[EXO] Separate วิปโยค [Chanbaek]
เขียนโดย หนูมาลีมีหนุ่มหล่อๆ
วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 21.03 น.
แก้ไขเมื่อ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2558 19.51 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
6) First nightmare
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
I wanna be perfect
but I can't do it.
ฉันอยากจะสมบูรณ์แบบ
แต่ฉันไม่สามารถทำมันได้
เป็นเวลากว่าสองวันแล้วที่แบคฮยอนไม่ได้เข้าไปเยี่ยมหรือตรวจอาการของชานยอลเลย ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะทิ้งให้ชานยอลเป็นอย่างนั้นหรือว่าเกลียด เขาได้แต่นอนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อนนั้นซ้ำไปซ้ำมาอยู่ภายในห้อง
วันที่เขาได้เจอกับแม่ของชานยอล..
เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะกะทันหันพอสมควรสำหรับการได้มาพบญาติของผู้ป่วย ซึ่งปกติแล้วหลังจากบรรดาญาติพี่น้องพาคนไข้มาทำการรักษาที่นี้ก็หายตัวไปในกลีบเมฆ หรือเรียกง่ายๆก็คือ ปล่อยให้ตายรังอยู่ทีนี้ แบคฮยอนไม่ค่อยจะได้รับมือกับคนพวกนั้นมากเท่าไหร่ แต่เท่าที่ได้ยินมาจากพวกบุรุษพยาบาลคนอื่นๆ ก็ต่างบอกกันเป็นเสียงเดียวว่า
พวกญาติของคนไข้น่ะ เรื่องมาก...
ที่จริงตัวแบคฮยอนเองก็ไม่คิดว่ามันจะกะทันหันขนาดนี้ที่จู่ๆ แม่ของคุณชานยอลก็จะมาเยี่ยมชานยอล หลังจากที่หายตัวไปนาน สงสัยคงมีธุระสำคัญที่จะมาขอพบลูกชายตัวเองตอนนี้ บุรุษพยาบาลหนุ่มได้แต่นั่งรออยู่ในห้องรับรองของผู้อำนวยการเพียงลำพัง
ก๊อก.. ก๊อก..
แบคฮยอนดีดตัวขึ้นจากโซฟาทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะประตูจากข้างนอก เป็นเชิงบอกว่าแขกคนสำคัญได้มาถึงแล้ว ชายหนุ่มรีบเดินไปเปิดประตูให้ทันที นี้เป็นถึงกับแขกสำคัญของโรงพยาบาล จะทำให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด
รองเท้าส้นเข็มสีดำสนิทกระทบกับพื้นคอนกรีตภายในห้อง ปรากฏภาพของหญิงแก่คนหนึ่งที่อยู่ในเสื้อผ้าและเครื่องประดับสีดำราคาหลายหลัก หล่อนเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยและย่างกรายเข้ามาข้างในพร้อมกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่เดินตามมาติด แบคฮยอนโค้งทักทายให้กับทั้งสอง แต่ดูเหมือนว่าหล่อนจะไม่ใส่ใจมันเท่าไหร่นัก เธอเดินไปนั่งไขว่หางที่โซฟาทันที แบคฮยอนสัมผัสได้ถึงรังสีแปลกๆที่ออกมาจากผู้หญิงแก่คนนี้ เธอถอดหมวกใบใหญ่สีดำออก เผยให้เห็นใบหน้าที่เหี่ยวย่นที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางสีสด สีหน้าของหล่อนนิ่งเฉยและดูเย่อหยิ่งและไม่แยแสกับสิ่งรอบข้าง ผู้อำนวยการร่างใหญ่รีบเดินเข้ามานั่งใกล้ๆกับหล่อนทันที
“อ-เอ่อ..คือ.. ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงมีธุระอะไรหรอครับ?” เขาคุกเข่านั่งลงข้างๆเธอ
“ฉันมาหาลูกชายของฉัน และก็จะมารับเขากลับบ้านด้วย..” หล่อนพูดโดยไม่มองหน้าผู้อำนวยการและยังคงเชิดหน้าต่อไป
“เกรงว่าจะยังไม่ได้นะครับ.. คือ--”
“ทำไม!?” เธอหันมาใช้สายตามองเหยียดที่ผู้อำนวยการ เขาได้แต่นั่งปาดเหงื่อที่เริ่มผุดขึ้นที่ใบหน้า ในหัวพยายามคิดหาเหตุผลที่จะช่วยดับความโกรธของผู้หญิงคนนี้ให้น้อยลง
‘คือ... ลูกชายของคุณ คุณปาร์ค ชานยอล ยังไม่หายดีนะครับ เกรงว่าถ้าให้กลับไปตอนนี้คงไม่ได้นะครับ..’
ขืนชายอ้วนได้พูดแบบนี้ ชีวิตละหน้าที่การงานของเขาคงได้ตกลงปากเหวทันที เขาเก็บความจริงไว้ในใจ และเปลี่ยนไปใช้คำพูดโกหกแทน
“อ๋อ.. ไม่หรอกครับ คือว่า.. ลูกชายของท่าน คุณ ปาร์ค ชานยอล อาการดีขึ้นอย่างทันตาเห็นเลยครับ ที่เป็นแบบนี้เพราะได้คนดูแลเก่งๆ และอีกอย่างหนึ่งคือเรายังอยากให้คนไข้ได้ปรับตัวก่อนที่จะกลับบ้านนะครับ”
ทันทีที่พูดจบ แบคฮยอนถึงกับหันไปมองชายร่างอ้วนทันที สิ่งที่ผู้อำนวยการพูดมานั้นล้วนแต่เป็นคำโป้ปดแล้วหลอกลวงทั้งนั้น
อาการดีขึ้นงั้นหรอ??
ชานยอลไม่เคยมีอาการดีขึ้นเลย มีแต่จะแย่ลงไปทุกๆวันที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าโจ๊กเกอร์ต่อต้านยาที่แบคฮยอนเป็นคนจัดให้
“งั้นหรอ..” เสียงแหลมแก่ๆกล่าว ก่อนสายตาคมจะไปสะดุดเข้ากับชายหนุ่มผมสีแดงเพลิงที่ยืนอยู่ที่มุมห้อง หล่อนใช้สายตาพินิจพิจารณารูปร่างลักษณะของชายหนุ่มคนนั้น
“โรงพยาบาลนี้อนุญาตให้คนนอกเข้ามาด้วยหรอคะ..” เธอถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“อ๋อ.. ผู้ชายคนนั้นเป็นบุรุษพยาบาลครับ ชื่อ บยอน แบคฮยอน เป็นคนที่ทำหน้าที่ดูแลคุณชานยอลครับ”
“คุณออกไปได้แล้ว ฉันขอคุยเป็นการส่วนตัวกับคนที่ทำหน้าที่รักษาลูกชายของฉัน หวังว่าคงไม่เป็นการรบกวนคุณมากเกินไปนะคะ ผู้อำนวยการ..”
หญิงสาวพูดเป็นเชิงไล่ให้คนนอกออกไปจากห้อง เขาไม่รีรอรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที ทิ้งให้บุรุษพยาบาลแบคฮยอนต้องทำหน้าที่รับมือกับผู้หญิงชั้นสูงคนนี้แทนตัวเอง ภายในห้องอัดอั้นไปด้วยความเงียบและความกดดัน แบคฮยอนได้แต่ยืนตัวแข็งเป็นรูปปั้นที่มุมห้อง
“เอ้า.. จะให้ฉันตะโกนคุยกับเธอรึไง เข้ามานั่งสิ บนโซฟาตรงข้างหน้านะ..”
แบคฮยอนก้าวขาแทบไม่ออก เขาทำได้แค่ค่อยๆเดินมา ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะได้หย่อนกายลงบนโซฟาตัวหนา หล่อนก็เริ่มเข้าประเด็นในทันที
“ลูกชายฉันหายแล้วจริงๆ แล้วใช่ไหม..”
“เอ่อ.. คือ..” เขาหลบสายตาดุของหล่อน สองมือกุมกันแน่น แบคฮยอนไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดความจริงไปดีไหม หรือว่าควรจะโกหกต่อไป
“คุณชานยอลใกล้จะหายแล้วครับ คงต้องให้รักษาตัวอีกซักระยะถึงจะหายเป็นปกติได้” เขาเลี้ยงที่จะตอบว่า หายเป็นปกติ และใช้คำว่า ใกล้จะหายแล้ว แทน แต่ดูเหมือนว่าหล่อนจะตีความหมายของประโยคไปคนละทิศคนละทาง
“งั้นก็ดี ฉันจะได้มารับตัวลูกชายฉันกลับเลย อีกอย่าง..”
หล่อนจ้องเขม็งที่ใบหน้ามนของอีกฝ่าย ก่อนจะใช้สายตาไล่พิจารณาบุรุษพยาบาลแบคฮยอนตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า
“ที่นี่เขาให้คนในองค์กรทำสีผมได้ด้วยหรอ..” มันไม่ใช่คำถามที่ต้องการคำตอบ แต่หล่อนกำลังดูถูกรสนิยมการแต่งกายของอีกฝ่ายอยู่ต่างหาก “ขออบอกไว้ก่อนเลยนะ ลูกชายของฉันต้องได้รับสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แม้กระทั่งคนใกล้ตัว พวกเขาต้องเป็นคนที่นอกจากจะมีความสามารถแล้ว ต้องมีพื้นฐานและรสนิยมที่ดีในการแต่งตัวด้วย ถึงฉันจะรู้สึกดีใจที่เธอสามารถรักษาลูกชายฉันได้ แต่ฉันก็ไม่สามารถจะขอบคุณเธอได้ เพราะดูการแต่งตัวของเธอสิ.. นี่ถ้าแค่ถอดเครื่องแบบของโรงพยาบาลออกก็นึกว่าพวกกุ๊ยข้างถนน..” พูดจบ หล่อนก็ลุกขึ้นและเดินออกไป หลังจากที่ตัวเองได้ปล่อยคำพูดที่เหมือนดั่งใบมีดอันแหลมคมที่ทำร้ายจิตใจของแบคฮยอนออกไป หากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่แม่ของชานยอลเขาคงจะไม่รู้สึกเจ็บปวดมากขนาดนี้
หลังจากวันนั้น คำพูดของเธอก็ยังวนเวียนอยู่ในความคิดของชายหนุ่มมาโดยตลอด
เขาลุกขึ้นจากเตียงไปสำรวจตัวเองบนหน้ากระจก นิ้วเรียวลูบเส้นผมสีแดงของตัวเองอยู่อย่างนั้น พลางคิดถึงคำพูดของหล่อน แบคฮยอนดูเครียดมาก โดยปกติแล้วเขามักจะโดนคนรอบข้างวิจารณ์ในเรื่องแบบนี้เป็นประจำ ตัวเขาเองก็ไม่ได้แคร์มันมากนัก ปล่อยให้คำพูดดูถูกนั้นลอยไปตามลม แต่กับอีแค่คำวิจารณ์จากคุณแม่ของชานยอล กลับทำให้เขาต้องเก็บมาคิดถึงมันตลอดเวลา
สุดท้ายแล้ว เส้นผมสีแดงเพลิงก็ถูกทำกลับให้เป็นเป็นสีธรรมชาติดังเดิม
กลับมาเป็นแบคฮยอนคนเก่าแล้ว...
.
.
.
เสียงบานพับประตูที่ถูกสนิมกินดังขึ้นทำลายเสียงเพลงคลาสสิคจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงในห้องของชานยอล ทุกๆครั้งที่เข้ามาชานยอลก็ยังเหมือนเดิม เขายังคงนั่งบนโซฟาสีแดงตัวโปรดและจมดิ่งไปกับเสียงเพลง
แบคฮยอนไม่อยากทำให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมา เพราะเห็นว่ากำลังพักผ่อน จึงค่อยๆเดินถือถาดยาไปวางในห้อง
"คุณแบคฮยอน.."
อีกฝ่ายสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงทุ้มต่ำจากคนตัวสูงที่นั่งตรงโซฟา เขาหันไปตามเสียงเรียกพบว่าชานยอลตื่นขึ้นมาแล้ว
"เอ่อ.. ผมแค่จะมาเอายาให้ ผมมารบกวนคุณรึเปล่า?"
"ไม่ครับ ผมก็มีเรื่องอยากจะคุยกับคุณแบคฮยอนอยู่พอดี"
แบคฮยอนวางถาดยาลงบนหัวเตียง แล้วเดินมานั่งประจัญหน้ากับชานยอล
"?"
"คุณเป็นคนบอกแม่ผมหรอครับ ว่าผมหายแล้ว?.."
"ก็ใช่ครับ แต่ผมแค่บอกว่าอาการของคุณดีขึ้--"
"วันพรุ่งนี้ผมจะต้องออกจากโรงพยาบาล"
ยังไม่ทันที่แบคฮยอนจะพูด อีกฝ่ายก็พูดสวนขึ้นมาทันที แบคฮยอนดูตกใจมากเมื่อตัวเองได้ยินแบบนั้น เพราะเขาคาดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนั้นจะพาชานยอลกลับบ้านจริงๆ
"คุณแม่ของผมบอก ว่าผมหายดีพร้อมจะกลับบ้านได้แล้ว.."
"..."
"ซึ่งแน่นอนว่าถ้าผมได้ออกไปจากโรงพยาบาลนี้เมื่อไหร่ โจ๊กเกอร์คงได้ออกมาอาละวาดแน่ๆ.. ผมก็เลยคิดแผนรับมือไว้ แต่คงจะต้องขอความร่วมมือจากคุณแบคฮยอนด้วย"
"แผน? แผนอะไรหรอครับ?"
"คุณช่วยลาออกจากโรงพยาบาล แล้วไปเป็นคนดูแลส่วนตัวของผมแทนได้ไหมครับ" ชานยอลส่งสายตาเว้าวอนอีกฝ่าย
"คุณไม่ต้องห่วงเรื่องความเป็นอยู่นะ ผมจะเป็นคนจัดการออกค่าใช้จ่ายให้คุณหมดทุกอย่าง"
"ผมไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ แต่คุณมั่นใจจริงๆหรอครับว่าถ้าให้ผมออกไปดูแล จะช่วยไม่ให้โจ๊กเกอร์ออกมาได้ แล้วอีกอย่าง คุณแม่ของคุณจะยอมหรอ.."
"ก็ดีกว่าปล่อยให้มันออกมาตามอำเภอใจมากจนเกินไป ส่วนเรื่องคุณแม่ ผมคิดว่าท่านคงเข้าใจ.." แบคฮยอนเมื่อได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกสบายใจขึ้นมานิดๆ
"สงสัยอะไรอีกรึเปล่าครับ?"
แบคฮยอนส่ายหน้าปฏิเสธ
"วันพรุ่งนี้เช้าคนของที่บ้านจะมารับผม คุณแบคฮยอนเก็บเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้เท่าที่จำเป็นแล้วมาหาผมที่ห้องนะครับ"
"เข้าใจแล้วครับ งั้นผมขอตัวนะ.."เขาตัดบทสนทนาระหว่างเขากับคุณชานยอล ก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้อง ยังไม่ทันที่จะได้ออกไป ชานยอลก็พูดบางอย่างขึ้นมา
"คุณแบคฮยอนย้อมสีผมกลับหรอครับ?"
"ค-ครับ.."
"ดูน่ารักดีนะครับ เป็นธรรมชาติดี"
"ส-สังเกตด้วยหรอ.."
"ทุกวันที่ได้เห็นคุณ ผมก็จำรายละเอียดของคุณแบคฮยอนได้หมดแหละครับ"
ตอนนี้บุรุษพยาบาลแบคฮยอนแทบจะหุบยิ้มของตัวเองไว้ไม่อยู่ เขารีบเดินออกจากห้องไปในทันที ตอนนี้ในหัวมีแต่คำพูดและเสียงของอีกฝ่ายลอยวนเวียนอยู่ในหัว ทำไมตัวเขาถึงต้องรู้สึกแปลกๆแบบนี้ด้วยนะ
กะอีแค่คำชม ทำไมต้องยิ้มด้วย!
หลังจากที่อีกฝ่ายออกไป ใบหน้าเคร่งขรึมเมื่อตอนแรกก็ถูกเปลี่ยนให้มีแต่รอยยิ้ม ชานยอลเองก็สงสัยตัวเองเหมือนกันว่าเผลอพูดความจริงแบบนั้นออกไปได้ยังไงกัน ฝ่ามือใหญ่กุมใบหน้าของตัวเองเพื่อพยายามปกปิดแก้มที่ตอนนี้กำลังแดงระเรื่อ
บ้าจริงเลย ตัวเขา..
--------------------------------
If you can't wake up from the nightmare
ถ้าคุณไม่สามารถตื่นขึ้นจากฝันร้ายได้
Maybe you're not asleep.
บางทีคุณอาจจะไม่ได้นอนอยู่
"ชานยอล.."
"ชานยอล.."
"ชานยอล.."
"ชานยอล..ตื่นสิ ตื่นชานยอล"เสียงเล็กแหมดังขึ้นที่ข้างใบหูของชานยอล มันพยายามปลุกให้เขาตื่น เปลือกตาหนาค่อยเปิดออก ดวงตาสีน้ำตาลเข้มพยายามสอดส่องสิ่งรอบข้างที่นี่..
ที่ไหน??
คำถามแรกผุดขึ้นมาในหัว ชานยอลจำได้ลางๆว่า หลังจากเขาอ่านหนังสือเสร็จก็เข้านอนตามปกติ ไม่มีโจ๊กเกอร์มาก่อกวนแต่อย่างใด แต่พอเขาตื่นขึ้นมา เขากลับมาอยู่ที่ห้องรับประทานอาหารที่บ้านของตัวเอง แต่มันมีสภาพที่ดูเหมือนมีใครเข้ามาทำลายข้าวของ ผ้าม่านแลtวอลเปเปอร์ราคาแพงถูกฉีกจนขาดวิ่น ถ้วยโถโอชามราคาแพงต่างแตกกระจาย จนเขาเริ่มกลัวจริงๆแล้วว่านี่มันใช่บ้านของเขาจริงๆงั้นหรอ เสื้อผ้าชานยอลถูกเปลี่ยนให้เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวพร้อมกับเสื้อสูทสีดำขลับ เขาพบว่าตัวเองกำลังร่วมโต๊ะรับประทานมื้อเย็นกับใครบางคน เขาพยายามมองให้ออกว่าคนตรงหัวโต๊ะคือใครกันแน่
ยองชาง!?
ไม่ใช่..
นั้นมัน
โจ๊กเกอร์!
"แก!!" ชานยอลตะโกนเรียกโจ๊กเกอร์ที่นั่งจิบไวน์อยู่อย่างเงียบๆ มันสวมแค่เสื้อเชิ้ตสีดำตัดกับสีผม โจ๊กเกอร์ติดกระดุมแค่ไม่กี่เม็ด เผยให้เห็นแผ่นอกสีขาวที่มีร่องรอยขีดข่วนบางอย่าง
"สวัสดีครับ คุณชานยอล"
"ต้องการอะไรอีก!"
"ผมแค่อยากชวนคุณมาร่วมทานอาหารเย็นเป็นเพื่อนผมก็เท่านั้นเอง.."พูดจบ โจ๊กเกอร์ก็ดีดนิ้วเรียกคนรับใช้มาเสริฟอาหารให้ทันที ถาดอาหารเงินมันวาวถูกวางลงตรงหน้าของชายทั้งสอง เมื่อฝาครอบถูกเปิดออก ก็เผยให้อาหารหน้าตาขยะแขยงที่มีหนอนไต่ยั้วเยี้ยเต็มจาน ชานยอลรู้สึกพะอืดพะอมคล้ายจะอาเจียนออกมา ตรงกันข้ามกับโจ๊กเกอร์ที่ดูท่าจะเอร็ดอร่อยไปกับอาหารรสเลิศตรงหน้า
"ไม่ทานซักหน่อยล่ะ.. เชฟคนนี้ทำอร่อยนะ หรือว่าไม่ค่อยหิว จะทานแต่ผลไม้ก็ได้นะ"
โจ๊กเกอร์ผายมือไปยังตะกร้าผลไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะ แต่ช่างน่าเสียดายที่ผลไม้เหล่านั้นล้วนแห้งเฉาและเหี่ยวตายไปหมดแล้ว ชานยอลส่ายหน้าปฏิเสธทันที
"ที่เชิญนายมาวันนี้เพราะมีเรื่องอยากจะคุยด้วย.."
"ฉันจะเลิกรบกวนนายแล้ว.."
การกระทำทุกอย่างหยุดชะงัก ชานยอลถึงกับขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อได้ยินประโยคแบบนี้ออกมาจากปากโจ๊กเกอร์
"แกกำลังล้อเล่นอะไรอยู่.."ชานยอลไม่ปักใจเชื่อ เขาคิดว่านี่คือการเล่นละครตบตาของโจ๊กเกอร์
"ฉันพูดจริงๆนะชานยอล.. ฉันถึงได้เชิญนายมาทานอาหารกับฉันเป็นมื้อสุดท้ายยังไงหล่ะ.." โจ๊กเกอร์สีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง ชานยอลเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแต่ตอนนี้เขากลับสงสัยมากว่าทำไมโจ๊กเกอร์ยอมที่จะเลิกง่ายดายขนาดนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นพยายามจะฆ่าเขาอยู่ตั้งหน้าต่อหลายหน
"ถึงนายจะไม่เชื่อฉันก็ตาม ฉันก็อยากให้นายร่วมดื่มฉลองกับฉันเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย.." โจ๊กเกอร์ยกแก้วไวน์สีกุหลาบขึ้นมาเป็นเชิงเชื้อเชิญ ชานยอลก็ทำตามอย่างว่าง่ายและไม่ตะขิดตะขวงใจอะไร
"ดื่มให้กับนาย ที่กำลังจะได้เป็นอิสระ.."โจ๊กเกอร์ยกแก้มไวน์ดื่มเสียจนหมดแก้ว ชานยอลค่อยๆจิบรสชาติของมัน เขากลัวว่าในนั้นจะมียาพิษหรือไม่ก็ยาสลบอยู่ แต่ไม่เลย มันคือไวน์ธรรมดาๆนี่เอง
เพล้ง!!
แก้วไวน์ร่วงหล่นลงจากมือของโจ๊กเกอร์ จู่ๆอีกฝ่ายก็มีอาการชัก น้ำลายฟูมปาก สองมือกุมเข้าที่คอเหมือนมีอะไรบางอย่างที่กำลังกัดกร่อนและทำลายอวัยวะภายในอยู่ ชานยอลตกใจมากที่เห็นว่าโจ๊กเกอร์มีอาการประหลาดจนตกจากเก้าอี้ เขารีบวิ่งเข้าไปดูอาการของอีกฝ่ายอย่างร้อนรน
"จ-โจ๊กเกอร์ เป็นอะไรไป?!"
เลือดสีสดไหลออกมาจากปากของคนบนพื้น มันนอนขดตัวกุมท้องตัวเองไว้แน่น ร้องครวญครางเสียจนฟังไม่ได้ศัพท์ ไอออกมาเหมือนกับเครื่องในจะหลุดออกมาด้วย ชานยอลไม่รู้ว่านี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับโจ๊กเกอร์
"แกตอบมาสิว่าแกเป็นอะไร!?"
"หึ.. หึ.." มันหัวเราะเบาๆในลำคอ พร้อมกับแสยะยิ้มอย่างพอใจ ชานยอลคุกเข่าลงไปเขย่าตัวอีกฝ่ายแรงๆเพื่อเรียกคืนสติโจ๊กเกอร์ให้กลับมา
"ติดกับ.." เสียงของโจ๊กเกอร์แหบพร่า
"??"
"แกติดกับเข้าให้แล้ว.. ชานยอล.."
มีดกินข้าวถูกแทงเข้าที่ท้องของชานยอลอย่างแรง ถึงจะไม่ใช่มีดที่มีปลายแหลมแต่ด้วยพละกำลังของโจ๊กเกอร์ก็มากพอที่จะทำให้มันเข้าไปคาอยู่ที่ท้องได้ โจ๊กเกอร์หัวเราะชอบใจ ก่อนจะยันกายให้ลุกขึ้น ใช้หลังมือปาดคราบเลือดที่เลอะไปทั่วปาก ในขณะที่ชานยอลกำลังอยู่ในอาการตื่นตระหนก เขาก้มมองปลายมีดที่โผล่ออกมาจากหน้าท้อง เลือดค่อยขยายวงกว้างไปเลอะเสื้อผ้าของเขา ใบหน้าเริ่มซีดเผือด ก่อนที่เขาจะล้มลงไปกองอยู่บนพื้น เขาหายใจหอบถี่ สองมือเปรอะไปด้วยเลือดสดใหม่ที่กำลังไหลออกมาจากรอยแผล
"แหม่.. ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างนายจะหลงลูกไม้ตื้นๆแบบนี้ คิกๆ.."
โจ๊กเกอร์ลงไปนั่งยองๆข้างร่างที่กำลังจะไร้ลมหายใจ เขาจิกหัวให้ชานยอลเงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะฉีกยิ้มร้ายกาจเหมือนดังที่ทุกคนคุ้นเคย
"ฉันได้ข่าวมาว่า นายกำลังจะออกจากโรงพยาบาลใช่ไหมหล่ะ.. แล้วคุณแบคสุดที่รักของนายก็จะตามไปดูแลนายด้วย ฉันคิดว่านี่มันคือโอกาสดีที่ฉันกับคุณแบคฮยอนจะได้สานต่อความสัมพันธ์ของเราให้แน่บแน่นยิ่งขึ้น.."
"ก-แก.. ห้ามทำแบบนั้นเด็ดขาด!!"
"ยิ่งดิ้นมันก็ยิ่งเจ็บนะชานยอล~ อยู่เฉยๆ ในนี้ แล้วที่เหลือฉันจะจัดการเอง.. ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะไม่ทำอะไรเขาตอนนี้หรอก แต่จะให้คุณแบคฮยอน ค่อยๆจิบ.. ค่อยๆลิ้มรสความเจ็บปวด ความทรมานไปทีละนิด "
"ก-แก..!!" โจ๊กเกอร์ผลักหัวอีกคนเบาๆ มันลุกขึ้น ปล่อยให้ชานยอลนอนจมกองเลือดอยู่อย่างนั้น
"อ๋อ.. อีกอย่าง ฉันยังไม่อยากให้แกตายตอนนี้ ยังอยากให้ได้เห็นตอนคุณแบคโดนทรมาน อยากให้ได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด และยังอยากให้แกได้อยู่รับรู้ความจริงบางอย่างด้วย.."
โจ๊กเกอร์เดินหายเข้าไปข้างใน น้ำตาของชานยอลค่อยๆไหลรินออกมา เขากำลังหยิบยื่นของหวานให้กับแบคฮยอน แต่ในของหวานที่ดูน่าอร่อยนั้นกลับเต็มไปด้วยยาพิษ เขาอยากจะเอ่ยคำขอโทษกับคุณแบคฮยอน แต่ตอนนี้ทำได้เพียงแค่หวังว่าแบคฮยอนจะรู้ว่านั้นมันไม่ใช่ตัวชานยอล เขาจะไม่สามารถกลับไปได้อีกแล้ว ชานยอลจะถูกขังอยู่ในห้วงความฝันนี้
ตลอดกาล...
โจ๊กเกอร์จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าและทำความสะอาดร่างกายที่เต็มไปด้วยคราบเลือด นับว่ามันคุ้มค่ามากกับการที่ยอมลงทุนเล่นละครครั้งนี้ เขาส่งนิ้มหวานให้กับตัวเองในกระจก ก่อนที่ตัวเองจะหายไปในความมืด
ณ ตอนนี้มีแค่ฉัน
มีแค่โจ๊กเกอร์เท่านั้น
ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะครับ
คุณแบคฮยอน..
ผมจะพาคุณไปพบกับฝันร้าย ที่ไม่ว่าคุณจะพยายามตื่นเพื่อหนีมากแค่ไหน
แต่คุณจะไม่มีทางหนีมันพ้น
You will have nightmares forever.
คุณจะมีฝันร้าย ตลอดไป..
--------------------------------------------------
สกรีมผ่าน :: #ฟิคชานยอลวิปโยค
พูดคุย/ติดต่อผ่านทาง :: @Beam_Minami
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ