Because of his love. เพราะรัก...ถึงร้าย
เขียนโดย NannyCandy
วันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 18.33 น.
แก้ไขเมื่อ 22 เมษายน พ.ศ. 2559 18.33 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
34) การประกวด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"แก้ว~ทางนี้ ๆ "
เสียงของคนทั้ง 7 ประสานกันดังลั่นไปทั่วบริเวณสวนสาธารณะขนาดย่อมๆหลังโรงเรียน เมื่อฉันย่างกายเข้ามา (พวกเราได้ทำการย้ายสำมะโนครัวมาสิงสถิตอยู่ที่นี่ชั่วคราว -.- เพราะห้องลับกำลัังทำการโมนิฟายทาสีใหม่กิ๊งอยู่ และแน่นอน สวนหลังโรงเรียนกลายเป็นของพวกเราชั่วคราว อุวะฮ่าฮ่า -0-;;) ฉันเดินไปหาพวกนั้นที่นั่งรวมตัวกันอยู่บนศาลาแปดเหลี่ยมก่อนที่จะทรุดตัวลง นั่งที่ว่าง ๆ ฝั่งตรงข้ามกับพวกมันด้วยสีหน้ายู่ยี่อารมณ์แปรปรวน - -^ ช่างดูขัดกับฮาร่าที่กำลังนั่งชันเข่าวาดรูปบรรยากาศรอบ ๆลงไปในกระดานแผ่นไม้ที่ถูกปูทับด้วยกระดาษคุณภาพดี ด้วยอารมณ์สุนทรีย์อยู่กลางพื้นหญ้าสนามที่ไม่ใกล้ไม่ไกลศาลาเท่าไหร่นัก
"เจ้อรว่าไงบ้างแก ?"
ฉันตีหน้ายุ่งเหยิงหนักขึ้นไปอีกเมื่อเจอกับคำถามของไอ้เฟย์ ฉันจิ๊ปากอย่างหงุดหงิดแล้วตอบ
"เจ๊แกบังคับให้ฉันเป็นตัวแทนลงแข่งปรัชญารอบรู้น่ะสิ เซ็งชะมัด ! นักเรียนคนอื่นมีตั้งเยอะตั้งแยะทำไมถึงเป็นฉันก็ไม่รู้ - -^"
"จะบ้าเหรอแก! ปรัชญารอบรู้เป็นการแข่งขันหัวกะทิระดับจังหวัดเชี่ยวนะ !แกเนี่ยโชคดีมาก ๆเลย ได้เป็นหน้าเป็นตาให้กับพ่อแม่ ฮ้าาา ~ อิจฉาเบา ๆ -..-"
ตัวซีพูดพลางทำหน้าฟิน ๆ -*- พวกผู้ชายทุกคนพยักหน้างึกๆอย่างเห็นด้วย ฟางแสร้งเบ้ปากหมั่นใสแล้วพูดว่า
"แหม เดี๋ยวนี้พอตั้งใจเรียนเข้าหน่อยละเก่งเกินหน้าเกินตาฉันเชี่ยวนะ -^-"
ฉันทำหน้าเหรอหราก่อนจะรีบกุลีกุจอเข้าไปประจบประแจงเพื่อนรักเป็นการใหญ่
"หง่า~ แกละก็ .. อย่าลืมสิว่าที่ฉันเก่งขนาดนี้ได้เพราะมีแกเป็นติวเตอร์เชี่ยวน้ายัยฟาง~ "
ฟางยิ้มนิดๆที่มุมปากอย่างภาคภูมิใจ มันใช้มือดันแว่นประกอบคำพูดเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคน
"ฉันรู้ .. ยังไงศิษย์ก็ไม่คิดที่จะล้างครูหรอกน่า !"
หลังจากที่พวกเราคุยกระเจาะกระแจะกันไปเรื่องเปื่อย ฉันก็แอบลอบมองดูกิริยาบทของเหล่าเพื่อนๆแต่ละคนอย่างเงียบ ๆ มองดูไอ้เฟย์ที่กำลังออกแรงบีบเค้นนวดไหล่ให้เขื่อนที่เอาแต่บ่นว่าปวด เมื่อย แถมดูท่าว่าจะออกแรงมากเกินไปด้วยซ้ำ ดูสิ เขื่อนแหกปากร้องโวยวายใหญ่เลย -0-;; ถัดมาอีกคู่ก็เป็นสาวหมวยน่ารักใส่แว่นทรงกลมกับหนุ่มเจ้าเล่ห์(ในทางโง่ ๆ)ที่กำลังนั่งป้อนขนมกันอย่างหวานจ้อย โอ้ย เล่นทำเอาตาร้อนผ่าวกันไปเลยทีเดียว *.* ทั้งคู่ที่กล่าวมานี่กว่าจะลงเอยกันได้เล่นทำเอาเพื่อน ๆปวดตับกันไปเป็นระนาวเลยละคะ ส่วนตัวซีกับจองเบนี่ก็ไม่มีอะไรให้เวียนเศียรกับเขาเลย - - ทำไมน่ะเหรอคะ ? นั้นก็เพราะเมื่อกลางปีที่ผ่านมาในเช้าของวันหนึ่งพวกเขาทั้งคู่เปิดใจพากัน เดินจูงมือมาโรงเรียนน่ะสิ ! โชว์หวานท่ามกลางคนทั้งโรงเรียน โอ้ย อิจฉา ๆๆๆๆๆ >_<
เฮ้อ ~ ฉันลอบถอนหายใจเบาๆกับตัวเองลำพัง ก็ดูสิ เพื่อนๆทุกคนพากันหนีหายจับคู่กับไปหมดแล้ว ก็มีแต่ฉันกับฮาร่านี่แหละที่ยังว้าเหว่กันอยู่สองคน T^T แหม อยู่แถวนี้แล้วไฟท่วมตา สู้เดินไปดูฮาร่าวาดรูปยังจะดีซะกว่า -.- ! ฉันหยิบน้ำโคล่ากระป๋องออกมาหนึ่งกระป๋องและเดินลัดเลาะออกมาจากศาลาก่อนที่ จะนั่งในท่าชันเข่าลงข้างๆฮาร่า เขาหันมามองฉันนิด ๆโดยที่ไม่ลืมยิ้มอ่อนโยนมาให้ ยิ้มในแบบที่ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาฉันได้รับรอยยิ้มแบบนี้มาตลอด
"อ๊ะ น้ำ"
ฉันจงใจแกล้งแนบกระป๋องน้ำเย็น ๆ ลงไปที่แก้มของฮาร่าอย่างเน้นๆ เขาสะดุ้งตกใจกับความเย็นเล็กน้อยก่อนที่จะเอือมมือฉกชิงรับกระป๋องน้ำจากมือฉันไปเปิดฝาออกดื่ม ฉันดึงรูปภาพในมือของเขามากางดูแล้วก็ต้องอดที่จะพูดชื่นชมไม่ได้
"โอ้โห้ ~ สวยจัง นี่นายไปเรียนวาดรูปมาจากไหนน่ะ? ไม่ยักรู้ว่าจะวาดได้เยี่ยมขนาดนี้ ^0^"
"เรียนมาตั้งแต่อยู่ที่อเมริกาแล้วน่ะ^^"
อเมริกา ... ชื่อนี้ทำให้ฉันชะงักไปนิดหน่อยก่อนจะรีบแปรเปลี่ยนท่าทีให้กลับเป็นร่าเริงดังเก่าอย่าไปคิดถึงมันนะแก้ว เธอกำลังจะลืมมันไปแล้วไม่ใช่เหรอ ...
"อื้อหื้อ เก่งจัง ~>.<"
"ถ้าเธอชอบ เอาไปเลยก็ได้นะ ฉันให้ ^_^"
"ให้ฉันจริงๆนะ -0-"
"อื้อ! ^^"
เย้ ! รูปภาพบรรยากาศรอบๆสวนหลังโรงเรียนตกเป็นของฉันเรียบร้อย ฮิ ๆ -.- จะเอาไปแขวนไว้ที่ไหนดีน้า ? ห้องนอนดีมั้ย ???
"เออนี่แก้ว !"
"หือ?"
ฉันหันไปเลิกคิ้วถามตัวซีที่ตะโกนออกมาจากศาลาว่ามีอะไร ? ตัวซีทำท่าทางอึดอัด ๆสายตาล่อกแล่กราวกับกำลังครุ่นคิดว่าจะบอกดีหรือไม่บอกดี มันไม่ยอมพูดออกมาสักทีทำให้ฉันแปรเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วด้วยความสงสัย อะไรของมันเนี่ย -*- จองเบที่อยู่ข้างๆมันกลับเป็นคนพูดขึ้นมาแทนด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ที่ฉันแอบหวาดๆ ยังไงไม่รู้ - -''
"ยัยพวกนี้ส่งรายชื่อเธอเข้าประกวดซานต้าน่ะ -_-;"
อะ ไร นะ o-O
ฉันเหวอไปเล็กน้อยแต่พอตั้งสติได้จึงรีบชี้นิ้วเข้าหาตัวเองพร้อมกับอาการเหวี่ยงขั้นรุนแรง - -^ ไอ้พวกบ้า !!!
"ส่งชื่อฉันเนี่ยนะ!! - -^"
"อื้อ (. . )"
"ให้ตายเถอะ บ้า ! บ้า ! บ้ากันไปใหญ่แล้ว !! พวกแกน่าจะรู้นะว่าฉันหันหลังให้กับการประกวดไปตั้งนานแล้ว! ไม่อย่างนั้นปีก่อนๆฉันจะขอถอนตัวไปทำไม! เรื่องแค่นี้คิดกันไม่เป็นหรือยังไงนะ! "
ฉันกระทืบเท้าพร้อมกับใช้สองมือที่ขยุ้มหัวตัวเองอย่างหงุดหงิดและขัดใจเป็นที่สุด โอ้ย ..ให้มันได้อย่างนี้สิ!! ป๊อปปี้พูดขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆในอารมณ์ที่ไปปกติของฉันโดยมีคนอื่นๆที่ไม่ กล้าซบสายตาต่างพากันเป็นแบล็คกาวให้กำลังใจกันเป็นแถว
"พวกฉันก็แค่หวังดีกับเธอเองนะ -3-"
"หวังดี ? ไหนนายลองพูดมาสิป๊อปปี้ อะไรคือความหวังดีของพวกนายห๊ะ - -^???"
ตอบไม่ดีได้เจ็บแน่ - -^^
"ก็... เอ่อ..."
ป๊อปปี้ส่งสายตาล่อกแล่กหาตัวช่วย แต่ถูกเหมือนว่าทุกคนจะให้ความร่วมมือเป็นเยี่ยม พากันรูดซิบปากเงียบกริบกันเป็นทิวแถว อีตาป๊อปปี้เหงื่อแตกพลั่ก ๆ พยายามพูดออกมาให้ดูดีที่สุด แต่ในสายตาของฉันมันคือการจุดประกายดีดีนี่เอง
"เอ่อ ..คือ พวกฉันคิดว่า .. ไหน ๆ อีกปีเดียวเราก็ต้องจบจากที่นี่แล้วใช่ปะละ และนี่ก็ปีสุดท้ายแล้วด้วย ฉันก็แค่อยากสร้างความทรงจำดีๆระหว่างพวกเราไว้ก็เท่านั้นเอง พวกเราให้เธอคว้ารางวัลให้ได้อย่างที่เธอเคยทำนะแก้ว ถือซะว่าเป็นครั้งสุดท้าย"
"หึ ความทรงจำที่ดีๆงั้นเหรอ พวก..พวกนายรู้มั้ยว่ามันเป็นความทรงจำที่เลวร้ายของฉัน มันทำให้ฉันคิดถึง ..อึก ..."
ฉันพยายามกลั้นหยาดน้ำตาโดยการกลอกสายตาขึ้นมองฟ้า ประโยคที่เงียบหายไปทำเอาหัวใจของฉันสั่นคลอน จะร้องไห้ไม่ได้นะแก้ว ร้องไม่ได้.. อดกลั้นมาได้ตั้งเป็นปีๆ จะมาร้องไห้ตอนนี้ไม่ได้... ทุกคนก้มหน้าเงียบชี่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่สักแอะเดียว ฮาร่าค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนแล้วคว้าตัวฉันเข้าไปไว้ในอ้อมกอด ฉันซบหน้าลงบนไหล่พูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้ในอ้อมกอดของเขา
"ฉันไม่ประกวดนะ..อึก.. ไม่เอาอีกแล้ว ฉะฉันจะไปขอถอนตัว"
ฉันดันตัวออกจากอ้อมแขนของเขาเพื่อจะทำตามคำพูด แต่ฮาร่ารั้งตัวฉันเอาไว้แล้วพูดประโยคที่ทำให้ฉันหยุดนิ่งอยุ่กับที่
"เธอจะไม่ได้ประกวดอีกแล้ว เชื่อใจฉันนะ เพราะฉันจะเป็นคนไปขอยกเลิกให้เธอเอง"
"ฮาร่า..."
"เพราะฉะนั้นเธออยู่เฉยๆเถอะ ^^"
"อื้อ ฉันเชื่อใจนาย ..."
2 สัปดาห์ต่อมา
เสียงดนตรีครึกครื้นดังขึ้นต่อเนื่องท่ามกลางผู้คนมากมายที่พาเดินผ่านไปมาด้วยรอยยิ้มแห่งความสนุกสนานและน่าตื้นเต้นอยู่ตลอดเวลา ต่างคนต่างพากันวิ่งลอดเข้าชมและร่วมทำกิจกรรมกับซุ้มอันแสนหรรษาที่ถูก เนรมิตรขึ้นมาอย่างล้นหลามในบริเวณรอบๆงานซึ่งประกอบไปด้วย ร้านอาหาร บ้านผีสิง ซุ้มเกมส์ และอีกบลา ๆๆ
แต่เป้าหมายของงานที่จัดขึ้นถูกโฟกัสไปที่เวทีกลางโรงเรียนที่แสนอลังการที่ เหล่าประธานนักเรียนและคณะครูอาจารย์ร่วมใจกันจัดทำขึ้น ป้ายดอกไม้สุดหรูกลางเวทีมีข้อความอันโดดเด่นเขียนไว้ว่า "การประกวดซานต้าเดียน่า 2016" กิจกรรมตามล่าหาสาวงามประจำโรงเรียนแห่งนี้ที่จะมีขึ้น4ปีต่อครั้ง แต่ปีนี้น่าแปลกที่ปีนี้กิจกรรมแห่งนี้ถูกจัดขึ้นต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ...
ฟลึบ !
มือเรียวขาวเลื่อนผ้าม่านสีเลือดหมูขึ้นปิดภาพวุ่นวายตรงหน้าแล้วอดใจ ไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเบา ๆเมื่อเดินกลับเข้ามานั่งยังเก้าอี้ตัวเดิมที่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนเธอเพิ่งจะ ต้องนั่งนิ่งๆหลังขดหลังแข็งเป็นหุ่นเชิดให้เพื่อนสาวจับแต่งตัวแต่งหน้าไปอยู่หมาด ๆ ใบหน้าใสๆถูกลงเครื่องสำอางอ่อนๆไว้บางเบาจนทำให้ดูเป็นสาวขึ้นโดย ไม่รู้ตัว ไล่ลงมาตั้งแต่ทรงผมยาวถูกจับดัดเป็นลอนเกลียวใหญ่ ๆ ดวงตากลมโตที่ถูกทาทับด้วยอายแชโดว์สีเทาอมดำก่อนจะเพิ่มความแบ็วด้วยอาย ไลน์เนอร์และขนตาปลอมที่ทำให้ดวงตาสวยๆที่หวานอยู่แล้วคู่นี้กลับกลายเป็น หวานช้ำมากขึ้นไปอีก จมูกโด่งเรียวเล็กและริมฝีปากเจอๆสีชมพูถูกปิดด้วยลิปสติกสีแดงอมชมพู ใสทำให้ดูน่าเอ็นดูเป็นอย่างมาก
พวงแก้มมีสีชมพูอมส้มระเรื่อ ๆบวมตุ้ยออกมาทั้งสองข้างอันเนื่องมาจากเจ้าตัวกำลังเป่าลมออกจากปากเล็กๆ คู่นั้นอย่างเบื่อหน่อยเมื่อยามก้มลงมองชุดที่ตนเองสวมใส่อยู่นั้นเอง เสื้อลูกไม้น่ารัก ๆ เย็บยาวเยียดติดกับกระโปรงพองๆฟูๆสีขาวสลับลายดิ้นหวานๆสีชมพูอ่อนที่ขับให้ ผิวนวลดูขาวขึ้นไปอีกเท่าตัวแล้วยิ่งมีกากเพชรวิบวับที่ได้ทาลงทั่วร่างกาย ของเธอสาดส่องประกายออกมาจากตัวของหญิงสาวแล้วยิ่งทำให้ดูน่าหลงไหลมากขึ้น ไปอีก ภาพตรงหน้าทำให้ผู้คนที่ได้พบเห็นต้องเกิดอาการตาค้างกันไปเป็น แถว ๆ นี่ถ้าพวกเขาไม่เห็นว่าหญิงสาวคนนี้ขยับตัวแล้วละก็... พวกเขาคงจะนึกว่าเธอคือตุ๊กตาไปแล้วแน่ ๆ!!!
"ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดโปรดฟังทางนี้ก่อนนะคะ!"
เสียงเรียกของหญิงสาวคนหนึ่งที่คาดว่าคงจะเป็นสต๊าฟขัดจังหวะดังขึ้นมาทำให้ ทุกคนวางมือจากการแต่งองค์ทรงเครื่องกันกระหน่ำ ทุกสายตาภายในห้องแต่งตัวแห่งนี้มองไปยังที่จุดๆเดียว นั้นก็คือสาวสต๊าฟคนนั้น
"เหลือเวลาอีก 15 นาทีเท่านั้นเพราะเดี๋ยวพวกคุณจะต้องขึ้นประกวดแล้วนะคะ กรุณาติดป้ายหมายเลขของแต่ละคนไว้ตรงตำแหน่งหน้าอกทางด้านซ้ายนะคะ ส่วนใครที่ยังไม่เรียบร้อยก็เร่งมือกันหน่อยนะคะ ตอนนี้ผู้ชมเริ่มเข้ามาประจำที่กันอย่างล้นหลามแล้วค่าาา !!!"
เมื่อสาวสต๊าฟคนนี้พูดจบก็เดินออกจากห้องไปทำให้บรรยากาศกลับมา วุ่นวายดังเดิม น้ำเสียงตื่นเต้นของผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดดังขึ้นแข่งกันอย่างเซ็งแซ่ ฉันหันตัวเข้าไปหากระจกตรงหน้าแล้วจดจ้องภาพตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า แต่ภายในใจแอบซีเรียสและรู้สึกเจ็บใจอยู่ลึก ๆเมื่อเธอดันหลงกลพวกเพื่อนๆตัวแสบเข้าจนได้
โดยเฉพาะฮาร่า ! นายนั้นน่ะตัวดีเลยทีเดียว- -^ ! ไอ้เราก็นึกว่าจะไปขอถอนตัวให้กันแล้ว ที่ไหนได้ตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมาอุบอิบปิดปากเงียบ แต่พอมาถึงวันนี้ดันจับฉันมัดมือมัดเท้าจับแต่งหน้าแต่งตัวเข้าจนได้ ตอนแรกฉันขัดขืนอย่างเอาเป็นเอาตายจนห้องแต่งตัวแห่งนี้แทบจะพังลาบเป็นหน้ากองกันเลยทีเดียว -*- ถ้าไม่ติดว่าฉันสู้แรงพวกมันไม่ได้ละก็นะ ... ในที่สุดก็ต้องสมยอมพร้อมใจลงประกวดจนได้ ฮืออออ T^T
ฉันเอื้อมมือไปหยิบป้ายหมายเลขอันกลมๆขึ้นมาติดตรงหน้าอกข้างขวา ฉันได้หมายเลข 17 ละ ถ้าจำไม่ผิดนี่ผู้เข้าแข่งขันปีนี้ทั้งหมดมีสิบเจ็ดคนพอดีเป๊ะนี่นา สรุปนี่เป็นลางร้ายหรือว่าลางดีกันแน่ที่ได้หมายเลขสุดท้ายกันเนี่ย - -*
ฉันนั่งเล่นรอให้เวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง สาวสต๊าฟคนเดิมก็กลับเข้ามาแล้วเริ่มขานเรียกผู้เข้าประกวดตามหมายเลขจาก น้อยขึ้นไปหามาก (จะพูดง่ายๆก็คือ 1-17 นั้นแหละ ไม่เขาใจว่าจะพูดยาวๆไปทำไมกัน = =) ผู้เข้าประกวดแต่ละคนออกอาการตื่นเต้นแตกต่างกันไป ซึ่งต่างจากฉันที่ยังคงนั่งอยู่ทีเดิมด้วยสีหน้าเรียบ ๆ ความรู้สึกตื่นเต้นสักกระจึ้งหนึ่งก็ไม่มีเลยสักนิด - -;;
ผู้เข้าแข่งขันคนแล้วคนเล่าผ่านไปเรื่อย ๆ เสียงโห่ร้องของผู้เข้าชมดังแว่วเข้ามาในห้องแต่งตัวแห่งนี้เป็นระยะ ๆ และจนในที่สุดหมายเลขของฉันก็ถูกขานขึ้นให้ไปเตรียมตัวหลังเวทีเพื่อที่จะ ขึ้นเดินโชว์ตัวเป็นรายต่อไป ฉันลุกขึ้นอย่างอิดออดเพราะเกิดความรู้สึกหวั่น ๆขึ้นมานิดหน่อย แล้วยิ่งเดินไปถึงปากประตูเวทียิ่งแล้วใหญ่ ความรู้สึกถึงมือที่เริ่มเกิดอาการเย็นเฉียบกับอาการขาสั่น ๆที่ไม่สามารถควบคุมได้ ภาพเหตุการณ์ในวัยเด็กค่อยๆไล่ย้อนเข้ามาเมื่อฉันได้ก้าวเดินออกไปจากบาน ประตูบานนั้น ภาพที่ฉันรอคอยการมาดูฉันประกวดจากใครสักคนที่ฉัน ... ไม่สิ ไม่เอา อย่าไปนึกถึงมันนะแก้ว ...
"เอาละครับ มาถึงผู้เข้าแข่งขันการประกวดคนสุดท้าย หมายเลข 17 นางสาว จริญญา ศิริมงคลสกุล หรือแก้ว สาวน้อยคนเก่งที่มีดีกรีได้เป็นตัวแทนของโรงเรียนเราไปแข่งขันปรัชญารอบรู้ ในปีนี้นั้นเองค้าบบบบ "
ทันทีที่เสียงประกาศของพิธีกรดังจบฉันก็เดินออกไปโชว์ตัวตามจุด ตำแหน่งที่เหล่าสต๊าฟได้กำหนดไว้ให้ เสียงโห่ร้องเรียกชื่อฉันดังขึ้นกึกก้องและแน่นอนเสียงหนึ่งในนั้นจะต้อง เป็นเหล่าหน้าม้าเพื่อนๆตัวแสบของฉันเอง - -^ ! นั้นไง ฉันเห็นพวกนั้นแล้ว เจ้าพวกนั้นพากันเสร่อมายืนอออยู่ข้างหน้าเวทีกันยกกลุ่มเลยทีเดียว โดยที่ในไม้ในมือของทุกคนมีป้ายไฟชื่อของฉันกันทั่วหน้า หึหึ อย่าคิดว่าจบหน้านี้ไปแล้วจะรอด ! (ฉันกระตุกยิ้มเหี้ยมเกรี้ยมไปให้พวกนั้นแว็บนึงก่อนจะรีบปรับรอยยิ้มให้ กลับกลายเป็นยิ้มหวานดังเดิมยามที่มองเมินไปยังผู้ชมคนอื่น ๆ)
ผู้เข้าแข่งขันทั้งสิบเจ็ดคนได้มายืนเรียงกันฉีกยิ้มหวานๆออดอ้อน เอาใจคณะกรรมการกันเต็มที่
ส่วนฉันเองก็ได้แต่ฉีกยิ้มหน่าย ๆด้วยความเบื่อ ก็คนไม่อยากจะประกวดนี่ แถมรอบแรกยังเป็นการดูบุคลิคภาพด้วยละสิ ! พวกตัวซีพากันส่งซิกชี้นิ้วไปที่มุมปากของตัวเองแล้วพูดปากเปล่าที่ฉันอ่าน ได้ว่า 'ยิ้มดีดีหน่อยสิแก้ว~' ฉันเบะปากและยักไหล่ขึ้นอย่างไม่แคร์ ก็ถ้าไม่ยิ้มแล้วจะทำไมละ ยิ่งตกรอบแรกได้เท่าไหร่ยิ่งดีมากเท่านั้น :) แต่ความคิดทั้งหมดกลับตาลปัตรไปหมดเมื่อฉันได้กลับเล็ดรอดเข้าไปในรอบที่สอง !!! นี่กรรมการมีสิวในตาใช่มั้ยเนี่ย !!!!!!
รอบนี้มีผู้เข้ารอบทั้งหมด 7 คน และแน่นอนว่าฉันเป็นหนึ่งในนั้น = = ผู้เข้ารอบทั้งเจ็ดคนยืนเรียงคิวกันหน้าเวทีตามหมายเลข รอบนี้พวกเราจะต้องตอบคำถามจากเหล่าคณะกรรมการที่จะเป็นผู้ถามอะไรก็ ได้หนึ่งคำถาม ไร้สาระสิ้นดี - -* บางคนก็โดนถามเกี่ยวกับการลดโลกร้อน บางคนก็โดนถามเรื่องการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย และอีกบลาๆๆ แถมที่น่าตลกที่สุดก็คือผู้เข้าแข่งขันทุกคนต่างตอบคำถามราวกับตนเองเป็นนาง สาวไทยอย่างงั้นแหละ แต่ละคำตอบนี่สามารถทำให้ฉันหลุดหัวเราะพรืดออกมาเชียวละ
"ขอคำถามของคุณจริญญาด้วยครับ"
พิธีกรหนุ่มหันไปถามคณะกรรมการทั้งสี่คน ฉันก้าวออกมาข้างหน้านิดหน่อยเพื่อเป็นมรรยาทและยืนนิ่งๆรอฟังคำถามจากคณะ กรรมการซึ้งเป็นเหล่ากรรมการประธานนักเรียนของปีนี้ทั้งนั้น ไมค์ลอยตัวหนึ่งถูกส่งไปให้กรรมการสาวคนหนึ่ง ฉันจำได้ว่าเธอคนนี้คือกรรมการรักษากฎของโรงเรียนเรานั้นเอง เธอคนนั้นมองมาที่ฉันเรียบๆแล้วค่อยๆแย้มยิ้มแปลกๆมาให้ก่อนที่เสียงเนิบๆจะ ดังตามมา เสียงผู้ชมทั้งหมดเงียบกริบจรดจ่อรอฟังคำถาม
"สวัสดีคะคุณแก้ว ดิฉันชื่อเนสท์เป็นตัวแทนมารับหน้าที่กรรมการของการประกวดในครั้งนี้ ขออนุญาติเท้าความสักนิดนะคะ คำถามของคุณที่ดิฉันจะถามต่อไปนี้ถูกรีเควสมาจากคนๆหนึ่งโดยตรงซึ่งอาจจะแตก ต่างจากคำถามของผู้เข้าประกวดคนอื่นๆนะคะ... เอาละคะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ดิฉันขอถามคุณเลยนะคะ"
"...."
"สมมุติว่าถ้าคุณมีคนรัก แล้วคนรักของคุณจะต้องแต่งงานกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง เขาได้ทอดทิ้งคุณไปเพื่อแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น คำถามข้อแรก คุณจะปล่อยเขาไปมั้ย? ส่วนคำถามข้อที่สอง ถ้าเขาคนนั้นกลับมาทวงขอการให้อภัยคุณจะให้เขาได้มั้ย ?"
ฉันนิ่งอึ้งไปกับคำถาม เสียงผู้เข้าชมทุกคนเงียบกริบมากถึงมากที่สุดเพื่อรอฟังคำตอบจากฉัน แต่กลับไม่มีน้ำเสียงสักแอะดังเล็กรอดออกมา ตอนนี้ฉันกำลังตกอยู่ในอาการน้ำท่วมปากเข้าอย่างจัง มือข้างที่ฉันถือไมค์ไว้เกิดอาการสั่นขึ้นมากระทันหัน คำถามนี้มันจี้ใจดำฉันยิ่งนัก แต่เอ๊ะ .. คำถามแบบนี้ ... หรือว่าคำถามนี้ได้ถูกล็อกเอาไว้แล้วสำหรับฉัน ...
ฉันเกิดความเฉลียวใจขึ้นมา ถ้าคำถามนี้ถูกล็อกไว้แล้ว คำที่ถามจะต้องอยากรู้คำตอบสินะ ก็ได้ ในเมื่อยากจะรู้นักฉันก็จะตอบให้ ...
"นี่คงไม่ใช่เรื่องสมมุติแล้วสินะคะ ...คำถามข้อแรก ดิฉันขอตอบว่าปล่อยคะ "
ฉันตอบอย่างรู้ทันไปพร้อมกับรอยยิ้มนิดๆที่มุมปาก เนสเลิกคิ้วขึ้นถาม
"ทำไมละคะ"
"เพราะดิฉันได้ปล่อยเขาไปแล้วจริงๆไงละคะ "
"..."
"ในเมื่อเขาไม่อยากอยู่กับเรา แล้วเราจะยื้อเขาไว้ทำไมละคะ ส่วนคำถามอีกข้อ..." ฉันนิ่งเงียบไปสักพักก่อนจะก้มมองดูพื้นไม้เวทีและพ่นลมหายใจออกมาแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองผู้ถามใหม่พรางตอบว่า
"ดิฉันไม่สามารถให้คำตอบได้คะ"
เมื่อพูดจบฉันก็รีบหันหลังเดินเพื่อจะหลบฉากหนีเข้าไปหลังม่านเวที เพียงเพราะตอนนี้อารมณ์กำลังแปรปวนและรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก คนยิ่งลืมๆไปแล้วจะสะกิดขึ้นมาให้เป็นแผลทำซากอะไร !
"แล้วถ้าฉันขอร้องละ เธอจะให้อภัยฉันได้มั้ย!"
"!!!"
กึก !
ปลายเท้าฉันหยุดเดินกระทันหันเมื่อเสียงใครบางคนจากด้านล่างเวทีตะโกนขึ้นมา เสียงที่ฉันโหยหามาตลอดหนึ่งปี ! ฉันค่อยๆหันหน้ากลับไปทางต้นเสียงด้วยหัวใจที่บีบกระชัน ตรงตำแหน่งที่พวกตัวซีรวมกลุ่มกันอยู่ และหนึ่งในนั้นก็คือเขา... โทโมะ !
อัพแล้วนะ จะจบแล้ววววว เม้นโหวตกันหน่อยงับบบ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ