Stop หยุดหัวใจนายเย็นชา
เขียนโดย NannyCandy
วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.18 น.
แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
31) - Bloom Flower - ( ดอกไม้ที่ผลิบาน )
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ- Bloom Flower -
( ดอกไม้ที่ผลิบาน )
วันจันทร์
คาบเช้า
“ย๊าก...จริงอ้ะ?” ฟางและดูตื่นเต้นเมื่อถามฉันถึงเรื่องของโทโมะว่าเมื่อวานเห็นฉันเหมือนๆจะไปไหนกับโทโมะในตอนที่มันเดินมาหน้าร้านมาเจอเข้าพอดี
ฉันก็เลยเล่าให้ฟังจนหมดเปลือกเลยว่าโทโมะบอกฉันว่าอะไรบ้าง...และมันก็เป็นแบบ ที่เห็นเนี่ยแหละว่าอาการของฟางนี่แทบจะบิดตัวเป็นโรตีอยู่แล้ว = =;;;
แต่เราสองคนคุยกันเบาๆเพราะกลัวเพื่อนในห้องได้ยิน แต่แลตอนนี้ทุกคนคงไม่ได้สนใจอะไรหรอกเพราะมัวแต่นั่งเม้าท์มอยเรื่องต่างๆ นาๆเสาร์อาทิตย์ของตัวเองว่าไปทำอะไรกันมาบ้างน่ะเพราะอาจารย์ยังไม่เข้ามา สอนเลยนี่ก็ผ่านไปราวๆ 15 นาทีในวิชาแรกของวันนี้เห็นจะได้
อืม...แต่ไม่อยากจะบอกเลยว่าเสาร์อาทิตย์ของฉันที่ผ่านมานี่มัน รู้สึกดีมากๆเลยนะ เหมือนชีวิตของตัวเองเริ่มกลับมาสดใสเหมือนเดิมแล้วยังไงไม่รู้สิ ^^
ซึ่งฉันเองก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน...
“แกย้ำฉันอีกทีดิ๊ อยากรู้ว่าตอนนี้ฉันไม่ได้ฝันใช่ป่ะ?”
“อื้ม”ฉันพยักหน้าเพื่อจะย้ำฟางอีกครั้งว่าที่เล่ามาทั้งหมดมันคือเรื่องจริง
แต่แลดูฟางจะดีใจออกนอกหน้าเสียเหลือเกินนะที่รู้ว่าโทโมะบอกชอบฉันน่ะ = =;;;
“แล้วโทโมะ...ขอคบแกยัง O_o???” ฟางเอาหน้าเข้ามาใกล้ๆแล้วถามฉันด้วยความสงสัยสุดๆเหมือนว่าลุ้นมาก
“หึ”แต่เมื่อฉันตอบแล้วส่ายหน้าเท่านั้นแหละข้อศอกที่ฟางตั้งแล้วเอาเท้าคางตัวเองก็หักลงเหมือนว่า ‘อุตส่าห์ลุ้น ’ อะไรทำนองนั้นน่ะ
“ทำไมไม่ขอคบวะ...”
“อะไรนะ? O_O?” ฉันถามฟางเพราะว่าไม่ได้ยินเนื่องจากฟางพูดแบบเสียงแหบๆ
“ปล่าวๆเมื่อกี๊เหมือนจะไอเฉยๆ”ฟางบอกแล้วเมินหน้าไปทางอื่นเหมือนว่าไม่อยากสบตาฉัน
อะไรของมัน = =;;;
สักพักต่อมา...
“พวกเรา! ฟังๆๆๆทางนี้หน่อยจ้า ^O^//”
ปึงๆๆๆๆ
ขวับ!
O_O?
เพื่อนๆในห้องที่กำลังนั่งคุยเม้าท์มอยอะไรต่างๆนานจำต้องหยุดคุยแล้วเงียบเสียงลงเพราะหัวหน้าห้องอย่าง ‘ปังปอนด์’ เอ่ย ขึ้นแล้วเอามือเคาะๆกระดานหน้าห้องให้ทุกคนหันไปสนใจเธอ ในขณะที่เธอกำลังยืนถือแฟ้มสีดำเอาไว้ในมือซึ่งมันเป็นอะไรที่เห็นกันจนชิน ตาแล้วล่ะที่ว่าวันไหนปังปอนด์ไม่ถือแฟ้มนั้นคงจะเป็นเรื่องที่แปลกสุดๆ
ก็เธอดันเป็นสาวน้อยเจ้าระเบียบที่สามารถคุมเพื่อนๆในห้องอยู่ยังไง ล่ะ และฉันก็คิดนะว่าเธอก็เหมาะสมสุดๆกับตำแหน่งหัวหน้าห้องนี้แล้วแหละ ^^
“มีอะไรอ่ะปอนด์”เพื่อนผู้ชายในห้องตะโกนถาม
“วัน นี้อาจารย์เมย์ฝากมาบอกว่าอาจารย์จะไปทำธุระกับทางฝ่ายวิชาการให้พวกเราอยู่ ในห้องเงียบๆจนกว่าจะหมดคาบถ้ามีงานค้างอะไรก็เอาขึ้นมาทำซะแล้วก็...เวรวันนี้เลิกเรียนแล้วทำความสะอาดห้องด้วยเข้าใจตรงกันนะ”
“โห่ อาจารย์ไม่มาก็ว่างวิชานี้ตั้ง 3 ชั่วโมงเลยดิ อยู่ในห้องเบื่อตายพอดีกัน” เพื่อนกลุ่มผู้ชายเอ่ยอย่างเซ็งๆเมื่อยอมรับว่าไม่ค่อยได้ที่จะต้องอยู่แต่ในห้องเรียนจนหมดคาบ
“ถ้ากลัวเบื่อก็หาอะไรขึ้นมาทำสิ”ปังปอนด์บอก “เพราะถ้าพวกนายออกไปนอกโรงเรียนแล้วไปก่อเรื่องอะไรจะทำไง”
“ไม่หรอกน่า >O<!”
“ไม่เชื่อ! อาจารย์ สั่งมาก็ต้องทำตามสิ ถ้าพวกนายออกไปนอกโรงเรียนแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นไม่ใช่แค่กลุ่มพวกนายนะที่ ต้องรับผิดชอบ แต่เพื่อนๆในห้องรวมถึงอาจารย์ประจำวิชาก็ต้องโดนด้วย คิดบ้างดิ ><!”
“เออๆๆๆ อยู่ในห้องก็ได้วะบ่นจริง ><!” และสุดท้ายกลุ่มพวกเพื่อนผู้ชายก็ต้องจำยอมอยู่ในห้องเรียนนี้อย่างไม่มีข้อแม้แต่อย่างใด
“แล้วนี่...มีใครสงสัยอะไรอีกมั้ย?”
เงียบ...
“...”
“โอเค สรุปคือไม่มีนะ”
เมื่อปังปอนด์เห็นแบบนั้นก็เดินออกจากห้องนี้ไปซึ่งคาดว่าเธอคงจะไป ตึกวิชาการเหมือนอย่างทุกๆวันแหงๆ และเธอเป็นคนเดียวภายในห้องนี้ที่มีเวลาว่างน้อยที่สุดเพราะว่างานทาง วิชาการที่จะส่งต่อมายังหัวหน้าห้องนั้นเยอะพอสมควร แต่ยังไงซะปังปอนด์ก็ยังคงแบ่งเวลาได้ดีเสมอแถมเธอนี่เรียนเก่งที่สุดในห้อง นี้อีกด้วย
ซึ่งนั่นถือเป็นอะไรที่เข้มแข็งมาก เพราะฟางเคยบอกว่าตั้งแต่ขึ้น ม.4 มา ปังปอนด์ก็เป็นหัวหน้าห้องมาโดยตลอดเพราะว่าเพื่อนๆโยนให้ตลอดทุกครั้งเลย ยังไงล่ะ
“แก้ว...” ฟางสะกิดฉันแล้วทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
“เป็นไร?”ฉันถามด้วยความเป็นห่วงแต่คำตอบที่ได้กลับมาคือ...
“ฉันปวดฉี่ว่ะ ไม่ไหวแล้ว พาไปห้องน้ำหน่อยดิ Y^Y”
แหม่ = =;;;
“เอ๋า ปวดก็ไปดิ ไปๆๆ เดี๋ยวไปส่ง เฮ้อแกนี่จริงๆเลย” ฉันบ่นฟางหน่อยๆก่อนจะลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ของตัวเอง
ที่บ่นนี่ไม่ใช่อะไรหรอกก็เพราะฟางชอบอั้นฉี่บ่อยๆรอนานๆถึงค่อยมาบอกกัน แล้วถ้าเกิดทำแบบนี้ต่อไปแล้วเกิดเป็นนิ่วจะทำยังไงเนี่ย = =;;;
“นี่จะไปไหนกันเนี่ย” เพื่อนผู้หญิงที่นั่งอยู่โต๊ะหน้าหันมาถามเมือเห็นว่าฉันกับฟางลุกขึ้นยืน
“พาฟางไปห้องน้ำน่ะ” ฉันบอกก่อนจะรีบจับมือฟางแล้วพาเดินออกมาจากห้องเรียนเพราะดูจากอาการแล้วคงจะปวดมากจริงๆ “แกเนี่ยน้า ฉันบอกกี่ครั้งแล้วววว ว่าปวดฉี่ให้บอก เดี๋ยวก็เป็นนิ่วหรอก ”
“ก็กำลังจะบอกเว้ย แต่เห็นปังปอนด์เหมือนมีเรื่องสำคัญจะพูดเลยกลั้นไว้รอฟังก่อน” ฟางหันมาบอกฉัน
“อ้าวววว พวกเราเจอใครเข้าเนี่ยยยย”
จึก!
ฉันกับฟางที่เดินๆไม่ได้มองข้างหน้าว่าพวกเคโอติคกำลังเดินสวนมาจึงจำต้องหยุด ชะงักและเหมือนว่าพวกนั้นจงใจจะเดินดักหน้ายังไงก็ไม่รู้สินะแถมฉันยังเห็นโทโมะมองฉันยิ้มๆด้วย อ๊าก! หลบไปหน่อยได้มั้ยเนี่ย? เพื่อนฉันฉี่จะแตกแล้ววววว >O<!!!!!!
และตอนนี้ฉันไม่มีเวลามาใจเต้นแรงอะไรทั้งนั้นแหละ ห่วงฟางมากกว่า =[]=!
“ขอทางหน่อย” ฉันบอกก่อนจะหันไปมองฟางที่กัดปากตัวเองแล้วนิ่วหน้าเหมือนว่า ‘จะไม่ไหวแล้ววววว’
“นี่! หลีกได้มั้ยเนี่ย?”ฟางบอกอย่างสุดทน
แต่หากทว่าคนที่ยืนดักหน้าเธออยู่นั้นคือป๊อปปี้นั่นเอง!
“รีบอะไรนักหนาวะ” ป๊อปปี้เอ่ยแล้วขมวดคิ้ว
“เรื่องของฉัน! หลีกๆๆๆ” ฟาง บอกแล้วดันป๊อปปี้กับเพื่อนของเขาให้ออกไปแล้วรีบพาฉันเดินฝ่าพวกเขาไปอย่าง รวดเร็วแต่ในจังหวะนั้นนั่นเองที่ฉันดันหันไปมองโทโมะเข้าจังๆ
และสายตาโทโมะก็เหมือนกับว่าสงสัยหน่อยๆว่าฟางกับฉันทำไมดูรีบๆจังแฮะ แต่ฉันก็ไม่ทันได้ตั้งตัวเลยฟางก็ดึงแล้วพาฉันวิ่งลงบันไดไปข้างล่างเสีย ก่อน
ห้องน้ำ
“โล่งเลยดิ” ฉันบอกเมื่อเห็นว่าฟางเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยความสบายใจ
“อืมดิ ให้ตายเหอะ พวกนั้นก็จะมาเดินดักทำไมก็ไม่รู้ฉันนี่แทบจะกลั้นไม่ไหวอ่ะ ><!”
“เพราะป๊อปปี้รึปล่าวนะเนี่ย ^^” ฉันแกล้งหยอดแต่พอฟางได้ยินนี่ถึงกับแบบมองหน้าฉันแบบเคืองเลยทีเดียวฮ่าๆ
“ไอ้แก้ว! เดี๊ยะๆๆ นับวันนี่แกยิ่งดื้อใส่ฉันนะ”
“ป๊อปปี้เขาก็น่ารักดีออก”
“ตรงไหน?” ฟางเค้นเสียงถามทันที “นี่จะบอกให้นะต่อให้โลกนี้มีผู้ชายแบบหมอนี่เพียงคนเดียวอยู่บนโลก ฉันก็ไม่เอาเป็นพ่อพันธุ์ให้ลูกฉันหรอก นิสัยเสียแบบนั้นน่ะ ชิ! >^<!”ฟางบ่นยาวเป็นชุดว่าไงซะป๊อปปี้ก็ไม่มีทางจะเป็นคนที่ฟางชอบอย่างแน่นอน
แต่...การที่ฟางพูดแบบนี้มันเหมือนกับปิดกั้นตัวเองนะ แต่คงจะเป็นเพราะเวลาที่ป๊อปปี้เจอกับฟางแล้วสองคนนี้ชอบทะเลาะกันทุกๆครั้ง มันเลยเกิดเป็นความ ‘ไม่ชอบ’ ล่ะมั้ง?
และ ถ้าเกิดวันไหนป๊อปปี้หายไปจากชีวิตของฟาง ถ้าฉันเป็นฟางนะ ฉันคงจะ...เหงาน่าดูเลย เพราะทะเลาะกันประจำถ้าวันไหนเขาคนนั้นหายไปก็เหมือนกับว่าคนที่เราผูกพันธ์ แบบไม่รู้ตัวอยู่ลึกๆมาหายไปเฉยๆเหงาตายเลย และถึงวันนั้นฟางก็คงจะรู้เองแหละว่าตัวเองรู้สึกยังกับป๊อปปี้
แต่ฉันก็ไปคิดแทนเพื่อนไม่ได้หรอกก็แค่แซวเล่นๆไปเท่านั้น แต่มันก็ไม่รู้สินะ ฉันนี่แทบเดาไม่ออกเลยว่าผู้ชายคนไหนจะเหมาะกับฟางเท่าป๊อปปี้ ฮ่าๆๆ อย่าหาว่าฉันเพ้อเลย คือความรู้สึกมันบอกอย่างงั้นจริงๆ
เหมือนกับเวลาที่เห็นฟางอยู่กับป๊อปปี้แล้วสองคนนี้เคมีเข้ากันดีถึงแม้จะ ทะเลาะกันก็ตามแหละ แต่ถ้าเขาชอบกันขึ้นมันจะเป็นยังไงนะ? และถ้าเกิดว่าเป็นแบบนั้นจริงๆพอถึงวันที่คบกันแล้วแต่งงาน
ฉันว่านะ...ลูกดกอ่ะ 55555+
“เออแก้ว ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้เจอคลอรีนเลยเน๊อะ” ขณะที่กำลังเดินขึ้นอาคารฟางก็หยุดเดินแล้วหันมาพูดกับฉันจนฉันก็เพิ่งคิดขึ้นมาได้ว่าเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้เจอคลอรีนเลย
“อืม เธอคงจะยุ่งกับงานกิจกรรมมั้ง”
“จะว่าไปแล้วนะเหมือนจองเบกับคลอรีนจะห่างกันเรื่อยๆเลยว่ะ ตอนนั้นที่ฉันเอารูปไปคืนให้จองเบ จองเบแลดูห่วงเจ้ารูปนั้นมากอ่ะไม่ใช่สิ! คงจะรักเจ้ารูปนั้นมากแหละ” ฟางบอกแล้วทำท่านึกไปด้วย
“แต่เราก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้นี่นา อีกอย่างคลอรีนเธอเป็นคนมีเหตุผลนะเท่าที่ฉันมอง และเรื่องที่เขาบอกเลิกจองเบคงจะลำบากใจน่าดู”
“ก็คนเคยรักกันขนาดนั้นนี่หว่า อีกอย่างฉันนี่เดาไม่ออกเลยว่าคู่นี้จะยังไงต่อก็อยากจะช่วยจองเบเหมือนกันนะ แต่ช่างเหอะ! ถ้าสองคนนี้ยังรักกันฉันว่าสักวันคงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมนั่นแหละ”
“อืม ก็ขอให้เป็นแบบนั้นแล้วกัน”
ก็จริงอย่างที่ฟางว่านะ...แต่บางครั้งฉันเองก็สังเกตเหมือนกันว่าจองเบเป็นยังไง แต่เชื่อมั้ย? ต่อ หน้าใครหลายๆคนหรือไม่ก็ต่อหน้าเพื่อนของเขา เขายังยิ้มได้และดูมีความสุขแต่ในใจเนี่ยสิเขาจะคิดถึงคลอรีนขนาดไหน กัน และถ้าเป็นฉันที่โดนบอกเลิกโดยไร้เหตุผล
ฉันเองก็คงอึดอัด...ที่ไม่รู้ว่าทำไมกัน...และถ้าได้คำตอบที่มัน กระจ่างและมาจากปากของคนที่บอกเลิกนั้นมันจะได้จบเรื่องไป
แต่ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าคลอรีนเธอคิดอะไรอยู่กันแน่...
“แก้ว ฟาง ^^”
ใน จังหวะที่ฉันกับฟางยืนคุยกันอยู่จู่ๆก็มีเสียงเรียกจากทางด้านหลังดังขึ้น ฉันกับฟางจึงหันกลับไปมองพร้อมกันก็ปรากฏว่าเป็นหนุ่มแว่นหน้าใสมิณท์นี่ เอง และเขาก็กำลังตรงเดินมาทางนี้ด้วยสีหน้ายิ้มระรื่น
“อ้อ หวัดดีมิณท์”ฟางเอ่ยแล้วยกมือขึ้นทัก มิณท์ก็พยักหน้าให้ยิ้มๆ
“ไปไหนกันมาเนี่ย” มิณท์ถาม
“พาฟางไปห้องน้ำมาน่ะ”
“เฮ้ย เดี๋ยวฉันขึ้นห้องก่อนนะ แก้วแกคุยกับมิณท์ไปก่อนละกัน”
“อะ...อื้อ” ฉันพยักหน้าบอกจากนั้นฟางก็หันไปยิ้มให้มิณท์ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไป
แง แง ฟางทิ้งฉันอีกแย้วววววว ><!!!
“แก้ว...”
“หือ?” เมื่อผ่านไปสักพักมิณท์ก็เอ่ยเรียกชื่อฉันเมื่อฉันเงยหน้าขึ้นไปมองเขา มิณท์ก็ยิ้มให้บางๆก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกรอบ
“ไป...เดินเล่นกับฉันมั้ย?”
“เดินเล่น?”
“จากตรงนี้ไปตรงนู้นน่ะ”มิณท์ชี้นิ้วจากที่เรายืนอยู่ตรงนี้ไปตรงทางเดินสุดทางของตึกห้า ซึ่งฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม “พอเดินไปตรงนั้นเราคงจะคุยกับแก้วเสร็จพอดี”
“อื้ม” ฉันพยักหน้าจากนั้นฉันกับมิณท์ก็ค่อยๆก้าวขาเดินช้าๆจากตรงนี้ไปตามทางที่มิณท์บอก
ตอนนี้โรงเรียนก็เงียบยิ่งใต้อาคารยิ่งเงียบเพราะว่านักเรียนต่างก็ขึ้น เรียนจะมีก็ห้องฉันล่ะมั้งที่เป็นคาบว่างไปซะเฉยๆ ว่าแต่...มิณท์เขาไม่เรียนเหรอเนี่ย?
“แล้วมิณท์ไม่มีเรียนเหรอ” ฉันเอ่ยถามขึ้น
“มีสิ” มิณท์หันมาตอบยิ้มๆ “แต่ฉันอยากคุยกับเธอก่อนจะขึ้นไปน่ะ”เขาบอกแต่นั่นทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆหน่อยๆ
“แล้ว...อยากคุยอะไรกับเราเหรอ”
“คือ...เราได้รับเลือกจากคณะอาจารย์ให้ไปแข่งขันกับทางวิชาการที่เชียงใหม่ 3 วันน่ะ แถมพรุ่งนี้ก็ออกเดินทางแล้วด้วย”
“อ๋อ...”
“แต่ที่เราอยากคุยกับแก้วเพราะว่าไอ้ 3 วันที่เราไปเนี่ยเราก็พลาดวันสำคัญไปวันนึงเลยน่ะสิ” มิณท์บอกแล้วทำหน้าเสียใจหน่อยๆ
เอ... ‘วันสำคัญ’ นี่มันวันอะไรอ่ะ =[]=?
“หือ? วันสำคัญอะไรอ่ะ?” ฉันหันไปถามมิณท์อย่างสงสัยขณะที่เดินๆไปด้วยแต่จู่ๆมิณท์ก็หยุดเดินแล้วหันมามองหน้าฉันยิ้มๆ
“นี่ไม่รู้จริงๆเหรอ?”มิณท์เค้นเสียงถามแล้วหัวเราะออกมาหน่อยและเมื่อเห็นฉันส่ายหน้าแทนคำตอบมิณท์ก็ก้มหน้ายิ้มก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพูดบอก “ก็...จะถึงวาเลนไทน์แล้วไง ^^”
“วาเลนไทน์? เออจริงด้วย เราลืมไปเลยอ่ะ แฮะๆ”
“นั่นแหละเราถึงเสียดายที่ไม่ได้อยู่ให้ดอกไม้เพื่อนอย่างแก้วกับฟาง”
“เฮ้ย ไม่เป็นไรหรอกถ้าอยากให้กลับมาค่อยให้เรากับฟางก็ได้ ^^” ฉันพูดแล้วเอามือตบๆไหล่มิณท์เบาๆ
“อื้ม เออแก้ว...!”
ฟิ้ว!
ตุ้บ!
ฉัน กับมิณท์ถึงกับสะดุ้งขึ้นไปตามๆกันเมื่อจู่ๆก็มีขวดน้ำถูกโยนลงมาจากชั้น บนซึ่งมันเหมือนว่าคนที่โยนจะจงใจโยนลงมาทางนี้เต็มๆเลย อีกอย่างคือมันเฉี่ยวหน้าฉันกับมิณท์ไปเพียงนิดเดียวเองนะ ให้ตายสิ! ใครมาเล่นบ้าๆอะไรแบบนี้เนี่ย ><!
ชิ้งค์!
“...!”ฉันถึงกับนิ่งค้างไปเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองไอ้คนที่มันโยนขวดน้ำลงมาแต่ก็ปะทะเข้ากับสายตาคมกริบที่กำลังมองที่ฉันด้วยความไม่พอใจนัก
ฉันจะไม่ตกใจเท่าไหร่หรอกนะถ้าผู้ชายมองฉันอยู่จากระเบียงชั้นบนไม่ใช่โทโมะน่ะ!
“เออ เราทำให้แก้วเดือดร้อนรึปล่าวเนี่ย” มิณท์ถามด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนักเมื่อเงยหน้าขึ้นไปเห็นว่าโทโมะกำลังมองฉันอยู่เช่นกัน
“ไม่หรอกก็เราไม่ได้ทำอะไรผิดนี่” ฉันละสายตาจากโทโมะมามองมิณท์
แต่สิ่งที่ฉันพูดมันคือความจริงนะ ฉันกับมิณท์ก็แค่คุยกันแล้วโทโมะเป็นอะไรของเขาเนี่ย? ทำไม จะต้องปาขว้างขวดน้ำลงมาด้วยและไอ้สถานการณ์แบบนี้ฉันก็เคยเจอนะตอนที่ฉัน เข้ามาที่นี่แรกๆแล้วยืนคุยกับมิณท์ที่โรงอาหารไง แต่ครั้งนั้นมันเป็นขวดน้ำพลาสติกปล่าวๆ
แต่ครั้งนี้มันเป็นขวดที่มีน้ำนะเฮ้ย! ถ้าโดดหัวขึ้นมามีเจ็บแน่นอนชัวปาบ!
โทโมะนี่ทำอะไรไม่รู้เรื่องจริงๆเลยนะ = =;;
“งั้น...เราว่าแก้วเข้าห้องเรียนเถอะ เพราะเรากลัวว่าคนแถวนี้จะโมโหหนักกว่าเดิม เราไปและ บาย ^^” มิณท์พูดเหมือนเขาตั้งใจทิ้งระเบิดไว้ในใจฉันเลยอ่ะ แล้วเขาก็เดินจากไปปล่อยให้ฉันยืนเอ๋ออยู่คนเดียวY^Y
แต่ หลังจากนั้นฉันก็เดินขึ้นบันไดไปและเมื่อเดินขึ้นมาก็เห็นว่าโทโมะยืนอยู่ตรง ระเบียงที่เดิมแต่สายตาที่เขามองมาที่ฉันเนี่ยสิเหมือนว่าฉันไปทำอะไรผิดมา อย่างงั้นแหละ เออ! จ้องเข้าไปสิ! ฉันทำอะไรผิดล่ะ? ฉันยืนคุยกับเพื่อนบ้างไม่ได้รึยังไงกัน?
“หวานกันเข้าไป๊!”
กึก
“...” คราว นี้ฉันหยุดก้าวเท้าเดินในตอนที่จะเดินเข้าห้องแต่กลับต้องเดินถอยออกมาก่อน จะหันไปมองโทโมะที่ตอนนี้ได้แต่ทำหน้าหงิกงอเป็นปลาบู่อยู่ได้
“...”
“เป็นอะไร” ฉันถามออกไปแต่โทโมะไม่ตอบแค่ทำปากยื่นแล้วเมินหน้าไปทางอื่นเหมือนๆจะเชิดใส่กัน
โอเค สรุปคือที่ไม่ตอบแสดงว่าไม่มีอะไรใช่มั้ย?
งั้นฉันเข้าห้องดีกว่า = =;;;
“นะ...นี่!”เสียงของโทโมะนั้นเหมือนๆจะเรียกให้ฉันหันกลับไป
แต่ฉันไม่หันหรอกเดินเข้าห้องตัวเองเลยดีกว่า ก็เมื่อกี้หันไปแล้ว ถามแล้ว แต่ไม่ตอบเองนี่! แถมยังเชิดใส่ฉันอีกต่างหาก ทำตัวเป็นเด็กไปได้นะโทโมะ = =;;; แต่ภาพลักษณ์ของเขานี่นับวันจะยิ่งแตกต่างจากตอนแรกที่ฉันเจอเลยนะเนี่ย ตอนนั้นนี่แทบไม่พูด แต่เดี๋ยวนี้สังเกตละ
พูดมากยิ่งกว่าเดิมเสียอีก!
เย็นวันนั้น...
“อ้าวแก้วทำไมวันนี้กลับเร็วล่ะลูก?” พ่อฉันถามเมื่อเห็นว่าฉันเดินเข้ามาในบ้านในเวลาเพียงทุ่มกว่าๆเท่านั้นจากที่ปกติฉันจะกลับประมาณสามสี่ทุ่มกว่าๆ
“วันนี้ฟางปิดร้านเร็วน่ะพ่อ เห็นว่าจะไปงานกินเลี้ยงบ้านญาติ” ฉันบอกพ่อก่อนจะเดินเอากระเป๋าไปวางไว้บนโต๊ะข้างๆกับทีวีแล้วมานั่งลงข้างๆพ่อตรงโซฟา
“แก้ว เดี๋ยวพ่อวานแก้วไปดูโทโมะหน่อยสิลูก”
ขวับ!
“เขาเป็นอะไรอ่ะพ่อ O_O?” ฉัน รีบถามขึ้นเมื่อพ่อพูดแบบนั้น แต่เมื่อพ่อเห็นฉันเป็นแบบนี้พ่อก็มองมาที่ฉันยิ้มๆจนฉันต้องทำสีหน้าของตัว เองให้เป็นปกติทั้งๆที่ในใจนั้นห่วงโทโมะอยู่เหมือนกันที่พ่อพูดแบบนั้น
“เขาไม่ได้เป็นอะไรหรอกลูก แต่พ่อแม่โทโมะเขาไม่อยู่บ้านน่ะ พ่อเลยอยากให้ลูกไปดูหน่อย ”
“แล้วทำไมพ่อไม่ไปดูเขาเองละค๊า” ฉันพูดลากเสียงแล้วเมินหน้าไปทางอื่น
“ก็พ่ออยากจับคู่ให้พี่แก้วกับพี่โทโมะไง ^O^//” เสียงของพิชชี่เอ่ยขึ้นเสียงดังแล้วเดินมานั่งอยู่โซฟาฝั่งตรงข้ามฉัน
“จะบ้าเหรอพิชชี่ พ่อก็แค่อยากให้พี่แก้วเขาไปดูพี่โทโมะเขา แค่นั้นเอ๊งงง”
“แค่นั้นเอ๊งงงง” พิชชี่พูดล้อเล่นพ่อ
“อ่าๆเดี๋ยวหนูไปดูเขาก็ได้” ฉันบอกพ่อก่อนจะลุกขึ้นเดินขึ้นไปบนห้องตัวเอง กะว่าจะอาบน้ำทำอะไรให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยไปดูโทโมะ
ให้ตายสิ พ่อนะพ่อ หนูรู้นะว่าพ่อคิดอะไรอยู่น่ะ = =;;;
สักพักต่อมา...
ปิ๊งป่อง!
ใน ที่สุดฉันก็มายืนอยู่หน้าบ้านของโทโมะแล้วกดออดแต่ก็ไม่มีแม้เสียงตอบรับแถมโทโมะ ก็ไม่ได้เดินออกมาเปิดประตูรั้วบ้านให้ฉันด้วย แล้วมันเงียบอ่ะ เอ...แล้วเมื่อกี้โทโมะเขาได้ยินเสียงกดออดรึปล่าวนะ?
ปิ๊งป่อง!
“...”ฉันตัดสินใจลองกดออดอีกครั้งแต่ผลปรากฏว่า...
เงียบ = =;;;
ไม่สัญญาการเปิดประตูจากการกดออดที่ท่านเรียก=[]=;;;
แอ๊ด...
และด้วยความเสียมารยาทฉันจึงเปิดประตูรั้วเข้ามาก็พบว่ามันไม่ได้ล็อคนี่นา...
ฉันเข้ามาจนถึงประตูบ้านเขาแล้วก็แอบชะเง้อมองผ่านผ้าม่านตรงหน้าต่างก็พบว่าไม่เห็นมีใครเลยสักคน แล้วโทโมะไปอยู่ไหนล่ะเนี่ย?
ก๊อกๆๆๆ
“โทโมะอยู่มั้ย?”ฉัน เคาะประตูแล้วเรียกโทโมะแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆเลยสักนิด และด้วยเหตุใดก็ไม่ทราบที่ทำให้ฉันก้มลงไปมองลูกบิดก่อนจะบิดมันและมันก็ไม่ ได้ล็อคอีกแล้วเนี่ยสิ
ทำไมไม่ล็อคประตูด้วยนะ ฉันยังจำได้เลยตอนนั้นที่ฉันป่วยโทโมะยังว่าฉันที่ไม่ยอมล็อคประตู แล้วดูเขาสิ เขากลับไม่ยอมล็อคมันเสียเอง จริงๆเลยนะ!
แอ๊ด...
“โทโมะ...”ฉัน เปิดประตูเข้ามาแล้วเรียกโทโมะแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับอะไรใดๆเลยในบ้านก็เงียบ มากเหมือนไม่มีคนอยู่อย่างงั้นแหละ เอ...แต่ถ้าไม่อยู่ทำไมไม่ยอมล็อคบ้านล่ะ?
ฉันเดินเข้าในตัวบ้านแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆแต่ก็ไม่พบโทโมะอยู่ดี
“หรือว่าอยู่ข้างบน”ฉันพูดแล้วมองไปตรงบันไดพลางคิดว่าจะขึ้นไปดูดีมั้ยนะ?
ขึ้น ไม่ขึ้น ขึ้น ไม่ขึ้น? จะดีเหรอ?
เอ่อ...แต่บ้านเงียบแบบนี้ฉันว่าขึ้นไปดูหน่อยก็ดีนะเผื่อเขาเป็นอะไรไง
ตึก...ตึก...ตึก
เมื่อคิดแบบนั้นฉันก็ตัดสินใจเดินขึ้นบันไดไปแต่พอขึ้นมานี่ฉันถึงกับ ชะงักไปเลยทีเดียวเมื่อเห็นว่ามีประตูห้องนอนที่มันถูกเปิดอ้าอยู่ ซึ่งฉันคาดว่าคงจะเป็นห้องนอนของโทโมะล่ะมั้ง?
“...โทโมะ” ฉันเรียกแล้วเดินไปดูก่อนจะเอาหัวเข้ามาในห้องวีแล้วมองไปรอบๆก็ปรากฏว่าไม่มี “โทโมะ...นายอยู่มั้ยเนี่ย?” สุดท้ายฉันก็ต้องเดินเข้าในห้องของเขาจนได้สายตาก็กวาดมองไปรอบๆจนกระทั่ง...
แอ๊ด...
ขวับ
จึก!
“กรื๊ดดดดดด” ฉัน ร้องออกมาเมื่อจู่ๆก็ได้ยินเสียงประตูเปิดแต่พอหันกลับไปมองเท่านั้นแหละถึง กับตกใจจนต้องเอามือยกขึ้นปิดตาเพราะว่าโทโมะเดินออกมาจากห้องน้ำในตัวห้องนอน ของตัวเองแถมที่ฉันเห็นแว๊บๆนี่เขายังนุ่งผ้าขนหนูอยู่เลย
อ๊ากกกกกกก อยากจะบ้า! ฉันนี่ไม่น่าขึ้นมาเล้ย!แถมลืมคิดไปเลยด้วยว่าบางทีเขาอาจจะอยู่ในห้องน้ำ ฮืออออออออออ YOY!!!!
“นี่เธอเข้ามาได้ไงเนี่ย?” โทโมะถามเหมือนตกใจหน่อยๆแต่ฉันก็ไม่ได้เอามือสองข้างออกจากหน้าของตัวเองเลย
“พะ...พ่อเราให้มาดูนายอ่ะ เราเห็นบ้านเงียบเลยขึ้นมาดู”
“อ๋อ เป็นห่วงกลัวฉันเป็นอะไรช้ะ?”
“บ้าเหรอ!”ฉันถียงออกไปอย่างทันควันและรับรู้ถึงความร้อนตรงแก้มสองข้างของตัวเอง “นายก็ใส่เสื้อผ้าสิ! ใส่รึยัง?”
“บอกตรงๆเห็นเธอเขินแบบนี้ฉันยิ่งไม่อยากใส่เลยแหละ ฮ่าๆๆๆ”
“บ้า!”
นี่โทโมะพูดอะไรของเขาเนี่ย?! เขาไม่คิดเลยเหรอว่ายิ่งพูดแบบนี้หัวใจของฉันยิ่งเต้นแรงจนแทบจะบ้าตายอยู่แล้วนะ! ><//////
“...”
“โอเค สรุปคือนายไม่ได้เป็นอะไร งั้นเรากลับก่อนละกัน” ฉันบอกแล้วค่อยเอามือออกจาหน้าแต่ก็หรี่ตาแล้วพยายามที่จะไม่มองไปที่โทโมะเด็ดขาด!
แต่ทว่า...ในตอนที่ฉันกำลังจะเดินออกจากห้องของโทโมะนั้นนั่นเอง!
หมับ!
“นี่ มาดูฉันแค่นี้เองเหรอ?”โทโมะใช้ฝ่ามือของเขากระชากข้อมือฉันให้หันกลับจนหน้าฉันแทบจะชนเข้ากับแผ่นหน้าอกที่มันเปียกน้ำหมาดๆของเขา
อ๊ากกกกกกก แม่เจ้า! อยากจะบ้าตาย! >//////<
“แล้วนายจะเอาอะไรอีกล่ะ” ฉันเงยหน้าขึ้นไปถามโทโมะ และผมที่ของเขาเพิ่งสระเปียกๆนั้นหยดน้ำจากปลายผมเขามันหยดลงมาบนหน้าของฉันทีละหยดๆ จนฉันเริ่มหัวใจเต้นแรง เพราะว่าตอนนี้ยอมรับเลยว่าเขินมาก!
“ไม่คิดจะถามฉันหน่อยเหรอว่า กินอะไรรึยัง? หิวมั้ย?” โทโมะถามด้วยเสียงนอยๆแต่ฉันเนี่ยสิยิ่งจะสติแตกที่เขาโน้มหน้าลงมาใกล้ๆ จนลมหายใจอุ่นของเขานั้นรินรดบนปลายจมูกของฉัน
ตึกตักๆๆๆๆๆๆๆ
บ้าจริง! ถามอย่างเดียวก็ได้นี่? ทำไมจะต้องโน้มหน้าลงมาด้วยและตอนนี้ใจฉันนั้นเต้นแรงไม่เป็นส่ำแล้วเนี่ยรู้มั้ย?
แล้วยิ่งอยู่ในสภาพที่มันล่อแหลมแบบนี้ถ้าเกิดโทโมะคิดบ้าอะไรขึ้นมาแล้วฉันจะทำยังไง!?
“หิวนายก็กินสิไม่เห็นยากเลย”
“แต่ฉันไม่ชอบทำอาหาร! ขี้เกียจ! จบป๊ะ?”โทโมะบอกแล้วบีบข้อมือฉันแน่นขึ้นอย่างแสดงอาการเอาแต่ใจ
“เอาแต่ใจ!”ฉันว่าแล้วมองโทโมะตาเขียว
“ทำข้าวให้ฉันกินเลยนะ ถือว่าชดเชยเรื่องเมื่อเช้า-^-! ”
“ชดเชย?”ฉันเค้นเสียงถามโทโมะอย่างงงๆ
“ใช่! ชดเชย”
“เรื่อง?”
“ก็ที่ไปคุยกับไอ้มิณท์เน่านั่น แถมยังเดินเมินฉันเข้าห้องตัวเองอีก แบบนี้อ่ะเธอชดเชยฉันมาเลย!”
“ถ้านายจะให้เราทำข้าวให้นายกินด้วยเหตุผลของนายที่คิดว่าเราทำผิดทั้งๆที่เราไม่ได้ทำอะไรเลย เราก็ไม่ทำให้หรอก! ><!” ฉันตอกกลับไปแต่ดูเหมือนว่าโทโมะจะยิ่งไม่พอใจ
อะไรล่ะ! ก็เขาไม่มีเหตุผลเองนี่?
“ก็ฉันหึง! ได้ยินมั้ย?”
ดะ...ได้ยินเต็มสองรูหูเลย =//////=;;;;
“O///////O”
“งั้นเธอก็เลือกเอาเองละกันว่า...จะทำข้าวให้ฉันกิน หรือจะให้ฉันกินเธอแทน!”
เฮือก!
อะ...อะไรนะ!
ตอนนั้นฉันตกใจจนเบิกตากว้างออกมาที่โทโมะพูดจาล่อแหลมแบบนี้และฉันก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงสภาวะที่ไม่ปลอดภัยกับตัวเองแล้วด้วยสิ ให้ตายเหอะ! นี่ฉันกำลังเป็นรองเขาอยู่ใช่มั้ย? เพราะเขาเปลือยท่อนบนอยู่ด้วยและถ้าโทโมะทำอย่างที่พูดจริงๆล่ะ? ไม่น้า YOY!!!
“นายไม่กล้าหรอก”ฉันพูดออกไปถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่ก็ตาม
“แน่ใจอ่ะ?”โทโมะถามแล้วเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งมาให้
และเพราะมันเป็นแบบนี้แหละจนฉันตัดสินต้องยอมเขาแต่โดยดีฮืออออออ TOT!!! โชคร้ายอะไรของแก้วคนนี้เนี่ยยยยย ชดเชยทั้งๆที่ไม่ได้ทำผิดเนี่ยนะ พับผ่าเห๊อะ!
“โอ๊ยยย โอเค๊! เราทำให้ก็ได้! แต่ขอร้องปล่อยมือเราสักทีเถอะ >//////<” ฉันบอกโทโมะและเมื่อโทโมะได้ยินแบบนั้นเขาก็ยิ้มแยกเขี้ยวออกมาเหมือนว่า ‘ฉันชนะ!’
ใช่เซ่! ตอนนี้ตัวเองมีอำนาจเหนือกว่าฉันนิ ชิ! ><!
“งั้นขอข้าวผัดนะ ^____^” โทโมะ บอกแล้วปล่อยมือฉันออกและเมื่อได้จังหวะฉันก็รีบเดินออกมาจากห้องของโทโมะทันที พร้อมกับหัวใจที่สั่นระรัวว่าเมื่อกี้เกือบจะโดนดีเข้าให้แล้วไงล่ะ
บ้าจริง! ทำแบบนี้โทโมะนี่ตั้งใจจะแกล้งฉันชัดๆเล้ย >O<
___________________________________________________________อัพแล้วนะจ้ะ เม้นกันหน่อยยยยย ><
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ