Stop หยุดหัวใจนายเย็นชา
9.6
เขียนโดย NannyCandy
วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.18 น.
43 chapter
860 วิจารณ์
67.51K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
21) - What should I do? - ( ผมควรจะทำอย่างไรดี )
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ- What should I do? -
( ผมควรจะทำอย่างไรดี )
เย็นวันนั้น...
6 โมงเย็น
“แก้วขี่จักรยานกลับบ้านดีๆนะเว้ยพรุ่งนี้เจอกัน” ฟางพูดเมื่อเราสองคนกำลังจะแยกย้ายกันกลับบ้านหลังจากที่ช่วยงานกิจกรรมจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“อื้ม”
“เออลืมบอก พรุ่งนี้ตอนเย็นเราต้องมางานกิจกรรมเขาให้ใส่ชุดเดรสสีขาวล้วน แกมีชุดป่าว O_o”
“เอ่อ...ไม่มีอ่ะ =[]=;;;”
“กะแล้ววววว” ฟางมองฉันยิ้มๆเพราะว่าเดาถูกเลยว่าฉันไม่มีชุด
เอ้า! ก็ เกิดมาฉันไม่เคยออกบ้านไปงานอะไรแบบนี้เลยนะ ชุดใส่อยู่บ้านก็มีแต่แบบธรรมดาๆพอที่จะใส่ออกไปข้างนอกได้ แต่ไอ้พวกชุดเดรสสวยๆที่สาวๆส่วนใหญ่ชอบใส่กันออกงานนี่สิ คือฉันไม่มีเลยแหละ = =;;;
“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันยืมชุดพี่สาวเอามาให้เคป่ะ?”
“เห้ย ยืมได้เหรอ”
“ได้เด้ พี่ฉันอ่ะมีชุดสวยๆเยอะเลย ฉันเนี่ยนะเวลาที่ป๊าพาไปงานไรเงี้ยชุดตัวเองไม่ใส่อ่ะยืมชุดพี่
ตลอด ฮ่าๆๆ”
“ฮ่าๆๆ โอเคๆ ขอบใจนะ ^^”
“อื้ม พรุ่งเจอกันนะเว้ยไปละ ^O^//”
ฟาง บอกก่อนจะบ๊ายบายให้ฉันแล้วเดินไปขึ้นรถมอเตอร์ไซด์ฟีโน่ของตัวเองก่อนจะขับ ออกไป ส่วนฉันเองก็ค่อยๆเดินเข็นจักรยานออกไปนอกโรงเรียนเดินไปตามทางฟุตบาทคน เดียวเงียบๆพร้อมกับนึกถึงความรู้สึกหลายอย่างที่มันกำลังวกวนอยู่ในหัว
ทั้งเรื่องมิณท์...
‘ ถึงตอนนี้แก้วจะมองเราเป็นแค่เพื่อนที่ดีคนหนึ่ง แต่เราก็จะรอวันที่แก้วจะมองเรามากกว่าเพื่อนนะ ^^’
ทั้งเรื่องของโทโมะ...
‘ เราไม่รู้นะว่าโทโมะคิดอะไรกับแก้ว แต่...คนที่วิ่งมาช่วยแก้วไว้ได้คือเขานะ’
“ไม่หรอก...”
จู่ๆ ฉันก็พูดขึ้นมาเบาๆ ลมหายใจที่ที่กำลังติดขัดเหมือนกำลังจะบอกว่ามีเรื่องหน้าอึดอัดใจยังคงติด ตรึงอยู่ภายใน และฉันเองก็ยอมรับว่ารู้สึกแปลกๆเหมือนกันกับสิ่งที่นี้ทำแต่ทำไม...มันถึง ได้มีความรู้สึกอึดอัดแบบนี้ล่ะ ทำไมมันความรู้สึกมันดูไม่สดใสเป็นสีสัน
แต่มันรู้สึกคล้ายๆกับสีเทา...
ฟิ้ว...
“หือ?”
เมื่อ กำลังนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ฉันก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีใบไม้แห้งใบหนึ่งร่วงลงมาจากต้นของมันแล้วพัดผ่าน หน้าฉันมาลงที่ตะแกรงหน้าจักรยานแต่ที่น่าแปลกมากก็คือมันไปติดอยู่ตรง ตุ๊กตาหมีที่คุณยายคนนั้นให้ฉันมาซึ่งฉันเพิ่งเอามันมาเป็นพวงกุญแจ ห้อยกระเป๋าไว้เมื่อเช้านี้เอง
ใบไม้แห้ง...กับตุ๊กตา
“มาหล่นอะไรตรงนี้เนี่ย” ฉันพูดแล้วหยิบเจ้าใบไม้แห้งนั่นออกมาจากเจ้าตุ๊กตาตัวน้อยตัวนั้นก่อนจะโยนมันไปทางอื่น
แต่รู้อะไรมั้ย...
เมื่อฉันโยนไปใบไม้นั้นไป ใบไม้นั่นยังไม่ทันร่วงลงพื้นเลยด้วยซ้ำก็จู่ๆมีลมมาจากไหนไม่รู้พัดเข้ามา อย่างแรงจนทำให้เจ้าใบไม้นั่นปลิวขึ้นฟ้าสูงๆผ่านต้นไม้ที่กำลังเอนกิ่งก้าน ไปมาใส่กัน
ฟิ้ว...
ลมหนาวเย็นๆทำให้ฉันรีบเดินเข็นจักรยานออกมาจนถึงนอกโรงเรียน...พอขึ้นขี่ จักรยานแล้วทำท่าจะปั่นไปเท่านั้นแหละสายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นใครบางคนที่ กำลังนั่งกอดเข่าอยู่ตรงฟุตบาทฝั่งตรงข้ามกับโรงเรียนที่มีแสงไฟสีส้มอ่อน ส่องอยู่
และเขาก็กำลังมองมาที่ฉัน...
โทโมะ...ทำไมเขายังไม่กลับบ้านอีก?
“...”
“...”
ฉัน กับเขาต่างเงียบและด้วยความที่เราอยู่ฝั่งตรงข้ามกันพร้อมกับสายตาที่โทโมะมอง มาจากฝั่งนั้นมันก็ทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆอยู่ไม่น้อยและภายในใจก็ตั้งคำถามว่า ทำไมเขายังไม่กลับบ้านอีกทั้งๆที่เมื่อตอนที่ฉันกับมิณท์เดินขึ้นไปบนโรงยิมกิจกรรมก็ไม่เห็นเขาอีกเลยเห็นแต่พวกเพื่อนๆที่เหลือของเขาเท่านั้นเอง
ฉันคิดว่าโทโมะจะกลับบ้านแล้วซะอีก แล้วทำไม...เขาถึงมานั่งอยู่ตรงนั้นล่ะ...หรือว่าเขากำลังรอใคร?
โอ๊ย ไม่ๆๆๆๆ เขาคงจะมานั่งกินน้ำโค้กก่อนกลับล่ะมั้งเห็นในมือถือขวดโค้กอยู่ด้วย แต่ทำไมต้องมานั่งกินตอนเย็นๆแล้วก็นั่งตรงนั้นด้วยล่ะเอ๊ะ? มันก็เรื่องของโทโมะสิ ฉันไม่เกี่ยวนี่ ><!
เอือก...
ฉันกลืนน้ำลายลงคอเมื่อโทโมะมองมาไม่หยุด นี่เขากำลังทำฉันคิดไกลนะ! ไม่เอาแล้ว! กลับบ้านดีกว่าเรา ><////
เมื่อคิดแบบนั้นฉันจึงละสายตาจากโทโมะก่อนจะถีบจักรยานปั่นออกไปจากตรงนี้โดยเร็วด้วยความรู้สึกที่แปลกๆ
‘ โทโมะ...ทำไมนายถึง...มานั่งอยู่ตรงนั้นล่ะ...’
คิด ไปในใจก็อึดอัดไปเพราะฉันไม่เคยที่จะรู้เลยว่าคนอย่างโทโมะเป็นคนยังไงกันแน่ จะดีหรือจะร้าย จะเย็นชาหรือจะ...โอ๊ยยยยย ฉันล่ะไม่เข้าใจเขาเลย >O<!
ก็ อย่างว่าล่ะนะ...ความรู้สึกกับนิสัยของคนเราน่ะมันต่างกันคนละมิติเพราะว่า ถ้ามันอยู่ในมิติเดียวกันป่านนี้คนหลายคนคงแสดงความรู้สึกที่มีออกไปให้อีก ฝ่ายรับรู้ได้ตรงๆแบบง่ายๆแล้ว
อย่างเช่นฉัน...
ความรู้สึกชอบโทโมะ...แต่นิสัยกับเป็นคนขี้กลัวไม่กล้าแสดงออกไป
นี่ไง! เพราะแบบนี้ที่มันเรียกว่า ‘คนละมิติ’
บ้าน
แอ๊ด...
“กลับมาแล้วค่า”ฉันพูดเมื่อเปิดประตูเข้ามาในบ้านแล้วเห็นว่าพ่อกับพิชชี่กำลังนั่งดูทีวีกันอยู่ที่ห้องรับแขก
“แก้วทำไมวันนี้กลับเย็นล่ะลูก” พ่อถาม
“อ๋อ วันนี้มีช่วยจัดงานกิจกรรมที่โรงเรียนน่ะค่ะพ่อแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเย็นแก้วก็ต้องไปร่วมกิจกรรมด้วย” ฉันหันไปตอบ
“แล้ววันนี้ลูกกลับมากับใครล่ะ”
“หนูก็ขี่จักรยานกลับมาคนเดียวน่ะสิคะ พ่อก็ถามแปลกๆ”
ฉัน พูดปนขำนิดๆแล้วเดินไปนั่งลงที่โซฟากับพ่อ ส่วนพิชชี่ก็จดจ่ออยู่กับทีวีอย่างเดียวเลย เมื่อฉันนั่งลงได้ไม่นานพ่อก็พูดบางอย่างที่ทำให้ฉันถึงกับเกือบพูดต่อไม่ ออก
“พ่อนึกว่าลูกจะกลับกับโทโมะซะอีก”
ขวับ!
“พ่อคะ หนูไม่ได้เดินกลับบ้านกับเขามาพักใหญ่แล้วน้า” ฉันหันไปบอกพ่อแบบทันควัน
“เออจริงสิ พ่อลืมไปน่ะ แฮะๆ” พ่อขำๆออกมาแล้วเราสองคนก็นั่งเงียบกันไปสักพัก แต่พ่อก็พูดขึ้นมาอีก “แก้ว...”
“คะ?”
“ลูก...มีคนที่อยู่ในใจรึยังลูก”
พะ...พ่อถามอะไรเนี้ย >/////////<
“ยะ...ยังค่ะ” ฉันตอบแต่ก็ไม่ได้มองหน้าพ่อแต่รู้สึกว่าแก้มของตัวเองกำลังแดง
“พี่แก้วโม๊”
“เดี๊ยะๆๆ เดี๋ยวจะโดนพิชชี่”ฉันดุพิชชี่แต่เจ้าน้องชายตัวแสบก็แค่ยักไหล่แล้วเบ้ปากใส่ก่อนที่จะหันไปสนใจทีวีต่ออย่างน่าหมั่นไส้
ฮึ่ย! กวนประสาทพี่สาวได้ดีจริงๆเลยนะเจ้าน้องตัวแสบ >O<!
“พ่อว่า...ถ้าแก้วยังไม่มีใคร ก็ลองมองคนใกล้ๆตัวบ้างก็ได้นะลูก”
“ใครคะ?”
“โทโมะไงลูก”
เมื่อ พ่อพูดฉันถึงกับเงียบไป แต่ฉันก็ไม่รู้ทำไมว่าแทนที่จะดีใจที่พ่อก็เห็นชอบว่าอยากให้ฉันชอบโทโมะทั้งๆ ที่ในใจของฉันก็ชอบเขาอยู่แล้ว...แต่ถึงฉันจะชอบโทโมะ....แต่ฉันก็ยังไม่สามารถ ที่จะแสดงออกไปได้อยู่ดีถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะมีคนที่รู้แล้วอย่างมิณท์ก็ เถอะนะ
และอีกอย่างฉันไม่รู้สึกเลยว่าโทโมะจะเป็นคนใกล้ตัว...
เราอาจจะอยู่ใกล้กันในบางครั้งแต่ฉันรับรู้สึกถึงความเหินห่างเสียมากกว่า...
“พ่อกำลังคิดอะไรอยู่คะ” ฉันถามพ่อไปตามตรง แต่พ่อก็อ้าปากค้างเหมือนว่าพูดไม่ออก
“เอ่อ...พ่อ...คือพ่อ...”
“พ่ออย่าจับคู่หนูให้เขาเลย”
ฉัน พูดแล้วเอื้อมมือของตัวเองไปจับมือของพ่อเอาไว้ก่อนที่จะยิ้มบางๆให้ท่าน แล้วลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินขึ้นห้องไปทันทีด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก มันรู้สึกแปลกๆและใจไม่ค่อยดียังไงไม่รู้สิ คงอาจจะเป็นเพราะว่า...เห็นโทโมะทำเย็นชาใส่อีกครั้งล่ะมั้ง?
ใช่! ต้องเป็นความรู้สึกนี้แน่ๆเลย เพราะถ้าให้ฉันคิดแล้ว...ฉันว่าโทโมะอาจจะชินกับการทำท่าทางที่เย็นชาพูดน้อยเวลาอยู่กับคนเยอะๆก็ได้
เพราะเวลาที่ฉันเห็นเขา อยู่กับเพื่อนๆเขาก็ดูจะคุยสนุกสนานเฮฮากันดี แต่กับฉัน หึ บ่นกันซะส่วนใหญ่มากกว่า = =;;;;
อีกฝั่ง...
“กลับมาแล้วครับ...”
“อ้าวโทโมะ กินอะไรมารึยังล่ะลูก?”
แม่ ของโทโมะถามหลังจากที่ลูกชายตัวเองเปิดประตูเข้าบ้านมา โทโมะเขาแค่ส่ายหน้าเป็นเชิงตอบคำถามเมื่อกี้ก่อนที่เขาจะเดินเอากระเป๋าเป้ไป วางไว้ในบนโต๊ะกินข้าวในห้องครัวแล้วเปิดตู้เย็นเอาน้ำเย็นมาเปิดกระดกดื่ม หนึ่งขวด
“พ่อเราวันนี้เขาคงกลับดึกน่ะ เห็นว่ามีติดตรวจข้อสอบที่จะต้องส่งพรุ่งนี้”
“อ้อ”
“แล้วนี่ไปเล่นกีฬาที่สวนกับเพื่อนๆมาเหรอลูกถึงกลับบ้านเย็น”
“อ่อ...ครับ ใช่...ผมไปเล่นกีฬามา” โทโมะตอบแบบไม่เต็มเสียงสักเท่าไร
ทำไมถึงตอบเสียงไม่เต็มเสียงแบบนั้นน่ะเหรอ?
หึ โทโมะเขาก็รู้ตัวดีหรอกว่าเขากำลังโกหกแม่อยู่เพราะว่าเขาไม่ได้ไปเล่นกีฬากับเพื่อนๆมาซะหน่อย แต่เขา....
“แม่เห็นแก้วเพิ่งขี่จักรยานกลับมาแว๊บๆนี้เอง ลูกไม่ได้มาพร้อมเธอเหรอ?”
“ปล่าวครับ ไม่ได้มาพร้อมกัน” โทโมะพูดแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวกลางห้องครัวเมื่อแม่ของเขายกชามใส่ซุบร้อนๆมาวางเตรียมไว้ให้ เมื่อกืนี้ขณะที่คุยกัน
“คราวหลังถ้าลูกเลิกเรียนพร้อมแก้วก็ชวนเธอกลับด้วยสิแม่ว่าน่าจะดีนะโทโมะ ^^”
“ไม่จำเป็นหรอกครับ เธอมีแฟนแล้วนี่? เดี๋ยววันหลังเธอก็คงให้แฟนเธอมาส่งเองแหละครับ”
โทโมะ พูดเหมือนไม่ใส่ใจทั้งๆที่ในใจของเขานั้นหมั่นไส้แก้วกับมิณท์เป็นอย่าง มาก ยิ่งคิดโทโมะก็ยิ่งกำช้อนตักซุบแน่นขึ้นและเขาก็ตักซุบใส่ปากเร็วขึ้นกว่าเดิม
“แฟนเฟินที่ไหนเขาอาจจะเป็นเพื่อนกันก็ได้” แม่โทโมะพูดปนๆขำแล้วนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างๆโทโมะ
“ช่างเถอะครับ เขาจะมีแฟนหรือไม่มีมันก็ไม่เกี่ยวกับผม”
“เอ๊ะ มาอารมณ์ไหนเนี่ยลูกเรา = =;;;”
“...”
“เป็นไข้รึปล่าวเนี่ยโทโมะ” แม่โทโมะถึงกลับแสดงอาการเป็นห่วง ( เล่นๆ ล้อๆ ) แล้วเอาหลังมือไปแตะที่หน้าผากของโทโมะจนโทโมะเบิกตาสงสัยหน่อยๆ
“อะไรแม่ = =?”
“ปกติเห็นพูดน้อย มาวันนี้ทำไมพูดจาเหมือนคนอารมณ์ไม่ดีล่ะลูก”
“ผมก็เป็นแบบนี้แหละ”
“ไม่ๆๆๆ ลูกแม่ไม่เคยมีอาการแบบนี้ ส่วนใหญ่จะเงียบซะมากกว่าน้า ^^”
“ผมว่าแม่คิดมากไปเองแหละครับ ผมเนี่ยนะจะอารมณ์ไม่ดีเพราะ...!”
โทโมะหยุดชะงักคำพูดแบบทันควันเมื่อเขากำลังจะพูดออกไปว่า ‘เพราะแก้ว’ และ ถ้าเขาเผลอพูดออกไปแม่ของเขาก็จะต้องสงสัยแน่ๆว่าโทโมะกำลังรู้สึกแปลกๆกับแก้วอยู่ และเขาก็ไม่อยากมันเป็นแบบนั้นถ้าเกิดว่าเขายังไม่รู้ใจของตัวเองดีพอ ว่าเขากำลังรู้สึกยังไงกับแก้วอยู่
อาการแบบนี้มันลำบากมากจริงๆนะที่จะพูดไป...
“เพราะ?”
“ป่าวครับ” โทโมะเลี่ยงสายตาจากแม่แล้วก้มลงกินซุบต่อ
“อย่ามาโกหกเลย ลูกเป็นลูกแม่และทำไมแม่จะไม่รู้ว่าอันไหนลูกพูดจริงหรือโกหก”
“แม่ไม่รู้เรื่องของผมไปหมดหรอกน่า”
“ถึงแม่รู้ไม่หมด แต่คำพูดกับกิริยามันก็บ่งบอกได้นะโทโมะ^^”
“โธ่แม่ ผมไม่ได้แสดงกิริยาอะไรออกมาสักหน่อย ><!”
“น่ะ โกหกอีกแล้ว” แม่โทโมะพูดยิ้มๆแล้วส่ายหัวให้กับลูกชายตัวเอง ที่ช่างปากแข็งได้ใจจริงๆ
“...”
“...”
“...”
“...โทโมะ...”
“ครับ?”
หลัง จากที่โทโมะกับแม่ต่างนั่งเงียบกันไปนาน แม่ของโทโมะรู้สึกว่าลูกชายของตัวเองกำลังมีอะไรอยู่ภายในใจที่ไม่กล้าพูดออก มา แม่โทโมะจึงเอื้อมมือไปจับไว้ที่มือของลูกชายคนเดียวอย่างเขาอย่างแผ่วเบา
“โทโมะมีอะไร...อยากจะปรึกษาแม่มั้ยลูก”
“เอ่อ...คือผม...” โทโมะถอนหายใจก่อนจะเอนหลังพิงเกาอี้แล้วทำท่าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ
“...”
“ผม...”
“มีอะไรก็บอกแม่ได้นะ”
เมื่อแม่พูดแบบนั้นวีก็มองหน้าแม่ของเขาตรงๆก่อนที่จะตัดสินใจพูดมันออกมา
“คือ...เพื่อน ผมอ่ะแม่ มันแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งมานานตั้งแต่ ม.ต้น แล้ว...มันเลยไปบอกรักผู้หญิงคนนั้นตอน ม.4 เทอม 2 แต่เธอคนนั้นก็ไม่รับรักเพราะว่าอยากจะเป็นแค่เพื่อนกับมันมากกว่า”
“...”
“มัน ทำใจค่อนข้างนานอยู่ แต่พอไม่กี่เดือนต่อมาพอมันขึ้น ม.5 มันก็เหมือนกับเริ่มทำใจได้บ้าง แต่อยู่มาวันหนึ่งก็มีผู้หญิงอีกคนที่มันไม่รู้จักเลยเข้ามาในชีวิต มัน...มันก็เลยไม่แน่ในใจว่ามันชอบผู้หญิงคนนั้นรึปล่าว”
“...”
“และ เพราะมันก็คิดว่ามันยังทำใจเรื่องผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะว่าใจหนึ่ง...มันก็ยังคิดว่ามันยังไม่ลืมผู้หญิงคนที่มันเคยแอบชอบมา นานหลายปี แต่อีกใจ...มันก็คิดว่ามันชอบผู้หญิงที่เพิ่งเข้ามาในชีวิตมัน แต่มันก็ยังไม่อยากยอมรับเพราะคนที่เจอกันได้ไม่นาน มันจะเป็นความรักได้เหรอครับ...”
“โอ้ว...” พอแม่โทโมะได้ฟังก็ถึงกับเครียดแทน
แต่ว่าเรื่องที่โทโมะเล่านั้นคนเป็นแม่คงจะไม่รู้หรอกว่ามันก็คือเรื่อง ที่กำลังเกิดขึ้นกับลูกชายของตัวเอง ณ ตอนนี้นั่นเอง ใช่! โทโมะเขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับหัวใจของตัวเองจึงเลือกที่จะบอกกับแม่แต่ไม่ใช้ ‘ชื่อเขา’ ในการปรึกษา แต่อ้างเป็นชื่อเพื่อนแทนนั่นเอง
“...”
“งั้นลูกก็ต้องรีบบอกเพื่อนของลูกว่าให้รีบรู้ใจตัวเองได้แล้วน้า” แม่โทโมะพูดแล้วมองหน้าโทโมะยิ้มๆ “อดีต มันก็คืออดีตขอแค่ปล่อยมันไป...เพราะ ถ้าเราไม่ยอมเริ่มต้นกับสิ่งใหม่ที่เข้ามาในชีวิต เราก็อาจจะเสียสิ่งที่ดีๆที่เข้ามาหาเราก็ได้นะลูก”
“...”
“แต่ถ้าเพื่อนของลูกยังทำใจเรื่องผู้หญิงคนนั้นไม่ได้แม่อยากจะบอกเลยว่า...คนเราบางทีอาจจะเกิดมาให้เราได้ ‘รัก’ แต่บางทีเขาคนนั้นก็อาจไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นคู่ของเรา”
“...”
“เขา อาจจะเกิดมาเพื่อเป็นบทเรียนๆหนึ่งที่จะทำให้เราได้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้นกว่า เก่านะลูก ส่วนที่ลูกว่าผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตเพื่อนลูกน่ะ...ถ้าเธอคนนั้นเป็นคนดี และจริงใจกับเพื่อนของลูก แม่ว่า...เพื่อนของลูกก็น่าจะเปิดใจเข้าหาเธอคนนั้นแบบจริงๆจังๆบ้างนะ ^^”
“...อย่างงั้นเหรอครับ” โทโมะพูดพึมพำอยู่ในลำคอในขณะที่แม่ของโทโมะก็ได้ลุกขึ้นยกชามซุบที่โทโมะกินหมดแล้วขึ้นมา
“ความลังเลไม่ใช่หนทางที่นำมาซึ่งทางออกของหัวใจนะลูก...จำไว้นะ ^^”
“...”
“อย่างพ่อกับแม่น่ะ...ตอนที่เจอกันครั้งแรกพ่อกับแม่ก็ปิ๊งกันทันทีเลย”
“เร็วขนาดนั้นเลยเหรอครับ ^^”
นี่เป็นอีกครั้งที่โทโมะดันเผลอยิ้มออกมาแบบไม่รู้ตัว คงอาจจะเป็นเพราะว่า...เขารู้สึกดีขึ้นหลังจากที่ได้คุยกับแม่ของเขาล่ะมั้ง
“ก็ พ่อเขาเป็นคนพูดตรงกับใจแม่เลยเชื่อว่าพ่อน่ะคือคนที่เขาจะทำให้แม่มีความ สุข แล้วมันก็มีความสุขจริงๆ แต่รู้มั้ย...สิ่งที่ทำให้แม่มีความสุขที่สุดในชีวิตก็คือการได้เห็นลูกเกิด มา...”
“ครับแม่”
“แม่อยากจะถามมาสักพักและ เพื่อนลูกก็มีความรักแล้วถึงแม้เขาจะยังไม่รู้ใจตัวเองก็เถอะ แล้วลูกล่ะโทโมะ...มีใครอยู่ในใจรึยังเนี่ย ^^”
จึก!
เมื่อคำถามนั้นเอ่ยโทโมะถึงกับทำตัวไม่ถูกเพราะเขาดูไม่เป็นตัวเองขึ้นมา ทันที เอ...ทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้กันน้า???
“เอ่อ...ยังไม่มีหรอกครับ”
“จริงป๊าว ลูกชายแม่หล่อขนาดนี้ทำไมยังไม่มีแฟนน้า หรือมีสาวๆเข้ามาหาเยอะจนเลือกไม่ถูก ^^”
“แม่ครับ ผมยังไม่ได้ชอบใคร”
“แล้วหนูแก้วล่ะ”
“...! เกี่ยวอะไรกับเขาล่ะแม่ ผมไปนอนดีกว่าพรุ่งนี้มีเรียนเช้า” โทโมะแบบปัดๆเหมือนไม่อยากจะตอบคำถาม
“อ้าว แม่ว่าหนูแก้วเขาก็น่ารักดีนะลูก...ลูกว่ามั้ย?”
“เอ่อ...ครับก็น่ารักดี...”
โทโมะพูดออกมาเพราะความตั้งตัวไม่ทัน เพราะถ้าเขามีสติกว่านี้ เขาคงจะโกหกแม่ไปแล้วล่ะว่าไม่ได้รู้สึกอะไรหรือไม่ก็คงจะตอบทำนองว่า ‘ก็งั้นๆแหละแม่’ ไปแล้ว >//////<
“งั้นจีบเลยสิลูกแม่เอาใจช่วย ^^//”
“แม่ครับ อย่าจับคู่ผมให้เขาเลย”
“อ้าว เจ้าลูกคนนี้ ช่วยสนับสนุนก็ไม่เอาซะงั้น”
เสียงแม่ที่เล็ดลอดขึ้นมาหลังจากที่โทโมะรีบวิ่งขึ้นบันไดมาจนถึงหน้าห้องของ ตัวเองด้วยหัวใจที่กำลังเต้นแรงตึกตักๆ โทโมะเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของตัวเองแล้วปิดประตูลง
ปึง...
ตึกตักๆๆๆๆๆๆ
“จะเต้นแรงทำไมวะ”
หลัง ที่กำลังพิงอยู่กับประตูกับมือของโทโมะที่กำลังแนบลงไปบนอกข้างซ้ายที่ตอนนี้ ก้อนหัวใจของเขากำลังเต้นแรงรัวๆๆๆ โทโมะส่ายหัวเบาๆแล้วเดินไปนอนลงบนเตียงอย่างสับสนกับอาการนี้ เพราะเขาไม่รู้ว่าทำไม แต่ดูจากคำพูดของแม่เขาแล้ว
สิ่งนี้คงจะมีอิทธิพลไม่น้อยเลย....
“ไม่...ฉันไม่ได้ชอบเธอ ไม่ๆๆๆๆ”โทโมะพูดแล้วยกมือขึ้นทุบศรีษะของตัวเองเพื่อเตือนว่าให้เลิกคิดเรื่องของแก้วซักที
และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วเดินไปตรงประตูกระจกใสที่ ระเบียง โทโมะเขากำลังแอบมองร่างบางของผู้หญิงคนนั้น สาวข้างบ้านจอมซื่อบื้อผ่านทางห้องนอนของตัวเอง เขาหลบอยู่หลังผ้าม่านเฝ้ามองเธอที่กำลังจัดที่นอนเตรียมจะนอนแล้ว
ในหัวของโทโมะนั้นกำลังด่าทอตัวเองว่าทำไมเขาถึงรู้สึกว่า...ทำไมเขาถึงได้ สับสนแบบนี้นะ
‘อดีต มันก็คืออดีตขอแค่ปล่อยมันไป...เพราะ ถ้าเราไม่ยอมเริ่มต้นกับสิ่งใหม่ที่เข้ามาในชีวิต เราก็อาจจะเสียสิ่งที่ดีๆที่เข้ามาหาเราก็ได้นะลูก’
“เริ่มต้นกับสิ่งใหม่งั้นเหรอ...”โทโมะพูดขณะที่สายตาก็มองแก้วไปด้วย “แล้วถ้าฉันทำเธอเจ็บล่ะ....”
แต่สุดท้ายเขาก็ยังทิ้งความกังวลออกไปไม่ได้อยู่ดี...
โทโมะมองแก้วเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะรีบปิดผ้าม่านของห้องนอนจนไม่สามารถ ที่จะเห็นแก้วได้อีกถ้าหากไม่เปิดมัน แต่มือของโทโมะก็เอื้อมไปที่ผ้าม่านนั้นเหมือนว่าอยากจะเปิดมันอีกครั้ง...แต่ ทว่า...
เขาก็เลือกที่จะถอยห่างจากผ้าม่านนั่นแล้วพยายามไม่หันกลับไปมองมันอีก...
_______________________________________________________
ไรต์มาอัพตามคำขอแล้วนะ ต่อไปนี่จะลงวันละสองตอนนะ พอดีไรต์แต่งเรื่องนี้จบแล้วว ><
( ผมควรจะทำอย่างไรดี )
เย็นวันนั้น...
6 โมงเย็น
“แก้วขี่จักรยานกลับบ้านดีๆนะเว้ยพรุ่งนี้เจอกัน” ฟางพูดเมื่อเราสองคนกำลังจะแยกย้ายกันกลับบ้านหลังจากที่ช่วยงานกิจกรรมจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“อื้ม”
“เออลืมบอก พรุ่งนี้ตอนเย็นเราต้องมางานกิจกรรมเขาให้ใส่ชุดเดรสสีขาวล้วน แกมีชุดป่าว O_o”
“เอ่อ...ไม่มีอ่ะ =[]=;;;”
“กะแล้ววววว” ฟางมองฉันยิ้มๆเพราะว่าเดาถูกเลยว่าฉันไม่มีชุด
เอ้า! ก็ เกิดมาฉันไม่เคยออกบ้านไปงานอะไรแบบนี้เลยนะ ชุดใส่อยู่บ้านก็มีแต่แบบธรรมดาๆพอที่จะใส่ออกไปข้างนอกได้ แต่ไอ้พวกชุดเดรสสวยๆที่สาวๆส่วนใหญ่ชอบใส่กันออกงานนี่สิ คือฉันไม่มีเลยแหละ = =;;;
“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันยืมชุดพี่สาวเอามาให้เคป่ะ?”
“เห้ย ยืมได้เหรอ”
“ได้เด้ พี่ฉันอ่ะมีชุดสวยๆเยอะเลย ฉันเนี่ยนะเวลาที่ป๊าพาไปงานไรเงี้ยชุดตัวเองไม่ใส่อ่ะยืมชุดพี่
ตลอด ฮ่าๆๆ”
“ฮ่าๆๆ โอเคๆ ขอบใจนะ ^^”
“อื้ม พรุ่งเจอกันนะเว้ยไปละ ^O^//”
ฟาง บอกก่อนจะบ๊ายบายให้ฉันแล้วเดินไปขึ้นรถมอเตอร์ไซด์ฟีโน่ของตัวเองก่อนจะขับ ออกไป ส่วนฉันเองก็ค่อยๆเดินเข็นจักรยานออกไปนอกโรงเรียนเดินไปตามทางฟุตบาทคน เดียวเงียบๆพร้อมกับนึกถึงความรู้สึกหลายอย่างที่มันกำลังวกวนอยู่ในหัว
ทั้งเรื่องมิณท์...
‘ ถึงตอนนี้แก้วจะมองเราเป็นแค่เพื่อนที่ดีคนหนึ่ง แต่เราก็จะรอวันที่แก้วจะมองเรามากกว่าเพื่อนนะ ^^’
ทั้งเรื่องของโทโมะ...
‘ เราไม่รู้นะว่าโทโมะคิดอะไรกับแก้ว แต่...คนที่วิ่งมาช่วยแก้วไว้ได้คือเขานะ’
“ไม่หรอก...”
จู่ๆ ฉันก็พูดขึ้นมาเบาๆ ลมหายใจที่ที่กำลังติดขัดเหมือนกำลังจะบอกว่ามีเรื่องหน้าอึดอัดใจยังคงติด ตรึงอยู่ภายใน และฉันเองก็ยอมรับว่ารู้สึกแปลกๆเหมือนกันกับสิ่งที่นี้ทำแต่ทำไม...มันถึง ได้มีความรู้สึกอึดอัดแบบนี้ล่ะ ทำไมมันความรู้สึกมันดูไม่สดใสเป็นสีสัน
แต่มันรู้สึกคล้ายๆกับสีเทา...
ฟิ้ว...
“หือ?”
เมื่อ กำลังนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ฉันก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีใบไม้แห้งใบหนึ่งร่วงลงมาจากต้นของมันแล้วพัดผ่าน หน้าฉันมาลงที่ตะแกรงหน้าจักรยานแต่ที่น่าแปลกมากก็คือมันไปติดอยู่ตรง ตุ๊กตาหมีที่คุณยายคนนั้นให้ฉันมาซึ่งฉันเพิ่งเอามันมาเป็นพวงกุญแจ ห้อยกระเป๋าไว้เมื่อเช้านี้เอง
ใบไม้แห้ง...กับตุ๊กตา
“มาหล่นอะไรตรงนี้เนี่ย” ฉันพูดแล้วหยิบเจ้าใบไม้แห้งนั่นออกมาจากเจ้าตุ๊กตาตัวน้อยตัวนั้นก่อนจะโยนมันไปทางอื่น
แต่รู้อะไรมั้ย...
เมื่อฉันโยนไปใบไม้นั้นไป ใบไม้นั่นยังไม่ทันร่วงลงพื้นเลยด้วยซ้ำก็จู่ๆมีลมมาจากไหนไม่รู้พัดเข้ามา อย่างแรงจนทำให้เจ้าใบไม้นั่นปลิวขึ้นฟ้าสูงๆผ่านต้นไม้ที่กำลังเอนกิ่งก้าน ไปมาใส่กัน
ฟิ้ว...
ลมหนาวเย็นๆทำให้ฉันรีบเดินเข็นจักรยานออกมาจนถึงนอกโรงเรียน...พอขึ้นขี่ จักรยานแล้วทำท่าจะปั่นไปเท่านั้นแหละสายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นใครบางคนที่ กำลังนั่งกอดเข่าอยู่ตรงฟุตบาทฝั่งตรงข้ามกับโรงเรียนที่มีแสงไฟสีส้มอ่อน ส่องอยู่
และเขาก็กำลังมองมาที่ฉัน...
โทโมะ...ทำไมเขายังไม่กลับบ้านอีก?
“...”
“...”
ฉัน กับเขาต่างเงียบและด้วยความที่เราอยู่ฝั่งตรงข้ามกันพร้อมกับสายตาที่โทโมะมอง มาจากฝั่งนั้นมันก็ทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆอยู่ไม่น้อยและภายในใจก็ตั้งคำถามว่า ทำไมเขายังไม่กลับบ้านอีกทั้งๆที่เมื่อตอนที่ฉันกับมิณท์เดินขึ้นไปบนโรงยิมกิจกรรมก็ไม่เห็นเขาอีกเลยเห็นแต่พวกเพื่อนๆที่เหลือของเขาเท่านั้นเอง
ฉันคิดว่าโทโมะจะกลับบ้านแล้วซะอีก แล้วทำไม...เขาถึงมานั่งอยู่ตรงนั้นล่ะ...หรือว่าเขากำลังรอใคร?
โอ๊ย ไม่ๆๆๆๆ เขาคงจะมานั่งกินน้ำโค้กก่อนกลับล่ะมั้งเห็นในมือถือขวดโค้กอยู่ด้วย แต่ทำไมต้องมานั่งกินตอนเย็นๆแล้วก็นั่งตรงนั้นด้วยล่ะเอ๊ะ? มันก็เรื่องของโทโมะสิ ฉันไม่เกี่ยวนี่ ><!
เอือก...
ฉันกลืนน้ำลายลงคอเมื่อโทโมะมองมาไม่หยุด นี่เขากำลังทำฉันคิดไกลนะ! ไม่เอาแล้ว! กลับบ้านดีกว่าเรา ><////
เมื่อคิดแบบนั้นฉันจึงละสายตาจากโทโมะก่อนจะถีบจักรยานปั่นออกไปจากตรงนี้โดยเร็วด้วยความรู้สึกที่แปลกๆ
‘ โทโมะ...ทำไมนายถึง...มานั่งอยู่ตรงนั้นล่ะ...’
คิด ไปในใจก็อึดอัดไปเพราะฉันไม่เคยที่จะรู้เลยว่าคนอย่างโทโมะเป็นคนยังไงกันแน่ จะดีหรือจะร้าย จะเย็นชาหรือจะ...โอ๊ยยยยย ฉันล่ะไม่เข้าใจเขาเลย >O<!
ก็ อย่างว่าล่ะนะ...ความรู้สึกกับนิสัยของคนเราน่ะมันต่างกันคนละมิติเพราะว่า ถ้ามันอยู่ในมิติเดียวกันป่านนี้คนหลายคนคงแสดงความรู้สึกที่มีออกไปให้อีก ฝ่ายรับรู้ได้ตรงๆแบบง่ายๆแล้ว
อย่างเช่นฉัน...
ความรู้สึกชอบโทโมะ...แต่นิสัยกับเป็นคนขี้กลัวไม่กล้าแสดงออกไป
นี่ไง! เพราะแบบนี้ที่มันเรียกว่า ‘คนละมิติ’
บ้าน
แอ๊ด...
“กลับมาแล้วค่า”ฉันพูดเมื่อเปิดประตูเข้ามาในบ้านแล้วเห็นว่าพ่อกับพิชชี่กำลังนั่งดูทีวีกันอยู่ที่ห้องรับแขก
“แก้วทำไมวันนี้กลับเย็นล่ะลูก” พ่อถาม
“อ๋อ วันนี้มีช่วยจัดงานกิจกรรมที่โรงเรียนน่ะค่ะพ่อแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเย็นแก้วก็ต้องไปร่วมกิจกรรมด้วย” ฉันหันไปตอบ
“แล้ววันนี้ลูกกลับมากับใครล่ะ”
“หนูก็ขี่จักรยานกลับมาคนเดียวน่ะสิคะ พ่อก็ถามแปลกๆ”
ฉัน พูดปนขำนิดๆแล้วเดินไปนั่งลงที่โซฟากับพ่อ ส่วนพิชชี่ก็จดจ่ออยู่กับทีวีอย่างเดียวเลย เมื่อฉันนั่งลงได้ไม่นานพ่อก็พูดบางอย่างที่ทำให้ฉันถึงกับเกือบพูดต่อไม่ ออก
“พ่อนึกว่าลูกจะกลับกับโทโมะซะอีก”
ขวับ!
“พ่อคะ หนูไม่ได้เดินกลับบ้านกับเขามาพักใหญ่แล้วน้า” ฉันหันไปบอกพ่อแบบทันควัน
“เออจริงสิ พ่อลืมไปน่ะ แฮะๆ” พ่อขำๆออกมาแล้วเราสองคนก็นั่งเงียบกันไปสักพัก แต่พ่อก็พูดขึ้นมาอีก “แก้ว...”
“คะ?”
“ลูก...มีคนที่อยู่ในใจรึยังลูก”
พะ...พ่อถามอะไรเนี้ย >/////////<
“ยะ...ยังค่ะ” ฉันตอบแต่ก็ไม่ได้มองหน้าพ่อแต่รู้สึกว่าแก้มของตัวเองกำลังแดง
“พี่แก้วโม๊”
“เดี๊ยะๆๆ เดี๋ยวจะโดนพิชชี่”ฉันดุพิชชี่แต่เจ้าน้องชายตัวแสบก็แค่ยักไหล่แล้วเบ้ปากใส่ก่อนที่จะหันไปสนใจทีวีต่ออย่างน่าหมั่นไส้
ฮึ่ย! กวนประสาทพี่สาวได้ดีจริงๆเลยนะเจ้าน้องตัวแสบ >O<!
“พ่อว่า...ถ้าแก้วยังไม่มีใคร ก็ลองมองคนใกล้ๆตัวบ้างก็ได้นะลูก”
“ใครคะ?”
“โทโมะไงลูก”
เมื่อ พ่อพูดฉันถึงกับเงียบไป แต่ฉันก็ไม่รู้ทำไมว่าแทนที่จะดีใจที่พ่อก็เห็นชอบว่าอยากให้ฉันชอบโทโมะทั้งๆ ที่ในใจของฉันก็ชอบเขาอยู่แล้ว...แต่ถึงฉันจะชอบโทโมะ....แต่ฉันก็ยังไม่สามารถ ที่จะแสดงออกไปได้อยู่ดีถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะมีคนที่รู้แล้วอย่างมิณท์ก็ เถอะนะ
และอีกอย่างฉันไม่รู้สึกเลยว่าโทโมะจะเป็นคนใกล้ตัว...
เราอาจจะอยู่ใกล้กันในบางครั้งแต่ฉันรับรู้สึกถึงความเหินห่างเสียมากกว่า...
“พ่อกำลังคิดอะไรอยู่คะ” ฉันถามพ่อไปตามตรง แต่พ่อก็อ้าปากค้างเหมือนว่าพูดไม่ออก
“เอ่อ...พ่อ...คือพ่อ...”
“พ่ออย่าจับคู่หนูให้เขาเลย”
ฉัน พูดแล้วเอื้อมมือของตัวเองไปจับมือของพ่อเอาไว้ก่อนที่จะยิ้มบางๆให้ท่าน แล้วลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินขึ้นห้องไปทันทีด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก มันรู้สึกแปลกๆและใจไม่ค่อยดียังไงไม่รู้สิ คงอาจจะเป็นเพราะว่า...เห็นโทโมะทำเย็นชาใส่อีกครั้งล่ะมั้ง?
ใช่! ต้องเป็นความรู้สึกนี้แน่ๆเลย เพราะถ้าให้ฉันคิดแล้ว...ฉันว่าโทโมะอาจจะชินกับการทำท่าทางที่เย็นชาพูดน้อยเวลาอยู่กับคนเยอะๆก็ได้
เพราะเวลาที่ฉันเห็นเขา อยู่กับเพื่อนๆเขาก็ดูจะคุยสนุกสนานเฮฮากันดี แต่กับฉัน หึ บ่นกันซะส่วนใหญ่มากกว่า = =;;;;
อีกฝั่ง...
“กลับมาแล้วครับ...”
“อ้าวโทโมะ กินอะไรมารึยังล่ะลูก?”
แม่ ของโทโมะถามหลังจากที่ลูกชายตัวเองเปิดประตูเข้าบ้านมา โทโมะเขาแค่ส่ายหน้าเป็นเชิงตอบคำถามเมื่อกี้ก่อนที่เขาจะเดินเอากระเป๋าเป้ไป วางไว้ในบนโต๊ะกินข้าวในห้องครัวแล้วเปิดตู้เย็นเอาน้ำเย็นมาเปิดกระดกดื่ม หนึ่งขวด
“พ่อเราวันนี้เขาคงกลับดึกน่ะ เห็นว่ามีติดตรวจข้อสอบที่จะต้องส่งพรุ่งนี้”
“อ้อ”
“แล้วนี่ไปเล่นกีฬาที่สวนกับเพื่อนๆมาเหรอลูกถึงกลับบ้านเย็น”
“อ่อ...ครับ ใช่...ผมไปเล่นกีฬามา” โทโมะตอบแบบไม่เต็มเสียงสักเท่าไร
ทำไมถึงตอบเสียงไม่เต็มเสียงแบบนั้นน่ะเหรอ?
หึ โทโมะเขาก็รู้ตัวดีหรอกว่าเขากำลังโกหกแม่อยู่เพราะว่าเขาไม่ได้ไปเล่นกีฬากับเพื่อนๆมาซะหน่อย แต่เขา....
“แม่เห็นแก้วเพิ่งขี่จักรยานกลับมาแว๊บๆนี้เอง ลูกไม่ได้มาพร้อมเธอเหรอ?”
“ปล่าวครับ ไม่ได้มาพร้อมกัน” โทโมะพูดแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวกลางห้องครัวเมื่อแม่ของเขายกชามใส่ซุบร้อนๆมาวางเตรียมไว้ให้ เมื่อกืนี้ขณะที่คุยกัน
“คราวหลังถ้าลูกเลิกเรียนพร้อมแก้วก็ชวนเธอกลับด้วยสิแม่ว่าน่าจะดีนะโทโมะ ^^”
“ไม่จำเป็นหรอกครับ เธอมีแฟนแล้วนี่? เดี๋ยววันหลังเธอก็คงให้แฟนเธอมาส่งเองแหละครับ”
โทโมะ พูดเหมือนไม่ใส่ใจทั้งๆที่ในใจของเขานั้นหมั่นไส้แก้วกับมิณท์เป็นอย่าง มาก ยิ่งคิดโทโมะก็ยิ่งกำช้อนตักซุบแน่นขึ้นและเขาก็ตักซุบใส่ปากเร็วขึ้นกว่าเดิม
“แฟนเฟินที่ไหนเขาอาจจะเป็นเพื่อนกันก็ได้” แม่โทโมะพูดปนๆขำแล้วนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างๆโทโมะ
“ช่างเถอะครับ เขาจะมีแฟนหรือไม่มีมันก็ไม่เกี่ยวกับผม”
“เอ๊ะ มาอารมณ์ไหนเนี่ยลูกเรา = =;;;”
“...”
“เป็นไข้รึปล่าวเนี่ยโทโมะ” แม่โทโมะถึงกลับแสดงอาการเป็นห่วง ( เล่นๆ ล้อๆ ) แล้วเอาหลังมือไปแตะที่หน้าผากของโทโมะจนโทโมะเบิกตาสงสัยหน่อยๆ
“อะไรแม่ = =?”
“ปกติเห็นพูดน้อย มาวันนี้ทำไมพูดจาเหมือนคนอารมณ์ไม่ดีล่ะลูก”
“ผมก็เป็นแบบนี้แหละ”
“ไม่ๆๆๆ ลูกแม่ไม่เคยมีอาการแบบนี้ ส่วนใหญ่จะเงียบซะมากกว่าน้า ^^”
“ผมว่าแม่คิดมากไปเองแหละครับ ผมเนี่ยนะจะอารมณ์ไม่ดีเพราะ...!”
โทโมะหยุดชะงักคำพูดแบบทันควันเมื่อเขากำลังจะพูดออกไปว่า ‘เพราะแก้ว’ และ ถ้าเขาเผลอพูดออกไปแม่ของเขาก็จะต้องสงสัยแน่ๆว่าโทโมะกำลังรู้สึกแปลกๆกับแก้วอยู่ และเขาก็ไม่อยากมันเป็นแบบนั้นถ้าเกิดว่าเขายังไม่รู้ใจของตัวเองดีพอ ว่าเขากำลังรู้สึกยังไงกับแก้วอยู่
อาการแบบนี้มันลำบากมากจริงๆนะที่จะพูดไป...
“เพราะ?”
“ป่าวครับ” โทโมะเลี่ยงสายตาจากแม่แล้วก้มลงกินซุบต่อ
“อย่ามาโกหกเลย ลูกเป็นลูกแม่และทำไมแม่จะไม่รู้ว่าอันไหนลูกพูดจริงหรือโกหก”
“แม่ไม่รู้เรื่องของผมไปหมดหรอกน่า”
“ถึงแม่รู้ไม่หมด แต่คำพูดกับกิริยามันก็บ่งบอกได้นะโทโมะ^^”
“โธ่แม่ ผมไม่ได้แสดงกิริยาอะไรออกมาสักหน่อย ><!”
“น่ะ โกหกอีกแล้ว” แม่โทโมะพูดยิ้มๆแล้วส่ายหัวให้กับลูกชายตัวเอง ที่ช่างปากแข็งได้ใจจริงๆ
“...”
“...”
“...”
“...โทโมะ...”
“ครับ?”
หลัง จากที่โทโมะกับแม่ต่างนั่งเงียบกันไปนาน แม่ของโทโมะรู้สึกว่าลูกชายของตัวเองกำลังมีอะไรอยู่ภายในใจที่ไม่กล้าพูดออก มา แม่โทโมะจึงเอื้อมมือไปจับไว้ที่มือของลูกชายคนเดียวอย่างเขาอย่างแผ่วเบา
“โทโมะมีอะไร...อยากจะปรึกษาแม่มั้ยลูก”
“เอ่อ...คือผม...” โทโมะถอนหายใจก่อนจะเอนหลังพิงเกาอี้แล้วทำท่าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ
“...”
“ผม...”
“มีอะไรก็บอกแม่ได้นะ”
เมื่อแม่พูดแบบนั้นวีก็มองหน้าแม่ของเขาตรงๆก่อนที่จะตัดสินใจพูดมันออกมา
“คือ...เพื่อน ผมอ่ะแม่ มันแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งมานานตั้งแต่ ม.ต้น แล้ว...มันเลยไปบอกรักผู้หญิงคนนั้นตอน ม.4 เทอม 2 แต่เธอคนนั้นก็ไม่รับรักเพราะว่าอยากจะเป็นแค่เพื่อนกับมันมากกว่า”
“...”
“มัน ทำใจค่อนข้างนานอยู่ แต่พอไม่กี่เดือนต่อมาพอมันขึ้น ม.5 มันก็เหมือนกับเริ่มทำใจได้บ้าง แต่อยู่มาวันหนึ่งก็มีผู้หญิงอีกคนที่มันไม่รู้จักเลยเข้ามาในชีวิต มัน...มันก็เลยไม่แน่ในใจว่ามันชอบผู้หญิงคนนั้นรึปล่าว”
“...”
“และ เพราะมันก็คิดว่ามันยังทำใจเรื่องผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะว่าใจหนึ่ง...มันก็ยังคิดว่ามันยังไม่ลืมผู้หญิงคนที่มันเคยแอบชอบมา นานหลายปี แต่อีกใจ...มันก็คิดว่ามันชอบผู้หญิงที่เพิ่งเข้ามาในชีวิตมัน แต่มันก็ยังไม่อยากยอมรับเพราะคนที่เจอกันได้ไม่นาน มันจะเป็นความรักได้เหรอครับ...”
“โอ้ว...” พอแม่โทโมะได้ฟังก็ถึงกับเครียดแทน
แต่ว่าเรื่องที่โทโมะเล่านั้นคนเป็นแม่คงจะไม่รู้หรอกว่ามันก็คือเรื่อง ที่กำลังเกิดขึ้นกับลูกชายของตัวเอง ณ ตอนนี้นั่นเอง ใช่! โทโมะเขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับหัวใจของตัวเองจึงเลือกที่จะบอกกับแม่แต่ไม่ใช้ ‘ชื่อเขา’ ในการปรึกษา แต่อ้างเป็นชื่อเพื่อนแทนนั่นเอง
“...”
“งั้นลูกก็ต้องรีบบอกเพื่อนของลูกว่าให้รีบรู้ใจตัวเองได้แล้วน้า” แม่โทโมะพูดแล้วมองหน้าโทโมะยิ้มๆ “อดีต มันก็คืออดีตขอแค่ปล่อยมันไป...เพราะ ถ้าเราไม่ยอมเริ่มต้นกับสิ่งใหม่ที่เข้ามาในชีวิต เราก็อาจจะเสียสิ่งที่ดีๆที่เข้ามาหาเราก็ได้นะลูก”
“...”
“แต่ถ้าเพื่อนของลูกยังทำใจเรื่องผู้หญิงคนนั้นไม่ได้แม่อยากจะบอกเลยว่า...คนเราบางทีอาจจะเกิดมาให้เราได้ ‘รัก’ แต่บางทีเขาคนนั้นก็อาจไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นคู่ของเรา”
“...”
“เขา อาจจะเกิดมาเพื่อเป็นบทเรียนๆหนึ่งที่จะทำให้เราได้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้นกว่า เก่านะลูก ส่วนที่ลูกว่าผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตเพื่อนลูกน่ะ...ถ้าเธอคนนั้นเป็นคนดี และจริงใจกับเพื่อนของลูก แม่ว่า...เพื่อนของลูกก็น่าจะเปิดใจเข้าหาเธอคนนั้นแบบจริงๆจังๆบ้างนะ ^^”
“...อย่างงั้นเหรอครับ” โทโมะพูดพึมพำอยู่ในลำคอในขณะที่แม่ของโทโมะก็ได้ลุกขึ้นยกชามซุบที่โทโมะกินหมดแล้วขึ้นมา
“ความลังเลไม่ใช่หนทางที่นำมาซึ่งทางออกของหัวใจนะลูก...จำไว้นะ ^^”
“...”
“อย่างพ่อกับแม่น่ะ...ตอนที่เจอกันครั้งแรกพ่อกับแม่ก็ปิ๊งกันทันทีเลย”
“เร็วขนาดนั้นเลยเหรอครับ ^^”
นี่เป็นอีกครั้งที่โทโมะดันเผลอยิ้มออกมาแบบไม่รู้ตัว คงอาจจะเป็นเพราะว่า...เขารู้สึกดีขึ้นหลังจากที่ได้คุยกับแม่ของเขาล่ะมั้ง
“ก็ พ่อเขาเป็นคนพูดตรงกับใจแม่เลยเชื่อว่าพ่อน่ะคือคนที่เขาจะทำให้แม่มีความ สุข แล้วมันก็มีความสุขจริงๆ แต่รู้มั้ย...สิ่งที่ทำให้แม่มีความสุขที่สุดในชีวิตก็คือการได้เห็นลูกเกิด มา...”
“ครับแม่”
“แม่อยากจะถามมาสักพักและ เพื่อนลูกก็มีความรักแล้วถึงแม้เขาจะยังไม่รู้ใจตัวเองก็เถอะ แล้วลูกล่ะโทโมะ...มีใครอยู่ในใจรึยังเนี่ย ^^”
จึก!
เมื่อคำถามนั้นเอ่ยโทโมะถึงกับทำตัวไม่ถูกเพราะเขาดูไม่เป็นตัวเองขึ้นมา ทันที เอ...ทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้กันน้า???
“เอ่อ...ยังไม่มีหรอกครับ”
“จริงป๊าว ลูกชายแม่หล่อขนาดนี้ทำไมยังไม่มีแฟนน้า หรือมีสาวๆเข้ามาหาเยอะจนเลือกไม่ถูก ^^”
“แม่ครับ ผมยังไม่ได้ชอบใคร”
“แล้วหนูแก้วล่ะ”
“...! เกี่ยวอะไรกับเขาล่ะแม่ ผมไปนอนดีกว่าพรุ่งนี้มีเรียนเช้า” โทโมะแบบปัดๆเหมือนไม่อยากจะตอบคำถาม
“อ้าว แม่ว่าหนูแก้วเขาก็น่ารักดีนะลูก...ลูกว่ามั้ย?”
“เอ่อ...ครับก็น่ารักดี...”
โทโมะพูดออกมาเพราะความตั้งตัวไม่ทัน เพราะถ้าเขามีสติกว่านี้ เขาคงจะโกหกแม่ไปแล้วล่ะว่าไม่ได้รู้สึกอะไรหรือไม่ก็คงจะตอบทำนองว่า ‘ก็งั้นๆแหละแม่’ ไปแล้ว >//////<
“งั้นจีบเลยสิลูกแม่เอาใจช่วย ^^//”
“แม่ครับ อย่าจับคู่ผมให้เขาเลย”
“อ้าว เจ้าลูกคนนี้ ช่วยสนับสนุนก็ไม่เอาซะงั้น”
เสียงแม่ที่เล็ดลอดขึ้นมาหลังจากที่โทโมะรีบวิ่งขึ้นบันไดมาจนถึงหน้าห้องของ ตัวเองด้วยหัวใจที่กำลังเต้นแรงตึกตักๆ โทโมะเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของตัวเองแล้วปิดประตูลง
ปึง...
ตึกตักๆๆๆๆๆๆ
“จะเต้นแรงทำไมวะ”
หลัง ที่กำลังพิงอยู่กับประตูกับมือของโทโมะที่กำลังแนบลงไปบนอกข้างซ้ายที่ตอนนี้ ก้อนหัวใจของเขากำลังเต้นแรงรัวๆๆๆ โทโมะส่ายหัวเบาๆแล้วเดินไปนอนลงบนเตียงอย่างสับสนกับอาการนี้ เพราะเขาไม่รู้ว่าทำไม แต่ดูจากคำพูดของแม่เขาแล้ว
สิ่งนี้คงจะมีอิทธิพลไม่น้อยเลย....
“ไม่...ฉันไม่ได้ชอบเธอ ไม่ๆๆๆๆ”โทโมะพูดแล้วยกมือขึ้นทุบศรีษะของตัวเองเพื่อเตือนว่าให้เลิกคิดเรื่องของแก้วซักที
และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วเดินไปตรงประตูกระจกใสที่ ระเบียง โทโมะเขากำลังแอบมองร่างบางของผู้หญิงคนนั้น สาวข้างบ้านจอมซื่อบื้อผ่านทางห้องนอนของตัวเอง เขาหลบอยู่หลังผ้าม่านเฝ้ามองเธอที่กำลังจัดที่นอนเตรียมจะนอนแล้ว
ในหัวของโทโมะนั้นกำลังด่าทอตัวเองว่าทำไมเขาถึงรู้สึกว่า...ทำไมเขาถึงได้ สับสนแบบนี้นะ
‘อดีต มันก็คืออดีตขอแค่ปล่อยมันไป...เพราะ ถ้าเราไม่ยอมเริ่มต้นกับสิ่งใหม่ที่เข้ามาในชีวิต เราก็อาจจะเสียสิ่งที่ดีๆที่เข้ามาหาเราก็ได้นะลูก’
“เริ่มต้นกับสิ่งใหม่งั้นเหรอ...”โทโมะพูดขณะที่สายตาก็มองแก้วไปด้วย “แล้วถ้าฉันทำเธอเจ็บล่ะ....”
แต่สุดท้ายเขาก็ยังทิ้งความกังวลออกไปไม่ได้อยู่ดี...
โทโมะมองแก้วเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะรีบปิดผ้าม่านของห้องนอนจนไม่สามารถ ที่จะเห็นแก้วได้อีกถ้าหากไม่เปิดมัน แต่มือของโทโมะก็เอื้อมไปที่ผ้าม่านนั้นเหมือนว่าอยากจะเปิดมันอีกครั้ง...แต่ ทว่า...
เขาก็เลือกที่จะถอยห่างจากผ้าม่านนั่นแล้วพยายามไม่หันกลับไปมองมันอีก...
_______________________________________________________
ไรต์มาอัพตามคำขอแล้วนะ ต่อไปนี่จะลงวันละสองตอนนะ พอดีไรต์แต่งเรื่องนี้จบแล้วว ><
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ