Stop หยุดหัวใจนายเย็นชา

9.6

เขียนโดย NannyCandy

วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.18 น.

  43 chapter
  860 วิจารณ์
  68.41K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

31) - Bloom Flower - ( ดอกไม้ที่ผลิบาน )

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

- Bloom Flower -

( ดอกไม้ที่ผลิบาน )

 

 

วันจันทร์

 

 

คาบเช้า

 

 

“ย๊าก...จริงอ้ะ?” ฟางและดูตื่นเต้นเมื่อถามฉันถึงเรื่องของโทโมะว่าเมื่อวานเห็นฉันเหมือนๆจะไปไหนกับโทโมะในตอนที่มันเดินมาหน้าร้านมาเจอเข้าพอดี

 

 

          ฉันก็เลยเล่าให้ฟังจนหมดเปลือกเลยว่าโทโมะบอกฉันว่าอะไรบ้าง...และมันก็เป็นแบบ ที่เห็นเนี่ยแหละว่าอาการของฟางนี่แทบจะบิดตัวเป็นโรตีอยู่แล้ว = =;;;

 

 

          แต่เราสองคนคุยกันเบาๆเพราะกลัวเพื่อนในห้องได้ยิน แต่แลตอนนี้ทุกคนคงไม่ได้สนใจอะไรหรอกเพราะมัวแต่นั่งเม้าท์มอยเรื่องต่างๆ นาๆเสาร์อาทิตย์ของตัวเองว่าไปทำอะไรกันมาบ้างน่ะเพราะอาจารย์ยังไม่เข้ามา สอนเลยนี่ก็ผ่านไปราวๆ 15 นาทีในวิชาแรกของวันนี้เห็นจะได้

 

 

        อืม...แต่ไม่อยากจะบอกเลยว่าเสาร์อาทิตย์ของฉันที่ผ่านมานี่มัน รู้สึกดีมากๆเลยนะ เหมือนชีวิตของตัวเองเริ่มกลับมาสดใสเหมือนเดิมแล้วยังไงไม่รู้สิ ^^

 

 

         ซึ่งฉันเองก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน...

 

 

“แกย้ำฉันอีกทีดิ๊ อยากรู้ว่าตอนนี้ฉันไม่ได้ฝันใช่ป่ะ?”

 

 

“อื้ม”ฉันพยักหน้าเพื่อจะย้ำฟางอีกครั้งว่าที่เล่ามาทั้งหมดมันคือเรื่องจริง

 

 

      แต่แลดูฟางจะดีใจออกนอกหน้าเสียเหลือเกินนะที่รู้ว่าโทโมะบอกชอบฉันน่ะ = =;;;

 

 

“แล้วโทโมะ...ขอคบแกยัง O_o???” ฟางเอาหน้าเข้ามาใกล้ๆแล้วถามฉันด้วยความสงสัยสุดๆเหมือนว่าลุ้นมาก

 

 

“หึ”แต่เมื่อฉันตอบแล้วส่ายหน้าเท่านั้นแหละข้อศอกที่ฟางตั้งแล้วเอาเท้าคางตัวเองก็หักลงเหมือนว่า ‘อุตส่าห์ลุ้น ’ อะไรทำนองนั้นน่ะ

 

 

“ทำไมไม่ขอคบวะ...”

 

 

“อะไรนะ? O_O?” ฉันถามฟางเพราะว่าไม่ได้ยินเนื่องจากฟางพูดแบบเสียงแหบๆ

 

 

“ปล่าวๆเมื่อกี๊เหมือนจะไอเฉยๆ”ฟางบอกแล้วเมินหน้าไปทางอื่นเหมือนว่าไม่อยากสบตาฉัน

 

 

           อะไรของมัน = =;;;

 

 

   

สักพักต่อมา...

 

 

“พวกเรา! ฟังๆๆๆทางนี้หน่อยจ้า ^O^//”

 

 

ปึงๆๆๆๆ

 

 

ขวับ!

 

 

O_O?

 

 

       เพื่อนๆในห้องที่กำลังนั่งคุยเม้าท์มอยอะไรต่างๆนานจำต้องหยุดคุยแล้วเงียบเสียงลงเพราะหัวหน้าห้องอย่าง ‘ปังปอนด์’ เอ่ย ขึ้นแล้วเอามือเคาะๆกระดานหน้าห้องให้ทุกคนหันไปสนใจเธอ ในขณะที่เธอกำลังยืนถือแฟ้มสีดำเอาไว้ในมือซึ่งมันเป็นอะไรที่เห็นกันจนชิน ตาแล้วล่ะที่ว่าวันไหนปังปอนด์ไม่ถือแฟ้มนั้นคงจะเป็นเรื่องที่แปลกสุดๆ

 

 

      ก็เธอดันเป็นสาวน้อยเจ้าระเบียบที่สามารถคุมเพื่อนๆในห้องอยู่ยังไง ล่ะ  และฉันก็คิดนะว่าเธอก็เหมาะสมสุดๆกับตำแหน่งหัวหน้าห้องนี้แล้วแหละ ^^

 

 

“มีอะไรอ่ะปอนด์”เพื่อนผู้ชายในห้องตะโกนถาม

 

 

“วัน นี้อาจารย์เมย์ฝากมาบอกว่าอาจารย์จะไปทำธุระกับทางฝ่ายวิชาการให้พวกเราอยู่ ในห้องเงียบๆจนกว่าจะหมดคาบถ้ามีงานค้างอะไรก็เอาขึ้นมาทำซะแล้วก็...เวรวันนี้เลิกเรียนแล้วทำความสะอาดห้องด้วยเข้าใจตรงกันนะ”

 

 

“โห่ อาจารย์ไม่มาก็ว่างวิชานี้ตั้ง 3 ชั่วโมงเลยดิ อยู่ในห้องเบื่อตายพอดีกัน” เพื่อนกลุ่มผู้ชายเอ่ยอย่างเซ็งๆเมื่อยอมรับว่าไม่ค่อยได้ที่จะต้องอยู่แต่ในห้องเรียนจนหมดคาบ

 

 

“ถ้ากลัวเบื่อก็หาอะไรขึ้นมาทำสิ”ปังปอนด์บอก “เพราะถ้าพวกนายออกไปนอกโรงเรียนแล้วไปก่อเรื่องอะไรจะทำไง”

 

 

“ไม่หรอกน่า >O<!”

 

 

“ไม่เชื่อ! อาจารย์ สั่งมาก็ต้องทำตามสิ  ถ้าพวกนายออกไปนอกโรงเรียนแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นไม่ใช่แค่กลุ่มพวกนายนะที่ ต้องรับผิดชอบ แต่เพื่อนๆในห้องรวมถึงอาจารย์ประจำวิชาก็ต้องโดนด้วย คิดบ้างดิ ><!”

 

 

“เออๆๆๆ อยู่ในห้องก็ได้วะบ่นจริง ><!” และสุดท้ายกลุ่มพวกเพื่อนผู้ชายก็ต้องจำยอมอยู่ในห้องเรียนนี้อย่างไม่มีข้อแม้แต่อย่างใด

 

 

“แล้วนี่...มีใครสงสัยอะไรอีกมั้ย?”

 

 

เงียบ...

 

 

“...”

 

 

“โอเค สรุปคือไม่มีนะ”

 

 

      เมื่อปังปอนด์เห็นแบบนั้นก็เดินออกจากห้องนี้ไปซึ่งคาดว่าเธอคงจะไป ตึกวิชาการเหมือนอย่างทุกๆวันแหงๆ และเธอเป็นคนเดียวภายในห้องนี้ที่มีเวลาว่างน้อยที่สุดเพราะว่างานทาง วิชาการที่จะส่งต่อมายังหัวหน้าห้องนั้นเยอะพอสมควร แต่ยังไงซะปังปอนด์ก็ยังคงแบ่งเวลาได้ดีเสมอแถมเธอนี่เรียนเก่งที่สุดในห้อง นี้อีกด้วย

 

 

      ซึ่งนั่นถือเป็นอะไรที่เข้มแข็งมาก เพราะฟางเคยบอกว่าตั้งแต่ขึ้น ม.4 มา ปังปอนด์ก็เป็นหัวหน้าห้องมาโดยตลอดเพราะว่าเพื่อนๆโยนให้ตลอดทุกครั้งเลย ยังไงล่ะ

 

 

“แก้ว...” ฟางสะกิดฉันแล้วทำหน้านิ่วคิ้วขมวด

 

 

“เป็นไร?”ฉันถามด้วยความเป็นห่วงแต่คำตอบที่ได้กลับมาคือ...

 

 

“ฉันปวดฉี่ว่ะ ไม่ไหวแล้ว พาไปห้องน้ำหน่อยดิ Y^Y”

 

 

        แหม่ = =;;;

 

 

“เอ๋า ปวดก็ไปดิ ไปๆๆ เดี๋ยวไปส่ง เฮ้อแกนี่จริงๆเลย” ฉันบ่นฟางหน่อยๆก่อนจะลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ของตัวเอง

 

 

      ที่บ่นนี่ไม่ใช่อะไรหรอกก็เพราะฟางชอบอั้นฉี่บ่อยๆรอนานๆถึงค่อยมาบอกกัน แล้วถ้าเกิดทำแบบนี้ต่อไปแล้วเกิดเป็นนิ่วจะทำยังไงเนี่ย = =;;;

 

 

“นี่จะไปไหนกันเนี่ย” เพื่อนผู้หญิงที่นั่งอยู่โต๊ะหน้าหันมาถามเมือเห็นว่าฉันกับฟางลุกขึ้นยืน

 

 

“พาฟางไปห้องน้ำน่ะ” ฉันบอกก่อนจะรีบจับมือฟางแล้วพาเดินออกมาจากห้องเรียนเพราะดูจากอาการแล้วคงจะปวดมากจริงๆ “แกเนี่ยน้า ฉันบอกกี่ครั้งแล้วววว ว่าปวดฉี่ให้บอก เดี๋ยวก็เป็นนิ่วหรอก ”

 

 

“ก็กำลังจะบอกเว้ย แต่เห็นปังปอนด์เหมือนมีเรื่องสำคัญจะพูดเลยกลั้นไว้รอฟังก่อน” ฟางหันมาบอกฉัน

 

 

“อ้าวววว พวกเราเจอใครเข้าเนี่ยยยย”

 

 

จึก!

 

 

       ฉันกับฟางที่เดินๆไม่ได้มองข้างหน้าว่าพวกเคโอติคกำลังเดินสวนมาจึงจำต้องหยุด ชะงักและเหมือนว่าพวกนั้นจงใจจะเดินดักหน้ายังไงก็ไม่รู้สินะแถมฉันยังเห็นโทโมะมองฉันยิ้มๆด้วย อ๊าก! หลบไปหน่อยได้มั้ยเนี่ย? เพื่อนฉันฉี่จะแตกแล้ววววว >O<!!!!!!

 

 

       และตอนนี้ฉันไม่มีเวลามาใจเต้นแรงอะไรทั้งนั้นแหละ ห่วงฟางมากกว่า =[]=!

 

 

“ขอทางหน่อย” ฉันบอกก่อนจะหันไปมองฟางที่กัดปากตัวเองแล้วนิ่วหน้าเหมือนว่า ‘จะไม่ไหวแล้ววววว’ 

 

 

“นี่! หลีกได้มั้ยเนี่ย?”ฟางบอกอย่างสุดทน

 

 

      แต่หากทว่าคนที่ยืนดักหน้าเธออยู่นั้นคือป๊อปปี้นั่นเอง!

 

 

“รีบอะไรนักหนาวะ” ป๊อปปี้เอ่ยแล้วขมวดคิ้ว

 

 

“เรื่องของฉัน! หลีกๆๆๆ” ฟาง บอกแล้วดันป๊อปปี้กับเพื่อนของเขาให้ออกไปแล้วรีบพาฉันเดินฝ่าพวกเขาไปอย่าง รวดเร็วแต่ในจังหวะนั้นนั่นเองที่ฉันดันหันไปมองโทโมะเข้าจังๆ

 

 

      และสายตาโทโมะก็เหมือนกับว่าสงสัยหน่อยๆว่าฟางกับฉันทำไมดูรีบๆจังแฮะ แต่ฉันก็ไม่ทันได้ตั้งตัวเลยฟางก็ดึงแล้วพาฉันวิ่งลงบันไดไปข้างล่างเสีย ก่อน

 

 

   

ห้องน้ำ

 

 

“โล่งเลยดิ” ฉันบอกเมื่อเห็นว่าฟางเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยความสบายใจ

 

 

“อืมดิ ให้ตายเหอะ พวกนั้นก็จะมาเดินดักทำไมก็ไม่รู้ฉันนี่แทบจะกลั้นไม่ไหวอ่ะ ><!”

 

 

“เพราะป๊อปปี้รึปล่าวนะเนี่ย ^^” ฉันแกล้งหยอดแต่พอฟางได้ยินนี่ถึงกับแบบมองหน้าฉันแบบเคืองเลยทีเดียวฮ่าๆ

 

 

“ไอ้แก้ว! เดี๊ยะๆๆ นับวันนี่แกยิ่งดื้อใส่ฉันนะ”

 

 

“ป๊อปปี้เขาก็น่ารักดีออก”

 

 

“ตรงไหน?” ฟางเค้นเสียงถามทันที “นี่จะบอกให้นะต่อให้โลกนี้มีผู้ชายแบบหมอนี่เพียงคนเดียวอยู่บนโลก ฉันก็ไม่เอาเป็นพ่อพันธุ์ให้ลูกฉันหรอก นิสัยเสียแบบนั้นน่ะ ชิ! >^<!”ฟางบ่นยาวเป็นชุดว่าไงซะป๊อปปี้ก็ไม่มีทางจะเป็นคนที่ฟางชอบอย่างแน่นอน 

 

 

           แต่...การที่ฟางพูดแบบนี้มันเหมือนกับปิดกั้นตัวเองนะ  แต่คงจะเป็นเพราะเวลาที่ป๊อปปี้เจอกับฟางแล้วสองคนนี้ชอบทะเลาะกันทุกๆครั้ง มันเลยเกิดเป็นความ ‘ไม่ชอบ’ ล่ะมั้ง?

 

 

      และ ถ้าเกิดวันไหนป๊อปปี้หายไปจากชีวิตของฟาง ถ้าฉันเป็นฟางนะ  ฉันคงจะ...เหงาน่าดูเลย เพราะทะเลาะกันประจำถ้าวันไหนเขาคนนั้นหายไปก็เหมือนกับว่าคนที่เราผูกพันธ์ แบบไม่รู้ตัวอยู่ลึกๆมาหายไปเฉยๆเหงาตายเลย  และถึงวันนั้นฟางก็คงจะรู้เองแหละว่าตัวเองรู้สึกยังกับป๊อปปี้

 

 

         แต่ฉันก็ไปคิดแทนเพื่อนไม่ได้หรอกก็แค่แซวเล่นๆไปเท่านั้น  แต่มันก็ไม่รู้สินะ  ฉันนี่แทบเดาไม่ออกเลยว่าผู้ชายคนไหนจะเหมาะกับฟางเท่าป๊อปปี้ ฮ่าๆๆ อย่าหาว่าฉันเพ้อเลย คือความรู้สึกมันบอกอย่างงั้นจริงๆ

 

 

        เหมือนกับเวลาที่เห็นฟางอยู่กับป๊อปปี้แล้วสองคนนี้เคมีเข้ากันดีถึงแม้จะ ทะเลาะกันก็ตามแหละ แต่ถ้าเขาชอบกันขึ้นมันจะเป็นยังไงนะ?  และถ้าเกิดว่าเป็นแบบนั้นจริงๆพอถึงวันที่คบกันแล้วแต่งงาน

 

 

      ฉันว่านะ...ลูกดกอ่ะ 55555+

 

 

“เออแก้ว ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้เจอคลอรีนเลยเน๊อะ” ขณะที่กำลังเดินขึ้นอาคารฟางก็หยุดเดินแล้วหันมาพูดกับฉันจนฉันก็เพิ่งคิดขึ้นมาได้ว่าเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้เจอคลอรีนเลย

 

 

“อืม เธอคงจะยุ่งกับงานกิจกรรมมั้ง”

 

 

“จะว่าไปแล้วนะเหมือนจองเบกับคลอรีนจะห่างกันเรื่อยๆเลยว่ะ ตอนนั้นที่ฉันเอารูปไปคืนให้จองเบ จองเบแลดูห่วงเจ้ารูปนั้นมากอ่ะไม่ใช่สิ! คงจะรักเจ้ารูปนั้นมากแหละ” ฟางบอกแล้วทำท่านึกไปด้วย

 

 

“แต่เราก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้นี่นา อีกอย่างคลอรีนเธอเป็นคนมีเหตุผลนะเท่าที่ฉันมอง และเรื่องที่เขาบอกเลิกจองเบคงจะลำบากใจน่าดู”

 

 

“ก็คนเคยรักกันขนาดนั้นนี่หว่า  อีกอย่างฉันนี่เดาไม่ออกเลยว่าคู่นี้จะยังไงต่อก็อยากจะช่วยจองเบเหมือนกันนะ แต่ช่างเหอะ! ถ้าสองคนนี้ยังรักกันฉันว่าสักวันคงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมนั่นแหละ”

 

 

“อืม ก็ขอให้เป็นแบบนั้นแล้วกัน”

 

 

       ก็จริงอย่างที่ฟางว่านะ...แต่บางครั้งฉันเองก็สังเกตเหมือนกันว่าจองเบเป็นยังไง แต่เชื่อมั้ย? ต่อ หน้าใครหลายๆคนหรือไม่ก็ต่อหน้าเพื่อนของเขา เขายังยิ้มได้และดูมีความสุขแต่ในใจเนี่ยสิเขาจะคิดถึงคลอรีนขนาดไหน กัน  และถ้าเป็นฉันที่โดนบอกเลิกโดยไร้เหตุผล

 

 

      ฉันเองก็คงอึดอัด...ที่ไม่รู้ว่าทำไมกัน...และถ้าได้คำตอบที่มัน กระจ่างและมาจากปากของคนที่บอกเลิกนั้นมันจะได้จบเรื่องไป

 

 

      แต่ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าคลอรีนเธอคิดอะไรอยู่กันแน่...

 

 

 “แก้ว ฟาง ^^”

 

 

       ใน จังหวะที่ฉันกับฟางยืนคุยกันอยู่จู่ๆก็มีเสียงเรียกจากทางด้านหลังดังขึ้น ฉันกับฟางจึงหันกลับไปมองพร้อมกันก็ปรากฏว่าเป็นหนุ่มแว่นหน้าใสมิณท์นี่ เอง และเขาก็กำลังตรงเดินมาทางนี้ด้วยสีหน้ายิ้มระรื่น

 

 

“อ้อ หวัดดีมิณท์”ฟางเอ่ยแล้วยกมือขึ้นทัก มิณท์ก็พยักหน้าให้ยิ้มๆ

 

 

“ไปไหนกันมาเนี่ย” มิณท์ถาม

 

 

“พาฟางไปห้องน้ำมาน่ะ”

 

 

“เฮ้ย เดี๋ยวฉันขึ้นห้องก่อนนะ แก้วแกคุยกับมิณท์ไปก่อนละกัน”

 

 

“อะ...อื้อ” ฉันพยักหน้าบอกจากนั้นฟางก็หันไปยิ้มให้มิณท์ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไป

 

 

      แง แง ฟางทิ้งฉันอีกแย้วววววว ><!!!

 

 

“แก้ว...”

 

 

“หือ?” เมื่อผ่านไปสักพักมิณท์ก็เอ่ยเรียกชื่อฉันเมื่อฉันเงยหน้าขึ้นไปมองเขา มิณท์ก็ยิ้มให้บางๆก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกรอบ

 

 

“ไป...เดินเล่นกับฉันมั้ย?”

 

 

“เดินเล่น?”

 

 

“จากตรงนี้ไปตรงนู้นน่ะ”มิณท์ชี้นิ้วจากที่เรายืนอยู่ตรงนี้ไปตรงทางเดินสุดทางของตึกห้า ซึ่งฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม “พอเดินไปตรงนั้นเราคงจะคุยกับแก้วเสร็จพอดี”

 

 

 “อื้ม” ฉันพยักหน้าจากนั้นฉันกับมิณท์ก็ค่อยๆก้าวขาเดินช้าๆจากตรงนี้ไปตามทางที่มิณท์บอก

 

 

       ตอนนี้โรงเรียนก็เงียบยิ่งใต้อาคารยิ่งเงียบเพราะว่านักเรียนต่างก็ขึ้น เรียนจะมีก็ห้องฉันล่ะมั้งที่เป็นคาบว่างไปซะเฉยๆ  ว่าแต่...มิณท์เขาไม่เรียนเหรอเนี่ย?

 

 

“แล้วมิณท์ไม่มีเรียนเหรอ” ฉันเอ่ยถามขึ้น

 

 

“มีสิ” มิณท์หันมาตอบยิ้มๆ “แต่ฉันอยากคุยกับเธอก่อนจะขึ้นไปน่ะ”เขาบอกแต่นั่นทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆหน่อยๆ

 

 

“แล้ว...อยากคุยอะไรกับเราเหรอ”

 

 

“คือ...เราได้รับเลือกจากคณะอาจารย์ให้ไปแข่งขันกับทางวิชาการที่เชียงใหม่ 3 วันน่ะ แถมพรุ่งนี้ก็ออกเดินทางแล้วด้วย”

 

 

“อ๋อ...”

 

 

“แต่ที่เราอยากคุยกับแก้วเพราะว่าไอ้ 3 วันที่เราไปเนี่ยเราก็พลาดวันสำคัญไปวันนึงเลยน่ะสิ” มิณท์บอกแล้วทำหน้าเสียใจหน่อยๆ

 

 

      เอ... ‘วันสำคัญ’ นี่มันวันอะไรอ่ะ =[]=?

 

 

“หือ? วันสำคัญอะไรอ่ะ?” ฉันหันไปถามมิณท์อย่างสงสัยขณะที่เดินๆไปด้วยแต่จู่ๆมิณท์ก็หยุดเดินแล้วหันมามองหน้าฉันยิ้มๆ

 

 

“นี่ไม่รู้จริงๆเหรอ?”มิณท์เค้นเสียงถามแล้วหัวเราะออกมาหน่อยและเมื่อเห็นฉันส่ายหน้าแทนคำตอบมิณท์ก็ก้มหน้ายิ้มก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพูดบอก “ก็...จะถึงวาเลนไทน์แล้วไง ^^”

 

 

“วาเลนไทน์? เออจริงด้วย เราลืมไปเลยอ่ะ แฮะๆ”

 

 

“นั่นแหละเราถึงเสียดายที่ไม่ได้อยู่ให้ดอกไม้เพื่อนอย่างแก้วกับฟาง”

 

 

“เฮ้ย ไม่เป็นไรหรอกถ้าอยากให้กลับมาค่อยให้เรากับฟางก็ได้ ^^” ฉันพูดแล้วเอามือตบๆไหล่มิณท์เบาๆ

 

 

“อื้ม เออแก้ว...!”

 

 

ฟิ้ว!

 

 

ตุ้บ!

 

 

       ฉัน กับมิณท์ถึงกับสะดุ้งขึ้นไปตามๆกันเมื่อจู่ๆก็มีขวดน้ำถูกโยนลงมาจากชั้น บนซึ่งมันเหมือนว่าคนที่โยนจะจงใจโยนลงมาทางนี้เต็มๆเลย อีกอย่างคือมันเฉี่ยวหน้าฉันกับมิณท์ไปเพียงนิดเดียวเองนะ ให้ตายสิ! ใครมาเล่นบ้าๆอะไรแบบนี้เนี่ย ><!

 

 

ชิ้งค์!

 

 

“...!”ฉันถึงกับนิ่งค้างไปเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองไอ้คนที่มันโยนขวดน้ำลงมาแต่ก็ปะทะเข้ากับสายตาคมกริบที่กำลังมองที่ฉันด้วยความไม่พอใจนัก

 

 

      ฉันจะไม่ตกใจเท่าไหร่หรอกนะถ้าผู้ชายมองฉันอยู่จากระเบียงชั้นบนไม่ใช่โทโมะน่ะ!

 

 

“เออ เราทำให้แก้วเดือดร้อนรึปล่าวเนี่ย” มิณท์ถามด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนักเมื่อเงยหน้าขึ้นไปเห็นว่าโทโมะกำลังมองฉันอยู่เช่นกัน

 

 

“ไม่หรอกก็เราไม่ได้ทำอะไรผิดนี่” ฉันละสายตาจากโทโมะมามองมิณท์

 

 

      แต่สิ่งที่ฉันพูดมันคือความจริงนะ ฉันกับมิณท์ก็แค่คุยกันแล้วโทโมะเป็นอะไรของเขาเนี่ย? ทำไม จะต้องปาขว้างขวดน้ำลงมาด้วยและไอ้สถานการณ์แบบนี้ฉันก็เคยเจอนะตอนที่ฉัน เข้ามาที่นี่แรกๆแล้วยืนคุยกับมิณท์ที่โรงอาหารไง แต่ครั้งนั้นมันเป็นขวดน้ำพลาสติกปล่าวๆ

 

 

      แต่ครั้งนี้มันเป็นขวดที่มีน้ำนะเฮ้ย! ถ้าโดดหัวขึ้นมามีเจ็บแน่นอนชัวปาบ!

 

 

       โทโมะนี่ทำอะไรไม่รู้เรื่องจริงๆเลยนะ = =;;

 

 

“งั้น...เราว่าแก้วเข้าห้องเรียนเถอะ  เพราะเรากลัวว่าคนแถวนี้จะโมโหหนักกว่าเดิม เราไปและ บาย ^^” มิณท์พูดเหมือนเขาตั้งใจทิ้งระเบิดไว้ในใจฉันเลยอ่ะ แล้วเขาก็เดินจากไปปล่อยให้ฉันยืนเอ๋ออยู่คนเดียวY^Y

 

 

แต่ หลังจากนั้นฉันก็เดินขึ้นบันไดไปและเมื่อเดินขึ้นมาก็เห็นว่าโทโมะยืนอยู่ตรง ระเบียงที่เดิมแต่สายตาที่เขามองมาที่ฉันเนี่ยสิเหมือนว่าฉันไปทำอะไรผิดมา อย่างงั้นแหละ เออ! จ้องเข้าไปสิ! ฉันทำอะไรผิดล่ะ? ฉันยืนคุยกับเพื่อนบ้างไม่ได้รึยังไงกัน?

 

 

“หวานกันเข้าไป๊!”

 

 

กึก

 

 

“...” คราว นี้ฉันหยุดก้าวเท้าเดินในตอนที่จะเดินเข้าห้องแต่กลับต้องเดินถอยออกมาก่อน จะหันไปมองโทโมะที่ตอนนี้ได้แต่ทำหน้าหงิกงอเป็นปลาบู่อยู่ได้

 

 

“...”

 

 

“เป็นอะไร” ฉันถามออกไปแต่โทโมะไม่ตอบแค่ทำปากยื่นแล้วเมินหน้าไปทางอื่นเหมือนๆจะเชิดใส่กัน

 

 

       โอเค สรุปคือที่ไม่ตอบแสดงว่าไม่มีอะไรใช่มั้ย?

 

 

       งั้นฉันเข้าห้องดีกว่า = =;;;

 

 

“นะ...นี่!”เสียงของโทโมะนั้นเหมือนๆจะเรียกให้ฉันหันกลับไป

 

 

      แต่ฉันไม่หันหรอกเดินเข้าห้องตัวเองเลยดีกว่า ก็เมื่อกี้หันไปแล้ว ถามแล้ว แต่ไม่ตอบเองนี่! แถมยังเชิดใส่ฉันอีกต่างหาก ทำตัวเป็นเด็กไปได้นะโทโมะ = =;;; แต่ภาพลักษณ์ของเขานี่นับวันจะยิ่งแตกต่างจากตอนแรกที่ฉันเจอเลยนะเนี่ย ตอนนั้นนี่แทบไม่พูด แต่เดี๋ยวนี้สังเกตละ

 

 

      พูดมากยิ่งกว่าเดิมเสียอีก!

 

 

   

เย็นวันนั้น...  

 

 

 

“อ้าวแก้วทำไมวันนี้กลับเร็วล่ะลูก?” พ่อฉันถามเมื่อเห็นว่าฉันเดินเข้ามาในบ้านในเวลาเพียงทุ่มกว่าๆเท่านั้นจากที่ปกติฉันจะกลับประมาณสามสี่ทุ่มกว่าๆ

 

 

“วันนี้ฟางปิดร้านเร็วน่ะพ่อ เห็นว่าจะไปงานกินเลี้ยงบ้านญาติ” ฉันบอกพ่อก่อนจะเดินเอากระเป๋าไปวางไว้บนโต๊ะข้างๆกับทีวีแล้วมานั่งลงข้างๆพ่อตรงโซฟา

 

 

“แก้ว  เดี๋ยวพ่อวานแก้วไปดูโทโมะหน่อยสิลูก”

 

 

ขวับ!

 

 

“เขาเป็นอะไรอ่ะพ่อ O_O?” ฉัน รีบถามขึ้นเมื่อพ่อพูดแบบนั้น แต่เมื่อพ่อเห็นฉันเป็นแบบนี้พ่อก็มองมาที่ฉันยิ้มๆจนฉันต้องทำสีหน้าของตัว เองให้เป็นปกติทั้งๆที่ในใจนั้นห่วงโทโมะอยู่เหมือนกันที่พ่อพูดแบบนั้น

 

 

“เขาไม่ได้เป็นอะไรหรอกลูก แต่พ่อแม่โทโมะเขาไม่อยู่บ้านน่ะ พ่อเลยอยากให้ลูกไปดูหน่อย ”

 

 

“แล้วทำไมพ่อไม่ไปดูเขาเองละค๊า” ฉันพูดลากเสียงแล้วเมินหน้าไปทางอื่น

 

 

“ก็พ่ออยากจับคู่ให้พี่แก้วกับพี่โทโมะไง ^O^//” เสียงของพิชชี่เอ่ยขึ้นเสียงดังแล้วเดินมานั่งอยู่โซฟาฝั่งตรงข้ามฉัน

 

 

“จะบ้าเหรอพิชชี่ พ่อก็แค่อยากให้พี่แก้วเขาไปดูพี่โทโมะเขา แค่นั้นเอ๊งงง”

 

 

“แค่นั้นเอ๊งงงง” พิชชี่พูดล้อเล่นพ่อ

 

 

“อ่าๆเดี๋ยวหนูไปดูเขาก็ได้” ฉันบอกพ่อก่อนจะลุกขึ้นเดินขึ้นไปบนห้องตัวเอง กะว่าจะอาบน้ำทำอะไรให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยไปดูโทโมะ

 

 

      ให้ตายสิ พ่อนะพ่อ หนูรู้นะว่าพ่อคิดอะไรอยู่น่ะ = =;;;

 

 

   

สักพักต่อมา...

 

 

 

ปิ๊งป่อง!

 

 

       ใน ที่สุดฉันก็มายืนอยู่หน้าบ้านของโทโมะแล้วกดออดแต่ก็ไม่มีแม้เสียงตอบรับแถมโทโมะ ก็ไม่ได้เดินออกมาเปิดประตูรั้วบ้านให้ฉันด้วย แล้วมันเงียบอ่ะ  เอ...แล้วเมื่อกี้โทโมะเขาได้ยินเสียงกดออดรึปล่าวนะ?

 

 

ปิ๊งป่อง!

 

 

“...”ฉันตัดสินใจลองกดออดอีกครั้งแต่ผลปรากฏว่า...

 

 

      เงียบ = =;;;

 

 

       ไม่สัญญาการเปิดประตูจากการกดออดที่ท่านเรียก=[]=;;;

 

 

แอ๊ด...

 

 

       และด้วยความเสียมารยาทฉันจึงเปิดประตูรั้วเข้ามาก็พบว่ามันไม่ได้ล็อคนี่นา...

 

 

      ฉันเข้ามาจนถึงประตูบ้านเขาแล้วก็แอบชะเง้อมองผ่านผ้าม่านตรงหน้าต่างก็พบว่าไม่เห็นมีใครเลยสักคน แล้วโทโมะไปอยู่ไหนล่ะเนี่ย?

 

 

ก๊อกๆๆๆ

 

 

“โทโมะอยู่มั้ย?”ฉัน เคาะประตูแล้วเรียกโทโมะแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆเลยสักนิด และด้วยเหตุใดก็ไม่ทราบที่ทำให้ฉันก้มลงไปมองลูกบิดก่อนจะบิดมันและมันก็ไม่ ได้ล็อคอีกแล้วเนี่ยสิ

 

 

      ทำไมไม่ล็อคประตูด้วยนะ ฉันยังจำได้เลยตอนนั้นที่ฉันป่วยโทโมะยังว่าฉันที่ไม่ยอมล็อคประตู แล้วดูเขาสิ เขากลับไม่ยอมล็อคมันเสียเอง จริงๆเลยนะ!

 

 

แอ๊ด...

 

 

“โทโมะ...”ฉัน เปิดประตูเข้ามาแล้วเรียกโทโมะแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับอะไรใดๆเลยในบ้านก็เงียบ มากเหมือนไม่มีคนอยู่อย่างงั้นแหละ เอ...แต่ถ้าไม่อยู่ทำไมไม่ยอมล็อคบ้านล่ะ?

 

 

       ฉันเดินเข้าในตัวบ้านแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆแต่ก็ไม่พบโทโมะอยู่ดี 

 

 

“หรือว่าอยู่ข้างบน”ฉันพูดแล้วมองไปตรงบันไดพลางคิดว่าจะขึ้นไปดูดีมั้ยนะ?

 

 

       ขึ้น ไม่ขึ้น ขึ้น ไม่ขึ้น? จะดีเหรอ?

 

 

       เอ่อ...แต่บ้านเงียบแบบนี้ฉันว่าขึ้นไปดูหน่อยก็ดีนะเผื่อเขาเป็นอะไรไง

 

 

ตึก...ตึก...ตึก

 

 

      เมื่อคิดแบบนั้นฉันก็ตัดสินใจเดินขึ้นบันไดไปแต่พอขึ้นมานี่ฉันถึงกับ ชะงักไปเลยทีเดียวเมื่อเห็นว่ามีประตูห้องนอนที่มันถูกเปิดอ้าอยู่  ซึ่งฉันคาดว่าคงจะเป็นห้องนอนของโทโมะล่ะมั้ง?

 

 

“...โทโมะ” ฉันเรียกแล้วเดินไปดูก่อนจะเอาหัวเข้ามาในห้องวีแล้วมองไปรอบๆก็ปรากฏว่าไม่มี “โทโมะ...นายอยู่มั้ยเนี่ย?” สุดท้ายฉันก็ต้องเดินเข้าในห้องของเขาจนได้สายตาก็กวาดมองไปรอบๆจนกระทั่ง...

 

 

แอ๊ด...

 

 

ขวับ

 

 

จึก!

 

 

“กรื๊ดดดดดด” ฉัน ร้องออกมาเมื่อจู่ๆก็ได้ยินเสียงประตูเปิดแต่พอหันกลับไปมองเท่านั้นแหละถึง กับตกใจจนต้องเอามือยกขึ้นปิดตาเพราะว่าโทโมะเดินออกมาจากห้องน้ำในตัวห้องนอน ของตัวเองแถมที่ฉันเห็นแว๊บๆนี่เขายังนุ่งผ้าขนหนูอยู่เลย

 

 

          อ๊ากกกกกกก อยากจะบ้า! ฉันนี่ไม่น่าขึ้นมาเล้ย!แถมลืมคิดไปเลยด้วยว่าบางทีเขาอาจจะอยู่ในห้องน้ำ ฮืออออออออออ YOY!!!!

 

 

“นี่เธอเข้ามาได้ไงเนี่ย?” โทโมะถามเหมือนตกใจหน่อยๆแต่ฉันก็ไม่ได้เอามือสองข้างออกจากหน้าของตัวเองเลย

 

 

“พะ...พ่อเราให้มาดูนายอ่ะ เราเห็นบ้านเงียบเลยขึ้นมาดู”

 

 

“อ๋อ เป็นห่วงกลัวฉันเป็นอะไรช้ะ?”

 

 

“บ้าเหรอ!”ฉันถียงออกไปอย่างทันควันและรับรู้ถึงความร้อนตรงแก้มสองข้างของตัวเอง “นายก็ใส่เสื้อผ้าสิ! ใส่รึยัง?”

 

 

“บอกตรงๆเห็นเธอเขินแบบนี้ฉันยิ่งไม่อยากใส่เลยแหละ ฮ่าๆๆๆ”

 

 

“บ้า!”

 

 

      นี่โทโมะพูดอะไรของเขาเนี่ย?! เขาไม่คิดเลยเหรอว่ายิ่งพูดแบบนี้หัวใจของฉันยิ่งเต้นแรงจนแทบจะบ้าตายอยู่แล้วนะ! ><//////

 

 

“...”

 

 

“โอเค สรุปคือนายไม่ได้เป็นอะไร งั้นเรากลับก่อนละกัน” ฉันบอกแล้วค่อยเอามือออกจาหน้าแต่ก็หรี่ตาแล้วพยายามที่จะไม่มองไปที่โทโมะเด็ดขาด!

 

 

       แต่ทว่า...ในตอนที่ฉันกำลังจะเดินออกจากห้องของโทโมะนั้นนั่นเอง!

 

 

หมับ!

 

 

“นี่ มาดูฉันแค่นี้เองเหรอ?”โทโมะใช้ฝ่ามือของเขากระชากข้อมือฉันให้หันกลับจนหน้าฉันแทบจะชนเข้ากับแผ่นหน้าอกที่มันเปียกน้ำหมาดๆของเขา

 

 

      อ๊ากกกกกกก แม่เจ้า! อยากจะบ้าตาย! >//////<

 

 

“แล้วนายจะเอาอะไรอีกล่ะ” ฉันเงยหน้าขึ้นไปถามโทโมะ และผมที่ของเขาเพิ่งสระเปียกๆนั้นหยดน้ำจากปลายผมเขามันหยดลงมาบนหน้าของฉันทีละหยดๆ จนฉันเริ่มหัวใจเต้นแรง เพราะว่าตอนนี้ยอมรับเลยว่าเขินมาก!

 

 

“ไม่คิดจะถามฉันหน่อยเหรอว่า กินอะไรรึยัง? หิวมั้ย?” โทโมะถามด้วยเสียงนอยๆแต่ฉันเนี่ยสิยิ่งจะสติแตกที่เขาโน้มหน้าลงมาใกล้ๆ จนลมหายใจอุ่นของเขานั้นรินรดบนปลายจมูกของฉัน

 

 

ตึกตักๆๆๆๆๆๆๆ

 

 

      บ้าจริง! ถามอย่างเดียวก็ได้นี่? ทำไมจะต้องโน้มหน้าลงมาด้วยและตอนนี้ใจฉันนั้นเต้นแรงไม่เป็นส่ำแล้วเนี่ยรู้มั้ย?

 

 

      แล้วยิ่งอยู่ในสภาพที่มันล่อแหลมแบบนี้ถ้าเกิดโทโมะคิดบ้าอะไรขึ้นมาแล้วฉันจะทำยังไง!?

 

 

“หิวนายก็กินสิไม่เห็นยากเลย”

 

 

“แต่ฉันไม่ชอบทำอาหาร! ขี้เกียจ! จบป๊ะ?”โทโมะบอกแล้วบีบข้อมือฉันแน่นขึ้นอย่างแสดงอาการเอาแต่ใจ

 

 

“เอาแต่ใจ!”ฉันว่าแล้วมองโทโมะตาเขียว

 

 

“ทำข้าวให้ฉันกินเลยนะ ถือว่าชดเชยเรื่องเมื่อเช้า-^-! ”

 

 

“ชดเชย?”ฉันเค้นเสียงถามโทโมะอย่างงงๆ

 

 

“ใช่! ชดเชย”

 

 

“เรื่อง?”

 

 

“ก็ที่ไปคุยกับไอ้มิณท์เน่านั่น แถมยังเดินเมินฉันเข้าห้องตัวเองอีก แบบนี้อ่ะเธอชดเชยฉันมาเลย!”

 

 

“ถ้านายจะให้เราทำข้าวให้นายกินด้วยเหตุผลของนายที่คิดว่าเราทำผิดทั้งๆที่เราไม่ได้ทำอะไรเลย เราก็ไม่ทำให้หรอก! ><!” ฉันตอกกลับไปแต่ดูเหมือนว่าโทโมะจะยิ่งไม่พอใจ

 

 

       อะไรล่ะ! ก็เขาไม่มีเหตุผลเองนี่?

 

 

“ก็ฉันหึง! ได้ยินมั้ย?”

 

 

       ดะ...ได้ยินเต็มสองรูหูเลย =//////=;;;;

 

 

“O///////O”

 

 

“งั้นเธอก็เลือกเอาเองละกันว่า...จะทำข้าวให้ฉันกิน หรือจะให้ฉันกินเธอแทน!”

 

 

เฮือก!

 

 

       อะ...อะไรนะ!

 

 

       ตอนนั้นฉันตกใจจนเบิกตากว้างออกมาที่โทโมะพูดจาล่อแหลมแบบนี้และฉันก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงสภาวะที่ไม่ปลอดภัยกับตัวเองแล้วด้วยสิ ให้ตายเหอะ! นี่ฉันกำลังเป็นรองเขาอยู่ใช่มั้ย? เพราะเขาเปลือยท่อนบนอยู่ด้วยและถ้าโทโมะทำอย่างที่พูดจริงๆล่ะ? ไม่น้า YOY!!!

 

 

“นายไม่กล้าหรอก”ฉันพูดออกไปถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่ก็ตาม

 

 

“แน่ใจอ่ะ?”โทโมะถามแล้วเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งมาให้

 

 

       และเพราะมันเป็นแบบนี้แหละจนฉันตัดสินต้องยอมเขาแต่โดยดีฮืออออออ TOT!!! โชคร้ายอะไรของแก้วคนนี้เนี่ยยยยย ชดเชยทั้งๆที่ไม่ได้ทำผิดเนี่ยนะ พับผ่าเห๊อะ!

 

 

“โอ๊ยยย โอเค๊! เราทำให้ก็ได้! แต่ขอร้องปล่อยมือเราสักทีเถอะ >//////<” ฉันบอกโทโมะและเมื่อโทโมะได้ยินแบบนั้นเขาก็ยิ้มแยกเขี้ยวออกมาเหมือนว่า ‘ฉันชนะ!’

 

 

       ใช่เซ่! ตอนนี้ตัวเองมีอำนาจเหนือกว่าฉันนิ ชิ! ><!

 

 

“งั้นขอข้าวผัดนะ ^____^” โทโมะ บอกแล้วปล่อยมือฉันออกและเมื่อได้จังหวะฉันก็รีบเดินออกมาจากห้องของโทโมะทันที พร้อมกับหัวใจที่สั่นระรัวว่าเมื่อกี้เกือบจะโดนดีเข้าให้แล้วไงล่ะ

 

 

      บ้าจริง! ทำแบบนี้โทโมะนี่ตั้งใจจะแกล้งฉันชัดๆเล้ย >O<

 

___________________________________________________________อัพแล้วนะจ้ะ เม้นกันหน่อยยยยย ><

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา