Stop หยุดหัวใจนายเย็นชา
เขียนโดย NannyCandy
วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.18 น.
แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
34) - Burn Out - ( มอดไหม้ )
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ- Burn Out -
( มอดไหม้ )
“หนูๆๆ”
ขวับ
“คะ? O_O?”
เมื่อฉันกำลังเดินผ่านหน้าห้องปกครองที่ต้องเลี้ยวต่อไปยังโรงอาหาร เพื่อซื้อน้ำ แต่ในขณะที่เดินนั้นจู่ๆก็มีเสียงเรียกดังขึ้นมา พอฉันหันไปทางห้องปกครองก็เห็นว่ามีอาจารย์ผู้หญิงท่านหนึ่งที่กำลังยืนกวัก มือเรียกฉันอยู่หน้าห้องปกครอง ฉันจึงเดินเข้าไปหาอาจารย์คนนั้น ที่คาดว่าคงจะเป็นอาจารย์ที่ทำงานอยู่ในห้องปกครองนั่นแหละ
ถึงแม้ว่าฉันจะอยู่ที่นี่มาประมาณสองเดือนกว่าแล้วแต่ก็ยังไม่ค่อยจะ รู้จักอาจารย์เยอะเท่าไหร่หรอกนอกจากอาจารย์ที่ปรึกษากับอาจารย์คนที่มาสอน น่ะนะ ^^
“เดี๋ยวหนูจะไปไหนเหรอจ๊ะ”อาจารย์คนนั้นถามขึ้น
“อ๋อ หนูจะไปซื้อน้ำที่โรงอาหารน่ะค่ะ ^^”
แปะ
“พอดีเลย ^^”อาจารย์ ตบมือแล้วพูดลากเสียงเหมือนว่าเขาพอใจอะไรสักอย่างก่อนจะส่งยิ้มหวานมาให้ ฉันแล้วหันไปหยิบกล่องลังใส่กระดาษที่เหมือนจะเป็นพวกกระดาษที่ไม่ได้ใช้ แล้วยกขึ้นมาก่อนจะยื่นมาทางฉัน
“...”
“งั้นครูวานอะไรหน่อยจะได้มั้ยจ๊ะ ^^?”
แหม่ หยิบกล่องลังยื่นมาให้ซะขนาดนี้แล้วจะให้หนูปฏิเสธได้ยังไงล่ะคะอาจารย์ =[]=???
“อ๋อได้ค่ะ”ฉันพยักหน้าตอบรับ
“โอเค งั้นหนูเอากล่องลังนี้ไปทิ้งที่โรงขยะหลังตึกให้ครูหน่อยนะ”
“ค่ะ เดี๋ยวหนูเอาไปทิ้งให้ ^^”ฉันพูดแล้วฉีกยิ้มให้อาจารย์แล้วรับกล่องลังนั่นมาถือเอาไว้ในมือ
“จ้า ขอบใจน้า ^O^//”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“อ้อหนู ถ้าเกิดว่าไฟในโรงขยะมันติดๆดับๆไม่ต้องไปกลัวจนขนตั้งนะเพราะว่าไฟมันจะเสียแล้ว ช่างซ่อมเขาจะมาซ่อมพรุ่งนี้น่ะ ^^”
“อ๋อ”
“โอเค ขอบใจอีกครั้งนะจ๊ะ ^^”เมื่อ อาจารย์บอกแบบนั้นฉันจึงพยักหน้ายิ้มๆให้ก่อนจะเดินผ่านหน้าห้องปกครองไปกะ ว่าทิ้งขยะเสร็จแล้วค่อยเดินไปซื้อน้ำให้ฟางที่โรงอาหารก็แล้วกัน
มันคงใช้เวลาไม่นานนักหรอก...มั้งนะ?
ตึก...ตึก...ตึก...
“...”
เหตุ ใดก็ไม่ทราบเมื่อเท้าจากการเดินได้หยุดชะงักลงแบบที่ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน เพราะในตอนที่ฉันกำลังจะเดินผ่านพระพุทธรูปหน้าตึก 5 ที่มันจะเป็นที่ให้กราบไหว้บูญชา แต่ฉันเนี่ยสิที่ตอนแรกจะเดินผ่านไปแล้วก็จำต้องหันไปมองนิ่งๆ
ฟิ้ว...
ไม่นานนักที่ยืนมองพระพุทธรูปนั้นสายลมก็พัดมาจากไหนไม่รู้พัดใส่ตัว ฉันแต่ก็ไม่ถึงกับแรงมากวินาทีนั้นฉันวางกล่องลังลงบนพื้นก่อนจะยกมือขึ้น พนมอยู่ตรงกลางอกแล้วไหว้พระพุทธรูปนั่น...
“...”
เนิ่นนานนับนาทีได้ที่ฉันยืนนิ่งมองพระพุทธรูปอยู่แบบนั้น ไม่รู้สิว่าทำไมมันถึงรู้สึกหน่วงๆอะไรในใจไม่รู้แบบไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่ก็ไม่ถึงกับแย่มาก
เอ...ทำไมฉันถึงรูปสึกแบบนั้นนะ?
“คงไม่...มีอะไรหรอกมั้ง”ฉันพูดพลางส่ายหัวแล้วเดินผ่านพระพุทธรูปนั้นไปเพื่อไปยังโรงขยะทางด้านหลังตึก 5 นั่นเอง
แต่พอเดินเข้ามาถึงทางด้านหลังนี่มันเงียบมากเลยนะ คงเป็นเพราะว่าทุกคนไปพักกินข้าวที่โรงอาหารจะมีบางส่วนที่อยู่ทำบอร์ดกันบน ห้องเสียงจากบนอาคารเลยเงียบมากๆ แถมตอนนี้ฉันก็อยู่ที่ข้างตึกคนเดียวด้วยสิและปลายเท้าก็กำลังย่างก้าวเข้า ไปใกล้โรงขยะมากขึ้นเรื่อยๆ
ให้ตายสิทำไม...บรรยากาศมันวังเวงแปลกๆ YOY
อีกฝั่ง
“...”
สายตาของใครคนหนึ่งที่กำลังแอบมองดูแก้วอยู่ห่างๆในตอนที่เธอนั้นตามหาแก้วจนเจอในที่สุดนั่นก็คือคนที่เรียกได้ว่าเป็น ‘เบ๊’ สุดในกลุ่มโบว์ลิ่งอย่าง ‘จินนี่’ นั่นเองยังไงล่ะ
ใช่! เธอเป็นคนที่เรียกได้ว่า ‘อ่อน’ ที่ สุดจึงได้รับตำแหน่งเบ๊นี้มาครอบครองได้อย่างง่ายดายแต่เธอก็พยายามที่จะเอา ใจพิมพ์ตลอดเวลาพิมพ์สั่งอะไรก็ทำให้เหมือนว่าพิมพ์เป็นคนที่เธอจงรักภักดี ทั้งๆที่พิมพ์นั้นเป็นคนนิสัยแย่ไม่ได้มีอะไรดีเลยนอกจากรูปร่างหน้าตาจริงๆ
แต่ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแบบนั้นจินนี่เธอก็ยังมีเฟื่องฟ้าเป็นที่รู้ๆกันดีว่าร้าย เงียบมากกว่าพิมพ์หลายเท่า แต่เฟื้องฟ้านั้นเธอก็ยังพอมีเหตุผลที่จะร้ายอยู่บ้างไม่ใช่เป็นเหมือนกับพิมพ์ ที่ใช่แต่อารมณ์เหตุผลไม่มี!
เมื่อจินนี่เห็นว่าแก้วกำลังเดินไปที่โรงขยะเธอจึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อสูทขึ้นมากดโทรหาพิมพ์ทันทีเพื่อรายงาน
ตื๊ด...กรึก
[ ว่าไง... ] น้ำเสียงอันเย่อหยิ่งของพิมพ์เอ่ยขึ้นเมื่อกดรับสาย
“ฉันเจอยัยแก้วนั่นแล้วนะ”
[ มันอยู่ไหน ]
“กำลังเดินเอากล่องลังไปทิ้งที่โรงขยะอ่ะ แล้ว...ไงต่อ (o o )?”
[ ไงต่อ? ถามเหมือนฉันไม่ได้สั่งแกไว้ ฉันสั่งแกว่ายังไง? ] พิมพ์พูดเสียงดุใส่จินนี่จนจินนี่ตกใจสะดุ้งหน่อยๆ
“เอ่อ...สั่งว่าทำยังไงก็ได้ไม่ให้ยัยนั่นกลับขึ้นไป” จินนี่พูดตอบพิมพ์ด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
[ งั้นก็จัดการเลยสิ รออะไรอยู่ ]
“จัดการ? นี่อย่าบอกนะว่าจะให้ฉะ...”
[ ขังยัยนั่นซะ ]
ขัง...
“ฮะ? ขังเลยเหรอ โรงขยะนั่นน่ากลัวจะตายไป”
จินนี่พูดเหมือนไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่าพิมพ์จะใจร้ายสั่งให้เธอขังแก้วเอาไว้ใน นั้นจริงๆเพราะว่าโรงขยะนั่นถึงแม้จะแลดูสะอาดพอประมาณแต่ยังไงซะมันก็ยัง เป็นสถานที่ที่ไม่มีใครอยากอยู่ที่นั่นนานนักเพราะไฟมันติดๆดับๆอยู่บ่อย ครั้งแต่อาจจะเกิดอันตรายเมื่อไหร่ก็ได้
แต่พิมพ์ก็ยังจะสั่งให้เธอขังแก้วไว้ในนั้นอีก!
[ น่ากลัวสิดีจะได้ถือเป็นบทเรียนให้มันว่าอย่ามาแหยมกับฉัน ]
“เอ่อ...พิมพ์ มะ...มันไม่แรงไปหน่อยเหรอ?”จินนี่ถามเพื่ออยากให้พิมพ์คิดดูอีกครั้งเพราะครั้งที่แล้วพิมพ์ก็สั่งให้คนไปเล่นแก้วซะไม่มีชิ้นดี
ทว่าคำตอบที่ได้รับกลับก็คือ...
[ คนอย่างฉันถ้าพอใจถึงให้แรงแค่ไหนฉันก็ไม่แคร์หรอก จัดการซะ! ไม่งั้นแกตายแน่! ] ติ๊ด!
“อู้ย”จินนี่ร้องออกมาเมื่อพิมพ์พูดจบก็กดตัดสายเธอทิ้งไปเลยอย่างไม่อยากให้จินนี่ถามอะไร
ซ้ำซากให้เธอนั้นรำคาญใจอีก
เพียงแค่ทำตามจินนี่ต้องทำตามที่เธอสั่งเท่านั้น!!
เมื่อจินนี่เก็บโทรศัพท์ของเธอใส่กระเป๋าเสื้อสูทแล้วเธอก็มองซ้ายมองขวาก่อนจะ ย่องๆไปตรงประตูโรงขยะแล้วโผล่หน้าเข้าไปดูก็เห็นว่าแก้วกำลังเดินเข้าไป ตรงจุดที่สำหรับวางพวกกล่องลังที่อยู่ลึกเข้าไปด้านใน และไม่รอช้าจินนี่จัดการค่อยๆเลื่อนประตูทั้งสองด้านของโรงขยะให้ปิดลง เงียบๆเพื่อไม่ให้แก้วรู้ตัว
จากนั้นเธอก็จัดการหยิบแม่กุญแจที่ห้อยอยู่ตรงขอบประตูขึ้นมาถือไว้ ก่อนจะตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าเธอต้องทำตามคำสั่งพิมพ์ จินนี่จัดการเอาแม่กุญจามาล็อคประตูของโรงขยะไว้จนเสร็จสิ้นภารกิจในการ ‘ขัง’ แก้วเอาไว้ในนั้น
“ฉันขอโทษนะ...ไม่ได้อยากทำแบบนี้หรอก แต่ถ้าฉันไม่ทำ...ฉันโดนพิมพ์เล่นงานแน่ๆ”จินนี่พูดด้วยสีหน้าเสียใจในตอนที่เธอกำลังพูดอยู่หน้าประตูโรงขยะที่เธอเพิ่งจะล็อคมันไปเมื่อกี้
ถึงแม้ว่าแก้วจะไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอพูดก็ตามทีเถอะ...
จินนี่เธอไม่อยากทำอะไรแรงๆแบบนี้เพราะแค่วันนั้นที่เห็นว่าพิมพ์ส่งเด็กที่ ออกโรคจิตๆ 3 คนนั้นไปตบแก้วในห้องน้ำเธอก็คิดว่าพิมพ์นั้นทำเกินไปแล้วแต่เธอก็ไม่มี สิทธิพูดอะไรเพราะว่าตัวเองเป็นแค่ ‘เบ๊’ ในกลุ่ม และเพราะเธอคิดว่าพิมพ์แค่จ้างให้คนถ่ายรูปแก้วมาประจานในทางที่ผิดทั้งๆที่ ภาพพวกนั้นมันไม่มีความเป็นจริงเลยแต่แค่มุมกล้องมันจัดฉาก
แต่จินนี่เธอก็ไม่คิดว่าจะมีดักตบด้วย นั่นเลยทำให้จินนี่กลัวพิมพ์มากกว่าเดิมที่เป็นอยู่
ถึงเธอจะนิสัยไม่ดี แต่เธอก็ใช่ว่าอยากจะทำร้ายใครเพียงแต่...เธอต้องการเป็นคนที่โดนสนใจจากผู้ อื่นโดยการมาอยู่กลุ่มกับพิมพ์จนเป็นที่รู้จักทั้งในและนอกโรงเรียนแต่นั่น มันเป็นความคิดที่ผิดมาก
“เฮ้อ...” จินนี่ถอนหายใจออกมาก่อนจะมองไปรอบๆแล้วตัดสินใจเดินออกไปจากตรงนี้
แต่เธอคงไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่พิมพ์สั่งให้เธอทำมันจะส่งผลร้ายที่ตามมาแบบ ไหน...
“ฮึ๊บ! โอเค”ฉัน ยกกล่องลังนั่นขึ้นสูงแล้วเทพวกเศษกระดาษลงไปในถังขยะก่อนจะเอากล่องลังมาทำ ให้มันแบนๆเหมือนตอนนั้นที่มาทิ้งขยะที่นี่แล้วเอามันโยนไปรวมกับกล่องลัง อันอื่นที่ถูกทำให้แบนแล้วเป็นกองๆใกล้ๆนี้
เมื่อทำอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วฉันก็ปัดๆมือตัวเองก่อนจะเดินออกไปจากตรงนี้ แล้วเดินไปที่ประตูซึ่งตอนนี้มันถูกปิดเอาไว้...
“หือ?? ปิดเมื่อไหร่เนี่ย” ฉันพูดขึ้นแล้วขมวดคิ้วอย่างสงสัยเพราะเมื่อกี้ตอนที่เข้ามาประตูมันยังเปิดอยู่เลย
มันเลื่อนปิดเองเหรอ?
กรึก
“อ้าว” ตอนนั้นฉันพูดออกมาแบบงงๆเมื่อเอามือไปเลื่อนเปิดประตูเปิดแต่มันก็ไม่ยอมเปิดให้ซะงั้น? เหมือนกับว่ามันถูกล็อคเอาไว้จากข้างนอกอย่างงั้นแหละ “เห้ยไม่จริงน่า”
ความรู้สึกตรึงเครียดเริ่มคลืบคลานเข้ามามาเมื่อใช้แรงที่มีเปิดประตูอีกสักแค่ไหนมันก็ไม่ยอมเปิดให้สักที เห้ย! ล็อคจริงดิ?!
“ขอโทษนะคะมีใครอยู่ข้างนอกมั้ย?!”ด้วยสัญชาตญาณฉันจึงร้องตะโกนถามออกไปแต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคืนความเงียบงันไม่มีเสียงตอบกลับมาแต่อย่างใด
และนั่นก็ทำให้ฉันเครียดยิ่งกว่าเดิมเพราะมันมีแค่ประตูนี้ประตูเดียวที่ออกไปได้
“ซวยอะไรอีกเนี่ย? ให้ตายสิ”ฉันสบทออกมาแล้วเอามือยกขึ้นเกาหัวและตอนนี้สีหน้าของตัวเองก็เริ่มไม่ค่อยดีแล้วด้วย
แล้วจะออกไปยังไงเนี่ย? ใคร มาเผลอล็อคประตูเอาไว้นะเพิ่งจะกลางวันเองยังไม่ถึงเวลาปิดโรงขยะสักหน่อย นี่นา เพราะลุงภารโรงเขาจะมาล็อคในตอนที่เลิกเรียนกันแล้ว แล้วทำไมวันนี้ถึงได้ล็อคตั้งแต่กลางวันล่ะ?
ปึงๆๆๆ
“ฮัลโหล มีใครอยู่ข้างนอกมั้ย? ถ้าได้ยินช่วยเปิดประตูให้หน่อยค่า! มีคนอยู่ในนี้!”
แต่ ฉันก็ยังคงไม่ลดละความพยายามที่จะส่งเสียงร้องเรียกแล้วเอามือเคาะประตูคน ที่อาจจะมีเดินอยู่ข้างนอกบ้างก็ได้ต่อไปเผื่อว่าจะมีใครมาได้ยินแล้วมาช่วย เปิดประตูให้ ให้ตายสิ ใครมาล็อคกันนะ ><!
ปึง!
“โธ่เอ๊ย!”
นั่นเป็นเสียงของฉันและแรงของมือตัวเองที่ทุบประตูไปเป็นครั้งสุดท้ายกับ ความคิดที่มีอยู่ในตอนนี้คือเครียดมากว่าเก่าและก็คิดจะออกไปจากที่นี่ยังไง ในเมื่อโรงขยะนี้ก็ติดเหล็กดัดเอาไว้ตรงหน้าต่างกระจกที่มองจากข้างในจะเห็น ข้างนอกได้แค่ลางๆเท่านั้นเพราะมันเป็นกระจกแบบมัว
โอ๊ย เครียดจริงๆนะเนี่ย แล้วถ้าฉันรออยู่แบบนี้จะให้รอถึงตอนไหนกว่าจะมีคนมาเปิดประตูให้ แล้วถ้าไม่มีคนมาเปิดประตูจะทำยังไงดีเนี่ย >O<!
แล้ว อีกอย่างฉันก็บอกเปาว่าจะลงมาซื้อน้ำแค่แป๊ปเดียว ป่านนี้ฟางคงจะสงสัยแล้วล่ะมั้งว่าทำไมฉันมานานจังเลย แถมโทรศัพท์ก็ไม่ได้เอาลงมาเสียด้วยสิแล้วฉันจะทำยังไงดีล่ะทีนี้ บ้าจริง!
“อ๊า ไม่เอาอ่า พระเจ้าจ๋าอย่าแกล้งกันแบบนี้สิค๊า YOY” ฉันพูดแล้วถอนหายใจออกมาอย่างตัดพ้อ ฮืออออ ได้โปรดใครก็ได้มาช่วยเปิดประตูให้หน่อยฉันไม่อยากติดอยู่ในนี้!
พรึบ!
เฮือก!
“...!”
ฉัน ตกใจจนสะดุ้งโหยงเมื่ออยู่ดีๆไฟในโรงขยะก็ดับลงเหมือนครั้งนั้นที่ฉันมาทิ้ง ขยะ อย่าบอกนะว่ามันจะดับแบบนี้ทั้งๆที่ฉันติดอยู่ในนี้น่ะ? ม่ายยยยยยยย ไม่เอานะ! ถ้าเป็นแบบนี้ได้มีน้ำตาไหลแน่เพราะว่าฉันกลัวความมืดมากแถมยังติดอยู่ในนี้คนเดียวมันต้องไม่โอเคแหงๆ
พรึบ!
และ ไม่นานนักไฟมันก็ติดขึ้นมาอีกแต่มันไม่ได้ติดแบบที่ควรจะเป็นแต่กลับติดๆ ดับๆหลายๆดวงเหมือนกับวงจรไฟมีปัญหาจนฉันเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีเลยเดินถอย หลังหนีไปเกาะไปกับชั้นวางของใกล้ๆกับประตูทว่า...
ซือ...ดือ...ซือ...
“???”ตอน นั้นฉันเงยหน้าขึ้นไปมองต้นตอของเสียงก็พบว่าหลอดไฟที่อยู่บนฉันมันเหมือนจะ ช็อตๆแล้วอยู่ดีๆก็มีสะเก็ดไฟเล็กๆจากหลอดไฟนั่นตกลงมาใส่มือฉัน “โอ๊ย! ”ฉันร้องออกมาเพราะรู้สึกเจ็บแล้วเดินหลบออกมาจากตรงนั้น
ทว่า...สิ่งที่ในหัวคิดว่ามันอาจจะเป็นแค่ไฟเสียธรรมดาแต่มันไม่ใช่เพราะ...
เพล้ง!!!!
“กรื๊ดดดดดดดดด”
ห้อง 5/2
“เฮ้ยฟางแก้วไปไหนอ่ะ”
“ไปซื้อน้ำที่โรงอาหารอ่ะ แต่ไปสักพักแล้วยังไม่กลับมาเลย”
ฟางเงยหน้าจากการทากาวที่กระดาษขึ้นไปตอบเพื่อนสาวแล้วทำสีหน้าเป็นกังวลเพราะ ว่ามันรู้สึกไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เลยที่แก้วนั้นไปนานเกินไปรึปล่าวนะ? แต่นั่นก็แค่ความคิด อาจจะเป็นไปได้ว่าแก้วอาจจะแวะซื้ออย่างอื่นนอกจากน้ำด้วยล่ะมั้ง? เลยทำให้ฟางไม่ได้คิดอะไรมาก
“งั้นฟางโทรหาแก้วให้หน่อยดิ เราจะฝากซื้อมะม่วงอ่ะ”
“เออๆ”เมื่อฟางตอบรับก็หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมากดโทรหาแก้วทว่า...
ตรึ๊ดดดดดดดด
“อ้าว แก้วมันไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปเหรอวะน่ะ = =;;;”ฟาง พูดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงริงโทนของแก้วดังขึ้นมาจากกระเป๋าเป้ของแก้วที่ วางเอาไว้บนโต๊ะก็เห็นว่าแก้วไปได้เอาโทรศัพท์ไปด้วยฟางจึงกดตัดสาย
“ว่าไงอ่ะ”
“แก้วมันไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปอ่ะดิ”ฟางบอกก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงหนึ่งร้อยหกสิบห้าแล้วเอาโทรศัพท์ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงวอร์มสีดำ “เดี๋ยวฉันจะลงไปดูแก้วหน่อย ฝากซื้อมะม่วงป่ะล่ะ”
“เอาดิ”
เมื่อ เพื่อนสาวในห้องตอบแบบนั้นฟางพยักหน้าก่อนจะเดินออกจากห้องไปแล้วเดินลง บันไดไปยังชั้นล่างเพื่อที่จะไปดูว่าแก้วซื้อน้ำเสร็จแล้วรึยัง แต่ตามจริงฟางก็ว่าตัวเองในใจเหมือนกันว่าไม่น่าปล่อยให้แก้วไปคนเดียวเลย เพราะจากเหตุการณ์หลายๆเหตุการณ์มันทำให้ฟางไม่อยากปล่อยแก้วไว้คนเดียว เพราะว่า
ทุกครั้งที่แก้วอยู่คนเดียวพิมพ์จ้องจะหาทางเล่นงานแก้วอยู่แล้วด้วยเนี่ย สิยิ่งน่าเป็นห่วง
“เฮ้อ ทำไมใจคอไม่ดีแปลกๆวะ ><!” ฟางพูดแล้วส่ายหัวเมื่อรู้สึกถึงความรู้สึกแปลกๆที่มันแล่นเข้ามาในหัวเองโดยอัตโนมัติทั้งๆที่ไม่รู้สาเหตุว่าทำไมกัน
กึก...
ระหว่างที่ฟางกำลังเดินผ่านหน้าห้องปกครอง นั้นเธอก็หยุดเดินทันทีเมื่อสายตาดันไปเห็นใครบางคนที่เดินออกมาจากทางด้าน หลังตึก 5 และนั่นก็ทำให้เปาขมวดคิ้วเพราะความ ‘แปลกใจ’ ว่า ทำไมคนอย่างจินนี่ที่ได้ขึ้นชื่อว่าอยู่กลุ่มที่สวย เริด เชิด หยิ่ง ที่สุดในโรงเรียนนี้อย่างกลุ่ม โบวลิ่งถึงได้เดินออกมาจากทางที่เป็นโรงขยะในเมื่อพวกหล่อนรังเกียจที่นั่น จะตายไป
แล้วทำไมจินนี่ถึงเดินออกมาจากทางนั้นกันล่ะ?
“แปลกแฮะ...”ฟางพูดเบาๆเมื่อเห็นจินนี่เอาแต่เดินก้มหน้าไปยังอีกทางและไม่ได้หันมาเห็นว่าฟางกำลังยืนมองเธออยู่ด้วยสายตาสงสัย “ไม่มีอะไรมั้ง”ฟางคิดแล้วเบ้ปากก่อนจะเดินผ่านหน้าห้องปกครองไปยังโรงอาหาร
ตอนนั้นฟางเธอคงไม่รู้หรอกว่า...แก้วไม่ได้อยู่ที่โรงอาหารในตอนนี้ แต่แก้วนั้นติดอยู่ในโรงขยะตรงที่ฟางเพิ่งจะก้าวขาเดินผ่านมายังไงล่ะ!
โรงอาหาร
“อยู่ไหนของมันวะเนี่ย”ฟางพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดหน่อยๆเพราะว่าเดินตามหาแก้วทั่วทั้งโรงอาหารแล้วแต่ก็ไม่เห็นเจอเลยแม้แต่เงา
ตอนนั้นฟางก็คิดว่าถ้าแก้วกลับไปจนถึงห้องแล้วทำไมไม่โทรมาหาฟางล่ะว่าตอน นี้อยู่ที่ห้องแล้ว...แล้วถ้าแก้วไม่ได้อยู่ที่ห้องจะไปอยู่ที่ไหนกันล่ะ เนี่ย =[]=?
“อ้าว สาวน้อยฟางมาทำอะไรที่นี่คนเดียวล่ะเนี่ย ^^”
ขวับ
O_O
ฟางหันไปตามต้นตอของเสียงที่ดังมาจากทางด้านหลังเธอก็เห็นว่าเป็น กลุ่มเคโอติคนั่นเองที่กำลังเดินมาทางนี้กันพร้อมหน้าพอดี และคนที่พูดก็คงหนีไม่พ้นหัวหน้ากลุ่มอย่างป๊อปปี้ที่เดินนำหน้ามา แต่ตอนนี้เธอกำลังเครียดเพราะหาแก้วไม่เจอเนี่ยแหละเลยได้แต่ถอนหายใจ
“ฟางมาซื้อข้าวแหรอ ^^?”เขื่อนที่ยืนอยู่ข้างป๊อปปี้ถามขึ้นมา ฟางจึงมองไปที่เขาและเห็นว่าป๊อปปี้กำลังมองมาที่ตัวเองเธอจึงเมินสายตาไปทาง อื่นเพราะไม่อยากมองหน้าหมอนั่น
“ปล่าวหรอก แต่มาตามหาแก้วพวกนายเห็นเธอบ้างมั้ย”ฟางหันหน้าไปมองม่อนแต่เธอก็คงจะรู้ตัวล่ะมั้งว่าป๊อปปี้กำลังมองมาที่เธอ เธอจึงไม่มองไปที่เขาเลยเพราะขี้เกียจมาเถียงอะไรด้วย
“แก้วไปไหนอ่ะ”โทโมะที่รู้ๆกันดีว่าคิดกับแก้วยังไงจึงถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วง
“แหม๋ๆๆ ห่วงจังนะ ^^”เคนตะหันไปแซว
ในตอนนั้นนั่นเองที่ฟางไม่อยากจะยืนอยู่ตรงนี้แล้วเพราะรับรู้ถึงความอึดอัด จากสายตาของผู้ในโรงอาหารคนที่กำลังมองมาทางนี้อย่างให้ความสนใจ ทั้งนักเรียนหญิงและชายซึ่งมันทำให้ฟางนั้นอยากรีบเดินออกไปจากตรงนี้ทันที
“แก้วมันบอกว่าจะลงมาซื้อน้ำแต่ลงมานานสักพักแล้วฉันเลยตามมาดู แต่...สงสัยคงจะเดินกลับไปห้องแล้วมั้ง”ฟางบอกเพื่อให้ตัวเองสบายใจแต่แววตาของเธอนี่มันดูไม่ดีเอาเสียเลย
“งั้น...ขอตัวนะ”
“นี่ๆๆได้ข่าวว่ามีหนุ่มส่งจดหมายรักมาให้เหรอ?”แต่ก่อนที่เปาจะก้าวเท้าเดินออกไปจากตรงนี้เคนตะก็ถามขึ้นมา
และคำถามนี้ก็ทำเอาฟางถึงกับหน้าแดงขึ้นมาเลยทีเดียวเชียว
“ก็...ไม่เชิงอ่ะ” ฟางตอบเสียงกระตุกระตักแล้วเอามือยกขึ้นเกาคอ
“อะไรกันแบบนั้นเขาเรียกจีบแล้ว ><!” เขื่อนเอ่ย
“เฮ้อ...อยากรู้จริงจริ๊งงงง ว่าใครมัน ‘ตาถั่ว’ ขนาดนั้น”เสียง เย้ยจากป๊อปปี้ทำให้ฟางหันไปมองเขาด้วยความไม่พอใจทันทีแต่ป๊อปปี้ก็ทำเป็นเมิน หน้าไปทางอื่นแล้วเบ้ปากเหมือนว่าไม่รู้ไม่สนๆอะไรทำนองนั้นจนมันดูน่า หมั่นไส้เข้าไปใหญ่
“แล้วนี่มีโอกาสจะตอบตกลงป่ะถ้าน้องเขาขอคบอ่ะ O_o?”เขื่อนถามอย่างสงสัย
“อันนี้ก็ไม่รู้หรอกนะ แต่...”ฟางยกมือขึ้นกอดอกแล้วเหลือบสายตาไปมองป๊อปปี้อีกครั้งก่อนจะเอ่ยถ้อยคำสุดท้ายออกมาเหมือนจะตอกกลับป๊อปปี้เมื่อกี้“...ถ้าน้องคนนั้นเขาไม่ได้นิสัยเสียเหมือนคนแถวนี้ฉันก็อาจจะลองคบกับน้องเขาดูก็ได้ ^^”
“อั๊ยยยยย่ะ แรงงกว่า”เมื่อเขื่อนพูดแล้วหันไปมองป๊อปปี้พร้อมกับเพื่อนๆในกลุ่มป๊อปปี้ก็หันกลับมามองฟาง แล้วกัดฟันดังกรอดแต่ฟางก็แค่มองป๊อปปี้แบบสะใจแล้วเหยียดยิ้มให้ก่อนจะเดิน ออกมาจากตรงนั้น
ในความคิดของเธอตอนนี้คือกลับไปหาแก้วที่คาดว่าน่าจะเดินขึ้นห้องไปแล้วมั้ง? แต่มันไม่ใช่...เพราะสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้จะเป็นสิ่งที่ทำให้ฟางโกรธจนเลือดขึ้นหน้าแล้วจัดการคนที่ทำเรื่องแบบนี้เอง!
เพล้ง!!!!
“กรื๊ดดดดดดดด”ฉัน กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อหลอดไฟที่ออกช็อตๆเมื่อตะกี๊มันแตกออกมาก เสียงดังมากจนฉันต้องเอามือยกขึ้นปิดหูสองข้างของตัวเองอย่างอัตโนมัติเพราะ ตกใจ
ไม่นานนักที่ฉันยืนมองเศษของหลอดไฟที่แตกออกมาและจากนั้นฉันก็ค่อยๆเงยหน้า ขึ้นมองเจ้าหลอดไฟที่แตกนั้นอย่างใจไม่ดีนัก มันจะเกิดอะไรขึ้นรึปล่าวเนี่ย? นั่น คือสิ่งที่ฉันคิดอยู่ในตอนนั้น แต่ว่าจากที่คิดว่ามันแค่แตกแค่หลอดเดียวกับไม่ใช่เสียแล้วเมื่อหลอดไฟดวง อื่นที่มันกำลังติดๆดับๆนั้นก็ทำเอาฉันผวาพอแล้ว
และยิ่งเหตุการณ์ต่อจากนี้ฉันก็ยิ่งกลัวเพราะหลอดไฟมันเริ่มพากันแตกไล่ไปที ละดวง!
เพล้ง!
เพล้ง!
เพล้ง!
“อะไรเนี่ย!”ฉันเอามือปิดหูไว้แน่นเพราะไม่อยากได้ยินเสียงหลอดไฟแตกแล้วก้มหน้ารีบวิ่งไปที่ประตูอีกครั้ง
ปึง!!
“มีใครใครอยู่ข้างนอกมั้ยคะ! ฮัลโหล!?”
ปึงๆๆๆๆ
“ช่วยด้วยค่ะมีคนติดอยู่ในนี้! ชะ...!!!”ฉันจำต้องหยุดชะงักมือที่กำลังจะทุบประตูนั่นอีกรอบเพราะว่าจมูกนั้นมันเริ่มรู้สึกได้กลิ่นอะไรแปลกๆบางอย่างซึ่งมันเหมือนกลิ่นไหม้
อะ...อะไรไหม้!?!
พรึ่บ!!
“ว๊าย!!”ฉัน ตกใจจนเบิกตากว้างเมื่อหันไปเห็นว่าหลอดไฟที่มันแตกแล้วนั้น แต่ละดวงนั้นก็มีสะเก็ดไฟเล็กๆเกิดขึ้นมาก่อนที่ไฟมันจะติดพรึ่บขึ้นมาจน ไหม้หลอดไฟไปทั้งอัน
เพล้ง!!
ตุ้บ!
“โอ๊ย!”ฉัน ก็ร้องออกมาเพราะรู้สึกเจ็บที่บั้นท้ายเพราะด้วยความที่กลัวมากจนเผลอเดิน ถอยหลังไปชนเข้ากับพวกของเก่าๆที่วางอยู่บนชั้นวางจนมันตกลงมาบนพื้นและทำ ให้ฉันตกใจจนเผลอสะดุดขาตัวเองล้มลงบนพื้น
แต่ว่าตอนนี้จะมัวมาเจ็บไม่ได้แล้วเพราะว่าตอนนี้ที่นี่กำลังจะมอดไหม้ และฉันต้องออกไปจากที่นี่!!
“ชะ...ช่วยด้วยยยยยยยยยย”ฉันร้องเสียงดังแล้วพยายามลุกขึ้นยืนและเจ็บตรงบั้นท้ายมากฉันเลยเอามือไปจับเอาไว้พร้อมกับแสดงสีหน้าที่ไม่ค่อยดีเอาเสียเลย “ให้ตายสิ!”
หัวใจ ที่เต้นแรงและสั่นระรัวมากในตอนนี้มันบ่งบอกอาการกลัวของฉันเลยว่าตอนนี้ตัว เองนั้นกลัวมากแค่ไหน แต่ฉันจะไม่ยอมถูกเผาอยู่ในนี้หรอก แต่พอมองดูแล้วไฟจากหลอดไฟที่แตกทุกดวงมันเริ่มลามไปติดกับเชื้อไฟที่เป็นกล่องลังแล้วก็พวกเศษกระดาษ แถมในนี้มันเป็นโรงขยะเชื้อไฟก็มีให้เผาเยอะเสียด้วยสิ! บ้าที่สุด!
“อึก”ฉันด้วยสัญชาติญาณเอาตัวรอดฉันจึงรีบวิ่งไปหาของอะไรก็ได้แถวๆนั้นจะเอามาทุบกระจกให้มันแตกเพื่อที่จะได้ตะโกนออกไปได้ให้ใครได้ยิน
แต่ถ้ามันไม่ได้ติดเหล็กดัดเอาไว้ฉันคงจะออกไปจากที่นี่ได้แล้ว!
หมับ!
ฉันรีบหยิบแท่งเหล็กใกล้ๆขึ้นมาถือไว้ในมืออย่างรวดเร็วในตอนที่ไฟมันเริ่มลามขึ้นผนังไปเรื่อยๆแล้ว ในหัวตอนนี้ก็คือฟาดสุดแรง!
ตุ้บ!!!
“แตกสิ!”ฉัน เครียดยิ่งกว่าเดิมเมื่อกระจกมันไม่ยอมแตกให้แถมอากาศในนี้ก็เริ่มร้อนขึ้น เรื่อยๆเหงื่อก็เริ่มไหลอาบทั่วร่างกายของฉันอย่างรวดเร็วเพราความร้อนและ ควันไฟที่เริ่มมีมากขึ้น “แฮกๆๆๆๆ” ฉันไอออกมาเมื่อเผลอสูดควันไฟเข้าไปจนแสบคอไปหมด
ปึก!
“โอ๊ย!”
เอาอีกแล้ว! คราว นี้อยู่ดีๆก็มีของมาตกทับหลังฉันจนตัวเองนั้นล้มลงไปนอนกองอยู่กับพื้นเลยที เดียวพอเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบว่าตอนนี้ไฟมันลามไปทั่วทั้งเพดานข้างบนของโรง ขยะนี้แล้ว
“ช่วยด้วยยยยยยยยย!!!!!!”
ขอร้อง!! มีใครได้ยินทีเถอะ!!
ตู้ม!!!
“กรี๊ดดดดดดดด” ฉัน ร้องออกมาแล้วตอนนั้นน้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาโดยอัตโนมัติเมื่อได้ยินเสียงอะไร สักอย่างในโรงขยะนี้ระเบิดขึ้นมาจนหลังคาโรงขยะนั้นแตกออกแล้วพวกเพดานก็ ตกลงมาทับร่างของฉันเข้าอย่างจัง!
ฉันเลยเอามือบังหน้าของตัวเองเอาไว้แต่รู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรมาบาดเข้าที่แขนของตัวเองก็ไม่รู้จนได้กลิ่นถึงคาวเลือด!
อีกฝั่ง
ในขณะเดียวกัน...
“เฮ้ย เห็นแก้วขึ้นมายัง?”ฟางถามเพื่อนๆในห้องอย่างหัวเสียเมื่อเธอเดินขึ้นมาจนมาถึงบนห้อง แต่เพื่อนๆกลับส่ายหน้าเป็นทำนองว่าไม่เห็น
“ไม่เห็นเลยอ่ะ”
“เอ๋า? แล้วไปไหนวะ ><?”ฟางพูดอย่างหัวเสียแล้วเอามือเกาๆหัวของตัวเองอย่างเครียดๆ
“ไปห้องน้ำมั้งแก เออนี่ฉันว่านะ...”
“เฮ้ย! พวกเรา!”
“อะไรของแกเนี่ยยัยมด!”เพื่อน ที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างกับฟางถึงกับต้องหันไปเขม่นใส่เพื่อนของตัวเองที่ ตะโกนขึ้นขัดเมื่อกี้จนเป็นที่สนใจของเพื่อนๆในห้องตอนนี้
“ได้กลิ่นอะไรแปลกๆมั้ยวะ?”เมื่อมดพูดขึ้นแบบนั้นเพื่อนๆในห้องรวมทั้งฟางก็เหมือนว่าจะได้กลิ่นอะไรแปลกๆลอยมาจากทางหน้าต่างเช่นเดียวกัน
“เออว่ะ กลิ่นอะไรไหม้ๆ”ฟางพูดแล้วเดินไปดูตรงหน้าต่างเพราะอยากรู้ว่ามันกลิ่นอะไร เพื่อนๆจึงพากันเดินตามกันไปชะเง้อดูด้วยผลปรากฏว่า...
“เฮ้ย!!!! โรงขยะไฟไหม้เว้ยยยยยย”
ตู้ม!!!
“กรื๊ดดดดดดดด”
เพื่อน ในห้องต่างพากันเอามือปิดหูเมื่อได้เห็นเหตุการณ์ที่เห็นว่าโรงขยะนั้นเกิด ไฟไหม้และมีเสียงระเบิดดังขึ้นมา นั่นทำให้ฉันฟางและหลายๆคนตกใจกับเหตุการณ์นี้และไม่แค่นั้นเพราะว่าโรงขยะ นั้นอยู่หลังอาคาร 5 แถมยังมีพวกต้นไม้ด้วยเลยทำให้ต้นไม้ที่อยู่ติดกับโรงขยะนั้นไฟที่ไหม้มัน ลามขึ้นมาตามต้นแล้วและมันอยู่ใกล้กับห้องเรียนของ ม.5/2 นั่นเอง!
“อยู่ไม่ได้แล้วเว้ยยยยยยย”
“หนีๆๆๆๆ ไฟมันลามมาแล้ว >O<!!!!”
วินาที นั้นทุกคนในห้องต่างรีบพากันวิ่งหนีออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วเพื่อเอาตัวรอด ไว้ก่อนและก็ไม่ลืมที่จะหยิบของสำคัญออกไปด้วยอย่างไม่คิดชีวิต และเมื่อฟางวิ่งออกไปนอกห้องก็เห็นว่านักเรียนห้องอื่นที่ทำบอร์ดอยู่บนห้อง ก็รีบวิ่งหนีออกมาเช่นกัน
“แก้วแกอยู่ไหนวะเนี่ย!?”ฟาง พูดเสียงดังด้วยความเครียดที่มองหาเพื่อนตัวเองไม่เจอจนเธอต้องยกมือสองข้าง ขึ้นมาจิกตรงกระหม่อนตัวเองเพราะเครียดว่าตอนนี้เพื่อนของเธอนั้นอยู่ไหนกัน แน่!
“ฟางไปเร็วไฟจะลามขึ้นมาแล้วนะ!”เพื่อนผู้หญิงในห้องวิ่งมาฉุดปลายเสื้อพละของฟางให้วิ่งลงบันไดไปด้วยอย่างรวดเร็ว
“ฉันยังหาแก้วไม่เจอเลยทำไงดี”ฟาง พูดขณะที่กำลังวิ่งลงมาจากบันได ในตอนนั้นเองที่เสียงกรื๊กกร๊าดของคนที่อยู่บนตึกและวิ่งลงมาก็ดังสนั่นทั้ง อาจารย์ที่อยู่ห้องปกครองก็พากันวิ่งแตกตื่นออกมาเช่นกัน
“กรี๊ดดดดด”
เสียงกรื๊ดกับความชุลมุนนั้นมันสร้างความปวดสมองให้ฟางเป็นอย่างมากเลยในตอนนี้
“แก้วอยู่ไหนวะเนี่ย...!!!”ตอนนี้รอบๆตัวฟางแลดูวุ่ยวายไปหมดแต่อยู่ดีๆก็มีอะไรบางอย่างให้ฟางฉุดคิดขึ้นมา “อย่าบอกนะ...”
และ แล้วภาพของจินนี่ที่เดินออกมจากโรงขยะนั้นก็ทำให้เปาถึงกับคิดได้เลยว่าอาจ จะมีทางเป็นไปได้ไม่มากก็น้อยที่แก้วอาจจะอยู่ที่นั่น ในโรงขยะนั้นที่ตอนนี้ไฟกำลังไหม้!!
“เฮ้ยฟางไปไหน!”เสียงของเพื่อนๆที่กำลังแตกตื่นนั้นร้องเรียกฟางเมื่อเห็นว่าฟางวิ่งออกไปจากตรงนี้อย่างรวดเร็วในหัวของเปาตอนนี้คงมีแต่คำว่า ‘ไม่จริง’ เพราะเธอคงไม่คาดคิดว่าแก้วอาจจะอยู่ในนั้น...และถ้าอยู่...จะทำยังไง
ตึกๆๆๆๆๆ
“แก้ว!!”ฟางร้องเรียกเมื่อวิ่งไปอยู่ตรงหน้าโรงขยะที่ตอนนี้เริ่มมีควันเล็ดลอดออกมาจากประตูที่ปิดอยู่
ความหวังของเธอก็คือได้ยินเสียงตอบรับของแก้วว่าอยู่ในนั้น แต่มันก็ช็อคทั้งสองอย่างที่ถ้าเธออยู่ในนั้นแล้วเธอจะออกมายังไงในเมื่อ ประตูจากข้างนอกมันล็อค! และถ้าไม่มีเสียงตอบรับ ตอบกลับมาฟางจะรู้ได้ยังไงว่าแก้วไม่ได้เป็นอะไรอยู่ในนั้นแล้ว!
“ฟาง! นั่นฟางใช่มั้ย! ช่วยฉันด้วย!”
“กะ...แก้ว!!” ฟางตกใจมากที่ได้ยินเสียงของแก้วแสดงว่าแก้วอยู่ในนั้นจริงๆ!
ปึงๆๆๆๆ
“แก้วแกอยู่ไหน!”ฟาง เอามือเคาะประตูแล้ววิ่งไปยังตรงกระจกมัวๆที่ถูกติดเอาไว้ที่มองจากข้างนอก แทบไม่เห็นข้างในอยู่แล้ว แถมยังมีควันสีเทาอยู่ในนั้นอีก บ้าจริง!
แปะ!
“ชะ...ช่วยด้วย ฮือออ ฉันจะไม่ไหวแล้ว”มือของแก้วเอาขึ้นแปะเอาไว้ตรงกระจกตรงหน้าฟางส่วนที่ฟางเห็นคืออีกมือของแก้วกำลังจับกรงเหล็กจากทางด้านในพยุงตัวเองขึ้น
และ ถึงแม้จะมองไม่ชัดแต่ฟางก็รู้ว่ามันทรมานขนาดไหนที่ต้องติดอยู่ในโรงขยะ เหม็นๆและมีควันไฟมากมายขนาดนั้น แถมข้างในนั้นยังร้อนมากจนถ้าอยู่ในนั้นนานๆมีความเป็นไปได้ที่จะขาดอากาศ เสียชีวิตตายถ้าแก้วไม่โดนไฟครอกซะก่อน!
และที่ฟางได้ยินก็คือเสียงของแก้วที่กำลังร้องไห้!
“ทนหน่อยฉันจะไปตามคนมาช่วย! แกอย่าเพิ่งเป็นอะไรนะเว้ย!”
“เร็วๆนะ...”น้ำเสียงที่กำลังเบาลงของแก้วนั้นทำให้ฟางรีบวิ่งออกไปจากตรงนี้และร้องขอความช่วยเหลือทันที
“ช่วยด้วย! มีคนติดอยู่ในโรงขยะ!”ฟาง พูดเสียงดังแต่ไม่มีใครหันมาสนใจเลยบางคนก็วิ่งพากันหนีไปรวมกันที่สนาม ฟุตบอลกันและยังมีคนที่แตกตื่นวิ่งลงมาจากอาคารบางคนที่ไม่ได้อยู่ใน สถานการณ์นี้ในตอนแรกก็วิ่งเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
และจังหวะนั้นที่มีแต่ความชุลมุนวุ่นวายอยู่สายตาของฟางก็ดันเหลือบไป เห็นว่ากลุ่มเคโอติคกำลังวิ่งมาทางนี้ฟางจึงไม่คิดอะไรเลยนอกจากรีบวิ่งเข้า ไปหาพวกเขาทันทีเพราะว่าพวกนั้นคงจะช่วยได้แน่นอนอยู่แล้ว
“โทโมะ! โทโมะ!”ฟาง เรียกโทโมะในตอนที่วิ่งไปเข้าหาโทโมะกับเพื่อนของเขาก็กำลังวิ่งมาดูเหตุการณ์นี้ และสีหน้าของโทโมะก็แสดงออกมาด้วยความตรึงเครียดทันทีที่ไม่เห็นแก้วอยู่กับฟางด้วย
“เกิดอะไรขึ้นฟาง แล้วแก้วอยู่ไหน!?”โทโมะถามอย่างเป็นกังวลแล้วฟางก็รีบเอานิ้วชี้ไปตรงทางไปด้านหลังตึก 5
“ฟะ...ไฟไหม้โรงขยะ แล้วแก้วติดอยู่ในนั้น!!”
“ฉิบหายแล้ว”เพื่อนๆเคโอติค
“ว่าไงนะ!?”โทโมะพูดเสียงดังอย่างตกใจและช็อคแต่สิ่งที่เขาคิดในตอนนี้ก็คือรีบไปช่วยแก้วให้ออกมาจากที่นั่นให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ไอ้โทโมะ!”เขื่อนร้องเรียกแต่โทโมะก็ไม่รออะไรใดๆแล้วรีบวิ่งไปยังโรงขยะทันที
“เฮ้ยมีใครโทรหาหน่วยดับเพลิงรึยัง!?”จองเบรีบตะโกนถามคนแถวนั้นทันทีและดูเหมือนว่าคำตอบที่ได้กลับมาคือพวกอาจารย์ช่วยกันโทรแล้ว “ไอ้เคนตะ โทรหารถพยาบาลด่วนเลย!”
“ครับ!”เมื่อเคนตะได้ยินแบบนั้นก็รีบกดโทรศัพท์โทรเบอร์ฉุกเฉินทันที
แต่ฟางเนี่ย สิที่กำลังแย่ไม่ต่างกันก็คือน้ำตาไหลพรากแล้วทำท่าทีว่าจะวิ่งกลับไปช่วย แก้วอีกครั้ง
หมับ!
“นี่เธอจะไปไหน?!” ป๊อปปี้รีบคว้าข้อมือของฟางเอาไว้ในตอนที่เห็นว่าฟางจะย้อนกลับไป
“ฉันจะไปช่วยแก้ว! ฮือ...ฮืออออ”ฟางร้องไห้ออกมาเพราะว่าห่วงเพื่อนมากกลัวว่าแก้วจะเป็นอะไรไป และพยายามสลัดมือของป๊อปปี้ออกแต่ก็ไม่เป็นผลใดๆ
“ไอ้โทโมะมันไปช่วยแล้ว! เธออยู่ที่นี่แหละ!”
“นายจะให้ฉันยืนอยู่ตรงนี้ทั้งๆที่เพื่อนฉันติดอยู่ข้างในนั้นน่ะเหรอไอ้บ้า!”ฟางชี้ไปที่โรงขยะที่ตอนนี้มันกำลังไหม้ใหญ่แล้ว
“เพื่อนเธอไม่เป็นอะไรหรอกเชื่อฉันสิ! ไม่ต้องไป! อยู่ที่นี่!” ป๊อปปี้จับข้อมือของฟางเอาไว้แน่นกว่าเดิมเพราะไม่ยากปล่อยให้ฟางไปที่นั่นแต่ ฟางก็อดห่วงแก้วไม่ได้จึงหันกลับไปมองโรงขยะที่ไหม้นั้นทั้งน้ำตา
ส่วนผู้คนที่ยังไม่ไปไหนก็ต่างพากกันลุ้นว่าโทโมะจะช่วยแก้วออกมาได้มั้ย เคนตะก็โทรศัพท์เสร็จเรียบร้อย คงเหลืออย่างเดียวก็คือโทโมะว่าเขาจะช่วยแก้วออกมาจากที่นั่นได้มั้ยเนี่ยสิ
“แฮกๆๆๆๆ อึก...ฮือ”
ฉัน ไอออกมาอย่างมากในเมื่อตอนนี้ควันมันเริ่มเยอะขึ้นแล้วแถมกลิ่นขยะเหม็นเน่า ก็เต็มไปหมดไฟก็ลามไปทั่วจนฉันรับรู้ถึงความร้อนระอุที่กำลังมอดไหม้อยู่ รอบๆตัว ความกลัวในใจจึงได้บังเอิญขึ้นมากับน้ำตาที่ไหลลงมาไม่ขาดสายพร้อมกับความ หวังที่ริบหรี่ลงเรื่อยๆว่าจะมีคนมาช่วยฉันทันมั้ย
เพราะว่าตอนนี้ฉันทรมานมากจริงๆเหมือนว่าตัวเองกำลังจะ...ตาย...
ครืดดดดด
เฉือด!
“โอ๊ยยยยยย” เสียงร้องของฉันได้เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อเส้นลวดที่โดนไฟเผาจนมันขาดนั้นตวัดมาโดนเข้าที่ต้นแขนของฉันอย่างแรงจนได้เลือดอีกแล้ว “ฮืออออ ช่วยด้วยยยยยยยยยย” เสียงร้องเฮือกสุดท้ายที่มีได้เอ่ยขึ้นพร้อมกับน้ำตาแห่งความกลัวที่ไหลลงาไม่ขาดสาย
ใครก็ได้...พาฉันออกไปจากที่นี่ที...ช่วยด้วย...
ปึง!!!
“แก้ว!!!”
เฮือก!!
“โทโมะ...”ฉันได้สติขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงของคนที่ฉันหวังว่าเขาจะมา “โทโมะ!” ฉันรีบเดินไปทีประตูให้ไวที่สุดเพราะขาตอนนั้นที่โดนพวกเพดานหล่นลงมาทับก็ทำเอาขาฉันเจ็บมากเลยทีเดียว
แต่ท้อไม่ได้ ฉันจะไม่ยอมตายอยู่ที่นี่หรอก!
“แก้วได้ยินฉันมั้ย! เธออยู่ไหน!”โทโมะตะโกนถามและฉันก็พยายามเอาตัวเองไปยังกระจกที่ติดกรงเหล็กเอาไว้แล้วเอามือเคาะมันเพื่อให้โทโมะได้ยิน
ปึงๆๆๆ
“ทะ...โทโมะ”ตอนนี้เสียงของฉันแทบไม่มีแรงจะเอ่ยแล้วเพราะสูดควันเข้าไปเยอะมากจนแสบคอขึ้นมาเรื่อยๆ
“แก้ว!”โทโมะ ที่ได้ยินจึงรีบวิ่งมาตรงนี้แต่ทว่าฝ่ามือของเรานั้นสัมผัสกันไม่ได้เพราะ ว่ามีกระจกกั้นอยู่และถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นฉันก็เห็นว่าสีหน้าของโทโมะนั้นแล ดูช็อคมากที่เห็นฉันติดอยู่ในนี้
“โทโมะช่วยเราด้วย ฮือออออออ”เมื่อโทโมะเห็นฉันแบบนี้เขาจึงใช้หมัดของตัวเองต่อยเข้ามาตรงกระจกอย่างแรงแต่มันก็ไม่เป็นผลอะไรใดๆ
ผัวะ!!
“โธ่เว้ย! แล้วใครมันล็อคประตูวะ!” น้ำ เสียงของโทโมะดูโมโหมากที่จากที่ประตูเปิดไม่ได้แล้วยังจะมาเจอกระจกที่ต่อยไม่ แตกอีก และตอนนี้ภาพที่ฉันมองเห็นคือภาพที่เบลอและมัวไปหมด “แก้วตั้งสติไว้นะ! อย่าหลับนะ!”
โทโมะบอกและเขาก็หายไปสักพักก่อนที่ฉันจะได้ยินเสียงอะไรสักอย่างฟาดเข้ามาตรงประตูอย่างแรง
ตู้ม!!!
ปึง!!!
“เปิดสิเว้ย!!!”โทโมะคงกำลังหาอะไรทุบแล้วพังประตูเข้ามาแน่ๆเพราะฟังจากเสียงแล้ว
“ฮือ...อึก! เออะ เห่อออ”ตอน นั้นฉันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองหายใจไม่ออกและเอามือยกขึ้นมาจับที่คอของตัว เองโดยอัตโนมัติพร้อมกับพยายามสูดหายใจ แต่มันเหมือนจะตายจริงๆที่ฉันนั้นหายใจไม่ออกเลยเหมือนว่ามีอะไรมาขัดกั้นลม หายใจของฉันเอาไว้ ‘’ทะ...โทโมะ อึก...อะ...”
ตุ้บ!
และ ในที่สุดร่างของฉันก็ล้มลงไปนอนกองอยู่กับพื้นอีกครั้งที่ตอนนี้เริ่มมีไฟ ลามเข้ามาหาแล้วแต่ฉันไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้นวิ่งหนีเพราะว่ามือที่จับคอ ตัวเองเพราะหายใจไม่ออกนั้นมันก็ทำฉันเจ็บปวดสุดๆและคิดว่าตัวเองคงไม่รอด แน่ๆ
ปึง!!!
“อึก...”ฉัน ที่กำลังหายใจไม่ออกแต่สายตามันก็ดีใจทั้งๆที่พูดไม่ได้เมื่อเห็นว่าโทโมะนั้น พังประตูเข้ามาได้แล้วแต่มือของฉันที่จะขยับก็ไม่มีแรงอะไรเลย
“แก้ว!”โทโมะที่เห็นว่าฉันนอนอยู่ที่พื้นก็รีบวิ่งกระโดดข้ามกองไฟเข้ามาหาก่อนจะรีบก้มลงมาจับฉันอุ้มขึ้นไปไว้ในอ้อมแขนของเขาอย่างรวดเร็ว“แก้วอย่าหลับนะ ฉันมาแล้ว”
‘ฉันมาแล้ว’ นั่นคือคำพูดที่ทำให้ฉันอยากจะยิ้มที่สุดในตอนนี้แต่ว่าฉันไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลยเพราะว่าตัวมันแข็งทื่อไปหมด
“..ทะ...โทโมะ...อะ...อึก...”
“เธอเป็นอะไรอ่ะแก้วเฮ้!”โทโมะแลดูตกใจที่เห็นฉันเป็นแบบนี้ในขณะที่เขาก็กำลังเดินอุ้มฉันฝ่าดงไฟออกไปจากโรงขยะนี่โดยเร็วที่สุด
“ระ...เรา...เราหายใจ...มะ...ไม่ออก”ฉันบอกโทโมะด้วยแรงทั้งหมดที่มีและอ้าปากเพราะอยากได้อากาศเข้าปอดในตอนที่โทโมะพาฉันออกมาจากตรงนั้นได้แล้ว
“รถพยาบาลกำลังมา อย่าเป็นอะไรนะอยู่กับฉัน”โทโมะบอกในตอนที่วิ่งออกมาเจอกับเพื่อนๆของเขาและสายตาของทุกคนก็กำลังจับจ้องมอง มาด้วยความตกใจกับสภาพของฉันที่เลือดออกตามแขน และยิ่งฟางเนี่ยสิรีบวิ่งกรูดเข้ามาหาฉันเลยทันที
แต่ว่า...ฉัน...ไม่ไหวแล้ว...
“แก้ว! แก้วแกอย่าหลับนะ”ความรู้สึกในตอนนั้นคือโทโมะนั่งย่อตัวลงแล้วร่างของฉันก็อยู่บนตักของเขาพร้อมกับฟางที่วิ่งเข้ามานั่งย่อตัวลงอยู่ข้างๆฉัน
“ฟะ...ฟาง ฉันไม่...ไหวแล้ว...”ฉันพูดบอกด้วยน้ำเสียงที่แหบสุดๆ
“อย่าหลับนะอยู่กับฉันก่อน...”โทโมะบอกแล้วก้มมองหน้าฉันแต่ฉันเห็นได้เลยว่าตอนนี้ดวงตาของเขากำลังมีน้ำตาเอ่อล้นอยู่ด้วย
“...โทโมะ”น้ำเสียงของฉันเริ่มอ่อนลงเรื่อยๆจนไม่สามารถเอ่ยออกเสียงได้ในที่สุดและภาพของ โทโมะกับฟางและคนที่กำลังมุงดูกันอยู่ห่างๆก็ค่อยๆจางไปจนแทบจะมองไม่เห็นแล้ว
“อะ...ไอ้แก้ว อย่าหลับนะเว้ย”
“แก้ว...แก้วพูดกับก่อนฉันสิแก้ววววววว!”
ตอนนั้นเสียงของโทโมะเป็นเหมือนเสียงที่สะท้อนและดังก้องอยู่ในหัวซ้ำไปซ้ำมา พร้อมกับร่างของตัวเองที่ถูกโทโมะจับเขย่าเบาๆเหมือนว่าโทโมะพยายามให้ฉันนั้นได้ สติและอย่าหลับให้อยู่กับเขาห้ามหลับเพราะเหมือนกับว่าฉันจะจากเขาไป
...แต่ทว่าทั้งเสียงและภาพเหล่านั้นมันก็จางหายไปในที่สุด...
____________________________________________________________อัพแล้วนะจ้ะ ดราม่าใหญ่ๆ หน่อยเนาะ เม้นกันหน่อยยย
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ