Stop หยุดหัวใจนายเย็นชา
เขียนโดย NannyCandy
วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.18 น.
แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
35) - Penalty Of ‘PIM’ - ( บทลงโทษของ 'พิมพ์ ' )
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ- Penalty Of ‘PIM’ -
( บทลงโทษของ 'พิมพ์ ' )
“แก้ว...แก้ว...เฮ้...” เมื่อแก้วสลบไปโทโมะแล้วก็อีกหลายๆคนที่ยืนดูอยู่ก็ถึงกับตกใจเป็นอย่างมากที่เห็นว่าแก้วเป็นแบบนี้
หัวใจของโทโมะแทบสลายหายไปในตอนนั้นเพราะในความคิดของเขาคือพรุ่งนี้เป็นวัน เกิดของเขาและ...มันคือวันแห่งความรัก แต่ทำไมมันจะต้องมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับแก้วด้วย ทำไมกัน...พระเจ้าท่านใจร้ายเกินไปมั้ยที่เล่นแรงกับจิตใจของเขาถึงเพียงนี้
และถ้าแก้วเป็นอะไรไป...โทโมะจะเป็นยังไง...
เพราะตอนนี้หัวใจของเขามันอยู่ที่แก้วเรียบร้อยแล้ว...
“อึก...ฉันรู้...ว่าใครมันเป็นคนทำเรื่องแบบนี้...”ฟางพูดบอกกับโทโมะให้ได้ยินเพียงแค่สองคนจนโทโมะที่กำลังมองร่างของแก้วอยู่นั้นต้องชำเลืองตาขึ้นมามองฟางอย่างสงสัย
ดวงตาแสนเฉียบคมของโทโมะนั้นตอนนี้มันเต็มไปด้วยความโกรธเป็นอย่างมากเมื่อเขา ได้ยินฟางพูดแบบนั้นที่ว่า...มีคนบงการอยู่เบื้องหลัง...นาทีนั้นโทโมะเขาอยาก จะรู้เสียเหลือเกินว่าใครกันที่มันทำแบบนี้กับแก้ว!
“ไอ้สารเลวคนไหนมันทำ”โทโมะพูดเสียงต่ำจากนั้นฟางก็ละสายตาจากโทโมะหันไปมองกลุ่มโบว์ลิ่งที่กำลังยืนมองมาทางนี้ด้วยความตกใจหน่อยๆ
เหมือนกับว่า‘คนที่บงการ’ นั้นคงคาดไม่ถึงว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ล่ะมั้ง
“พวกนั้นใช่มั้ย...”โทโมะ ถามย้ำฟางอีกครั้งแต่ดวงตาของเขานั้นมันเย็นชาจนเหมือนแข็งเป็นหินไปเลย มือของเขาที่กำลังจับกอดร่างของแก้วเอาไว้ก็บีบร่างของแก้วแน่นก่อนที่โทโมะ จะก้มลงไปมองแก้วอีกครั้ง
“นักเรียนทุกคนไปรวมตัวกันที่สนามบอลเดี๋ยวนี้เลย! หน่วยดับเพลิงกำลังจะมาถึงแล้ว ส่วนคนเจ็บรีบเอาไปขึ้นรถพยาบาลด่วน เร็วๆก่อนที่เพื่อนของเราจะเป็นอะไรมากกว่านี้”
และ ทันใดนั้นเองเสียงของอาจารย์ที่วิ่งมาบอกเหล่ากับนักเรียนที่ยืนอยู่หน้า อาคารหน้าอย่างร่ำร้อนเพราะว่าเป็นห่วงกลัวว่าไฟจะลุกลามมาทำให้เหล่านัก เรียนที่ยังยืนอยู่ตรงนี้ได้รับบาดเจ็บ และนั่นก็ทำให้โทโมะรีบลุกขึ้นพร้อมกับอุ้มร่างของแก้วไว้ในอ้อมแขนแล้วหันไป มองจองเบที่ตอนนี้ข้างๆของจองเบนั้นมีคลอรีนยืนอยู่ด้วยเพราะว่าเธอคงจะมาดู เหตุการณ์นี้เหมือนกันและสายตาของคลอรีนก็ดูมีความเป็นกังวลไม่น้อยที่เธอ นั้นเห็นแก้วเป็นแบบนี้
แต่หากทว่าจองเบกับคลอรีนน่ะ...สองคนนั้นไม่ได้ยืนใกล้กันเหมือนอย่างที่คิด หรอกเพราะว่าคลอรีนนั้นยืนเว้นช่วงห่างจากจองเบพอสมควรเลย
“ไอ้จองเบ...”โทโมะเดินอุ้มแก้วไปหาจองเบที่กำลังยืนอยู่และนั่นก็ทำให้เหล่านักเรียนที่ยืนอยู่ตรงนี้หันมองกันเป็นตาเดียว “ฉันฝากพาแก้วไป...”
“ได้”โทโมะยังพูดไม่ทันจบจองเบก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อนเพราะว่ารู้ดีว่าโทโมะจะพูดว่าอะไร
เมื่อโทโมะได้ยินเช่นนั้นเขาก็ส่งร่างของแก้วไปให้จองเบอุ้มไว้ในอ้อมแขนก่อนที่จองเบกับอาจารย์ผู้หญิงจะเดินออกไปจาก ตรงนี้ และคลอรีนก็ดูเหมือนว่าจะถูกให้อาจารย์คนนั้นเรียกให้ไปด้วยเช่นกัน แต่คลอรีนยังไม่ทันได้เดินหันหลังไปโทโมะก็เอื้อมมือของเขาไปจับที่บ่าของเธอ เอาไว้เสียก่อน
แต่ โทโมะทำแบบนั้นไม่ใช่เพราะความรู้แบบเมื่อก่อนที่ว่าเขาเคยแอบรักคลอรีนมานาน เพราะตอนนี้ไม่ใช่ตอนนั้น และในเวลานี้และตลอดไปคลอรีนเธอก็จะยังคงเป็น‘เพื่อนที่ดี’ คนหนึ่งของโทโมะ...
“คลอรีน...ฉัน...ฝากแก้วด้วยนะ”เมื่อคลอรีนหันมาโทโมะจึงเอ่ยบอก
“ได้สิ แก้วป็นเพื่อนฉัน นายก็เพื่อนฉัน มันก็ต้องได้อยู่แล้วสิ”คลอรีนบอกวีแล้วยิ้มบางๆส่งมาให้แล้วเอามือของเธอตบบ่าของเขาเบาๆ “นายเองก็...เคลียร์เรื่องบางอย่างให้มันจบซะนะ ถ้าไม่อยากให้แก้วเจอเรื่องแบบนี้อีก...”
“...”
คลอรีน ได้พูดทิ้งท้ายเอาไว้ให้โทโมะก่อนจะรีบวิ่งเยาะๆตามอาจารย์กับจองเบไปขึ้นรถ พยาบาลที่จอดรออยู่และส่งเสียงร้องเตือน คำพูดของคลอรีนนั้นเป็นเหมือนคำเตือนว่าให้โทโมะจัดการให้มัน‘เด็ดขาด’ ไปเลย เพราะเธอรู้ว่าเรื่องที่แก้วไปติดอยู่ในนั้นแล้วออกมาไม่ได้มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
เพราะตอนที่โทโมะวิ่งเข้าไปช่วยแก้วคลอรีนก็วิ่งมาดูเหตุการณ์นี้อย่าง ตกใจ แล้วเห็นฟางร้องไห้อยู่กับป๊อปปี้และเพื่อนๆกลุ่มเคโอติคเธอจึงเข้าไปถามฟางว่า มันเกิดอะไรขึ้นจนฟางบอกเธอว่าแก้วติดอยู่ในโรงขยะนั่น
และฟางก็เห็นจินนี่เดินออกมาจากที่นั่นในตอนช่วงที่แก้วนั้นหายไป...
ส่วน ที่โทโมะได้ฝากให้จองเบพาแก้วไปโรงพยาบาลแทนที่จะเป็นเขาก็เป็นเพราะว่าเรื่อง นี้เนี่ยแหละที่ทำให้เขาจะต้องอยู่ที่นี่ก่อนเพราะว่า...เขาจะต้องจัดการกับ ใครบางคน ที่เป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้เรื่องที่แก้วเกือบจะโดนไฟครอกอยู่ในโรงขยะนั่น ได้เกิดขึ้น!
“ฮึ๋ยยยย นังพิมพ์! แก๊!”
ผัวะ!!
“กรี๊ดดดดดด”
ยัง ไม่ทันที่ทุกคนจะทยอยพากันไปรวมกันที่สนามบอลจนหมดฟางที่ทนเห็นหน้ายัยคนที่ เป็นตัวต้นตอที่ทำให้แก้วไปติดอยู่ในนั้นอย่างพิมพ์ไม่ได้ เธอจึงวิ่งกราดเข้าไปต่อยหน้าพิมพ์เข้าอย่างแรงจนพิมพ์ร้องออกมาเพราะคาดไม่ ถึงว่าฟางจะมาต่อยเธอในตอนที่เธอนั้นไม่ได้ตั้งตัวแบบนี้แล้วก็ไม่คิดว่าจะ มีใครกล้าต่อยเธอต่อหน้าคนอื่นๆด้วยสิ
รวมถึงนักเรียนบางคนที่ยังคงเกาะกลุ่มยืนออกันอยู่ตรงนี้ก็ไม่คิดไม่ ฝันเหมือนกันว่าฟางจะทำแบบนี้กับพิมพ์ ผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่ามีอิทธิพลที่สุดในโรงเรียน แต่จะเป็นใครก็ช่าง! เพราะสำหรับฟางแล้วถ้าคนๆนั้นถือเป็นคนในครอบครัวแล้วมีใครมาทำร้าย
ฟางคนนี้เธอไม่มีทางยอมเด็ดขาด!
ทีแรกก็ไม่อะไรมากที่พิมพ์ตบเพื่อนของเธอแต่เธอก็โกรธแต่ว่าที่ไม่อยาก จะอะไรนักเพราะไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่เพราะว่าเธอรู้ว่าแก้วนั้นไม่ได้ต้องการที่จะให้เรื่องมันถึงผู้ปกครอง แต่คราวนี้มันไม่ไหวจริงๆจนฟางนั้นเหลือออดที่จะทนแทนแก้วแล้ว!
และตอนนี้ตรงนี้ก็ไม่มีอาจารย์อยู่แล้วด้วยเพราะพวกเขานั้นไปจัดการ ดูแลนักเรียนที่กำลังขวัญเสียกันอยู่ที่สนามฟุตบอลนั่นเองฟางจึงไม่คิดที่จะยั้งมือเลย
“นังเลว!”ฟาง ชี้หน้าด่าพิมพ์ทันทีเพราะความโกรธพร้อมกับน้ำตาของเธอที่เอ่อล้นขึ้นมาเพราะ กลัวว่าถ้าเพื่อนเธอเป็นอะไรไปล่ะก็นังผู้หญิงใจร้ายคนนี้จะไม่มีวันได้ตาย ดีแน่!
ถึงฟางกับแก้วจะรู้จักกันไม่ถึงปีแต่ว่าความผูกพันธ์ของมิตรภาพนั้นมันไม่จำ เป็นต้องใช้เวลาวัดเอาหรอกพียงแค่เขาคนนั้นได้ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘เพื่อน’ ของเราแล้วล่ะก็...ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็สำคัญสำหรับเราเสมอ
และในขณะนั้นที่ฟางกำลังชี้หน้าพิมพ์และจ้องมองพิมพ์ด้วยสายตาโกรธเคืองเป็น อย่างมากถึงมากที่สุดจินนี่กับเฟื้องฟ้าก็รีบมาช่วยกันจับแขนพยุงพิมพ์เอาไว้ เพราะพิมพ์นั้นโดนต่อยเข้าที่หน้าจนเซไปเซมา
“อะไรของแกฮะนังบ้า!”พิมพ์ ที่เพิ่งตั้งหลักได้จึงเอามือชี้หน้าด่าฟางเช่นกันแต่อีกมือของเธอนั้นก็เอา จับที่จมูกของเธออยู่เพราะเธอคงจะรู้สึกเจ็บเป็นอย่างมากที่โดนต่อยเข้าหน้าจังๆแบบนั้น
และตอนนี้พิมพ์เธอก็คงจะขายหน้ามากๆที่มาโดน ต่อยต่อหน้านักเรียนคนอื่นๆแล้วก็คนที่เธอหมายปอง ( แต่ไม่มีวันได้ครอง ) อย่างโทโมะ...
“ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรออีนังหน้าสะพานแขวน! ทั้งๆที่แกก็รู้ตัวดีว่าทำอะไรลงไป!”
“นี่แกด่าฉันเหรอนังฟาง!”พิมพ์ ถลึงตาใส่ฟางจนฟางนั้นต้องกำหมัดในมือแน่นเพราะความโกรธจัด ส่วนโทโมะก็คอยดูทีท่าของพิมพ์อยู่ว่าถ้าพิมพ์เผยความจริงว่าตัวเองเป็นตัวต้นตอ ของเรื่องนี้เข้าจังๆ
ถึงคราวนั้นแหละ หึ โทโมะเล่นเธอเละแน่!
แต่เขาก็ยังมีความเป็นสุภาพบุรุษมากพอที่จะยังไม่ด่าคนที่ยังไม่รู้ว่าผิดจริงรึปล่าว แต่ขนาดนี้แล้วโทโมะคิดว่าต้องเป็นพิมพ์นั่นแหละที่ทำให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เพียงแต่ขอแค่เขาได้เห็นความ ‘สตอเบอรี่’ ของพิมพ์อีกสักนิดก็แล้วกัน!
“ไม่ด่าแกแล้วจะด่าใครอีหัวแดง!”
“หะ...หัวแดง!? หน๋อย! อีฟาง!”
ผัวะ!!
“กรี๊ดดดดดดด” เมื่อ พิมพ์สลัดตัวเองออกมาจากเพื่อนของเธอทั้งสองคนแล้วทำท่าว่าจะตรงเข้ามาตบฟาง ที่เพิ่งด่าเธอไปเมื่อกี้ ฟางที่เห็นแบบนั้นก็จัดการชิงต่อยเข้าที่ใบหน้าของพิมพ์อีกครั้งจนพิมพ์นั้นมี เลือดกำเดาไหลออกจมูก
แต่แค่นี้มันไม่พอหรอกกับเรื่องที่เธอทำกับแก้วเอาไว้...มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ!
“ละ...เลือด!”พิมพ์ถึงกับตกใจเมื่อเอามือแตะที่จมูกก็เห็นว่ามีเลือดไหลออกมา
“...”
“นี่แกต่อยฉันอีกแล้วเหรอ! กล้าดียังไงมาต่อยฉันจนเลือดออก! ”พิมพ์พูดอย่างโมโหจนทำให้ใบหน้าของเธอนั้นกลายเป็นสีแดงก่ำขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด “รู้ม๊ะ! ว่าหน้าฉันที่แกต่อยไปเนี่ยมันมีราคาเท่าไหร่!?”พิมพ์เค้นเสียงถามแล้วชี้นิ้วมาที่ใบหน้าที่แลดูมีราคาของเธอ
...แต่ไม่ว่าส่วนไหนของร่างกายคนเราจะดูดีมากแค่ไหน แต่ถ้าคนๆนั้นมีความคิดและ ‘จิตใจต่ำ’ สิ่งเหล่านั้นมันก็จะดูไม่มีค่าเลยแม้สักนิดเดียว
“แล้วไงวะ!?”ฟางพูดตอกกลับทันทีอย่างไม่ต้องคิดจนทำให้ทุกคนพากันลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
“...!!! กะ...แก”
พิมพ์ถึงกับเงิบเมื่อเห็นว่าฟางแลดูไม่มีท่าทีว่าจะเกรงกลัวเธอเลยแม้แต่น้อย หึ! แหง ล่ะ คนอย่างฟางลองโกรธโมโหใครดูสิหน้าไหนก็ไม่เว้นทั้งนั้นแหละถ้าหากคนๆนั้นทำ ผิดจริงๆ พิมพ์ก็นะ...เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับฟางคนนี้
และคำต่อจากนี้ของฟางนั้นเชื่อได้เลยว่าคนที่แอบหมั่นไส้พิมพ์อยู่ภายในใจ หลายๆคนนั้นต่างพากันสะใจไม่น้อยเลยทีเดียวเชียวแหละ
“ราคาเท่าไหร่? เห๊อะ! นี่! จะบอกอะไรให้อย่างนะ...ว่าหนังหน้าพลาสติกสกปรกๆของเธอน่ะ! มันไม่มีค่าเท่ากับชีวิตของเพื่อนฉันหรอก!”
“...!!! น่ะ..นังฟาง!”
“คิดว่าฉันไม่รู้รึไงว่าที่แก้วไปติดอยู่ในโรงขยะนั่นมันเป็นเพราะใครถ้าไม่ใช่เธอ!”
เมื่อฟางเอ่ยออกมาเสียงดังจนทำให้นักเรียนหลายๆคนต่างๆพากันซุบซิบกันใหญ่ บางรายก็พากันออกจากตรงนี้ไปที่รวมตัวกับนักเรียนคนอื่นๆที่สนามบอลเพราะว่า กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้นอีกนอกจากไฟไหม้แล้ว ก็คงอาจจะได้เห็นคนตบตีกันอีกในไม่ช้านี้ล่ะมั้ง
“อย่ามาพูดจาใส่ร้ายกันมั่วซั่วแบบนี้นะ! ฉันไปทำอะไร!”พิมพ์บอกแบบนั้นแต่สายตาของเธอนั้นลอกแลกไปมาพร้อมทั้งอับอายที่ได้เห็นว่ามีคนซุบซิบเธอ
“โกหก! แล้วที่ฉันเห็นยัยจินนี่เพื่อนของเธอเดินออกมาจากโรงขยะในช่วงที่แก้วเพื่อนฉันหายไปนั่นมันคืออะไร!?” ฟางพูดแล้วเหมือนจะตรงเข้าไปต่อยพิมพ์อีกครั้งแต่ป๊อปปี้และเขื่อนก็มาที่จับไหล่ของเธอเอาไว้เหมือนจะบอกว่า ‘ให้ใจเย็นๆก่อน’จนฟางนั้นยอมอยู่เฉยๆแต่โดยดี
“ฉันก็แค่สั่งให้ยัยจินนี่เอาขยะไปทิ้งก็แค่นั้น ไม่ได้มีอะไรนี่”
“งั้นเหรอ...”
จึก!
O_O!!!
น้ำเสียงอันนิ่งเรียบของคนที่ยืนมองดูความสตอเบอรี่ของพิมพ์มาสักพัก อย่างโทโมะเอ่ยขึ้น จึงกับให้พิมพ์ถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว และเมื่อเธอหันไปมองก็เห็นว่าโทโมะกำลังจ้องมองเธออยู่ในขณะที่เขาก็ค่อยๆอย่าง ก้าวเข้ามาหาเธอช้าๆเหมือนจะค่อยๆฆ่ากันให้ตาย
แต่หากทว่าปลายเท้าของโทโมะนั้นกลับเลือกที่จะเดินไปหาใครอีกคนที่กำลัง ยืนก้มหน้าอยู่ข้างๆพิมพ์ตอนนี้เสียมากกว่านั่นก็คือ...จินนี่
“ไหนบอกมาหน่อยซิ๊ว่า...มันจริงอย่างที่เพื่อนของเธอพูดรึปล่าว”โทโมะถามจินนี่ด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบแต่สายตาของเขานี่แฝงไปด้วยความโกรธเคืองเป็นอย่างมาก
และที่เขาเลือกถามจินนี่ยก็เพราะได้ฟังคำพูดของฟางเมื่อกี๊ที่ว่า...‘เห็นจินนี่ยเดินออกมาจากโรงขยะนั่นในจังหวะที่แก้วหายไป’ และท่าทางของจินนี่ไม่ใช่คนที่หาเรื่องใครก่อนเหมือนอย่างพิมพ์หรอก แต่เธอจะไม่ลงมือทำอะไรกับคนอื่นถ้าพิมพ์ไม่ได้สั่ง
โทโมะจึงมั่นใจอย่างแน่แท้เลยว่า...จินนี่ต้องทำตามคำสั่งของพิมพ์แน่ๆ!
“อะ...เอ่อ...คือว่า...”จินนี่พูดเสียงกะตุกะตักเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาแล้วเห็นว่าตอนนี้ทุกสายตากำลังจับจ้องมองมาที่เธออย่างกดดัน “เอ่อ...”เมื่อเห็นแบบนั้นจินนี่จึงก้มหน้าลงเพราะว่าไม่กล้าสู้หน้ามือทั้งสองก็จับประสานกันแถมยังสั่นเหมือนว่ากลัว
แน่นอนเธอต้องกลัวอยู่แล้วเพราะว่าเธอนั้นรู้ดีว่าอะไรคือ... ‘ความจริง’ ...
“บอกไปสิจินนี่ว่ามันจริงอย่างที่ฉันพูด! ฉันพูดถูกส่วนยัยฟางมันพูดผิด แกบอกไปสิ!”
“ไม่ได้ขอความเห็นอย่ามาเอ่ยแทรก!”
“อุ้บ! OXO”พิมพ์รีบหุบปากของตัวเองลงในทันทีทันใดที่โทโมะหันไปตะคอกใส่เธอแบบนั้นเป็นทำนองว่า
อย่า-ยุ่ง!
และตอนนี้สายตาของเธอก็คงทำได้เพียงจับจ้องมองจินนี่ เพื่อไม่ให้บอกพวกนั้น ว่าเธอเป็นคนสั่งให้ทำพิมพ์น่ะ...จะให้จินนี่พูดอะไรก็ได้ที่มันไม่โยงเกี่ยวกับเธอทำให้เธอไม่ผิด แต่การกระทำแบบนั้นมันเห็นแก่ตัวมากที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองผิดทั้งๆที่ผิด จริงๆ
และสิ่งที่พิมพ์แสดงกิริยากับเพื่อนของเธอแบบนี้ มันคงไม่มีความหมายสำหรับคำว่า‘เพื่อน’ แล้วล่ะ
เพราะเพื่อนเป็นเพื่อน‘ไม่ใช่ทาส’ เพื่อนคือความสัมพันธ์ที่เรียกกันว่า ‘มิตรภาพ’ แต่สิ่งที่พิมพ์มีให้กับจินนี่นั้นมันไม่ได้มีความหมายของคำว่าเพื่อนเลยสักนิด เพราะว่าเธอนั้นคิดถึงแต่ตัวเองยังล่ะ!
ส่วนตอนนี้จินนี่เนี่ยสิที่กลัวพิมพ์อยู่จึงรู้สึกกดดันไม่น้อยเลย เพราะไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงเพื่อไม่ให้พิมพ์ผิด เพราะว่าโทโมะกำลังจ้องมองเธออยู่ด้วย และเขาไม่ใช่คนโง่ที่จะดูไม่ออกว่าใครพูดโกหก
ยิ่งตอนนี้แล้วจะหาทางโกหกได้ยังไงถ้าไม่พูดความจริงออกมาให้มันจบๆ
“เอ่อ...คือฉัน...”
“ฉันจะไม่เอาเรื่องเธอหรอกนะถ้าหากเธอ...พูดความจริง”โทโมะย้ำอีกครั้งเพื่อจะให้จินนี่ลองคิดดูว่าถ้าเธอโกหกเขาแล้วเธอจะได้อะไรเป็นผลตามมา
ซึ่งมันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีนักหากคิดที่จะมาพูดจาโกหกในเมื่อหลักฐานมันมีก็ คาตาอยู่แล้วไงว่าฟางนั้นได้เห็นเธอเดินออกมาจากโรงขยะ
“คือ...คือว่า...”
“...”
“เอ่อ...”
“...”
“ชะ...ใช่! พิมพ์เป็นคนสั่งให้ฉันขังแก้วเอาไว้ในนั้นเองแหละ ><!” เป็น เพราะแรงกดดันจากทุกสายตานั้นทำให้จินนี่เลือกที่จะไม่โกหกเพราะว่าถ้า เรื่องนี้ถึงหูอาจารย์หรือตำรวจจริงๆเธอก็ต้องพูดความจริงอยู่ดี
“ยัยจินนี่!”
“เธอน่ะเงียบไปเลย!!”
หมับ!
“ว๊าย! โทโมะจะทำอะไรเนี่ย >O<!” พิมพ์ ร้องออกมาอย่างตกใจเพราะว่าหลังจากที่จินนี่สารภาพความจริงออกมาโทโมะก็ตรงเข้า ไปจัดการกระชากคอเสื้อนักเรียนของพิมพ์อย่างแรงด้วยความโมโห
“เธอ...เธอทำอะไรลงไปรู้ตัวมั้ย!”โทโมะตะคอกใส่พิมพ์จนคนที่ยืนยังดูอยู่นั้นรู้สึกกลัวแทนพิมพ์
ใช่! คน ที่เงียบๆไม่ค่อยจะสนใจโลกอย่างโทโมะแต่พอถึงเรื่องที่มันน่าโมโหจนต้องพูดออก มาก็จะรู้เลยว่าคนแบบนี้เวลาโกรธแล้วน่ากลัวมากแค่ไหน และถ้าฆ่าได้ก็คงฆ่าไปแล้วล่ะ
“ฉันทำอะไรล่ะ!”
“เพื่อนเธอสารภาพขนาดนี้แล้วเธอยังจะมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกเหรอฮะ!?”โทโมะพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยวแล้วกระชากคอเสื้อพิมพ์ให้เข้ามาหาเขาก่อนจะจ้อง มองเธอเป็นเชิงให้เธอพูดใหม่อีกครั้งหนึ่งในขณะที่มือของเขาก็กำคอเสื้อของพิมพ์แน่นขึ้นๆ
“ก็...ก็ได้! ฉันเป็นคนบอกจินนี่เองแหละว่าให้ขังยัยแก้วไว้ในนั้น! แต่จะไปรู้ได้ยังไงล่ะว่าไฟมันจะไหม้! >O<!”
“หน๋อย อี!!”
“ฟางครับอย่า!”เขื่อนกับป๊อปปี้รีบฉุดฟางเอาไว้ได้ทันเมื่อฟางสลัดมือออกแล้วทำท่าว่าจะตรงเข้า มาจัดการพิมพ์อีกรอบเมื่อเห็นว่าพิมพ์ได้พูดความจริงออกมาแบบนั้นแล้ว
“ห้ามฉันทำไม! ยัยนั่นมันสมควรโดน!”ฟาง พูดแต่ป๊อปปี้กับเขื่อนก็ไม่มีทางที่จะปล่อยแขนฟางหรอกเพราะรู้ว่าคราวนี้ถ้า ปล่อยไปพิมพ์อาจจะเละคามือฟางจนสภาพดูไม่ได้แน่ๆ และเดี๋ยวมันอาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตจนถึงตำรวจได้
“ไม่คาดคิดว่าไฟมันจะไหม้?”โทโมะเค้นเสียงถามแล้วหรี่ตามองพิมพ์จนพิมพ์ต้องกลืนน้ำลายลงคอด้วยความกลัวหน่อยๆ แต่เธอจะยิ่งรู้สึกกลัวกว่าเดิมเมื่อโทโมะพูดคำหลังต่อท้าย “แต่ถึงไฟมันไม่ไหม้! เธอก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะสั่งให้เพื่อนเธอหรือว่าใครก็ตามไปขังคนอื่นเขาแบบนั้น!!”
“...!!!”
“เธอรู้มั้ยว่าทำแบบนั้นแล้วอะไรมันจะตามมาบ้าง นี่ไง! แก้วจะเกือบโดนไฟคลอกตายอยู่ในนั้นแล้วเธอรู้มั้ย?!”
“ไม่รู้หรอก! ฉันไม่ใช่ยัยนั่นนิจะไปรู้ได้ยังไงกันเล่า! ><!”พิมพ์ตอบโทโมะมาแบบที่ไม่ได้คิดเลยว่าคำตอบของเธอนั้นมันทำให้โทโมะอยากจะควักหัวใจเธอออกมามากแค่ไหน
“ไม่รู้อย่างงั้นเหรอ...ได้!”
“ว๊าย! โทโมะจะทำอะไรอ่ะ!”
พิมพ์ร้องออกมาเมื่อโทโมะฉุดคอเสื้อของเธอให้เดินตามไปทางโรงขยะที่ตอนนี้ไฟกำลัง ลุกลามใหญ่แล้ว แต่ที่น่าสะใจกว่านั้นก็คือไม่มีใครคิดจะเข้ามาห้ามโทโมะเลยแม้แต่น้อยเพราะคิด ว่าถ้าโทโมะจะทำอะไรพิมพ์มันก็สมควรแล้วกระมังพิมพ์ตอนนี้เองก็ไม่ได้มีความน่าสงสารอะไรใดๆเลยเพราะว่าสิ่งที่เธอทำนั้นมัน มากเกินพอ
และคงถึงเวลาที่คนอย่างเธอจะต้องโดนลงโทษเสียบ้าง!
“...”
“โทโมะ! จะทำอะไรตอบฉันมานะ!”
“ก็ทำให้เธอรู้ไงว่ามันเป็นยังไงถ้าต้องไปอยู่ในนั้น!”โ?โมะหันมาบอกแล้วลากพิมพ์เข้าไปใกล้ๆกับโรงขยะจนพิมพ์เบิกตากว้างด้วยความตกใจเพราะรู้ไงว่าโทโมะจะทำอะไร
แต่ว่าเขาไม่คิดจะทำอะไรแบบนั้นหรอกก็แค่อยากให้พิมพ์ได้บทเรียนอะไร บ้างแค่นั้นเอง แล้วมันก็ได้ผลขึ้นมาในทันทีทันใดจริงๆ
“ไม่! ไม่เอา! ฮือออออ โทโมะอย่านะ!!”พิมพ์ขัดขืนสุดฤทธิ์และตอนนี้เธอกำลังร้องไห้แต่น้ำตาของเธอนั้นมันไม่มีผลทำให้ดูน่าสงสารขึ้นมาหรอกนะ...พิมพ์
“ไม่เอา? ทำไม...”โทโมะหยุดเดินแล้วหันมาถามพิมพ์
“อึก...ฮือ”
“ฉันถามว่าทำไม!”
“ก็ฉันกลัว!”
“กลัว? หึ ดูสภาพเธอตอนนี้สิ...”โทโมะหัวเราะในลำคอแล้วมองพิมพ์ตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะเอานิ้วชี้ไปยังโรงขยะส่วนอีกมือก็ยังคงจับคอเสื้อนักเรียนพิมพ์อยู่ “แล้วก็ดูสิ่งที่เธอพูดนะพิมพ์...”
“อึก...”
“เธอพูดว่าเธอ‘กลัว’ ทั้งๆที่เธอยังอยู่ตรงนี้! ยังไม่ทันได้เข้าไปอยู่ในนั้นเลย! แล้วเธอลองคิดดูนะ...ว่าคนที่เขาเข้าไปติดอยู่ในนั้นเขาจะรู้สึก‘กลัวมากกว่า’ เธอขนาดไหน!” โทโมะตะคอกใส่พิมพ์จนพิมพ์ร้องไห้ออกมาเหมือนกับว่ารู้สึกผิด
“อึก...ฮือออ”
“ในนั้นน่ะมันมีทั้งควันไฟ ความร้อน และความหวาดกลัว แล้วเธอไม่คิดบ้างรึไง? ใช่! เธออาจจะแค่อยากขังแก้วเอาไว้เฉยๆเพื่อความสะใจในเรื่องที่แม่งโคตรไร้สาระ! แต่ไอ้แบบนั้นมันก็สร้างความกังวลให้แก้วมากพอแล้ว! และยังมาเจอกับเหตุการณ์ระทึกขวัญแบบนี้อีกถ้าแก้วช็อคตายขึ้นมาจะทำยังไง!”
“ฉัน...”
“ถ้านึกภาพไม่ออกเธอก็ลองนึกสิว่าคนที่ติดอยู่ในนั้นคือเธอไม่ใช่แก้วแล้วมันจะเป็นยังไง...ถ้า ตอนนั้นเธอเป็นคนที่ไปติดอยู่ในนั้นเสียเองแล้วไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่าจะมี คนได้ยินเสียงร้องเรียกขอความช่วยเหลือของเธอมั้ย แล้วถ้าเธอโดนไฟคลอกตายล่ะ จะเอาแบบนั้นมั้ยล่ะ?”
“ไม่...”พิมพ์ตอบแล้วมองโทโมะด้วยสายตาที่เริ่มแข็งกร้าวจนโทโมะมองออกเลยว่าคนอย่างพิมพ์นั้นไม่ได้มีความสำนึกผิดเลยแม้แต่น้อย
“ไม่งั้นเหรอ? หึ แต่เธอรู้อะไรมั้ย? ว่าฉันอยากจะให้คนที่ติดอยู่ในนั้นเป็นเธอเสียด้วยซ้ำ...ไม่ใช่แก้ว!” โทโมะพูดตะคอกใส่พิมพ์จนพิมพ์นั้นสะดุ้งโหยงขึ้นมาทันที “แล้วครั้งนั้นที่มีคนไปตบแก้วจนเขาต้องหนีออกไปจากโรงเรียนก็คือเธออีกใช่มั้ยที่เป็นคนทำ!”
“ฉันไม่ได้ทำ!”
“เธอไม่ได้ทำแต่เธอเป็นคนสั่งให้คนอื่นมาตบแก้วใช่รึปล่าว!”
“...!!!” พิมพ์ตกใจจนออกนอกหน้าเพราะไม่คิดว่าโทโมะจะรู้ถึงขนาดนี้
“ฉันถามว่าใช่มั้ย!?”
“เออใช่! แล้วไงล่ะ?”
ผลั่ก!
ตุ้บ!
วินาทีนั้นโทโมะจึงคิดเลยว่าผู้หญิงอย่างพิมพ์นั้นเป็นผู้หญิงที่เขาไม่คิดอยากที่จะเอาปลายนิ้วของตัวเองเข้าไปเฉียดใกล้เข้าเธอเลยแม้แต่น้อยเขาจึงผลักพิมพ์ออกจากร่างจนพิมพ์ล้มลงบนพื้นอย่างแรงเพราะความขยะแขยงในความคิดที่สกปรกของผู้หญิงคนนี้
“โอ๊ยยยยยย”
“จิตใจเธอมันสกปรก”โทโมะพูดบอกแล้วมองพิมพ์นิ่งๆ
“แต่ที่ฉันทำเพราะฉันชอบนายนะ ><!”พิมพ์เงยหน้าขึ้นมาพูดกับโทโมะที่กำลังยืนมองดูเธออยู่
“ชอบ? ถ้าเธอทำอะไรเลวๆแบบนี้ก็อย่ามาชอบกันเลยดีกว่า”โทโมะบอกพิมพ์แล้วส่ายหน้าเพราะความไร้สาระบ้าๆบอๆของเธอนั้นมันทำให้คนอื่นเด็ดร้อนขนาดไหน “และถึงเธอจะชอบฉันก็ขอให้รู้เอาไว้ว่าคนอย่างฉันคนนี้...ไม่มีวันชอบผู้หญิงจิตใจไม่ดีอย่างเธอ”
“ทะ...โทโมะ”
“จำ ไว้นะพิมพ์ว่าสิ่งที่ฉันพูดมาฉันเองก็ไม่ได้อยากจะพูดหรอกถ้าเกิดว่าเธอไม่ทำ เรื่องแบบนี้ก่อน และจะมาหาว่าฉันพูดทำร้ายจิตใจเธอไม่ได้นะเพราะเธอเป็นคนบังคับให้ฉันต้อง พูดแบบนี้
เอง”
“...”
“เธอน่ะเป็นคนทำลายในสิ่งที่ตัวเองมีด้วยตัวของเธอเอง และถ้าเธอหากยังไม่เปลี่ยนนิสัย สักวันเถอะ...คนแบบเธอจะไม่เหลืออะไรเลยในชีวิต”
“ไม่ - จริง”
“งั้นก็ลองดู๊ ไม่ได้ห้ามเพราะเตือนแล้ว”โทโมะพูดแล้วหยักไหล่อย่างไม่แคร์ก่อนจะพูดต่อ “และฉันขอบอกเป็นครั้งสุดท้ายเลยนะว่า...อย่า – มา – ยุ่ง – กับ – แก้ว- อีก”โทโมะพูดด้วยความหนักแน่นและแน่วแน่เป็นครั้งสุดท้ายเพื่อเตือนพิมพ์ว่าอย่ามายุ่งกับผู้หญิงของเขาอีก
ไม่อย่างงั้นเธอคงจะโดนดีหนักกว่านี้อีกแน่!
“รักมันมากเหรอ”พิมพ์ทำหน้ามู่ทู่ทั้งน้ำตาแล้วก็มองโทโมะ
แต่ว่า...ถามแบบนี้อยากได้คำตอบนักใช่มั้ย? ได้! อยากได้มาโทโมะเขาก็จะตอบให้!
“...บอกตรงๆนะ สิ่งที่ฉันมีให้แก้ว...แค่คำว่า‘รัก’ มันยังน้อยไป...” เมื่อโทโมะพูดแบบนั้นพิมพ์ก็ถึงกับอึ้งกิมกี่ “และถ้าเหตุการณ์วันนี้ทำให้แก้วเป็นอะไรไปล่ะก็...ฉันจะจัดการกับเธอให้ถึงที่สุดเลยคอยดู”
เมื่อโทโมะพูดจบเขาก็เดินออกมาจากหน้าโรงขยะนั่นที่ไฟกำลังมอดไหม้อยู่และไม่คิดที่ จะหันกลับไปมองพิมพ์อีก ส่วนพิมพ์ก็ยังไม่ได้ลุกขึ้นมาแต่มือทั้งสองข้างก็กำหมัดแล้วเอาทุบๆพื้น อย่างเจ็บใจที่ได้ยินโทโมะพูดแบบนั้นใส่เธอ ในหัวของเธอก็คิดว่ายัยแก้วมันมีดีอะไรกว่าเธอตรงไหนกันโทโมะถึงได้รักมัน
ทั้งๆที่...พิมพ์เองเธอนั้นมีทุกอย่างสมบูรณ์ทั้งหน้าตาและรูปร่าง และเธอคิดผิดแล้ว! ถึงเธอจะสมบูรณ์แบบมากแค่ไหนแต่นิสัยแบบนี้ใครอยากจะอยู่ด้วยกันล่ะ
“กรี๊ดดดดดดดด” เสียงนั้นก็หนีไม่พ้นเสียงที่รู้สึกเจ็บจี๊ดของพิมพ์หรอก จนเฟื้องฟ้ากับจินนี่เพื่อนของเธอต้องรีบวิ่งผ่านโทโมะไปดูเธอทันที
และเหตุการณ์นี้ก็คงจะเป็นเหตุการณ์สำคัญของพิมพ์ที่จะทำให้เธอจดจำไปจนวัน ตายว่าเธอได้ทำอะไรไว้บ้าง และถ้าแก้วเป็นอะไรไปจริงๆ ชีวิตของพิมพ์จะไม่มีวันสงบสุขและสวยหรูอีกต่อไปเพราะเธอจะเสียทุกๆอย่างทั้งความเชื่อใจไว้ใจ และจนถึงตอนนี้พิมพ์เองก็คงจะเสียเพื่อนอย่างจินนี่ไปแน่ๆ
เพราะว่าจินนี่นั้นทำให้เธอเป็นแบบนี้ ทำให้เธอต้องมาอับอาย แต่มันไม่ใช่...เรื่องนี้มันไม่ได้ผิดที่จินนี่หรอกถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนขังแก้วแต่ถ้าเธอไม่ทำพิมพ์ก็คงจะจัดการกับเธอไม่ต่างอะไรกับแก้วหรอก แต่เรื่องทั้งหมดนี้มันผิดที่ตัวพิมพ์เองล้วนๆเพราะเธอเป็นคนบงการทุกอย่าง
จำคำพูดของเธอได้มั้ย?
‘ ต่อให้แรงแค่ไหนแต่ถ้ามันสะใจฉันก็ไม่สนหรอก! ’
คำพูดนี้ก็นี้คือคำพูดของ‘คนที่ไม่มีความคิด’ และ ถ้าเกิดความคิดนี้ยังคงอยู่ในสมองพิมพ์อยู่ล่ะก็ สักวันพระเจ้าก็จะลงโทษคนแบบเธอเอง แต่ว่าวันนี้โทโมะก็ได้ลงโทษเธอสาสมแก่ใจแล้วที่ได้ตอกหน้าพิมพ์แทนแก้วถึงแม้ ว่าจะไม่ได้ยินแม้แต่คำ‘ขอโทษ’ จากปากพิมพ์โทโมะก็ไม่ได่สนใจอะไรหรอกเพราะถ้าพูดมาแล้วมันไม่ได้มาจากใจมันก็ปล่าวประโยชน์อยู่ดี
ส่วนต่อจากนี้ชะตาชีวิตของแต่ละคนจะเป็นยังไง...เรื่องนี้ก็ให้เบื้องบน ตัดสินเอาก็แล้วกัน
‘คนที่ทำอะไรไม่คิดก็ไม่ต่างอะไรกันกับ‘คนโง่’ คนหนึ่ง...
ถ้าทำโดยอยากได้ความสะใจเพียงเท่านั้นขอให้จำเอาไว้ว่ามันไม่เกิดผลดี
คนอย่างพิมพ์...ผู้หญิงคนนี้ถ้ายังไม่ยอมเปลี่ยนความคิดสักวันเธอก็จะไม่เหลืออะไรในชีวิตเลย...ก็ขอให้คุณอย่าเป็นแบบเธอก็แล้วกัน...
______________________________________________________ มาอัพแล้วนะ เมื่อวานไม่ได้อัพเลยขอโทษนะ มีงานเยอะมากไม่มีเวลาเลยยย T^T เม้นกันหน่อยนะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ