Stop หยุดหัวใจนายเย็นชา

9.6

เขียนโดย NannyCandy

วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.18 น.

  43 chapter
  860 วิจารณ์
  68.41K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

34) - Burn Out - ( มอดไหม้ )

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

- Burn Out -

( มอดไหม้ )

 

“หนูๆๆ” 

 

 

ขวับ

 

 

“คะ? O_O?”

 

 

      เมื่อฉันกำลังเดินผ่านหน้าห้องปกครองที่ต้องเลี้ยวต่อไปยังโรงอาหาร เพื่อซื้อน้ำ แต่ในขณะที่เดินนั้นจู่ๆก็มีเสียงเรียกดังขึ้นมา พอฉันหันไปทางห้องปกครองก็เห็นว่ามีอาจารย์ผู้หญิงท่านหนึ่งที่กำลังยืนกวัก มือเรียกฉันอยู่หน้าห้องปกครอง ฉันจึงเดินเข้าไปหาอาจารย์คนนั้น ที่คาดว่าคงจะเป็นอาจารย์ที่ทำงานอยู่ในห้องปกครองนั่นแหละ

 

 

      ถึงแม้ว่าฉันจะอยู่ที่นี่มาประมาณสองเดือนกว่าแล้วแต่ก็ยังไม่ค่อยจะ รู้จักอาจารย์เยอะเท่าไหร่หรอกนอกจากอาจารย์ที่ปรึกษากับอาจารย์คนที่มาสอน น่ะนะ ^^

 

 

“เดี๋ยวหนูจะไปไหนเหรอจ๊ะ”อาจารย์คนนั้นถามขึ้น

 

 

“อ๋อ หนูจะไปซื้อน้ำที่โรงอาหารน่ะค่ะ ^^”

 

 

แปะ

 

 

“พอดีเลย ^^”อาจารย์ ตบมือแล้วพูดลากเสียงเหมือนว่าเขาพอใจอะไรสักอย่างก่อนจะส่งยิ้มหวานมาให้ ฉันแล้วหันไปหยิบกล่องลังใส่กระดาษที่เหมือนจะเป็นพวกกระดาษที่ไม่ได้ใช้ แล้วยกขึ้นมาก่อนจะยื่นมาทางฉัน

 

 

“...”

 

 

 “งั้นครูวานอะไรหน่อยจะได้มั้ยจ๊ะ ^^?”

 

 

       แหม่  หยิบกล่องลังยื่นมาให้ซะขนาดนี้แล้วจะให้หนูปฏิเสธได้ยังไงล่ะคะอาจารย์ =[]=???

 

 

“อ๋อได้ค่ะ”ฉันพยักหน้าตอบรับ

 

 

“โอเค งั้นหนูเอากล่องลังนี้ไปทิ้งที่โรงขยะหลังตึกให้ครูหน่อยนะ”

 

 

“ค่ะ เดี๋ยวหนูเอาไปทิ้งให้ ^^”ฉันพูดแล้วฉีกยิ้มให้อาจารย์แล้วรับกล่องลังนั่นมาถือเอาไว้ในมือ

 

 

“จ้า ขอบใจน้า ^O^//”

 

 

“ไม่เป็นไรค่ะ”

 

 

“อ้อหนู ถ้าเกิดว่าไฟในโรงขยะมันติดๆดับๆไม่ต้องไปกลัวจนขนตั้งนะเพราะว่าไฟมันจะเสียแล้ว ช่างซ่อมเขาจะมาซ่อมพรุ่งนี้น่ะ ^^”

 

 

“อ๋อ”

 

 

 

“โอเค ขอบใจอีกครั้งนะจ๊ะ ^^”เมื่อ อาจารย์บอกแบบนั้นฉันจึงพยักหน้ายิ้มๆให้ก่อนจะเดินผ่านหน้าห้องปกครองไปกะ ว่าทิ้งขยะเสร็จแล้วค่อยเดินไปซื้อน้ำให้ฟางที่โรงอาหารก็แล้วกัน

 

 

 

      มันคงใช้เวลาไม่นานนักหรอก...มั้งนะ?

 

 

 

ตึก...ตึก...ตึก...

 

 

 

 “...”

 

 

 

      เหตุ ใดก็ไม่ทราบเมื่อเท้าจากการเดินได้หยุดชะงักลงแบบที่ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน เพราะในตอนที่ฉันกำลังจะเดินผ่านพระพุทธรูปหน้าตึก 5 ที่มันจะเป็นที่ให้กราบไหว้บูญชา  แต่ฉันเนี่ยสิที่ตอนแรกจะเดินผ่านไปแล้วก็จำต้องหันไปมองนิ่งๆ

 

 

 

ฟิ้ว...

 

 

 

      ไม่นานนักที่ยืนมองพระพุทธรูปนั้นสายลมก็พัดมาจากไหนไม่รู้พัดใส่ตัว ฉันแต่ก็ไม่ถึงกับแรงมากวินาทีนั้นฉันวางกล่องลังลงบนพื้นก่อนจะยกมือขึ้น พนมอยู่ตรงกลางอกแล้วไหว้พระพุทธรูปนั่น...

 

 

 

“...”

 

 

 

       เนิ่นนานนับนาทีได้ที่ฉันยืนนิ่งมองพระพุทธรูปอยู่แบบนั้น ไม่รู้สิว่าทำไมมันถึงรู้สึกหน่วงๆอะไรในใจไม่รู้แบบไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่ก็ไม่ถึงกับแย่มาก

 

 

 

       เอ...ทำไมฉันถึงรูปสึกแบบนั้นนะ?

 

 

 

“คงไม่...มีอะไรหรอกมั้ง”ฉันพูดพลางส่ายหัวแล้วเดินผ่านพระพุทธรูปนั้นไปเพื่อไปยังโรงขยะทางด้านหลังตึก 5 นั่นเอง

 

 

 

      แต่พอเดินเข้ามาถึงทางด้านหลังนี่มันเงียบมากเลยนะ คงเป็นเพราะว่าทุกคนไปพักกินข้าวที่โรงอาหารจะมีบางส่วนที่อยู่ทำบอร์ดกันบน ห้องเสียงจากบนอาคารเลยเงียบมากๆ แถมตอนนี้ฉันก็อยู่ที่ข้างตึกคนเดียวด้วยสิและปลายเท้าก็กำลังย่างก้าวเข้า ไปใกล้โรงขยะมากขึ้นเรื่อยๆ

 

 

 

           ให้ตายสิทำไม...บรรยากาศมันวังเวงแปลกๆ YOY

 

   

 

 

อีกฝั่ง

 

 

 

 “...”

 

 

 

       สายตาของใครคนหนึ่งที่กำลังแอบมองดูแก้วอยู่ห่างๆในตอนที่เธอนั้นตามหาแก้วจนเจอในที่สุดนั่นก็คือคนที่เรียกได้ว่าเป็น ‘เบ๊’ สุดในกลุ่มโบว์ลิ่งอย่าง ‘จินนี่’ นั่นเองยังไงล่ะ

 

 

 

       ใช่! เธอเป็นคนที่เรียกได้ว่า ‘อ่อน’ ที่ สุดจึงได้รับตำแหน่งเบ๊นี้มาครอบครองได้อย่างง่ายดายแต่เธอก็พยายามที่จะเอา ใจพิมพ์ตลอดเวลาพิมพ์สั่งอะไรก็ทำให้เหมือนว่าพิมพ์เป็นคนที่เธอจงรักภักดี ทั้งๆที่พิมพ์นั้นเป็นคนนิสัยแย่ไม่ได้มีอะไรดีเลยนอกจากรูปร่างหน้าตาจริงๆ

 

 

       แต่ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแบบนั้นจินนี่เธอก็ยังมีเฟื่องฟ้าเป็นที่รู้ๆกันดีว่าร้าย เงียบมากกว่าพิมพ์หลายเท่า แต่เฟื้องฟ้านั้นเธอก็ยังพอมีเหตุผลที่จะร้ายอยู่บ้างไม่ใช่เป็นเหมือนกับพิมพ์ ที่ใช่แต่อารมณ์เหตุผลไม่มี!

 

 

 

เมื่อจินนี่เห็นว่าแก้วกำลังเดินไปที่โรงขยะเธอจึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อสูทขึ้นมากดโทรหาพิมพ์ทันทีเพื่อรายงาน

 

 

 

ตื๊ด...กรึก                     

 

 

 

[ ว่าไง... ] น้ำเสียงอันเย่อหยิ่งของพิมพ์เอ่ยขึ้นเมื่อกดรับสาย

 

 

 

“ฉันเจอยัยแก้วนั่นแล้วนะ”

 

 

 

[ มันอยู่ไหน ]

 

 

 

“กำลังเดินเอากล่องลังไปทิ้งที่โรงขยะอ่ะ แล้ว...ไงต่อ (o o  )?”

 

 

 

[ ไงต่อ? ถามเหมือนฉันไม่ได้สั่งแกไว้ ฉันสั่งแกว่ายังไง? ] พิมพ์พูดเสียงดุใส่จินนี่จนจินนี่ตกใจสะดุ้งหน่อยๆ

 

 

 

“เอ่อ...สั่งว่าทำยังไงก็ได้ไม่ให้ยัยนั่นกลับขึ้นไป” จินนี่พูดตอบพิมพ์ด้วยน้ำเสียงสั่นๆ

 

 

 

[ งั้นก็จัดการเลยสิ รออะไรอยู่ ]

 

 

 

“จัดการ? นี่อย่าบอกนะว่าจะให้ฉะ...”

 

 

 

[ ขังยัยนั่นซะ ]

 

 

 

        ขัง...

 

 

 

“ฮะ? ขังเลยเหรอ โรงขยะนั่นน่ากลัวจะตายไป”

 

 

 

        จินนี่พูดเหมือนไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่าพิมพ์จะใจร้ายสั่งให้เธอขังแก้วเอาไว้ใน นั้นจริงๆเพราะว่าโรงขยะนั่นถึงแม้จะแลดูสะอาดพอประมาณแต่ยังไงซะมันก็ยัง เป็นสถานที่ที่ไม่มีใครอยากอยู่ที่นั่นนานนักเพราะไฟมันติดๆดับๆอยู่บ่อย ครั้งแต่อาจจะเกิดอันตรายเมื่อไหร่ก็ได้

 

 

 

       แต่พิมพ์ก็ยังจะสั่งให้เธอขังแก้วไว้ในนั้นอีก!

 

 

 

[ น่ากลัวสิดีจะได้ถือเป็นบทเรียนให้มันว่าอย่ามาแหยมกับฉัน ]

 

 

 

“เอ่อ...พิมพ์ มะ...มันไม่แรงไปหน่อยเหรอ?”จินนี่ถามเพื่ออยากให้พิมพ์คิดดูอีกครั้งเพราะครั้งที่แล้วพิมพ์ก็สั่งให้คนไปเล่นแก้วซะไม่มีชิ้นดี

 

 

 

       ทว่าคำตอบที่ได้รับกลับก็คือ...

 

 

 

[ คนอย่างฉันถ้าพอใจถึงให้แรงแค่ไหนฉันก็ไม่แคร์หรอก จัดการซะ! ไม่งั้นแกตายแน่! ] ติ๊ด!

 

 

 

“อู้ย”จินนี่ร้องออกมาเมื่อพิมพ์พูดจบก็กดตัดสายเธอทิ้งไปเลยอย่างไม่อยากให้จินนี่ถามอะไร

ซ้ำซากให้เธอนั้นรำคาญใจอีก

 

 

 

        เพียงแค่ทำตามจินนี่ต้องทำตามที่เธอสั่งเท่านั้น!!

 

 

 

        เมื่อจินนี่เก็บโทรศัพท์ของเธอใส่กระเป๋าเสื้อสูทแล้วเธอก็มองซ้ายมองขวาก่อนจะ ย่องๆไปตรงประตูโรงขยะแล้วโผล่หน้าเข้าไปดูก็เห็นว่าแก้วกำลังเดินเข้าไป ตรงจุดที่สำหรับวางพวกกล่องลังที่อยู่ลึกเข้าไปด้านใน และไม่รอช้าจินนี่จัดการค่อยๆเลื่อนประตูทั้งสองด้านของโรงขยะให้ปิดลง เงียบๆเพื่อไม่ให้แก้วรู้ตัว

 

 

 

       จากนั้นเธอก็จัดการหยิบแม่กุญแจที่ห้อยอยู่ตรงขอบประตูขึ้นมาถือไว้ ก่อนจะตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าเธอต้องทำตามคำสั่งพิมพ์ จินนี่จัดการเอาแม่กุญจามาล็อคประตูของโรงขยะไว้จนเสร็จสิ้นภารกิจในการ ‘ขัง’ แก้วเอาไว้ในนั้น

 

 

 

“ฉันขอโทษนะ...ไม่ได้อยากทำแบบนี้หรอก แต่ถ้าฉันไม่ทำ...ฉันโดนพิมพ์เล่นงานแน่ๆ”จินนี่พูดด้วยสีหน้าเสียใจในตอนที่เธอกำลังพูดอยู่หน้าประตูโรงขยะที่เธอเพิ่งจะล็อคมันไปเมื่อกี้

 

 

 

       ถึงแม้ว่าแก้วจะไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอพูดก็ตามทีเถอะ...

 

 

 

       จินนี่เธอไม่อยากทำอะไรแรงๆแบบนี้เพราะแค่วันนั้นที่เห็นว่าพิมพ์ส่งเด็กที่ ออกโรคจิตๆ 3 คนนั้นไปตบแก้วในห้องน้ำเธอก็คิดว่าพิมพ์นั้นทำเกินไปแล้วแต่เธอก็ไม่มี สิทธิพูดอะไรเพราะว่าตัวเองเป็นแค่ ‘เบ๊’ ในกลุ่ม และเพราะเธอคิดว่าพิมพ์แค่จ้างให้คนถ่ายรูปแก้วมาประจานในทางที่ผิดทั้งๆที่ ภาพพวกนั้นมันไม่มีความเป็นจริงเลยแต่แค่มุมกล้องมันจัดฉาก

 

 

       แต่จินนี่เธอก็ไม่คิดว่าจะมีดักตบด้วย นั่นเลยทำให้จินนี่กลัวพิมพ์มากกว่าเดิมที่เป็นอยู่

 

 

 

       ถึงเธอจะนิสัยไม่ดี แต่เธอก็ใช่ว่าอยากจะทำร้ายใครเพียงแต่...เธอต้องการเป็นคนที่โดนสนใจจากผู้ อื่นโดยการมาอยู่กลุ่มกับพิมพ์จนเป็นที่รู้จักทั้งในและนอกโรงเรียนแต่นั่น มันเป็นความคิดที่ผิดมาก

 

 

 

“เฮ้อ...” จินนี่ถอนหายใจออกมาก่อนจะมองไปรอบๆแล้วตัดสินใจเดินออกไปจากตรงนี้

 

 

 

           แต่เธอคงไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่พิมพ์สั่งให้เธอทำมันจะส่งผลร้ายที่ตามมาแบบ ไหน...  

 

 

 

 

“ฮึ๊บ! โอเค”ฉัน ยกกล่องลังนั่นขึ้นสูงแล้วเทพวกเศษกระดาษลงไปในถังขยะก่อนจะเอากล่องลังมาทำ ให้มันแบนๆเหมือนตอนนั้นที่มาทิ้งขยะที่นี่แล้วเอามันโยนไปรวมกับกล่องลัง อันอื่นที่ถูกทำให้แบนแล้วเป็นกองๆใกล้ๆนี้

 

 

 

       เมื่อทำอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วฉันก็ปัดๆมือตัวเองก่อนจะเดินออกไปจากตรงนี้ แล้วเดินไปที่ประตูซึ่งตอนนี้มันถูกปิดเอาไว้...

 

 

 

“หือ?? ปิดเมื่อไหร่เนี่ย” ฉันพูดขึ้นแล้วขมวดคิ้วอย่างสงสัยเพราะเมื่อกี้ตอนที่เข้ามาประตูมันยังเปิดอยู่เลย

 

 

 

       มันเลื่อนปิดเองเหรอ?

 

 

 

กรึก

 

 

 

“อ้าว” ตอนนั้นฉันพูดออกมาแบบงงๆเมื่อเอามือไปเลื่อนเปิดประตูเปิดแต่มันก็ไม่ยอมเปิดให้ซะงั้น? เหมือนกับว่ามันถูกล็อคเอาไว้จากข้างนอกอย่างงั้นแหละ “เห้ยไม่จริงน่า”

 

 

 

        ความรู้สึกตรึงเครียดเริ่มคลืบคลานเข้ามามาเมื่อใช้แรงที่มีเปิดประตูอีกสักแค่ไหนมันก็ไม่ยอมเปิดให้สักที เห้ย! ล็อคจริงดิ?!

 

 

 

“ขอโทษนะคะมีใครอยู่ข้างนอกมั้ย?!”ด้วยสัญชาตญาณฉันจึงร้องตะโกนถามออกไปแต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคืนความเงียบงันไม่มีเสียงตอบกลับมาแต่อย่างใด

 

 

 

       และนั่นก็ทำให้ฉันเครียดยิ่งกว่าเดิมเพราะมันมีแค่ประตูนี้ประตูเดียวที่ออกไปได้

 

 

 

“ซวยอะไรอีกเนี่ย? ให้ตายสิ”ฉันสบทออกมาแล้วเอามือยกขึ้นเกาหัวและตอนนี้สีหน้าของตัวเองก็เริ่มไม่ค่อยดีแล้วด้วย

 

 

 

       แล้วจะออกไปยังไงเนี่ย? ใคร มาเผลอล็อคประตูเอาไว้นะเพิ่งจะกลางวันเองยังไม่ถึงเวลาปิดโรงขยะสักหน่อย นี่นา  เพราะลุงภารโรงเขาจะมาล็อคในตอนที่เลิกเรียนกันแล้ว แล้วทำไมวันนี้ถึงได้ล็อคตั้งแต่กลางวันล่ะ?

 

 

 

ปึงๆๆๆ

 

 

 

“ฮัลโหล มีใครอยู่ข้างนอกมั้ย? ถ้าได้ยินช่วยเปิดประตูให้หน่อยค่า! มีคนอยู่ในนี้!”

 

 

 

        แต่ ฉันก็ยังคงไม่ลดละความพยายามที่จะส่งเสียงร้องเรียกแล้วเอามือเคาะประตูคน ที่อาจจะมีเดินอยู่ข้างนอกบ้างก็ได้ต่อไปเผื่อว่าจะมีใครมาได้ยินแล้วมาช่วย เปิดประตูให้  ให้ตายสิ ใครมาล็อคกันนะ ><!

 

 

 

ปึง!

 

 

 

“โธ่เอ๊ย!”

 

 

 

       นั่นเป็นเสียงของฉันและแรงของมือตัวเองที่ทุบประตูไปเป็นครั้งสุดท้ายกับ ความคิดที่มีอยู่ในตอนนี้คือเครียดมากว่าเก่าและก็คิดจะออกไปจากที่นี่ยังไง ในเมื่อโรงขยะนี้ก็ติดเหล็กดัดเอาไว้ตรงหน้าต่างกระจกที่มองจากข้างในจะเห็น ข้างนอกได้แค่ลางๆเท่านั้นเพราะมันเป็นกระจกแบบมัว

 

 

 

           โอ๊ย เครียดจริงๆนะเนี่ย แล้วถ้าฉันรออยู่แบบนี้จะให้รอถึงตอนไหนกว่าจะมีคนมาเปิดประตูให้ แล้วถ้าไม่มีคนมาเปิดประตูจะทำยังไงดีเนี่ย >O<!

 

 

 

       แล้ว อีกอย่างฉันก็บอกเปาว่าจะลงมาซื้อน้ำแค่แป๊ปเดียว ป่านนี้ฟางคงจะสงสัยแล้วล่ะมั้งว่าทำไมฉันมานานจังเลย  แถมโทรศัพท์ก็ไม่ได้เอาลงมาเสียด้วยสิแล้วฉันจะทำยังไงดีล่ะทีนี้ บ้าจริง!

 

 

 

“อ๊า ไม่เอาอ่า พระเจ้าจ๋าอย่าแกล้งกันแบบนี้สิค๊า YOY” ฉันพูดแล้วถอนหายใจออกมาอย่างตัดพ้อ ฮืออออ  ได้โปรดใครก็ได้มาช่วยเปิดประตูให้หน่อยฉันไม่อยากติดอยู่ในนี้!

 

 

 

พรึบ!

 

 

 

เฮือก!

 

 

 

“...!”

 

 

 

        ฉัน ตกใจจนสะดุ้งโหยงเมื่ออยู่ดีๆไฟในโรงขยะก็ดับลงเหมือนครั้งนั้นที่ฉันมาทิ้ง ขยะ  อย่าบอกนะว่ามันจะดับแบบนี้ทั้งๆที่ฉันติดอยู่ในนี้น่ะ? ม่ายยยยยยยย  ไม่เอานะ! ถ้าเป็นแบบนี้ได้มีน้ำตาไหลแน่เพราะว่าฉันกลัวความมืดมากแถมยังติดอยู่ในนี้คนเดียวมันต้องไม่โอเคแหงๆ

 

 

 

พรึบ!

 

 

 

        และ ไม่นานนักไฟมันก็ติดขึ้นมาอีกแต่มันไม่ได้ติดแบบที่ควรจะเป็นแต่กลับติดๆ ดับๆหลายๆดวงเหมือนกับวงจรไฟมีปัญหาจนฉันเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีเลยเดินถอย หลังหนีไปเกาะไปกับชั้นวางของใกล้ๆกับประตูทว่า...

 

 

 

ซือ...ดือ...ซือ...

 

 

 

“???”ตอน นั้นฉันเงยหน้าขึ้นไปมองต้นตอของเสียงก็พบว่าหลอดไฟที่อยู่บนฉันมันเหมือนจะ ช็อตๆแล้วอยู่ดีๆก็มีสะเก็ดไฟเล็กๆจากหลอดไฟนั่นตกลงมาใส่มือฉัน “โอ๊ย! ”ฉันร้องออกมาเพราะรู้สึกเจ็บแล้วเดินหลบออกมาจากตรงนั้น

 

 

 

       ทว่า...สิ่งที่ในหัวคิดว่ามันอาจจะเป็นแค่ไฟเสียธรรมดาแต่มันไม่ใช่เพราะ...

 

 

 

เพล้ง!!!!

 

 

 

“กรื๊ดดดดดดดดด”       

 

 

 

 

ห้อง 5/2

 

 

 

“เฮ้ยฟางแก้วไปไหนอ่ะ”

 

 

 

 

“ไปซื้อน้ำที่โรงอาหารอ่ะ แต่ไปสักพักแล้วยังไม่กลับมาเลย”

 

 

 

       ฟางเงยหน้าจากการทากาวที่กระดาษขึ้นไปตอบเพื่อนสาวแล้วทำสีหน้าเป็นกังวลเพราะ ว่ามันรู้สึกไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เลยที่แก้วนั้นไปนานเกินไปรึปล่าวนะ? แต่นั่นก็แค่ความคิด อาจจะเป็นไปได้ว่าแก้วอาจจะแวะซื้ออย่างอื่นนอกจากน้ำด้วยล่ะมั้ง? เลยทำให้ฟางไม่ได้คิดอะไรมาก

 

 

 

“งั้นฟางโทรหาแก้วให้หน่อยดิ เราจะฝากซื้อมะม่วงอ่ะ”

 

 

 

“เออๆ”เมื่อฟางตอบรับก็หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมากดโทรหาแก้วทว่า...

 

 

 

ตรึ๊ดดดดดดดด

 

 

 

“อ้าว แก้วมันไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปเหรอวะน่ะ = =;;;”ฟาง พูดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงริงโทนของแก้วดังขึ้นมาจากกระเป๋าเป้ของแก้วที่ วางเอาไว้บนโต๊ะก็เห็นว่าแก้วไปได้เอาโทรศัพท์ไปด้วยฟางจึงกดตัดสาย

 

 

 

“ว่าไงอ่ะ”

 

 

 

“แก้วมันไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปอ่ะดิ”ฟางบอกก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงหนึ่งร้อยหกสิบห้าแล้วเอาโทรศัพท์ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงวอร์มสีดำ “เดี๋ยวฉันจะลงไปดูแก้วหน่อย ฝากซื้อมะม่วงป่ะล่ะ”

 

 

 

“เอาดิ”

 

 

 

      เมื่อ เพื่อนสาวในห้องตอบแบบนั้นฟางพยักหน้าก่อนจะเดินออกจากห้องไปแล้วเดินลง บันไดไปยังชั้นล่างเพื่อที่จะไปดูว่าแก้วซื้อน้ำเสร็จแล้วรึยัง แต่ตามจริงฟางก็ว่าตัวเองในใจเหมือนกันว่าไม่น่าปล่อยให้แก้วไปคนเดียวเลย เพราะจากเหตุการณ์หลายๆเหตุการณ์มันทำให้ฟางไม่อยากปล่อยแก้วไว้คนเดียว เพราะว่า

 

 

 

ทุกครั้งที่แก้วอยู่คนเดียวพิมพ์จ้องจะหาทางเล่นงานแก้วอยู่แล้วด้วยเนี่ย สิยิ่งน่าเป็นห่วง

 

 

“เฮ้อ ทำไมใจคอไม่ดีแปลกๆวะ ><!” ฟางพูดแล้วส่ายหัวเมื่อรู้สึกถึงความรู้สึกแปลกๆที่มันแล่นเข้ามาในหัวเองโดยอัตโนมัติทั้งๆที่ไม่รู้สาเหตุว่าทำไมกัน

 

 

กึก...

 

 

          ระหว่างที่ฟางกำลังเดินผ่านหน้าห้องปกครอง นั้นเธอก็หยุดเดินทันทีเมื่อสายตาดันไปเห็นใครบางคนที่เดินออกมาจากทางด้าน หลังตึก 5  และนั่นก็ทำให้เปาขมวดคิ้วเพราะความ ‘แปลกใจ’ ว่า ทำไมคนอย่างจินนี่ที่ได้ขึ้นชื่อว่าอยู่กลุ่มที่สวย เริด เชิด หยิ่ง ที่สุดในโรงเรียนนี้อย่างกลุ่ม โบวลิ่งถึงได้เดินออกมาจากทางที่เป็นโรงขยะในเมื่อพวกหล่อนรังเกียจที่นั่น จะตายไป

 

 

      แล้วทำไมจินนี่ถึงเดินออกมาจากทางนั้นกันล่ะ?  

 

 

 

“แปลกแฮะ...”ฟางพูดเบาๆเมื่อเห็นจินนี่เอาแต่เดินก้มหน้าไปยังอีกทางและไม่ได้หันมาเห็นว่าฟางกำลังยืนมองเธออยู่ด้วยสายตาสงสัย “ไม่มีอะไรมั้ง”ฟางคิดแล้วเบ้ปากก่อนจะเดินผ่านหน้าห้องปกครองไปยังโรงอาหาร

 

 

      ตอนนั้นฟางเธอคงไม่รู้หรอกว่า...แก้วไม่ได้อยู่ที่โรงอาหารในตอนนี้ แต่แก้วนั้นติดอยู่ในโรงขยะตรงที่ฟางเพิ่งจะก้าวขาเดินผ่านมายังไงล่ะ!

 

 

 

โรงอาหาร

 

 

“อยู่ไหนของมันวะเนี่ย”ฟางพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดหน่อยๆเพราะว่าเดินตามหาแก้วทั่วทั้งโรงอาหารแล้วแต่ก็ไม่เห็นเจอเลยแม้แต่เงา

 

 

       ตอนนั้นฟางก็คิดว่าถ้าแก้วกลับไปจนถึงห้องแล้วทำไมไม่โทรมาหาฟางล่ะว่าตอน นี้อยู่ที่ห้องแล้ว...แล้วถ้าแก้วไม่ได้อยู่ที่ห้องจะไปอยู่ที่ไหนกันล่ะ เนี่ย =[]=?

 

 

“อ้าว สาวน้อยฟางมาทำอะไรที่นี่คนเดียวล่ะเนี่ย ^^”

 

 

ขวับ

 

 

O_O

 

 

      ฟางหันไปตามต้นตอของเสียงที่ดังมาจากทางด้านหลังเธอก็เห็นว่าเป็น กลุ่มเคโอติคนั่นเองที่กำลังเดินมาทางนี้กันพร้อมหน้าพอดี และคนที่พูดก็คงหนีไม่พ้นหัวหน้ากลุ่มอย่างป๊อปปี้ที่เดินนำหน้ามา แต่ตอนนี้เธอกำลังเครียดเพราะหาแก้วไม่เจอเนี่ยแหละเลยได้แต่ถอนหายใจ

 

 

“ฟางมาซื้อข้าวแหรอ ^^?”เขื่อนที่ยืนอยู่ข้างป๊อปปี้ถามขึ้นมา ฟางจึงมองไปที่เขาและเห็นว่าป๊อปปี้กำลังมองมาที่ตัวเองเธอจึงเมินสายตาไปทาง อื่นเพราะไม่อยากมองหน้าหมอนั่น

 

 

“ปล่าวหรอก แต่มาตามหาแก้วพวกนายเห็นเธอบ้างมั้ย”ฟางหันหน้าไปมองม่อนแต่เธอก็คงจะรู้ตัวล่ะมั้งว่าป๊อปปี้กำลังมองมาที่เธอ เธอจึงไม่มองไปที่เขาเลยเพราะขี้เกียจมาเถียงอะไรด้วย

 

 

“แก้วไปไหนอ่ะ”โทโมะที่รู้ๆกันดีว่าคิดกับแก้วยังไงจึงถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วง

 

 

“แหม๋ๆๆ ห่วงจังนะ ^^”เคนตะหันไปแซว

 

 

           ในตอนนั้นนั่นเองที่ฟางไม่อยากจะยืนอยู่ตรงนี้แล้วเพราะรับรู้ถึงความอึดอัด จากสายตาของผู้ในโรงอาหารคนที่กำลังมองมาทางนี้อย่างให้ความสนใจ  ทั้งนักเรียนหญิงและชายซึ่งมันทำให้ฟางนั้นอยากรีบเดินออกไปจากตรงนี้ทันที

 

 

“แก้วมันบอกว่าจะลงมาซื้อน้ำแต่ลงมานานสักพักแล้วฉันเลยตามมาดู แต่...สงสัยคงจะเดินกลับไปห้องแล้วมั้ง”ฟางบอกเพื่อให้ตัวเองสบายใจแต่แววตาของเธอนี่มันดูไม่ดีเอาเสียเลย

 

“งั้น...ขอตัวนะ”

 

 

“นี่ๆๆได้ข่าวว่ามีหนุ่มส่งจดหมายรักมาให้เหรอ?”แต่ก่อนที่เปาจะก้าวเท้าเดินออกไปจากตรงนี้เคนตะก็ถามขึ้นมา

 

 

      และคำถามนี้ก็ทำเอาฟางถึงกับหน้าแดงขึ้นมาเลยทีเดียวเชียว

 

 

“ก็...ไม่เชิงอ่ะ” ฟางตอบเสียงกระตุกระตักแล้วเอามือยกขึ้นเกาคอ

 

 

“อะไรกันแบบนั้นเขาเรียกจีบแล้ว ><!” เขื่อนเอ่ย

 

 

 

“เฮ้อ...อยากรู้จริงจริ๊งงงง ว่าใครมัน ‘ตาถั่ว’ ขนาดนั้น”เสียง เย้ยจากป๊อปปี้ทำให้ฟางหันไปมองเขาด้วยความไม่พอใจทันทีแต่ป๊อปปี้ก็ทำเป็นเมิน หน้าไปทางอื่นแล้วเบ้ปากเหมือนว่าไม่รู้ไม่สนๆอะไรทำนองนั้นจนมันดูน่า หมั่นไส้เข้าไปใหญ่  

 

 

“แล้วนี่มีโอกาสจะตอบตกลงป่ะถ้าน้องเขาขอคบอ่ะ O_o?”เขื่อนถามอย่างสงสัย

 

 

“อันนี้ก็ไม่รู้หรอกนะ แต่...”ฟางยกมือขึ้นกอดอกแล้วเหลือบสายตาไปมองป๊อปปี้อีกครั้งก่อนจะเอ่ยถ้อยคำสุดท้ายออกมาเหมือนจะตอกกลับป๊อปปี้เมื่อกี้“...ถ้าน้องคนนั้นเขาไม่ได้นิสัยเสียเหมือนคนแถวนี้ฉันก็อาจจะลองคบกับน้องเขาดูก็ได้ ^^”

 

 

“อั๊ยยยยย่ะ แรงงกว่า”เมื่อเขื่อนพูดแล้วหันไปมองป๊อปปี้พร้อมกับเพื่อนๆในกลุ่มป๊อปปี้ก็หันกลับมามองฟาง แล้วกัดฟันดังกรอดแต่ฟางก็แค่มองป๊อปปี้แบบสะใจแล้วเหยียดยิ้มให้ก่อนจะเดิน ออกมาจากตรงนั้น

 

 

      ในความคิดของเธอตอนนี้คือกลับไปหาแก้วที่คาดว่าน่าจะเดินขึ้นห้องไปแล้วมั้ง? แต่มันไม่ใช่...เพราะสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้จะเป็นสิ่งที่ทำให้ฟางโกรธจนเลือดขึ้นหน้าแล้วจัดการคนที่ทำเรื่องแบบนี้เอง!

 

 

 

เพล้ง!!!!

 

 

 

“กรื๊ดดดดดดดด”ฉัน กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อหลอดไฟที่ออกช็อตๆเมื่อตะกี๊มันแตกออกมาก เสียงดังมากจนฉันต้องเอามือยกขึ้นปิดหูสองข้างของตัวเองอย่างอัตโนมัติเพราะ ตกใจ

 

 

           ไม่นานนักที่ฉันยืนมองเศษของหลอดไฟที่แตกออกมาและจากนั้นฉันก็ค่อยๆเงยหน้า ขึ้นมองเจ้าหลอดไฟที่แตกนั้นอย่างใจไม่ดีนัก  มันจะเกิดอะไรขึ้นรึปล่าวเนี่ย? นั่น คือสิ่งที่ฉันคิดอยู่ในตอนนั้น แต่ว่าจากที่คิดว่ามันแค่แตกแค่หลอดเดียวกับไม่ใช่เสียแล้วเมื่อหลอดไฟดวง อื่นที่มันกำลังติดๆดับๆนั้นก็ทำเอาฉันผวาพอแล้ว

 

 

           และยิ่งเหตุการณ์ต่อจากนี้ฉันก็ยิ่งกลัวเพราะหลอดไฟมันเริ่มพากันแตกไล่ไปที ละดวง!

 

 

เพล้ง!

 

 

เพล้ง!

 

 

เพล้ง!

 

 

“อะไรเนี่ย!”ฉันเอามือปิดหูไว้แน่นเพราะไม่อยากได้ยินเสียงหลอดไฟแตกแล้วก้มหน้ารีบวิ่งไปที่ประตูอีกครั้ง

 

 

ปึง!!

 

 

“มีใครใครอยู่ข้างนอกมั้ยคะ! ฮัลโหล!?”

 

 

ปึงๆๆๆๆ

 

 

 “ช่วยด้วยค่ะมีคนติดอยู่ในนี้! ชะ...!!!”ฉันจำต้องหยุดชะงักมือที่กำลังจะทุบประตูนั่นอีกรอบเพราะว่าจมูกนั้นมันเริ่มรู้สึกได้กลิ่นอะไรแปลกๆบางอย่างซึ่งมันเหมือนกลิ่นไหม้

 

 

          อะ...อะไรไหม้!?!

 

 

พรึ่บ!!

 

 

“ว๊าย!!”ฉัน ตกใจจนเบิกตากว้างเมื่อหันไปเห็นว่าหลอดไฟที่มันแตกแล้วนั้น แต่ละดวงนั้นก็มีสะเก็ดไฟเล็กๆเกิดขึ้นมาก่อนที่ไฟมันจะติดพรึ่บขึ้นมาจน ไหม้หลอดไฟไปทั้งอัน

 

 

เพล้ง!!

 

 

ตุ้บ!

 

 

“โอ๊ย!”ฉัน ก็ร้องออกมาเพราะรู้สึกเจ็บที่บั้นท้ายเพราะด้วยความที่กลัวมากจนเผลอเดิน ถอยหลังไปชนเข้ากับพวกของเก่าๆที่วางอยู่บนชั้นวางจนมันตกลงมาบนพื้นและทำ ให้ฉันตกใจจนเผลอสะดุดขาตัวเองล้มลงบนพื้น     

 

 

      แต่ว่าตอนนี้จะมัวมาเจ็บไม่ได้แล้วเพราะว่าตอนนี้ที่นี่กำลังจะมอดไหม้ และฉันต้องออกไปจากที่นี่!!

 

 

“ชะ...ช่วยด้วยยยยยยยยยย”ฉันร้องเสียงดังแล้วพยายามลุกขึ้นยืนและเจ็บตรงบั้นท้ายมากฉันเลยเอามือไปจับเอาไว้พร้อมกับแสดงสีหน้าที่ไม่ค่อยดีเอาเสียเลย “ให้ตายสิ!”

 

 

      หัวใจ ที่เต้นแรงและสั่นระรัวมากในตอนนี้มันบ่งบอกอาการกลัวของฉันเลยว่าตอนนี้ตัว เองนั้นกลัวมากแค่ไหน แต่ฉันจะไม่ยอมถูกเผาอยู่ในนี้หรอก แต่พอมองดูแล้วไฟจากหลอดไฟที่แตกทุกดวงมันเริ่มลามไปติดกับเชื้อไฟที่เป็นกล่องลังแล้วก็พวกเศษกระดาษ แถมในนี้มันเป็นโรงขยะเชื้อไฟก็มีให้เผาเยอะเสียด้วยสิ! บ้าที่สุด!

 

 

“อึก”ฉันด้วยสัญชาติญาณเอาตัวรอดฉันจึงรีบวิ่งไปหาของอะไรก็ได้แถวๆนั้นจะเอามาทุบกระจกให้มันแตกเพื่อที่จะได้ตะโกนออกไปได้ให้ใครได้ยิน

 

 

      แต่ถ้ามันไม่ได้ติดเหล็กดัดเอาไว้ฉันคงจะออกไปจากที่นี่ได้แล้ว!

 

 

หมับ!

 

 

      ฉันรีบหยิบแท่งเหล็กใกล้ๆขึ้นมาถือไว้ในมืออย่างรวดเร็วในตอนที่ไฟมันเริ่มลามขึ้นผนังไปเรื่อยๆแล้ว ในหัวตอนนี้ก็คือฟาดสุดแรง!

 

 

ตุ้บ!!!

 

 

“แตกสิ!”ฉัน เครียดยิ่งกว่าเดิมเมื่อกระจกมันไม่ยอมแตกให้แถมอากาศในนี้ก็เริ่มร้อนขึ้น เรื่อยๆเหงื่อก็เริ่มไหลอาบทั่วร่างกายของฉันอย่างรวดเร็วเพราความร้อนและ ควันไฟที่เริ่มมีมากขึ้น “แฮกๆๆๆๆ” ฉันไอออกมาเมื่อเผลอสูดควันไฟเข้าไปจนแสบคอไปหมด

 

 

ปึก!

 

 

“โอ๊ย!”

 

 

       เอาอีกแล้ว! คราว นี้อยู่ดีๆก็มีของมาตกทับหลังฉันจนตัวเองนั้นล้มลงไปนอนกองอยู่กับพื้นเลยที เดียวพอเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบว่าตอนนี้ไฟมันลามไปทั่วทั้งเพดานข้างบนของโรง ขยะนี้แล้ว

 

 

 “ช่วยด้วยยยยยยยยย!!!!!!”

 

 

       ขอร้อง!! มีใครได้ยินทีเถอะ!!

 

 

ตู้ม!!!

 

 

“กรี๊ดดดดดดดด” ฉัน ร้องออกมาแล้วตอนนั้นน้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาโดยอัตโนมัติเมื่อได้ยินเสียงอะไร สักอย่างในโรงขยะนี้ระเบิดขึ้นมาจนหลังคาโรงขยะนั้นแตกออกแล้วพวกเพดานก็ ตกลงมาทับร่างของฉันเข้าอย่างจัง!

 

 

        ฉันเลยเอามือบังหน้าของตัวเองเอาไว้แต่รู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรมาบาดเข้าที่แขนของตัวเองก็ไม่รู้จนได้กลิ่นถึงคาวเลือด!

 

 

อีกฝั่ง

 

 

ในขณะเดียวกัน...

 

 

“เฮ้ย เห็นแก้วขึ้นมายัง?”ฟางถามเพื่อนๆในห้องอย่างหัวเสียเมื่อเธอเดินขึ้นมาจนมาถึงบนห้อง แต่เพื่อนๆกลับส่ายหน้าเป็นทำนองว่าไม่เห็น

 

 

“ไม่เห็นเลยอ่ะ”

 

 

“เอ๋า? แล้วไปไหนวะ ><?”ฟางพูดอย่างหัวเสียแล้วเอามือเกาๆหัวของตัวเองอย่างเครียดๆ

 

 

“ไปห้องน้ำมั้งแก เออนี่ฉันว่านะ...”

 

 

“เฮ้ย! พวกเรา!”

 

 

“อะไรของแกเนี่ยยัยมด!”เพื่อน ที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างกับฟางถึงกับต้องหันไปเขม่นใส่เพื่อนของตัวเองที่ ตะโกนขึ้นขัดเมื่อกี้จนเป็นที่สนใจของเพื่อนๆในห้องตอนนี้

 

 

“ได้กลิ่นอะไรแปลกๆมั้ยวะ?”เมื่อมดพูดขึ้นแบบนั้นเพื่อนๆในห้องรวมทั้งฟางก็เหมือนว่าจะได้กลิ่นอะไรแปลกๆลอยมาจากทางหน้าต่างเช่นเดียวกัน

 

 

“เออว่ะ กลิ่นอะไรไหม้ๆ”ฟางพูดแล้วเดินไปดูตรงหน้าต่างเพราะอยากรู้ว่ามันกลิ่นอะไร เพื่อนๆจึงพากันเดินตามกันไปชะเง้อดูด้วยผลปรากฏว่า...

 

 

“เฮ้ย!!!! โรงขยะไฟไหม้เว้ยยยยยย”

 

 

ตู้ม!!!

 

 

“กรื๊ดดดดดดดด”

 

 

       เพื่อน ในห้องต่างพากันเอามือปิดหูเมื่อได้เห็นเหตุการณ์ที่เห็นว่าโรงขยะนั้นเกิด ไฟไหม้และมีเสียงระเบิดดังขึ้นมา  นั่นทำให้ฉันฟางและหลายๆคนตกใจกับเหตุการณ์นี้และไม่แค่นั้นเพราะว่าโรงขยะ นั้นอยู่หลังอาคาร 5 แถมยังมีพวกต้นไม้ด้วยเลยทำให้ต้นไม้ที่อยู่ติดกับโรงขยะนั้นไฟที่ไหม้มัน ลามขึ้นมาตามต้นแล้วและมันอยู่ใกล้กับห้องเรียนของ ม.5/2 นั่นเอง!

 

 

“อยู่ไม่ได้แล้วเว้ยยยยยยย”

 

 

“หนีๆๆๆๆ ไฟมันลามมาแล้ว >O<!!!!”

 

 

       วินาที นั้นทุกคนในห้องต่างรีบพากันวิ่งหนีออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วเพื่อเอาตัวรอด ไว้ก่อนและก็ไม่ลืมที่จะหยิบของสำคัญออกไปด้วยอย่างไม่คิดชีวิต และเมื่อฟางวิ่งออกไปนอกห้องก็เห็นว่านักเรียนห้องอื่นที่ทำบอร์ดอยู่บนห้อง ก็รีบวิ่งหนีออกมาเช่นกัน

 

 

“แก้วแกอยู่ไหนวะเนี่ย!?”ฟาง พูดเสียงดังด้วยความเครียดที่มองหาเพื่อนตัวเองไม่เจอจนเธอต้องยกมือสองข้าง ขึ้นมาจิกตรงกระหม่อนตัวเองเพราะเครียดว่าตอนนี้เพื่อนของเธอนั้นอยู่ไหนกัน แน่!

 

 

“ฟางไปเร็วไฟจะลามขึ้นมาแล้วนะ!”เพื่อนผู้หญิงในห้องวิ่งมาฉุดปลายเสื้อพละของฟางให้วิ่งลงบันไดไปด้วยอย่างรวดเร็ว

 

 

“ฉันยังหาแก้วไม่เจอเลยทำไงดี”ฟาง พูดขณะที่กำลังวิ่งลงมาจากบันได ในตอนนั้นเองที่เสียงกรื๊กกร๊าดของคนที่อยู่บนตึกและวิ่งลงมาก็ดังสนั่นทั้ง อาจารย์ที่อยู่ห้องปกครองก็พากันวิ่งแตกตื่นออกมาเช่นกัน

 

 

“กรี๊ดดดดด”

 

 

       เสียงกรื๊ดกับความชุลมุนนั้นมันสร้างความปวดสมองให้ฟางเป็นอย่างมากเลยในตอนนี้

 

 

 “แก้วอยู่ไหนวะเนี่ย...!!!”ตอนนี้รอบๆตัวฟางแลดูวุ่ยวายไปหมดแต่อยู่ดีๆก็มีอะไรบางอย่างให้ฟางฉุดคิดขึ้นมา “อย่าบอกนะ...”

 

 

       และ แล้วภาพของจินนี่ที่เดินออกมจากโรงขยะนั้นก็ทำให้เปาถึงกับคิดได้เลยว่าอาจ จะมีทางเป็นไปได้ไม่มากก็น้อยที่แก้วอาจจะอยู่ที่นั่น ในโรงขยะนั้นที่ตอนนี้ไฟกำลังไหม้!!

 

 

“เฮ้ยฟางไปไหน!”เสียงของเพื่อนๆที่กำลังแตกตื่นนั้นร้องเรียกฟางเมื่อเห็นว่าฟางวิ่งออกไปจากตรงนี้อย่างรวดเร็วในหัวของเปาตอนนี้คงมีแต่คำว่า ‘ไม่จริง’ เพราะเธอคงไม่คาดคิดว่าแก้วอาจจะอยู่ในนั้น...และถ้าอยู่...จะทำยังไง

 

 

ตึกๆๆๆๆๆ

 

 

“แก้ว!!”ฟางร้องเรียกเมื่อวิ่งไปอยู่ตรงหน้าโรงขยะที่ตอนนี้เริ่มมีควันเล็ดลอดออกมาจากประตูที่ปิดอยู่

 

 

           ความหวังของเธอก็คือได้ยินเสียงตอบรับของแก้วว่าอยู่ในนั้น แต่มันก็ช็อคทั้งสองอย่างที่ถ้าเธออยู่ในนั้นแล้วเธอจะออกมายังไงในเมื่อ ประตูจากข้างนอกมันล็อค! และถ้าไม่มีเสียงตอบรับ ตอบกลับมาฟางจะรู้ได้ยังไงว่าแก้วไม่ได้เป็นอะไรอยู่ในนั้นแล้ว!

 

 

“ฟาง! นั่นฟางใช่มั้ย! ช่วยฉันด้วย!”

 

 

“กะ...แก้ว!!” ฟางตกใจมากที่ได้ยินเสียงของแก้วแสดงว่าแก้วอยู่ในนั้นจริงๆ!

 

 

ปึงๆๆๆๆ

 

 

“แก้วแกอยู่ไหน!”ฟาง เอามือเคาะประตูแล้ววิ่งไปยังตรงกระจกมัวๆที่ถูกติดเอาไว้ที่มองจากข้างนอก แทบไม่เห็นข้างในอยู่แล้ว แถมยังมีควันสีเทาอยู่ในนั้นอีก บ้าจริง!

 

 

แปะ!

 

 

“ชะ...ช่วยด้วย ฮือออ ฉันจะไม่ไหวแล้ว”มือของแก้วเอาขึ้นแปะเอาไว้ตรงกระจกตรงหน้าฟางส่วนที่ฟางเห็นคืออีกมือของแก้วกำลังจับกรงเหล็กจากทางด้านในพยุงตัวเองขึ้น

 

 

       และ ถึงแม้จะมองไม่ชัดแต่ฟางก็รู้ว่ามันทรมานขนาดไหนที่ต้องติดอยู่ในโรงขยะ เหม็นๆและมีควันไฟมากมายขนาดนั้น แถมข้างในนั้นยังร้อนมากจนถ้าอยู่ในนั้นนานๆมีความเป็นไปได้ที่จะขาดอากาศ เสียชีวิตตายถ้าแก้วไม่โดนไฟครอกซะก่อน!

 

 

       และที่ฟางได้ยินก็คือเสียงของแก้วที่กำลังร้องไห้!

 

 

“ทนหน่อยฉันจะไปตามคนมาช่วย! แกอย่าเพิ่งเป็นอะไรนะเว้ย!”

 

 

“เร็วๆนะ...”น้ำเสียงที่กำลังเบาลงของแก้วนั้นทำให้ฟางรีบวิ่งออกไปจากตรงนี้และร้องขอความช่วยเหลือทันที

 

 

“ช่วยด้วย! มีคนติดอยู่ในโรงขยะ!”ฟาง พูดเสียงดังแต่ไม่มีใครหันมาสนใจเลยบางคนก็วิ่งพากันหนีไปรวมกันที่สนาม ฟุตบอลกันและยังมีคนที่แตกตื่นวิ่งลงมาจากอาคารบางคนที่ไม่ได้อยู่ใน สถานการณ์นี้ในตอนแรกก็วิ่งเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น

 

 

       และจังหวะนั้นที่มีแต่ความชุลมุนวุ่นวายอยู่สายตาของฟางก็ดันเหลือบไป เห็นว่ากลุ่มเคโอติคกำลังวิ่งมาทางนี้ฟางจึงไม่คิดอะไรเลยนอกจากรีบวิ่งเข้า ไปหาพวกเขาทันทีเพราะว่าพวกนั้นคงจะช่วยได้แน่นอนอยู่แล้ว

 

 

“โทโมะ! โทโมะ!”ฟาง เรียกโทโมะในตอนที่วิ่งไปเข้าหาโทโมะกับเพื่อนของเขาก็กำลังวิ่งมาดูเหตุการณ์นี้ และสีหน้าของโทโมะก็แสดงออกมาด้วยความตรึงเครียดทันทีที่ไม่เห็นแก้วอยู่กับฟางด้วย

 

 

“เกิดอะไรขึ้นฟาง แล้วแก้วอยู่ไหน!?”โทโมะถามอย่างเป็นกังวลแล้วฟางก็รีบเอานิ้วชี้ไปตรงทางไปด้านหลังตึก 5

 

 

“ฟะ...ไฟไหม้โรงขยะ แล้วแก้วติดอยู่ในนั้น!!”

 

 

“ฉิบหายแล้ว”เพื่อนๆเคโอติค

 

 

“ว่าไงนะ!?”โทโมะพูดเสียงดังอย่างตกใจและช็อคแต่สิ่งที่เขาคิดในตอนนี้ก็คือรีบไปช่วยแก้วให้ออกมาจากที่นั่นให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

 

“ไอ้โทโมะ!”เขื่อนร้องเรียกแต่โทโมะก็ไม่รออะไรใดๆแล้วรีบวิ่งไปยังโรงขยะทันที

 

 

“เฮ้ยมีใครโทรหาหน่วยดับเพลิงรึยัง!?”จองเบรีบตะโกนถามคนแถวนั้นทันทีและดูเหมือนว่าคำตอบที่ได้กลับมาคือพวกอาจารย์ช่วยกันโทรแล้ว “ไอ้เคนตะ โทรหารถพยาบาลด่วนเลย!”

 

 

“ครับ!”เมื่อเคนตะได้ยินแบบนั้นก็รีบกดโทรศัพท์โทรเบอร์ฉุกเฉินทันที

 

 

           แต่ฟางเนี่ย สิที่กำลังแย่ไม่ต่างกันก็คือน้ำตาไหลพรากแล้วทำท่าทีว่าจะวิ่งกลับไปช่วย แก้วอีกครั้ง

 

 

หมับ!

 

 

“นี่เธอจะไปไหน?!” ป๊อปปี้รีบคว้าข้อมือของฟางเอาไว้ในตอนที่เห็นว่าฟางจะย้อนกลับไป

 

 

“ฉันจะไปช่วยแก้ว! ฮือ...ฮืออออ”ฟางร้องไห้ออกมาเพราะว่าห่วงเพื่อนมากกลัวว่าแก้วจะเป็นอะไรไป และพยายามสลัดมือของป๊อปปี้ออกแต่ก็ไม่เป็นผลใดๆ

 

 

“ไอ้โทโมะมันไปช่วยแล้ว! เธออยู่ที่นี่แหละ!”

 

 

“นายจะให้ฉันยืนอยู่ตรงนี้ทั้งๆที่เพื่อนฉันติดอยู่ข้างในนั้นน่ะเหรอไอ้บ้า!”ฟางชี้ไปที่โรงขยะที่ตอนนี้มันกำลังไหม้ใหญ่แล้ว

 

 

“เพื่อนเธอไม่เป็นอะไรหรอกเชื่อฉันสิ! ไม่ต้องไป! อยู่ที่นี่!” ป๊อปปี้จับข้อมือของฟางเอาไว้แน่นกว่าเดิมเพราะไม่ยากปล่อยให้ฟางไปที่นั่นแต่ ฟางก็อดห่วงแก้วไม่ได้จึงหันกลับไปมองโรงขยะที่ไหม้นั้นทั้งน้ำตา

 

 

            ส่วนผู้คนที่ยังไม่ไปไหนก็ต่างพากกันลุ้นว่าโทโมะจะช่วยแก้วออกมาได้มั้ย เคนตะก็โทรศัพท์เสร็จเรียบร้อย คงเหลืออย่างเดียวก็คือโทโมะว่าเขาจะช่วยแก้วออกมาจากที่นั่นได้มั้ยเนี่ยสิ  

 

 

“แฮกๆๆๆๆ อึก...ฮือ”

 

 

       ฉัน ไอออกมาอย่างมากในเมื่อตอนนี้ควันมันเริ่มเยอะขึ้นแล้วแถมกลิ่นขยะเหม็นเน่า ก็เต็มไปหมดไฟก็ลามไปทั่วจนฉันรับรู้ถึงความร้อนระอุที่กำลังมอดไหม้อยู่ รอบๆตัว ความกลัวในใจจึงได้บังเอิญขึ้นมากับน้ำตาที่ไหลลงมาไม่ขาดสายพร้อมกับความ หวังที่ริบหรี่ลงเรื่อยๆว่าจะมีคนมาช่วยฉันทันมั้ย

 

 

       เพราะว่าตอนนี้ฉันทรมานมากจริงๆเหมือนว่าตัวเองกำลังจะ...ตาย...  

 

 

ครืดดดดด

 

 

เฉือด!

 

 

 “โอ๊ยยยยยย” เสียงร้องของฉันได้เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อเส้นลวดที่โดนไฟเผาจนมันขาดนั้นตวัดมาโดนเข้าที่ต้นแขนของฉันอย่างแรงจนได้เลือดอีกแล้ว “ฮืออออ ช่วยด้วยยยยยยยยยย” เสียงร้องเฮือกสุดท้ายที่มีได้เอ่ยขึ้นพร้อมกับน้ำตาแห่งความกลัวที่ไหลลงาไม่ขาดสาย

 

 

       ใครก็ได้...พาฉันออกไปจากที่นี่ที...ช่วยด้วย...

 

 

ปึง!!!

 

 

“แก้ว!!!”

 

 

เฮือก!!

 

 

“โทโมะ...”ฉันได้สติขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงของคนที่ฉันหวังว่าเขาจะมา “โทโมะ!” ฉันรีบเดินไปทีประตูให้ไวที่สุดเพราะขาตอนนั้นที่โดนพวกเพดานหล่นลงมาทับก็ทำเอาขาฉันเจ็บมากเลยทีเดียว

 

 

           แต่ท้อไม่ได้ ฉันจะไม่ยอมตายอยู่ที่นี่หรอก!

 

 

“แก้วได้ยินฉันมั้ย! เธออยู่ไหน!”โทโมะตะโกนถามและฉันก็พยายามเอาตัวเองไปยังกระจกที่ติดกรงเหล็กเอาไว้แล้วเอามือเคาะมันเพื่อให้โทโมะได้ยิน

 

 

ปึงๆๆๆ

 

 

“ทะ...โทโมะ”ตอนนี้เสียงของฉันแทบไม่มีแรงจะเอ่ยแล้วเพราะสูดควันเข้าไปเยอะมากจนแสบคอขึ้นมาเรื่อยๆ

 

 

“แก้ว!”โทโมะ ที่ได้ยินจึงรีบวิ่งมาตรงนี้แต่ทว่าฝ่ามือของเรานั้นสัมผัสกันไม่ได้เพราะ ว่ามีกระจกกั้นอยู่และถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นฉันก็เห็นว่าสีหน้าของโทโมะนั้นแล ดูช็อคมากที่เห็นฉันติดอยู่ในนี้

 

 

“โทโมะช่วยเราด้วย ฮือออออออ”เมื่อโทโมะเห็นฉันแบบนี้เขาจึงใช้หมัดของตัวเองต่อยเข้ามาตรงกระจกอย่างแรงแต่มันก็ไม่เป็นผลอะไรใดๆ

 

 

ผัวะ!!

 

 

“โธ่เว้ย! แล้วใครมันล็อคประตูวะ!” น้ำ เสียงของโทโมะดูโมโหมากที่จากที่ประตูเปิดไม่ได้แล้วยังจะมาเจอกระจกที่ต่อยไม่ แตกอีก และตอนนี้ภาพที่ฉันมองเห็นคือภาพที่เบลอและมัวไปหมด “แก้วตั้งสติไว้นะ! อย่าหลับนะ!”

 

 

       โทโมะบอกและเขาก็หายไปสักพักก่อนที่ฉันจะได้ยินเสียงอะไรสักอย่างฟาดเข้ามาตรงประตูอย่างแรง

 

 

ตู้ม!!!

 

 

ปึง!!!

 

 

“เปิดสิเว้ย!!!”โทโมะคงกำลังหาอะไรทุบแล้วพังประตูเข้ามาแน่ๆเพราะฟังจากเสียงแล้ว

 

 

“ฮือ...อึก! เออะ เห่อออ”ตอน นั้นฉันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองหายใจไม่ออกและเอามือยกขึ้นมาจับที่คอของตัว เองโดยอัตโนมัติพร้อมกับพยายามสูดหายใจ แต่มันเหมือนจะตายจริงๆที่ฉันนั้นหายใจไม่ออกเลยเหมือนว่ามีอะไรมาขัดกั้นลม หายใจของฉันเอาไว้ ‘’ทะ...โทโมะ อึก...อะ...”

 

 

ตุ้บ!

 

 

       และ ในที่สุดร่างของฉันก็ล้มลงไปนอนกองอยู่กับพื้นอีกครั้งที่ตอนนี้เริ่มมีไฟ ลามเข้ามาหาแล้วแต่ฉันไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้นวิ่งหนีเพราะว่ามือที่จับคอ ตัวเองเพราะหายใจไม่ออกนั้นมันก็ทำฉันเจ็บปวดสุดๆและคิดว่าตัวเองคงไม่รอด แน่ๆ

 

 

ปึง!!!

 

 

“อึก...”ฉัน ที่กำลังหายใจไม่ออกแต่สายตามันก็ดีใจทั้งๆที่พูดไม่ได้เมื่อเห็นว่าโทโมะนั้น พังประตูเข้ามาได้แล้วแต่มือของฉันที่จะขยับก็ไม่มีแรงอะไรเลย

 

 

“แก้ว!”โทโมะที่เห็นว่าฉันนอนอยู่ที่พื้นก็รีบวิ่งกระโดดข้ามกองไฟเข้ามาหาก่อนจะรีบก้มลงมาจับฉันอุ้มขึ้นไปไว้ในอ้อมแขนของเขาอย่างรวดเร็ว“แก้วอย่าหลับนะ ฉันมาแล้ว”

 

 

        ‘ฉันมาแล้ว’ นั่นคือคำพูดที่ทำให้ฉันอยากจะยิ้มที่สุดในตอนนี้แต่ว่าฉันไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลยเพราะว่าตัวมันแข็งทื่อไปหมด

 

 

“..ทะ...โทโมะ...อะ...อึก...”

 

 

“เธอเป็นอะไรอ่ะแก้วเฮ้!”โทโมะแลดูตกใจที่เห็นฉันเป็นแบบนี้ในขณะที่เขาก็กำลังเดินอุ้มฉันฝ่าดงไฟออกไปจากโรงขยะนี่โดยเร็วที่สุด

 

 

“ระ...เรา...เราหายใจ...มะ...ไม่ออก”ฉันบอกโทโมะด้วยแรงทั้งหมดที่มีและอ้าปากเพราะอยากได้อากาศเข้าปอดในตอนที่โทโมะพาฉันออกมาจากตรงนั้นได้แล้ว

 

 

“รถพยาบาลกำลังมา อย่าเป็นอะไรนะอยู่กับฉัน”โทโมะบอกในตอนที่วิ่งออกมาเจอกับเพื่อนๆของเขาและสายตาของทุกคนก็กำลังจับจ้องมอง มาด้วยความตกใจกับสภาพของฉันที่เลือดออกตามแขน และยิ่งฟางเนี่ยสิรีบวิ่งกรูดเข้ามาหาฉันเลยทันที

 

 

           แต่ว่า...ฉัน...ไม่ไหวแล้ว...

 

 

“แก้ว! แก้วแกอย่าหลับนะ”ความรู้สึกในตอนนั้นคือโทโมะนั่งย่อตัวลงแล้วร่างของฉันก็อยู่บนตักของเขาพร้อมกับฟางที่วิ่งเข้ามานั่งย่อตัวลงอยู่ข้างๆฉัน

 

 

“ฟะ...ฟาง ฉันไม่...ไหวแล้ว...”ฉันพูดบอกด้วยน้ำเสียงที่แหบสุดๆ

 

 

“อย่าหลับนะอยู่กับฉันก่อน...”โทโมะบอกแล้วก้มมองหน้าฉันแต่ฉันเห็นได้เลยว่าตอนนี้ดวงตาของเขากำลังมีน้ำตาเอ่อล้นอยู่ด้วย

 

 

 “...โทโมะ”น้ำเสียงของฉันเริ่มอ่อนลงเรื่อยๆจนไม่สามารถเอ่ยออกเสียงได้ในที่สุดและภาพของ โทโมะกับฟางและคนที่กำลังมุงดูกันอยู่ห่างๆก็ค่อยๆจางไปจนแทบจะมองไม่เห็นแล้ว

 

 

“อะ...ไอ้แก้ว อย่าหลับนะเว้ย”

 

 

“แก้ว...แก้วพูดกับก่อนฉันสิแก้ววววววว!”

 

 

       ตอนนั้นเสียงของโทโมะเป็นเหมือนเสียงที่สะท้อนและดังก้องอยู่ในหัวซ้ำไปซ้ำมา พร้อมกับร่างของตัวเองที่ถูกโทโมะจับเขย่าเบาๆเหมือนว่าโทโมะพยายามให้ฉันนั้นได้ สติและอย่าหลับให้อยู่กับเขาห้ามหลับเพราะเหมือนกับว่าฉันจะจากเขาไป

 

 

      ...แต่ทว่าทั้งเสียงและภาพเหล่านั้นมันก็จางหายไปในที่สุด...

 

____________________________________________________________อัพแล้วนะจ้ะ ดราม่าใหญ่ๆ หน่อยเนาะ เม้นกันหน่อยยย

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา