Stop หยุดหัวใจนายเย็นชา

9.6

เขียนโดย NannyCandy

วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.18 น.

  43 chapter
  860 วิจารณ์
  68.39K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

21) - What should I do? - ( ผมควรจะทำอย่างไรดี )

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

- What should I do? -

( ผมควรจะทำอย่างไรดี )

 

เย็นวันนั้น...

 

 

6 โมงเย็น

 

 

“แก้วขี่จักรยานกลับบ้านดีๆนะเว้ยพรุ่งนี้เจอกัน” ฟางพูดเมื่อเราสองคนกำลังจะแยกย้ายกันกลับบ้านหลังจากที่ช่วยงานกิจกรรมจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว

 

 

“อื้ม”

 

 

“เออลืมบอก พรุ่งนี้ตอนเย็นเราต้องมางานกิจกรรมเขาให้ใส่ชุดเดรสสีขาวล้วน แกมีชุดป่าว O_o”

 

 

“เอ่อ...ไม่มีอ่ะ =[]=;;;”

 

 

“กะแล้ววววว” ฟางมองฉันยิ้มๆเพราะว่าเดาถูกเลยว่าฉันไม่มีชุด 

 

 

            เอ้า!  ก็ เกิดมาฉันไม่เคยออกบ้านไปงานอะไรแบบนี้เลยนะ  ชุดใส่อยู่บ้านก็มีแต่แบบธรรมดาๆพอที่จะใส่ออกไปข้างนอกได้ แต่ไอ้พวกชุดเดรสสวยๆที่สาวๆส่วนใหญ่ชอบใส่กันออกงานนี่สิ คือฉันไม่มีเลยแหละ = =;;;

 

 

“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันยืมชุดพี่สาวเอามาให้เคป่ะ?”

 

 

“เห้ย ยืมได้เหรอ”

 

 

“ได้เด้ พี่ฉันอ่ะมีชุดสวยๆเยอะเลย ฉันเนี่ยนะเวลาที่ป๊าพาไปงานไรเงี้ยชุดตัวเองไม่ใส่อ่ะยืมชุดพี่

 

 

ตลอด ฮ่าๆๆ”

 

 

“ฮ่าๆๆ โอเคๆ ขอบใจนะ ^^”

 

 

“อื้ม พรุ่งเจอกันนะเว้ยไปละ ^O^//”

 

 

      ฟาง บอกก่อนจะบ๊ายบายให้ฉันแล้วเดินไปขึ้นรถมอเตอร์ไซด์ฟีโน่ของตัวเองก่อนจะขับ ออกไป ส่วนฉันเองก็ค่อยๆเดินเข็นจักรยานออกไปนอกโรงเรียนเดินไปตามทางฟุตบาทคน เดียวเงียบๆพร้อมกับนึกถึงความรู้สึกหลายอย่างที่มันกำลังวกวนอยู่ในหัว

 

 

       ทั้งเรื่องมิณท์...

 

 

 

      ‘ ถึงตอนนี้แก้วจะมองเราเป็นแค่เพื่อนที่ดีคนหนึ่ง  แต่เราก็จะรอวันที่แก้วจะมองเรามากกว่าเพื่อนนะ ^^’

 

      ทั้งเรื่องของโทโมะ...

 

 

     ‘ เราไม่รู้นะว่าโทโมะคิดอะไรกับแก้ว แต่...คนที่วิ่งมาช่วยแก้วไว้ได้คือเขานะ  

 

 

“ไม่หรอก...”

 

 

      จู่ๆ ฉันก็พูดขึ้นมาเบาๆ ลมหายใจที่ที่กำลังติดขัดเหมือนกำลังจะบอกว่ามีเรื่องหน้าอึดอัดใจยังคงติด ตรึงอยู่ภายใน  และฉันเองก็ยอมรับว่ารู้สึกแปลกๆเหมือนกันกับสิ่งที่นี้ทำแต่ทำไม...มันถึง ได้มีความรู้สึกอึดอัดแบบนี้ล่ะ ทำไมมันความรู้สึกมันดูไม่สดใสเป็นสีสัน

 

 

      แต่มันรู้สึกคล้ายๆกับสีเทา...

 

 

ฟิ้ว...

 

 

“หือ?”

 

 

       เมื่อ กำลังนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ฉันก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีใบไม้แห้งใบหนึ่งร่วงลงมาจากต้นของมันแล้วพัดผ่าน หน้าฉันมาลงที่ตะแกรงหน้าจักรยานแต่ที่น่าแปลกมากก็คือมันไปติดอยู่ตรง ตุ๊กตาหมีที่คุณยายคนนั้นให้ฉันมาซึ่งฉันเพิ่งเอามันมาเป็นพวงกุญแจ ห้อยกระเป๋าไว้เมื่อเช้านี้เอง

 

 

             ใบไม้แห้ง...กับตุ๊กตา

 

 

“มาหล่นอะไรตรงนี้เนี่ย” ฉันพูดแล้วหยิบเจ้าใบไม้แห้งนั่นออกมาจากเจ้าตุ๊กตาตัวน้อยตัวนั้นก่อนจะโยนมันไปทางอื่น

 

 

            แต่รู้อะไรมั้ย...

 

 

           เมื่อฉันโยนไปใบไม้นั้นไป ใบไม้นั่นยังไม่ทันร่วงลงพื้นเลยด้วยซ้ำก็จู่ๆมีลมมาจากไหนไม่รู้พัดเข้ามา อย่างแรงจนทำให้เจ้าใบไม้นั่นปลิวขึ้นฟ้าสูงๆผ่านต้นไม้ที่กำลังเอนกิ่งก้าน ไปมาใส่กัน

 

 

ฟิ้ว...

 

 

           ลมหนาวเย็นๆทำให้ฉันรีบเดินเข็นจักรยานออกมาจนถึงนอกโรงเรียน...พอขึ้นขี่ จักรยานแล้วทำท่าจะปั่นไปเท่านั้นแหละสายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นใครบางคนที่ กำลังนั่งกอดเข่าอยู่ตรงฟุตบาทฝั่งตรงข้ามกับโรงเรียนที่มีแสงไฟสีส้มอ่อน ส่องอยู่

 

 

           และเขาก็กำลังมองมาที่ฉัน...

 

 

          โทโมะ...ทำไมเขายังไม่กลับบ้านอีก?

 

 

“...”

 

 

“...”

 

 

      ฉัน กับเขาต่างเงียบและด้วยความที่เราอยู่ฝั่งตรงข้ามกันพร้อมกับสายตาที่โทโมะมอง มาจากฝั่งนั้นมันก็ทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆอยู่ไม่น้อยและภายในใจก็ตั้งคำถามว่า ทำไมเขายังไม่กลับบ้านอีกทั้งๆที่เมื่อตอนที่ฉันกับมิณท์เดินขึ้นไปบนโรงยิมกิจกรรมก็ไม่เห็นเขาอีกเลยเห็นแต่พวกเพื่อนๆที่เหลือของเขาเท่านั้นเอง

 

 

       ฉันคิดว่าโทโมะจะกลับบ้านแล้วซะอีก  แล้วทำไม...เขาถึงมานั่งอยู่ตรงนั้นล่ะ...หรือว่าเขากำลังรอใคร?  

 

 

      โอ๊ย ไม่ๆๆๆๆ  เขาคงจะมานั่งกินน้ำโค้กก่อนกลับล่ะมั้งเห็นในมือถือขวดโค้กอยู่ด้วย  แต่ทำไมต้องมานั่งกินตอนเย็นๆแล้วก็นั่งตรงนั้นด้วยล่ะเอ๊ะ? มันก็เรื่องของโทโมะสิ ฉันไม่เกี่ยวนี่ ><!

 

 

เอือก...

 

 

       ฉันกลืนน้ำลายลงคอเมื่อโทโมะมองมาไม่หยุด นี่เขากำลังทำฉันคิดไกลนะ! ไม่เอาแล้ว! กลับบ้านดีกว่าเรา  ><////

 

 

      เมื่อคิดแบบนั้นฉันจึงละสายตาจากโทโมะก่อนจะถีบจักรยานปั่นออกไปจากตรงนี้โดยเร็วด้วยความรู้สึกที่แปลกๆ

 

 

 

          โทโมะ...ทำไมนายถึง...มานั่งอยู่ตรงนั้นล่ะ...

 

 

 

       คิด ไปในใจก็อึดอัดไปเพราะฉันไม่เคยที่จะรู้เลยว่าคนอย่างโทโมะเป็นคนยังไงกันแน่ จะดีหรือจะร้าย จะเย็นชาหรือจะ...โอ๊ยยยยย ฉันล่ะไม่เข้าใจเขาเลย >O<!

 

 

       ก็ อย่างว่าล่ะนะ...ความรู้สึกกับนิสัยของคนเราน่ะมันต่างกันคนละมิติเพราะว่า ถ้ามันอยู่ในมิติเดียวกันป่านนี้คนหลายคนคงแสดงความรู้สึกที่มีออกไปให้อีก ฝ่ายรับรู้ได้ตรงๆแบบง่ายๆแล้ว

 

 

         อย่างเช่นฉัน...

 

 

        ความรู้สึกชอบโทโมะ...แต่นิสัยกับเป็นคนขี้กลัวไม่กล้าแสดงออกไป

 

 

         นี่ไง! เพราะแบบนี้ที่มันเรียกว่า ‘คนละมิติ’

 

 

 

บ้าน

 

 

แอ๊ด...

 

 

“กลับมาแล้วค่า”ฉันพูดเมื่อเปิดประตูเข้ามาในบ้านแล้วเห็นว่าพ่อกับพิชชี่กำลังนั่งดูทีวีกันอยู่ที่ห้องรับแขก

 

 

“แก้วทำไมวันนี้กลับเย็นล่ะลูก” พ่อถาม

 

 

“อ๋อ วันนี้มีช่วยจัดงานกิจกรรมที่โรงเรียนน่ะค่ะพ่อแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเย็นแก้วก็ต้องไปร่วมกิจกรรมด้วย” ฉันหันไปตอบ

 

 

“แล้ววันนี้ลูกกลับมากับใครล่ะ”

 

 

“หนูก็ขี่จักรยานกลับมาคนเดียวน่ะสิคะ พ่อก็ถามแปลกๆ”

 

 

      ฉัน พูดปนขำนิดๆแล้วเดินไปนั่งลงที่โซฟากับพ่อ ส่วนพิชชี่ก็จดจ่ออยู่กับทีวีอย่างเดียวเลย เมื่อฉันนั่งลงได้ไม่นานพ่อก็พูดบางอย่างที่ทำให้ฉันถึงกับเกือบพูดต่อไม่ ออก

 

 

“พ่อนึกว่าลูกจะกลับกับโทโมะซะอีก”

 

 

 

 

ขวับ!

 

 

 

“พ่อคะ หนูไม่ได้เดินกลับบ้านกับเขามาพักใหญ่แล้วน้า” ฉันหันไปบอกพ่อแบบทันควัน

 

 

 

“เออจริงสิ พ่อลืมไปน่ะ แฮะๆ” พ่อขำๆออกมาแล้วเราสองคนก็นั่งเงียบกันไปสักพัก แต่พ่อก็พูดขึ้นมาอีก “แก้ว...”

 

 

 

“คะ?”  

 

 

 

“ลูก...มีคนที่อยู่ในใจรึยังลูก”

 

 

 

       พะ...พ่อถามอะไรเนี้ย >/////////<

 

 

 

“ยะ...ยังค่ะ” ฉันตอบแต่ก็ไม่ได้มองหน้าพ่อแต่รู้สึกว่าแก้มของตัวเองกำลังแดง

 

 

 

“พี่แก้วโม๊”

 

 

 

“เดี๊ยะๆๆ  เดี๋ยวจะโดนพิชชี่”ฉันดุพิชชี่แต่เจ้าน้องชายตัวแสบก็แค่ยักไหล่แล้วเบ้ปากใส่ก่อนที่จะหันไปสนใจทีวีต่ออย่างน่าหมั่นไส้

 

 

 

       ฮึ่ย! กวนประสาทพี่สาวได้ดีจริงๆเลยนะเจ้าน้องตัวแสบ >O<!

 

 

 

“พ่อว่า...ถ้าแก้วยังไม่มีใคร ก็ลองมองคนใกล้ๆตัวบ้างก็ได้นะลูก”

 

 

 

“ใครคะ?”

 

 

 

“โทโมะไงลูก”

 

 

       เมื่อ พ่อพูดฉันถึงกับเงียบไป แต่ฉันก็ไม่รู้ทำไมว่าแทนที่จะดีใจที่พ่อก็เห็นชอบว่าอยากให้ฉันชอบโทโมะทั้งๆ ที่ในใจของฉันก็ชอบเขาอยู่แล้ว...แต่ถึงฉันจะชอบโทโมะ....แต่ฉันก็ยังไม่สามารถ ที่จะแสดงออกไปได้อยู่ดีถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะมีคนที่รู้แล้วอย่างมิณท์ก็ เถอะนะ

 

 

 

และอีกอย่างฉันไม่รู้สึกเลยว่าโทโมะจะเป็นคนใกล้ตัว...

 

 

 

       เราอาจจะอยู่ใกล้กันในบางครั้งแต่ฉันรับรู้สึกถึงความเหินห่างเสียมากกว่า...

 

 

 

“พ่อกำลังคิดอะไรอยู่คะ” ฉันถามพ่อไปตามตรง แต่พ่อก็อ้าปากค้างเหมือนว่าพูดไม่ออก

 

 

 

“เอ่อ...พ่อ...คือพ่อ...”

 

 

 

“พ่ออย่าจับคู่หนูให้เขาเลย”

 

 

 

       ฉัน พูดแล้วเอื้อมมือของตัวเองไปจับมือของพ่อเอาไว้ก่อนที่จะยิ้มบางๆให้ท่าน แล้วลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินขึ้นห้องไปทันทีด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก  มันรู้สึกแปลกๆและใจไม่ค่อยดียังไงไม่รู้สิ คงอาจจะเป็นเพราะว่า...เห็นโทโมะทำเย็นชาใส่อีกครั้งล่ะมั้ง?

 

 

 

       ใช่! ต้องเป็นความรู้สึกนี้แน่ๆเลย  เพราะถ้าให้ฉันคิดแล้ว...ฉันว่าโทโมะอาจจะชินกับการทำท่าทางที่เย็นชาพูดน้อยเวลาอยู่กับคนเยอะๆก็ได้

 

 

 

           เพราะเวลาที่ฉันเห็นเขา อยู่กับเพื่อนๆเขาก็ดูจะคุยสนุกสนานเฮฮากันดี  แต่กับฉัน หึ  บ่นกันซะส่วนใหญ่มากกว่า = =;;;;

 

 

 

 

อีกฝั่ง...

 

 

 

“กลับมาแล้วครับ...”

 

 

 

“อ้าวโทโมะ กินอะไรมารึยังล่ะลูก?”  

 

 

 

      แม่ ของโทโมะถามหลังจากที่ลูกชายตัวเองเปิดประตูเข้าบ้านมา  โทโมะเขาแค่ส่ายหน้าเป็นเชิงตอบคำถามเมื่อกี้ก่อนที่เขาจะเดินเอากระเป๋าเป้ไป วางไว้ในบนโต๊ะกินข้าวในห้องครัวแล้วเปิดตู้เย็นเอาน้ำเย็นมาเปิดกระดกดื่ม หนึ่งขวด

 

 

 

“พ่อเราวันนี้เขาคงกลับดึกน่ะ เห็นว่ามีติดตรวจข้อสอบที่จะต้องส่งพรุ่งนี้”

 

 

 

“อ้อ”

 

 

 

“แล้วนี่ไปเล่นกีฬาที่สวนกับเพื่อนๆมาเหรอลูกถึงกลับบ้านเย็น”

 

 

 

“อ่อ...ครับ ใช่...ผมไปเล่นกีฬามา” โทโมะตอบแบบไม่เต็มเสียงสักเท่าไร

 

 

 

        ทำไมถึงตอบเสียงไม่เต็มเสียงแบบนั้นน่ะเหรอ?

 

 

 

       หึ  โทโมะเขาก็รู้ตัวดีหรอกว่าเขากำลังโกหกแม่อยู่เพราะว่าเขาไม่ได้ไปเล่นกีฬากับเพื่อนๆมาซะหน่อย  แต่เขา....

 

 

 

“แม่เห็นแก้วเพิ่งขี่จักรยานกลับมาแว๊บๆนี้เอง ลูกไม่ได้มาพร้อมเธอเหรอ?”

 

 

 

“ปล่าวครับ ไม่ได้มาพร้อมกัน” โทโมะพูดแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวกลางห้องครัวเมื่อแม่ของเขายกชามใส่ซุบร้อนๆมาวางเตรียมไว้ให้ เมื่อกืนี้ขณะที่คุยกัน

 

 

 

“คราวหลังถ้าลูกเลิกเรียนพร้อมแก้วก็ชวนเธอกลับด้วยสิแม่ว่าน่าจะดีนะโทโมะ ^^”

 

 

 

“ไม่จำเป็นหรอกครับ  เธอมีแฟนแล้วนี่? เดี๋ยววันหลังเธอก็คงให้แฟนเธอมาส่งเองแหละครับ”

 

 

 

      โทโมะ พูดเหมือนไม่ใส่ใจทั้งๆที่ในใจของเขานั้นหมั่นไส้แก้วกับมิณท์เป็นอย่าง มาก ยิ่งคิดโทโมะก็ยิ่งกำช้อนตักซุบแน่นขึ้นและเขาก็ตักซุบใส่ปากเร็วขึ้นกว่าเดิม

 

 

 

“แฟนเฟินที่ไหนเขาอาจจะเป็นเพื่อนกันก็ได้” แม่โทโมะพูดปนๆขำแล้วนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างๆโทโมะ

 

 

 

“ช่างเถอะครับ เขาจะมีแฟนหรือไม่มีมันก็ไม่เกี่ยวกับผม”

 

 

 

“เอ๊ะ มาอารมณ์ไหนเนี่ยลูกเรา = =;;;”

 

 

 

“...”

 

 

 

“เป็นไข้รึปล่าวเนี่ยโทโมะ” แม่โทโมะถึงกลับแสดงอาการเป็นห่วง ( เล่นๆ ล้อๆ ) แล้วเอาหลังมือไปแตะที่หน้าผากของโทโมะจนโทโมะเบิกตาสงสัยหน่อยๆ

 

 

 

“อะไรแม่ = =?”

 

 

 

“ปกติเห็นพูดน้อย มาวันนี้ทำไมพูดจาเหมือนคนอารมณ์ไม่ดีล่ะลูก”

 

 

 

“ผมก็เป็นแบบนี้แหละ”

 

 

 

“ไม่ๆๆๆ ลูกแม่ไม่เคยมีอาการแบบนี้ ส่วนใหญ่จะเงียบซะมากกว่าน้า ^^”

 

 

 

“ผมว่าแม่คิดมากไปเองแหละครับ ผมเนี่ยนะจะอารมณ์ไม่ดีเพราะ...!”

 

 

 

      โทโมะหยุดชะงักคำพูดแบบทันควันเมื่อเขากำลังจะพูดออกไปว่า ‘เพราะแก้ว’ และ ถ้าเขาเผลอพูดออกไปแม่ของเขาก็จะต้องสงสัยแน่ๆว่าโทโมะกำลังรู้สึกแปลกๆกับแก้วอยู่  และเขาก็ไม่อยากมันเป็นแบบนั้นถ้าเกิดว่าเขายังไม่รู้ใจของตัวเองดีพอ ว่าเขากำลังรู้สึกยังไงกับแก้วอยู่  

 

 

 

      อาการแบบนี้มันลำบากมากจริงๆนะที่จะพูดไป...

 

 

 

“เพราะ?”

 

 

 

“ป่าวครับ” โทโมะเลี่ยงสายตาจากแม่แล้วก้มลงกินซุบต่อ

 

 

 

 

“อย่ามาโกหกเลย ลูกเป็นลูกแม่และทำไมแม่จะไม่รู้ว่าอันไหนลูกพูดจริงหรือโกหก”

 

 

 

“แม่ไม่รู้เรื่องของผมไปหมดหรอกน่า”

 

 

 

“ถึงแม่รู้ไม่หมด แต่คำพูดกับกิริยามันก็บ่งบอกได้นะโทโมะ^^”

 

 

 

“โธ่แม่ ผมไม่ได้แสดงกิริยาอะไรออกมาสักหน่อย ><!”

 

 

 

“น่ะ โกหกอีกแล้ว” แม่โทโมะพูดยิ้มๆแล้วส่ายหัวให้กับลูกชายตัวเอง ที่ช่างปากแข็งได้ใจจริงๆ

 

 

 

“...”

 

 

 

“...”

 

 

 

“...”

 

 

 

“...โทโมะ...”

 

 

 

“ครับ?”

 

 

 

       หลัง จากที่โทโมะกับแม่ต่างนั่งเงียบกันไปนาน  แม่ของโทโมะรู้สึกว่าลูกชายของตัวเองกำลังมีอะไรอยู่ภายในใจที่ไม่กล้าพูดออก มา  แม่โทโมะจึงเอื้อมมือไปจับไว้ที่มือของลูกชายคนเดียวอย่างเขาอย่างแผ่วเบา

 

 

 

“โทโมะมีอะไร...อยากจะปรึกษาแม่มั้ยลูก”

 

 

 

“เอ่อ...คือผม...” โทโมะถอนหายใจก่อนจะเอนหลังพิงเกาอี้แล้วทำท่าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ

 

 

 

“...”

 

 

 

“ผม...”

 

 

 

“มีอะไรก็บอกแม่ได้นะ”

 

 

 

       เมื่อแม่พูดแบบนั้นวีก็มองหน้าแม่ของเขาตรงๆก่อนที่จะตัดสินใจพูดมันออกมา

 

 

 

“คือ...เพื่อน ผมอ่ะแม่ มันแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งมานานตั้งแต่ ม.ต้น  แล้ว...มันเลยไปบอกรักผู้หญิงคนนั้นตอน ม.4 เทอม 2 แต่เธอคนนั้นก็ไม่รับรักเพราะว่าอยากจะเป็นแค่เพื่อนกับมันมากกว่า”

 

 

 

“...”

 

 

 

“มัน ทำใจค่อนข้างนานอยู่  แต่พอไม่กี่เดือนต่อมาพอมันขึ้น ม.5 มันก็เหมือนกับเริ่มทำใจได้บ้าง  แต่อยู่มาวันหนึ่งก็มีผู้หญิงอีกคนที่มันไม่รู้จักเลยเข้ามาในชีวิต มัน...มันก็เลยไม่แน่ในใจว่ามันชอบผู้หญิงคนนั้นรึปล่าว”

 

 

 

“...”  

 

 

 

“และ เพราะมันก็คิดว่ามันยังทำใจเรื่องผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะว่าใจหนึ่ง...มันก็ยังคิดว่ามันยังไม่ลืมผู้หญิงคนที่มันเคยแอบชอบมา นานหลายปี  แต่อีกใจ...มันก็คิดว่ามันชอบผู้หญิงที่เพิ่งเข้ามาในชีวิตมัน แต่มันก็ยังไม่อยากยอมรับเพราะคนที่เจอกันได้ไม่นาน มันจะเป็นความรักได้เหรอครับ...”

 

 

 

“โอ้ว...” พอแม่โทโมะได้ฟังก็ถึงกับเครียดแทน

 

 

 

 

       แต่ว่าเรื่องที่โทโมะเล่านั้นคนเป็นแม่คงจะไม่รู้หรอกว่ามันก็คือเรื่อง ที่กำลังเกิดขึ้นกับลูกชายของตัวเอง ณ ตอนนี้นั่นเอง ใช่! โทโมะเขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับหัวใจของตัวเองจึงเลือกที่จะบอกกับแม่แต่ไม่ใช้ ‘ชื่อเขา’ ในการปรึกษา แต่อ้างเป็นชื่อเพื่อนแทนนั่นเอง  

 

 

 

“...”

 

 

 

“งั้นลูกก็ต้องรีบบอกเพื่อนของลูกว่าให้รีบรู้ใจตัวเองได้แล้วน้า” แม่โทโมะพูดแล้วมองหน้าโทโมะยิ้มๆ “อดีต มันก็คืออดีตขอแค่ปล่อยมันไป...เพราะ ถ้าเราไม่ยอมเริ่มต้นกับสิ่งใหม่ที่เข้ามาในชีวิต เราก็อาจจะเสียสิ่งที่ดีๆที่เข้ามาหาเราก็ได้นะลูก”

 

 

 

“...”

 

 

 

“แต่ถ้าเพื่อนของลูกยังทำใจเรื่องผู้หญิงคนนั้นไม่ได้แม่อยากจะบอกเลยว่า...คนเราบางทีอาจจะเกิดมาให้เราได้ ‘รัก’ แต่บางทีเขาคนนั้นก็อาจไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นคู่ของเรา”

 

 

 

“...”

 

 

 

“เขา อาจจะเกิดมาเพื่อเป็นบทเรียนๆหนึ่งที่จะทำให้เราได้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้นกว่า เก่านะลูก  ส่วนที่ลูกว่าผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตเพื่อนลูกน่ะ...ถ้าเธอคนนั้นเป็นคนดี และจริงใจกับเพื่อนของลูก แม่ว่า...เพื่อนของลูกก็น่าจะเปิดใจเข้าหาเธอคนนั้นแบบจริงๆจังๆบ้างนะ ^^”

 

 

 

“...อย่างงั้นเหรอครับ” โทโมะพูดพึมพำอยู่ในลำคอในขณะที่แม่ของโทโมะก็ได้ลุกขึ้นยกชามซุบที่โทโมะกินหมดแล้วขึ้นมา

 

 

 

“ความลังเลไม่ใช่หนทางที่นำมาซึ่งทางออกของหัวใจนะลูก...จำไว้นะ ^^”

 

 

 

“...”

 

 

 

“อย่างพ่อกับแม่น่ะ...ตอนที่เจอกันครั้งแรกพ่อกับแม่ก็ปิ๊งกันทันทีเลย”

 

 

 

“เร็วขนาดนั้นเลยเหรอครับ ^^”

 

 

 

      นี่เป็นอีกครั้งที่โทโมะดันเผลอยิ้มออกมาแบบไม่รู้ตัว  คงอาจจะเป็นเพราะว่า...เขารู้สึกดีขึ้นหลังจากที่ได้คุยกับแม่ของเขาล่ะมั้ง

 

 

 

“ก็ พ่อเขาเป็นคนพูดตรงกับใจแม่เลยเชื่อว่าพ่อน่ะคือคนที่เขาจะทำให้แม่มีความ สุข แล้วมันก็มีความสุขจริงๆ แต่รู้มั้ย...สิ่งที่ทำให้แม่มีความสุขที่สุดในชีวิตก็คือการได้เห็นลูกเกิด มา...”

 

 

 

“ครับแม่”

 

 

 

“แม่อยากจะถามมาสักพักและ เพื่อนลูกก็มีความรักแล้วถึงแม้เขาจะยังไม่รู้ใจตัวเองก็เถอะ แล้วลูกล่ะโทโมะ...มีใครอยู่ในใจรึยังเนี่ย ^^”

 

 

 

จึก!  

 

 

 

       เมื่อคำถามนั้นเอ่ยโทโมะถึงกับทำตัวไม่ถูกเพราะเขาดูไม่เป็นตัวเองขึ้นมา ทันที  เอ...ทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้กันน้า???

 

 

 

“เอ่อ...ยังไม่มีหรอกครับ”

 

 

 

“จริงป๊าว ลูกชายแม่หล่อขนาดนี้ทำไมยังไม่มีแฟนน้า หรือมีสาวๆเข้ามาหาเยอะจนเลือกไม่ถูก ^^”

 

 

 

“แม่ครับ ผมยังไม่ได้ชอบใคร”

 

 

 

“แล้วหนูแก้วล่ะ”

 

 

 

“...! เกี่ยวอะไรกับเขาล่ะแม่  ผมไปนอนดีกว่าพรุ่งนี้มีเรียนเช้า” โทโมะแบบปัดๆเหมือนไม่อยากจะตอบคำถาม

 

 

 

“อ้าว แม่ว่าหนูแก้วเขาก็น่ารักดีนะลูก...ลูกว่ามั้ย?”

 

 

 

“เอ่อ...ครับก็น่ารักดี...”

 

 

       โทโมะพูดออกมาเพราะความตั้งตัวไม่ทัน เพราะถ้าเขามีสติกว่านี้ เขาคงจะโกหกแม่ไปแล้วล่ะว่าไม่ได้รู้สึกอะไรหรือไม่ก็คงจะตอบทำนองว่า ‘ก็งั้นๆแหละแม่’ ไปแล้ว >//////<

 

 

 

“งั้นจีบเลยสิลูกแม่เอาใจช่วย ^^//”

 

 

 

“แม่ครับ อย่าจับคู่ผมให้เขาเลย”

 

 

 

“อ้าว เจ้าลูกคนนี้ ช่วยสนับสนุนก็ไม่เอาซะงั้น”

 

 

 

              เสียงแม่ที่เล็ดลอดขึ้นมาหลังจากที่โทโมะรีบวิ่งขึ้นบันไดมาจนถึงหน้าห้องของ ตัวเองด้วยหัวใจที่กำลังเต้นแรงตึกตักๆ  โทโมะเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของตัวเองแล้วปิดประตูลง

 

 

 

ปึง...

 

 

 

ตึกตักๆๆๆๆๆๆ

 

 

 

“จะเต้นแรงทำไมวะ”

 

 

 

       หลัง ที่กำลังพิงอยู่กับประตูกับมือของโทโมะที่กำลังแนบลงไปบนอกข้างซ้ายที่ตอนนี้ ก้อนหัวใจของเขากำลังเต้นแรงรัวๆๆๆ   โทโมะส่ายหัวเบาๆแล้วเดินไปนอนลงบนเตียงอย่างสับสนกับอาการนี้  เพราะเขาไม่รู้ว่าทำไม  แต่ดูจากคำพูดของแม่เขาแล้ว

 

 

 

       สิ่งนี้คงจะมีอิทธิพลไม่น้อยเลย....

 

 

 

“ไม่...ฉันไม่ได้ชอบเธอ ไม่ๆๆๆๆ”โทโมะพูดแล้วยกมือขึ้นทุบศรีษะของตัวเองเพื่อเตือนว่าให้เลิกคิดเรื่องของแก้วซักที

 

 

 

            และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วเดินไปตรงประตูกระจกใสที่ ระเบียง  โทโมะเขากำลังแอบมองร่างบางของผู้หญิงคนนั้น สาวข้างบ้านจอมซื่อบื้อผ่านทางห้องนอนของตัวเอง เขาหลบอยู่หลังผ้าม่านเฝ้ามองเธอที่กำลังจัดที่นอนเตรียมจะนอนแล้ว

 

 

            ในหัวของโทโมะนั้นกำลังด่าทอตัวเองว่าทำไมเขาถึงรู้สึกว่า...ทำไมเขาถึงได้ สับสนแบบนี้นะ

 

 

อดีต มันก็คืออดีตขอแค่ปล่อยมันไป...เพราะ ถ้าเราไม่ยอมเริ่มต้นกับสิ่งใหม่ที่เข้ามาในชีวิต เราก็อาจจะเสียสิ่งที่ดีๆที่เข้ามาหาเราก็ได้นะลูก

 

 

 

“เริ่มต้นกับสิ่งใหม่งั้นเหรอ...”โทโมะพูดขณะที่สายตาก็มองแก้วไปด้วย “แล้วถ้าฉันทำเธอเจ็บล่ะ....”

 

 

       แต่สุดท้ายเขาก็ยังทิ้งความกังวลออกไปไม่ได้อยู่ดี...

 

 

        โทโมะมองแก้วเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะรีบปิดผ้าม่านของห้องนอนจนไม่สามารถ ที่จะเห็นแก้วได้อีกถ้าหากไม่เปิดมัน  แต่มือของโทโมะก็เอื้อมไปที่ผ้าม่านนั้นเหมือนว่าอยากจะเปิดมันอีกครั้ง...แต่ ทว่า...

 

 

            เขาก็เลือกที่จะถอยห่างจากผ้าม่านนั่นแล้วพยายามไม่หันกลับไปมองมันอีก...

 

_______________________________________________________

ไรต์มาอัพตามคำขอแล้วนะ ต่อไปนี่จะลงวันละสองตอนนะ พอดีไรต์แต่งเรื่องนี้จบแล้วว ><

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา