Stop หยุดหัวใจนายเย็นชา

9.6

เขียนโดย NannyCandy

วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.18 น.

  43 chapter
  860 วิจารณ์
  68.39K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

30) - Something I Will Tell You -

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

- Something I Will Tell You -

( บางอย่างที่ผมจะบอกคุณ )

 

กลางวันของวันนั้น...

 

 

[ บันทึกพิเศษ : โทโมะ ]

 

 

“ทำไมแกต้องโทรลากฉันมาด้วยวะเนี่ย ><?”

 

 

      ป๊อปปี้เอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิดหน่อยๆหลังจากที่เมื่อตอนกลางวันผมโทรหามันให้มา รับผมที่บ้านแล้วก็มานั่งเล่นอยู่ตรงสวนเล็กๆข้างๆร้านกาแฟของร้านฟางที่แก้วมาทำงานอยู่ ใช่! ผม ก็ตามมาดูเธอเหมือนๆกับที่ผ่านมานั่นแหละครับ แต่ว่าคราวนี้ที่ผมพาไอ้ป๊อปปี้มาด้วยเพราะว่าวันนี้ผมจะหาจังหวะคุยกับฟาง เรื่องแก้วยังไงล่ะว่าแก้วเป็นยังไงอะไรยังไงบ้าง

 

 

          และถ้าฟางไม่ให้ความร่วมไอ้ป๊อปปี้ก็อาจจะช่วยผมพูดได้บ้างแหละน่า 

 

 

         แต่รู้ม๊ะ? ว่าตอนที่ผมโทรหาไอ้ป๊อปปี้ชวนมันมามันบอกไม่อยากมาหร๊อก ยังไงก็ไม่มาเด็ดขาด! แต่สุดท้ายมันก็มาอยู่ดี ( อะไรของไอ้ป๊อปปี้มันวะ = =;;;)

 

 

“เอาน่า นานๆฉันจะขอร้องให้แกมาเป็นเพื่อนที” ผมบอกแล้วหยิบน้ำกาโตะรสส้มขึนมาเปิดกระดกดื่มแก้เซ็ง

 

 

“ก็ปกติฉันก็เห็นแกมาคนเดียวแล้วทำไมวันนี้โทรให้ฉันมาด้วยวะ =[]=?”ป๊อปปี้ที่นั่งอยู่ข้างๆหันมาถามผมก่อนที่มันจะเอานิ้วขึ้นมาชี้หน้าผมเหมือนว่าจะจับผิดกัน “นี่แกคงไม่ได้จะจับให้ฉันมาเจอกับยัยหน้าแบนนั่นใช่มั้ย?”

 

 

“ปล่าว ไม่ได้จับเว้ย” ผมได้ยินแบบนั้นก็รีบอธิบายให้มันฟังแต่ก็อดที่จะขำออกมาหน่อยๆไม่ได้เพราะว่าไอ้ป๊อปปี้มันกังวลกลัวผมจับคู่มันกับฟางให้มั้ง?

 

 

       แต่ตามจริงผมก็แอบจงใจอยู่นะ ฮ่าๆๆๆ ^O^//

 

 

“แน่นะเว้ย - -!”

 

 

“ก็แกไม่ได้ชอบฟางก็ไม่เห็นต้องกังวลอะไรนี่หว่า อีกอย่างบ้านแกอยู่ใกล้ฉันที่สุดฉันก็เลยชวนแกไง”

 

 

“จริงนะ”

 

 

“ฉันเคยโกหกแกเหรอ = =?” เมื่อผมถามแบบนั้นป๊อปปี้มันก็ชะงักไปพร้อมกับส่ายหน้าไปมา

 

 

      ใช่! ผม ไม่เคยโกหกอะไรเพื่อนในกลุ่มหรอกจะมีก็แค่เรื่องที่แก้วที่ตอนแรกผมยังไม่ ยอมรับว่าชอบเธอ จนกระทั่งสุดท้ายก็ยอมรับได้เต็มปากเลยว่าชอบยัยนั่นเข้าแล้วจริงๆจนยากจะ ถอนตัว ผมรุ้ว่าตัวเองอาจจะรู้ตัวช้าไปหน่อย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ตาม ก็ดีกว่าผมไม่รู้แล้วกัน

 

 

“แล้วแกจะเอาไง ให้ฉันนั่งรอเป็นเพื่อนแกถึงเย็น?”

 

 

“ไม่ถึงหรอก แค่รอจังหวะฟางออกมาจากร้านแล้วฉันจะเรียกยันนั่นมาคุย”

 

 

“แล้วทำไมไม่เข้าไปหาในร้านเลยวะ =[]=?”

 

 

“ถ้าฉันเข้าไปแก้วก็เห็นฉันอ่ะดิ”

 

 

“อ้าว! แล้วปกติแกก็นั่งรอแก้วกลับบ้านแล้วแกคอยเดินตามเธอว่างั้น?”

 

 

“เออ” เมื่อผมพยักหน้าตอบป๊อปปี้มันก็ทำหน้าเหมือนกับว่าไม่อยากเชื่อว่าผมทำแบบนี้ทุกๆวัน

 

 

           แต่ถึงจะมานั่งรอแก้วแบบนี้ทุกๆวันแบบนี้ เชื่อมั้ย? ว่า ผมไม่เคยรู้สึกเบื่อหรืออะไรเลยซักนิดเดียว ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่ผมเดินตามเธอกลับในตอนเย็นผมก็จะได้คอยสังเกตว่าเธอแวะ ที่ไหนบ้างอะไรบ้างไง อย่างที่พ่อผมบอกไง  แต่ยังไงซะ! ผมก็ต้องขอความร่วมมือจากฟางในเรื่องของแก้วอยู่ดี!

 

 

          เพราะสองคนนั้นสนิทกันฟางคงพอจะรู้แหละว่าแก้วชอบอะไรไม่ชอบอะไร ผมจะได้เอาใจแก้วถูกไง ^^ แต่ยอมรับเลยว่าเมื่อเช้าโค - ตะ - ระ ดีใจอ่ะที่ยัยนั่นพูดด้วยนั่นทำให้ผมยิ้มแป้นถึงแม้มือของตัวเองจะเจ็บและเป็นแผลอยู่ก็ตามแหละนะ ^_^

 

 

      ก็คงเป็นเพราะความกวนประสาทของผมเองนั่นแหละ แต่ปกติผมไม่ใช่คนนิสัยแบบนั้นนะ แต่แก้วดันบังคับให้ผมทำแบบนั้นเองนี่? ช่วยไม่ได้เน๊อะ อืมมมมม แต่ก็ต้องขอบคุณเพื่อนของผมนั่นแหละที่ช่วยแนะนำ และผมคิดว่าการง้อสักคนเนี่ยมันควรที่จะใช้ ‘ความสุข’ เข้าง้อมากกว่า ‘ความจริงจัง’ ซะส่วนใหญ่นะ

 

 

     เพราะบางทีการจริงจังมากเกินไปเรื่องมันก็อาจจะใหญ่บานปลายไปเรื่อยๆเหมือนอย่างผมตอนแรกๆไง...

 

 

     และถ้าเดาว่าตอนนี้ผมยังทำแบบนั้นอยู่ล่ะก็ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าระหว่างผมกับแก้วนั้นจะห่างกันไปมากกว่าเดิมสักแค่ไหน

 

 

“เฮ้ยๆๆๆ โทโมะ” ระหว่างที่ผมกำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆอยู่ไอ้ป๊อปปี้ที่นั่งอยู่ข้างๆผมก็รีบสะกิดแขนเสื้อผมอย่างลุกลี้ลุกลน

 

 

“อะไร”

 

 

“ยัยฟางออกมาแล้ว จะรีบทำอะไรก็รีบดิวะ ><!”

 

 

      เมื่อ ป๊อปปี้บอกผมก็หันไปเห็นว่าฟางเดินลงบันไดออกมาจากร้านแล้วหิ้วถุงขยะออกมา ทิ้งเหมือนๆกับทุกวัน นั่นแหละผมจึงลุกแล้วก็เดินก้มตัวลงหน่อยๆไปหาฟางที่เพิ่งทิ้งขยะลงถังเสร็จ แล้วทำท่าว่าจะเดินกลับขึ้นไปบนร้าน แต่ด้วยความที่ร้านเป็นร้านกระจกใสผมจึงต้องระวังเพราะไม่อยากให้แก้วที่ เดินๆเสิร์ฟกาแฟอยู่หันมาเห็นเข้า

 

 

      และตั้งแต่เมื่อวานเธอคงจะรู้แล้วแหละว่าผมอาจจะแอบตามเธอกลับบ้านก็ เป็นได้ ฉะนั้นวันนี้จะให้เธอเห็นว่าผมตามเธอไม่ได้เด็ดขาด  ไม่งั้นแผนต่อไปของผมคงลำบากหน้าดูเลยล่ะ

 

 

“ฟาง…ฟาง” ผมเรียกฟางจากนั้นฟางก็หยุดชะงักจากการเดินแล้วหันมาเห็นว่าเป็นผมเธอจึงเบิกตากว้างเหมือนประหลาดใจว่าทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่

 

 

“นายมานี่ได้ไงอ่ะ OoO?”

 

 

“มานี่แป๊บนึงดิ ขอคุยด้วยหน่อย” ผมบอก แต่ฟางก็แค่ทำหน้างงๆก่อนจะมองขึ้นบนร้านแล้วหันมาบอกกับผม

 

 

“ฉันคุยนานไม่ได้นะ”

 

 

      เมื่อฟางพูดแบบนั้นผมก็พยักหน้าแล้วเดินนำฟางไปยังสวนข้างๆร้านซึ่งไอ้ป๊อปปี้มันก็ กำลังนั่งเล่นกดโทรศัพท์แชทจีบสาวอยู่มั้งดูหน้ายิ้มระรื่นมีความสุขเสีย เหลือเกิน แต่พอมันเงยหน้าขึ้นมาเห็นฟางเท่านั้นแหละมันถึงกับหน้าบูดขึ้นมาเชียว

 

 

“อยู่ในชุดเด็กเสิร์ฟแบบนี้ก็ยังพอดูได้” มันเค้นเสียงพลางมองฟางอย่างประเมินจนฟางที่อยู่ข้างๆผมถึงกับถอนหายใจออกมา  

 

 

 

“มีอะไรก็รีบว่ามา”

 

 

“รีบทำไมกลัวร้านหายไง๊” ป๊อปปี้ขัดขึ้นเมื่อฟางบอกผมอย่างนั้นและนั่นแหละทำให้ผมหันมองมันที่กำลังนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ด้วยสายตาดุๆ

 

 

       นี่ผมบอกให้มันมาช่วยพูดนะเว้ย ไม่ใช่มากวนประสาทฟาง ><!

 

 

“ไม่ได้กลัวร้านหายแต่แค่ไม่อยากเห็นหน้าหมาบางตัว”

 

 

“ยัย...!”

 

 

“ไอ้ป๊อป - -!” ผมดุมันอีกครั้งจนมันต้องหุบปากของตัวเองลงในทันใด

 

 

“แล้วนายมานี่ได้ไงเนี่ย นี่อย่าบอกนะว่าแอบตามแก้วมาอ่ะ”

 

 

“อืม แอบตามมาตั้งหลายวันแล้ว” เมื่อผมบอกไปแบบนั้นฟางก็ทำท่าอ้าปากว๋อเลยทีเดียว

 

 

“อ๋อ มิน่าล่ะ” แต่หลังจากนั้นเธอก็ยิ้มออกมาแล้วเอามือกอดอกพลางส่ายหัวไปมา “ก็เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาแก้วมันก็บอกว่าเหมือนมีคนตามมันตอนเดินกลับบ้าน ที่แท้ก็นายนี่เอง”

 

 

“อืม วันนี้ฉันแค่อยากจะมาถามอะไรเธอหน่อยน่ะ...”

 

 

“ถ้าเกิดจะให้ฉันช่วยเรื่องแก้วอ่ะ ฉันช่วยนายไปหน่อยนึงแล้วนะ”

 

 

       เมื่อฟางบอกผมแบบนั้นผมถึงกับงงหน่อยๆว่าฟางช่วยจริงเหรอ ก็ไหนตอนนั้นไอ้ป๊อปปี้มันบอกว่าฟางจะไม่ช่วยไง ยังไงกันแน่วะเนี่ย = =?

 

 

“ไหนบอกว่าไม่ช่วยไง”ป๊อปปี้พูดพลางลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้มายืนข้างๆผม

 

 

“ตอนแรกก็คิดแบบนั้นแหละ”

 

 

“อ้าว? แล้วทำไม...”

 

 

“ฉันเป็นคนที่รักเพื่อนโทโมะ...”ฟางพูดขัดขึ้นก่อนที่ผมจะพูดจบ“ตอนแรกที่ฉันไม่ช่วยเพราะฉันคิดว่านายไม่ได้ชอบเพื่อนฉัน ถ้าช่วยแล้วมันไม่เป็นอย่างที่ฉันคิดแก้วก็คงเจ็บมากกว่าเก่า...” ฟางบอกพลางเอาแขนขึ้นกอดอกแล้วมองหน้ามองอย่างจริงจัง

 

 

 

      ส่วนไอ้ป๊อปปี้ที่ยืนข้างๆก็ถึงกับนิ่งไปไม่ได้พูดหยอกล้ออะไรต่อจากนั้น  แต่เชื่อดิเดี๋ยวอีกสักพักมันก็พูดขัดขึ้นอีกแหละผมว่า = =;;;

 

 

“...”

 

“แต่ พอฉันลองสังเกตอะไรหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นกับนายแล้วก็แก้ว  ฉันก็คิดว่านายอาจจะจริจริงใจกับเพื่อนจริงๆก็เลยลองช่วยพูดให้ไปหน่อยนึง แต่แก้วก็ไม่ยอมรับเพราะยังคงไม่มั่นใจ”

 

 

“...” “แล้วถ้านายอยากให้ฉันช่วยอะไรอีกล่ะก็ งั้นฉันขอถามนายหน่อยละกันว่าสิ่งที่ฉันคิดที่ผ่านมานี่มันผิดหรือถูกที่ช่วยพูดให้นายน่ะ”

 

 

      เมื่อฟางถามผมแบบนั้นผมก็สูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะตอบออกไปตามตรงว่า...

 

 

“เธอคิดไม่ผิดหรอก...เพราะว่าฉันชอบแก้วจริงๆ” เมื่อผมบอกฟางก็ยิ้มมาให้บางๆเหมือนว่าเธอกำลังคิดอะไรสักอย่างอยู่ข้างในใจ

 

 

“บอกแล้วไม่ยอมเชื่อ” ป๊อปปี้ที่อยู่ข้างๆเอ่ยขึ้นแต่ก็โดนฟางสวนกลับมาอยู่ดี

 

 

“ไม่ได้คุยกับนายอย่าเอ่ยได้ป๊ะ = =;;;”

 

 

“เห็นมั้ยไอ้โทโมะ! ว่าฉันช่วยไรแกไม่ได้หรอก เพราะยัยนี่ไม่คิดจะฟังฉันเลย”

 

 

“ถ้านายไม่พูดกวนเท้าฉัน ฉันก็คงจะฟังอยู่หรอกนะ ^^”  

 

 

“เห๊อะ! หน้าแบน...”

 

 

“ว่าไงนะ!?”

 

 

       ฟางถึงกับขึ้นทันทีที่ไอ้ป๊อปปี้มันด่าเธอว่า ‘หน้าแบน’ ซึ่งเป็นคำด่าที่ตั้งแต่สองคนนี้ทะเลาะกันมานี่คำนี้ทำให้ ‘ฟาง’ คนนี้ขึ้นสุดๆ แต่ฟางก็ไม่ได้หน้าแบนขนาดนั้นนะ ผมว่าเธอก็น่ารักดีออกทำไมไอ้ป๊อปปี้มันถึงหมั่นไส้เธอนักวะ =[]=;;;  แต่ช่างเหอะ!  เพราะผมเชื่อได้เลยว่าถ้าหากวันไหนฟางไม่ได้มาทะเลาะกับมันหรือว่าถ้าเกิด ฟางมีแฟนเดี๋ยวไอ้ป๊อปปี้มันก็คิดได้เองเหมือนที่ผมคิดได้นั่นแหละ

 

 

      ว่าคนที่สำคัญที่สุดของหัวใจคือใคร...

 

 

       แต่ตอนนี้ผมคงจะต้องพยายามไม่ให้สองคนนี้ทะเลาะแล้วแหละ = =;;;

 

 

“ฉันบอกว่า หน้า - แบน!” ไอ้ป๊อปปี้ย้ำทีละคำอย่างจงใจกวนประสาทฟางจนฟางถึงกับหน้าแดงขึ้นมานั่นแหละผมถึงหันไปตบไหล่มันดังตุ้บ

 

 

ตุ้บ!

 

 

“ฉันให้มาช่วยตอนที่จะมีปัญหา แต่นี่แกมาทำให้เกิดเรื่องซะงั้น?” ผมดุ

 

 

“โอ๊ะ เงียบก็ได้วะ YOY” มันบ่อนก่อนจะมองฟางแล้วเชิดหน้าไปทางอื่น

 

 

      ดูมันนะ = =;;;

 

 

“โทโมะเพื่อนนายก็มีเยอะแยะนะ ถ้าเกิดว่าคุยกับฉันแล้วกลัวมีปัญหาจริงๆก็น่าจะพาเพื่อนคนที่พอจะมีหลักการหรือว่าเหตุผลในการพูดมาดีกว่า”

 

 

“โถ่! คิดว่าฉันอยากมาเจอหน้าเธอรึไง? นี่ถ้าไม่ติดว่าบ้านฉันอยู่ใกล้กับบ้านไอ้โทโมะที่สุดฉันไม่มีทางมาหรอกเว้ย ><!”

 

 

“หุบปากปากเหม็นๆของนายไปซะ! ฉันจะคุยกับโทโมะ” ฟางบอกอย่างสุดทนจนผมคิดว่าถ้าเกิดไอ้ป๊อปปี้มันกวนประสาทเธออีกรอบเธอคงจะเดินออกไปจากตรงนี้ชัวๆ “แล้วนายน่ะ แน่ใจแค่ไหนว่าชอบเพื่อนฉันจริงๆ” ฟางถาม  

 

 

           และคำถามนั้นก็ทำให้ผมรู้ได้เลยว่าฟางนั้นแคร์แล้วก็ห่วงแก้วเพื่อนของเธอ มากแค่ไหน เพราะการถามแบบนี้เธอถามเพื่ออยากให้ผมแน่ใจในตัวเองที่สุดว่าจริงใจกับ เพื่อนของเธอจริงๆ ซึ่งนับตั้งแต่ตอนนี้แหละที่ผมจะพยายามทำให้มันดีกว่าครั้งเก่าๆ

 

 

          ถึงแม้ว่าผมอาจจะไม่รู้ว่าจะต้องดีมากแค่ไหน แต่ผมแค่จะทำให้มันเป็นไปตามความรู้สึกของตัวเองแค่นั้นก็พอแล้ว  เพราะว่าเรื่องแบบนี้ผมไม่เคยคิดที่จะกำหนดมันหรอกครับว่ามันจะต้อง ‘ดีที่สุด’ เพราะผมไม่รู้ว่าคำว่า ‘ที่สุด’ นี้มันคืออะไรกัน

 

 

“ฉันตอบไม่ได้หรอกว่าฉันชอบเพื่อนเธอแค่ไหน เพราะมันมากจนยากจะนับ”

 

 

“แล้วทำไมนายไม่บอกแก้วไปล่ะว่านายรู้สึกยังไง” ฟางบอกผมและนั่นแหละคือสิ่งที่ผมอยากให้ถามที่สุดว่าทำไมผมถึงยังไม่อยากบอกกับแก้วไปว่ารู้สึกอะไร

 

 

“เพราะ ฉันไม่รู้ถ้าฉันบอกแก้วไป แก้วจะเชื่อใจฉันรึปล่าว เพราะที่ผ่านมาฉันก็เอาแต่ไร้เหตุผลซะส่วนใหญ่ แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าจะลองใช้การกระทำสื่อให้แก้วรู้มากกว่าคำพูด...”

 

 

“...”

 

 

“และถ้าแก้วเริ่มที่จะคุยกับฉัน ตอนนั้นแหละฉันจะบอกเอง...”

 

 

 “อืมมม เอาตรงๆนะผู้หญิงอ่ะ เขาชอบความกระจ่าง ชอบความชัดเจน ยิ่งแก้วแล้วอ่ะเธอเป็นคนที่คิดเยอะนะแต่ไม่แสดงออกฉันมองฉันก็รู้แล้ว ฉะนั้นนายก็ขยันทำคะแนนหน่อยละกันพอได้โอกาสก็บอกเธอซะ อย่าปล่อยให้เวลามันผ่านไปแล้วแก้วมันค้างคาอยู่แบบนี้ เพราะถ้านายมั่นใจแล้วว่านายไม่ได้รู้สึกอะไรกับคลอรีนแล้ว และนายรู้สึกแบบนั้นจริงๆกับแก้วก็บอกไปเลย ”

 

 

“...”

 

 

“และที่นายบอกฉันว่าจะใช้การกระทำสื่อนี่หมายถึงนายกลัวพูดอะไรไปแล้วมันเผลอไปทำร้ายจิตใจแก้วโดยไม่รู้ตัวอย่างงั้นเหรอ?”

 

 

“นั่นก็...ใช่แหละ”

 

 

      ผม ตอบไปตามตรงเพราะว่าความรู้สึกข้างในของผมเองก็กลัวด้วยแหละว่าจะเผลอพูด อะไรที่ทำร้ายจิตใจแก้วออกไปถึงแม้ว่าเมื่อเช้ามันอาจจะทำให้ผมมั่นใจได้ หน่อยๆแล้วว่าแก้วเริ่มพูดกับผมแล้ว แต่ถ้าเกิดผมพูดแบบจริงจังขึ้นมาแล้วโดนเมินอีกนี่ผมก็ไม่รู้วัตัวเองจะควบ คุมอารมณ์ของตัวเองได้สักแค่ไหน

 

 

      เพราะว่าผมไม่เคยพูดเยอะขนาดนี้มาก่อน พอมาเจอบทที่ต้องพูดมันก็...กังวลหน่อยๆนะ

 

 

“อันนี้ฉันเข้าใจเพราะเท่าที่ฉันรู้จักกลุ่มพวกนายมานายน่ะเงียบสุด แต่พอมาเห็นนายพูดมากขึ้นแบบนี้บอกตรงๆว่าฉันเองก็แปลกๆเหมือนกันนะ” ฟางพูดแล้วขำออกมาหน่อยๆ

 

 

       แต่สังเกตอะไรบางอย่างมั้ยครับ? ว่า ตอนนี้ไอ้ป๊อปปี้ที่ยืนข้างๆผมนั้นมันเงียบไปแล้วยืนฟังที่ฟางพูดอย่างไม่มี ค้านอะไรใดๆทั้งสิ้น  สงสัยคงไม่เคยคิดมาก่อนล่ะมั้งว่าฟางที่เห็นแมนๆห้าวๆแบบนี้จะมีมุมเป็น ผู้หญิงจริงจังพูดจาอ่อนโยนแบบนี้เป็น

 

 

       นี่สินะที่เขาบอกว่า ‘อย่ามองกันที่ภายนอก’ ^^

 

 

“...”

 

 

“แต่ ถ้าฉันเป็นนายนะ ฉันจะบอกความรู้สึกที่ฉันมีต่อคนที่ฉันคิดว่าฉันชอบเขาคนนั้นจริงๆไปเลยแหละ เพราะมันก็ถือว่าเรามั่นใจแล้วไงว่ายังไงเราก็รักเขารู้สึกดีๆต่อเขา ถึงแม้เขาว่าจะทำเป็นเมินเรา แต่เชื่อสิ! ว่าคำพูดนั้นของเราน่ะมันฝังลงไปในจิตของเขาตั้งแต่ที่เราเอ่ยคำนั้นแล้ว”

 

 

“...”

 

 

“ส่วนเรื่องที่นายจะถามฉันก็คงหนีไม่พ้นเรื่องความชอบของแก้วนั่นแหละ ช้ะ?”

 

 

        ให้ตายสิทำไมฟางถึงดูผมออกเนี่ย ><?

 

 

        ฉลาดเกินไปแล้วนะ!

 

 

“รู้ด้วยแฮะ” ป๊อปปี้พูดเปรยๆอยู่ข้างหูของผม และเมื่อฟางได้ยินแบบนั้นก็หยักยิ้มขึ้นมา

 

 

“ทำไมถึงรู้อ่ะ” ผมถาม

 

 

“ก็...แฟน พี่สาวฉันน่ะก็เคยมาทำนองเดียวกันกับนายนั่นแหละ มาถามว่าพี่ฉันชอบอะไรไม่ชอบอะไรแล้วชอบไปที่ไหนบ้างประมาณนี้อ่ะ แต่ฉันก็ว่ามันก็ดีนะที่ฝ่ายชายเขาใส่ใจฝ่ายหญิงแบบนี้น่ะ มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่า ก็เป็นเพราะเขาแคร์คนๆนั้นไงจึงมาถาม ”

 

 

 

“...”

 

 

“แล้วส่วนที่ฉันจะบอกนายก็มีแค่ว่า แก้วชอบดอกเบญจมาศสีขาวมากๆและที่นายแอบตามเพื่อนฉันกลับบ้านทุกวันนี่สังเกตบ้างมั้ยเนี่ยว่าเพื่อนฉันชอบแวะซื้ออะไรร้านไหนตอนเดินกลับ = =?”

 

 

“ร้าน...”ผมพูดพลางมองขึ้นข้างบนแล้วคิดไปด้วย

 

 

      ร้าน...ชื่อร้านอะไรวะร้านนั้น...เอ่อ...ผมเห็นแหละว่าแก้วเดินเข้า ร้านนั้นบ่อยแต่ตอนนั้นผมไม่ได้สังเกตชื่อร้านอ่ะแต่มันเป็นร้านขายขนมเข้า เรียกขนมอะไรอ่ะ ปิ๊ง! อ้อใช่! โดนัท!

 

 

“...”

 

 

“ร้านขายโดนัท”

 

 

“แล้วแก้วซื้อโดนัทอะไร”

 

 

“เอ่อ...อันนี้ไม่รู้อ่ะ ฉันแอบมองอยู่ข้างนอกไม่ได้ตามเข้าไป”  

 

 

 

“นายก็ต้องตามเข้าไปดูเซ่ ><!  ถ้ายังไม่อยากให้เห็นก็หลบหน้าไปสิแล้วคอยมองไว้อ่ะ ถ้าเกิดจะซื้อจะได้ซื้อถูก โอ๊ะ! นายนี่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ” ฟางว่าผมแล้วส่ายหัวไปมาก่อนจะแบมือมาเหมือนจะขออะไรจากผมจนผมต้องขมวดคิ้วนิดๆ “เอามือถือนายมา”

 

 

“จะเอาไปทำไม?”

 

 

        ผมไม่ใช่คนพูดคำนั้นนะ =[]=;;;

 

 

“ฉันขอมือถือโทโมะไม่ใช่นาย - -!” ฟางบอกป๊อปปี้และเมื่อผมหันไปเห็นไอ้ป๊อปปี้ทำหน้าแบบแปลกๆอ่ะผมก็เดาไม่ออกเหมือนกันแต่มันดูท่าจะไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่  

 

 

 

       แต่ถึงอย่างนั้นผมก็หยิบโทรศัพท์ของผมจากกระเป๋าเสื้อกันหนาวก่อนจะยื่นให้ ฟางฟางก็เอาไปกดก่อนจะส่งคืนให้ผมมาตามเดิม

 

 

“???”

 

 

“นั่นเบอร์ฉันเซฟไว้ให้แล้ว เอาไว้เผื่อมีอะไรจะถามอีกก็โทรมาได้ถ้านายคิดว่าฉันพอจะช่วยบอกอะไรได้บ้างน่ะ” ฟางบอกจากนั้นผมก็พยักหน้ารับ

 

 

“แหมๆๆ หลอกให้เบอร์เพื่อนฉันทางอ้อมรึปล่าวก็ไม่รู้” ป๊อปปี้บอกลากเสียงกวนๆ

 

 

“ไอ้เรื่องแบบนั้นน่ะคนไม่มีสมองเท่านั้นแหละถึงจะคิดกัน”

 

 

“นี่เธอหาว่าฉันไม่มีสมองเหรอ!?”

 

 

“ก็แล้วแต่จะคิดสิ๊ ฉันเอ่ยชื่อนายรึยังล่ะ?” ฟางพูดกับป๊อปปี้ด้วยน้ำเสียงแหลมๆของเธอซึ่งทำให้ป๊อปปี้ยืนอยู่ข้างๆผมถึงกับกัดฟันดังกรอด “ฉันออกมานานแล้วอ่ะ ขอตัวนะ มีอะไรอยากรู้ก็โทรมาได้ สู้ๆ” ฟางหันมาบอกกับผมก่อนจะเดินออกไปจากตรงนี้พร้อมกับคำพูดให้กำลังใจ

 

 

      ซึ่งผมก็รู้สึกดีขึ้นมาเพราะคิดว่าตอนนี้อะไรหลายๆอย่างมันก็คงจะ เริ่มดีขึ้นมาทีละนิดแล้วสินะ คงมีแต่ตัวผมกับแก้วนั่นแหละที่จะต้องทำให้มันกระจ่างแจ้งสักที เอาล่ะ! มาเริ่มภารกิจกัน!

 

 

‘สู้ๆ’  โว๊ะ ทำมาพูดเชอะ”ป๊อปปี้เอ่ยล้อเลียนหลังจากที่ฟางเดินออกไปจากตรงนี้ได้ไม่นานนัก

 

 

“อะไรของแก = =;;;”

 

 

“ปล่าว แค่เห็นยัยนั่นอยากช่วยแกมันก็แปลกๆนิดๆ”

 

 

“หึงฟางแมนเหรอวะ”

 

 

“ไอ้โมะ! แกคิดได้ไง? ยัยนั่นฉันไม่มีทางหึงหรอกเว้ย ไม่มีทางคิดจะจีบด้วย! เพราะผู้หญิงที่ฉันชอบเขาต้องสวยใสเพอร์เฟค ยัยฟางน่ะไม่ได้ครึ่งนึงของสเปคฉันหรอก”

 

 

       ดูมันพูดเข้านะ ทำอย่างกับมันเป็นสเปคของฟางงั้นแหละว๊า = =;;

 

 

       และ ถ้าเกิดว่ามันได้แฟนหวานใสเรียบร้อยน่ารักจริงๆ ผู้หญิงคนนั้นจะเอาไอ้ป๊อปปี้มันอยู่รึปล่าวเหอะ ก็มันดันเล่นเจ้าชู้ซะขนาดนี้ ‘จีบไปทั่วแต่ไม่มั่วนะครับ’ อย่าง เพื่อนผมคนนี้น่ะ ถึงไอ้ป๊อปปี้มันจะเจ้าชู้จริงแต่มันก็ยังไม่เคยมีแฟนสักคน จะมีก็แค่คุยเล่นๆตามประสาคนโสดรักสนุกรักการคุยกับสาวๆเท่านั้นเอง

 

 

       แต่ถึงมันจะเป็นแบบนั้นไอ้ป๊อปปี้มันก็ไม่เคยทำอะไรเสียหายกับผู้หญิงคนไหนเลย นะครับ นอกจากฟางคนนี้แหละที่มันสามารถแสดงความเป็น ‘ตัวตน’ ของมันออกมาได้น่ะ = =;;;

 

 

“อ่าห๊า...” ผมพูดลากเสียงกวนไอ้ป๊อปปี้แล้วยิ้มล้อๆมัน

 

 

“ฉันพูดจริงนะเว้ย”

 

 

“งั้นแก้กล้าสาบานมั้ยล่ะ”

 

 

“ไร้สาระว่ะ ><!”

 

 

         นั่น! พูดแบบนี้แสดงว่ามันต้องมีอะไรชัวๆเลย

 

 

“ก็พูดไป เดี๋ยวสักวันแกเป็นแบบฉันแล้วจะรู้สึกเพื่อนเอ๋ย” ผมบอกก่อนจะเอามือตบหัวไหล่มันเบาๆแล้วเดินไปนั่งลงตรงมานั่งแล้วป๊อปปี้ก็เดินมานั่งลงตามผม

 

 

“ทำอย่างกับคิดว่าฉันชอบยัยหน้าแบนนั่นอย่างงั้นแหละว๊า”ป๊อปปี้พูดพลางเบ้ปากก่อนจะยกมือถือขึ้นมากดเลื่อนๆดูเหล่าบรรดาสาวๆของมัน

 

 

“ฉันว่าฟางก็น่ารักดีออก ทำไมแกถึงชอบด่าฟางวะ” ผมพูดอย่างไม่เข้าใจแต่ก็อดที่จะขำออกมาหน่อยๆไม่ได้

 

 

“แกก็รู้นี่ว่ายัยนั่นทำแสบกับฉันไว้แค่ไหน ทำฉันอับอายต่อหน้านักเรียนคนอื่นๆขนาดนั้นน่ะ ><!”

 

 

“ก็แกไปดึงเปียเขาก่อนทำไมล่ะ เขาก็อยู่ของเขาเฉยๆ”

 

 

“ชิ (-^-)”

 

 

        นั่น คือคำยอมรับแหละครับว่ามันเป็นฝ่ายเริ่มก่อนจนทำให้เรื่องมันมาไกลถึงขนาด นี้  แต่ผมว่าก็ดีนะครับเพราะผมคิดว่าชีวิตไอ้ป๊อปปี้มันแลดูมีสีสันดีนะที่ได้มา ทะเลาะกับฟางเนี่ย ^^

 

 

“แกจะกลับเลยก็ได้นะเว้ย” ผมหันไปบอกไอ้ป๊อปปี้

 

 

“ใช่สิ๊ พาฉันมาด้วยให้โดนยัยนั่นด่า >^<!”

 

 

“แกทำตัวเองต่างหาก = =;;;”

 

 

“แกจะให้ฉันกลับป๊ะล่ะ หรือว่าจะให้อยู่เป็นเพื่อน”

 

 

“เออ อยู่เป็นเพื่อนก็ดีนะ จะได้อยู่รอฟางด้วยไง ^^”

 

 

“พ่อง! ไม่อยู่ดีกว่า”

 

 

“อ้าว ไม่อยู่จริงอ่ะ?” ผมเงยหน้าขึ้นถามเมื่อไอ้ป๊อปปี้มันยืนขึ้นแล้วทำท่าว่าจะเดินออกไปจากตรงนี้เสียแล้ว

 

 

“อยู่แล้วเจอยัยนั่นไม่อยู่ดีกว่า เชิญแกทำภารกิจของแกไปเถอะ มีอะไรก็โทรหาละกัน ไปและ”

 

 

        อ้าวไอ้นี่นิ = =;;;

 

 

        บอกปุ๊บไปปั๊บ! เฮ้อ...ถึงตาผมแสดงเดี่ยวแล้วสินะครับทุกคน 

 

 

 

ดึกของวันนั้น...

 

 

“แล้วเจอกันพรุ่งนี้น้า ^O^//”

 

 

“โอเค๊”

 

 

       น้ำเสียงหวานใสของคนที่ผมกำลังแอบมองอยู่หลังต้นไม้ใกล้ๆเธอหันไปบอกฟางแล้วยก มือบ๊ายบายก่อนจะเดินลงบันไดมา ตอนนี้ผมก็ทำแบบเดิมโดยการหลบเธอแบบเนียนๆ และนี่มันก็ดึกพอสมควรแล้วแหละร้านขายของฝั่งตรงข้ามบางร้านก็พากันปิดร้าน กันเกือบหมดแล้วจนถนนแถวนี้มันเงียบสงบมากในยามกลางคืน

 

 

ตึก...ตึก...ตึก...

 

 

“ฮัลโหล พ่อแก้วเลิกงานแล้วกำลังจะกลับบ้าน พ่อกับพิชชี่จะเอาอะไรมั้ยเดี๋ยวแก้วซื้อไปให้”แก้วเดินผ่านต้นไม้ที่ผมหลบอยู่ไปขณะที่เธอกำลังเดินคุยโทรศัพท์กับพ่อของตัวเอง

 

 

          และในตอนนั้นแหละที่ผมก็ค่อยๆสาวเท้าเดินตามเธออยู่ห่างๆ โดยที่เอาฮู้ดคลุมหัวเอาไว้เผื่อแก้วหันมาจะได้ไม่สังเกตอะไรมากมาย

 

 

“พิชชี่บอกว่าเอาอะไรนะพ่อ? อ๋อ เอาช็อคโคโคนัทเหรอ?”

 

 

“...”

 

 

“โอเค เดี๋ยวแก้วซื้อไปให้ ^O^//” แก้วกดวางโทรศัพท์ก่อนที่เธอจะหยุดเดินโดยอัตโนมัติ

 

 

ฟุ่บ...

 

 

         เพียงเท่านั้นแหละที่ผมรีบหลบเข้าไปตรงพุ่มไม้ใกล้ๆทันที!และ มันก็จริงอย่างผมที่คิดไว้ก็คือแก้วหันมามองทางนี้เพราะว่าเธอคงรู้สึกเหมือนมีคนเดินตามล่ะมั้ง  แต่เพียงแค่มองมาสักพักเธอก็หันกลับไปทางเดิมแล้วก็เดินต่อไปเรื่อยๆ ผมจึงพยายามเดินตามอยู่ให้ห่างๆเหมือนเดิม

 

 

 

         ในใจก็คิดว่าแก้วจะคิดถึงผมบ้างมั้ยว่าบางทีผมอาจจะกำลังตามเธออยู่เพราะ ว่าเมื่อวานที่ผมจะไปรับเธอเพราะฝนมันตกนั่นแหละ มันก็น่าจะทำให้เธอคิดได้บ้างล่ะมั้งว่าบางทีที่เธอรู้สึกว่ามีคนตามคงจะ เป็นผมนั่นเอง

 

 

“...”

 

 

          พอเดินมาสักพักผมเห็นว่าแก้วเดินแวะเข้าไปในร้านโดนัทร้านนั้นอีก แล้ว  แต่ครั้งนี้เห็นทีผมคงจะต้องเดินตามเข้าไปอย่างที่ฟางบอกแล้วล่ะ  เผื่อจะได้รู้ว่าแก้วชอบกินโดนัทรสอะไรบ้างเวลาซื้อให้จะได้ซื้อให้ถูกไง

 

 

         แต่ตอนที่คุยโทรศัพท์ก็จำได้เมนูนึงแล้วแหละ คือ โคโคนัท แต่ไอ้โคโคนัทนี่มันเป็นยังไงผมยังไม่เคยเห็นเลยเพราะปกติผมเองก็ไม่ค่อยได้ กินอะไรพวกนี้อยู่แล้วเพราะส่วนใหญ่ผมจะชอบกินแต่นมจืดเสียมากกว่า = =;;;

 

 

แอ๊ด...

 

 

กรุ๊งกริ๊ง

 

 

       เสียงกระดิ่งของร้านดังขึ้นเมื่อผมผลักประตูให้เปิดก่อนจะเดินเข้าไป แก้วก็ไม่ได้มาสนใจอะไรทางนี้หรอก เธอก็เดินๆเลือกดูขนมต่างๆอยู่ที่มุมด้านในสุด ผมก็ไม่รู้จะทำไงให้เข้าไปใกล้ได้มากกว่านี้เลยเอาแต่ทำเดินๆแล้วชะเง้อมอง ไปด้วยว่าเธอหยิบอะไรบ้างนะ

 

 

         ให้ตายสิ! ทำไมมันลำบากอย่างงี้วะเนี่ย?

 

 

      แต่ว่าผมก็คิดในตอนนั้นเลยว่าหยิบซื้อตามแก้วไปเลยละกันคงจะดีเพราะว่าพรุ่งนี้เช้าผมจะได้เอาไปให้เธอเลยไง ดีมั้ย?

 

 

หมับ... ให้ตายสิทำไมวันนี้แก้วซื้อเยอะจัง ผมแทบหยิบตามไม่ทันแล้วนะ ! ><!

 

 

      เฮ้อ! แต่อย่างน้อยผมก็ยังได้รู้แหละใช่มั้ย? ว่าแก้วชอบกินอะไรไม่ชอบอะไร แต่มัน

 

 

ก็...แปลกๆนะเพราะที่ผมทำอยู่นี่มันเหมือนพวกโรคจิตตามติดผู้หญิงเลยอ่ะ =[]=;;; อยากจะรู้จริงๆว่าตอนที่พ่อทำแบบนี้กับแม่พ่อเขาจะคิดว่าตัวเองเหมือนโรคจิตเหมือนที่ผมคิดรึปล่าวนะ?

 

   

พอถึงบ้าน...

 

 

“เย่! พี่แก้วซื้อขนมมาให้ผมด้วยยยยย”

 

 

“...”

 

 

       หลัง จากที่แก้วเดินกลับมาถึงหน้าบ้านพิชชี่ที่มารอขนมจากพี่สาวของเธออยู่ก็ยิ้ม ดีใจใหญ่ที่เห็นว่าแก้วซื้อขนมมาฝากเขา  ผมยืนมองแก้วยิ้มๆอยู่ห่างๆพลางก้มมองขนมในมือของตัวเองที่อุตส่าห์ชะเง้อ แอบมองจนซื้อมาได้ครบทั้งหมดแบบเดียวกันกับที่แก้วซื้อด้วยความรู้สึกหลาย อย่างที่มันมาปะปนกัน

 

 

      แต่ผมก็มีความสุขนะ...

 

 

“พี่ซื้อมาให้พ่อด้วยไม่ได้ซื้อมาให้เราคนเดียวนะเจ้าเด็ก 8 ขวบ” แก้วไขกุญแจก่อนจะเลื่อนเปิดรั้วบ้านของตัวเองแต่เธอก็ยังไม่เห็นหรอกว่าผมยืนมองอยู่ “ป่ะเข้าบ้านกัน ^^” แก้วเอ่ยบอกพิชชี่ก่อนที่เธอจะเดินเข้าบ้านไป

 

 

“พ่อ! พี่แก้วมาแล้ววววว”

 

 

      ถึงจะเดินเข้าบ้านไปแล้วแต่ผมก็ยังได้ยินเสียงของพิชชี่พูดเจี๊ยวจ๊าวอยู่เลยอ่ะ

 

 

      และแก้วเธอคงไม่รู้หรอกว่าเมื่อกี้ก่อนที่เธอจะเดินเข้าบ้านไปนั้นมี ผู้ชายคนหนึ่งกำลังมองเธอด้วยหัวใจที่กำลังผลิบานพร้อมกับรอยยิ้มที่นานๆ ครั้งผมจะแสดงมันออกมา  และในหัวของผมตอนนี้มันก็เหมือนว่าเริ่มคิดอะไรดีๆออกขึ้นมาแววตาของผมก็ เหมือนมีประกายบางอย่าง

 

 

      พิชชี่?

 

 

      ใช่แล้ว! งานนี้ผมคงต้องใช้ตัวช่วยตัวหลักเพิ่มอีก 1 คนแล้วสิน่า

 

 

“เป็นอะไรยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาล่ะเนี่ย ^^”

 

 

       เมื่อ ผมเดินเปิดประตูเข้ามาในบ้านได้ไม่ทันไรแม่ที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องครัว แล้วดันมาเห็นผมเข้าจึงเอ่ยทักขึ้นมาจนผมที่กำลังยิ้มๆอยู่เลยไม่ทันได้ตั้ง ตัวเลย

 

 

“อ้าวแม่ทำไมยังไม่นอนอ่ะ”ผมถามกลบเกลื่อน

 

 

“แม่ ลงมาดูกับข้าวเฉยๆเห็นว่าลูกยังไม่กลับมากินเลยเอาเข้าตู้เย็นก่อน ส่วนพ่อเราวันนี้อารมณ์ดีผิดปกติเนี่ย ลูกก็เหมือนกันไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เรื่องอะไรมาล่ะ” แม่มองผมยิ้มๆจนผมต้องเอามือยกเกาคอตัวเองแก้เก้อ

 

 

“ปล่าวคร้าบบบ”

 

 

“อ่าๆๆ ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก แต่แม่ก็แปลกใจนะเนี่ยเห็นลูกชายยิ้มนานๆจะได้เห็นที อ้าว? แล้วนั่นซื้ออะไรมาล่ะ” เมื่อแม่ถามผมจึงก้มมองถุงขนมโดนัทที่อยู่ในมือก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปบอกแม่

 

 

“โดนัทน่ะแม่”

 

 

“เอ๋? ร้อยวันพันปีไม่เคยซื้อขนมพวกนี้นี่นา ปกติแม่เห็นลูกซื้อแต่นมจืดไม่ใช่เหรอ?”

 

 

“คือผมอยากลองกินอะไรใหม่ๆบ้างอ่ะ แล้วนี่ก็ดึกแล้วแม่ขึ้นไปนอนได้แล้วน้าพรุ่งนี้จะได้มีแรงไปเย็บเสื้อที่ร้านไง ^^” ผมบอกแม่ยิ้มๆก่อนจะเดินเข้าไปในครัวแล้วเปิดตู้เย็นจากนั้นก็จัดการเอาโดนัทแช่เอาไว้

 

 

       ส่วนแม่ผมที่ยืนงงๆอยู่เมื่อกี้ก็เดินขึ้นห้องไปแล้วเรียบร้อย

 

 

ตึก...ตึก...ตึก...

 

 

แอ๊ด...ปึง...

 

 

      เมื่อผมเดินมาจนถึงห้องของตัวเองผมก็เดินไปที่โต๊ะทำงานที่อยู่ใกล้ๆ กับเตียงแล้วนั่งลงก่อนจะเปิดลิ้นชักของโต๊ะนั้นออกมาก็พบว่าสิ่งที่ผมเก็บ เอาไว้มานานมันยังคงอยู่มาตลอดเวลา และนานหลายปีแล้วที่ผมไม่ได้เอามันออกมาดูเพราะได้แต่คิดว่า...

 

 

      จะเก็บเอาไว้ให้กับคนที่จะเป็นคนที่ผมจะอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต...

 

 

      นั่นก็คือ...เจ้าตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลตัวเล็กๆที่เมื่อหลายปีก่อนผมได้ ซื้อมันมาไว้เพราะเหตุใดก็ไม่ทราบมารู้ตัวอีกทีผมก็ซื้อมันมาจากคุณยายซะ แล้ว  แล้วมันก็คือตุ๊กตาที่คู่กับตัวสีขาวอีกตัวที่ตอนนี้มันอยู่กับแก้วนั่น เอง...ผมเองก็หวังว่าเธอจะยังเก็บตุ๊กตาที่เป็นคู่กันกับตุ๊กตาตัวนี้เอาไว้ นะ

 

 

      และผมก็มั่นใจว่าเรื่องทั้งหมดที่มันเกิดขึ้นกับผมแล้วก็แก้วมันคงจะ เป็นอย่างที่ไอ้เขื่อนพูดจริงๆนั่นแหละ

 

 

  

     เฮ้ย...ผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตอ่ะ บางคนเราอยู่เฉยๆเขาก็มาเองแบบจงใจ บางคนเราก็เข้าไปหาเขาเองโดยไม่มีเหตุผล หรือไม่! บางคนที่เข้ามาในชีวิตของเราโดยบังเอิญก็อาจจะเป็นพรหมลิขิตส่งมาก็ได้

 

 

“ฉันเชื่อแกแล้วว่ะ...” ผมพูดยิ้มๆก่อนจะลูบๆหัวเจ้าตุ๊กตาหมีตัวนั้นแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเอามันไปวางไว้บนหัวเตียงนอนของตัวเอง

 

 

       ผมนอนลงบนเตียงแล้วก็ถอนหายใจออกมาเหมือนว่าตัวเองได้ยกภูเขาออกไปจากอกได้ ครึ่งนึงแล้ว  เหลืออีกแค่ครึ่งเดียวทุกอย่างก็จะดีขึ้น  และวันพรุ่งนี้สินะที่ผมจะต้องหาทางบอกแก้วซึ่งจะมี ‘พิชชี่’ นี่แหละที่เป็นคนเชื่อมความรู้สึกของผมกับแก้ว

 

 

      คือผมไม่เคยเข้าหาเด็กมาก่อนแต่ผมคิดว่ามันก็น่าจะดีนะถ้าผมทำแบบนั้น มันจะได้คุ้นเคยกันไง...      

 

 

       เอ...แต่วันพรุ่งนี้มัน...จริงสิ!

 

 

ติ๊ด!

 

 

      เมื่อคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ผมจึงหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมากดโทรหาเอาทันที!

 

 

[ ฮัลโหลค่า ^O^// ]

 

 

“ฟางนี่ฉันโทโมะนะ” ผมบอกเมื่อปลายสายกดรับ

 

 

[ อ้าว เออว่าไงโทรมาซะดึกเชียว ]

 

 

“คือพรุ่งนี้อ่ะมันมีตลาดถนนคนเดินใช่ป่ะวันอาทิตย์อ่ะ”

 

 

[ เออ ใช่ๆๆ ไมอ่ะ ]

 

 

“ก็ว่าจะพาแก้วไปเดิน เธอว่าโอเคป่ะ”

 

 

[ งั้นก็จัดไป ^O^// ]

 

 

       เมื่อฟางบอกอย่างเห็นด้วยนั่นทำให้ผมถึงกับยิ้มก่อนจะกดวางสายพร้อมกับยันตัวเองลุกขึ้นมานั่งพริ้มกับมองออกไประเบียง

 

 

[ จบบันทึพิเศษ : โทโมะ ]

 

 

เช้าวันอาทิตย์...

 

 

“แก้วเอ๋ย ล้างจานเสร็จแล้วอย่าลืมเอาถุงขยะไปทิ้งด้วยนะลูก”

 

 

“ค่า”ฉันตอบรับคำสั่งของพ่อในขณะที่ตัวเองกำลังล้างจานอยู่ในครัวหลังจากที่เราพ่อลูกเพิ่งจะทานข้าวพร้อมหน้าเสร็จไปเมื่อตะกี๊นี้

 

 

      เมื่อล้างจานเสร็จแล้วฉันก็จัดการเช็ดมือของตัวเองก่อนจะจับผมสี น้ำตาลยาวๆของตัวเองรวบขึ้นมาแล้วใช้กิ๊บเหน็บเอาไว้พลางเดินหาวเอามือป้องปากแล้วเดินเปิดประตูบ้านออกไปข้างนอกแล้วเดินไปหยิบถุงขยะในโรงจอดจักรยาน ก่อนจะเดินหิ้วถุงขยะไปพร้อมกับเดินไปเปิดรั้วบ้าน

 

 

      แต่เมื่อก้าวขาออกมาจากรั้วบ้านได้ไม่ทันที่ฉันเดินเอาถุงขยะไปทิ้ง ที่กองขยะรวมฝั่งตรงข้ามเลยด้วยซ้ำจู่ๆก็มีเสียงเอ่ยทักของคนๆหนึ่งเอ่ยขึ้น จากข้างๆ

 

 

“ให้ช่วยมั้ย?”   

 

 

ขวับ!

 

 

O_O?

 

 

“...”เมื่อฉันหันไปเจอโทโมะที่ตอนนี้กำลังยืนกอดอกพิงรั้วบ้านของเขาแล้วกำลังมองมาที่ฉันเหมือนอยากจะให้ฉันตอบคำถามเมื่อกี้ “เอ่อ...ไม่...ไม่เป็นไรขอบคุณ”

 

 

       ไม่ รู้เพราะสาเหตุอะไรที่ทำให้ฉันพูดกับโทโมะด้วยน้ำเสียงติดขัดพร้อมกับหัวใจที่ กำลังเต้นรัวแปลกๆ อาจจะเป็นเพราะว่าโทโมะคงกำลังมองมาที่ฉันตรงๆเลยมั้งมันเลยรู้สึกแบบนั้น  อีกอย่างคำพูดของโทโมะเมื่อวานมันยังวนอยู่ในหัวของฉันอยู่เลย อยากจะบ้าต๊าย! นี่เขากำลังเริ่มทำให้ฉันหวั่นไหวอีกแล้วนะ!

 

 

       ใช่สิ! เขารู้นี่ว่าฉันชอบเขา สงสัยคงคิดว่าฉันชอบเขาแล้วเขาจะทำอะไรให้ฉันเขินก็ได้งั้นสินะ = =;;;

 

 

       และ ตามจริงก็ไม่อยากจะพูดด้วยสักเท่าไหร่หรอก  แต่ถ้าฉันทำเป็นเมินเขาอีกเขาก็ต้องหาเรื่องกวนประสาทจนฉันพูดกับเขาจนได้ นั่นแหละน่า =[]=;;;;

 

 

      และ ไม่รู้ว่าฉันเผลอมองหน้าโทโมะไปนานแค่ไหนโทโมะถึงฉีกยิ้มบางๆส่งมาให้ขณะที่เขา กำลังมองฉันอยู่ และนั่นแหละที่ฉันให้ฉันรีบหันหน้าไปทางอื่นก่อนที่จะเดินไป แต่ก้าวขาไม่ทันไรโทโมะก็พูดขึ้นอีกรอบ

 

 

“ดูท่าทางจะหนักนะนั่น”

 

 

      เอ่อ...มันก็หนักจริงๆนั่นแหละนะ = =;;;

 

 

      แต่ไม่! ยัง ไงฉันก็ไม่ยอมให้เขาช่วยเพราะถ้าทำแบบนั้นเดี๋ยวโทโมะจะคิดว่าฉันเริ่มดีกับเขา แล้ว  อีกอย่างนะถึงถุงขยะนี่มันจะหนักแต่ฉันก็ยกออกไปทิ้งทุกครั้ง คงไม่ต้องให้เขาช่วยหรอก ><!

 

 

“เราไหว”ฉันบอกแต่ไม่ได้หันไปมองโทโมะพร้อมกับเดินไปข้างหน้า

 

 

      หากทว่า...

 

 

ตึกๆๆๆ

 

 

“ฉันว่าฉันช่วยดีกว่า”อยู่ดีๆฉันก็ต้องหยุดชะงักเพราะว่าโทโมะวิ่งมาดักข้างหน้าก่อนที่เขาทำท่าว่าจะแย่งถุงขยะไปจากมือฉัน

 

 

“ไม่เป็นไร...”

 

 

“แต่ฉันอยากช่วย”โทโมะพูดขัดขึ้นแล้วมองฉันด้วยสีหน้าจริงจังก่อนที่จะพูดเหมือนจะดุกัน

 

 

“ตัวยิ่งแห้งๆอยู่ถือของหนักแบบนี้ไม่กลัวแขนหักรึไง - -!”

 

 

       แห้ง!? ฉันแห้งแล้วมันดูไม่แข็งแรงตรงไหนมิทราบ ><!

 

 

“เราบอกว่าเราไหวไง”ฉันพูดลากเสียงแล้วพยายามดึงถุงขยะออกจากมือโทโมะแต่โทโมะก็ดึงแย่งฉันอีกจนฉันต้องเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาที่ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่

 

 

“ฉันก็บอกแล้วไงว่าอยากช่วย...”

 

 

จึก!

 

 

       ตอนนั้นเหมือนกาลเวลาหยุดชะงักไปเมื่อโทโมะยื่นหน้าเข้ามาพูดใกล้ๆ  จนฉันสบตาเขาโดยไม่ตั้งใจ...

 

 

ตึกตัก...ตึกตักๆๆๆๆๆๆ

 

 

      บ้าจังทำไมใจเต้นแรงแบบนี้เนี่ย? ><///////

 

 

“...”

 

 

“ให้ฉันช่วยนะ...”โทโมะ ยังไม่ได้รีบคำตอบด้วยซ้ำเขาก็เอาถุงขยะไปถือไว้ในมือของเขาเสียแล้วซึ่งฉัน เองก็งงเหมือนกันว่าทำไมมือของตัวเองอ่อนจนถือถุงขยะไว้ไม่ไหวจนปล่อยให้โทโมะ เอาไปจนได้

 

 

      แต่...เมื่อกี้บอกตรงๆว่าเหมือนกับว่าฉันกำลังโดนมนต์สะกดอย่างงั้นแหละ

 

 

“...”ฉันเงียบแล้วยืนมองโทโมะที่เดินเอาถุงขยะไปทิ้งให้จากนั้นเขาก็เดินกลับมาก่อนจะบอกฉันว่า...

 

 

“เดี๋ยวรอตรงนี้ก่อนนะ”

 

 

“ฮะ?”

 

 

“อย่าเพิ่งเข้าบ้านนะ”

 

 

       ตอน นั้นโทโมะเขาพูดแล้วเขาก็เดินไปเลยฉันหันไปมองก็เห็นว่าเขาวิ่งเหยาะๆเข้าบ้าน ของตัวเองไป  ฉันก็งงกับตัวเองเหมือนกันว่าจะทำตามที่เขาบอกทำไมกันน่าจะเดินเข้าบ้านตัว เองไปซะ แต่ก็ไม่... เพราะฉันก็ยืนรอโทโมะอยู่ตรงนี้ที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหน

 

 

      ฮึ่ย! ทำไมต้องมายืนรอเขาด้วยเนี่ยอ๊ากกกกก โมโหตัวเองจรงๆเลย ปัดโธ่!

 

 

“???”ฉันทำหน้าสงสัยทันทีเมื่อโทโมะวิ่งออกมาจากบ้านของเขาด้วยสีหน้าระรื่นจนฉันเองก็แปลกใจ

 

 

      แต่ที่แปลกใจไปกว่านั้นก็คือสิ่งที่เขาเอามาด้วยมันคือ...ถุงขนมโดนัท  ทำไมต้องแปลกใจล่ะ? ก็เพราะมันเป็นโดนัทร้านเดียวกับที่ฉันซื้อเมื่อวานไง!

 

 

“อ่ะนี่เห็นว่าชอบกิน”โทโมะยื่นถุงโดนัทนั้นมาให้

 

 

 

     เดี๋ยวนะ...

 

 

 

     เขารู้ได้ยังไงว่าฉันชอบกินโดนัทร้านนี้

 

 

 

“นายรู้ได้ไง” ฉันถามแต่ก็ยังไม่ได้รับถุงขนมนั่นมา

 

 

 

“ก็...”โทโมะพูดลากเสียงแล้วพลางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแต่สายตาก็ยังคงมองฉันอยู่จนนั่นทำให้ฉันเริ่มแน่ใจแล้ววววววววว

 

 

 

      ว่าที่ฉันรู้สึกว่าเหมือนมีคนเดินตามตอนฉันกลับบ้านก็คือ...เขานี่เอง!

 

 

 

      ตามจริงสังเกตตั้งแต่วันที่ฝนตกแล้วแหละแต่ตอนนั้นฉันยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่

 

 

 

“นายเดินตามเรากลับบ้านเหรอ” ฉันถามไปตามตรง

 

 

 

“ถ้าฉันไม่เดินตามเธอกลับบ้านฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเธอชอบแวะร้านไหนแล้วก็ซื้อโดนัทรสอะไร”โทโมะยิ้ม

 

 

 

      แต่สิ่งที่ฉันคิดอยู่ตอนนี้น่ะนะว่าเขาพยายามทำอะไรอยู่กันแน่ หายโกรธเขา? แค่นั้นใช่มั้ย?

 

 

 

“นาย...ทำแบบนี้ทำไม”ฉันถามออกไปแต่โทโมะก็ไม่ยอมตอบเหมือนอย่างเคย

 

 

 

       ทว่าเขากลับอมยิ้มจนฉันต้องเอียงคอมองว่าทำไมเขาต้องยิ้มด้วย  ดีใจอะไร?

 

 

 

“อยากรู้จริงๆเหรอ”โทโมะถามแล้วเลิกคิ้วมองฉันแต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเขายังคงอยู่ “ถ้าอยากรู้...ฉันจะบอกให้ก็ได้”

 

 

 

“...”

 

 

 

ตึกตักๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

 

 

      วินาทีนั้นหัวใจของฉันเต้นแรงและเร็วขึ้นแถมหายใจติดขัดอีกโดยไม่รู้ สาเหตุว่าทำไม  มันเหมือนว่าคำตอบจากปากโทโมะต่อไปนี้กำลังจะเผาผลาญอุณภูมิที่อยู่ภายในร่าง กายของฉันอย่างงั้นแหละ

 

 

 

“แก้วใจ...”โทโมะ เรียกชื่อของฉันแล้วเดินเข้ามาหาช้าๆแต่ฉันก็ไม่ได้ก้าวถอยหลังหนีไปไหนจน กระทั่งโทโมะเอ่ยในสิ่งที่ฉันไม่อยากจะเชื่ออกมาจากปากของเขาเอง “เธอรู้มั้ยว่าตอนนี้...ฉันกำลัง ‘จีบ’ เธออยู่น่ะ”

 

 

 

จึก!!!!

 

 

 

เฮือก!!

 

 

 

       ว่ะ...ว่าไงนะ? จะ...จีบ? 

 

 

 

       เมื่อกี้ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่มั้ยที่โทโมะบอกว่าเขากกำลัง ‘จีบ’ ฉันอยู่ อะ...มะ...ไม่จริงน่า ฉันต้องฝันไปแน่ๆ! ><!! ตื่นสิแก้วตื่นๆ!!

 

 

 

      แต่มันคงไม่ใช่ความฝันแล้วล่ะเมื่อคำพูดของโทโมะเอ่ยขึ้นมาอีกจนฉันที่ กำลังยืนมองเขาตาไม่กระพริบยิ่งต้องชะงักไปอีกรอบเหมือนว่าโทโมะอยากจะแกล้งให้ ฉันใจเต้นแรงกว่าเดิม

 

 

 

“และผู้ชายที่จีบผู้หญิงน่ะ เขาควรจะรู้สึกอะไรกับผู้หญิงคนนั้นที่เขาจีบล่ะ”

 

 

 

“...!”

 

 

 

       อย่าบอกนะว่าที่พูดอย่างนี้หมายถึง...ขะ...เขาชอบฉันงั้นเหรอ?

 

 

 

       พระเจ้า บอกทีสิว่านี่มันไม่จริงน่ะ! บ้าไปแล้ววววววววว โทโมะชอบฉันเนี่ยนะ?!

 

 

 

“อืมมมม บอกแค่นี้ก่อนดีกว่าเห็นหน้าเธอตกใจแบบนี้แล้วฉันล่ะกลัวเธอเป็นลม ^^” โทโมะบอกเมื่อเห็นว่าฉันเอาแต่ยืนค้างอยู่แบบนั้น ก่อนที่เขาจะจับมือของฉันไปรับถุงขนมเสียหน้าตาเฉย “เนี่ย ถ้ายังไม่กินก็เอาแช่ตู้เย็นไว้ก่อนนะ แต่ขอร้องอย่าทิ้ง”

 

 

“...” ฉันเงียบถึงแม้โทโมะจะเงยหน้าขึ้นมามองฉันด้วยแววตาเป็นประกายก็ตาม

 

 

      ตอนนี้ฉันยอมรับเลยว่าพูดไม่ออกบอกไม่ถูกอย่างแรงเหมือนหัวใจมันจะ ระเบิด  แต่ว่าฉันเริ่มรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อมือหนาของโทโมะนั้นยกขึ้นมาลูบศรีษะของ ฉันเบาๆอ๊ากกกกกก  ทำไมเขาถึง...!

 

 

 

“เข้าบ้านได้แล้วยัยอึน”หลังจากที่โทโมะพูดจบเขาก็เอามือเขย่าหัวฉันเหมือนว่าฉันเป็นเด็กก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากตรงนี้

 

 

 

      ส่วนฉันตอนนี้ก็ค่อยๆตั้งสติแล้วพยายามก้าวขาเดินเข้าบ้านด้วยความลำบาก เพราะว่าขามันชาไปหมดเหมือนว่าเดินไม่ออกสายตาก็ก้มมองแต่เท้าของตัวเอง เพราะกลัวเดินสะดุด ให้ตายสิ  แต่ว่าสุดท้ายฉันก็ก้าวเท้าเข้ามาในบ้านจนได้แต่พอเลื่อนประตูรั้วปิดเสร็จ จะหันเดินเข้าบ้านเท่านั้นแหละ

 

 

 

“พะ...พิชชี่” ฉันตกใจหน่อยๆเมื่อน้องชายวัย 8 ขวบของตัวเองมายืนอยู่ตรงประตูเข้าบ้าน

 

 

 

      แล้วมายืนตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?

 

 

“เมื่อกี้ทำไมพี่โทโมะต้องเอามือลูบหัวพี่แก้วด้วยล่ะ O_O” พิชชี่ถามฉันตาแบ๊ว แต่ฉันเนี่ยสิไม่รู้จะตอบยังไงเลย >/////<

 

 

 

“ลูบหัวที่ไหนมองผิดแล้ว” ฉันรีบแก้ตัวทันทีที่เจ้าน้องชายถามแบบนั้น อ๊ากกกกกก พิชชี่! จะถามให้พี่หน้าแดงทำไมกันเนี่ย  >//////<

 

 

 

“ขี้โม๊ก็ผมเห็นอ่ะ =[]=;;;”

 

 

 

“มั่วแล้วววว พี่โทโมะเขาแค่เอาขนมมาให้ และถ้าเรายังไม่เลิกพูดแบบนี้นะเดี๋ยวพี่ไม่ให้กินเลย”

 

 

 

“อ๊า ไม่เอา ผมอยากกินนนน >O<!”

 

 

 

“อยากกินก็ห้ามพูดแบบนี้อีก เข้าบ้านเลย”ฉันบอกพิชชี่แล้วเจ้าน้องชายตัวแสบก็เลยทำตามคำสั่งอย่างทันควันจนฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วก้มมองถุงขนมในมือ

 

 

 

         และผู้ชายที่จีบผู้หญิงน่ะ เขาควรจะรู้สึกอะไรกับผู้หญิงคนนั้นที่เขาจีบล่ะ

 

 

 

        อืมมมม บอกแค่นี้ก่อนดีกว่าเห็นหน้าเธอตกใจแบบนี้แล้วฉันล่ะกลัวเธอเป็นลม ^^ ’

 

      

 

 

“คนบ้า><!”

 

 

 

        ฉัน เอ่ยขึ้นมาอย่างหมั่นไส้โทโมะแต่อยู่ดีๆไม่รู้ทำไมฉันถึงเผลอยิ้มออกมานิดๆก่อน จะกลับมาทำสีหน้าปกติแล้วเดินเข้าบ้านไป  จากนั้นที่คิดไว้คือรีบอาบน้ำแต่งตัวรอฟางมารับดีกว่า แต่ขอให้ฟางมารับเร็วๆหน่อยเถอะเพราะว่าฉันไม่อยากอยู่บ้านแล้วก็ไม่อยาก อยู่เฉยๆเพราะยิ่งอยู่เฉยๆเหมือนว่าจะยิ่งคิดอะไรฟุ้งซ่านกว่าเก่า

 

 

 

เย็นวันนั้น...

 

 

ร้านฟาง

 

 

 

“โง้ยยยยยยยย ทำงานเสร็จแย้วววว” ฟางบิดขี้เกียจไปมาหลังจจากที่เลิกงานเสร็จไปไม่นานแล้วเราก็มาล้างจานกันหลังร้านสองคน และดูท่าวันนี้เปาจะสดใสเป็นพิเศษซะด้วยสิ

 

 

 

       เป็นอะไรไม่รู้ตั้งแต่มารับฉันที่บ้านละยิ้มปากกว้างมาเชียว = =;;;

 

 

 

“มีหนุ่มมาจีบรึไงอารมณ์ดีผิดปกติ’’ฉันที่เพิ่งเช็ดมือเสร็จหลังจากล้างจานใบสุดท้ายก็อดที่จะแซวไม่ได้

 

 

 

“ปล๊าววว แค่อารมณ์ดีที่เหมือนมีลางว่าเพื่อนตัวเองมีหนุ่มมาจีบ”

 

 

 

“อะไรนะ?”

 

 

 

“ปล่าว ทำไมอะไร เมื่อกี้แกได้ยินอะไร O_O?” ฟางถามกลับมาหน้ามึนทั้งๆที่เมื่อกี้เพิ่งพูดในสิ่งที่ฉันตกใจมาหยกๆ

 

 

 

“เมื่อกี้แกบอกอารมณ์ดีอะไรนะ?”

 

 

 

“เฮ้ยยย ฉันพูดอะไรที่ไหนแกหูฝาดแล้ว” ฟางทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ทันทีเมื่อฉันถาม

 

 

 

          แบบนี้มันมีอะไรน่าสงสัยนะ...

 

 

 

“ไม่ๆๆๆ เมื่อกี๊ฉันได้ยินแกบอกว่า ‘อารมณ์ดีเหมือนมีลางว่าเพื่อนตัวเองมีหมุ่นมาจีบ’ แกพูดแบบนี้ใช่มั้ย?”

 

 

 

“อัลไลลลล ก็แค่แซวเล่น หรือว่าแกมีหนุ่มมาจีบจริงล่ะ?”

 

 

 

จึก!

 

 

 

“เอ่อ...”

 

 

 

“นี่แกเป็นไรเนี่ย ปกติฉันแซวไม่เห็นแกอะไรเลย ทำไมวันนี้แปลกๆวะ” ฟางมองฉันงงๆจนฉันต้องรีบแก้ตัวทันที

 

 

 

“ปล่าว ก็แค่...”

 

 

 

“มีคนมาจีบแกเหรอออออ”ฟางถามพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งมาให้

 

 

 

“บะ...บ้า ไม่มี๊ ><!” ฉันรีบสะบัดมือปฏิเสธทันทีที่ฟางพูดแบบนั้นแล้วมาคิดดูอีกทีว่ารีบกลับบ้านดีกว่าเพราะวันนี้ฉันนี่เหมือนคนไม่สติยังไม่รู้สิ “งั้นเดี๋ยวฉันกลับก่อนนะเว้ย”

 

 

 

“ยังไงเนี่ยไม่ยอมตอบคำถาม  หรือว่า...คนที่มาจีบเป็นหนุ่มข้างบ้านกันจ๊ะ ^^”

 

 

 

“ฟางก็พูดอะไรไม่รู้ฉันกลับดีกว่า” ฉันบอกแล้วรีบเดินออกมาทันทีเมื่อคำว่า ‘หนุ่มข้างบ้าน’ ของฟางกำลังทำให้ฉันเริ่มหน้าแดงขึ้นมา

 

 

 

           เพราะว่านึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้านี้...

 

 

 

ตึกๆๆๆๆ

 

 

 

          แต่ทว่าเมื่อเดินลงบันไดจากร้านกาแฟมาถึงข้างล่างเท้าฉันกลับต้องหยุดชะงัก เมื่อมีคนมานั่งรออยู่ตรงม้านั่งตรงทางขึ้นบันได และเขาไม่ได้มาคนเดียวเสียด้วยสิ

 

 

 

“พี่โทโมะครับพี่แก้วมาแล้ว ^^” พิชชี่ ที่เงยหน้าจากหนังสือนิทานที่โทโมะกำลังอ่านให้ฟังขึ้นมาเห็นฉันก่อนจะหันไปดึง เสื้อโทโมะจากนั้นโทโมะก็ละสายตาจากหนังสือนิทานขึ้นมามองฉัน

 

 

 

       และจังหวะนั้นนั่นเองที่ฉันรีบละสายตาจากโทโมะไปมองพิชชี่ที่กำลังมองมาที่ฉันยิ้มๆ

 

 

 

“พิชชี่...”

 

 

 

“พ่อเธอไปทำงานน่ะ เลยฝากพิชชี่ไว้กับฉัน” โทโมะบอกก่อนที่ฉันจะถามพิชชี่จบเสียอีก

 

 

      ให้ตายเหอะแล้วทำไมเขาต้องพาพิชชี่มาที่นี่ด้วย  และความจริงเขาก็ควรจะอยู่บ้านของเขานะแล้วหพิชชี่อยู่ที่นั่น นี่ยังจะตามมาหลอนฉันจนถึงตอนกลับบ้านอีกเหรอเนี่ย = =;;;

 

 

 

"พี่แก้ววันนี้พี่โทโมะบอกว่าจะพาผมกับพี่แก้วไปเที่ยวตลาดถนนคนเดินด้วยฮะ”

 

 

 

“อะ...อะไรนะ?”

 

 

 

“วันนี้วันอาทิตย์ฉันเห็นว่ามันมีตลาดถนนคนเดินห่างจากตรงนี้ไม่ไกลกะว่าจะพาพิชชี่ไปเดินเล่นด้วย”

 

 

 

“แต่นี่มันเกือบสี่ทุ่มแล้วนะ อีกอย่างพรุ่งนี้พิชชี่มีเรียนแต่เช้า” ฉันบอกโทโมะแต่โทโมะก็ลุกขึ้นยืนแล้วหันไปมองที่พิชชี่ที่กำลังนั่งอยู่ก่อนจะหันกลับมามองฉัน

 

 

“พาน้องเธอเปิดหูเปิดตาบ้างสิ เด็กมันอยู่แต่บ้านเบื่อตาย เน๊อะพิชชี่เน๊อะ ^^” โทโมะกอดอกก่อนจะหันไปขอความเห็นจากพิชชี่

 

 

“ใช่ครับ น้าพี่แก้วไปเดินเล่นกันน้า น้าคร้าบบบบบบ” พิชชี่ลุกขึ้นจากม้านั่งมาดึงชายเสื้อฉันก่อนจะทำหน้าแบ๋วเข้าอ้อนและมันก็ได้ผลจริงๆสิน่า

 

 

 

“อ่าๆก็ได้ แต่พี่ไม่ให้เราอยู่ดึกนะเพราะพรุ่งนี้มีเรียนโอเคมั้ย?”

 

 

 

“ครับ ^^” พิชชี่รับคำก่อนจะยิ้มดีใจ

 

 

 

            แต่ฉันมองละว่าคนตัวสูงที่ยืนกอดอกอยู่นั้นมีสีหน้าที่ระรื่นกว่า แหม แผนสูงนักนะ งั้นที่เขาบอกว่าจีบฉันอยู่นี่มันก็จริงใช่มั้ย? ได้! งั้นฉันจะลองดูว่าเขาจะจีบฉันติดรึปล่าว เพราะถึงแม้ฉันจะชอบเขา แต่ว่าโทโมะทำฉันสูญเสียความเชื่อมั่นจากเขาไปเกือบครึ่งแล้ว

 

 

 

      และถ้าเขากู้คืนมันมาได้จริงล่ะก็...จากนั้นจะยังไงต่อเหรอ?

 

 

 

แปะ!

 

 

 

“ทำอะไรอ่ะ O_O?” ตอนนั้นฉันตกใจเมื่อโทโมะอยู่ดีๆก็เดินมาจับมือฉันจนฉันเผลอเอามือไปตีมือเขาที่กำลังจับมือฉันอยู่ทันที

 

 

 

“ก็บอกแล้วไงว่าฉันกำลังจีบเธออยู่” โทโมะบอกหน้ามึนแถมยังไม่ปล่อยมือออกจากมือของฉันอีกนะ!

 

 

 

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่นายต้องมาจับมือเราด้วยล่ะ” ฉันเถียง

 

 

 

“แหม เดี๋ยวนี้เถียงเก่งจังนะทีครั้งแรกที่ฉันจับมือเธอไม่เห็นเธอบ่นอะไรสักคำ”โทโมะบอกแล้วคำพูดนั้นก็ทำให้ฉันชะงักแล้วนึกถึงวันแรกที่เขาจับมือฉันตอนที่เราเดินผ่านพวกแก๊งนักเรียนที่มารวมตัวกันตรงสวนสาธารณะ

 

 

 

“ไปกันได้แล้วใช่มั้ยฮะ ^O^” พิชชี่พูดแล้วเดินมาจับมือของฉันอีกข้างหนึ่งแล้วสรุปตอนนี้ก็คือฉันอยู่ระหว่างกลาง

 

 

 

       นี่มันอะไรกันเนี่ยยยยยยยยยยย  ฉันขอสลับที่กับพิชชี่ได้มั้ย?

 

 

 

“เอ่อ พิชชี่ เรามาอยู่ตรงที่พี่ดีกว่ามั้ย?” ฉันหันไปถามพิชชี่แต่ทว่าคำตอบที่ได้รับกลับมาคือ...

 

 

 

“ไม่เป็นไรครับผมอยากอยู่ตรงนี้^^”

 

 

 

“ดีมากเลยครับพิชชี่ของพี่โทโมะ ^O^” โทโมะรีบเสริมทันทีและนั่นก็ทำให้ฉันหันไปแล้วเงยหน้าขึ้นมาเขาด้วยสายตาที่บ่งบอกโทโมะทำนองว่า นายพอใจแล้วใช่มั้ย?’แต่คิดเหรอว่าโทโมะจะสนยิ่งเขาเห็นฉันมองแบบนั้นเขาก็ยิ่งยิ้มระรื่นก่อนจะเดินพาฉันกับพิชชี่ไป

 

 

 

      และตอนนี้มือของโทโมะที่กุมมือเล็กของฉันเอาไว้ในมือเขาก็เริ่มบีบแน่นขึ้นกว่า เดิม จนฉันที่ว่าทีแรกเหงื่อตกอย่างเดียวกลับใจเริ่มเต้นแรงด้วยความรึ้กที่แปลก  เพราะว่าการจับมือครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งแรกที่เราจับมือกันเพราะ ตอนนั้นโทโมะยังเย็นชาใส่ฉันอยู่เลย

 

 

 

      แต่ว่าตอนนี้เขาเหมือนกับคนละซึ่งฉันเองก็ดีใจนะที่วีเริ่มทำตัวมีสีสันขึ้น มาถึงแม้ฉันจะไม่รู้ว่าที่เขาตอนนี้แค่จะทำเฉพาะช่วงที่ให้ฉันกลับไปรู้สึก ดีๆกับเขาเหมือนเดิมหรือว่าเขาจะเป็นแบบบนี้ตลอดไป...

 

 

 

      เพราะคนอย่างโทโมะนี่เดานิสัยยากอยู่แล้วนี่นา  อารมณ์ของเขาวกไปวนมาจนบางครั้งฉันเองก็รู้สึกกลัว  แต่กลับกันเพราะในเวลาเดียวกันนั้นมันก็รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเลย...

 

 

 

 

ประมาณ 1 ชั่วโมงต่อมา...

 

 

 

“พิชชี่ยังเล่นอยู่เหรอ?”

 

 

 

“อืม” ฉันตอบโทโมะที่เมื่อกี้เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้นั่งเฝ้าเด็กเล่นบ้านลมไปซื้อน้ำกับขนมมา

 

 

 

      ฉันที่นั่งรออยู่สักพักก็ได้แต่คิดอะไรเพลินๆหลังจากที่ได้เห็นน้อง ชายตัวเองเล่นบ้านล่มในงานตลาดถนนคนเดินที่จะมีโซนของเล่นเอาไว้ให้เด็กเล่น กันด้วยแต่พิชชี่อยากเล่นบ้านลมฉันกับโทโมะจึงพามา ส่วนฉันก็ไม่ได้แวะซื้ออะไรหรอกแค่เดินดูธรรมดาส่วนโทโมะกับพิชชี่นี่ก็เล่นไม่ ยอมปล่อยมือฉันเลยตอนที่เราเดินด้วยกัน

 

 

 

      แต่เชื่อมั้ย? ว่าตอนที่เราเดินเข้าในตลาดฉันสังเกตได้เลยว่าคู่ของเราถูกมองมาซะส่วนใหญ่

 

 

 

      เอ่อ...พวกเขาจะมองว่าเป็นพ่อแม่ลูกกันรึปล่าวนะ? เพราะ ว่าตอนที่พิชชี่เดินก็ง้องแง้งจะกินนู่นนี่เหมือนว่าฉันเป็นแม่ส่วนโทโมะเป็นพ่อ อย่างงั้นแหละ แต่สำหรับฉันแล้วนะ  ฉันเป็นได้ทุกอย่างเพื่อนน้องแหละไม่ว่าจะเป็น เพื่อน พ่อ แม่ และอีกหลายๆอย่างที่ฉันคิดว่าจะทำให้น้องรู้สึกมีชีวิตที่ฉันก็จะทำ

 

 

 

“อ่ะ”

 

 

 

“หือ?” ฉันหันไปมองโทโมะก่อนที่มองขนมเบื้องที่อยู่ในมือเขาแล้วยื่นให้ฉัน “ขนมเบื้อง?”

 

 

“อือ ไส้หวาน ลองกินดิ”โทโมะบอก ฉันก็ไม่ได้อ่ะไรแต่ก็รับขนมเบื้องจากมือเขามากิน เมื่อโทโมะเห็นแบบนั้นเขาก็ถามฉันต่อหลังจากที่ฉันเคี้ยวขนมเบื้องหงับๆ “อร่อยมั้ย?”

 

 

 

“อร่อยๆ”ฉันตอบโทโมะตาเป็นประกายโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าทำไมเป็นเช่นนั้นแต่ที่รู้ๆคือขนมเบื้องนี้อร่อยม๊ากกกกกก “เรา...ขออีกอันสิ”

 

 

 

“เอาดิ”

 

 

 

       เมื่อฉันพูดแบบนั้นโทโมะจึงยื่นถุงกระดาษที่ใส่ขนมเบื้องไส้หวานเอาไว้เยอะมาก ฉันที่กำลังติดใจเลยกินเอาๆอย่างไม่รู้ตัวเลยว่าทำไมฉันถึงได้อารมณ์ดีแบบ นี้  คงเป็นเพราะได้กินขนมที่ไม่ได้กินมานานแล้วล่ะมั้ง?  ต้องขอบคุณโทโมะที่ซื้อมานะ ^^

 

 

 

       อ่า...บ้าจังนี่ฉันเผลอคุยดีๆกับโทโมะไปแล้วเหรอเนี่ย? โอ๊ยยยย เพราะเจ้าขนมเบื้องแสนอร่อยนี่แท้ๆเล้ยยยยยยยยย >O<!!!!!!

 

 

 

ถึงบ้าน

 

 

 

“อ้าว กลับกันมาแล้วเหรอเนี่ย ^^” พ่อที่เห็นว่าฉันกับพิชชี่แล้วก็วีเดินมาถึงบ้านเลยเอ่ยขึ้นก่อนจะเปิดประตูรั้วให้เลื่อนออก

 

 

 

“แล้วนี่พ่อกลับมาเมื่อไหร่อ่ะคะ” ฉันถาม

 

 

 

“สักพักแล้วล่ะลูก ป่ะพิชชี่ไปอาบน้ำนอนป่ะ” เมื่อพ่อพูดกับฉันเสร็จก็กวักมือเรียกพิชชี่ที่อยู่ข้างๆฉันให้เข้าบ้านพิชชี่ที่งัวเงียอยู่ข้างๆฉันก็เดินไปหาพ่อซะแล้ว “ขอบใจที่ช่วยดูน้องนะโทโมะ^^”

 

 

 

“ครับผม ^^” โทโมะยิ้มให้พ่อฉันแต่เขาก็ยังไม่ไปไหนเมื่อพ่อฉันหันหลังเข้าบ้านไปแล้ว

 

 

 

“ขอบคุณสำหรับขนมเบื้องนะ” ฉันบอกโทโมะก่อนที่ทำท่าว่าจะเดินเข้าบ้านแต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะมือเรียวยาวของโทโมะเอื้อมมาจับมือฉันเอาไว้เสียก่อน

 

 

 

“แก้ว...”เขาเรียกฉันจึงค่อยๆหันกลับไปมองเขาที่กำลังมองฉันอยู่เช่นกัน

 

 

 

“มะ...มีอะไรเหรอ”ฉันถามและตอนนั้นโทโมะก็จับมือฉันแน่นอีกครั้ง

 

 

 

“วันนี้ฉันมีความสุขมากเลยนะที่ได้อยู่กับเธอและพิชชี่น่ะ...”โทโมะบอกก่อนจะยิ้มให้บางแล้วก้มมองมือของเขาที่จับมือของฉันเอาไว้อยู่และจากที่ยิ้มบางๆรอยยิ้มนั้นก็เริ่มกว้างขึ้น “ฉันมีความสุข...ที่ได้จับมือเล็กๆของเธอ”

 

 

 

“...”

 

 

 

“แต่ ฉันจะมีความสุขมากกว่านี้ถ้าเธอหายโกรธฉัน  แต่ถ้าเธอยังโกรธอยู่ก็ไม่เป็นไรนะ  เพราะฉันรู้ว่าฉันเองแหละที่ผิด  ผิดที่รู้ใจตัวเองช้าไป...”โทโมะพูดแบบนั้นก่อนที่เขาจะขยับตัวเข้ามาใกล้ๆฉันและจากนั้นมือเรียวบางที่จับมือของฉันอยู่ก็ถูกปล่อยออก

 

 

 

เฮือก!

 

 

 

“ทะ..โทโมะ?”ฉันตกใจออกมาหน่อยๆเมื่อร่างของตัวเองถูกดึงเข้าไปกอดเอาไว้ในอ้อมแขนของโทโมะที่ตอนนี้เขากอดรัดฉันแน่น

 

 

 

“ฉัน...ขอโทษนะ...”

 

 

“...!”

 

 

 

       เสียงพูดคำว่า ‘ขอโทษ’ ที่ ฉันเพิ่งเคยได้ยินจากปากของผู้ชายคนนี้เป็นครั้งแรกนั้น ทำให้ฉันรู้สึกประหลาดใจจนพูดไม่ออก และยิ่งตอนนี้ที่โทโมะกระชับอ้อมแขนของเขามากขึ้นพร้อมกับตัวของเขาที่เริ่ม โน้มลงมาจนคางของฉันขึ้นไปเกยอยู่บนไหล่ของเขาแล้ว

 

 

 

“มันไม่ผิดหรอกที่เธอจะโกรธฉัน เพราะว่าฉันมันสมควรโดนโกรธ...”

 

 

 

“...”

 

 

 

“ตอนแรกฉันพยายามจะง้อเธอด้วยการกระทำ แต่คงคิดว่าคนอย่างเธอน่ะมันเข้าใจอะไรยาก ฉันก็เลยจะทำให้มันชัดไปเลย” โทโมะพูดพลางหัวเราะออกมาแต่ว่าเขาก็ยังคงกอดฉันอยู่

 

 

 

“นะ...นาย...”

 

 

“ฉันไม่รู้หรอกว่าตอนนี้เธอหายโกรธฉันรึยัง แต่เพียงแค่รู้ว่าเธอยังชอบฉันอยู่ฉันก็ดีใจมากพอแล้ว...”เมื่อโทโมะพูดจบเขาก็คลายอ้อมกอดของตัวเองออกแล้วเอามือทั้งสองข้างมาจับไหล่ของฉันเอาไว้ส่วนฉันองก็เงยหน้าสบตากับโทโมะตรงๆ

 

 

“นาย...มีอะไรอยากจะพูดอีกใช่มั้ย...”ฉันถามโทโมะเหมือนว่าอยากจะย้ำเตือนตัวเองให้แน่ใจอีกครั้ง

 

 

          และครั้งนี้ฉันก็หวังว่าเขาจะพูดมันออกมานะ...เพราะถึงเขาจะบอกว่าจีบ ฉัน  แต่ฉันก็ยังอยากจะฟังสิ่งที่มันชัดเจนแล้วก็บอกเลยว่าเขาคิดยังไง  ฉันอยากแน่ใจ...

 

 

 

ตึกตักๆๆๆๆ

 

 

 

“...”

 

 

 

“...”

 

 

 

“...ฉันชอบเธอ”

 

 

 

       นี่ เป็นอีกครั้งที่คำพูดของโทโมะเหมือนหยุดเวลาเอาไว้  ฉันเองก็ได้แต่สบตาเขานิ่งๆ  แต่ภายในใจเนี่ยสิมันรู้สึกว่าหัวใจเริ่มผลิบานอีกครั้งอย่างบอกไม่ถูก เลย  มันคงเหมือนกับดอกไม้ที่เริ่มแห้งเหี่ยวแต่พอมีคนรดน้ำให้มัน มันก็เริ่มเจริญเติบโตอีกครั้ง

 

 

 

 “...”

 

 

 

“ชัดยัง” โทโมะพูดก่อนจะฉีกยิ้มกว้างออกมา

 

 

 

          และเนิ่นนานที่ฉันกับเขาสบตากันโดยที่เราสองคนไม่ได้พูดอะไรกันเลยแม้แต่คำ เดียว  ฉันเงียบ  โทโมะเงียบ  เหมือนเรากำลังสื่อความรู้สึกบางอย่างผ่านทางสายตาด้วยสิ่งที่หลากหลายที่ มันอยู่ข้างใน  แต่สายตาที่โทโมะส่งมาให้นั้นเหมือนอยากจะบอกใหฉันมั่นใจอย่างแน่ใจว่านี่มัน ไม่ใช่ความฝันนะ

 

 

 

     แต่มันคือ...เรื่องจริง

 

 

 

“เอ่อ...เราว่าเราควรเข้าบ้านได้แล้ว...” ฉันบอกโทโมะก่อนละสายตาไปทางอื่นแต่ก็รู้ได้เลยว่าเขากำลังมองมาอย่างแน่นอน

 

 

 

“ก่อนเข้าบ้านขออะไรอย่างสิ”

 

 

 

“อะไรของนายอีก”แต่สุดท้ายฉันก็ต้องหันหน้าไปถามเขาอีกรอบและไม่รู้ว่าเขาอยากจะพูดอะไรกับฉันอีก เพราะว่าวันนี้เขาทำฉันใจเต้นแรงหลายรอบแล้วนะ

 

 

 

“อย่าชอบคนอื่น...นอกจากฉัน แค่นั้นพอ”โทโมะ บอกก่อนที่เขาจะอมยิ้ม แต่ฉันก็แค่กลืนน้ำลายลงก่อนจะเดินเข้าบ้านไปแต่ตอนที่ฉันหันมาจะเลื่อนปิด ประตูรั้วโทโมะก็เอ่ยถ้อยคำ ถ้อยคำหนึ่งก่อนที่เขาจะเดินเข้าบ้านตัวเองไป “ฝันดีนะยัยอึน พรุ่งนี้เจอกันที่โรงเรียน”  

 

 

 

“...”

 

 

 

       และ ตอนนั้นเองที่ฉันเลื่อนประตูรั้วให้ปิดลงก่อนจะหันหลังยืนพิงประตูรั้วนั้น พร้อมกับเอามือยกขึ้นทาบอกข้างซ้ายของตัวเองที่ตอนนี้กำลังเต้นรัวๆเหมือน ว่ามันจะเด้งออกมาจากอกได้ทุกเมื่อ ถ้าถามว่าตอนนี้ฉันรู้สึกยังไง ฉันเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันที่อยู่ดีๆคำพูดที่ไม่คิดว่าจะได้ยินก็เอ่ยขึ้น มาซะเฉยๆจนตัวเองก็ตกใจอยู่เหมือนกันที่โทโมะพูดแบบนั้น

 

 

 

      แต่ฉันก็โกรธตัวเองอยู่หน่อยๆนะที่เหมือนว่าจะเริ่มให้อภัยโทโมะแล้ว  แต่ว่า...ฉันเองก็ไม่อยากหลอกความรู้สึกของตัวเองเหมือนกันทั้งๆที่ก็รู้ อยู่ว่าทำไม่ได้หรอกที่จะลืมเขา ที่จะเลิกชอบเขา  และเมื่อเขาบอกว่าเขาเองก็ชอบฉัน  ฉันจึงคิดว่าตอนนี้ฉันไม่อยากปิดกั้นตัวเองแล้วถึงแม้มันจะดูง่ายไปหน่อยก็ ตามที

 

 

 

     แต่ฉันก็ไม่อยากจะใจแข็งใส่โทโมะเท่าไหร่หรอก  เพราะถ้าสิ่งที่เขาพูดมันคือ ‘ความจริง’ ฉันก็จะลองให้เขาพิสูจน์ดู...

 

 

 

     และที่เขาบอกว่ากำลังจีบฉันอยู่นั้น  มันก็หมายถึงจีบเพื่อให้ฉันมั่นใจในตัวเขาด้วยรึปล่าว  แต่ถึงยังไงซะ! ฉันก็ไม่มีทางที่จะรู้ล่วงหน้าได้หรอกจริงมั้ย? ว่าระหว่างฉันกับโทโมะต่อจากนี้เราสองคนจะยังไงต่อ แต่โทโมะพยายามจะทำอะไรอีก  มันก็ต้องรอดูแหละ

 

 

 

     และก็ฉันขอคิดแค่ว่าเรื่องร้ายๆที่ผ่านมาระหว่างฉันกับโทโมะนั้น  มันอาจจะเป็นบทเรียนที่ให้เราสองคนลอง ‘เริ่มใหม่’ อีกครั้งซึ่งในฐานนะอะไรนั้นฉันเองก็บอกไม่ได้เหมือนกัน

 

 

 

     แต่ว่า...มันก็น่าจะดีกว่าที่ผ่านมาน่ะ คุณว่าจริงมั้ย?

 

____________________________________________________

มาอัพอีกตอนตามคำขอแล้วนะจ้า เม้นกันหน่อยนะ^^

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา