Stop หยุดหัวใจนายเย็นชา
9.6
เขียนโดย NannyCandy
วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.18 น.
43 chapter
860 วิจารณ์
67.55K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
26) -Kaew - (แก้ว)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ-Kaew -
(แก้ว)
เย็นวันนั้น
ตึกๆๆๆ
‘ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ...’
“เฮ้อ...”
เสียงถอนหายใจเบาๆของร่างสูงที่กำลังเดินขึ้นบันไดมายังชั้นสองขณะที่ใช้มือกด เบอร์โทรออกเบอร์เดิมมานานนับตั้งแต่บ่ายยังไม่ได้หยุด สักพักก็โทรๆ แต่ปรากฏว่าติดต่ออะไรกับปลายสายอีกฝั่งไม่ได้เลย จนตอนนี้เขาก็ยังคงอยู่ที่โรงเรียนหลังจากที่ได้เลิกเรียนไปนานแล้ว ส่วนนักคนอื่นๆกับเพื่อนของเขาต่างพากันกลับบ้านกันไปหมด
ยกเว้นเขา...โทโมะ
โทโมะเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง ม.5/2 ที่ตอนนี้ไม่เหลือใครแล้ว แต่ที่เหลืออยู่ก็คงจะมีเพียงกระเป๋าเป้ของ ‘แก้ว’ ที่ วางอยู่ตรงเก้าอี้ที่เป็นโต๊ะเรียนหลังห้องที่ติดอยู่ริมหน้าต่างตาม เดิม ฝีเท้าที่ย่างก้าวเดินเข้าไปในห้องเรียนช้าๆกับสายตาที่มองจดจ่ออยู่ที่ กระเป๋าของแก้วนั้นทำให้โทโมะรู้ว่า
แก้วคงไม่คิดที่จะกลับมาเอามันไปด้วยแน่ๆ
ครืด...
ปึก
“...” โทโมะ เลื่อนเก้าอี้ของแก้วออกแล้วยกกระเป๋าของแก้วขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะก่อนที่ เขาจะนั่งลงบนเก้าอี้ของแก้วช้าๆแล้วปรายสายตามองไปยังกระเป๋าเป้ที่ถูกทอด ทิ้งเอาไว้
ภายในใจของโทโมะตอนนี้คือ...แก้วไปไหน...เธอจะเป็นยังไง
แต่เขาไม่สามารถที่จะติดต่ออะไรถึงแก้วได้เลย ณ ตอนนี้คงมีเพียงความเงียบงันที่มันเกิดขึ้นอยู่ภายในใจกับความหน่วงที่มันก็ บอกไม่ถูกเหมือนกันเพียงแค่คิดก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา
แสงตะวันสีส้มอ่อนๆที่กำลังจะตกดินนั้นก็ส่องแสงมากระทบกับใบหน้าของโทโมะที่ ยังคงมีสีหน้านิ่งงันอยู่ตามเดิม เขานั่งเงียบเหมือนว่ากำลังคิดอะไรอยู่คนเดียว...โทโมะละสายตาจากกระเป๋าของแก้วแล้วหันมองออกไปนอกหน้าต่างแทน ณ ตอนนั้นที่มีแสงส่องมามันทำให้เห็นได้เลยว่าที่บริเวณขอบตาของเขานั้นมีน้ำใสๆเอ่อล้นอยู่
“ฉันมัน...ผิด...” โทโมะพูดแล้วกระพริบตาของเขาช้าๆก่อนจะหันกลับมามองที่กระเป๋าของแก้วแล้วเอามือลูบๆมันจากนั้นก็ใช้มือเลื่อนไปเปิดรูดซิบ
ครืด...
“เห๊อะ...” เขาเค้นหัวเราะออกมาเมื่อเปิดดูกระเป๋าของแก้วแล้วมีเพียงหนังสือเรียนกับสมุดไดอารี่ ‘เล่มนั้น...’ โทโมะจึงหยิบมันออกมาอ่านดูอีกครั้ง
เขาอยากรู้...ว่าแก้วเธอยังได้เขียนถึงเขาอีกมั้ย?
ฟึ่บ...
ฟึ่บ...
ฟึ่บ...
นิ้วมือยาวเรียวได้เปิดเลื่อนๆหน้าไดอารี่เล่มนั้นดูไปเรื่อยๆจน กระทั่งมาถึงบันทึกหน้าสุดท้ายที่แก้วเธอนั้นเขียนเอาไว้ล่าสุด...โทโมะถอนหายใจออกมาเสมือนกับว่าสิ่งที่เขียนนั้นมันไม่ดีต่อจิตใจของเขาเลย
บันทึกสุดท้าย...ของแก้ว
‘สวัสดีไดอารี่ที่รัก...วันนี้เป็นวันที่ฉันรู้สึกเจ็บจริงๆ เพราะว่าเรื่องที่มันเกิดขึ้นมันยากจนฉันกลั้น น้ำตาของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่แถมพยายามนอนก็นอนไม่หลับจนต้องมานั่งเขียนไดอารี่ ถ้าถามว่าเรื่องอะไร? ก็คือ...โทโมะ...เขาจูบฉัน ใช่! เขาทำมัน โดยที่ไม่ได้มาจากความรู้สึกของเขาเอง เขาทำมันไปเพราะความเมา กับการเสียใจในสิ่งที่ฉันเองก็คาดไม่ถึงมาก่อน เขาบอกว่าเขาเคยแอบชอบคลอรีน...ตอนนั้นฉันเจ็บจนจุก และบอกไม่ถูกเลย เพราะในความรู้สึกของฉันมันเหมือนว่าฉันเป็นแค่หุ่นจำลองสถานการณ์ในตอนนั้นที่เขา พยายามจะเล่าให้ฟัง แต่เขากับกระทำและปฏิบัติให้ดู เขาเห็นฉันเป็นตัวอะไร? ไม่คิดถึงจิตใจของฉันคนนี้ เลยเหรอ? แต่ฉันก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วล่ะว่าเขาไม่เคยคิดที่จะมาสนใจคนอย่างฉันเลยเพราะว่าเขาไม่เคย แสดงออกมา ตรงนี้แหละที่ฉันพยายามเก็บความรู้สึกที่มีต่อเขามาโดยตลอด แต่ตอนนี้ฉันมาคิดดูแล้วว่าฉัน จะไม่เก็บความรู้สึกนี้เอาไว้อีก เพราะฉันจะลืมมัน ใช่! ฉันจะลืมผู้ชายที่ชื่อโทโมะ ผู้ชายที่อยู่บ้านข้างๆตัวเอง ฉัน จะเลิกสนใจเขาและตัดเขาออกไปจากความรู้สึก ลืมว่าเคยแอบชอบเขา ลืมว่าเขาคือรักครั้งแรกที่เจ็บปวด และให้จำว่าเขาเป็นแค่ผู้ชายข้างบ้านคนหนึ่งที่ไม่เคยพูดคุยกัน...ใช่ และมันก็ควรจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่ทีแรก แล้วล่ะ และถ้าฉันลืมโทโมะได้เมื่อไหร่ฉันก็จะเริ่มต้นใหม่กับสิ่งใหม่ๆที่ไม่ทำให้ฉันเสียใจและทุกข์ใจแบบนี้อีกถึง แม้การที่จะลืมเรื่องราวเกี่ยวกับเขามันจะยากเท่าไหร่ แต่ฉันก็จะพยายามลืมมันให้ได้...และขอให้เรื่องของ ฉันกับโทโมะจบแต่เพียงเท่านี้เถอะ...จบสักที...พอ...’
จบบันทึกสุดท้ายเกี่ยวกับโทโมะ
ตลอดกาล...
พรึ่บ!
ปึก!
หลัง จากที่โทโมะอ่านไดอารี่หน้านั้นจบเขาก็รีบปิดมันลงแล้ววางกระแทกไดอารี่ของแก้วลงกับโต๊ะเสียงดังลั่น ดวงตาของโทโมะแสดงอาการไม่พอใจที่แก้วเขียนเช่นนั้น แต่เขาเป็นคนทำให้เธอเป็นแบบนี้เองจึงโทษแก้วไม่ได้หรอกแต่ที่เขารับไม่ได้ จริงๆคือ
แก้วจะลืมเขา...
จะลืมทุกๆอย่างที่เกี่ยวกับเขาให้หมด...
และจะทำเหมือนว่าเขาไม่เคยโผล่เข้าในชีวิตเธอ ใช่! โทโมะไม่มีทางยอมให้มันเป็นแบบนั้นแน่ๆ
“เธอจะลืมฉันงั้นเหรอ...” ร่างสูงเอ่ยหลังจากที่เงียบไปนาน เขาจ้องมองไดอารี่เล่มนั้นด้วยดวงตาที่แข็งทื่อก่อนจะกัดเม้นริมฝีปากของตัวเอง“เฮ้อ...”
โทโมะถอนหายใจออกมาก่อนจะเอามือขึ้นเสยผมสีดำสนิทของตัวเองแล้วเกาๆมันจนยุ่ง เพราะเขาเหมือนว่าจะหัวเสียกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาและแก้วและเขาไม่รู้ ว่าจะต้องทำยังไงให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะดูท่าแล้วว่าตอนนี้แก้วคงจะตัดสินใจ ‘ตัด’ เขาออกไปจากหัวใจแน่ๆ
ให้ตายสิ...
“ไม่...ไม่มีทาง” โทโมะพูดแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “ฉันไม่มีทางยอมให้เธอลืมฉันหรอก...แก้ว”
จบ คำพูดนั้นโทโมะเก็บไดอารี่ของแก้วใส่กระเป๋าไปตามเดิมก่อนจะเดินออกไปจากห้อง นี้โดยไม่ลืมที่จะเอากระเป๋าของแก้วไปด้วย ส่วนเรื่องจักรยานของแก้ว โทโมะคงจะต้องเอากลับไปที่บ้านไปให้ลุงวิชัยด้วยแต่ข้ออ้างที่จะทำให้ลุงวิชัยไม่ สงสัยเรื่องที่เกิดขึ้นเนี่ยสิ
คงจะต้องคิดดูอีกทีว่าจะพูดยังไง...
บ้านฟาง
“ซี๊ด...”
“ทนหน่อยนะเว้ย”
“อืม”
ฉัน พยักบอกฟางที่กำลังทายาลงบนแผลที่บริเวณมุมปากให้ฉันอย่างเบามือ และตอนนี้ฉันก็อยู่ที่ร้านของฟางหรือเรียกง่ายๆว่าเป็นได้ทั้งร้านขายของ แล้วก็บ้านนั่นแหละ และถ้าถามอีกว่าฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงก็...หลังจากที่ฉันเผลอร้องไห้จนไม่ ได้ตอบอะไรฟาง ฟางก็รีบออกมาหาฉันทันทีเลย
ตอนแรกที่ฟางมาฉันเองก็สงสัยเหมือนกันว่าฟางเจอฉันได้ยังไงแต่ฟางบอกว่าเดาเอาว่าคงจะอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนนักหรอกเพราะตู้โทรศัพท์ สาธารณะมันมีอยู่แถวๆนี้ไม่กี่ที่เอง
และยอมรับเลยว่าตอนที่เห็นว่าฟางมาเจอฉันนั่งอยู่ในตู้โทรศัพท์นั้น ฉันรีบวิ่งออกไปโผเข้ากอดฟางทันทีทันใดด้วยอาการร้องไห้โฮอย่างยากจะเก็บความรู้สึกนั้นเอาไว้และฟางก็ดูตกใจมากที่เห็นสภาพของฉันในตอนนั้น
ตอนที่มาถึงที่นี่ฟางก็ให้ฉันไปอาบน้ำและเปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าเธอแล้วจากนั้นก็มาทำแผล...
อีกอย่าง มีอีกเรื่องที่คุณควรรู้...ว่าฟางรู้เรื่องทั้งหมดแล้วนะ เธอรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเพราะฉันเล่าให้เธอฟังจนหมดเปลือกเพราะไม่รู้ว่าจะ เกิดเอาไว้อีกทำไมในเมื่อมันมาถึงขั้นนี้แล้วนี่นา บอกๆไปเถอะ เพราะว่าฉันไม่อยากเก็บเรื่องพวกนี้เอาไว้คนเดียวอีกแล้ว
...เพราะรู้แล้วว่าการเก็บมันเอาไว้มันยิ่งจะทำให้ฉันคิดมากกว่าเดิม...
“คนที่ทำแบบนี้มันแย่ที่สุด ไม่สิ! เลวเลยล่ะ” ฟางพูดขณะที่เอาสำลีที่จุ่มยามาแล้วซับๆที่มุมปากของฉัน
“...”
“เออแก้ว...”
“ว่า...” ฉันมองฟางที่หยุดเอาสำลีเช็ดแผลที่มุมปากแล้วนั่งมองฉันนิ่งๆก่อนจะเอามีหนึ่งมาแตะที่หัวไหล่ของฉันเบาๆ
“แก...ชอบโทโมะจริงๆใช่มั้ย”
คำ ถามนั้นเอ่ยขึ้นมามันทำให้ฉันไม่อยากจะตอบมันเลย เพราะว่าตั้งแต่ที่เล่าให้ฟางฟังไปว่ามันเกิดอะไรขึ้น ฟางก็เหมือนจะรู้ๆแล้วล่ะว่าฉันคิดยังไงกับโทโมะ เธอถึงได้ตัดสินใจเอ่ยปากถามขึ้นมา แต่ตอนนี้ความรู้สึกที่ฉันมีมันก็ยังคงเหมือนเดิม
ไม่สิ...คงจะมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
ถึงแม้ฉันพยายามแล้วทำจะลืมเขา แต่ทำไมทุกครั้งที่คิดฉันถึงต้องรู้สึกเจ็บแปล๊บๆในใจด้วย ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้เลยจริงๆ แต่ฉันก็ตัดสินใจเลือกแล้ว...
...ว่าจะลืมเขา...
“...อืม” ฉันพยักหน้าก่อนจะตอบออกมา ฟางที่ได้รับคำตอบนั้นก็พยักหน้ารับเบาๆเหมือนจะบอกกันว่า ‘กะแล้ว’ อะไรทำนองนั้นเลย
“ตอนแรกอ่ะนะฉันก็แค่จิ้นเล่นๆนะแกกับโทโมะอ่ะ ไม่คิดว่า...จะชอบจริงๆ”
“ตอนแรกฉันก็ไม่คิดว่าจะชอบเขาจริงๆหรอก”
“แล้วทำไมแกถึงไปชอบโทโมะวะ หมอนั่นทำอะไรให้แกชอบงั้นเหรอ” ฟางถามอย่างตั้งใจฟังฉัน
“อืม...ไม่รู้สิ รู้อีกทีก็...”
“ชอบเขาไปแล้ว อืมเข้าใจเว้ย”
ฟางบอกแล้วพยักหน้าเป็นเชิงให้ฉันก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินเอากล่อง ทำแผลไปวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็มานั่งลงข้างๆฉันพร้อมกับถอนหายออกมาหน่อยๆ แล้วหันกลับมามองที่ฉันอีกครั้งหนึ่ง และสายตาของฟางตอนนี้มันบ่งบอกเลยว่าดูห่วงฉันมาก
อยากรู้จัง...ถ้าตอนนี้ฉันไม่มีฟางแล้วฉันจะเป็นยังไงนะ
แต่ที่รู้ๆคือ...มันคงจะแย่มากน่าดู
“...ฉันขอโทษนะฟาง”
“เห้ย ขอโทษเรื่องไร O_O?” ฟางแลดูตกใจหน่อยๆที่ฉันพูดออกไปแบบนั้น
“ก็เรื่องที่ไม่ยอมเชื่อคำพูดแกตั้งแต่ตอนนั้น ว่าไม่สมควรไปหลงชอบโทโมะ” ฉันบอกแล้วมองหน้าฟางจากนั้นก็เลื่อนสายตาลงไปมองที่พื้นตามเดิม
“นี่ ที่ฉันพูดแบบนั้นฉันไม่ได้ห้ามนะเพราะเรื่องของหัวใจมันบังคับกันไม่ได้หรอก แต่ที่ฉันบอกก็เพื่ออยากให้แกระวังตัวไว้เวลาที่อยู่ใกล้โทโมะ”
“ถึงเขาไม่ได้ทำร้ายอะไรแก แต่ไอ้พวกนั้นน่ะมันทำขนาดไหนแกก็เห็นแล้วนี่นา” เมื่อฟางพูดฉันจึงยกข้อมือของตัวเองขึ้นมาดูก็พบว่ามันแดงก่ำแถมช้ำอีกด้วย“แล้วแกจะเอายังไงต่ออ่ะ”
“เรื่อง?”
“โทโมะไง”
“...”
เมื่อฟางถามออกมาแบบนั้นฉันถึงกับเงียบไปพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกลำบาก ใจ ใจหนึ่งก็ไม่อยากจะให้มันเป็นแบบนี้ แต่อีกใจก็เจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นโทโมะ
“แก้ว...”
“ฉันไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเขาอีกแล้ว” ฉันบอกหลังจากที่นั่งเงียบไปนาน
“แกจะทำได้เหรอ?”
“ถึงไม่ได้ฉันก็จะพยายาม”ฉันตอบแล้วหันไปมองหน้าฟางตรงๆ “เพราะฉันไม่อยากชอบคนที่เขาไม่ได้คิดอะไรกับเราอีก”
“แล้วแกรู้ได้ไงว่าโทโมะไม่ได้คิดอะไรกับแก”
“เพราะว่าเขารักคลอรีนไง”
เมื่อฉันพูดคำนั้นออกไป ฉันก็รีบเงยหน้าขึ้นมองเพดานทันทีเพราะไม่อยากให้น้ำตามันไหลลงมา ให้ตายเหอะ! วันนี้ฉันเสียน้ำตาไปกี่หยดแล้วเนี่ย เพราะเรื่องบ้าๆพวกนั้นที่ทำให้ฉันต้องเจ็บตัวเสียใจเสียความรู้สึก ทำไมๆๆๆ ทำไมนะ! มันจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับฉันด้วย
ไม่เข้าใจ!
และตั้งแต่ที่ฉันเจอโทโมะเคยมีมั้ยที่จะได้อยู่อย่างสงบสุขเหมือนเมื่อก่อน ฮึ่ย! รู้แบบนี้ฉันจะไม่ยอมให้หัวใจของตัวเองไปอยู่กับเขาตั้งแต่แรกหรอก
“งั้น...ถ้าแกจะเอาแบบนั้น เอางี้มั้ย? อาทิตย์หน้าอ่ะ ฉันจะต้องไปช่วยดูร้านกาแฟให้ยัยน้องตัวดีหลังเลิกเรียน แกสนใจจะไปทำงานที่นั่นกับฉันมั้ยล่ะ? บางที...การได้หาอะไรใหม่ๆทำมันก็อาจจะดีนะ จะได้ไม่ต้องมานั่งคิดมากไง ^^”
“อืม ก็ดีเหมือนกัน ขอบใจนะ”ฉันบอกกับฟางอย่างไม่คิดอะไรมาก
และหลังจากนั้นก็จัดการยืมโทรศัพท์ของฟางโทรหาพ่อบอกว่าวันนี้ฉันไม่กลับ บ้านแต่จะค้างที่บ้านของฟางสักคืน เพราะว่ามีรายงานต้องที่ทำ และก็ยังมีถามว่าทำไมเอาโทรศัพท์ฟางโทรมาฉันก็ต้องหาข้ออ้างไปว่าแบตหมด ( แต่จริงๆมันพังเพราะโดนน้ำ ) และอีกบลาๆๆ
แต่ติดตรงที่ว่าพอมาถึงประโยคต่อไปนี้ฉันถึงกับผละไปเลย
[ เออ แก้วลูก ]
“คะ?”
[ เมื่อตอนบ่ายๆโทโมะโทรมาขอเบอร์ลูกกับพ่อด้วยแน่ะ ]
“อะ...อะไรนะคะ? โทโมะขอเบอร์หนู?” ฉันพูดกับปลายสายอย่างไม่อยากเชื่อ
โทโมะขอเบอร์ฉันเนี่ยนะ?
เป็นไปได้เหรอ O_O?
[ ใช่ เห็นว่าเขาจะยืมหนังสือคณิตลูกน่ะ แต่หาลูกไม่เจอเลยมาขอเบอร์กับพ่อ ]
ตอนนั้นฉันมั่นใจได้เลยว่าที่โทโมะโทรไปไม่ใช่เพราะเรื่องหนังสือคณิตอย่างแน่นอน
แต่...เขาขอเบอร์พ่อไปตอนไหนนะ หรือว่าจะเป็นหลังจากที่เราทะเลาะกัน? เอ๊ะ! แต่ว่า... ‘หาฉันไม่เจอ’ คำพูดนั้นของพ่อมันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าโทโมะอาจจะมาหาฉันที่ห้องเรียนแต่ไม่เจอเลยโทรไปขอเบอร์จากพ่อรึปล่าว
แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เขาจะรู้บ้างมั้ยว่าฉันโดนอะไร...
และ ในความรู้สึกฉัน ฉันไม่อยากให้โทโมะรู้เลย เพราะฉันไม่อยากให้เขามาสงสารหรือมามองว่าฉันอ่อนแอ แต่ถ้ารู้ไปแล้ว ก็ช่างมันเถอะ เพราะต่อจากนี้เราสองคนจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก...
เพราะว่ามันไม่ได้มี ‘อะไร’ ตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่ ว่ามั้ย?
“งั้นเหรอคะ...”
[ แล้วโทรศัพท์ลูกแบตหมดแบบนี้ โทโมะจะติดต่อลูกยังไงล่ะเนี่ย ]
“เขาไม่โทรมาหรอกค่ะ”
[ งั้นลองชาตแบตโทรศัพท์ลูกดูสิจะได้รู้ว่าโทรหรือปล่าว ]
“ไม่ต้องหรอกค่ะ” ฉันบอกอย่างไม่ใส่ใจ
[ เอ๋? คู่นี่ยังไงเนี่ย หรือว่างอนอะไรกันรึปล่าว เสียงลูกดูแข็งๆนะ ^^ ]
อะ...อะไรของพ่อเนี่ย >O<????
ใครงอน! ฉันไม่ได้งอน! ฉันแค่ไม่อยากพูดถึงเขาอีกแล้วแค่นั้น จบ!
“พ่อ = =;;;”
[ อ่าๆๆๆ ไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไร งั้นอยู่ที่บ้านฟางก็ดีๆนะลูก อย่านอนดึกนักล่ะพ่อเป็นห่วง ]
“ค่ะพ่อ รักพ่อนะคะ”
ติ๊ด!
ฉันกดตัดสายและหลังจากนั้นก็ดูเวลาในจอโทรศัพท์ของฟางก็พบว่ามันประมาณทุ่ม กว่าๆแล้ว เฮ้อ...ฉันก็ไม่ได้เอากระเป๋ากับจักรยานของตัวเองมาด้วยน่ะสิ เพราะตอนนั้นรู้แค่ว่าอยากออกมาจากโรงเรียนไม่อยากเจอใครเลยจริงๆ อืม...หวังว่าของๆฉันจะไม่มีใครไปไปทำอะไรมันนะ
ขออย่าให้มันถูกใครแกล้งโยนทิ้งไปเลย เพี้ยง! >/\<
1 ทุ่มกว่าๆ
แก๊กๆๆๆๆๆ
“จักรยานพังรึไงวะ”
โทโมะบ่นหลังจากที่เขาเดินเข็นจักรยานของแก้วมาจนถึงหน้าหมู่บ้านแล้ว แต่เสียงล้อมันดูแปลกๆอย่างไงไม่รู้ชอบกล มาถึงคราวนี้เขาก็หยุดเดินพร้อมกับเอาขาตั้งจักรยานลงแล้วนั่งยองๆลงข้างๆ ตัวจักรยานแล้วก้มดูที่ล้อของมันโทโมะมองจักรยานอย่างละเอียด ในใจเขาก็คิดนะว่าแก้วไม่ดูหรือสังเกตอะไรจักรยานของตัวเองบ้างหรือไรล้อ มันถึงเริ่มขึ้นสนิมเยี่ยงนี้
“ไม่คิดจะดูแลของๆตัวเองบ้างหรือไง ยัยบื้อเอ๊ย” โทโมะบ่น แต่ในนัยต์ตาของเขากลับฉายแววเศร้าสร้อยทันทีที่ได้พูดแบบนั้นออกมา
เพราะว่า...คำพูดแบบนี้เขามักจะพูดบ่นแก้วเวลาที่เธออยู่ข้างๆเขาและชอบทำ หน้าอึนๆใส่เขาตลอด ตั้งแต่วันแรกที่เดินกลับบ้านด้วยกันตอนเย็นแล้วแก้วเดินช้าเขาก็บ่น เธอไม่พูดด้วยก็หาว่าเป็นใบ้เหรอ? และมันก็มีอีกหลายคำพูด
...ที่โทโมะได้บ่น ได้ว่า แต่ในคำเหล่านั้น มันกลับมีความ ‘ห่วงใย’ แฝง อยู่ภายในเสมอ ถึงแม้เขาจะแสดงมันออกมาไม่ถูกทางก็เถอะ เพราะว่าเขาเป็นพวกพูดน้อยเลยไม่รู้ว่าควรต้องพูดอย่างไรเพราะว่าโทโมะคิดว่า บางทีตัวเองพูดไปคงจะทำให้เรื่องมันไปไกลกว่าเดิม
อย่างวันนี้...
“แก้ว...!?”
เมื่อ โทโมะที่เอาแต่นั่งยองๆมองล้อจักรยานเงียบๆ พอเขาเงยหน้าขึ้นมามองใครคนหนึ่งที่มายืนอยู่ตรงข้ามกับตัวจักรยานอีกด้าน พอเงยหน้าขึ้นไปก็พบว่าเป็นแก้ว...แต่นั่นมันไม่ใช่เธอ...
เพราะว่ามันเป็นพียงแค่ภาพหลอนที่โทโมะเห็นมันขึ้นมาเองเท่านั้น
“...”
“กะ...แก้ว” โทโมะลุกขึ้นแล้วมองไปยังภาพหลอนของแก้วที่ยืนมองเขานิ่งๆ ไม่พูดอะไร “เธอไปอยู่ไหนมา” โทโมะถามอย่างเป็นห่วง
แต่ทว่าแก้วนั้นไม่ตอบอะไรเขาเลย...
“...”
“ตอบฉันหน่อย...พูดกับฉันหน่อยจะได้มั้ย” โทโมะ เขาจะรู้มั้ยว่าตอนนี้อยู่ดีๆน้ำตาของเขามันก็ไหลลงมาอาบแก้มแล้ว เมื่อเขาเห็นว่าใบหน้าของแก้วกับร่างกายของเธอมีแต่บาดแผลจากการถูกทำร้าย
“อยากให้เราพูดนักใช่มั้ย”
ภาพ หลอนของแก้วถามโทโมะด้วยน้ำเสียงเย็นชาและไร้ความรู้สึก โทโมะไม่ตอบอะไรก็แค่พยักหน้าทั้งๆที่น้ำตาลูกผู้ชายของเขาไหลลงมาไม่ขาดสายและตอนนี้สีหน้าของโทโมะก็เริ่มแย่ลงเรื่อยๆจนกระทั่งภาพหลอนนั้นตอบกลับมา แต่มันเป็นคำพูดที่เขาไม่อยากได้ยินเลย
เพราะว่ายิ่งได้ยินมันเหมือนกับเป็นแรงตอกย้ำว่า...
แก้วกำลังจะเริ่มห่างจากเขาออกไปมากขึ้น...มากขึ้น...และมากขึ้น...
“...”
“...เราจะลืมนาย”
“...!”
วูบ...
หลังจากที่ภาพหลอนนั้นพูดจบ เธอก็จางไปกับสายลมที่พัดผ่านมาจนโทโมะตกใจว่าทำไมเขาถึงได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำไมเขาถึงได้เห็นภาพหลอนของแก้วมาพูดแบบนี้กับเขา หรือว่า...แก้วจะลืมเขาจริงๆ และถ้ามันเป็นแบบนั้น ความรู้สึกของโทโมะมันก็
คงจะเจ็บยิ่งกว่าตอนนี้หลายเท่า...
“ได้โปรด...”ความรู้สึกที่มันหน่วงอยู่ในใจของเขานั้นทำให้โทโมะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ตอนนี้มันมืดมนไม่มีแม้แต่ดวงดาวส่องแสงประกายเลยสักดวง “ขออย่าให้เขาลืมผมเลย...”
คำขอนั้นเป็นคำขอสุดท้ายก่อนที่เขาจะเอามือปาดน้ำตาตัวเองแล้วเดินกลับบ้าน จนเดินมาจนใกล้ถึงหน้าบ้านของแก้วแล้ว จากนั้นโทโมะก็เห็นว่าลุงวิชัยแกกำลังเดินออกมานอกบ้านพร้อมกับถุงขยะสีดำ และสายตาของโทโมะก็สังเกตมองขึ้นไปบนห้องนอนของแก้วที่ตอนนี้ไฟปิดสนิท
‘นอนแล้วเหรอ?’
“อ้าวโทโมะ! ^O^//” ลุงวิชัยเรียกเมื่อเห็นว่าโทโมะยืนอยู่ และนั่นทำให้โทโมะรีบหันกลับมามอง
“ครับ? O_O”
“อ้าว? นั่นจักรยานแก้วนี่ ใช่มั้ยลูก?” ลุงอากิโอะเดินมาพร้อมชี้ที่จักรยานของแก้วที่โทโมะกำลังจับอยู่
“อ่อ ใช่ครับ” โทโมะตอบแล้วพยักหน้า
แต่ตอนนั้นโทโมะก็เริ่มสงสัยแล้วว่าถ้าแก้วกลับมาที่บ้านทำไมลุงวิชัยถึงไม่มีสี หน้าหรือท่าทีที่ถามโทโมะว่าวันนี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเลย ในความคิดโทโมะตอนนั้นก็คือ แก้วยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ? แล้วตอนนี้เธอไปอยู่ไหนละเนี่ย?! และติดต่อก็ไม่ได้ด้วย
“อ๋อ แหม่ไอ้เจ้าลูกคนนี้ก็ไม่ยอมบอกลุงเลยว่าฝากให้โทโมะเอาจักรยานกับกระเป๋ากลับบ้านมาด้วย”
“ฝะ...ฝากอะไรนะครับ?” โทโมะถามอย่างไม่เข้าใจ
“ก็ เมื่อกี้แก้วเพิ่งโทรมาหาลุงบอกว่าวันนี้มีทำรายงานที่บ้านฟางและจะค้างที่นั่น แต่เขาไม่ได้บอกลุงว่าจะฝากให้โทโมะเอาจักรยานกลับมาด้วย เอ๊ะ? แต่ตอนนั้นลุงถามแก้ว แก้วว่ายังไม่ได้คุยกับโทโมะนี่นา ยังไงเนี่ย = =??”
จึก!
ตอนนั้นโทโมะแอบตกใจหน่อยๆที่ลุงวิชัยถามแบบนั้นเพราะทีแรกลุงวิชัยเข้าใจว่าโทโมะกับแก้วได้คุยกันแล้ว แต่ว่าตอนที่แก้วคุยกับลุงวิชัยพ่อของเธอ เธอกลับบอกว่าโทรศัพท์แบตหมดเลยไม่ได้คุยกับโทโมะ แถมตอนที่โทโมะโทรไปขอเบอร์แก้วจากลุงวิชัยโทโมะก็ดันบอกไปว่าหาแก้วไม่เจออีก
แล้วแบบนี้เขาจะพูดยังไงดีล่ะ?
“เอ่อ...แต่ผมคุยกับเธอแล้วนะครับ” โทโมะแกล้งทำเป็นโกหก
“เหรอ แล้วทำไม...แก้วไม่เห็นบอกลุงเลยล่ะ =[]=???” ลุงวิชัยทำหน้างงๆ “อ๋อ...รู้และ ^^”
“O_O?” “สงสัยคงกลัวลุงแซวล่ะมั้งเลยไม่ยอมบอก แหม่ไอ้ลูกคนนี้นิทำเป็นปากแข็ง ฮ่าๆๆ”
“ผมก็...ว่างั้น” โทโมะพูดแล้วขำออกมาหน่อยๆ
แต่ภายในใจของเขาเนี่ยสิ...มันดูไม่น่าขำเลยสักนิด เพราะคิดว่าแก้วคงจะเจ็บแบบเดียวกันเลยไม่ยอมกลับบ้านมาเจอหน้าพ่อ แถมพรุ่งนี้ก็วันเสาร์เป็นโอกาสยากมากที่เขาจะหาทางคุยกับเธอตามลำพังถ้าเธอ กลับมาบ้าน หรืออาจจะ ‘หาข้ออ้าง’หลอกพ่อ ไม่ยอมกลับก็ได้ใครจะรู้
[ บันทึกพิเศษ : โทโมะ ]
วันจันทร์
“ไงนะ? แก้วกับแกยังไม่ได้คุยกันอีกเหรอวะ =[]=???”
“ฉันไม่เห็นยัยนั่นเลย เสาร์อาทิตย์เธออยู่แต่ที่บ้านฟาง ไม่ยอมกลับบ้านล่ะมั้ง”
ตอน นี้พวกผมกำลังนั่งสุมหัวกันอยู่ที่ริมสนามฟุตบอลและหลังจากที่ผมเล่าให้ไอ้ พวกนี้ฟังไปว่ายังไม่ได้เจอกับแก้วเลย เสาร์อาทิตย์ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาเห็นแต่แค่ลุงวิชัยกับพิชชี่อยู่ที่บ้านกันสอง คนเองเท่านั้น นั่นทำให้ผมเชื่อเลยว่าแก้วไม่ได้กลับมาที่บ้าน และเธอคงจะจงใจหลบหน้าผมแล้วก็พ่อของเธอแน่ๆ
แต่วันนี้แหละที่ผมจะต้องหาทางเข้าไปคุยกับเธอให้รู้เรื่อง!
“แล้วแกจะเอาไงต่อ” จองเบถาม
“ยังไงฉันก็ต้องคุยกับแก้วให้ได้” ผมบอกอย่างเอาจริง
“ก็ขอให้ได้คุย แค่นั้นก็พอใจ?” ไอ้เขื่อนเค้นเสียงถามในตอนที่มันกำลังนั่งเล่นลูกฟุตบอลที่อยู่ในมือเล่นๆ
“ไม่ว่ะ” ผมตอบแล้วยิ้มเจื่อนๆ
ไม่เอาอ่ะ ถ้าคุยแล้วเรื่องไม่จบแก้วไม่หายโกรธหรือคุยแล้วให้อภัยแล้ว แต่เธอคิดจะลืมผม แบบนั้นผมรับไม่ได้จริงๆ ได้โปรดเถอะว่ะพระเจ้า! ถ้าจะลงโทษกันแบบนี้นะ ไม่ฆ่าผมให้ตายไปเลย ( วะ ) ครับ = =;;;;
“เห๊อะ ความรักหนอความรัก” เคนตะพูดพลางส่ายหัวไปมา
“อยากคุย แต่ไม่ยอมขึ้นไปหาเขา แบบนี้คงจะได้คุยหรอกมั้ง”
ไอ้ห่าเขื่อนนี่ >O<! นี่มันอ่านความคิดคนได้รึไงวะ มันถึงได้เอ่ยออกมาทั้งๆที่ผมว่ามันในใจแค่ไม่กี่วิเองนะ ให้ตายเหอะจะฉลาดเกินไปแล้ว!
“เฮ้ย ไอ้จองเบ โน่นๆๆ”
ระหว่างนั้นไอ้ป๊อปปี้ที่เหมือนจะเห็นอะไรจึงสะกิดเรียกจองเบที่กำลังนั่งอยู่ เฉยๆ และจากนั้นทั้งไอ้จองเบและพวกผมก็หันไปตามนิ้วที่ไอ้ป๊อปปี้มันชี้ไปก็พบว่า เป็นคลอรีนนั่นเอง และเธอก็กำลังเดินยกแฟ้มที่สูงเป็นปึกๆเหมือนว่ากำลังจะเอาไปที่ห้องวิชาการ
“ได้แต่มอง...มอง...แล้วก็มอง”ไอ้ป๊อปปี้พูดเมื่อเห็นว่าไอ้จองเบมันเอาแต่มองคลอรีนนิ่งๆ
แต่ในสายตาผมกับเพื่อนๆก็ต่างรู้กันดีเลยว่าไอ้จองเบมันอยากจะเดินเข้าไปหา คลอรีนมากขนาดไหน แต่มันคงทำได้แค่มองว่าที่‘แฟนเก่า’ อยู่แบบนั้น เฮ้อ..ถ้าให้เทียบกันผมว่าเรื่องของไอ้จองเบนี่หนักกว่าของผมเยอะแหละครับบอกได้เลย
แถมคลอรีนก็ไม่ใช่ผู้หญิงแบบแก้วเสียด้วยสิ เพราะเธอดูใจแข็งและมีความเป็นผู้ใหญ่กว่า การที่จะเข้าใจความรู้สึกของคลอรีนนั้นคงไม่ใช่ง่ายๆเลย อย่างเช่นที่เธอบอกเลิกไอ้จองเบทั้งๆที่ไอ้จองเบมันไม่รู้สาเหตุแบบนั้นถามก็ไม่ตอบไม่บอกอะไรสักอย่างและทิ้งให้มันเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ
เป็นผมนะ อึดอัดตายห่าเลยว่ะ =[]=;;;
“ปล่อยเขาเหอะ” จองเบบอกแต่สายตามันยังคงมองคลอรีนที่กำลังเดินๆอยู่เลย
“บอกให้‘ปล่อย’แต่สายตานี่ยังมองอยู่เลยน้า ” เคนตะแซว
“เห้ยอย่าไปแซวมันดิวะ ฉันว่าตอนนี้จัดการเรื่องไอ้โทโมะก่อน” เขื่อนพูดแล้วมองมาที่ผม
“ป่ะไอ้โทโมะ ขึ้นไปคุยกันให้รู้เรื่องเลยเดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อน” ไอ้ป๊อปปี้พูดแล้วลุกขึ้นยืนก่อนจะจับยกไหล่ผมให้ยืนขึ้น
อะไรของมันวะจะรีบไปไหนของมัน= =???
“แล้วพวกฉันอ่ะ =[]=??” ไอ้เขื่อนถามป๊อปปี้
“พวกแกอยู่นี่แหละ เดี๋ยวฉันจะไปเป็นเพื่อนไอ้โทโมะ”
“เออๆๆ ปล่อยมันไปนั่นแหละ ไอ้ป๊อปมันอยากไปหา‘ฟางแมน’ ^^”
“ปล่าว! ฉันจะไปหายัยหน้าแบนนั่นทำไมมิทราบ! >O<!”
“ไม่อยากไปหาแล้วอาสาไปเป็นเพื่อนไอ้โทโมะทำไม?” เขื่อนเค้นเสียงถามไอ้ป๊อปปี้
“ก็ไอ้โทโมะมันไม่มีเพื่อนไป ><!” ป๊อปปี้เถียงหน้าตาย
แต่แบบนี้ผมล่ะขำมันจริงๆนะ ฮ่าๆๆๆ
“งั้นแกนั่งลง! เดี๋ยวฉันขึ้นไปเป็นเพื่อนไอ้โทโมะเอง” เขื่อนกวักมือให้ไอ้ป๊อปปี้นั่งลงจากนั้นมันก็กำลังจะลุกขึ้นแทน
แต่ทว่า...
“ไม่ต้อง! ฉันเนี่ยแหละ! แกน่ะนั่งลงเลยไอ้เขื่อน ป่ะไอ้โมะป่ะ ขี้เกียจฟังเสียงหมาเห่า :P”
“ไอ้^%& ป๊อปปี้!”
“แบร่ๆ :P”
เห๊อะ! ไอ้เขื่อนกับไอ้ป๊อปปี้กัด เอ้ย! ทะเลาะ แหย่ๆกันทุกวันแบบนี้มันเป็นเรื่องปกติครับ และถ้าวันไหนไอ้เขื่อนไม่แซะไม่แขวะป๊อปปี้เรื่องฟางก็คงจะเป็นวันที่ไม่มีพระ อาทิตย์ขึ้นแหงๆ แต่ผมว่าแบบนี้มันก็ดีนะไอ้ป๊อปปี้มันจะได้ชอบฟางเข้าจริงๆไง เพราะเห็นที‘ฟาง’นั่นแหละที่เป็นคนที่คู่ควรกับมันมากที่สุด
ก็เหมือนกับ‘ไม่ชอบอะไรก็ได้อย่างงั้น’ล่ะมั้ง?
และที่สำคัญผมก็แอบเชียร์คู่นี้อยู่เหมือนกัน ^^
[ จบบันทึกพิเศษ : โทโมะ ]
วันนี้เป็นวันที่แปลกมากๆสำหรับฉันกับฟาง เพราะว่าตั้งแต่ที่มาโรงเรียนด้วยกันกับฟางดูเหมือนว่าฉันสองคนจะถูกเพ่ง เล็งเป็นพิเศษ แต่ตอนนี้ฉันโอเคแล้วเลยไม่ได้อะไร แต่พอขึ้นมาจนถึงห้องเรียนเพื่อนๆบางคนก็ทำมาพูดดีด้วยอย่างงู้นอย่างงี้ อย่างงั้นจนฉันกับฟางเองก็แปลกใจไปตามๆกัน
แถมบางคนนี่ก็ซื้อพวกขนมมาให้เลยด้วย = =;;;
แต่ที่ฉันกับฟางงงๆคือทำไมคนพวกนี้ถึงได้มาทำดีด้วยเป็นพิเศษ หรือว่าอยากจะแกล้งอะไรฉันอีกอย่างงั้นเหรอ? เห๊อะ! ขอบอกเลยว่าครั้งนี้ฉันจะไม่หลงกลอะไรง่ายๆอีกแล้วละจะบอกให้
เมื่อวันศุกร์ยังหัวเราะเยาะฉันส่วนมาวันนี้มาทำดีด้วย แบบนี้เขาเรียกว่าจริงใจหรือไง?
อ้อ! ส่วน เมื่อวันเสาร์อาทิตย์ ฉันไม่ได้กลับบ้านหรอกเพราะบอกพ่อว่าจะอยู่ทำงานที่บ้านฟาง ส่วนเมื่อเช้าฉันเพิ่งกลับไปเอากระเป๋านักเรียนที่บ้านในตอนที่พ่อไปทำงาน ส่วนพิชชี่ก็ไปโรงเรียนแล้ว ท่านจึงไม่ได้อยู่เห็นว่าฉันโดนอะไรมาไม่งั้นล่ะก็ถามยาวจนฉันตอบไม่ถูกแน่ๆ
แล้วก็เรื่องที่ฉันจะไปทำงานกับฟางน่ะ ฉันกับฟางตกลงกันว่าจะไปกลับบ้านด้วยกันตั้งแต่วันนี้และเราจะไปทำงานด้วยกันที่ร้านกาแฟของพี่สาวฟาง เลิกงานก็ประมาณสามสี่ทุ่มแล้วฟางก็จะไปส่งที่บ้าน
แต่ติดตรงที่ว่าฉันยังไม่ได้บอกพ่อเลยเนี่ยสิ
“แก้วจ๊ะ ^^”
“หือ?”
ฉัน ที่กำลังนั่งทำงานอยู่กับฟางที่โต๊ะของตัวเองจำต้องเงยหน้าขึ้นเมื่อเพื่อน สาวในห้องเดินเข้ามาที่โต๊ะด้วยน้ำเสียงหวานแหว๋วแบบแอ๊บๆ ( อะไรอีกล่ะเนี่ย = =??? )
ให้ตายเหอะมาแบบนี้อีกแล้ว คนพวกนี้เป็นบ้าอะไรกัน ><!
“มีอะไรกับเพื่อนฉันมิทราบ” ฟางถามแทน
“ก็ เห็นว่าพวกเธอสองคนไม่ได้ลงไปกินข้าวกลางวัน ฉันเลยซื้อขนมมาให้น่ะ มีหลายรสเลยน้า” เธอคนนั้นวางขนมถุงโตไว้บนโต๊ะของฟาง จนฉันกับฟางมองหน้ากันแล้วขมวดคิ้ว
ในใจของเราสองคนคงจะคิดแบบเดียวกันนั่นแหละว่า...
ทำแบบนี้เพื่อ?
“เราถามอะไรหน่อยสิ” ฉันเอ่ยแล้วมองหน้าเพื่อนร่วมห้องคนนั้นตรงๆ
“ว่าไงจ๊ะ ^^”
“ทำแบบนี้ต้องการอะไรเหรอ”
กึก!
“เอ่อ...”
เธอ คนนั้นถึงกับชะงักไปเมื่อฉันถาม แต่ตอนนี้ฉันเองเริ่มเข้มแข็งขึ้นแล้วเพราะเรื่องวันศุกร์มันทำให้ฉันรู้ว่า ไม่ควรนิ่งเงียบอีกต่อไป และควรจะตอบโต้อะไรบ้าง แต่ไม่ใช่ไปมีเรื่องกัน แต่แค่พูดอะไรสักนิดก็ยังดีกว่าปล่อยให้ใครบางคนมาว่าเราทั้งๆที่ไม่ได้รู้ อะไรเลย
“ว่าไง” ฟางถามย้ำ
“ก็...ฉันอยากจะขอโทษเรื่องที่ไม่รู้ว่าเธอกับโทโมะ...”
“...”
“เป็นแฟนกันน่ะ Y^Y”
กึก!!!
O_O!!!
“...!!!!”
อะไรนะ!??
ขวับ!
ขวับ!
“แก้วกับโทโมะทำไมนะ??” ฟางหันหน้ามามองฉันแล้วหันกลับไปมองยัยเพื่อนร่วมห้องคนนั้นอีกครั้งหนึ่งเพราะความตกใจที่ยัยนั่นพูดแบบนั้น
ใช่! และฉันเองก็ตกใจเช่นเดียวกัน!
“ก็...โทโมะเขาบอกว่า...แก้วกับโทโมะ กะ...”
“แก้วกับโทโมะทำไมเล่า >O<!” ฟางที่เหมือนว่าจะขึ้นๆแทนฉันเลยถามย้ำเมื่อเพื่อร่วมชั้นคนนั้นทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้
“โทโมะบอกว่าแก้วกับโทโมะกำลังคบกันอยู่ไงเล่า! YOY!!!”
กริบ!
เสียง คุยของเพื่อนในห้องเงียบกริบลงทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น และฉันเองก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมโทโมะถึงพูดแบบนั้นออกมา เขาคิดจะทำอะไรกันแน่? หรือว่าแค่สงสารฉันเลยพูดแบบนั้นไปเพื่อไม่อยากให้ใครมาทำอะไรฉัน แต่ถ้ามันเป็นแบบนั้น
ขอร้องอย่ามาสงสารฉันแล้วบอกว่าฉันเป็นแฟนเขาเลย เพราะว่าเขาชอบคลอรีนอยู่ไม่ใช่รึไง!!!
“ฮือ...ตอนนี้ทุกคนเขารู้กันทั้งโรงเรียนแล้ว ฮือ! ฉันอกหักอย่างแรวง! YOY!!!”
“เฮ้ยๆๆ พี่โทโมะมา OoO!!!”
ขวับ!
ตอนนั้นเพื่อนๆในห้องต่างพากันตกใจเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนมายืนอยู่ตรงประตูหลังห้องแต่ เมื่อฉันหันไปมองก็พบว่าตอนนั้นโลกเหมือนหยุดหมุนไปเมื่อได้เห็นหน้าเขาและ ได้เห็นว่าเขาก็กำลังมองมาที่ฉันนิ่งๆก็เหมือนกับที่ฉันกำลังมองเขาอยู่เช่น กัน!
“...โทโมะ...”
___________________________________________________
อัพแล้วนะคะ ขอโทษที่อัพช้าเนาะ เม้นกันหน่อยนะรีดเดอร์^^
#ในที่สุดแก้วกับโทโมะก็เจอกันแล้วว
(แก้ว)
เย็นวันนั้น
ตึกๆๆๆ
‘ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ...’
“เฮ้อ...”
เสียงถอนหายใจเบาๆของร่างสูงที่กำลังเดินขึ้นบันไดมายังชั้นสองขณะที่ใช้มือกด เบอร์โทรออกเบอร์เดิมมานานนับตั้งแต่บ่ายยังไม่ได้หยุด สักพักก็โทรๆ แต่ปรากฏว่าติดต่ออะไรกับปลายสายอีกฝั่งไม่ได้เลย จนตอนนี้เขาก็ยังคงอยู่ที่โรงเรียนหลังจากที่ได้เลิกเรียนไปนานแล้ว ส่วนนักคนอื่นๆกับเพื่อนของเขาต่างพากันกลับบ้านกันไปหมด
ยกเว้นเขา...โทโมะ
โทโมะเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง ม.5/2 ที่ตอนนี้ไม่เหลือใครแล้ว แต่ที่เหลืออยู่ก็คงจะมีเพียงกระเป๋าเป้ของ ‘แก้ว’ ที่ วางอยู่ตรงเก้าอี้ที่เป็นโต๊ะเรียนหลังห้องที่ติดอยู่ริมหน้าต่างตาม เดิม ฝีเท้าที่ย่างก้าวเดินเข้าไปในห้องเรียนช้าๆกับสายตาที่มองจดจ่ออยู่ที่ กระเป๋าของแก้วนั้นทำให้โทโมะรู้ว่า
แก้วคงไม่คิดที่จะกลับมาเอามันไปด้วยแน่ๆ
ครืด...
ปึก
“...” โทโมะ เลื่อนเก้าอี้ของแก้วออกแล้วยกกระเป๋าของแก้วขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะก่อนที่ เขาจะนั่งลงบนเก้าอี้ของแก้วช้าๆแล้วปรายสายตามองไปยังกระเป๋าเป้ที่ถูกทอด ทิ้งเอาไว้
ภายในใจของโทโมะตอนนี้คือ...แก้วไปไหน...เธอจะเป็นยังไง
แต่เขาไม่สามารถที่จะติดต่ออะไรถึงแก้วได้เลย ณ ตอนนี้คงมีเพียงความเงียบงันที่มันเกิดขึ้นอยู่ภายในใจกับความหน่วงที่มันก็ บอกไม่ถูกเหมือนกันเพียงแค่คิดก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา
แสงตะวันสีส้มอ่อนๆที่กำลังจะตกดินนั้นก็ส่องแสงมากระทบกับใบหน้าของโทโมะที่ ยังคงมีสีหน้านิ่งงันอยู่ตามเดิม เขานั่งเงียบเหมือนว่ากำลังคิดอะไรอยู่คนเดียว...โทโมะละสายตาจากกระเป๋าของแก้วแล้วหันมองออกไปนอกหน้าต่างแทน ณ ตอนนั้นที่มีแสงส่องมามันทำให้เห็นได้เลยว่าที่บริเวณขอบตาของเขานั้นมีน้ำใสๆเอ่อล้นอยู่
“ฉันมัน...ผิด...” โทโมะพูดแล้วกระพริบตาของเขาช้าๆก่อนจะหันกลับมามองที่กระเป๋าของแก้วแล้วเอามือลูบๆมันจากนั้นก็ใช้มือเลื่อนไปเปิดรูดซิบ
ครืด...
“เห๊อะ...” เขาเค้นหัวเราะออกมาเมื่อเปิดดูกระเป๋าของแก้วแล้วมีเพียงหนังสือเรียนกับสมุดไดอารี่ ‘เล่มนั้น...’ โทโมะจึงหยิบมันออกมาอ่านดูอีกครั้ง
เขาอยากรู้...ว่าแก้วเธอยังได้เขียนถึงเขาอีกมั้ย?
ฟึ่บ...
ฟึ่บ...
ฟึ่บ...
นิ้วมือยาวเรียวได้เปิดเลื่อนๆหน้าไดอารี่เล่มนั้นดูไปเรื่อยๆจน กระทั่งมาถึงบันทึกหน้าสุดท้ายที่แก้วเธอนั้นเขียนเอาไว้ล่าสุด...โทโมะถอนหายใจออกมาเสมือนกับว่าสิ่งที่เขียนนั้นมันไม่ดีต่อจิตใจของเขาเลย
บันทึกสุดท้าย...ของแก้ว
‘สวัสดีไดอารี่ที่รัก...วันนี้เป็นวันที่ฉันรู้สึกเจ็บจริงๆ เพราะว่าเรื่องที่มันเกิดขึ้นมันยากจนฉันกลั้น น้ำตาของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่แถมพยายามนอนก็นอนไม่หลับจนต้องมานั่งเขียนไดอารี่ ถ้าถามว่าเรื่องอะไร? ก็คือ...โทโมะ...เขาจูบฉัน ใช่! เขาทำมัน โดยที่ไม่ได้มาจากความรู้สึกของเขาเอง เขาทำมันไปเพราะความเมา กับการเสียใจในสิ่งที่ฉันเองก็คาดไม่ถึงมาก่อน เขาบอกว่าเขาเคยแอบชอบคลอรีน...ตอนนั้นฉันเจ็บจนจุก และบอกไม่ถูกเลย เพราะในความรู้สึกของฉันมันเหมือนว่าฉันเป็นแค่หุ่นจำลองสถานการณ์ในตอนนั้นที่เขา พยายามจะเล่าให้ฟัง แต่เขากับกระทำและปฏิบัติให้ดู เขาเห็นฉันเป็นตัวอะไร? ไม่คิดถึงจิตใจของฉันคนนี้ เลยเหรอ? แต่ฉันก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วล่ะว่าเขาไม่เคยคิดที่จะมาสนใจคนอย่างฉันเลยเพราะว่าเขาไม่เคย แสดงออกมา ตรงนี้แหละที่ฉันพยายามเก็บความรู้สึกที่มีต่อเขามาโดยตลอด แต่ตอนนี้ฉันมาคิดดูแล้วว่าฉัน จะไม่เก็บความรู้สึกนี้เอาไว้อีก เพราะฉันจะลืมมัน ใช่! ฉันจะลืมผู้ชายที่ชื่อโทโมะ ผู้ชายที่อยู่บ้านข้างๆตัวเอง ฉัน จะเลิกสนใจเขาและตัดเขาออกไปจากความรู้สึก ลืมว่าเคยแอบชอบเขา ลืมว่าเขาคือรักครั้งแรกที่เจ็บปวด และให้จำว่าเขาเป็นแค่ผู้ชายข้างบ้านคนหนึ่งที่ไม่เคยพูดคุยกัน...ใช่ และมันก็ควรจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่ทีแรก แล้วล่ะ และถ้าฉันลืมโทโมะได้เมื่อไหร่ฉันก็จะเริ่มต้นใหม่กับสิ่งใหม่ๆที่ไม่ทำให้ฉันเสียใจและทุกข์ใจแบบนี้อีกถึง แม้การที่จะลืมเรื่องราวเกี่ยวกับเขามันจะยากเท่าไหร่ แต่ฉันก็จะพยายามลืมมันให้ได้...และขอให้เรื่องของ ฉันกับโทโมะจบแต่เพียงเท่านี้เถอะ...จบสักที...พอ...’
จบบันทึกสุดท้ายเกี่ยวกับโทโมะ
ตลอดกาล...
พรึ่บ!
ปึก!
หลัง จากที่โทโมะอ่านไดอารี่หน้านั้นจบเขาก็รีบปิดมันลงแล้ววางกระแทกไดอารี่ของแก้วลงกับโต๊ะเสียงดังลั่น ดวงตาของโทโมะแสดงอาการไม่พอใจที่แก้วเขียนเช่นนั้น แต่เขาเป็นคนทำให้เธอเป็นแบบนี้เองจึงโทษแก้วไม่ได้หรอกแต่ที่เขารับไม่ได้ จริงๆคือ
แก้วจะลืมเขา...
จะลืมทุกๆอย่างที่เกี่ยวกับเขาให้หมด...
และจะทำเหมือนว่าเขาไม่เคยโผล่เข้าในชีวิตเธอ ใช่! โทโมะไม่มีทางยอมให้มันเป็นแบบนั้นแน่ๆ
“เธอจะลืมฉันงั้นเหรอ...” ร่างสูงเอ่ยหลังจากที่เงียบไปนาน เขาจ้องมองไดอารี่เล่มนั้นด้วยดวงตาที่แข็งทื่อก่อนจะกัดเม้นริมฝีปากของตัวเอง“เฮ้อ...”
โทโมะถอนหายใจออกมาก่อนจะเอามือขึ้นเสยผมสีดำสนิทของตัวเองแล้วเกาๆมันจนยุ่ง เพราะเขาเหมือนว่าจะหัวเสียกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาและแก้วและเขาไม่รู้ ว่าจะต้องทำยังไงให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะดูท่าแล้วว่าตอนนี้แก้วคงจะตัดสินใจ ‘ตัด’ เขาออกไปจากหัวใจแน่ๆ
ให้ตายสิ...
“ไม่...ไม่มีทาง” โทโมะพูดแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “ฉันไม่มีทางยอมให้เธอลืมฉันหรอก...แก้ว”
จบ คำพูดนั้นโทโมะเก็บไดอารี่ของแก้วใส่กระเป๋าไปตามเดิมก่อนจะเดินออกไปจากห้อง นี้โดยไม่ลืมที่จะเอากระเป๋าของแก้วไปด้วย ส่วนเรื่องจักรยานของแก้ว โทโมะคงจะต้องเอากลับไปที่บ้านไปให้ลุงวิชัยด้วยแต่ข้ออ้างที่จะทำให้ลุงวิชัยไม่ สงสัยเรื่องที่เกิดขึ้นเนี่ยสิ
คงจะต้องคิดดูอีกทีว่าจะพูดยังไง...
บ้านฟาง
“ซี๊ด...”
“ทนหน่อยนะเว้ย”
“อืม”
ฉัน พยักบอกฟางที่กำลังทายาลงบนแผลที่บริเวณมุมปากให้ฉันอย่างเบามือ และตอนนี้ฉันก็อยู่ที่ร้านของฟางหรือเรียกง่ายๆว่าเป็นได้ทั้งร้านขายของ แล้วก็บ้านนั่นแหละ และถ้าถามอีกว่าฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงก็...หลังจากที่ฉันเผลอร้องไห้จนไม่ ได้ตอบอะไรฟาง ฟางก็รีบออกมาหาฉันทันทีเลย
ตอนแรกที่ฟางมาฉันเองก็สงสัยเหมือนกันว่าฟางเจอฉันได้ยังไงแต่ฟางบอกว่าเดาเอาว่าคงจะอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนนักหรอกเพราะตู้โทรศัพท์ สาธารณะมันมีอยู่แถวๆนี้ไม่กี่ที่เอง
และยอมรับเลยว่าตอนที่เห็นว่าฟางมาเจอฉันนั่งอยู่ในตู้โทรศัพท์นั้น ฉันรีบวิ่งออกไปโผเข้ากอดฟางทันทีทันใดด้วยอาการร้องไห้โฮอย่างยากจะเก็บความรู้สึกนั้นเอาไว้และฟางก็ดูตกใจมากที่เห็นสภาพของฉันในตอนนั้น
ตอนที่มาถึงที่นี่ฟางก็ให้ฉันไปอาบน้ำและเปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าเธอแล้วจากนั้นก็มาทำแผล...
อีกอย่าง มีอีกเรื่องที่คุณควรรู้...ว่าฟางรู้เรื่องทั้งหมดแล้วนะ เธอรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเพราะฉันเล่าให้เธอฟังจนหมดเปลือกเพราะไม่รู้ว่าจะ เกิดเอาไว้อีกทำไมในเมื่อมันมาถึงขั้นนี้แล้วนี่นา บอกๆไปเถอะ เพราะว่าฉันไม่อยากเก็บเรื่องพวกนี้เอาไว้คนเดียวอีกแล้ว
...เพราะรู้แล้วว่าการเก็บมันเอาไว้มันยิ่งจะทำให้ฉันคิดมากกว่าเดิม...
“คนที่ทำแบบนี้มันแย่ที่สุด ไม่สิ! เลวเลยล่ะ” ฟางพูดขณะที่เอาสำลีที่จุ่มยามาแล้วซับๆที่มุมปากของฉัน
“...”
“เออแก้ว...”
“ว่า...” ฉันมองฟางที่หยุดเอาสำลีเช็ดแผลที่มุมปากแล้วนั่งมองฉันนิ่งๆก่อนจะเอามีหนึ่งมาแตะที่หัวไหล่ของฉันเบาๆ
“แก...ชอบโทโมะจริงๆใช่มั้ย”
คำ ถามนั้นเอ่ยขึ้นมามันทำให้ฉันไม่อยากจะตอบมันเลย เพราะว่าตั้งแต่ที่เล่าให้ฟางฟังไปว่ามันเกิดอะไรขึ้น ฟางก็เหมือนจะรู้ๆแล้วล่ะว่าฉันคิดยังไงกับโทโมะ เธอถึงได้ตัดสินใจเอ่ยปากถามขึ้นมา แต่ตอนนี้ความรู้สึกที่ฉันมีมันก็ยังคงเหมือนเดิม
ไม่สิ...คงจะมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
ถึงแม้ฉันพยายามแล้วทำจะลืมเขา แต่ทำไมทุกครั้งที่คิดฉันถึงต้องรู้สึกเจ็บแปล๊บๆในใจด้วย ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้เลยจริงๆ แต่ฉันก็ตัดสินใจเลือกแล้ว...
...ว่าจะลืมเขา...
“...อืม” ฉันพยักหน้าก่อนจะตอบออกมา ฟางที่ได้รับคำตอบนั้นก็พยักหน้ารับเบาๆเหมือนจะบอกกันว่า ‘กะแล้ว’ อะไรทำนองนั้นเลย
“ตอนแรกอ่ะนะฉันก็แค่จิ้นเล่นๆนะแกกับโทโมะอ่ะ ไม่คิดว่า...จะชอบจริงๆ”
“ตอนแรกฉันก็ไม่คิดว่าจะชอบเขาจริงๆหรอก”
“แล้วทำไมแกถึงไปชอบโทโมะวะ หมอนั่นทำอะไรให้แกชอบงั้นเหรอ” ฟางถามอย่างตั้งใจฟังฉัน
“อืม...ไม่รู้สิ รู้อีกทีก็...”
“ชอบเขาไปแล้ว อืมเข้าใจเว้ย”
ฟางบอกแล้วพยักหน้าเป็นเชิงให้ฉันก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินเอากล่อง ทำแผลไปวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็มานั่งลงข้างๆฉันพร้อมกับถอนหายออกมาหน่อยๆ แล้วหันกลับมามองที่ฉันอีกครั้งหนึ่ง และสายตาของฟางตอนนี้มันบ่งบอกเลยว่าดูห่วงฉันมาก
อยากรู้จัง...ถ้าตอนนี้ฉันไม่มีฟางแล้วฉันจะเป็นยังไงนะ
แต่ที่รู้ๆคือ...มันคงจะแย่มากน่าดู
“...ฉันขอโทษนะฟาง”
“เห้ย ขอโทษเรื่องไร O_O?” ฟางแลดูตกใจหน่อยๆที่ฉันพูดออกไปแบบนั้น
“ก็เรื่องที่ไม่ยอมเชื่อคำพูดแกตั้งแต่ตอนนั้น ว่าไม่สมควรไปหลงชอบโทโมะ” ฉันบอกแล้วมองหน้าฟางจากนั้นก็เลื่อนสายตาลงไปมองที่พื้นตามเดิม
“นี่ ที่ฉันพูดแบบนั้นฉันไม่ได้ห้ามนะเพราะเรื่องของหัวใจมันบังคับกันไม่ได้หรอก แต่ที่ฉันบอกก็เพื่ออยากให้แกระวังตัวไว้เวลาที่อยู่ใกล้โทโมะ”
“ถึงเขาไม่ได้ทำร้ายอะไรแก แต่ไอ้พวกนั้นน่ะมันทำขนาดไหนแกก็เห็นแล้วนี่นา” เมื่อฟางพูดฉันจึงยกข้อมือของตัวเองขึ้นมาดูก็พบว่ามันแดงก่ำแถมช้ำอีกด้วย“แล้วแกจะเอายังไงต่ออ่ะ”
“เรื่อง?”
“โทโมะไง”
“...”
เมื่อฟางถามออกมาแบบนั้นฉันถึงกับเงียบไปพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกลำบาก ใจ ใจหนึ่งก็ไม่อยากจะให้มันเป็นแบบนี้ แต่อีกใจก็เจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นโทโมะ
“แก้ว...”
“ฉันไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเขาอีกแล้ว” ฉันบอกหลังจากที่นั่งเงียบไปนาน
“แกจะทำได้เหรอ?”
“ถึงไม่ได้ฉันก็จะพยายาม”ฉันตอบแล้วหันไปมองหน้าฟางตรงๆ “เพราะฉันไม่อยากชอบคนที่เขาไม่ได้คิดอะไรกับเราอีก”
“แล้วแกรู้ได้ไงว่าโทโมะไม่ได้คิดอะไรกับแก”
“เพราะว่าเขารักคลอรีนไง”
เมื่อฉันพูดคำนั้นออกไป ฉันก็รีบเงยหน้าขึ้นมองเพดานทันทีเพราะไม่อยากให้น้ำตามันไหลลงมา ให้ตายเหอะ! วันนี้ฉันเสียน้ำตาไปกี่หยดแล้วเนี่ย เพราะเรื่องบ้าๆพวกนั้นที่ทำให้ฉันต้องเจ็บตัวเสียใจเสียความรู้สึก ทำไมๆๆๆ ทำไมนะ! มันจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับฉันด้วย
ไม่เข้าใจ!
และตั้งแต่ที่ฉันเจอโทโมะเคยมีมั้ยที่จะได้อยู่อย่างสงบสุขเหมือนเมื่อก่อน ฮึ่ย! รู้แบบนี้ฉันจะไม่ยอมให้หัวใจของตัวเองไปอยู่กับเขาตั้งแต่แรกหรอก
“งั้น...ถ้าแกจะเอาแบบนั้น เอางี้มั้ย? อาทิตย์หน้าอ่ะ ฉันจะต้องไปช่วยดูร้านกาแฟให้ยัยน้องตัวดีหลังเลิกเรียน แกสนใจจะไปทำงานที่นั่นกับฉันมั้ยล่ะ? บางที...การได้หาอะไรใหม่ๆทำมันก็อาจจะดีนะ จะได้ไม่ต้องมานั่งคิดมากไง ^^”
“อืม ก็ดีเหมือนกัน ขอบใจนะ”ฉันบอกกับฟางอย่างไม่คิดอะไรมาก
และหลังจากนั้นก็จัดการยืมโทรศัพท์ของฟางโทรหาพ่อบอกว่าวันนี้ฉันไม่กลับ บ้านแต่จะค้างที่บ้านของฟางสักคืน เพราะว่ามีรายงานต้องที่ทำ และก็ยังมีถามว่าทำไมเอาโทรศัพท์ฟางโทรมาฉันก็ต้องหาข้ออ้างไปว่าแบตหมด ( แต่จริงๆมันพังเพราะโดนน้ำ ) และอีกบลาๆๆ
แต่ติดตรงที่ว่าพอมาถึงประโยคต่อไปนี้ฉันถึงกับผละไปเลย
[ เออ แก้วลูก ]
“คะ?”
[ เมื่อตอนบ่ายๆโทโมะโทรมาขอเบอร์ลูกกับพ่อด้วยแน่ะ ]
“อะ...อะไรนะคะ? โทโมะขอเบอร์หนู?” ฉันพูดกับปลายสายอย่างไม่อยากเชื่อ
โทโมะขอเบอร์ฉันเนี่ยนะ?
เป็นไปได้เหรอ O_O?
[ ใช่ เห็นว่าเขาจะยืมหนังสือคณิตลูกน่ะ แต่หาลูกไม่เจอเลยมาขอเบอร์กับพ่อ ]
ตอนนั้นฉันมั่นใจได้เลยว่าที่โทโมะโทรไปไม่ใช่เพราะเรื่องหนังสือคณิตอย่างแน่นอน
แต่...เขาขอเบอร์พ่อไปตอนไหนนะ หรือว่าจะเป็นหลังจากที่เราทะเลาะกัน? เอ๊ะ! แต่ว่า... ‘หาฉันไม่เจอ’ คำพูดนั้นของพ่อมันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าโทโมะอาจจะมาหาฉันที่ห้องเรียนแต่ไม่เจอเลยโทรไปขอเบอร์จากพ่อรึปล่าว
แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เขาจะรู้บ้างมั้ยว่าฉันโดนอะไร...
และ ในความรู้สึกฉัน ฉันไม่อยากให้โทโมะรู้เลย เพราะฉันไม่อยากให้เขามาสงสารหรือมามองว่าฉันอ่อนแอ แต่ถ้ารู้ไปแล้ว ก็ช่างมันเถอะ เพราะต่อจากนี้เราสองคนจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก...
เพราะว่ามันไม่ได้มี ‘อะไร’ ตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่ ว่ามั้ย?
“งั้นเหรอคะ...”
[ แล้วโทรศัพท์ลูกแบตหมดแบบนี้ โทโมะจะติดต่อลูกยังไงล่ะเนี่ย ]
“เขาไม่โทรมาหรอกค่ะ”
[ งั้นลองชาตแบตโทรศัพท์ลูกดูสิจะได้รู้ว่าโทรหรือปล่าว ]
“ไม่ต้องหรอกค่ะ” ฉันบอกอย่างไม่ใส่ใจ
[ เอ๋? คู่นี่ยังไงเนี่ย หรือว่างอนอะไรกันรึปล่าว เสียงลูกดูแข็งๆนะ ^^ ]
อะ...อะไรของพ่อเนี่ย >O<????
ใครงอน! ฉันไม่ได้งอน! ฉันแค่ไม่อยากพูดถึงเขาอีกแล้วแค่นั้น จบ!
“พ่อ = =;;;”
[ อ่าๆๆๆ ไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไร งั้นอยู่ที่บ้านฟางก็ดีๆนะลูก อย่านอนดึกนักล่ะพ่อเป็นห่วง ]
“ค่ะพ่อ รักพ่อนะคะ”
ติ๊ด!
ฉันกดตัดสายและหลังจากนั้นก็ดูเวลาในจอโทรศัพท์ของฟางก็พบว่ามันประมาณทุ่ม กว่าๆแล้ว เฮ้อ...ฉันก็ไม่ได้เอากระเป๋ากับจักรยานของตัวเองมาด้วยน่ะสิ เพราะตอนนั้นรู้แค่ว่าอยากออกมาจากโรงเรียนไม่อยากเจอใครเลยจริงๆ อืม...หวังว่าของๆฉันจะไม่มีใครไปไปทำอะไรมันนะ
ขออย่าให้มันถูกใครแกล้งโยนทิ้งไปเลย เพี้ยง! >/\<
1 ทุ่มกว่าๆ
แก๊กๆๆๆๆๆ
“จักรยานพังรึไงวะ”
โทโมะบ่นหลังจากที่เขาเดินเข็นจักรยานของแก้วมาจนถึงหน้าหมู่บ้านแล้ว แต่เสียงล้อมันดูแปลกๆอย่างไงไม่รู้ชอบกล มาถึงคราวนี้เขาก็หยุดเดินพร้อมกับเอาขาตั้งจักรยานลงแล้วนั่งยองๆลงข้างๆ ตัวจักรยานแล้วก้มดูที่ล้อของมันโทโมะมองจักรยานอย่างละเอียด ในใจเขาก็คิดนะว่าแก้วไม่ดูหรือสังเกตอะไรจักรยานของตัวเองบ้างหรือไรล้อ มันถึงเริ่มขึ้นสนิมเยี่ยงนี้
“ไม่คิดจะดูแลของๆตัวเองบ้างหรือไง ยัยบื้อเอ๊ย” โทโมะบ่น แต่ในนัยต์ตาของเขากลับฉายแววเศร้าสร้อยทันทีที่ได้พูดแบบนั้นออกมา
เพราะว่า...คำพูดแบบนี้เขามักจะพูดบ่นแก้วเวลาที่เธออยู่ข้างๆเขาและชอบทำ หน้าอึนๆใส่เขาตลอด ตั้งแต่วันแรกที่เดินกลับบ้านด้วยกันตอนเย็นแล้วแก้วเดินช้าเขาก็บ่น เธอไม่พูดด้วยก็หาว่าเป็นใบ้เหรอ? และมันก็มีอีกหลายคำพูด
...ที่โทโมะได้บ่น ได้ว่า แต่ในคำเหล่านั้น มันกลับมีความ ‘ห่วงใย’ แฝง อยู่ภายในเสมอ ถึงแม้เขาจะแสดงมันออกมาไม่ถูกทางก็เถอะ เพราะว่าเขาเป็นพวกพูดน้อยเลยไม่รู้ว่าควรต้องพูดอย่างไรเพราะว่าโทโมะคิดว่า บางทีตัวเองพูดไปคงจะทำให้เรื่องมันไปไกลกว่าเดิม
อย่างวันนี้...
“แก้ว...!?”
เมื่อ โทโมะที่เอาแต่นั่งยองๆมองล้อจักรยานเงียบๆ พอเขาเงยหน้าขึ้นมามองใครคนหนึ่งที่มายืนอยู่ตรงข้ามกับตัวจักรยานอีกด้าน พอเงยหน้าขึ้นไปก็พบว่าเป็นแก้ว...แต่นั่นมันไม่ใช่เธอ...
เพราะว่ามันเป็นพียงแค่ภาพหลอนที่โทโมะเห็นมันขึ้นมาเองเท่านั้น
“...”
“กะ...แก้ว” โทโมะลุกขึ้นแล้วมองไปยังภาพหลอนของแก้วที่ยืนมองเขานิ่งๆ ไม่พูดอะไร “เธอไปอยู่ไหนมา” โทโมะถามอย่างเป็นห่วง
แต่ทว่าแก้วนั้นไม่ตอบอะไรเขาเลย...
“...”
“ตอบฉันหน่อย...พูดกับฉันหน่อยจะได้มั้ย” โทโมะ เขาจะรู้มั้ยว่าตอนนี้อยู่ดีๆน้ำตาของเขามันก็ไหลลงมาอาบแก้มแล้ว เมื่อเขาเห็นว่าใบหน้าของแก้วกับร่างกายของเธอมีแต่บาดแผลจากการถูกทำร้าย
“อยากให้เราพูดนักใช่มั้ย”
ภาพ หลอนของแก้วถามโทโมะด้วยน้ำเสียงเย็นชาและไร้ความรู้สึก โทโมะไม่ตอบอะไรก็แค่พยักหน้าทั้งๆที่น้ำตาลูกผู้ชายของเขาไหลลงมาไม่ขาดสายและตอนนี้สีหน้าของโทโมะก็เริ่มแย่ลงเรื่อยๆจนกระทั่งภาพหลอนนั้นตอบกลับมา แต่มันเป็นคำพูดที่เขาไม่อยากได้ยินเลย
เพราะว่ายิ่งได้ยินมันเหมือนกับเป็นแรงตอกย้ำว่า...
แก้วกำลังจะเริ่มห่างจากเขาออกไปมากขึ้น...มากขึ้น...และมากขึ้น...
“...”
“...เราจะลืมนาย”
“...!”
วูบ...
หลังจากที่ภาพหลอนนั้นพูดจบ เธอก็จางไปกับสายลมที่พัดผ่านมาจนโทโมะตกใจว่าทำไมเขาถึงได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำไมเขาถึงได้เห็นภาพหลอนของแก้วมาพูดแบบนี้กับเขา หรือว่า...แก้วจะลืมเขาจริงๆ และถ้ามันเป็นแบบนั้น ความรู้สึกของโทโมะมันก็
คงจะเจ็บยิ่งกว่าตอนนี้หลายเท่า...
“ได้โปรด...”ความรู้สึกที่มันหน่วงอยู่ในใจของเขานั้นทำให้โทโมะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ตอนนี้มันมืดมนไม่มีแม้แต่ดวงดาวส่องแสงประกายเลยสักดวง “ขออย่าให้เขาลืมผมเลย...”
คำขอนั้นเป็นคำขอสุดท้ายก่อนที่เขาจะเอามือปาดน้ำตาตัวเองแล้วเดินกลับบ้าน จนเดินมาจนใกล้ถึงหน้าบ้านของแก้วแล้ว จากนั้นโทโมะก็เห็นว่าลุงวิชัยแกกำลังเดินออกมานอกบ้านพร้อมกับถุงขยะสีดำ และสายตาของโทโมะก็สังเกตมองขึ้นไปบนห้องนอนของแก้วที่ตอนนี้ไฟปิดสนิท
‘นอนแล้วเหรอ?’
“อ้าวโทโมะ! ^O^//” ลุงวิชัยเรียกเมื่อเห็นว่าโทโมะยืนอยู่ และนั่นทำให้โทโมะรีบหันกลับมามอง
“ครับ? O_O”
“อ้าว? นั่นจักรยานแก้วนี่ ใช่มั้ยลูก?” ลุงอากิโอะเดินมาพร้อมชี้ที่จักรยานของแก้วที่โทโมะกำลังจับอยู่
“อ่อ ใช่ครับ” โทโมะตอบแล้วพยักหน้า
แต่ตอนนั้นโทโมะก็เริ่มสงสัยแล้วว่าถ้าแก้วกลับมาที่บ้านทำไมลุงวิชัยถึงไม่มีสี หน้าหรือท่าทีที่ถามโทโมะว่าวันนี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเลย ในความคิดโทโมะตอนนั้นก็คือ แก้วยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ? แล้วตอนนี้เธอไปอยู่ไหนละเนี่ย?! และติดต่อก็ไม่ได้ด้วย
“อ๋อ แหม่ไอ้เจ้าลูกคนนี้ก็ไม่ยอมบอกลุงเลยว่าฝากให้โทโมะเอาจักรยานกับกระเป๋ากลับบ้านมาด้วย”
“ฝะ...ฝากอะไรนะครับ?” โทโมะถามอย่างไม่เข้าใจ
“ก็ เมื่อกี้แก้วเพิ่งโทรมาหาลุงบอกว่าวันนี้มีทำรายงานที่บ้านฟางและจะค้างที่นั่น แต่เขาไม่ได้บอกลุงว่าจะฝากให้โทโมะเอาจักรยานกลับมาด้วย เอ๊ะ? แต่ตอนนั้นลุงถามแก้ว แก้วว่ายังไม่ได้คุยกับโทโมะนี่นา ยังไงเนี่ย = =??”
จึก!
ตอนนั้นโทโมะแอบตกใจหน่อยๆที่ลุงวิชัยถามแบบนั้นเพราะทีแรกลุงวิชัยเข้าใจว่าโทโมะกับแก้วได้คุยกันแล้ว แต่ว่าตอนที่แก้วคุยกับลุงวิชัยพ่อของเธอ เธอกลับบอกว่าโทรศัพท์แบตหมดเลยไม่ได้คุยกับโทโมะ แถมตอนที่โทโมะโทรไปขอเบอร์แก้วจากลุงวิชัยโทโมะก็ดันบอกไปว่าหาแก้วไม่เจออีก
แล้วแบบนี้เขาจะพูดยังไงดีล่ะ?
“เอ่อ...แต่ผมคุยกับเธอแล้วนะครับ” โทโมะแกล้งทำเป็นโกหก
“เหรอ แล้วทำไม...แก้วไม่เห็นบอกลุงเลยล่ะ =[]=???” ลุงวิชัยทำหน้างงๆ “อ๋อ...รู้และ ^^”
“O_O?” “สงสัยคงกลัวลุงแซวล่ะมั้งเลยไม่ยอมบอก แหม่ไอ้ลูกคนนี้นิทำเป็นปากแข็ง ฮ่าๆๆ”
“ผมก็...ว่างั้น” โทโมะพูดแล้วขำออกมาหน่อยๆ
แต่ภายในใจของเขาเนี่ยสิ...มันดูไม่น่าขำเลยสักนิด เพราะคิดว่าแก้วคงจะเจ็บแบบเดียวกันเลยไม่ยอมกลับบ้านมาเจอหน้าพ่อ แถมพรุ่งนี้ก็วันเสาร์เป็นโอกาสยากมากที่เขาจะหาทางคุยกับเธอตามลำพังถ้าเธอ กลับมาบ้าน หรืออาจจะ ‘หาข้ออ้าง’หลอกพ่อ ไม่ยอมกลับก็ได้ใครจะรู้
[ บันทึกพิเศษ : โทโมะ ]
วันจันทร์
“ไงนะ? แก้วกับแกยังไม่ได้คุยกันอีกเหรอวะ =[]=???”
“ฉันไม่เห็นยัยนั่นเลย เสาร์อาทิตย์เธออยู่แต่ที่บ้านฟาง ไม่ยอมกลับบ้านล่ะมั้ง”
ตอน นี้พวกผมกำลังนั่งสุมหัวกันอยู่ที่ริมสนามฟุตบอลและหลังจากที่ผมเล่าให้ไอ้ พวกนี้ฟังไปว่ายังไม่ได้เจอกับแก้วเลย เสาร์อาทิตย์ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาเห็นแต่แค่ลุงวิชัยกับพิชชี่อยู่ที่บ้านกันสอง คนเองเท่านั้น นั่นทำให้ผมเชื่อเลยว่าแก้วไม่ได้กลับมาที่บ้าน และเธอคงจะจงใจหลบหน้าผมแล้วก็พ่อของเธอแน่ๆ
แต่วันนี้แหละที่ผมจะต้องหาทางเข้าไปคุยกับเธอให้รู้เรื่อง!
“แล้วแกจะเอาไงต่อ” จองเบถาม
“ยังไงฉันก็ต้องคุยกับแก้วให้ได้” ผมบอกอย่างเอาจริง
“ก็ขอให้ได้คุย แค่นั้นก็พอใจ?” ไอ้เขื่อนเค้นเสียงถามในตอนที่มันกำลังนั่งเล่นลูกฟุตบอลที่อยู่ในมือเล่นๆ
“ไม่ว่ะ” ผมตอบแล้วยิ้มเจื่อนๆ
ไม่เอาอ่ะ ถ้าคุยแล้วเรื่องไม่จบแก้วไม่หายโกรธหรือคุยแล้วให้อภัยแล้ว แต่เธอคิดจะลืมผม แบบนั้นผมรับไม่ได้จริงๆ ได้โปรดเถอะว่ะพระเจ้า! ถ้าจะลงโทษกันแบบนี้นะ ไม่ฆ่าผมให้ตายไปเลย ( วะ ) ครับ = =;;;;
“เห๊อะ ความรักหนอความรัก” เคนตะพูดพลางส่ายหัวไปมา
“อยากคุย แต่ไม่ยอมขึ้นไปหาเขา แบบนี้คงจะได้คุยหรอกมั้ง”
ไอ้ห่าเขื่อนนี่ >O<! นี่มันอ่านความคิดคนได้รึไงวะ มันถึงได้เอ่ยออกมาทั้งๆที่ผมว่ามันในใจแค่ไม่กี่วิเองนะ ให้ตายเหอะจะฉลาดเกินไปแล้ว!
“เฮ้ย ไอ้จองเบ โน่นๆๆ”
ระหว่างนั้นไอ้ป๊อปปี้ที่เหมือนจะเห็นอะไรจึงสะกิดเรียกจองเบที่กำลังนั่งอยู่ เฉยๆ และจากนั้นทั้งไอ้จองเบและพวกผมก็หันไปตามนิ้วที่ไอ้ป๊อปปี้มันชี้ไปก็พบว่า เป็นคลอรีนนั่นเอง และเธอก็กำลังเดินยกแฟ้มที่สูงเป็นปึกๆเหมือนว่ากำลังจะเอาไปที่ห้องวิชาการ
“ได้แต่มอง...มอง...แล้วก็มอง”ไอ้ป๊อปปี้พูดเมื่อเห็นว่าไอ้จองเบมันเอาแต่มองคลอรีนนิ่งๆ
แต่ในสายตาผมกับเพื่อนๆก็ต่างรู้กันดีเลยว่าไอ้จองเบมันอยากจะเดินเข้าไปหา คลอรีนมากขนาดไหน แต่มันคงทำได้แค่มองว่าที่‘แฟนเก่า’ อยู่แบบนั้น เฮ้อ..ถ้าให้เทียบกันผมว่าเรื่องของไอ้จองเบนี่หนักกว่าของผมเยอะแหละครับบอกได้เลย
แถมคลอรีนก็ไม่ใช่ผู้หญิงแบบแก้วเสียด้วยสิ เพราะเธอดูใจแข็งและมีความเป็นผู้ใหญ่กว่า การที่จะเข้าใจความรู้สึกของคลอรีนนั้นคงไม่ใช่ง่ายๆเลย อย่างเช่นที่เธอบอกเลิกไอ้จองเบทั้งๆที่ไอ้จองเบมันไม่รู้สาเหตุแบบนั้นถามก็ไม่ตอบไม่บอกอะไรสักอย่างและทิ้งให้มันเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ
เป็นผมนะ อึดอัดตายห่าเลยว่ะ =[]=;;;
“ปล่อยเขาเหอะ” จองเบบอกแต่สายตามันยังคงมองคลอรีนที่กำลังเดินๆอยู่เลย
“บอกให้‘ปล่อย’แต่สายตานี่ยังมองอยู่เลยน้า ” เคนตะแซว
“เห้ยอย่าไปแซวมันดิวะ ฉันว่าตอนนี้จัดการเรื่องไอ้โทโมะก่อน” เขื่อนพูดแล้วมองมาที่ผม
“ป่ะไอ้โทโมะ ขึ้นไปคุยกันให้รู้เรื่องเลยเดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อน” ไอ้ป๊อปปี้พูดแล้วลุกขึ้นยืนก่อนจะจับยกไหล่ผมให้ยืนขึ้น
อะไรของมันวะจะรีบไปไหนของมัน= =???
“แล้วพวกฉันอ่ะ =[]=??” ไอ้เขื่อนถามป๊อปปี้
“พวกแกอยู่นี่แหละ เดี๋ยวฉันจะไปเป็นเพื่อนไอ้โทโมะ”
“เออๆๆ ปล่อยมันไปนั่นแหละ ไอ้ป๊อปมันอยากไปหา‘ฟางแมน’ ^^”
“ปล่าว! ฉันจะไปหายัยหน้าแบนนั่นทำไมมิทราบ! >O<!”
“ไม่อยากไปหาแล้วอาสาไปเป็นเพื่อนไอ้โทโมะทำไม?” เขื่อนเค้นเสียงถามไอ้ป๊อปปี้
“ก็ไอ้โทโมะมันไม่มีเพื่อนไป ><!” ป๊อปปี้เถียงหน้าตาย
แต่แบบนี้ผมล่ะขำมันจริงๆนะ ฮ่าๆๆๆ
“งั้นแกนั่งลง! เดี๋ยวฉันขึ้นไปเป็นเพื่อนไอ้โทโมะเอง” เขื่อนกวักมือให้ไอ้ป๊อปปี้นั่งลงจากนั้นมันก็กำลังจะลุกขึ้นแทน
แต่ทว่า...
“ไม่ต้อง! ฉันเนี่ยแหละ! แกน่ะนั่งลงเลยไอ้เขื่อน ป่ะไอ้โมะป่ะ ขี้เกียจฟังเสียงหมาเห่า :P”
“ไอ้^%& ป๊อปปี้!”
“แบร่ๆ :P”
เห๊อะ! ไอ้เขื่อนกับไอ้ป๊อปปี้กัด เอ้ย! ทะเลาะ แหย่ๆกันทุกวันแบบนี้มันเป็นเรื่องปกติครับ และถ้าวันไหนไอ้เขื่อนไม่แซะไม่แขวะป๊อปปี้เรื่องฟางก็คงจะเป็นวันที่ไม่มีพระ อาทิตย์ขึ้นแหงๆ แต่ผมว่าแบบนี้มันก็ดีนะไอ้ป๊อปปี้มันจะได้ชอบฟางเข้าจริงๆไง เพราะเห็นที‘ฟาง’นั่นแหละที่เป็นคนที่คู่ควรกับมันมากที่สุด
ก็เหมือนกับ‘ไม่ชอบอะไรก็ได้อย่างงั้น’ล่ะมั้ง?
และที่สำคัญผมก็แอบเชียร์คู่นี้อยู่เหมือนกัน ^^
[ จบบันทึกพิเศษ : โทโมะ ]
วันนี้เป็นวันที่แปลกมากๆสำหรับฉันกับฟาง เพราะว่าตั้งแต่ที่มาโรงเรียนด้วยกันกับฟางดูเหมือนว่าฉันสองคนจะถูกเพ่ง เล็งเป็นพิเศษ แต่ตอนนี้ฉันโอเคแล้วเลยไม่ได้อะไร แต่พอขึ้นมาจนถึงห้องเรียนเพื่อนๆบางคนก็ทำมาพูดดีด้วยอย่างงู้นอย่างงี้ อย่างงั้นจนฉันกับฟางเองก็แปลกใจไปตามๆกัน
แถมบางคนนี่ก็ซื้อพวกขนมมาให้เลยด้วย = =;;;
แต่ที่ฉันกับฟางงงๆคือทำไมคนพวกนี้ถึงได้มาทำดีด้วยเป็นพิเศษ หรือว่าอยากจะแกล้งอะไรฉันอีกอย่างงั้นเหรอ? เห๊อะ! ขอบอกเลยว่าครั้งนี้ฉันจะไม่หลงกลอะไรง่ายๆอีกแล้วละจะบอกให้
เมื่อวันศุกร์ยังหัวเราะเยาะฉันส่วนมาวันนี้มาทำดีด้วย แบบนี้เขาเรียกว่าจริงใจหรือไง?
อ้อ! ส่วน เมื่อวันเสาร์อาทิตย์ ฉันไม่ได้กลับบ้านหรอกเพราะบอกพ่อว่าจะอยู่ทำงานที่บ้านฟาง ส่วนเมื่อเช้าฉันเพิ่งกลับไปเอากระเป๋านักเรียนที่บ้านในตอนที่พ่อไปทำงาน ส่วนพิชชี่ก็ไปโรงเรียนแล้ว ท่านจึงไม่ได้อยู่เห็นว่าฉันโดนอะไรมาไม่งั้นล่ะก็ถามยาวจนฉันตอบไม่ถูกแน่ๆ
แล้วก็เรื่องที่ฉันจะไปทำงานกับฟางน่ะ ฉันกับฟางตกลงกันว่าจะไปกลับบ้านด้วยกันตั้งแต่วันนี้และเราจะไปทำงานด้วยกันที่ร้านกาแฟของพี่สาวฟาง เลิกงานก็ประมาณสามสี่ทุ่มแล้วฟางก็จะไปส่งที่บ้าน
แต่ติดตรงที่ว่าฉันยังไม่ได้บอกพ่อเลยเนี่ยสิ
“แก้วจ๊ะ ^^”
“หือ?”
ฉัน ที่กำลังนั่งทำงานอยู่กับฟางที่โต๊ะของตัวเองจำต้องเงยหน้าขึ้นเมื่อเพื่อน สาวในห้องเดินเข้ามาที่โต๊ะด้วยน้ำเสียงหวานแหว๋วแบบแอ๊บๆ ( อะไรอีกล่ะเนี่ย = =??? )
ให้ตายเหอะมาแบบนี้อีกแล้ว คนพวกนี้เป็นบ้าอะไรกัน ><!
“มีอะไรกับเพื่อนฉันมิทราบ” ฟางถามแทน
“ก็ เห็นว่าพวกเธอสองคนไม่ได้ลงไปกินข้าวกลางวัน ฉันเลยซื้อขนมมาให้น่ะ มีหลายรสเลยน้า” เธอคนนั้นวางขนมถุงโตไว้บนโต๊ะของฟาง จนฉันกับฟางมองหน้ากันแล้วขมวดคิ้ว
ในใจของเราสองคนคงจะคิดแบบเดียวกันนั่นแหละว่า...
ทำแบบนี้เพื่อ?
“เราถามอะไรหน่อยสิ” ฉันเอ่ยแล้วมองหน้าเพื่อนร่วมห้องคนนั้นตรงๆ
“ว่าไงจ๊ะ ^^”
“ทำแบบนี้ต้องการอะไรเหรอ”
กึก!
“เอ่อ...”
เธอ คนนั้นถึงกับชะงักไปเมื่อฉันถาม แต่ตอนนี้ฉันเองเริ่มเข้มแข็งขึ้นแล้วเพราะเรื่องวันศุกร์มันทำให้ฉันรู้ว่า ไม่ควรนิ่งเงียบอีกต่อไป และควรจะตอบโต้อะไรบ้าง แต่ไม่ใช่ไปมีเรื่องกัน แต่แค่พูดอะไรสักนิดก็ยังดีกว่าปล่อยให้ใครบางคนมาว่าเราทั้งๆที่ไม่ได้รู้ อะไรเลย
“ว่าไง” ฟางถามย้ำ
“ก็...ฉันอยากจะขอโทษเรื่องที่ไม่รู้ว่าเธอกับโทโมะ...”
“...”
“เป็นแฟนกันน่ะ Y^Y”
กึก!!!
O_O!!!
“...!!!!”
อะไรนะ!??
ขวับ!
ขวับ!
“แก้วกับโทโมะทำไมนะ??” ฟางหันหน้ามามองฉันแล้วหันกลับไปมองยัยเพื่อนร่วมห้องคนนั้นอีกครั้งหนึ่งเพราะความตกใจที่ยัยนั่นพูดแบบนั้น
ใช่! และฉันเองก็ตกใจเช่นเดียวกัน!
“ก็...โทโมะเขาบอกว่า...แก้วกับโทโมะ กะ...”
“แก้วกับโทโมะทำไมเล่า >O<!” ฟางที่เหมือนว่าจะขึ้นๆแทนฉันเลยถามย้ำเมื่อเพื่อร่วมชั้นคนนั้นทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้
“โทโมะบอกว่าแก้วกับโทโมะกำลังคบกันอยู่ไงเล่า! YOY!!!”
กริบ!
เสียง คุยของเพื่อนในห้องเงียบกริบลงทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น และฉันเองก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมโทโมะถึงพูดแบบนั้นออกมา เขาคิดจะทำอะไรกันแน่? หรือว่าแค่สงสารฉันเลยพูดแบบนั้นไปเพื่อไม่อยากให้ใครมาทำอะไรฉัน แต่ถ้ามันเป็นแบบนั้น
ขอร้องอย่ามาสงสารฉันแล้วบอกว่าฉันเป็นแฟนเขาเลย เพราะว่าเขาชอบคลอรีนอยู่ไม่ใช่รึไง!!!
“ฮือ...ตอนนี้ทุกคนเขารู้กันทั้งโรงเรียนแล้ว ฮือ! ฉันอกหักอย่างแรวง! YOY!!!”
“เฮ้ยๆๆ พี่โทโมะมา OoO!!!”
ขวับ!
ตอนนั้นเพื่อนๆในห้องต่างพากันตกใจเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนมายืนอยู่ตรงประตูหลังห้องแต่ เมื่อฉันหันไปมองก็พบว่าตอนนั้นโลกเหมือนหยุดหมุนไปเมื่อได้เห็นหน้าเขาและ ได้เห็นว่าเขาก็กำลังมองมาที่ฉันนิ่งๆก็เหมือนกับที่ฉันกำลังมองเขาอยู่เช่น กัน!
“...โทโมะ...”
___________________________________________________
อัพแล้วนะคะ ขอโทษที่อัพช้าเนาะ เม้นกันหน่อยนะรีดเดอร์^^
#ในที่สุดแก้วกับโทโมะก็เจอกันแล้วว
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ