(ฟิคโอคิคางุ)After marriage

9.6

เขียนโดย naoza

วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 13.14 น.

  10 ตอน
  7 วิจารณ์
  26.24K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 12.48 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

2) X'mas ปีแรก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                เวลาได้ล่วงเลยผ่านไปจวบจนเข้าใกล้วัน X’mas ซึ่งเป็นเดือนที่ 2 ของการแต่งงานสำหรับคู่ของโซโกะกับคางุระ

                เช้านี้โซโกะได้ตื่นมากินข้าวเช้าพร้อมกับคางุระภรรยาของตนตามปกติหลังจากที่ได้ปรับความเข้าใจกันแล้ว แต่เขากลับเล็งเห็นถึงความไม่เท่าเทียมเมื่ออาหารเช้าของเขามีแค่ข้าวสุกร้อนๆกับไข่ดาวที่ทอดจนขอบเกรียมไหม้ส่วนของหญิงสาวนั้นกลับมีถ้วยซุปมิโซะและปลาทาระย่าง ซึ่งเธอก็กำลังกินมันอย่างเอร็ดอร่อย

                “ซู๊ดดดดด” คางุระยกถ้วยซดซุปมิโซะเสียงดังหลังจากจัดการอาหารเช้าเสร็จสิ้นเรียบร้อย โดยมีโซโกะนั่งกินไข่ดาวมองอยู่ไม่วางตาจนกระทั่งเธอวางถ้วยลงกับโต๊ะ “เดี๋ยวอั๊วไปทำงานก่อนนะโซโกะ X’mas ปีนี้กินจังไปรับงานที่ร้านขายเค้กอั๊วเลยต้องไปช่วยที่ร้านอบเค้กกับช่วยขายในวันพรุ่งนี้เลยด้วยน่อ”

                “หมายความว่าวัน X’mas หล่อนไม่ได้หยุดงั้นเหรอ?”

                โซโกะถามอย่างประหลาดใจทั้งๆที่เขาอุตส่าห์ลางานเพื่อพาเธอไปเที่ยวดูแสงสีที่คาบุกิโจแล้วแท้ๆ

                “งานยุ่งอ่ะน่อ ช่วงนี้รายได้กำลังเข้ามาเป็นกอบเป็นกำ กินจังเลยบอกว่าพวกอั๊วต้องขยันกันเป็นพิเศษเผลอๆปีนี้กินจังให้โบนัสอีกด้วยน่อ”

                “ถ้างั้นสงสัยปีนี้หิมะคงไปตกที่เมืองไทยแน่นอน” โซโกะพึมพำเปรียบเทียบถึงความเป็นไปได้ที่กินโทกิจะให้เงินโบนัสกับพวกลูกน้อง “แต่ช่างมันเถอะที่ฉันสงสัยกว่านั้นก็คือทำไมอาหารเช้าของฉันมันเป็นไข่ดาวเกรียมๆไปได้ล่ะเนี่ย?”

                “อ้าว ก็ลื้อบอกเบื่อไข่สดนี่น่อ”

                คางุระตอบด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่แสนจะใสซื่อ จนโซโกะอยากจะเขกหัวเจ้าหล่อนแรงๆสักครั้ง

                “จะอะไรก็ตามเถอะ ช่วยพาฉันให้หลุดพ้นจากวงจรไข่ได้ไหม? แล้วปลาทาระที่ฉันอุตส่าห์ได้มาจากสำนักงานทำไมมีหล่อนได้กินแค่คนเดียว?”

                “อ้าว ก็ลื้อเอามาให้อั๊วเจี๊ยะไม่ใช่เหรอน่อ?”

                “2 ตัวเชียวนะ แล้วหล่อนกะจะไม่แบ่งฉันสักตัวเลยเหรอ?”

                “โซโกะ ทำไมลื้อนี่คิดเล็กคิดน้อยเป็นหญิงจ๋าไปได้ล่ะน่อเรื่องขี้ประติ๋วเอง” คางุระบ่นโซโกะที่เซ้าซี้ถามเรื่องไม่เป็นเรื่อง “ดูสิน่อ อั๊วจะสายเพราะลื้อนี่แหล่ะ อย่าลืมล็อคประตูดีๆด้วยน่อ อ้อ ล้างจานให้อั๊วด้วยน่อ ดาร์ลิ้ง”

                ชายหนุ่มมองร่างบางของภรรยาที่รีบวิ่งออกไปจากร้านแล้วถอนหายใจ เขาไม่รู้ว่าเขาควรจะรู้สึกดีใจดีหรือไม่เมื่อคางุระเรียกเขาว่าดาร์ลิ้ง เพราะเมื่อไหร่ที่เจ้าหล่อนเรียกเขาหวานๆนั่นก็หมายถึงว่าเขาต้องทำงานอะไรให้เธอบางอย่าง

                โซโกะกินอาหารเช้าเสร็จแล้วจัดการล้างจานตามที่คางุระสั่ง เขาเริ่มรู้สึกว่างานบ้านที่น่าจะเป็นของศรีภรรยากลับกลายว่าส่วนมากเป็นเขาที่ทำ ส่วนศรีภรรยาหากมีเวลาว่างพอเธอก็เอาแต่นอนดูทีวีไปพลางเคี้ยวสาหร่ายดองไปพลางเท่านั้น พลันนัยน์ตาสีน้ำตาลแดงของเขาเหลือบไปเห็นร่มสีม่วงของคางุระวางไว้อยู่หน้าประตู

                “ลำบากฉันจนได้สิ ยัยหมวยนรก”

                ชายหนุ่มพึมพำรีบเตรียมตัวไปทำงาน และไม่ลืมคว้าร่มของคางุระแวะไปให้เธอก่อนไปทำงานด้วย

 

                “เข้าใจไหมคางุระ ต่อให้อยากกินแค่ไหนหล่อนก็ห้ามกินเด็ดขาด”

                กินโทกิเจ้าของผมสีเงินสั่งหญิงสาวที่ทำท่าดีใจเมื่อจะได้ไปเตรียมอบเค้กก่อนวัน X’mas ที่จะถึงในวันพรุ่งนี้

                “รู้แล้วน่อ อั๊วไม่ใช่คนที่ฟังคำสั่งเข้าใจยากน่อ”

                “ใช่ครับ ฟังรู้เรื่องแต่ไม่ปฏิบัติตาม”

                ชินปาจิขยับแว่นให้เข้าที่ก่อนจะเสริมคำพูดของคางุระที่บอกกับกินโทกิ ทำให้หญิงสาวเคือง

                “หุบปากไปเลยน่อเจ้าแว่นค้างสต็อก”

                “หนอย ว่าใครค้างสต็อกกัน?”

                “พอๆ ไอ้เจ้าสองตัวนี่โตจนจะแก่อยู่แล้วยังจะทะเลาะกันอยู่ได้ รีบๆไปทำงานกันได้แล้ว”

                กินโทกิจับทั้งสองคนแยกจากกันแล้วเดินนำออกจากร้านไปโดยมีซาดาฮารุเดินตามหางของมันสะบัดไปมาอย่างอารมณ์ดี

                เมื่อทั้ง 3 คนและ 1 ตัวพากันเดินไปได้ไม่เท่าไหร่ก็พบกับชายคนที่มัดผมสีน้ำตาลยาวของตนเดินตรงเข้ามาที่พวกเขาใบหน้าของชายคนนั้นมีหน้ากากซาดาฮารุสวมไว้อยู่ ซึ่งแม้ไม่บอกก็รู้ว่าคือใคร

                “อ้าว เจ้าบ้าไคเซอร์มาทำอะไรที่นี่กันล่ะ งานการไม่ทำรึไง?”

                กินโทกิเอ่ยทักคนที่มีฉายาว่าไคเซอร์ตามสไตล์ของตน

                “อรุณสวัสดิ์ครับลูกพี่ ชินปาจิคุง พอดียัยหมวยลืมร่มน่ะครับ กินปลาก็ไม่ได้ช่วยให้สมองดีขึ้นเลย”

                ไคเซอร์หน้ากากซาดาฮารุตอบอดแขวะเรื่องเมื่อเช้าไม่ได้แล้วยื่นร่มสีม่วงให้กับหญิงสาวที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากเขามากนัก

                “โอ้ ขอบใจน่อ”

                คางุระรับร่มและกล่าวขอบคุณ เธอมองไคเซอร์หรือโซโกะที่สวมหน้ากากซาดาฮารุเพื่อปกปิดไม่ให้ใครรู้ว่าพวกอดีตชินเซ็นงุมิยังมีชีวิตอยู่อย่างเห็นใจ เพราะนั่นหมายความว่าชั่วชีวิตของพวกเขาจะไม่มีทางได้มาเดินลอยหน้าลอยตาในเอโดะอย่างคนทั่วไป

                “รีบๆกางเข้าสิ เดี๋ยวก็เวียนหัวหรอก”

                โซโกะเร่งเพราะกลัวว่าคางุระโดนแดดแล้วเวียนหัวและหมดแรง

                “คางุระจังลืมร่มมางั้นเหรอ? เพิ่งสังเกตนะเนี่ย” ชินปาจิพึมพำ “ดีนะที่วันนี้อาการหนาวแดดไม่แรงไม่งั้นป่านนี้คงต้องไปนอนใน รพ. อย่างเมื่อก่อนแน่ๆเลยนะครับ”

                “รีบไปทำงานกันได้แล้วเจ้าพวกบ้า ถ้าสายฉันจะหักเงินเดือนให้ดู”

                กินโทกิบอกกับคางุระและชินปาจิ ส่วนโซโกะจึงขอตัวไปทำงานเช่นกัน

 

                ณ ร้านเอโดะเค้กหวาน

                พวกกินโทกิเปลี่ยนเป็นชุดเซฟทำขนมหวานกันครบทุกคน ส่วนซาดาฮารุถูกผู้จัดการร้านพาไปสวมหมวกซานต้าเห่าเรียกลูกค้าด้านนอก

                “จำไว้นะยัยคางุระ ห้ามหล่อนกินเด็ดขาด”

                กินโทกิหันไปกำชับคางุระที่เดินถือถาดสตรอเบอร์รี่ถาดใหญ่เข้ามาในห้องอบเค้ก

                “ย้ำอยู่ได้ตาลุงหัวหงอกนี่ อั๊วรู้แล้วน่อ”

                คางุระบ่นกินโทกิที่กลัวเหลือเกินว่าเธอจะกินของในร้านเค้ก ถึงแม้ความจริงแล้วเธอพยายามกลืนน้ำลายหักห้ามใจไม่ให้กินมันแค่ไหนก็ตาม

                จากนั้นพวกกินโทกิก็ต่างพากันขยันขันแข็งช่วยเซฟและผู้จัดการอบเค้กขายเพื่อจะได้ทันในอีกไม่ถึง 24 ชม.ข้างหน้านี้

 

                จวบจนถึงเวลาพระอาทิตย์ตกดิน โซโกะแวะไปรับคางุระที่ร้านรับจ้างสารพัดแต่ยังไม่มีใครกลับมา เขาจะไปหาคางุระที่ร้านเค้กไหนก็ไม่ได้ถามว่าร้านไหน แต่ชายหนุ่มก็ตัดสินใจไปยังคาบุกิโจเพื่อไปด้อมๆมองๆก็ยังดี

                แสงไฟที่ประดับประดาตามสองข้างทางเริ่มเปิดแสงสว่างไสว ต้นคริสต์มาสยักษ์ถูกตั้งไว้กลางถนนดึงดูดหนุ่มสาวและคนต่างวัยมายล โซโกะเดินมองหาร้านเค้กที่คางุระทำงานแล้วสายตาก็ไปสะดุดกับมาสคอตหมายักษ์สวมหมวกซานต้าสีแดงนั่งอยู่หน้าร้านเค้กร้านหนึ่งจึงเดินไปหา

                “โฮ่ง”

                ซาดาฮารุเห่าทักชายที่สวมหน้ากากของตนอย่างดีใจเมื่อเห็นเขามาหยุดอยู่ตรงหน้า

                “ไง เจ้าหมายักษ์ ยัยหมวยยังทำงานไม่เสร็จสินะ”

                โซโกะลูบคางเจ้าหมาอย่างเอ็นดู แล้วมองเลยเข้าไปในร้าน ซึ่งเขาก็เห็นพวกกินโทกิกำลังเดินออกมาอย่างระโหยโรยแรง

                “อ้าว คุณโอคิ เอ๊ย คุณไคเซอร์”

                หนุ่มแว่นเอ่ยทักเมื่อเห็นโซโกะยืนอยู่หน้าร้าน

                “มารับยัยนี่งั้นเหรอ?” กินโทกิถาม “งั้นพวกเราไปดื่มแก้เหนื่อยดีกว่าชินปาจิ ไปกันเถอะซาดาฮารุ”

                “โฮ่ง”

                ซาดาฮารุเห่ารับทราบแล้วเดินตามกินโทกิกับชินปาจิไปอีกทาง ทิ้งคางุระให้ยืนอยู่กับโซโกะสองคน

                “ไง อดทนกับความตะกละของตัวเองจนโทรมเลยรึไง”

                โซโกะทักภรรยาที่มีท่าทางแสนเหนื่อย คางุระพูดอะไรไม่ออกเพราะว่าเธอทั้งเหนื่อยกับการทำเค้ก และเหนื่อยกับสิ่งที่เขาพูดจริงๆ

                “ถือให้ด้วยน่อ”

                คางุระยื่นร่มให้สามีถือแล้วตัวเธอเองก็เดินไปชิดร่างสูงจากนั้นก็เอนศีรษะไปพิงไหล่ของเขา

                “เดินดีๆไม่เป็นรึไงยัยหมวยนี่”

                โซโกะถามทั้งๆที่ตัวเองก็ดีใจที่คางุระมาออดอ้อนเช่นนี้

                “อั๊วเหนื่อย ปกติแล้วอั๊วไม่เคยเหนื่อยขนาดนี้มาก่อนเลยน่อ ว่าไปช่วงนี้อั๊วก็เหนื่อยง่ายเป็นพิเศษเลยน่อ”

                หญิงสาวบอกแล้วยิ่งเอนตัวไปพิงโซโกะมากกว่าเดิม

                “ก็เอาแต่ขี้เกียจจนเคยตัว” โซโกะเปรยก่อนจะพาเธอเดินมาถึงต้นสนยักษ์ “เหนื่อยขนาดนี้จะเดินชมแสงไฟคริสต์มาสได้ไหมเนี่ย?”

                “ลื้อจะพาอั๊วเที่ยวเหรอน่อ?”

                คางุระผงกศีรษะกลับมายืนตามปกติแล้วถามเขาอย่างตื่นเต้น โซโกะยิ้มมุมปากเมื่อเห็นเจ้าหล่อนกลับมามีแรงเสียอย่างนั้น

                “ไหนก็ๆมาแล้วนี่แล้วพรุ่งนี้หล่อนก็ไม่หยุดด้วย”

                “แต่อั๊วว่ากลับบ้านดีกว่าน่อ มันมีแต่แสงสีไม่มีของกินเหมือนงานเทศกาลฤดูร้อนน่อ”

                “ไม่พ้นของกินจริงๆ” ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างละอา “ถ้าเหนื่อยหล่อนก็นั่งตรงนี้ไปก่อนแล้วกัน ฉันมีธุระนิดหน่อย”

                “ไม่เอาน่อ อั๊วเดินกลับบ้านไปก่อนแล้วกัน”

                คางุระปฏิเสธแล้วจะเดินกลับบ้าน แต่โซโกะให้เธอรออยู่ที่ต้นคริสต์มาสยักษ์ที่พวกเขาพากันเดินมาถึง หญิงสาวไม่อยากต่อความเธอจึงรอเขาอย่างว่าง่าย

                โซโกะเดินจากไปได้ไม่นาน ก็มีชายหนุ่ม 2 คนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของคางุระและมองเธอด้วยสายตากรุ้มกริ่ม

                “ไปดื่มชากับพี่ไหมน้องสาว?”

                หนึ่งในนั้นถามคางุระ แต่เธอไม่สนใจเบือนหน้าหันไปทางอื่นสร้างความหงุดหงิดใจให้กับสองคนนั้นมาก

                “นี่น้องทำมาเล่นตัว ไปสนุกกับพี่เถอะ”

                ชายสองคนจับแขนคางุระฉุดเธอให้ลุกขึ้น หญิงสาวจะสะบัดหนีแต่กลับไม่มีแรงเสียอย่างนั้นสร้างความแปลกใจให้กับเธออย่างมาก เพราะถึงแม้จะเหนื่อยแค่ไหนเธอก็ไม่น่าจะไม่มีแรงขนาดนี้ ชายหนุ่มขี้หลีทั้งสองคนฉุดเธอให้เดินไปด้วยกันอย่างรุนแรง

                “โอ๊ย!”

                จู่ๆหนึ่งในสองคนนั้นก็ร้องเสียงดังลั่น เมื่อหันไปดูสาเหตุก็พบกับชายหนุ่มผู้สวมหน้ากากซาดาฮารุยืนถือเทียนไขที่จุดไฟอยู่ข้างๆ ไม่ทันที่จะพูดจะถามอะไรโซโกะก็สาดน้ำตาเทียนไปที่หน้าของพวกนั้นต่อ

                “เฮ้ย ทำบ้าอะไรเนี่ย? ไอ้หน้าหมา”

                โซโกะไม่ตอบอะไรแต่สาดน้ำตาเทียนไปอีกรัวๆ และถีบจนล้มลุกคลุกคลานสร้างความตื่นตะหนกให้กับผู้พบเห็น พวกนั้นต้องรีบหนีห่างไปเพราะคราวนี้โซโกะจะเอาไฟจากเทียนลนพวกเขาแทนน้ำตาเทียนตามโหมดซาดิสม์ของตัวเอง

                “ทำบ้าอะไรน่ะ ทำไมไม่ต่อยพวกมันไปซะหมัดปล่อยให้มันจับตัวอยู่ได้”

                โซโกะหันมาดุคางุระที่กำลังตกใจกับพละกำลังของตัวเองที่หายไปไม่สมกับเป็นสาวยาโตะ เมื่อเห็นภรรยาทำหน้าตาตื่นเขาก็รีบดึงเธอพาออกจากที่นั่นเพื่อตรงกลับบ้านทันทีทำให้คางุระไม่ได้สังเกตเห็นถึงกล่องในถุงที่โซโกะถือมาด้วยมืออีกข้างของเขา

 

                เมื่อกลับถึงบ้านโซโกะก็ไล่คางุระไปอาบน้ำ ซึ่งเจ้าหล่อนก็ทำตามอย่างว่าง่าย ในอ่างอาบน้ำคางุระมองร่างกายตัวเองที่แช่อยู่ในนั้นอย่างแปลกใจ เพราะเรื่องการที่แรงเธอหายไปนั้นนอกจากการโดนแดดนานๆแล้ว มันก็แทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หรืออาจจะเป็นเพราะเมื่อเช้าเธอลืมร่มและนั่นก็คือสาเหตุที่ทำให้เธอหมดแรงก็เป็นได้

                ในระหว่างที่กำลังคิดเพลินๆจู่ๆไฟก็ดับลง หญิงสาวตกใจเป็นอย่างมากร้องตะโกนเรียกสามีให้มาหาแต่ทว่าไม่มีแม้แต่เสียงฝีเท้าเดินมาเลยสักนิด

                คางุระคลำทางออกมาคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันตัวแล้วเดินตามหาโซโกะท่ามกลางความมืด แต่สายตาของเธอก็พบกับแสงสว่างรำไรอยู่ทางในครัว เมื่อพาตัวเองไปถึงก็พบโซโกะกำลังนั่งอยู่ใต้โต๊ะอุ่นขา ข้างบนโต๊ะนั้นมีเค้กคริสต์มาสปักเทียนอยู่แสงจากเทียนทำให้เธอพอมองออกว่าอะไรเป็นอะไร

                “อ้าว ทำไมยังไม่แต่งตัวอีกล่ะ เชิญชวนรึไง?”

                โซโกะแกล้งแซวหญิงสาวเมื่อเห็นเธออยู่ในชุดผ้าเช็ดตัว

                “ลื้อจะบ้ารึไง? นี่อั๊วไม่หัวแตกตายคาห้องน้ำก็ดีถมไปแล้วน่อ เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง”

                คางุระว่าสามีแล้วเดินไปเปิดไฟอย่างหงุดหงิด ทำให้โซโกะผิดคาดที่เธอไม่ได้สนใจเค้กที่เขาซื้อมาเลยสักนิด

                “มากินเค้กก่อนมา จะได้หายอารมณ์เสีย” โซโกะเดินไปจูงมือภรรยามานั่งได้โต๊ะอุ่นขา แล้วตัวเองรีบไปหาชุดมาให้เธอสวม “ฉันรู้ว่าหล่อนคงอดทนไม่กินเค้กในร้านมาทั้งวัน เอ้า กินซะจะได้มีแรงไง”

                “อั๊วอบเค้กแต่งหน้าเค้กจนเอียนแล้วน่อ”

                คางุระเปรยเมื่อมองเค้กสตรอเบอร์รี่วางอยู่ จู่ๆเธอก็ไม่อยากกินมันเสียอย่างนั้นแต่ก็ไม่กล้าทำร้ายจิตใจสามีจึงยอมกินซึ่งก็กินเสียหมดไม่ได้เหลือไว้ให้โซโกะเลย

                “นี่หล่อนไม่ได้อยากกินจริงๆใช่ไหมเนี่ย?” โซโกะถามเมื่อเห็นแต่กล่องเค้ก “อีกหน่อยคงกลิ้งแทนเดิน”

                “พูดมากน่อ เดี๋ยวอั๊วล้วงคออ้วกออกมาให้เจี๊ยะซะเลยน่อ”

                “กินเสร็จแล้วก็ไปแปรงฟันจะได้นอน พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้าไม่ใช่รึไง”

                คางุระมองโซโกะที่กำลังทำความสะอาดโต๊ะแล้วรู้สึกผิดขึ้นในใจขึ้นมาเมื่อเธอไม่ได้ทำหน้าที่ภรรยาที่ดีในวันพิเศษๆแบบนี้

                “ทั้งๆที่เป็นคริสต์มาสปีแรกในชีวิตคู่ของเราแท้ๆเลย แต่อั๊วก็ยังทำงานอีกอั๊วขอโทษน่อ”

                “ช่างมันเถอะหน่า ปีหน้าค่อยว่ากัน หรือไว้เราค่อยทำให้มันดีกว่านี้ในปีใหม่ที่จะถึงก็แล้วกัน”

                “ปีใหม่อั๊วก็ต้องไปช่วยแจกเซียมซีที่ศาลเจ้าอีกน่อ”

                คางุระพูดถึงคิวงานตัวเอง โซโกะมองหน้าภรรยาที่ดูงานจะยุ่งเป็นพิเศษแล้วไม่พูดอะไร รู้สึกเคืองนิดๆที่เธอเห็นงานสำคัญมากกว่าชีวิตคู่

                คืนนั้นกลับกลายเป็นคืนที่คู่สามีภรรยานอนหันหลังให้กันเป็นคืนแรก

 

                รุ่งเช้าของวัน X’mas มาถึง

                พวกกินโทกิรีบไปช่วยงานที่ร้านเอโดะเค้กหวานแต่เช้า เพราะงานขายเค้กที่แสนยุ่งกำลังจะเริ่มขึ้น

                “คางุระ ช่วยยกเค้ก 20 กล่องมาทางนี้ทีนะ”

                กินโทกิตะโกนบอกหญิงสาวที่กำลังนับกล่องอยู่ข้างในร้านเพราะรู้ว่าพลังช้างสารของชาวยาโตะนั้นแค่ยกเค้ก 20 กล่องสบายมาก

                “โอเค”

                คางุระขานตอบแล้วหันไปให้ชินปาจิช่วยขนกล่องเค้กมาวางแขนและมือของเธอ แต่ชินปาจิวางไปได้แค่ 5 กล่องเท่านั้นคางุระก็แทบจะถือไม่ไหวทำท่าจะเอนล้ม กินโทกิรีบวิ่ง 1 x 400 เมตรเข้ามาในร้านทันที และเซฟกล่องเค้กไม่ให้ร่วงได้ทันท่วงทีด้วยความใจหายใจคว่ำ

                “ทำบ้าอะไรเนี่ยยัยบ้า”

                กินโทกิดุหญิงสาวที่กำลังสับสนว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แล้วไล่คางุระให้ไปขายเค้กกับซาดาฮารุข้างนอกร้าน

                “สงสัยจะเหนื่อยกับเมื่อวานล่ะมั้งครับ”

                ชินปาจิช่วยแก้ตัวให้กับคางุระอย่างเห็นใจ

                “จะยังไงก็ช่างเถอะ เมื่อกี้เราเกือบจะต้องใช้หนี้หูตูบซะแล้ว วัตสันเอ๋ย”

                ชายหนุ่มผมเงินลูบอกตัวเองอย่างใจหาย จากนั้นก็รีบพากันไปทำงานทันที

 

                ทางด้านโซโกะที่หยุดงานก็ไม่มีอะไรทำจึงไปเดินด้อมๆมองๆและแอบนั่งเฝ้าภรรยาตนห่างๆอย่างไม่ให้เธอรู้ตัว เลยได้เห็นว่าคางุระนั้นเสน่ห์แรงแค่ไหนเพราะลูกค้าที่มาซื้อก็เป็นหนุ่มๆหลายวัยทั้งนั้น แถมบางคนก็มาซื้อช้ำไปช้ำมาซึ่งโซโกะก็พยายามเก็บความหึงหวงของตนไว้ในใจ

                เวลาผ่านไปโซโกะสังเกตเห็นว่าคางุระดูอ่อนล้าอย่างชัดเจน ซึ่งกินโทกิกับชินปาจิก็คอยมาสับเปลี่ยนช่วยขายจนกระทั่งเค้กขายหมดและพวกรับจ้างสารพัดได้กลับบ้าน

                โซโกะเดินเข้าไปหาพวกกินโทกิเมื่อร้านปิด เขามองคางุระที่ไม่ได้พูดกับเขามาทั้งวันอย่างเห็นใจ

                “ชินปาจิ เราไปดื่มกันให้หายหนาวดีกว่า”

                กินโทกิกอดคอหนุ่มแว่นเดินไปด้วยกัน

                “ดื่มอีกแล้วเหรอครับ?”

                ชินปาจิย้อนถามเบาๆแต่ก็เดินไปกับกินโทกิพร้อมกับซาดาฮารุ

                “กลับกันเถอะ”

                โซโกะชวนคางุระกลับบ้าน แต่คางุระยังยืนอยู่เพราะเมื่อยล้า ชายหนุ่มจึงอุ้มภรรยาตนราวกับเด็กน้อยขึ้นแล้วพาเธอกลับบ้าน

                “ปล่อยน่อ อั๊วอายเขา”

                คางุระกระซิบให้สามีวางเธอลงเดินเหมือนกับคนทั่วไปแต่โซโกะทำเฉย

                “โซโกะ”

                “อยู่เฉยๆเถอะหน่า ฉันจะบริการหล่อนและยอมหนักแค่วันนี้วันเดียวเข้าใจไหม?”

                ชายหนุ่มส่งเสียงเข้มปรามคางุระ ทำให้หญิงสาวต้องกอดคอเขาซุกหน้าซ่อนความอายไว้ โซโกะยิ้มบางๆเมื่อเห็นคางุระทำตัวว่าง่าย

                “โซโกะ”

                “ว่าไง คางุระ”

                “อั๊วบอกกินจังแล้วน่อว่าจะลาวันปีใหม่”

                โซโกะเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อได้ยินคางุระบอกเช่นนั้น

                “ไม่กลัวอดได้โบนัสรึไง?”

                “อั๊วอยู่กับลื้อก็เหมือนได้โบนัสแล้วน่อ”

                คางุระพูดหวานใส่จนโซโกะขนลุก

                “ฉันเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมหล่อนถึงขนลุกเวลาที่ฉันทำหวานใส่”

                “งั้นอั๊วไม่สนแล้วน่อ”

                “ล้อเล่นหน่า”

                โซโกะรีบแก้แล้วยกมืออีกข้างที่ว่างของเขาขยี้ผมเธออย่างหมั่นเขี้ยว คางุระหัวเราะเบาๆข้างๆหูของชายหนุ่มทำให้โซโกะหัวเราะตามเฝ้ารอไปตีระฆังปีใหม่ด้วยกันอย่างใจจดใจจ่อ

               

      


 

ไรท์ขอขอบคุณที่ติดตามฟิคโอคิคางุนะคะ ขอบคุณที่ให้โอกาสหน้าใหม่อย่างไรท์ด้วยค่ะ

 

และต้องขอโทษด้วยที่ไรท์มักจะดองฟิคเป็นประจำค่า ยังไงก็รบกวนขอให้ติดตามกันไปจนจบนะคะ

      

 

               

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา