แล้วเชิญคุณสามีภรรยากลับไปทำความเข้าใจที่บ้านตัวเองทีเถอะ”
กินโทกิเอ่ยขึ้นอย่างหมั่นไส้แล้วโซโกะกับคางุระออกจากร้านไปแล้วปิดประตูใส่ในทันที
โซโกะกับคางุระมองหน้ากันอย่างเขินๆ
“อั๊วใส่ให้น่อ”
คางุระบอกแล้วเอาหน้ากากซาดาฮารุที่อยู่บนศีรษะสามีลงมาสวมให้เขาอย่างเบามือ จึงไม่เห็นว่าโซโกะยิ้มให้อย่างอ่อนโยนภายใต้หน้ากากนั่น
“คางุระ”
“หือ?”
“หล่อนสัญญากับฉันนะว่าจะดูแลตัวเองให้ดี อย่าทำงานที่ฝืนตัวเองนะถือว่าฉันขอร้อง”
“ลื้อไม่ห้ามอั๊ว แต่มาขอร้องแทนเหรอน่อ?”
“เพราะฉันรู้ว่าฉันห้ามหล่อนไม่ได้ไงล่ะ”
โซโกะพูดความจริง คางุระยิ้มให้กับว่าที่คุณพ่อแล้วโอบเอวเขาเดินไปด้วยกัน
“อั๊วสัญญาน่อ ว่าอั๊วจะดูแลตัวเองกับลูกในท้องให้ดีเลยน่อ อาตี๋น้อยๆต้องแข็งแรงเหมือนอั๊วแน่นอนน่อ”
“อะไรนะ? ลูกน่ะต้องเป็นผู้หญิงแน่นอน”
โซโกะเถียงทันทีเพราะเขาอยากได้ลูกสาวหน้าตาน่ารักอย่างคางุระมาออดอ้อนทดแทนภรรยาที่กดขี่เขาอยู่เนืองๆ
“ไม่น่อ อั๊วมั่นใจว่านี่ต้องเป็นอาตี๋แน่นอน”
คางุระเองก็เถียงเช่นเดียวกัน เพราะเธออยากได้ลูกชายไว้สืบสกุลคนแรกตามแนวคิดของยาโตะ
ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าจะเพศใดกันแน่ แต่ว่าที่พ่อแม่มือใหม่ก็ยังคงถกเถียงกันอย่างไม่ลดละจนกระทั่งถึงบ้านของพวกเขา
หลังจากดองฟิคจนจะกินได้อยู่แล้ว ในที่สุดไรท์ก็มีเวลามาอัพสักทีค่ะ
ก่อนอื่นก็ขอบคุณคนที่เข้ามาอ่านเหมือนเดิมนะคะ แม้จะดองนานแต่ยังคงติดตามกันอยู่ก็ขอขอบคุณจริงๆค่ะ
ความจริงเนื้อเรื่องในตอนนี้ตั้งใจจะให้เป็นตอนที่ 4 แต่ทว่าเนื้อเรื่องตอนที่ 3 นั้นกลับมีปัญหาทำให้เปิดไฟล์ไม่ได้เสียอย่างนั้น จึงต้องปรับปรุงตอนต้นๆของตอนที่ 4 นี้เล็กน้อย
ขออภัยถ้าหากอ่านไม่เข้าใจนะคะ
และคงจะดองฟิคเหมือนฟิคเก่าสมัยจีบกันของโอคิคางุเหมือนเดิมค่ะ ในฟิคนั้น มี 20 ตอนแต่ใช้เวลา 5 เดือน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฟิคนี้จะเป็นเช่นไรเหมือนกัน แต่ไรท์ก็จะพยามนะคะ
แล้วเจอกันตอนหน้าค่าาาาาา
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ