Stop หยุดหัวใจนายเย็นชา
9.6
เขียนโดย NannyCandy
วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.18 น.
43 chapter
860 วิจารณ์
67.50K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
32) - Goodnight Kiss - ( จูบราตรีสวัสดิ์ )
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ- Goodnight Kiss -
( จูบราตรีสวัสดิ์ )
ต๊อกๆๆๆๆ
ครืด
“แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วมั้ง?” ฉัน พูดขึ้นเมื่อมองผักต่างๆที่เพิ่งหั่นเสร็จไปเมื่อตะกี้ก็คิดว่ามันก็น่าจะพอ แล้วสำหรับข้าวผัดหนึ่งจานของโทโมะ อืมมมมม แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าโทโมะจะชอบกินผักรึปล่าวน่ะสิ
แต่ถ้าเขาไม่ชอบก็ช่างเถอะ! หั่นกินผักซะบ้าง ><!
แหม๋ทำมาพูด ‘ขอข้าวผัดนะ’( เลียนแบบเสียงโทโมะ )หน้าหมั่นไส้จริงๆเลยผู้ชายคนนี้ เหมือนกับโทโมะเป็นประเภทแบบ ‘เห็นโทโมะเงียบๆนางร้ายเงียบนะคะ’ >^<!
“ให้ช่วยมั้ย?”
“เย้ย!” ฉันตกใจจนสะดุ้งขึ้นมาเมื่อเสียงโทโมะพูดขึ้นจากทางด้านหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว
โอ๊ย! หมอนี่นิ! มายืนข้างหลังฉันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย? ตกใจหมดเล้ย >O<!
“...”
“ทีหลังมาก็ส่งเสียงบ้างก็ได้นะ ถ้าหากเราเผลอทำถาดใส่ผักตกจะทำไง”ฉันหันไปดุโทโมะก่อนจะเดินเอาผักไปล้างตรงอ่างซิงก์ที่อยู่ตรงท็อปครัวอีกฝั่ง
“แหม่ ไอ้เราก็อุตส่าห์จะมาช่วยกลับโดนว่าซะงั้นเซ็งว่ะ =^=!”เสียงโทโมะพูดเหมือนว่าเขาน้อยใจแต่สุดท้ายเขาก็เดินตามมายืนอยู่ข้างๆฉันจนได้
“เซ็งก็ออกไปจากครัวเลยไป”ฉันบอกโทโมะเสียงนิ่ง
และคำตอบที่ได้รับกลับมาคือ...!
“ไม่เอาอยากอยู่ตรงนี้” โทโมะตอบกลับมาทันทีเหมือนไม่ต้องคิดแล้วจากนั้นเขาก็เขยิบร่างสูงของเขามาใกล้ๆฉันมากยิ่งขึ้น
ให้ตายเหอะทำไมต้องมาอยู่ใกล้ฉันจนแขนเราสองคนติดกันด้วยเนี่ย และฉันพนันได้เลยว่าถ้าคุณมาอยู่ตรงนี้สติคุณคงไม่เหลือเพราะผู้ชายคนนี้แน่ๆ>///<
“...”
ตึกตักๆๆๆๆ
และด้วยความที่ว่าฉันกำลังรู้สึกว่าตอนนี้หัวใจของตัวเองเริ่มเต้นแรง อีกแล้วเพราะลมหายใจร้อนๆของโทโมะที่มันรินรดอยู่ใกล้ๆตรงผิวแก้มของฉันนั่นเอง เพราะว่าโทโมะเอามือสองข้างมาจับกับท็อปครัวเอาไว้แล้วโน้มตัวลงมามองผักที่ฉัน กำลังล้างอยู่จนแก้มของเขาเกือบจะชนแก้มของฉันอยู่แล้ววววววว >//////<
เมื่อ เห็นอย่างนั้นฉันเลยหยุดใช้มือจากการล้างผักแล้วจัดการเอามือสางผมที่ทัดตรง หูอยู่ลงมาบังหน้าของตัวเองเอาไว้เพราะไม่อยากเห็นหน้าโทโมะให้ว่าฉันกำลังหน้าแดงเพราะเขา
แล้วจะเอาหน้ามาใกล้ๆหน้าฉันทำไมก็ไม่รู้นะ!
“เอาผมปิดหน้าทำไมเนี่ย = =;;;”โทโมะถามงงๆแล้วเขาก็เอามือของเขามาเกลี่ยผมที่บังหน้าฉันอยู่ให้เปิดออก
“อย่ามากวนเราได้มั้ยเนี่ย ไปนั่งรอที่โต๊ะโน่นไป”ฉันบอก
“แค่ฉันอยากอยู่ใกล้เธอนี่มันดูวุ่นวายตรงไหน - -?”
“มันไม่ได้วุ่นวาย แต่เราแค่อยากทำอาหารเงียบๆ พอมีคนมาจ้องเรา เราก็อึดอัดนะ” ฉันพูดแต่ก็ไม่ได้หันหน้าไปมองโทโมะหรอกแค่มองผักที่กำลังล้างอยู่เท่านั้น
แต่ความรู้สึกนี่มันรับรู้ได้เลยว่าโทโมะกำลังมองจ้องฉันอยู่แหงๆ =[]=////
“อึดอัดหรือใจเต้นแรงกันแน่ ^^”
น่ะ...นี่เขาพูดอะไรเนี่ย?! บ้าไปแล้วววววว แต่มันก็จริงอย่างที่เขาพูดนะ = =;;;
“...”
“เงียบแสดงว่าใช่ ^^”
“หยุดพูดเลยนะ”
“เธอเขินอ่ะดิ”
“นี่ถ้านายพูดอีกก็มาทำข้าวผัดเองเลยละกัน เราจะได้กลับบ้าน - -!” ฉันบอกแล้วฉันไปมองโทโมะเพียงแว๊บเดียวก่อนจะหันกลับมา
“อ่าๆๆ ไม่พูดและ ไปนั่งรอดีกว่ากลัวคนแถวนี้เผลอทำข้าวผัดออกมาเป็นสีชมพู”
“นายโทโมะ! ><!” ตอนนั้นฉันหันไปมองโทโมะตาเขียวแต่โทโมะก็ยิ้มหน้าระรื่นมาให้ก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากตรงนี้
ข้าวผัดสีชมพูบ้าอะไร! โทโมะนี่เพ้อจริงๆเลย
นี่เขาคิดว่าฉันมองโลกเป็นสีชมพูแล้วรึไงกันนะ = =;;;
ก็ใช่! มัน ดีใจจนบอกไม่ถูกที่รู้ว่าโทโมะชอบฉัน แต่ฉันก็ไม่ถึงขั้นเอาคำพูดนั้นเก็บไปเพ้อมองทุกอย่างเป็นสีชมพูซะหวานแหว๋วประเภทว่ามองอะไรก็ดีไปหมดทุกอย่าง ซึ่งฉันไม่ใช่แบบนั้น! ><!
“ให้ตายสิ...”ฉัน พูดออกมาแล้วส่ายหัวให้ตัวเองเบาๆก่อนจะนำผักที่เพิ่งล้างเสร็จมาวางไว้ใน ถาดตามเดิมแล้วเดินไปหยิบกระทะกับเครื่องปรุงมาเตรียมเพื่อทำข้าวผัดให้คุณชายโทโมะ ( เรียกประชดไปอย่างงั้นแหละ = =;;; )
เฮ้อ คิดๆมาก็แปลกนะเพราะครั้งนั้นที่ฉันป่วยเพราะโรคทับระดูโทโมะก็ซื้อข้าวต้มมา ให้ ( โทโมะไม่ได้ซื้อนะแก้วโทโมะมันทำเองเลย >/////< ) ฉันก็ต้องขอบคุณเขานะ แต่มาคราวนี้พ่อแม่โทโมะไม่อยู่บ้านแถมฉันคิดว่าโทโมะคงไม่ชอบทานข้าวมั้งเพราะตอน ที่ลงมาจากห้องเขาแล้วเดินมาจะเปิดตู้เย็นเอาผักก็เห็นน้ามาซากิ ( แม่โทโมะ ) เขียนแปะโพสอิทเอาไว้ว่า...
‘แม่ไม่ได้ทำกับข้าวนะเห็นลูกไม่ค่อยอยากอาหารตอนเย็น งั้น...ถ้าลูกหิวก็เอาออกมาทำเองนะเพราะแม่คงจะกลับดึกๆหน่อย’
นั่นแหละคือข้อความบนโพสอิทที่ถูกแปะต่อกันประมาณสามสี่แผ่นตรงตู้เย็น ^^
และคุณเชื่อมั้ยว่า...ตอนที่ฉันเปิดตู้เย็นจะเอาผักเปิดไปก็ถึงกับผงะชะงัก ไปเลยทีเดียวที่ในตู้เย็นส่วนใหญ่มีแต่นมจืดเป็นแพ๊คๆเต็มตู้เย็นไปหมดทั้ง ฝั่งซ้ายฝั่งขวาก็ดูท่าทางแล้วนะมันน่าจะเป็นของโทโมะเนี่ยแหละจะมีใครซะอีก ล่ะ =[]=;;;;
เห๋อ เห๋อ ผู้ชายเย็นชา? ที่ ชอบกินนมจืดมากๆนี่มันดูยังไงๆอยู่นะ เหมือนกับว่าโทโมะนั้นเป็นเด็กๆอยู่เลยทั้งๆที่อยู่ ม.5 แล้ว แต่ฉันว่าก็น่ารักดีนะที่เขากินแต่นม คิกๆ
สักพักต่อมา...
“หอมจุงเบยยยย”
คุณชายโทโมะ? พูด อย่างพออกพอใจเมื่อเห็นฉันเดินเอาข้าวผัดที่เพิ่งทำเสร็จร้อนๆโชยกลิ่นหอมมา วางไว้ข้างหน้าโทโมะที่กำลังนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนรออยู่พอเห็นแบบนั้นเขาก็ รีบวางเจ้าหนังสือการ์ตูนนั่นลงทันที แหม่ หิวเหรอเนี่ย = =;;;
“งั้นไม่มีอะไรแล้วเรากลับบ้านก่อนนะ”
หมับ...
ฉันบอกโทโมะและยังไม่ทันที่จะก้าวขาเดินออกไปจากตรงนี้ข้อมือของตัวเองก็ถูกคว้าเอาไว้เสียก่อน...
“จะไปแล้วเหรอ”โทโมะถามเหมือนเขาไม่คิดว่าฉันจะไปแล้วจริงๆ
เอ๋า? แล้วจะให้ฉันอยู่ทำอะไรต่ออีกล่ะ?
“แล้วนายจะให้เราอยู่ทำไมเล่า เราก็ทำข้าวให้นายกินแล้วไง”
“ทีตอนนั้นเธอป่วยฉันยังอุตส่าห์ทำข้าวต้มไปให้แล้วก็นั่งอยู่เป็นเพื่อนเธอเลยนี่ ><!”
ฮะ? อะไรนะ? โทโมะทำข้าวต้มให้ฉัน?
อ้าว ไหนเขาบอกว่าซื้อมาไง = =;;;
“ไหนนายบอกว่านายซื้อมาไง”
“ก็ตอนนั้นฉัน...ฉัน...เออช่างมันเหอะ ><!” โทโมะพูดแล้วสะบัดหน้าไม่ขอตอบก่อนจะมองหน้าฉันตรงๆอีกครั้ง “แต่ครั้งนั้นฉันก็อยู่เป็นเพื่อนเธอทั้งคืนเลยนะ”
หา? โทโมะ...เขาพูดแบบนี้หมายความว่าไงเนี่ย? เอ่อเขาคงไม่ได้...
“เอ่อ...นายคงไม่ได้ขอให้เราอยู่กับนายทั้งคืนหรอกใช่มั้ย?”
“แล้วถ้าขอเธอจะอยู่มั้ยล่ะ ^^?”
“จะบ้าเหรอ O_O////”
“ล้อเล่นๆๆเพราะฉันไม่คิดทำเธอเสียหายหรอก”
“เราไม่เชื่อ”ฉันพูดขึ้นมาอย่างไม่ต้องคิดเลยในตอนนั้น “คนแบบนายมันเดาอารมณ์ยาก ไว้ใจไม่ได้หรอก”
“งั้นเหรอ ^^”
“...”ฉันเงียบไม่ได้ตอบอะไรเพราะว่าไปต่อไม่ถูกที่โทโมะมองแล้วยิ้มบางๆส่งมาให้
นี่ เดี๋ยวนี้โทโมะเขาชักจะกวนประสาทให้ฉันใจสั่นเล่นเก่งขึ้นมากกว่าเดิมแล้ว นะ นิสัยนี้มันคือนิสัยที่เพิ่งเป็นเมื่อเร็วๆนี้หรือว่ามันเป็นนานแล้วแต่ เพิ่งค่อยๆเผยธาตุแท้กันแน่เนี่ย = =;;;
“งั้นเธอก็...อย่าเพิ่งไปได้มั้ย?”
“...”
“อยู่กับฉันก่อนสิ...”โทโมะบอกเหมือนว่าเขาอยากให้ฉันอยู่ด้วยจริงๆ “นะแก้ว...”
“อ่าๆๆ เราอยู่เป็นเพื่อนก็ได้นายเองก็กินข้าวซะเดี๋ยวก็เย็นกันพอดี” ฉันบอกแบบนั้นโทโมะส่งยิ้มอย่างพอใจก่อนจะปล่อยมือฉันออกและฉันก็เลื่อนเก้าอี้นั่งลงข้างๆเขา
“แก้ว”
“ฮะ?” ฉันหันไปมองโทโมะเมื่อเขาเรียกชื่อฉันในตอนที่ฉันเพิ่งนั่งลงข้างๆเขาได้สักพัก
“กินด้วยกันมั้ย?”โทโมะถามแล้วชี้ที่จานข้าวผัดแต่ด้วยความที่ฉันไม่หิวฉันก็เลยส่ายหน้าแล้วยิ้มบางๆให้เขาก่อนจะหลุบสายตาลงต่ำแล้วหันหน้ากลับมาที่เดิม
“ไม่ลองชิมฝีมือตัวเองหน่อยเหรอ?”
“ไม่อ่ะเราไม่หิว”
“แน่ใจนะ?”
“งั้นนายชิมแทนแล้วบอกเราเองก็แล้วกัน”เมื่อ ฉันพูดคำนั้นจบลงก็หันไปมองโทโมะ โทโมะก็มองหน้าฉันแล้วอมยิ้มนิดๆก่อนที่เขาจะเอาช้อนตักข้าวผัดคำแรกเข้าปากตอนนั้นแหละที่ฉันหันหน้าไปอีกทางเพราะว่าอยากฟังเสียงเขา
ว่าเขาจะพูดว่าอะไร...
“หืมมมม อร่อยจังเลยยยยย ใครเป็นคนทำหน้ออออ”
เมื่อโทโมะเอ่ยแบบนั้นฉันก็อดที่จะอมยิ้มหน่อยๆไม่ได้เลย ก็...ดีใจนะที่เขาชอบ ^^
“อืมมม โทโมะ...”
“หือ?” โทโมะเหมือนสงสัยว่าทำไมฉันจึงหันไปเรียกชื่อเขาแต่อยู่ดีๆฉันก็นึกในสิ่งที่ฉันอยากจะถามเขาขึ้นมาได้เพราะว่ามันสงสัยล่ะมั้ง? แถมฉันไม่อยากนั่งเงียบๆให้ได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นแรงด้วยสิน่า “ว่าไง” โทโมะถามย้ำ
“เอ่อ...คือเราสงสัยอ่ะว่า...ทำไมนายถึงชื่อ ‘โทโมะ’ เหรอ”
และเมื่อโทโมะได้ยินคำถามนี้ออกมาจากปากฉันเท่านั้นแหละเขาถึงกับชะงักไปแป๊ปนึง ก่อนจะเคี้ยวข้าวในปากแล้วเหมือนๆจะอมยิ้มด้วยแล้โทโมะก็หันไปก้มหน้าตักข้าว กินแล้วหันมามองที่ฉันอีกรอบ
อ่าห้ะ! ฉันอยากรู้ว่าทำไมเขาถึงชื่อว่า ‘โทโมะ’
เพราะมันเหมือนว่าจะมีความหมายอะไรมากกว่านั้นรึปล่าว? ไม่รู้นะว่าถามทำไมแต่...อยู่ดีๆมันเหมือนอยากถามขึ้นมาซะเฉยๆเลย
“รู้มั้ย ว่าเกิดมาเนี่ยไม่เคยมีใครสนใจถามประวัติชื่อฉันเลยนะ ก็มีเธอคนแรกเนี่ยแหละที่ถาม”
“ระ...เราเป็นคนแรกเหรอ? O_O?”ฉันถามแล้วชี้นิ้วมาที่ตัวเอง
“อ่าห้ะ”พยักหน้าแล้วพูดบอกพลางเคี้ยวข้าวในปากไปด้วย “แล้วนึกไงถึงถามถึงชื่อฉันเนี่ย”
“เอ่อ...เราก็ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ แล้ว...ชื่อนายความหมายคืออะไรเหรอ?”
“ฉันพูดตอนไหนว่าจะบอก คิก”โทโมะบอกฉันแล้วหัวเราะออกมาเหมือนจะหยอกๆ
อะไรของเขาเนี่ยยยยย ขี้โกงอ่ะ!
“อ่าๆๆ บอกก็ได้”โทโมะพูดขึ้นก่อนที่เขาจะมองขึ้นข้างบนเหมือนครุ่นคิดจากนั้นก็เอาสายตาของตัวเองลงมามองที่ฉันอีกครั้งแล้วจากนั้นเขาก็เริ่มพูดมันออกมา “ที่ฉันชื่อโทโมะเพราะฉันเกิดในวันแห่งความรัก ^^”
วันแห่งความรัก? เอ้าแสดง ว่าอีกแค่พรุ่งนี้แล้ววันถัดไปก็วันเกิดเขาแล้วสิเพราะว่าวันที่ 14 กุมภาพันธุ์มันเป็นวันแห่งความรักนี่นาแล้วก็เป็นวันเกิดของเขาเลยนี่ ใช่มั้ย?
“วะ...วันวาเลนไทน์น่ะเหรอ?” เมื่อฉันถามแบบนั้นวีก็พยักหน้าเป็นคำตอบที่บอกว่า ‘ใช่’
“ตามจริงพ่อบอกว่าแม่จะตั้งชื่อฉันว่า ‘ไทน์’ แล้ว แต่ชื่อมันดูผู้หญิงไปหน่อยพ่อเลยเปลี่ยนเป็น‘โทโมะ’ ส่วนคำว่า ‘โมะ’ พ่อฉันย่อมาจากชื่อแม่ ‘มาซากิ’
“พ่อนายก็เข้าใจตั้งชื่อนะเนี่ย”
“แหงสิ ก็เป็นถึงอาจารย์นี่นาย่อมมีความคิดเป็นเลิศ ^^”
“อื้ม งั้น...นายก็...กินต่อเถอะ” ฉันบอกโทโมะแล้วหันหน้ากลับมาทางเดิมจากนั้นก็ถอนหายใจออกมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ
เอ...สงสัยที่ว่าอยู่ดีๆฉันก็อยากรู้ความหมายชื่อของโทโมะขึ้นมามันก็เหมือนจะ เป็นลางให้ฉันถามเขาทางอ้อมรึปล่าวว่ามันจะถึงวันเกิดเขาแล้วน่ะ...เอ... แล้วจะให้ของขวัญอะไรดีน้า
อืม มันก็คิดลำบากหน่อยอ่ะนะเพราะว่าฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ฉันกับโทโมะอยู่ในสถานะแบบ ไหนกันแน่ เพราะการที่จะให้ของขวัญใครสักคนอย่างเช่นเพื่อนเงี๊ยะ ฉันก็จะทำของขวัญให้เพื่อนด้วยตัวเองเพราะมันจะเป็นสิ่งที่มีแค่ชิ้นเดียวใน โลก แต่ถ้าเป็นกับโทโมะนี่...
ฉันจะทำอะไรให้เขาดีล่ะ? เพราะเราสองคนก็...เป็นเพื่อนก็ไม่เชิงเป็นแฟนก็ยังไม่ใช่ เพราะว่าโทโมะ...
‘แล้ว...โทโมะขอคบแกยัง?’
อยู่ดีๆคำถามของฟางมันก็ผุดขึ้นมาในหัวของฉันซะเฉยๆก็ไม่รู้เพราะอะไรแต่ว่า... ‘คบ’ งั้นเหรอ...
ฉันเองก็ไม่รู้หรอกนะว่าคนเราส่วนใหญ่การคบกันนี่มันหมายคือการที่เรา ต่างฝ่ายต่างชอบกันแค่นั้นเองเหรอ แต่ในความคิดฉันเองนะ...
ถ้าเกิดเราตัดสินใจที่จะคบกับคนๆนั้นมันก็คือความแน่ใจของเราเองแล้ว ล่ะว่าทั้งเราแล้วก็เขาต่างมีกันและกันและถ้าเขาขอคบแล้วเราตอบตกลงนั่นก็ คือเราไว้ใจเขาให้เขามาเป็น ‘คนสำคัญในชีวิตอีกคน’ โดยไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้นถ้าเราอยู่กับเขาแล้วมีความสุข
ซึ่งตรงนี้แหละที่ฉันสงสัยว่าทำไม?
อย่างเช่นจองเบกับคลอรีนเนี่ยแหละที่ดูเหมือนเขาสองคนรักกันมากๆแล้วสาเหตุอะไรที่คลอรีนบอกเลิกจองเบล่ะ? ฉัน เองก็กลัวตัวเองอยู่เหมือนกันว่าอาจจะมีอะไรบางอย่างมาทำให้ฉันเป็นแบบ คลอรีนถ้าในสักวันหนึ่งถ้าสมมุติว่าฉันกับโทโมะเกิดคบกันขึ้นมาจริงๆ
แต่...ฉันคิดว่ามันคงไม่มีวันนั้นหรอก...
เพราะฉันเป็นคนที่เชื่อมั่นในรักครั้งแรกและฉันก็คิดแล้วว่าตัวเองไม่สามารถ ชอบใครได้นอกจากโทโมะคนนี้เพียงคนเดียว ถึงแม้ว่ามันอาจจะงมงายแต่ฉันคิดแบบนั้นจริงๆนะ
ที่สำคัญ...ฉันก็ไม่อยากให้ความรู้สึกที่ฉันมีให้เขาและเขามีให้ฉันเปลี่ยนไปด้วย
ถึงแม้ว่าฉันเคยคิดที่จะลืมเขา แต่ฉันก็ทำไม่ได้นี่? ใช่มั้ย? ฉะนั้นฉันก็จะรอวันที่โทโมะมั่นใจว่าอยากจะดูแลฉันและให้ทั้งฉันและเขาเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันฉันก็จะรอ ‘คำขอนั้น’ จากเขาก็แล้วกัน ^^
อีกฝั่ง
ประมาณสามทุ่ม
“เมื่อไหร่พี่แก้วจะกลับมาล่ะพ่อ”
พิชชี่ ถามหลังจากที่นั่งดูหนังอยู่กับพ่อจบมาสองเรื่องแล้วแต่ทว่าแก้วพี่สาวของ เขาก็ไม่มีท่าทีว่าจะกลับมาที่บ้านสักทีหลังจกาที่ออกไปบ้านโทโมะมานานนับชั่วโมงแล้ว แถมคุณพ่อแสนรักที่นั่งอยู่ข้างๆก็ดูเหมือนว่าจะไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรเลยที่ลูกสาวยังไม่กลับมาบ้านสักที
เพราะว่านี่มันก็เป็นเวลาประมาณเกือบๆสามทุ่มแล้วสิน่า
“ช่างพี่เขาเหอะน่า”
“พ่อไม่หวงพี่แก้วเลยเหรอครับเนี่ย’’ พิชชี่เอ่ยแล้วมองหน้าพ่อตัวเองอย่างจะเอาคำตอบ
เห๊อะ! ถึง แม้ว่าเจ้าเด็กคนนี้จะแค่ 8 ขวบ แต่ก็แสบใช่ย่อยแถมนิสัยนี่ต่างจากพี่สาวแบบคนละขั้วเลยเหอะ แล้วถ้านึกถึงตอนที่เขาโตขึ้นมันจะเป็นยังไงนะ?
“หวงสิแต่ยกเว้นพี่โทโมะคนหนึ่ง ^^”ผู้เป็นพ่อพูดแล้วหันมายักคิ้วให้ลูกชายตัวน้อยสุดรัก
“หมายความว่าพ่อจะให้พี่โทโมะเป็นพี่เขยผมเหรอครับ? O_O???”
“แหม่ ไอ้ลูกชายคนนี้นิทำไมมันรู้มากจังเลยนะ ฮึ?”ด้วยความหมั่นไส้พิชชี่เลยโดนพ่อจับขยี้หัวอย่างหมั่นเขี้ยวในทันใด
“ก็ผมเป็นลูกพ่อวิชัยไง ^___^”
“อ่าๆๆ ไม่ต้องพูดแล้ว ขึ้นไปนอนไปพรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียน”
เมื่อ พิชชี่ได้ยินพ่อของตัวเองพูดบอกแบบนั้นก็ถึงกับหน้าหงิกไปเลยเพราะเหมือนกับ ว่าโดนพ่อไล่ทั้งๆที่ตัวเองยังอยากจะอยู่ตรงนี้ต่อเพราะอยากอยู่รอพี่สาวของตัวเอง แต่ด้วยความพยายามอยากจะอยู่ต่อพิชชี่จึงหาเรื่องพูดขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง
“อ้าวพ่อ แล้วพ่อไม่ไปตามพี่แก้วหน่อยเหรอ”
“จะไปตามทำไมเล่า ><;;;”
“ก็พรุ่งนี้พี่แก้วก็มีเรียนนี่ครับ”
“เหอะน่า ไม่ต้องแก้วพี่เขาหรอกเดี๋ยวพ่อดูเอง ขึ้นไปนอนได้แล้วไป >O<!”
“พ่อพูดเหมือนไม่กลัวพี่แก้วเสียหายเลยอ่ะ=^=” พิชชี่พูดก่อนจะเดินลุกออกไปจากตรงนี่ท่ามกลางเสียงบ่นของคุณพ่อของเขา
“เสียหายอะไรเล่า! พี่โทโมะเขาไม่ใช่คนแบบนั้นนะพิชชี่! >O<!!!” คุณพ่อตะโกนตามหลังพิชชี่ไปก่อนจะครุ่นคิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง “เอ...ไม่ม้างงงง โทโมะออกจะเป็นเด็กเรียบร้อย ( งั้นเหรอคะพ่อ = =;;; )”
หึ ความหวังของผู้เป็นพ่อทุกคนก็คืออยากได้คนที่จะมาดูแลลูกสาวเพียงคนเดียวของ ตัวเอง และก็คงจะหวังว่าพ่อของแก้วคนนี้คงจะคิดถูกนะที่อยากจะให้ผู้ชายที่มีนาม ว่า ‘นายวิศวะ ไทยานนท์’ คนนี้มาเป็นลูกเขยในอนาคตของเขาน่ะ ^__^
“อิ่มยัง”ฉันโทโมะที่ตอนนี้กินข้าวผัดหมดจานไม่เหลือข้าวเลยสักเม็ดเดียว
อื้อหือออออ มันอร่อยขนาดนั้นเลยเรอะ?
“แล้วถ้าบอกว่าไม่อิ่มอ่ะ”โทโมะบอกก่อนจะเอาลิ้นมาเลียนปากตัวเองช้าๆเหมือนว่าจะเก็บรสชาติอาหารที่ยังคงติดอยู่ตรงริมฝีปากของตัวเองให้หมด
แต่พอฉันเห็นเนี่ยสิมันดูสยิวยังไงไม่รู้จนฉันต้องหลุบสายตาลงต่ำทันที (_////_);;;
“ไม่อิ่มก็ทำกินเองละกัน นี่สามทุ่มแล้วเราก็ควรจะกลับได้แล้ว” ฉัน รีบบอกโทโมะเมื่อก้มดูนาฬิกาข้อมือของตัวเองก่อนจะลุกขึ้นแล้วเก็บจานข้าวที่โทโมะกินหมดแล้วและหันหลังเดินตรงไปยังห้องครัวเพื่อเอาจานล้างตรงท็อปครัว
“ก็ฉันบอกว่าไม่อิ่มอ่ะ”เสียงโทโมะที่พูดขึ้นจากทางด้านหลังซึ่งฉันคาดว่าเขาคงจะเดินมากินน้ำล่ะมั้งแต่ก็ยังมิวายพูดเหมือนอยากจะให้ฉันทำครัวให้เขากินอีก
ให้ตายสิคิดแล้วก็ได้แต่กรอกตาขึ้นลง = =;;;
“ก็บอกแล้วว่าถ้าหิวก็ทำกินเองเราจะกลับบ้านแล้ว”
“ก็ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าหิวข้าว...”
เฮือก...
O///////O
ฉัน ตกใจเมื่อโทโมะเอามือสองข้างมากอดคอฉันเอาไว้จากทางด้านหลังขณะที่ฉันกำลังล้าง จานอยู่ ไม่แค่นั้นเพราะโทโมะเอาหน้าของเขามาเกยไว้ตรงแขนที่เขาใช้กอดตรงคอฉันอีกแถม ปลายจมูกนี่เฉียดเข้าที่แก้มฉันหน่อยๆแล้วเหอะ อ๊ากกกกก อยากจะบ้าตายกับผู้ชายคนนี้จริงเลยนะ >//////////<
“...”
“จะไม่ถามฉันหน่อยเหรอว่าฉันหิวอะไร”โทโมะบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเพราะเขากระพูดกระซิบอยู่ข้างหูฉันนี่เอ๊งงงงง
“มะ...ไม่ เราไม่อยากรู้”ฉันบอกโทโมะและพยายามปรับน้ำเสียงให้ดูเป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่ให้ตายเหอะคำถามนั้นมัน...มันก็แค่คำถามรึปล่าว?
แล้วทำไมใจฉันต้องเต้นแรงด้วยเนี่ย?
“แต่ฉันอยากบอก...”
“ก็เราบอกว่าเราไม่อยากรู้ไง นายเองก็ปล่อยเราได้แล้ว” เมื่อฉันล้างจานเสร็จฉันก็บอกโทโมะแต่โทโมะก็ไม่ทำตามที่บอกเพราะเขายังคงเอาคางเงยไว้ตรงแขนของตัวเองนิ่งๆไม่ได้พูดอะไร
“หิวแก้วจัง...”
หา!?! อะ...อะไรนะ?!
“นะ...นายพูดอะไรของนายเนี่ย” ตอนนั้นฉันพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆเพราะว่าไม่คิดว่าโทโมะจะพูดจาทำให้ฉันคิดลึกถึงเพียงนี้แถมเขาพูดแบบกระซิบอยู่ข้างหูฉันอีก
บ้าจริง! โทโมะเมาอะไรมารึปล่าวเนี่ย? หรือว่าเพราะเขาป่วยเลยพูดแบบนี้ออกมากันแน่?
“หึ ล้อเล่นแค่นี้ทำเป็นตื่นเต้นไปได้” โทโฒะหัวเราะในลำคอเหมือนจะบอกว่าฉันคิดลึกไปไกล
แปะ!
“ล้อเล่นบ้าอะไรแบบนี้เราก็คิดลึกสิ” ฉันเผลอหันหน้าไปมองโทโมะก่อนจะเอามือตีมือที่เขาใช้ก่อนคอฉันอยู่
แต่ด้วยความที่ว่าลืมไปว่าหน้าโทโมะใกล้กับหน้าของฉันมากเพราะว่าเขากำลังมอง ฉันอยู่ปลายจมูกเราจึงชนกันโดยที่ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็น แต่ไม่รู้ว่าตัวฉันเหมือนโดยโทโมะสะกดจิตกันทางสายตาหรืออย่างไรฉันจึงไม่ได้ละ สายตาหรือผละใบหน้าของตัวเองออกไปจากใบหน้าของเขาเลยสักนิด
ยิ่งไปกว่านั้น...ฉันยิ่งรู้สึกว่าโทโมะยิ่งเอาปลายจมูกของตัวเองมาเตะที่ปลายจมูกของฉันเรื่อยๆ
“นะ...นายจะทำอะไร”
“ลงโทษ” โทโมะบอกแต่เขาก็ยังไม่ได้ละใบหน้าตัวเองออกไปเลยแม้แต่นิดเดียว
หือ? ลงโทษ?
เอ่อ...ฉันไปทำอะไรผิดตอนไหนกันล่ะเนี่ย =[]=?
“ลงโทษเราเรื่องอะไรอ่ะ” ฉันถามแล้วขมวดคิ้วเข้าหากันเพราะว่างงกับคำพูดของโทโมะ
“ก็เรื่องที่ไปยืนคุยกับไอ้มิณท์เน่านั่นไง”
“เขาชื่อมิณท์เฉยๆ = =;;;”
“แต่ฉันจะเรียกมิณท์เน่า - -!”โทโมะบอกก่อนจะจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของฉันจากนั้นเขาก็พูดขึ้น “แล้วเธอกับมันคุยอะไรกัน”
“จะรู้ไปทำไมล่ะ O_O?”
จึก!
“ - -!”
ให้ตายเหอะ! นี่ฉันพูดเพื่อฆ่าตัวตายหรือยังไงกันนะ! ><!
เพราะว่าโทโมะทำหน้าตาดุขึ้นมาทันทีที่ฉันพูดแบบนั้น โธ่! ไม่น่าเลยแก้ว YOY! นี่ฉันจะโดนเขาทำอะไรบ้าๆมั้ยเนี่ย? อย่าเลยนะเพราะแค่นี้ฉันก็เสียเปรียบเขามากอยู่แล้วอ่ะ เออใช่สิ๊! เขามันทั้งสูงกว่า แข็งแรงกว่า เพราะว่าเป็นผู้ชาย ส่วนฉันมันก็แค่ผู้หญิงแห้งกรอบดูไม่มีพละกำลังใด ( เอิ่มมมมม = =;;; )
แล้วจะไปต่อกรอะไรกับเขาได้เล่า >^<!
“อึก...”ฉัน มองหน้าโทโมะนิ่งๆก่อนจะกลืนน้ำลายลงคออย่างกล้าๆกลัวๆเพราะตอนนี้โทโมะมองฉันด้วย สีหน้าที่นิ่งมากจนรับรู้ได้ถึงความไม่ปลอดภัยต่อตัวเองซะแล้วสิ
“จะบอกไม่บอก”โทโมะถาม
“บอกอะไรเล่า ก็เรากับมิณท์ก็คุยกันปกติ”ฉันพูดบอกโทโมะไปตามความจริงแต่ว่าโทโมะเนี่ยสิทำหน้าตาเหมือนไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่
อะไรของเขาเนี่ย? ก็บอกไปแล้วทำไมต้องหรี่ตามองแบบนั้นด้วย แต่ก็ช่างเขาเหอะ! เพราะฉันกับมิณท์ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยนี่นาเพราะเราสองคนก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
แต่ที่โทโมะไม่ค่อยอยากเชื่อเพราะคิดว่ามิณท์คงจะชอบฉันอยู่ล่ะมั้ง?แต่มิณท์ก็บอกกับฉันแล้วว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดีกับฉันได้เพราะเขารู้ว่าถึงพยายามอะไรต่อไปฉันก็มองเขาเป็นเพื่อนที่แสนดีคนหนึ่ง...
“แล้วทำไมตอนคุยกับมันหน้าเธอแลดูสดใสผิดปกติ”
“เอ๋า? คุยกับเพื่อนมันก็ต้องคุยสีหน้าสดใสสิ นายจะไปให้เราหน้าบึ้งเป็นตูดหมึกใส่มิณท์รึไงกัน = =?”
“เออ”
“จะเพ้อรึไง”
“ไม่เพ้อหรอก เพราะฉันไม่ชอบ จบป้ะ?”
“ไม่ชอบก็เรื่องของนายละกัน แล้วก็เอาแขนนายออกจากคอเราเลย เราจะกลับบ้านแล้ว” ฉันบอกแต่โทโมะก็ไม่ยอมทำตามและตอนนั้นแหละที่ฉันเอามือตัวเองจับแขนของโทโฒะที่กำลังกอดคอของตัวเองเอาไว้ทั้งสองข้างออก
และโทโมะที่ไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยฉันจึงทำให้ตัวเองเป็นอิสระจากเขาได้โดย ง่าย ฉันก็มองโทโมะเพียงแว๊บเดียวก็ที่จะเดินออกไปจากตรงนี้แต่โทโมะเนี่ยสิก็วิ่งมา คว้ามือของฉันเอาไว้จากทางด้านหลังก่อนที่ฉันจะเดินผ่านท็อปครัวไปเสียอีก
หมับ!
“เดินหนีเหรอ?” เขาถาม
“ปล่าว เราแค่จะกลับบ้าน” ฉันหันไปบอกโทโมะแล้วมองเขานิ่งๆ
“บ้านเธอมันไม่หนีไปไหนหรอกน่า จะรีบกลับทำไมก็ไม่รู้”
“แล้วนายจะเราอยู่ทำอะไรที่บ้านนายต่อล่ะ?”
ไม่ รู้ว่าคำถามนี้มันไปกระตุกต่อมความคิดอะไรของโทโมะเข้า เพราะเมื่อเขาได้ยินมันโทโมะก็หยักยิ้มที่มุมปากก่อนจะมองสำรวจฉันตั้งแต่หัว จรดเท้าและก็เอาสายมามองที่ใบหน้าของฉันที่กำลังมองเขาอย่างงงๆอยู่อีกรอบ หนึ่ง
“ทำอะไรอย่างงั้นเหรอ?”โทโมะ เค้นเสียงถามก่อนที่เขาจะทำในสิ่งที่ฉันไม่ทันตั้งตัวก็คือการที่ดันร่างของ ฉันให้ไปติดตรงขอบของท็อปครัวใกล้ๆ และนั่นแหละฉันถึงตกใจจนเบิกตากว้าง
“จะทำอะไรเนี่ย?”
ฉันถามโทโมะด้วยความตกใจเมื่อเขาเอามีทั้งสองข้างมาจับไว้ตรงขอบท็อปครัว เหมือนจะขังฉันเอาไว้ตรงนั้นจนฉันไม่สามารถที่จะขยับไปไหนได้ขณะที่มือของ ตัวเองก็ได้แต่เอากุมประสานกันเอาไว้เพราะว่าตอนนี้มือมันสั่นมากๆแถมหัวใจ ข้างในก็เต้นรัวๆและรับรู้ได้เลยว่าตอนนี้เหงื่อบนหน้าฉันกำลังผุดซึมขึ้นมา
“ถามหน่อย...”โทโมะพูดแล้วโน้มหน้าของตัวเองลงมาหาฉันช้าๆจนฉันต้องค่อยถอยหน้าหนีแถมตัวเองก็เอนตัวไปด้านหลังโดยไม่รู้ตัวอีก
แต่ทำแบบนั้นไปก็ปล่าวประโยชน์เพราะถอยหน้าหนีก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยจริงๆ =////=
“ถะ...ถามอะไร”
“ฉันจะถามว่า...ตอนที่ฉันทำกับเธอแบบนี้เธอรู้สึกยังไง”โทโมะถามแล้วมองมาที่ฉันตรงๆแต่ฉันเนี่ยสิไม่รู้จะตอบยังไงเลยจริงๆ
“เอ่อ...เรา...”
“ฉันทำแบบนี้แล้วใจเธอเต้นแรงมั้ย?”
ตึกตัก ตึกตักๆๆๆๆ
“อะ...อื้ม” สุด ท้ายฉันก็ต้องพยักหน้าบอกโทโมะไปตามตรงว่าตอนนี้หัวใจของตัวเองกำลังเต้นแรง เพราะเขาจริงๆ และบอกเลยว่า ณ ตอนนี้ฉันไม่อยากจะสบตากับโทโมะเลยเพราะมันยิ่งทำให้ตัวเองหน้าแดงและร้อนวูบ
แต่เหมือนยิ่งไม่อยากมองก็กลับหลบเลี่ยงสายตาไปทางอื่นไม่ได้...
โทโมะที่เห็นแบบนั้นจึงหรี่ตามองฉันก่อนหน้าโน้มหน้าลงมาใกล้มากกว่าเดิม
“อืมมม งั้นฉันก็อยากรู้อีกข้อนึงว่า...ถ้าฉันทำแค่นี้ใจเธอยังเต้นแรง”
“...”
“แล้วถ้าฉันทำแบบนี้หัวใจเธอมันจะเต้นแรงมากกว่านี้รึปล่าว...”
หลังจากจบคำพูดนั้นโทโมะก็จัดการจูบเข้าที่ริมฝีปากของฉันช้าๆราวกับเขา ต้องการที่จะรับรู้ถึงความรู้สึกและระดับการเต้นของหัวใจของฉัน ส่วนมือทั้งสองข้างที่ฉันเอากุมประสานกันเอาไว้ในตอนนี้มันก็เริ่มคลายออก จากกันในที่สุดเพราะสัมผัสของโทโมะในตอนนี้มันช่างเชื่องช้าราวกับจะค่อยๆฆ่า กันให้ตายอย่างไม่ต้องออกแรง
และเพราะว่าในบ้านนี้มันเงียบมากจึงทำให้ฉันได้ยินเต้นหัวใจของตัวเองกับของ โทโมะเริ่มเต้นแรงขึ้นเมื่อโทโมะเริ่มกดริมฝีปากของเขาลงมาหนักขึ้นแต่ก็ไม่ได้ รุนแรงอะไร ตอนนั้นแหละฉันจึงหลับตาลงแล้วยอมรับสิ่งที่เขามอบให้อย่างไม่มีการทักท้วง อะไรใดๆทั้งสิ้นเหมือนโดนมนต์สะกดให้ต้องรับจุมพิตนั้นโดยไม่มีข้อแม้แต่ อย่างใด
“อึก...” ฉันเริ่มหายใจติดขัดในตอนนั้นแต่โทโมะก็ไม่มีท่าทีว่าเขาจะละริมฝีปากของตัวเองออกจากริมฝีปากของฉันเลยแต่น้อย
และด้วยความที่ฉันหลับตาอยู่นั้นก็สัมผัสได้ว่ามือของโทโมะมาจับท้ายทอยของฉัน เอาไว้ทั้งสองข้างจากนั้นเขาก็จัดการกดริมฝีปากลงมาอีก ตอนนั้นแหละที่ขาของฉันเริ่มเย่งขึ้นมาเพราะเหมือนว่าจะหายใจไม่ออก มือของฉันทั้งสองข้างเลยเผลอเอาไปจับแขนโทโมะเอาไว้อย่างแน่น
และเนิ่นนานที่โทโฒะจูบฉันซ้ำอยู่แบบนั้นโดยไม่ละริมฝีปากออกห่างเกิน 3 วิเลย จนกระทั่งสุดท้ายเขาคงคิดว่าฉันเริ่มเหมือนคนหมดแรงเข้าไปทุกทีโทโมะจึงหยุดการ กระทำนั้นก่อนจะเอาหน้าของตัวเองออกห่างจากฉันเหมือนให้ฉันได้สูดหายใจเข้า เต็มปอดหลังจากที่เกือบขาดอากาศหายใจเพราะจูบของเขา
“จะฆ่ากันรึไง” ฉันถามโทโมะขณะที่สูดหายใจเข้าจนหายจะอาการหอบเมื่อกี้
“หึ ทำเหมือนกับนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันจูบเธออย่างงั้นแหละน่า” โทโมะบอกก่อนจะเอามือสองข้างที่จับท้ายทอยฉันขึ้นมาจับไว้ที่แก้มจนฉันจากที่แก้มร้อนอยู่แล้วก็ยิ่งร้อนเข้าไปอีก
“แต่ครั้งนี้นายเหมือนอยากฆ่าเราให้ตายคาห้องครัวบ้านนายเลยนี่”
“แค่นี้ไม่ตายหรอกน่า ถึงยังไงซะฉันก็ได้ยินเสียงหัวใจของเธอเต้นดังตุบๆๆ มากกว่าครั้งไหนๆแล้ว มันก็น่าดีใจไม่ใช่เหรอ?”โทโมะถามยิ้มๆแล้วยักคิ้วขึ้นข้างนึงเพื่อเป็นเชิง
“...”
“ไอ้จูบเมื่อกี้อ่ะคือแค่จูบวัดระดับการเต้นของหัวใจ แต่จูบนี้อ่ะ...”โทโมะบอกก่อนจะเอาริมฝีปากของเขามาแตะซ้ำเบาๆที่ริมฝีปากของฉันอีกรอบก่อนจะถอนมันออกไปอย่างแผ่วเบา “มันคือ...จูบราตรีสวัสดิ์”
“งะ...งั้นเหรอ (_////_);;;”
ตอน นั้นฉันก้มหน้าลงแล้วเอามือยกเกาที่ต้นคอของตัวเองแล้วยิ้มเจื่อนๆแก้เขินโทโมะ ที่กำลังมองมายิ้มๆ อ่า...ให้ตายสิทำไมเขา....น่ารักแบบนี้นะ ^////////^
“...”
“งั้นนายก็ราตรีสวัสดิ์เช่นกันนะ”
“แค่เนี๊ยะ?”
“แล้วจะให้เราทำอะไรอีกอ่ะ เมื่อกี้เราก็เกือบขาดอากาศเพราะนายนะ Y^Y” ฉันพูดขอความเห็นจากโทโมะจนโทโมะที่เมื่อกี้ที่หน้าบูดนิดๆก็พยักหน้าเป็นทำนองว่า ‘ไม่ขออะไรก็ได้’ ประมาณนั้นน่ะ
“งั้น...ฉันเดินไปส่งเธอหน้าบ้านนะ”
“...อื้ม” ฉันตอบโทโมะยิ้มๆก่อนจะเดินออกมาจากห้องครัวโดยที่มีโทโมะเดินตามมาส่งถึงหน้าบ้านของตัวเอง
ให้ตายสิ สงสัยว่าคืนนี้ฉันคงจะนอนหลับฝันดีซะแล้วล่ะมั้ง? และก็ขอให้โทโมะฝันดีเช่นกัน ^^//
‘ ท่ามกลางความรู้สึกหลากหลายในใจที่มันเริ่มก่อตัวหนักขึ้นของเขาทั้งสองคน
บัดนี้ความในใจได้เปิดเผยชัดเจน เลยทำให้เขาทั้งสองรู้สึกอบอุ่นหัวใจ
และหวังว่าคืนนี้พวกเขาคงจะ...หลับฝันดี...’
___________________________________________________________________อัพตามคำขอแล้วนะจ้ะ ช่วงนี้มีความสุขกันมากนะจ้ะใกล้จะถึงช่วงเครียดแล้วนะรู้ป่าวว T^T เม้นกันหน่อยยย
( จูบราตรีสวัสดิ์ )
ต๊อกๆๆๆๆ
ครืด
“แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วมั้ง?” ฉัน พูดขึ้นเมื่อมองผักต่างๆที่เพิ่งหั่นเสร็จไปเมื่อตะกี้ก็คิดว่ามันก็น่าจะพอ แล้วสำหรับข้าวผัดหนึ่งจานของโทโมะ อืมมมมม แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าโทโมะจะชอบกินผักรึปล่าวน่ะสิ
แต่ถ้าเขาไม่ชอบก็ช่างเถอะ! หั่นกินผักซะบ้าง ><!
แหม๋ทำมาพูด ‘ขอข้าวผัดนะ’( เลียนแบบเสียงโทโมะ )หน้าหมั่นไส้จริงๆเลยผู้ชายคนนี้ เหมือนกับโทโมะเป็นประเภทแบบ ‘เห็นโทโมะเงียบๆนางร้ายเงียบนะคะ’ >^<!
“ให้ช่วยมั้ย?”
“เย้ย!” ฉันตกใจจนสะดุ้งขึ้นมาเมื่อเสียงโทโมะพูดขึ้นจากทางด้านหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว
โอ๊ย! หมอนี่นิ! มายืนข้างหลังฉันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย? ตกใจหมดเล้ย >O<!
“...”
“ทีหลังมาก็ส่งเสียงบ้างก็ได้นะ ถ้าหากเราเผลอทำถาดใส่ผักตกจะทำไง”ฉันหันไปดุโทโมะก่อนจะเดินเอาผักไปล้างตรงอ่างซิงก์ที่อยู่ตรงท็อปครัวอีกฝั่ง
“แหม่ ไอ้เราก็อุตส่าห์จะมาช่วยกลับโดนว่าซะงั้นเซ็งว่ะ =^=!”เสียงโทโมะพูดเหมือนว่าเขาน้อยใจแต่สุดท้ายเขาก็เดินตามมายืนอยู่ข้างๆฉันจนได้
“เซ็งก็ออกไปจากครัวเลยไป”ฉันบอกโทโมะเสียงนิ่ง
และคำตอบที่ได้รับกลับมาคือ...!
“ไม่เอาอยากอยู่ตรงนี้” โทโมะตอบกลับมาทันทีเหมือนไม่ต้องคิดแล้วจากนั้นเขาก็เขยิบร่างสูงของเขามาใกล้ๆฉันมากยิ่งขึ้น
ให้ตายเหอะทำไมต้องมาอยู่ใกล้ฉันจนแขนเราสองคนติดกันด้วยเนี่ย และฉันพนันได้เลยว่าถ้าคุณมาอยู่ตรงนี้สติคุณคงไม่เหลือเพราะผู้ชายคนนี้แน่ๆ>///<
“...”
ตึกตักๆๆๆๆ
และด้วยความที่ว่าฉันกำลังรู้สึกว่าตอนนี้หัวใจของตัวเองเริ่มเต้นแรง อีกแล้วเพราะลมหายใจร้อนๆของโทโมะที่มันรินรดอยู่ใกล้ๆตรงผิวแก้มของฉันนั่นเอง เพราะว่าโทโมะเอามือสองข้างมาจับกับท็อปครัวเอาไว้แล้วโน้มตัวลงมามองผักที่ฉัน กำลังล้างอยู่จนแก้มของเขาเกือบจะชนแก้มของฉันอยู่แล้ววววววว >//////<
เมื่อ เห็นอย่างนั้นฉันเลยหยุดใช้มือจากการล้างผักแล้วจัดการเอามือสางผมที่ทัดตรง หูอยู่ลงมาบังหน้าของตัวเองเอาไว้เพราะไม่อยากเห็นหน้าโทโมะให้ว่าฉันกำลังหน้าแดงเพราะเขา
แล้วจะเอาหน้ามาใกล้ๆหน้าฉันทำไมก็ไม่รู้นะ!
“เอาผมปิดหน้าทำไมเนี่ย = =;;;”โทโมะถามงงๆแล้วเขาก็เอามือของเขามาเกลี่ยผมที่บังหน้าฉันอยู่ให้เปิดออก
“อย่ามากวนเราได้มั้ยเนี่ย ไปนั่งรอที่โต๊ะโน่นไป”ฉันบอก
“แค่ฉันอยากอยู่ใกล้เธอนี่มันดูวุ่นวายตรงไหน - -?”
“มันไม่ได้วุ่นวาย แต่เราแค่อยากทำอาหารเงียบๆ พอมีคนมาจ้องเรา เราก็อึดอัดนะ” ฉันพูดแต่ก็ไม่ได้หันหน้าไปมองโทโมะหรอกแค่มองผักที่กำลังล้างอยู่เท่านั้น
แต่ความรู้สึกนี่มันรับรู้ได้เลยว่าโทโมะกำลังมองจ้องฉันอยู่แหงๆ =[]=////
“อึดอัดหรือใจเต้นแรงกันแน่ ^^”
น่ะ...นี่เขาพูดอะไรเนี่ย?! บ้าไปแล้วววววว แต่มันก็จริงอย่างที่เขาพูดนะ = =;;;
“...”
“เงียบแสดงว่าใช่ ^^”
“หยุดพูดเลยนะ”
“เธอเขินอ่ะดิ”
“นี่ถ้านายพูดอีกก็มาทำข้าวผัดเองเลยละกัน เราจะได้กลับบ้าน - -!” ฉันบอกแล้วฉันไปมองโทโมะเพียงแว๊บเดียวก่อนจะหันกลับมา
“อ่าๆๆ ไม่พูดและ ไปนั่งรอดีกว่ากลัวคนแถวนี้เผลอทำข้าวผัดออกมาเป็นสีชมพู”
“นายโทโมะ! ><!” ตอนนั้นฉันหันไปมองโทโมะตาเขียวแต่โทโมะก็ยิ้มหน้าระรื่นมาให้ก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากตรงนี้
ข้าวผัดสีชมพูบ้าอะไร! โทโมะนี่เพ้อจริงๆเลย
นี่เขาคิดว่าฉันมองโลกเป็นสีชมพูแล้วรึไงกันนะ = =;;;
ก็ใช่! มัน ดีใจจนบอกไม่ถูกที่รู้ว่าโทโมะชอบฉัน แต่ฉันก็ไม่ถึงขั้นเอาคำพูดนั้นเก็บไปเพ้อมองทุกอย่างเป็นสีชมพูซะหวานแหว๋วประเภทว่ามองอะไรก็ดีไปหมดทุกอย่าง ซึ่งฉันไม่ใช่แบบนั้น! ><!
“ให้ตายสิ...”ฉัน พูดออกมาแล้วส่ายหัวให้ตัวเองเบาๆก่อนจะนำผักที่เพิ่งล้างเสร็จมาวางไว้ใน ถาดตามเดิมแล้วเดินไปหยิบกระทะกับเครื่องปรุงมาเตรียมเพื่อทำข้าวผัดให้คุณชายโทโมะ ( เรียกประชดไปอย่างงั้นแหละ = =;;; )
เฮ้อ คิดๆมาก็แปลกนะเพราะครั้งนั้นที่ฉันป่วยเพราะโรคทับระดูโทโมะก็ซื้อข้าวต้มมา ให้ ( โทโมะไม่ได้ซื้อนะแก้วโทโมะมันทำเองเลย >/////< ) ฉันก็ต้องขอบคุณเขานะ แต่มาคราวนี้พ่อแม่โทโมะไม่อยู่บ้านแถมฉันคิดว่าโทโมะคงไม่ชอบทานข้าวมั้งเพราะตอน ที่ลงมาจากห้องเขาแล้วเดินมาจะเปิดตู้เย็นเอาผักก็เห็นน้ามาซากิ ( แม่โทโมะ ) เขียนแปะโพสอิทเอาไว้ว่า...
‘แม่ไม่ได้ทำกับข้าวนะเห็นลูกไม่ค่อยอยากอาหารตอนเย็น งั้น...ถ้าลูกหิวก็เอาออกมาทำเองนะเพราะแม่คงจะกลับดึกๆหน่อย’
นั่นแหละคือข้อความบนโพสอิทที่ถูกแปะต่อกันประมาณสามสี่แผ่นตรงตู้เย็น ^^
และคุณเชื่อมั้ยว่า...ตอนที่ฉันเปิดตู้เย็นจะเอาผักเปิดไปก็ถึงกับผงะชะงัก ไปเลยทีเดียวที่ในตู้เย็นส่วนใหญ่มีแต่นมจืดเป็นแพ๊คๆเต็มตู้เย็นไปหมดทั้ง ฝั่งซ้ายฝั่งขวาก็ดูท่าทางแล้วนะมันน่าจะเป็นของโทโมะเนี่ยแหละจะมีใครซะอีก ล่ะ =[]=;;;;
เห๋อ เห๋อ ผู้ชายเย็นชา? ที่ ชอบกินนมจืดมากๆนี่มันดูยังไงๆอยู่นะ เหมือนกับว่าโทโมะนั้นเป็นเด็กๆอยู่เลยทั้งๆที่อยู่ ม.5 แล้ว แต่ฉันว่าก็น่ารักดีนะที่เขากินแต่นม คิกๆ
สักพักต่อมา...
“หอมจุงเบยยยย”
คุณชายโทโมะ? พูด อย่างพออกพอใจเมื่อเห็นฉันเดินเอาข้าวผัดที่เพิ่งทำเสร็จร้อนๆโชยกลิ่นหอมมา วางไว้ข้างหน้าโทโมะที่กำลังนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนรออยู่พอเห็นแบบนั้นเขาก็ รีบวางเจ้าหนังสือการ์ตูนนั่นลงทันที แหม่ หิวเหรอเนี่ย = =;;;
“งั้นไม่มีอะไรแล้วเรากลับบ้านก่อนนะ”
หมับ...
ฉันบอกโทโมะและยังไม่ทันที่จะก้าวขาเดินออกไปจากตรงนี้ข้อมือของตัวเองก็ถูกคว้าเอาไว้เสียก่อน...
“จะไปแล้วเหรอ”โทโมะถามเหมือนเขาไม่คิดว่าฉันจะไปแล้วจริงๆ
เอ๋า? แล้วจะให้ฉันอยู่ทำอะไรต่ออีกล่ะ?
“แล้วนายจะให้เราอยู่ทำไมเล่า เราก็ทำข้าวให้นายกินแล้วไง”
“ทีตอนนั้นเธอป่วยฉันยังอุตส่าห์ทำข้าวต้มไปให้แล้วก็นั่งอยู่เป็นเพื่อนเธอเลยนี่ ><!”
ฮะ? อะไรนะ? โทโมะทำข้าวต้มให้ฉัน?
อ้าว ไหนเขาบอกว่าซื้อมาไง = =;;;
“ไหนนายบอกว่านายซื้อมาไง”
“ก็ตอนนั้นฉัน...ฉัน...เออช่างมันเหอะ ><!” โทโมะพูดแล้วสะบัดหน้าไม่ขอตอบก่อนจะมองหน้าฉันตรงๆอีกครั้ง “แต่ครั้งนั้นฉันก็อยู่เป็นเพื่อนเธอทั้งคืนเลยนะ”
หา? โทโมะ...เขาพูดแบบนี้หมายความว่าไงเนี่ย? เอ่อเขาคงไม่ได้...
“เอ่อ...นายคงไม่ได้ขอให้เราอยู่กับนายทั้งคืนหรอกใช่มั้ย?”
“แล้วถ้าขอเธอจะอยู่มั้ยล่ะ ^^?”
“จะบ้าเหรอ O_O////”
“ล้อเล่นๆๆเพราะฉันไม่คิดทำเธอเสียหายหรอก”
“เราไม่เชื่อ”ฉันพูดขึ้นมาอย่างไม่ต้องคิดเลยในตอนนั้น “คนแบบนายมันเดาอารมณ์ยาก ไว้ใจไม่ได้หรอก”
“งั้นเหรอ ^^”
“...”ฉันเงียบไม่ได้ตอบอะไรเพราะว่าไปต่อไม่ถูกที่โทโมะมองแล้วยิ้มบางๆส่งมาให้
นี่ เดี๋ยวนี้โทโมะเขาชักจะกวนประสาทให้ฉันใจสั่นเล่นเก่งขึ้นมากกว่าเดิมแล้ว นะ นิสัยนี้มันคือนิสัยที่เพิ่งเป็นเมื่อเร็วๆนี้หรือว่ามันเป็นนานแล้วแต่ เพิ่งค่อยๆเผยธาตุแท้กันแน่เนี่ย = =;;;
“งั้นเธอก็...อย่าเพิ่งไปได้มั้ย?”
“...”
“อยู่กับฉันก่อนสิ...”โทโมะบอกเหมือนว่าเขาอยากให้ฉันอยู่ด้วยจริงๆ “นะแก้ว...”
“อ่าๆๆ เราอยู่เป็นเพื่อนก็ได้นายเองก็กินข้าวซะเดี๋ยวก็เย็นกันพอดี” ฉันบอกแบบนั้นโทโมะส่งยิ้มอย่างพอใจก่อนจะปล่อยมือฉันออกและฉันก็เลื่อนเก้าอี้นั่งลงข้างๆเขา
“แก้ว”
“ฮะ?” ฉันหันไปมองโทโมะเมื่อเขาเรียกชื่อฉันในตอนที่ฉันเพิ่งนั่งลงข้างๆเขาได้สักพัก
“กินด้วยกันมั้ย?”โทโมะถามแล้วชี้ที่จานข้าวผัดแต่ด้วยความที่ฉันไม่หิวฉันก็เลยส่ายหน้าแล้วยิ้มบางๆให้เขาก่อนจะหลุบสายตาลงต่ำแล้วหันหน้ากลับมาที่เดิม
“ไม่ลองชิมฝีมือตัวเองหน่อยเหรอ?”
“ไม่อ่ะเราไม่หิว”
“แน่ใจนะ?”
“งั้นนายชิมแทนแล้วบอกเราเองก็แล้วกัน”เมื่อ ฉันพูดคำนั้นจบลงก็หันไปมองโทโมะ โทโมะก็มองหน้าฉันแล้วอมยิ้มนิดๆก่อนที่เขาจะเอาช้อนตักข้าวผัดคำแรกเข้าปากตอนนั้นแหละที่ฉันหันหน้าไปอีกทางเพราะว่าอยากฟังเสียงเขา
ว่าเขาจะพูดว่าอะไร...
“หืมมมม อร่อยจังเลยยยยย ใครเป็นคนทำหน้ออออ”
เมื่อโทโมะเอ่ยแบบนั้นฉันก็อดที่จะอมยิ้มหน่อยๆไม่ได้เลย ก็...ดีใจนะที่เขาชอบ ^^
“อืมมม โทโมะ...”
“หือ?” โทโมะเหมือนสงสัยว่าทำไมฉันจึงหันไปเรียกชื่อเขาแต่อยู่ดีๆฉันก็นึกในสิ่งที่ฉันอยากจะถามเขาขึ้นมาได้เพราะว่ามันสงสัยล่ะมั้ง? แถมฉันไม่อยากนั่งเงียบๆให้ได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นแรงด้วยสิน่า “ว่าไง” โทโมะถามย้ำ
“เอ่อ...คือเราสงสัยอ่ะว่า...ทำไมนายถึงชื่อ ‘โทโมะ’ เหรอ”
และเมื่อโทโมะได้ยินคำถามนี้ออกมาจากปากฉันเท่านั้นแหละเขาถึงกับชะงักไปแป๊ปนึง ก่อนจะเคี้ยวข้าวในปากแล้วเหมือนๆจะอมยิ้มด้วยแล้โทโมะก็หันไปก้มหน้าตักข้าว กินแล้วหันมามองที่ฉันอีกรอบ
อ่าห้ะ! ฉันอยากรู้ว่าทำไมเขาถึงชื่อว่า ‘โทโมะ’
เพราะมันเหมือนว่าจะมีความหมายอะไรมากกว่านั้นรึปล่าว? ไม่รู้นะว่าถามทำไมแต่...อยู่ดีๆมันเหมือนอยากถามขึ้นมาซะเฉยๆเลย
“รู้มั้ย ว่าเกิดมาเนี่ยไม่เคยมีใครสนใจถามประวัติชื่อฉันเลยนะ ก็มีเธอคนแรกเนี่ยแหละที่ถาม”
“ระ...เราเป็นคนแรกเหรอ? O_O?”ฉันถามแล้วชี้นิ้วมาที่ตัวเอง
“อ่าห้ะ”พยักหน้าแล้วพูดบอกพลางเคี้ยวข้าวในปากไปด้วย “แล้วนึกไงถึงถามถึงชื่อฉันเนี่ย”
“เอ่อ...เราก็ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ แล้ว...ชื่อนายความหมายคืออะไรเหรอ?”
“ฉันพูดตอนไหนว่าจะบอก คิก”โทโมะบอกฉันแล้วหัวเราะออกมาเหมือนจะหยอกๆ
อะไรของเขาเนี่ยยยยย ขี้โกงอ่ะ!
“อ่าๆๆ บอกก็ได้”โทโมะพูดขึ้นก่อนที่เขาจะมองขึ้นข้างบนเหมือนครุ่นคิดจากนั้นก็เอาสายตาของตัวเองลงมามองที่ฉันอีกครั้งแล้วจากนั้นเขาก็เริ่มพูดมันออกมา “ที่ฉันชื่อโทโมะเพราะฉันเกิดในวันแห่งความรัก ^^”
วันแห่งความรัก? เอ้าแสดง ว่าอีกแค่พรุ่งนี้แล้ววันถัดไปก็วันเกิดเขาแล้วสิเพราะว่าวันที่ 14 กุมภาพันธุ์มันเป็นวันแห่งความรักนี่นาแล้วก็เป็นวันเกิดของเขาเลยนี่ ใช่มั้ย?
“วะ...วันวาเลนไทน์น่ะเหรอ?” เมื่อฉันถามแบบนั้นวีก็พยักหน้าเป็นคำตอบที่บอกว่า ‘ใช่’
“ตามจริงพ่อบอกว่าแม่จะตั้งชื่อฉันว่า ‘ไทน์’ แล้ว แต่ชื่อมันดูผู้หญิงไปหน่อยพ่อเลยเปลี่ยนเป็น‘โทโมะ’ ส่วนคำว่า ‘โมะ’ พ่อฉันย่อมาจากชื่อแม่ ‘มาซากิ’
“พ่อนายก็เข้าใจตั้งชื่อนะเนี่ย”
“แหงสิ ก็เป็นถึงอาจารย์นี่นาย่อมมีความคิดเป็นเลิศ ^^”
“อื้ม งั้น...นายก็...กินต่อเถอะ” ฉันบอกโทโมะแล้วหันหน้ากลับมาทางเดิมจากนั้นก็ถอนหายใจออกมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ
เอ...สงสัยที่ว่าอยู่ดีๆฉันก็อยากรู้ความหมายชื่อของโทโมะขึ้นมามันก็เหมือนจะ เป็นลางให้ฉันถามเขาทางอ้อมรึปล่าวว่ามันจะถึงวันเกิดเขาแล้วน่ะ...เอ... แล้วจะให้ของขวัญอะไรดีน้า
อืม มันก็คิดลำบากหน่อยอ่ะนะเพราะว่าฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ฉันกับโทโมะอยู่ในสถานะแบบ ไหนกันแน่ เพราะการที่จะให้ของขวัญใครสักคนอย่างเช่นเพื่อนเงี๊ยะ ฉันก็จะทำของขวัญให้เพื่อนด้วยตัวเองเพราะมันจะเป็นสิ่งที่มีแค่ชิ้นเดียวใน โลก แต่ถ้าเป็นกับโทโมะนี่...
ฉันจะทำอะไรให้เขาดีล่ะ? เพราะเราสองคนก็...เป็นเพื่อนก็ไม่เชิงเป็นแฟนก็ยังไม่ใช่ เพราะว่าโทโมะ...
‘แล้ว...โทโมะขอคบแกยัง?’
อยู่ดีๆคำถามของฟางมันก็ผุดขึ้นมาในหัวของฉันซะเฉยๆก็ไม่รู้เพราะอะไรแต่ว่า... ‘คบ’ งั้นเหรอ...
ฉันเองก็ไม่รู้หรอกนะว่าคนเราส่วนใหญ่การคบกันนี่มันหมายคือการที่เรา ต่างฝ่ายต่างชอบกันแค่นั้นเองเหรอ แต่ในความคิดฉันเองนะ...
ถ้าเกิดเราตัดสินใจที่จะคบกับคนๆนั้นมันก็คือความแน่ใจของเราเองแล้ว ล่ะว่าทั้งเราแล้วก็เขาต่างมีกันและกันและถ้าเขาขอคบแล้วเราตอบตกลงนั่นก็ คือเราไว้ใจเขาให้เขามาเป็น ‘คนสำคัญในชีวิตอีกคน’ โดยไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้นถ้าเราอยู่กับเขาแล้วมีความสุข
ซึ่งตรงนี้แหละที่ฉันสงสัยว่าทำไม?
อย่างเช่นจองเบกับคลอรีนเนี่ยแหละที่ดูเหมือนเขาสองคนรักกันมากๆแล้วสาเหตุอะไรที่คลอรีนบอกเลิกจองเบล่ะ? ฉัน เองก็กลัวตัวเองอยู่เหมือนกันว่าอาจจะมีอะไรบางอย่างมาทำให้ฉันเป็นแบบ คลอรีนถ้าในสักวันหนึ่งถ้าสมมุติว่าฉันกับโทโมะเกิดคบกันขึ้นมาจริงๆ
แต่...ฉันคิดว่ามันคงไม่มีวันนั้นหรอก...
เพราะฉันเป็นคนที่เชื่อมั่นในรักครั้งแรกและฉันก็คิดแล้วว่าตัวเองไม่สามารถ ชอบใครได้นอกจากโทโมะคนนี้เพียงคนเดียว ถึงแม้ว่ามันอาจจะงมงายแต่ฉันคิดแบบนั้นจริงๆนะ
ที่สำคัญ...ฉันก็ไม่อยากให้ความรู้สึกที่ฉันมีให้เขาและเขามีให้ฉันเปลี่ยนไปด้วย
ถึงแม้ว่าฉันเคยคิดที่จะลืมเขา แต่ฉันก็ทำไม่ได้นี่? ใช่มั้ย? ฉะนั้นฉันก็จะรอวันที่โทโมะมั่นใจว่าอยากจะดูแลฉันและให้ทั้งฉันและเขาเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันฉันก็จะรอ ‘คำขอนั้น’ จากเขาก็แล้วกัน ^^
อีกฝั่ง
ประมาณสามทุ่ม
“เมื่อไหร่พี่แก้วจะกลับมาล่ะพ่อ”
พิชชี่ ถามหลังจากที่นั่งดูหนังอยู่กับพ่อจบมาสองเรื่องแล้วแต่ทว่าแก้วพี่สาวของ เขาก็ไม่มีท่าทีว่าจะกลับมาที่บ้านสักทีหลังจกาที่ออกไปบ้านโทโมะมานานนับชั่วโมงแล้ว แถมคุณพ่อแสนรักที่นั่งอยู่ข้างๆก็ดูเหมือนว่าจะไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรเลยที่ลูกสาวยังไม่กลับมาบ้านสักที
เพราะว่านี่มันก็เป็นเวลาประมาณเกือบๆสามทุ่มแล้วสิน่า
“ช่างพี่เขาเหอะน่า”
“พ่อไม่หวงพี่แก้วเลยเหรอครับเนี่ย’’ พิชชี่เอ่ยแล้วมองหน้าพ่อตัวเองอย่างจะเอาคำตอบ
เห๊อะ! ถึง แม้ว่าเจ้าเด็กคนนี้จะแค่ 8 ขวบ แต่ก็แสบใช่ย่อยแถมนิสัยนี่ต่างจากพี่สาวแบบคนละขั้วเลยเหอะ แล้วถ้านึกถึงตอนที่เขาโตขึ้นมันจะเป็นยังไงนะ?
“หวงสิแต่ยกเว้นพี่โทโมะคนหนึ่ง ^^”ผู้เป็นพ่อพูดแล้วหันมายักคิ้วให้ลูกชายตัวน้อยสุดรัก
“หมายความว่าพ่อจะให้พี่โทโมะเป็นพี่เขยผมเหรอครับ? O_O???”
“แหม่ ไอ้ลูกชายคนนี้นิทำไมมันรู้มากจังเลยนะ ฮึ?”ด้วยความหมั่นไส้พิชชี่เลยโดนพ่อจับขยี้หัวอย่างหมั่นเขี้ยวในทันใด
“ก็ผมเป็นลูกพ่อวิชัยไง ^___^”
“อ่าๆๆ ไม่ต้องพูดแล้ว ขึ้นไปนอนไปพรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียน”
เมื่อ พิชชี่ได้ยินพ่อของตัวเองพูดบอกแบบนั้นก็ถึงกับหน้าหงิกไปเลยเพราะเหมือนกับ ว่าโดนพ่อไล่ทั้งๆที่ตัวเองยังอยากจะอยู่ตรงนี้ต่อเพราะอยากอยู่รอพี่สาวของตัวเอง แต่ด้วยความพยายามอยากจะอยู่ต่อพิชชี่จึงหาเรื่องพูดขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง
“อ้าวพ่อ แล้วพ่อไม่ไปตามพี่แก้วหน่อยเหรอ”
“จะไปตามทำไมเล่า ><;;;”
“ก็พรุ่งนี้พี่แก้วก็มีเรียนนี่ครับ”
“เหอะน่า ไม่ต้องแก้วพี่เขาหรอกเดี๋ยวพ่อดูเอง ขึ้นไปนอนได้แล้วไป >O<!”
“พ่อพูดเหมือนไม่กลัวพี่แก้วเสียหายเลยอ่ะ=^=” พิชชี่พูดก่อนจะเดินลุกออกไปจากตรงนี่ท่ามกลางเสียงบ่นของคุณพ่อของเขา
“เสียหายอะไรเล่า! พี่โทโมะเขาไม่ใช่คนแบบนั้นนะพิชชี่! >O<!!!” คุณพ่อตะโกนตามหลังพิชชี่ไปก่อนจะครุ่นคิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง “เอ...ไม่ม้างงงง โทโมะออกจะเป็นเด็กเรียบร้อย ( งั้นเหรอคะพ่อ = =;;; )”
หึ ความหวังของผู้เป็นพ่อทุกคนก็คืออยากได้คนที่จะมาดูแลลูกสาวเพียงคนเดียวของ ตัวเอง และก็คงจะหวังว่าพ่อของแก้วคนนี้คงจะคิดถูกนะที่อยากจะให้ผู้ชายที่มีนาม ว่า ‘นายวิศวะ ไทยานนท์’ คนนี้มาเป็นลูกเขยในอนาคตของเขาน่ะ ^__^
“อิ่มยัง”ฉันโทโมะที่ตอนนี้กินข้าวผัดหมดจานไม่เหลือข้าวเลยสักเม็ดเดียว
อื้อหือออออ มันอร่อยขนาดนั้นเลยเรอะ?
“แล้วถ้าบอกว่าไม่อิ่มอ่ะ”โทโมะบอกก่อนจะเอาลิ้นมาเลียนปากตัวเองช้าๆเหมือนว่าจะเก็บรสชาติอาหารที่ยังคงติดอยู่ตรงริมฝีปากของตัวเองให้หมด
แต่พอฉันเห็นเนี่ยสิมันดูสยิวยังไงไม่รู้จนฉันต้องหลุบสายตาลงต่ำทันที (_////_);;;
“ไม่อิ่มก็ทำกินเองละกัน นี่สามทุ่มแล้วเราก็ควรจะกลับได้แล้ว” ฉัน รีบบอกโทโมะเมื่อก้มดูนาฬิกาข้อมือของตัวเองก่อนจะลุกขึ้นแล้วเก็บจานข้าวที่โทโมะกินหมดแล้วและหันหลังเดินตรงไปยังห้องครัวเพื่อเอาจานล้างตรงท็อปครัว
“ก็ฉันบอกว่าไม่อิ่มอ่ะ”เสียงโทโมะที่พูดขึ้นจากทางด้านหลังซึ่งฉันคาดว่าเขาคงจะเดินมากินน้ำล่ะมั้งแต่ก็ยังมิวายพูดเหมือนอยากจะให้ฉันทำครัวให้เขากินอีก
ให้ตายสิคิดแล้วก็ได้แต่กรอกตาขึ้นลง = =;;;
“ก็บอกแล้วว่าถ้าหิวก็ทำกินเองเราจะกลับบ้านแล้ว”
“ก็ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าหิวข้าว...”
เฮือก...
O///////O
ฉัน ตกใจเมื่อโทโมะเอามือสองข้างมากอดคอฉันเอาไว้จากทางด้านหลังขณะที่ฉันกำลังล้าง จานอยู่ ไม่แค่นั้นเพราะโทโมะเอาหน้าของเขามาเกยไว้ตรงแขนที่เขาใช้กอดตรงคอฉันอีกแถม ปลายจมูกนี่เฉียดเข้าที่แก้มฉันหน่อยๆแล้วเหอะ อ๊ากกกกก อยากจะบ้าตายกับผู้ชายคนนี้จริงเลยนะ >//////////<
“...”
“จะไม่ถามฉันหน่อยเหรอว่าฉันหิวอะไร”โทโมะบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเพราะเขากระพูดกระซิบอยู่ข้างหูฉันนี่เอ๊งงงงง
“มะ...ไม่ เราไม่อยากรู้”ฉันบอกโทโมะและพยายามปรับน้ำเสียงให้ดูเป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่ให้ตายเหอะคำถามนั้นมัน...มันก็แค่คำถามรึปล่าว?
แล้วทำไมใจฉันต้องเต้นแรงด้วยเนี่ย?
“แต่ฉันอยากบอก...”
“ก็เราบอกว่าเราไม่อยากรู้ไง นายเองก็ปล่อยเราได้แล้ว” เมื่อฉันล้างจานเสร็จฉันก็บอกโทโมะแต่โทโมะก็ไม่ทำตามที่บอกเพราะเขายังคงเอาคางเงยไว้ตรงแขนของตัวเองนิ่งๆไม่ได้พูดอะไร
“หิวแก้วจัง...”
หา!?! อะ...อะไรนะ?!
“นะ...นายพูดอะไรของนายเนี่ย” ตอนนั้นฉันพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆเพราะว่าไม่คิดว่าโทโมะจะพูดจาทำให้ฉันคิดลึกถึงเพียงนี้แถมเขาพูดแบบกระซิบอยู่ข้างหูฉันอีก
บ้าจริง! โทโมะเมาอะไรมารึปล่าวเนี่ย? หรือว่าเพราะเขาป่วยเลยพูดแบบนี้ออกมากันแน่?
“หึ ล้อเล่นแค่นี้ทำเป็นตื่นเต้นไปได้” โทโฒะหัวเราะในลำคอเหมือนจะบอกว่าฉันคิดลึกไปไกล
แปะ!
“ล้อเล่นบ้าอะไรแบบนี้เราก็คิดลึกสิ” ฉันเผลอหันหน้าไปมองโทโมะก่อนจะเอามือตีมือที่เขาใช้ก่อนคอฉันอยู่
แต่ด้วยความที่ว่าลืมไปว่าหน้าโทโมะใกล้กับหน้าของฉันมากเพราะว่าเขากำลังมอง ฉันอยู่ปลายจมูกเราจึงชนกันโดยที่ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็น แต่ไม่รู้ว่าตัวฉันเหมือนโดยโทโมะสะกดจิตกันทางสายตาหรืออย่างไรฉันจึงไม่ได้ละ สายตาหรือผละใบหน้าของตัวเองออกไปจากใบหน้าของเขาเลยสักนิด
ยิ่งไปกว่านั้น...ฉันยิ่งรู้สึกว่าโทโมะยิ่งเอาปลายจมูกของตัวเองมาเตะที่ปลายจมูกของฉันเรื่อยๆ
“นะ...นายจะทำอะไร”
“ลงโทษ” โทโมะบอกแต่เขาก็ยังไม่ได้ละใบหน้าตัวเองออกไปเลยแม้แต่นิดเดียว
หือ? ลงโทษ?
เอ่อ...ฉันไปทำอะไรผิดตอนไหนกันล่ะเนี่ย =[]=?
“ลงโทษเราเรื่องอะไรอ่ะ” ฉันถามแล้วขมวดคิ้วเข้าหากันเพราะว่างงกับคำพูดของโทโมะ
“ก็เรื่องที่ไปยืนคุยกับไอ้มิณท์เน่านั่นไง”
“เขาชื่อมิณท์เฉยๆ = =;;;”
“แต่ฉันจะเรียกมิณท์เน่า - -!”โทโมะบอกก่อนจะจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของฉันจากนั้นเขาก็พูดขึ้น “แล้วเธอกับมันคุยอะไรกัน”
“จะรู้ไปทำไมล่ะ O_O?”
จึก!
“ - -!”
ให้ตายเหอะ! นี่ฉันพูดเพื่อฆ่าตัวตายหรือยังไงกันนะ! ><!
เพราะว่าโทโมะทำหน้าตาดุขึ้นมาทันทีที่ฉันพูดแบบนั้น โธ่! ไม่น่าเลยแก้ว YOY! นี่ฉันจะโดนเขาทำอะไรบ้าๆมั้ยเนี่ย? อย่าเลยนะเพราะแค่นี้ฉันก็เสียเปรียบเขามากอยู่แล้วอ่ะ เออใช่สิ๊! เขามันทั้งสูงกว่า แข็งแรงกว่า เพราะว่าเป็นผู้ชาย ส่วนฉันมันก็แค่ผู้หญิงแห้งกรอบดูไม่มีพละกำลังใด ( เอิ่มมมมม = =;;; )
แล้วจะไปต่อกรอะไรกับเขาได้เล่า >^<!
“อึก...”ฉัน มองหน้าโทโมะนิ่งๆก่อนจะกลืนน้ำลายลงคออย่างกล้าๆกลัวๆเพราะตอนนี้โทโมะมองฉันด้วย สีหน้าที่นิ่งมากจนรับรู้ได้ถึงความไม่ปลอดภัยต่อตัวเองซะแล้วสิ
“จะบอกไม่บอก”โทโมะถาม
“บอกอะไรเล่า ก็เรากับมิณท์ก็คุยกันปกติ”ฉันพูดบอกโทโมะไปตามความจริงแต่ว่าโทโมะเนี่ยสิทำหน้าตาเหมือนไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่
อะไรของเขาเนี่ย? ก็บอกไปแล้วทำไมต้องหรี่ตามองแบบนั้นด้วย แต่ก็ช่างเขาเหอะ! เพราะฉันกับมิณท์ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยนี่นาเพราะเราสองคนก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
แต่ที่โทโมะไม่ค่อยอยากเชื่อเพราะคิดว่ามิณท์คงจะชอบฉันอยู่ล่ะมั้ง?แต่มิณท์ก็บอกกับฉันแล้วว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดีกับฉันได้เพราะเขารู้ว่าถึงพยายามอะไรต่อไปฉันก็มองเขาเป็นเพื่อนที่แสนดีคนหนึ่ง...
“แล้วทำไมตอนคุยกับมันหน้าเธอแลดูสดใสผิดปกติ”
“เอ๋า? คุยกับเพื่อนมันก็ต้องคุยสีหน้าสดใสสิ นายจะไปให้เราหน้าบึ้งเป็นตูดหมึกใส่มิณท์รึไงกัน = =?”
“เออ”
“จะเพ้อรึไง”
“ไม่เพ้อหรอก เพราะฉันไม่ชอบ จบป้ะ?”
“ไม่ชอบก็เรื่องของนายละกัน แล้วก็เอาแขนนายออกจากคอเราเลย เราจะกลับบ้านแล้ว” ฉันบอกแต่โทโมะก็ไม่ยอมทำตามและตอนนั้นแหละที่ฉันเอามือตัวเองจับแขนของโทโฒะที่กำลังกอดคอของตัวเองเอาไว้ทั้งสองข้างออก
และโทโมะที่ไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยฉันจึงทำให้ตัวเองเป็นอิสระจากเขาได้โดย ง่าย ฉันก็มองโทโมะเพียงแว๊บเดียวก็ที่จะเดินออกไปจากตรงนี้แต่โทโมะเนี่ยสิก็วิ่งมา คว้ามือของฉันเอาไว้จากทางด้านหลังก่อนที่ฉันจะเดินผ่านท็อปครัวไปเสียอีก
หมับ!
“เดินหนีเหรอ?” เขาถาม
“ปล่าว เราแค่จะกลับบ้าน” ฉันหันไปบอกโทโมะแล้วมองเขานิ่งๆ
“บ้านเธอมันไม่หนีไปไหนหรอกน่า จะรีบกลับทำไมก็ไม่รู้”
“แล้วนายจะเราอยู่ทำอะไรที่บ้านนายต่อล่ะ?”
ไม่ รู้ว่าคำถามนี้มันไปกระตุกต่อมความคิดอะไรของโทโมะเข้า เพราะเมื่อเขาได้ยินมันโทโมะก็หยักยิ้มที่มุมปากก่อนจะมองสำรวจฉันตั้งแต่หัว จรดเท้าและก็เอาสายมามองที่ใบหน้าของฉันที่กำลังมองเขาอย่างงงๆอยู่อีกรอบ หนึ่ง
“ทำอะไรอย่างงั้นเหรอ?”โทโมะ เค้นเสียงถามก่อนที่เขาจะทำในสิ่งที่ฉันไม่ทันตั้งตัวก็คือการที่ดันร่างของ ฉันให้ไปติดตรงขอบของท็อปครัวใกล้ๆ และนั่นแหละฉันถึงตกใจจนเบิกตากว้าง
“จะทำอะไรเนี่ย?”
ฉันถามโทโมะด้วยความตกใจเมื่อเขาเอามีทั้งสองข้างมาจับไว้ตรงขอบท็อปครัว เหมือนจะขังฉันเอาไว้ตรงนั้นจนฉันไม่สามารถที่จะขยับไปไหนได้ขณะที่มือของ ตัวเองก็ได้แต่เอากุมประสานกันเอาไว้เพราะว่าตอนนี้มือมันสั่นมากๆแถมหัวใจ ข้างในก็เต้นรัวๆและรับรู้ได้เลยว่าตอนนี้เหงื่อบนหน้าฉันกำลังผุดซึมขึ้นมา
“ถามหน่อย...”โทโมะพูดแล้วโน้มหน้าของตัวเองลงมาหาฉันช้าๆจนฉันต้องค่อยถอยหน้าหนีแถมตัวเองก็เอนตัวไปด้านหลังโดยไม่รู้ตัวอีก
แต่ทำแบบนั้นไปก็ปล่าวประโยชน์เพราะถอยหน้าหนีก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยจริงๆ =////=
“ถะ...ถามอะไร”
“ฉันจะถามว่า...ตอนที่ฉันทำกับเธอแบบนี้เธอรู้สึกยังไง”โทโมะถามแล้วมองมาที่ฉันตรงๆแต่ฉันเนี่ยสิไม่รู้จะตอบยังไงเลยจริงๆ
“เอ่อ...เรา...”
“ฉันทำแบบนี้แล้วใจเธอเต้นแรงมั้ย?”
ตึกตัก ตึกตักๆๆๆๆ
“อะ...อื้ม” สุด ท้ายฉันก็ต้องพยักหน้าบอกโทโมะไปตามตรงว่าตอนนี้หัวใจของตัวเองกำลังเต้นแรง เพราะเขาจริงๆ และบอกเลยว่า ณ ตอนนี้ฉันไม่อยากจะสบตากับโทโมะเลยเพราะมันยิ่งทำให้ตัวเองหน้าแดงและร้อนวูบ
แต่เหมือนยิ่งไม่อยากมองก็กลับหลบเลี่ยงสายตาไปทางอื่นไม่ได้...
โทโมะที่เห็นแบบนั้นจึงหรี่ตามองฉันก่อนหน้าโน้มหน้าลงมาใกล้มากกว่าเดิม
“อืมมม งั้นฉันก็อยากรู้อีกข้อนึงว่า...ถ้าฉันทำแค่นี้ใจเธอยังเต้นแรง”
“...”
“แล้วถ้าฉันทำแบบนี้หัวใจเธอมันจะเต้นแรงมากกว่านี้รึปล่าว...”
หลังจากจบคำพูดนั้นโทโมะก็จัดการจูบเข้าที่ริมฝีปากของฉันช้าๆราวกับเขา ต้องการที่จะรับรู้ถึงความรู้สึกและระดับการเต้นของหัวใจของฉัน ส่วนมือทั้งสองข้างที่ฉันเอากุมประสานกันเอาไว้ในตอนนี้มันก็เริ่มคลายออก จากกันในที่สุดเพราะสัมผัสของโทโมะในตอนนี้มันช่างเชื่องช้าราวกับจะค่อยๆฆ่า กันให้ตายอย่างไม่ต้องออกแรง
และเพราะว่าในบ้านนี้มันเงียบมากจึงทำให้ฉันได้ยินเต้นหัวใจของตัวเองกับของ โทโมะเริ่มเต้นแรงขึ้นเมื่อโทโมะเริ่มกดริมฝีปากของเขาลงมาหนักขึ้นแต่ก็ไม่ได้ รุนแรงอะไร ตอนนั้นแหละฉันจึงหลับตาลงแล้วยอมรับสิ่งที่เขามอบให้อย่างไม่มีการทักท้วง อะไรใดๆทั้งสิ้นเหมือนโดนมนต์สะกดให้ต้องรับจุมพิตนั้นโดยไม่มีข้อแม้แต่ อย่างใด
“อึก...” ฉันเริ่มหายใจติดขัดในตอนนั้นแต่โทโมะก็ไม่มีท่าทีว่าเขาจะละริมฝีปากของตัวเองออกจากริมฝีปากของฉันเลยแต่น้อย
และด้วยความที่ฉันหลับตาอยู่นั้นก็สัมผัสได้ว่ามือของโทโมะมาจับท้ายทอยของฉัน เอาไว้ทั้งสองข้างจากนั้นเขาก็จัดการกดริมฝีปากลงมาอีก ตอนนั้นแหละที่ขาของฉันเริ่มเย่งขึ้นมาเพราะเหมือนว่าจะหายใจไม่ออก มือของฉันทั้งสองข้างเลยเผลอเอาไปจับแขนโทโมะเอาไว้อย่างแน่น
และเนิ่นนานที่โทโฒะจูบฉันซ้ำอยู่แบบนั้นโดยไม่ละริมฝีปากออกห่างเกิน 3 วิเลย จนกระทั่งสุดท้ายเขาคงคิดว่าฉันเริ่มเหมือนคนหมดแรงเข้าไปทุกทีโทโมะจึงหยุดการ กระทำนั้นก่อนจะเอาหน้าของตัวเองออกห่างจากฉันเหมือนให้ฉันได้สูดหายใจเข้า เต็มปอดหลังจากที่เกือบขาดอากาศหายใจเพราะจูบของเขา
“จะฆ่ากันรึไง” ฉันถามโทโมะขณะที่สูดหายใจเข้าจนหายจะอาการหอบเมื่อกี้
“หึ ทำเหมือนกับนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันจูบเธออย่างงั้นแหละน่า” โทโมะบอกก่อนจะเอามือสองข้างที่จับท้ายทอยฉันขึ้นมาจับไว้ที่แก้มจนฉันจากที่แก้มร้อนอยู่แล้วก็ยิ่งร้อนเข้าไปอีก
“แต่ครั้งนี้นายเหมือนอยากฆ่าเราให้ตายคาห้องครัวบ้านนายเลยนี่”
“แค่นี้ไม่ตายหรอกน่า ถึงยังไงซะฉันก็ได้ยินเสียงหัวใจของเธอเต้นดังตุบๆๆ มากกว่าครั้งไหนๆแล้ว มันก็น่าดีใจไม่ใช่เหรอ?”โทโมะถามยิ้มๆแล้วยักคิ้วขึ้นข้างนึงเพื่อเป็นเชิง
“...”
“ไอ้จูบเมื่อกี้อ่ะคือแค่จูบวัดระดับการเต้นของหัวใจ แต่จูบนี้อ่ะ...”โทโมะบอกก่อนจะเอาริมฝีปากของเขามาแตะซ้ำเบาๆที่ริมฝีปากของฉันอีกรอบก่อนจะถอนมันออกไปอย่างแผ่วเบา “มันคือ...จูบราตรีสวัสดิ์”
“งะ...งั้นเหรอ (_////_);;;”
ตอน นั้นฉันก้มหน้าลงแล้วเอามือยกเกาที่ต้นคอของตัวเองแล้วยิ้มเจื่อนๆแก้เขินโทโมะ ที่กำลังมองมายิ้มๆ อ่า...ให้ตายสิทำไมเขา....น่ารักแบบนี้นะ ^////////^
“...”
“งั้นนายก็ราตรีสวัสดิ์เช่นกันนะ”
“แค่เนี๊ยะ?”
“แล้วจะให้เราทำอะไรอีกอ่ะ เมื่อกี้เราก็เกือบขาดอากาศเพราะนายนะ Y^Y” ฉันพูดขอความเห็นจากโทโมะจนโทโมะที่เมื่อกี้ที่หน้าบูดนิดๆก็พยักหน้าเป็นทำนองว่า ‘ไม่ขออะไรก็ได้’ ประมาณนั้นน่ะ
“งั้น...ฉันเดินไปส่งเธอหน้าบ้านนะ”
“...อื้ม” ฉันตอบโทโมะยิ้มๆก่อนจะเดินออกมาจากห้องครัวโดยที่มีโทโมะเดินตามมาส่งถึงหน้าบ้านของตัวเอง
ให้ตายสิ สงสัยว่าคืนนี้ฉันคงจะนอนหลับฝันดีซะแล้วล่ะมั้ง? และก็ขอให้โทโมะฝันดีเช่นกัน ^^//
‘ ท่ามกลางความรู้สึกหลากหลายในใจที่มันเริ่มก่อตัวหนักขึ้นของเขาทั้งสองคน
บัดนี้ความในใจได้เปิดเผยชัดเจน เลยทำให้เขาทั้งสองรู้สึกอบอุ่นหัวใจ
และหวังว่าคืนนี้พวกเขาคงจะ...หลับฝันดี...’
___________________________________________________________________อัพตามคำขอแล้วนะจ้ะ ช่วงนี้มีความสุขกันมากนะจ้ะใกล้จะถึงช่วงเครียดแล้วนะรู้ป่าวว T^T เม้นกันหน่อยยย
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ