Stop หยุดหัวใจนายเย็นชา
9.6
เขียนโดย NannyCandy
วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.18 น.
43 chapter
860 วิจารณ์
67.55K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
20) - Confushed Heart - ( หัวใจที่สับสน )
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ- Confushed Heart -
( หัวใจที่สับสน )
“เจ็บมากรึปล่าว”
มิณท์ถามเมื่อเขาพาฉันมานั่งที่โต๊ะว่างที่ริมสนามฟุตบอลเพื่อพักหลังจากที่ พาฉันไปล้างแผลมาแล้วเรียบร้อย ส่วนฟางก็ไปช่วยงานต่อบนโรงยิมกิจกรรมเลยให้มิณท์อยู่เป็นเพื่อนฉันแทน ตอนแรกฉันก็ค้านอยากจะขึ้นไปช่วยด้วยแต่ฟางไม่ยอมให้ขึ้นไปอยากให้ฉันพัก ก่อน =[]=;;;
และตอนนี้ฉันกับมิณท์ก็นั่งกันอยู่แค่สองคนเท่านั้น...
“ไม่เจ็บหรอก” ฉันพูดแล้วส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มนิดๆ
“เราขอโทษนะ...”
“หือ? ขอโทษทำไม?”
ฉันงงทันทีเมื่อมิณท์พูดคำว่า ‘ขอโทษ’ ทั้งๆที่ฉันไม่รู้เลยว่าเขาทำอะไรผิดไปตอนไหนหรืออย่างไร มิณท์มองหน้าฉันยิ้มๆแต่แววตาของเขาแฝงไปด้วยความหม่นหมองสิ้นดี
“ฮืม...”เขาถอนหายใจพร้อมกับละสายตาไปจากใบหน้าของฉันแล้วมองไปยังสนามฟุตบอลเบื้องหน้าเงียบๆ
ตอนนี้ภายในใจของฉันเต็มไปด้วยคำถามว่าทำไมมิณท์ถึงพูดแบบนั้น...
และสุดท้ายเขาก็ตอบในสิ่งที่ค้างคาใจออกมาจนได้!
“...”
“...เราอยู่ใกล้แก้วแท้ๆแต่เราดันวิ่งไปช่วยแก้วเอาไว้ไม่ทัน...”
“...”
“ส่วน‘คนที่อยู่ไกล’ จากแก้วกลับวิ่งมาช่วยแก้วอย่างสุดใจ...”
คนที่อยู่ไกลงั้นเหรอ...
นี่อย่าบอกนะว่ามิณท์กำลังหมายถึง...โทโมะ...
“นะ...นายหมายถึง...”
“แก้วกับโทโมะเป็นอะไรกันแน่เหรอ”
“...!” ฉันถึงกับพูดไม่ออกเมื่อมิณท์หันมาถามกันตรงๆด้วยสีหน้าที่จริงจัง
คำถามนั้น...ทำไมกันนะฉันถึงจะต้องลำบากใจที่จะพูดมันด้วยเพราะว่าฉัน ไม่ได้เป็นอะไรกับโทโมะ ( แต่แอบคิดกับเขามากกว่าเพื่อนบ้าน ) เราเป็นแค่เพื่อนบ้านกัน...และมันก็ควรจะเป็นแค่นั้นไม่ใช่เหรอ...
ถึงฉันจะชอบโทโมะ แต่ถ้าโทโมะไม่ได้ชอบฉัน การที่ฉันแสดงออกไปก็คงจะไร้ความหมายและทำให้ตัวเองเสียใจปล่าวๆ
“เราสองคนเป็นแค่...เพื่อนบ้านกันน่ะ”
ฉันตอบไปแต่ก็หลบสายตาจากมิณท์ไปมองเบื้องหน้าเพราะรู้ว่าตัวเองกำลัง ‘โกหก’ปกติ แล้วฉันไม่ค่อยโกหกใครถ้าไม่จำเป็น และถ้าเกิดโกหกก็จะเนียนๆไป แต่พอถึงเรื่อ'ของโทโมะทีไร...ฉันกลับลำบากใจที่จะต้องโกหกเพราะว่าฉันกำลังชอบ เขาอยู่ข้างในใจ
และเขาคือ‘รักแรก’ ด้วยซึ่งฉันไม่รู้ว่าต้องทำยังไง...
“...”
“เราเป็นแค่เพื่อนบ้านคนหนึ่งของเขา พ่อเราสองคนรู้จักกัน ก็แค่นั้นเอง...” ฉันพูดต่อพร้อมกับแอบถอนหายใจออกมาเบาๆ
“...แล้วแก้วรู้ได้ยังไงว่าในสายตาของโทโมะแก้วเป็นเพื่อนบ้านคนหนึ่ง”
“หมายความว่าไง” ฉันหันไปหามิณท์อีกครั้ง
นี่อย่าบอกนะว่ามิณท์คิดว่า...โทโมะชอบฉัน?
เห๊อะ! ไม่มีทางอ่ะเป็นไปไม่ได้หรอก ><!
เย็นชาอารมณ์แปรปรวนอย่างโทโมะเนี่ยนะจะมาชอบฉัน? เขาทั้งบ่นฉันนู่นนี่นั่นฉันสารพัด แถมถ้าเมินก็คือเมิน แบบนี้เนี่ยนะ? ที่โทโมะจะคิดกับฉัน ‘มากกว่า’เพื่อนบ้านคนหนึ่ง
‘ ไม่ต้องกังวลนะว่าฉันจะคิดอะไรฉะนั้น...เธอสบายใจได้เลย’
ใช่...คำ พูดนั้นที่ฉันยังจำได้สนิทใจในวันที่เราเดินกลับบ้านด้วยกันครั้งแรก และเป็นวันแรกที่เราคุยกัน คำพูดนั้นมันออกมาจากปากของโทโมะเองเลยนี่?
และฉันก็เชื่อว่า...เขาคงจะคิดอย่างที่พูดจริงๆ
“เราไม่รู้นะว่าโทโมะคิดอะไรกับแก้ว แต่...คนที่วิ่งมาช่วยแก้วไว้ได้คือเขานะ” มิณท์พูด “เราคิดจากสิ่งที่เห็น และเราก็เห็นว่า...โทโมะแลดูห่วงแก้วมากเลย”
“เขาไม่ได้คิดอะไรกับเราหรอก...”
“...”
“ที่เขาทำไปเพราะว่าเราเป็นลูกสาวเพื่อนพ่อของเขาแค่นั้นเอง”
ฉันบอกถึงแม้ว่าภายในใจมันอยากจะหวังให้โทโมะคิดแบบนั้นก็ตามที...
“แล้วแก้วล่ะ...”
“???”
“คิดอะไรกับโทโมะรึปล่าว”
“...!!”
กึก!
ตึกตักๆๆๆๆๆ
ไม่รู้ว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับหัวใจของฉันกันแน่เพราะเมื่อมิณท์ถามแบบนั้นขึ้นมาหัวใจของฉันมันก็ยิ่งเต้นเร็วและเต้นแรงขึ้นๆดรื่อยๆจน เหมือนกับว่ามันจะระเบิดออกมาให้จนได้เลย
และตอนนี้ฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะพูดอะไรออกไปดีเพราะว่าสับสนเหลือเกิน...
อยากจะบอกว่า‘ไม่ได้ชอบ ไม่ได้คิดอะไร’ แต่ทำไมมันถึงไม่พูดล่ะ ทำไมไม่พูดนะ! เพราะว่ามันลำบากที่จะโกหกใจตัวเองอย่างซ้ำซากอย่างงั้นเหรอ...ใช่! มันลำบากจริงๆกับการที่เราแอบชอบใครคนหนึ่งแต่ไม่สามารถที่จะบอกกับใครได้เพราะว่ากลัวจะให้ความหวังตัวเอง
ให้ความหวัง...จนบางทีความหวังนั้นอาจจะกลับมาทำร้ายตัวเองเข้าสักวันหนึ่ง...
“...แก้วชอบโทโมะใช่มั้ย”
เฮือก...
“...!!”
เพียง แค่คำถามนั้นเอ่ยขึ้นโลกของฉันก็เหมือนกับว่าหยุดหมุดไปอีกครั้งยิ่งกว่าคำ ถามก่อนหน้านี้มาก และตอนนี้ เสียงรอบข้างต่างจางหายทำให้ฉันนิ่งค้างมองหน้ามิณท์อยู่แบบนั้นโดยไม่อาจ จะตอบอะไรออกไปทั้งสิ้น จนเมื่อฝ่ามือร้อนๆของมิณท์ทาบลงบนมือของฉันที่วางอยู่บนตักอย่างแผ่วเบา
“แก้วชอบโทโมะ...จริงๆใช่มั้ย” มิณท์ถามย้ำแล้วจับมือของฉันแน่นขึ้นอีกนิด
“ระ...เรา...คือเรา...”
ตึกตักๆๆๆๆๆๆ
“...”
“...”
“โอเค เรารู้คำตอบแล้วล่ะ ^^” มิณท์พูดขึ้นพร้อมกับยิ้มออกมานิดๆ
ใช่...เขายิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่ดูไม่มีความสุขเลย
ทำไมเขาถึง...มีท่าทีแปลกๆแบบนี้นะ?
“นะ...นายรู้?”
“อาการออกชัดเจนขนาดนี้จะไม่รู้ได้ยังไงกัน” มิณท์พูดแล้วค่อยๆปล่อยมือฉันออก“ถึงเราจะไม่เคยมีความรัก...แต่เราก็รู้นะว่ามันเป็นยังไง...”เขาบอก
“...”
“แอบรักเขาแบบนี้มันเจ็บปวดนะ...แต่การที่ได้เห็นคนที่เราหลงรักไปรักคนอื่นมันเจ็บปวดยิ่งกว่า”
“นายพูดแบบนี้หมายความว่าไง”
และเมื่อมิณท์เริ่มพูดจาแปลกๆฉันจึงถามเขาไปตามตรงอย่างอยากจะฟังคำตอบ
แก้ว...”
มิณท์เอื้อมมือมาจับมือของฉันไว้อีกครั้งเขาจับมือของฉันไว้ทั้งสอง ข้างมองมาที่ฉันด้วยสายตาทีจริงจังกว่าเดิม ใบหน้าที่เริ่มแดงก่ำไปจนถึงใบหูทั้งสองข้างของเขาจนฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้ว ว่าเขากำลังจะพูดและทำอะไรกันแน่
“...”
“...เราชอบแก้วนะ...”
“มะ..มิณท์”
“เรารู้...ในใจของแก้วมีแต่โทโมะ”มิณท์พูดเหมือนว่าเขารู้ทุกอย่างจากสิ่งที่อยู่ภายในหัวใจของฉัน ใช่! และมันก็ถูก “เรารู้ตั้งวันนั้นที่เราถามเรื่องที่พิมพ์ตบแก้วที่ร้านข้าววันนั้นแล้ว จนเราแน่ใจ...”
“...”
“เพราะเมื่อแก้วตอบเรา...คำตอบของแก้วมันตรงข้ามกับสายตาที่กำลัง...โกหกใจตัวเองอยู่”
“ระ...เรา”
“เรารู้ว่ามันลำบากใจที่จะพูดออกมาแต่...” มิณท์เม้มริมฝีปากของเขาแล้วจ้องตาฉันแบบไม่ยอมละสายตาไปไหน “ถ้านับตั้งแต่ตอนนี้แก้วจะหันมามองผู้ชายคนนี้บ้าง...มันจะเป็นไปได้มั้ย?”
คำ ถามของมิณท์นั้นทำให้ฉันอึดอัดเอามากๆ ฉันไม่รู้ว่าตัวเองจะตอบเขาไปว่ายังไงเพราะว่าหัวใจของฉันชอบโทโมะแล้วถ้าฉัน ตอบว่าให้โอกาสกับมิณท์ไป...มันก็เหมือนกับว่าเป็นการให้ความหวังเขารึ ปล่าว?
และฉันไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น...
ฉัน ไม่ชอบให้ความหวังกับใครเพราะรู้ว่ามันเสียใจแค่ไหนถ้าสิ่งที่เราทำไปมีผล กระทบอะไรต่อหัวใจของใครอีกคน และมิณท์เขาเป็นเพื่อนที่ดีมากคนหนึ่งสำหรับฉัน เขาคอยช่วยเหลือฉันกับเปาตลอด และฉันก็ไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของเราเป็นมากกว่าเพื่อนเลยจริงๆนะ
เพราะการเป็น‘มากกว่าเพื่อน’มันอาจจะทำให้เรามีความรู้สึกที่เปลี่ยนไป
“มิณท์...” ฉันพูดแล้วมองหน้ามิณท์ตรงๆ “มิณท์เป็นเพื่อนที่ดีมากคนหนึ่งสำหรับเรานะ...และเราก็ดีใจนะที่มิณท์มีความรู้สึกดีๆให้กับเราแต่...” ฉันหยุดชะงักคำพูดเมื่อมิณท์ก้มหน้าของเขาลงต่ำ
“...”
“...”
“...ไม่เป็นไรหรอกเราเข้าใจ ^^” มิณท์เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งเขายิ้มจางๆแล้วกรอกตาขึ้นมองข้างบนก่อนจะเม้น ริมฝีปาก และฉันก็สังเกตเห็นว่าบริเวณขอบตาของเขามันเหมือนมีน้ำใสๆเอ่อล้นอยู่
เขาจะร้องไห้เหรอ?
“...”
“เรารู้ว่าความรู้สึกของคนเรามันบังคับกันไม่ได้หรอกก็แก้วชอบโทโมะไปแล้วนี่เน๊อะ”
“...”
“แต่เราก็ไม่ท้อหรอกนะ” มิณท์ก้มหน้าลงมามองฉันอีกครั้งและเขาก็จับมือของฉันแน่นขึ้นอีกครั้งเหมือนว่าเขาจะย้ำให้ชัดเจน “ถึงตอนนี้แก้วจะมองเราเป็นแค่เพื่อนที่ดีคนหนึ่ง แต่เราก็จะรอวันที่แก้วจะมองเรามากกว่าเพื่อนนะ ^^” มิณท์ยิ้ม
เฮ้อ...ฉันรู้ผิดจริงๆที่มิณท์เขาพยายามจะยิ้มทุกครั้งเพื่อให้ฉัน สบายใจทั้งๆที่เขาเองก็ไม่ได้อยากจะฝืนยิ้มมันหรอก แต่เขาก็ยังคงยิ้มเพื่อให้คนที่เขาคุยด้วยเห็นว่าเขาไม่เป็นอะไร...
“...”
“แต่ถ้ามันไม่มีวันนั้นจริงๆ...”
“...”
“เราก็สามารถที่จะเป็นเพื่อนที่ดีกับแก้วเสมอนะ”
“ขอบคุณที่เข้าใจเรานะมิณท์...”
[ ช่วงของเคโอติค ]
“แกกับแก้วนี่ยังไงเนี่ยยยยยยยย”
“เออวิ่งเข้าไปช่วยแก้วก่อนใครเลยด้วยนะเว้ยเฮ้ย”
เสียง แซวของพวกเพื่อนๆกลุ่มเคโอติคที่ยังคงไม่เลิกราทำให้โทโมะถอนหายใจออกมาแบบหงุด หงิดที่โดนแซวแต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรใดๆออกไปทั้งสิ้น
“พวกแกอ่ะไปแซวมัน ทีไอ้จองเบช่วยคลอรีนไม่เห็นแซววะ = =;;; ”
เมื่อเคนตะพูดแบบนั้นกับเขื่อนแล้วก็ป๊อปปี้ โทโมะก็ชะงักจากการทาสีตัวอักษรทันที ไม่รู้เพราะสาเหตุใดที่ทำให้โทโมะเงยหน้าขึ้นมาตั้งใจฟังเคนตะกับประเด็นของ‘จองเบกับคลอรีน’
“ไอ้เคนตะ แกพูดอ่ะไอ้โทโมะมันคิดไกลนะเว้ย น่ะมันเงยหน้าขึ้นมามองแล้ว ><!”
“ก็ไหนมันบอกไม่ได้ชอบแล้วไง” เคนตะพูดแล้วใช้หางตามองโทโมะแบบล้อๆ
“เห้ยโทโมะ แกเห็นตอนที่ไอ้จองเบมันวิ่งไปช่วยคลอรีนป่ะ อาการแม่งเหมือนกับแกตอนที่รีบวิ่งไปช่วยแก้วเลยนะเว้ย” ป๊อปปี้พูดบ้าง
พวกเขาพูดคุยกันได้เพราะว่าตอนนี้จองเบไม่อยู่เพราะเขาขอกลับก่อนเพราะต้องไป ดูแลสนามแข่งรถ เห็นส่งข้อความมาบอกป๊ปอปี้ว่าที่สนามแข่งมีปัญหานิดหน่อย
แต่นั่นมันก็เป็นแค่ข้ออ้างของจองเบเท่านั้นแหละ!
เพราะจองเบเขารู้ตัวเองดีว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ดีและไม่อยากแสดงอาการแบบนั้นให้เพื่อนๆในกลุ่มสงสัย
“ก็พูดไป จองเบกับคลอรีนเขาไม่ได้มีอะไรกันหรอกเพราะถ้าอยู่ใกล้ๆแถวๆคลอรีนก็ต้องช่วย
คลอรีนอยู่แล้ว” เขื่อนพูดอย่างมีเหตุมีผลแต่นั่นกลับทำให้ป๊อปปี้ผุดคิดอะไรขึ้นมาได้
“แล้วไอ้จองเบมันไปทำอะไรแถวๆตรงที่คลอรีนอยู่ล่ะวะครับเขื่อน”
“เอ่อ...ผมก็ไม่รู้ O_O”
“เฮ้ย! หรือว่าสองคนนี้มันจะซัมธิงกัน?”
กริบ...
“...”>>> เงียบกันหมด
ไม่มีใครพูดอะไรใดๆออกมาหลังจากที่ป๊อปปี้เอ่ยคำนั้น เพื่อนๆทุกคนต่างมองมาที่โทโมะที่ตอนนี้กำลังก้มหน้าลงทาสีต่อเหมือนไม่ใส่ใจ อะไรทั้งๆที่ในใจเขาเองก็รู้สึกแปลกๆอยู่เหมือน แต่เพื่อนอย่างจองเบน่ะสนิทกับโทโมะที่สุดในกลุ่มพวกเขาไม่เคยมีอะไรปิดบังกัน หรอกมีอะไรก็พูดตรงๆ
แต่...นั่นคือความคิดของโทโมะเองที่ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ของจองเบและคลอรีนเลย และถ้าโทโมะรู้...มันจะเป็นเช่นไรกัน
“เฮ้ยๆๆ พวกแกอ่ะหยอดมุกอะไรอ่ะเกรงใจไอ้โทโมะมันหน่อยดิวะ” เขื่อนพูดเพื่อให้เรื่องมันดูเหมือนว่าขำๆแก้ขัดไป
“ก็ไอ้ป๊อปอ่ะดิเอาสมองส่วนไหนคิดออกมาวะ = =;;;”
“อ้าว แล้วมันมีเหตุจำเป็นอะไรที่ไอ้จองเบมันต้องไปวนเวียนแถวๆนั้นด้วยล่ะวะ ฉันสังเกตหลายรอบและว่ามันเลี่ยงจากพวกเราอู้งานไปเดินวนๆแถวๆคลอรีน”
ผัวะ!
“โถ่! ไอ้ป๊อปปี้หัวปลาทูเอ๋ยยยยยพูดมาอย่างกับมันเป็นเรื่องจริงอย่างงั้นแหละวะ! ไอ้จองเบมันจะเอาเวลาไหนไปมีซัมธิงกับคลอรีนวะครับ? ” เคนตะพูดหลังจากเหวี่ยงฝ่ามือลงบนหัวป๊อปปี้ที่คิดออกมาได้ ><!
“=[]=;;;”
“อีกอย่าง...ถ้ามันมีซัมธิงกันตอนนั้นไอ้จองเบมันก็รู้ว่าไอ้โ?โมะมันชอบคลอรีนอยู่ มันจะกล้าแทงข้างหลังเพื่อนได้ยังไง”
ที่เคนตะพูดก็มีเหตุผลค่อนข้างมากเลยทีเดียวเพราะว่ากลุ่มของเขาเชื่อมั่นในใจ กันและกันเพราะว่าเป็นเพื่อนกันมานานจนไม่เคยมีเรื่องที่ผิดใจกันอยู่ในหัว เลยด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องที่ใครในกลุ่มจะหักหลังเพื่อนพวกเขายิ่งไม่เคยคิดเลยด้วย
แต่ว่า...วันหนึ่งความจริงก็จะปรากฏมันออกมาเองแหละเพราะ ‘ความลับไม่มีในโลก’
“แล้วแกคิดว่าไงวะโทโมะ”
“ฉันไม่มีความเห็น” โทโมะตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“ที่ว่าไม่มีความเห็นเพราะความเห็นของแกไปอยู่กับผู้หญิงอีกคนปล่าวรึว๊า?”
“ฉันว่าสงสัยคงมีคนอยากโดนตีนฉันล่ะมั้งเนี่ย!”
“เฮ้ยๆๆๆ นี่ถึงกับจะเอารองเท้าปาใส่ฉันเลยเหรอวะ! ใจร้าย! >O<!”
ป๊อปปี้ร้องห้ามในตอนที่โทโมะถอดรองเท้าผ้าใบของเขาออกแล้วทำท่าว่าจะปามันใส่หน้าป๊อปปี้ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เพื่อนๆก็ต่างพากันหัวเราะขำโทโมะกับป๊อปปี้แต่พอสักพักเขื่อนก็ถามคำถามที่ถามโทโมะ บ่อยจนชิน
“เฮ้ยไอ้โทโมะฉันถามอะไรแกหน่อยดิวะ”
“ถ้าเป็นเรื่องของยัยนั่นฉันไม่ขอตอบ”
โทโมะพูดอย่างรู้ทันเขื่อน
“ก็รู้อยู่แล้วว่าแกต้องพูดแบบนี้” เขื่อนพูดพลางยักไหล่
“รู้แล้วจะถามเพื่อ?”
“เพื่อให้แน่ใจว่าแกไม่ได้ชอบแก้วไง”
“...”
“ก็จริงอย่างที่เขื่อนว่านะถ้าโทโมะไม่ได้สนใจแก้วแล้วทำไมต้องรีบวิ่งไปช่วยแก้วขนาดนั้นด้วย” เคนตะพูดเสริม
“ฉันคิดว่าแกชอบแก้วเข้าแล้วว่ะโทโมะ”
“นี่พวกแกหยุดพูดเลย” โทโมะพูดอย่างไม่ยอมรับใจตัวเอง
“แล้วที่ฉันพูดมันไม่เป็นความจริงตรงไหน? ท่าทางแกก็บอกอยู่ว่าสนใจแก้วยิ่งกว่าอะไรดี”
“...”
โทโมะ เงียบโดยไม่ได้พูดอะไรต่อและนั่นก็ยิ่งทำให้เพื่อนๆในกลุ่มมั่นใจได้อย่าง เกินครึ่งว่าโทโมะสนใจแก้วเข้าเต็มๆแล้วแต่เขาแค่ไม่รู้ตัวเองเพราะความปาก แข็ง
“อยู่บ้านข้างๆกันไม่รู้สึกหวั่นไหวฉันว่าแกคงเป็นเกย์แล้วแหละ”
“ฉันไม่ได้ชอบยัยอึนนั่น”
“ปากแข็ง/ปากแข็ง”
เมื่อเพื่อนๆรุมพูดพร้อมๆกันทำให้โทโมะเหมือนจะหมดความอดทนที่จะนั่งทาสี ต่อเขาจึงรีบวางพู่กันลงแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงทันที
“เบื่อพวกแกว่ะฉันกลับบ้านดีกว่า” โทโมะพูดพลางยกเป้ของเขาขึ้นมาสะพายเอาไว้แล้วทำท่าว่าจะเดินออกไปจากตรงนี้
แต่ทว่า...คำพูดของเขื่อนนั้นทำให้โทโมะต้องหยุดชะงักเมื่อเขาหันแล้วกำลังจะเดินออกไป
“ถ้าแกยังไม่ยอมรับใจตัวเองแล้วแก้วดันไปคบกับไอ้แว่นคนนั้นแกก็อย่ามันเสียใจทีหลังนะเว้ย”
“...”
ตึกตักๆๆๆๆ
โทโมะไม่ได้หันกลับมาพูดอะไรใดๆทั้งสิ้น เขาเดินออกไปจากโรงยิมนี้พร้อมกับหัวใจที่กำลังเต้นแรงอยู่ในขณะนั้น และมันก็ยิ่งเต้นเร็วขึ้นเมื่อโทโมะเดินลงมาถึงข้างล่างสายตาก็พลันเหลือบไป เห็นแก้วที่กำลังนั่งอยู่กับใครบางคนที่โทโมะนั้นหมั่นไส้อยู่ตลอดเวลาที่โต๊ะ นั่งริมสนามฟุตบอล
และที่แปลกมากๆก็คือโทโมะดันเผลอกำหมัดของตัวเองจนแน่นอย่างไม่รู้ตัวเมื่อเห็น ว่าสองคนนั้นไม่ได้แค่นั่งด้วยกันเฉยๆแต่พวกเขากลับจับมือด้วยกันอีก!
“เห๊อะ...สารภาพในไดอารี่ว่าชอบฉันแต่มาจับมือกับผู้ชายคนอื่นอย่างงี้เหรอ”
เสียง เค้นหัวเราะพร้อมกับคำพูดเชิงประชดที่แฝงไปด้วยความเย็นชากับความเคืองใน เวลาเดียวกันนั้นทำให้โทโมะถอนหายใจออกมาแรงๆก่อนที่เขาจะเดินเลี่ยงไปยังอีก ทาง
เพราะไม่อยากเดินผ่านไปทางสนามฟุตบอลเพื่อให้สองคนนั้นที่กำลังนั่ง จู๋จี๋กันในสายตาของเขาขาดความฟิน!
‘ ถ้าแกยังไม่ยอมรับใจตัวเองแล้วแก้วดันไปคบกับไอ้แว่นคนนั้นแกก็อย่ามันเสียใจทีหลังนะเว้ย’
คำ พูดสุดท้ายของเขื่อนยังคงติดตรึงอยู่ในหัวราวกับมันจะคอยเตือนอะไร บางอย่าง แต่โทโมะเขาก็เลือกแล้วที่จะไม่เข้าไปใกล้แก้วเพื่อให้เธอหวั่นไหว แต่วันนี้เขาก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าวิ่งเข้าไปช่วยแก้วเอาไว้ตอนไหน
พอมารู้ตัวอีกทีร่างของแก้วก็อยู่ในอ้อมกอดของตัวเองเข้าเสียแล้ว...
‘ภายในใจที่ไม่แน่นนอนของคนเราสามารถทำให้เราเสียสิ่งที่ดีที่สุดไป
หากไม่ยอมที่จะไขว่คว้าเอาไว้...เราเองต่างหากที่จะต้องมาเสียใจในภายหลัง...’
__________________________________________________________อัพแล้วจ้า เม้นโหวตเยอะๆ #โทโมะเมื่อไหร่จะรู้ใจตัวเองสักทีนะ
( หัวใจที่สับสน )
“เจ็บมากรึปล่าว”
มิณท์ถามเมื่อเขาพาฉันมานั่งที่โต๊ะว่างที่ริมสนามฟุตบอลเพื่อพักหลังจากที่ พาฉันไปล้างแผลมาแล้วเรียบร้อย ส่วนฟางก็ไปช่วยงานต่อบนโรงยิมกิจกรรมเลยให้มิณท์อยู่เป็นเพื่อนฉันแทน ตอนแรกฉันก็ค้านอยากจะขึ้นไปช่วยด้วยแต่ฟางไม่ยอมให้ขึ้นไปอยากให้ฉันพัก ก่อน =[]=;;;
และตอนนี้ฉันกับมิณท์ก็นั่งกันอยู่แค่สองคนเท่านั้น...
“ไม่เจ็บหรอก” ฉันพูดแล้วส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มนิดๆ
“เราขอโทษนะ...”
“หือ? ขอโทษทำไม?”
ฉันงงทันทีเมื่อมิณท์พูดคำว่า ‘ขอโทษ’ ทั้งๆที่ฉันไม่รู้เลยว่าเขาทำอะไรผิดไปตอนไหนหรืออย่างไร มิณท์มองหน้าฉันยิ้มๆแต่แววตาของเขาแฝงไปด้วยความหม่นหมองสิ้นดี
“ฮืม...”เขาถอนหายใจพร้อมกับละสายตาไปจากใบหน้าของฉันแล้วมองไปยังสนามฟุตบอลเบื้องหน้าเงียบๆ
ตอนนี้ภายในใจของฉันเต็มไปด้วยคำถามว่าทำไมมิณท์ถึงพูดแบบนั้น...
และสุดท้ายเขาก็ตอบในสิ่งที่ค้างคาใจออกมาจนได้!
“...”
“...เราอยู่ใกล้แก้วแท้ๆแต่เราดันวิ่งไปช่วยแก้วเอาไว้ไม่ทัน...”
“...”
“ส่วน‘คนที่อยู่ไกล’ จากแก้วกลับวิ่งมาช่วยแก้วอย่างสุดใจ...”
คนที่อยู่ไกลงั้นเหรอ...
นี่อย่าบอกนะว่ามิณท์กำลังหมายถึง...โทโมะ...
“นะ...นายหมายถึง...”
“แก้วกับโทโมะเป็นอะไรกันแน่เหรอ”
“...!” ฉันถึงกับพูดไม่ออกเมื่อมิณท์หันมาถามกันตรงๆด้วยสีหน้าที่จริงจัง
คำถามนั้น...ทำไมกันนะฉันถึงจะต้องลำบากใจที่จะพูดมันด้วยเพราะว่าฉัน ไม่ได้เป็นอะไรกับโทโมะ ( แต่แอบคิดกับเขามากกว่าเพื่อนบ้าน ) เราเป็นแค่เพื่อนบ้านกัน...และมันก็ควรจะเป็นแค่นั้นไม่ใช่เหรอ...
ถึงฉันจะชอบโทโมะ แต่ถ้าโทโมะไม่ได้ชอบฉัน การที่ฉันแสดงออกไปก็คงจะไร้ความหมายและทำให้ตัวเองเสียใจปล่าวๆ
“เราสองคนเป็นแค่...เพื่อนบ้านกันน่ะ”
ฉันตอบไปแต่ก็หลบสายตาจากมิณท์ไปมองเบื้องหน้าเพราะรู้ว่าตัวเองกำลัง ‘โกหก’ปกติ แล้วฉันไม่ค่อยโกหกใครถ้าไม่จำเป็น และถ้าเกิดโกหกก็จะเนียนๆไป แต่พอถึงเรื่อ'ของโทโมะทีไร...ฉันกลับลำบากใจที่จะต้องโกหกเพราะว่าฉันกำลังชอบ เขาอยู่ข้างในใจ
และเขาคือ‘รักแรก’ ด้วยซึ่งฉันไม่รู้ว่าต้องทำยังไง...
“...”
“เราเป็นแค่เพื่อนบ้านคนหนึ่งของเขา พ่อเราสองคนรู้จักกัน ก็แค่นั้นเอง...” ฉันพูดต่อพร้อมกับแอบถอนหายใจออกมาเบาๆ
“...แล้วแก้วรู้ได้ยังไงว่าในสายตาของโทโมะแก้วเป็นเพื่อนบ้านคนหนึ่ง”
“หมายความว่าไง” ฉันหันไปหามิณท์อีกครั้ง
นี่อย่าบอกนะว่ามิณท์คิดว่า...โทโมะชอบฉัน?
เห๊อะ! ไม่มีทางอ่ะเป็นไปไม่ได้หรอก ><!
เย็นชาอารมณ์แปรปรวนอย่างโทโมะเนี่ยนะจะมาชอบฉัน? เขาทั้งบ่นฉันนู่นนี่นั่นฉันสารพัด แถมถ้าเมินก็คือเมิน แบบนี้เนี่ยนะ? ที่โทโมะจะคิดกับฉัน ‘มากกว่า’เพื่อนบ้านคนหนึ่ง
‘ ไม่ต้องกังวลนะว่าฉันจะคิดอะไรฉะนั้น...เธอสบายใจได้เลย’
ใช่...คำ พูดนั้นที่ฉันยังจำได้สนิทใจในวันที่เราเดินกลับบ้านด้วยกันครั้งแรก และเป็นวันแรกที่เราคุยกัน คำพูดนั้นมันออกมาจากปากของโทโมะเองเลยนี่?
และฉันก็เชื่อว่า...เขาคงจะคิดอย่างที่พูดจริงๆ
“เราไม่รู้นะว่าโทโมะคิดอะไรกับแก้ว แต่...คนที่วิ่งมาช่วยแก้วไว้ได้คือเขานะ” มิณท์พูด “เราคิดจากสิ่งที่เห็น และเราก็เห็นว่า...โทโมะแลดูห่วงแก้วมากเลย”
“เขาไม่ได้คิดอะไรกับเราหรอก...”
“...”
“ที่เขาทำไปเพราะว่าเราเป็นลูกสาวเพื่อนพ่อของเขาแค่นั้นเอง”
ฉันบอกถึงแม้ว่าภายในใจมันอยากจะหวังให้โทโมะคิดแบบนั้นก็ตามที...
“แล้วแก้วล่ะ...”
“???”
“คิดอะไรกับโทโมะรึปล่าว”
“...!!”
กึก!
ตึกตักๆๆๆๆๆ
ไม่รู้ว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับหัวใจของฉันกันแน่เพราะเมื่อมิณท์ถามแบบนั้นขึ้นมาหัวใจของฉันมันก็ยิ่งเต้นเร็วและเต้นแรงขึ้นๆดรื่อยๆจน เหมือนกับว่ามันจะระเบิดออกมาให้จนได้เลย
และตอนนี้ฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะพูดอะไรออกไปดีเพราะว่าสับสนเหลือเกิน...
อยากจะบอกว่า‘ไม่ได้ชอบ ไม่ได้คิดอะไร’ แต่ทำไมมันถึงไม่พูดล่ะ ทำไมไม่พูดนะ! เพราะว่ามันลำบากที่จะโกหกใจตัวเองอย่างซ้ำซากอย่างงั้นเหรอ...ใช่! มันลำบากจริงๆกับการที่เราแอบชอบใครคนหนึ่งแต่ไม่สามารถที่จะบอกกับใครได้เพราะว่ากลัวจะให้ความหวังตัวเอง
ให้ความหวัง...จนบางทีความหวังนั้นอาจจะกลับมาทำร้ายตัวเองเข้าสักวันหนึ่ง...
“...แก้วชอบโทโมะใช่มั้ย”
เฮือก...
“...!!”
เพียง แค่คำถามนั้นเอ่ยขึ้นโลกของฉันก็เหมือนกับว่าหยุดหมุดไปอีกครั้งยิ่งกว่าคำ ถามก่อนหน้านี้มาก และตอนนี้ เสียงรอบข้างต่างจางหายทำให้ฉันนิ่งค้างมองหน้ามิณท์อยู่แบบนั้นโดยไม่อาจ จะตอบอะไรออกไปทั้งสิ้น จนเมื่อฝ่ามือร้อนๆของมิณท์ทาบลงบนมือของฉันที่วางอยู่บนตักอย่างแผ่วเบา
“แก้วชอบโทโมะ...จริงๆใช่มั้ย” มิณท์ถามย้ำแล้วจับมือของฉันแน่นขึ้นอีกนิด
“ระ...เรา...คือเรา...”
ตึกตักๆๆๆๆๆๆ
“...”
“...”
“โอเค เรารู้คำตอบแล้วล่ะ ^^” มิณท์พูดขึ้นพร้อมกับยิ้มออกมานิดๆ
ใช่...เขายิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่ดูไม่มีความสุขเลย
ทำไมเขาถึง...มีท่าทีแปลกๆแบบนี้นะ?
“นะ...นายรู้?”
“อาการออกชัดเจนขนาดนี้จะไม่รู้ได้ยังไงกัน” มิณท์พูดแล้วค่อยๆปล่อยมือฉันออก“ถึงเราจะไม่เคยมีความรัก...แต่เราก็รู้นะว่ามันเป็นยังไง...”เขาบอก
“...”
“แอบรักเขาแบบนี้มันเจ็บปวดนะ...แต่การที่ได้เห็นคนที่เราหลงรักไปรักคนอื่นมันเจ็บปวดยิ่งกว่า”
“นายพูดแบบนี้หมายความว่าไง”
และเมื่อมิณท์เริ่มพูดจาแปลกๆฉันจึงถามเขาไปตามตรงอย่างอยากจะฟังคำตอบ
แก้ว...”
มิณท์เอื้อมมือมาจับมือของฉันไว้อีกครั้งเขาจับมือของฉันไว้ทั้งสอง ข้างมองมาที่ฉันด้วยสายตาทีจริงจังกว่าเดิม ใบหน้าที่เริ่มแดงก่ำไปจนถึงใบหูทั้งสองข้างของเขาจนฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้ว ว่าเขากำลังจะพูดและทำอะไรกันแน่
“...”
“...เราชอบแก้วนะ...”
“มะ..มิณท์”
“เรารู้...ในใจของแก้วมีแต่โทโมะ”มิณท์พูดเหมือนว่าเขารู้ทุกอย่างจากสิ่งที่อยู่ภายในหัวใจของฉัน ใช่! และมันก็ถูก “เรารู้ตั้งวันนั้นที่เราถามเรื่องที่พิมพ์ตบแก้วที่ร้านข้าววันนั้นแล้ว จนเราแน่ใจ...”
“...”
“เพราะเมื่อแก้วตอบเรา...คำตอบของแก้วมันตรงข้ามกับสายตาที่กำลัง...โกหกใจตัวเองอยู่”
“ระ...เรา”
“เรารู้ว่ามันลำบากใจที่จะพูดออกมาแต่...” มิณท์เม้มริมฝีปากของเขาแล้วจ้องตาฉันแบบไม่ยอมละสายตาไปไหน “ถ้านับตั้งแต่ตอนนี้แก้วจะหันมามองผู้ชายคนนี้บ้าง...มันจะเป็นไปได้มั้ย?”
คำ ถามของมิณท์นั้นทำให้ฉันอึดอัดเอามากๆ ฉันไม่รู้ว่าตัวเองจะตอบเขาไปว่ายังไงเพราะว่าหัวใจของฉันชอบโทโมะแล้วถ้าฉัน ตอบว่าให้โอกาสกับมิณท์ไป...มันก็เหมือนกับว่าเป็นการให้ความหวังเขารึ ปล่าว?
และฉันไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น...
ฉัน ไม่ชอบให้ความหวังกับใครเพราะรู้ว่ามันเสียใจแค่ไหนถ้าสิ่งที่เราทำไปมีผล กระทบอะไรต่อหัวใจของใครอีกคน และมิณท์เขาเป็นเพื่อนที่ดีมากคนหนึ่งสำหรับฉัน เขาคอยช่วยเหลือฉันกับเปาตลอด และฉันก็ไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของเราเป็นมากกว่าเพื่อนเลยจริงๆนะ
เพราะการเป็น‘มากกว่าเพื่อน’มันอาจจะทำให้เรามีความรู้สึกที่เปลี่ยนไป
“มิณท์...” ฉันพูดแล้วมองหน้ามิณท์ตรงๆ “มิณท์เป็นเพื่อนที่ดีมากคนหนึ่งสำหรับเรานะ...และเราก็ดีใจนะที่มิณท์มีความรู้สึกดีๆให้กับเราแต่...” ฉันหยุดชะงักคำพูดเมื่อมิณท์ก้มหน้าของเขาลงต่ำ
“...”
“...”
“...ไม่เป็นไรหรอกเราเข้าใจ ^^” มิณท์เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งเขายิ้มจางๆแล้วกรอกตาขึ้นมองข้างบนก่อนจะเม้น ริมฝีปาก และฉันก็สังเกตเห็นว่าบริเวณขอบตาของเขามันเหมือนมีน้ำใสๆเอ่อล้นอยู่
เขาจะร้องไห้เหรอ?
“...”
“เรารู้ว่าความรู้สึกของคนเรามันบังคับกันไม่ได้หรอกก็แก้วชอบโทโมะไปแล้วนี่เน๊อะ”
“...”
“แต่เราก็ไม่ท้อหรอกนะ” มิณท์ก้มหน้าลงมามองฉันอีกครั้งและเขาก็จับมือของฉันแน่นขึ้นอีกครั้งเหมือนว่าเขาจะย้ำให้ชัดเจน “ถึงตอนนี้แก้วจะมองเราเป็นแค่เพื่อนที่ดีคนหนึ่ง แต่เราก็จะรอวันที่แก้วจะมองเรามากกว่าเพื่อนนะ ^^” มิณท์ยิ้ม
เฮ้อ...ฉันรู้ผิดจริงๆที่มิณท์เขาพยายามจะยิ้มทุกครั้งเพื่อให้ฉัน สบายใจทั้งๆที่เขาเองก็ไม่ได้อยากจะฝืนยิ้มมันหรอก แต่เขาก็ยังคงยิ้มเพื่อให้คนที่เขาคุยด้วยเห็นว่าเขาไม่เป็นอะไร...
“...”
“แต่ถ้ามันไม่มีวันนั้นจริงๆ...”
“...”
“เราก็สามารถที่จะเป็นเพื่อนที่ดีกับแก้วเสมอนะ”
“ขอบคุณที่เข้าใจเรานะมิณท์...”
[ ช่วงของเคโอติค ]
“แกกับแก้วนี่ยังไงเนี่ยยยยยยยย”
“เออวิ่งเข้าไปช่วยแก้วก่อนใครเลยด้วยนะเว้ยเฮ้ย”
เสียง แซวของพวกเพื่อนๆกลุ่มเคโอติคที่ยังคงไม่เลิกราทำให้โทโมะถอนหายใจออกมาแบบหงุด หงิดที่โดนแซวแต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรใดๆออกไปทั้งสิ้น
“พวกแกอ่ะไปแซวมัน ทีไอ้จองเบช่วยคลอรีนไม่เห็นแซววะ = =;;; ”
เมื่อเคนตะพูดแบบนั้นกับเขื่อนแล้วก็ป๊อปปี้ โทโมะก็ชะงักจากการทาสีตัวอักษรทันที ไม่รู้เพราะสาเหตุใดที่ทำให้โทโมะเงยหน้าขึ้นมาตั้งใจฟังเคนตะกับประเด็นของ‘จองเบกับคลอรีน’
“ไอ้เคนตะ แกพูดอ่ะไอ้โทโมะมันคิดไกลนะเว้ย น่ะมันเงยหน้าขึ้นมามองแล้ว ><!”
“ก็ไหนมันบอกไม่ได้ชอบแล้วไง” เคนตะพูดแล้วใช้หางตามองโทโมะแบบล้อๆ
“เห้ยโทโมะ แกเห็นตอนที่ไอ้จองเบมันวิ่งไปช่วยคลอรีนป่ะ อาการแม่งเหมือนกับแกตอนที่รีบวิ่งไปช่วยแก้วเลยนะเว้ย” ป๊อปปี้พูดบ้าง
พวกเขาพูดคุยกันได้เพราะว่าตอนนี้จองเบไม่อยู่เพราะเขาขอกลับก่อนเพราะต้องไป ดูแลสนามแข่งรถ เห็นส่งข้อความมาบอกป๊ปอปี้ว่าที่สนามแข่งมีปัญหานิดหน่อย
แต่นั่นมันก็เป็นแค่ข้ออ้างของจองเบเท่านั้นแหละ!
เพราะจองเบเขารู้ตัวเองดีว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ดีและไม่อยากแสดงอาการแบบนั้นให้เพื่อนๆในกลุ่มสงสัย
“ก็พูดไป จองเบกับคลอรีนเขาไม่ได้มีอะไรกันหรอกเพราะถ้าอยู่ใกล้ๆแถวๆคลอรีนก็ต้องช่วย
คลอรีนอยู่แล้ว” เขื่อนพูดอย่างมีเหตุมีผลแต่นั่นกลับทำให้ป๊อปปี้ผุดคิดอะไรขึ้นมาได้
“แล้วไอ้จองเบมันไปทำอะไรแถวๆตรงที่คลอรีนอยู่ล่ะวะครับเขื่อน”
“เอ่อ...ผมก็ไม่รู้ O_O”
“เฮ้ย! หรือว่าสองคนนี้มันจะซัมธิงกัน?”
กริบ...
“...”>>> เงียบกันหมด
ไม่มีใครพูดอะไรใดๆออกมาหลังจากที่ป๊อปปี้เอ่ยคำนั้น เพื่อนๆทุกคนต่างมองมาที่โทโมะที่ตอนนี้กำลังก้มหน้าลงทาสีต่อเหมือนไม่ใส่ใจ อะไรทั้งๆที่ในใจเขาเองก็รู้สึกแปลกๆอยู่เหมือน แต่เพื่อนอย่างจองเบน่ะสนิทกับโทโมะที่สุดในกลุ่มพวกเขาไม่เคยมีอะไรปิดบังกัน หรอกมีอะไรก็พูดตรงๆ
แต่...นั่นคือความคิดของโทโมะเองที่ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ของจองเบและคลอรีนเลย และถ้าโทโมะรู้...มันจะเป็นเช่นไรกัน
“เฮ้ยๆๆ พวกแกอ่ะหยอดมุกอะไรอ่ะเกรงใจไอ้โทโมะมันหน่อยดิวะ” เขื่อนพูดเพื่อให้เรื่องมันดูเหมือนว่าขำๆแก้ขัดไป
“ก็ไอ้ป๊อปอ่ะดิเอาสมองส่วนไหนคิดออกมาวะ = =;;;”
“อ้าว แล้วมันมีเหตุจำเป็นอะไรที่ไอ้จองเบมันต้องไปวนเวียนแถวๆนั้นด้วยล่ะวะ ฉันสังเกตหลายรอบและว่ามันเลี่ยงจากพวกเราอู้งานไปเดินวนๆแถวๆคลอรีน”
ผัวะ!
“โถ่! ไอ้ป๊อปปี้หัวปลาทูเอ๋ยยยยยพูดมาอย่างกับมันเป็นเรื่องจริงอย่างงั้นแหละวะ! ไอ้จองเบมันจะเอาเวลาไหนไปมีซัมธิงกับคลอรีนวะครับ? ” เคนตะพูดหลังจากเหวี่ยงฝ่ามือลงบนหัวป๊อปปี้ที่คิดออกมาได้ ><!
“=[]=;;;”
“อีกอย่าง...ถ้ามันมีซัมธิงกันตอนนั้นไอ้จองเบมันก็รู้ว่าไอ้โ?โมะมันชอบคลอรีนอยู่ มันจะกล้าแทงข้างหลังเพื่อนได้ยังไง”
ที่เคนตะพูดก็มีเหตุผลค่อนข้างมากเลยทีเดียวเพราะว่ากลุ่มของเขาเชื่อมั่นในใจ กันและกันเพราะว่าเป็นเพื่อนกันมานานจนไม่เคยมีเรื่องที่ผิดใจกันอยู่ในหัว เลยด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องที่ใครในกลุ่มจะหักหลังเพื่อนพวกเขายิ่งไม่เคยคิดเลยด้วย
แต่ว่า...วันหนึ่งความจริงก็จะปรากฏมันออกมาเองแหละเพราะ ‘ความลับไม่มีในโลก’
“แล้วแกคิดว่าไงวะโทโมะ”
“ฉันไม่มีความเห็น” โทโมะตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“ที่ว่าไม่มีความเห็นเพราะความเห็นของแกไปอยู่กับผู้หญิงอีกคนปล่าวรึว๊า?”
“ฉันว่าสงสัยคงมีคนอยากโดนตีนฉันล่ะมั้งเนี่ย!”
“เฮ้ยๆๆๆ นี่ถึงกับจะเอารองเท้าปาใส่ฉันเลยเหรอวะ! ใจร้าย! >O<!”
ป๊อปปี้ร้องห้ามในตอนที่โทโมะถอดรองเท้าผ้าใบของเขาออกแล้วทำท่าว่าจะปามันใส่หน้าป๊อปปี้ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เพื่อนๆก็ต่างพากันหัวเราะขำโทโมะกับป๊อปปี้แต่พอสักพักเขื่อนก็ถามคำถามที่ถามโทโมะ บ่อยจนชิน
“เฮ้ยไอ้โทโมะฉันถามอะไรแกหน่อยดิวะ”
“ถ้าเป็นเรื่องของยัยนั่นฉันไม่ขอตอบ”
โทโมะพูดอย่างรู้ทันเขื่อน
“ก็รู้อยู่แล้วว่าแกต้องพูดแบบนี้” เขื่อนพูดพลางยักไหล่
“รู้แล้วจะถามเพื่อ?”
“เพื่อให้แน่ใจว่าแกไม่ได้ชอบแก้วไง”
“...”
“ก็จริงอย่างที่เขื่อนว่านะถ้าโทโมะไม่ได้สนใจแก้วแล้วทำไมต้องรีบวิ่งไปช่วยแก้วขนาดนั้นด้วย” เคนตะพูดเสริม
“ฉันคิดว่าแกชอบแก้วเข้าแล้วว่ะโทโมะ”
“นี่พวกแกหยุดพูดเลย” โทโมะพูดอย่างไม่ยอมรับใจตัวเอง
“แล้วที่ฉันพูดมันไม่เป็นความจริงตรงไหน? ท่าทางแกก็บอกอยู่ว่าสนใจแก้วยิ่งกว่าอะไรดี”
“...”
โทโมะ เงียบโดยไม่ได้พูดอะไรต่อและนั่นก็ยิ่งทำให้เพื่อนๆในกลุ่มมั่นใจได้อย่าง เกินครึ่งว่าโทโมะสนใจแก้วเข้าเต็มๆแล้วแต่เขาแค่ไม่รู้ตัวเองเพราะความปาก แข็ง
“อยู่บ้านข้างๆกันไม่รู้สึกหวั่นไหวฉันว่าแกคงเป็นเกย์แล้วแหละ”
“ฉันไม่ได้ชอบยัยอึนนั่น”
“ปากแข็ง/ปากแข็ง”
เมื่อเพื่อนๆรุมพูดพร้อมๆกันทำให้โทโมะเหมือนจะหมดความอดทนที่จะนั่งทาสี ต่อเขาจึงรีบวางพู่กันลงแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงทันที
“เบื่อพวกแกว่ะฉันกลับบ้านดีกว่า” โทโมะพูดพลางยกเป้ของเขาขึ้นมาสะพายเอาไว้แล้วทำท่าว่าจะเดินออกไปจากตรงนี้
แต่ทว่า...คำพูดของเขื่อนนั้นทำให้โทโมะต้องหยุดชะงักเมื่อเขาหันแล้วกำลังจะเดินออกไป
“ถ้าแกยังไม่ยอมรับใจตัวเองแล้วแก้วดันไปคบกับไอ้แว่นคนนั้นแกก็อย่ามันเสียใจทีหลังนะเว้ย”
“...”
ตึกตักๆๆๆๆ
โทโมะไม่ได้หันกลับมาพูดอะไรใดๆทั้งสิ้น เขาเดินออกไปจากโรงยิมนี้พร้อมกับหัวใจที่กำลังเต้นแรงอยู่ในขณะนั้น และมันก็ยิ่งเต้นเร็วขึ้นเมื่อโทโมะเดินลงมาถึงข้างล่างสายตาก็พลันเหลือบไป เห็นแก้วที่กำลังนั่งอยู่กับใครบางคนที่โทโมะนั้นหมั่นไส้อยู่ตลอดเวลาที่โต๊ะ นั่งริมสนามฟุตบอล
และที่แปลกมากๆก็คือโทโมะดันเผลอกำหมัดของตัวเองจนแน่นอย่างไม่รู้ตัวเมื่อเห็น ว่าสองคนนั้นไม่ได้แค่นั่งด้วยกันเฉยๆแต่พวกเขากลับจับมือด้วยกันอีก!
“เห๊อะ...สารภาพในไดอารี่ว่าชอบฉันแต่มาจับมือกับผู้ชายคนอื่นอย่างงี้เหรอ”
เสียง เค้นหัวเราะพร้อมกับคำพูดเชิงประชดที่แฝงไปด้วยความเย็นชากับความเคืองใน เวลาเดียวกันนั้นทำให้โทโมะถอนหายใจออกมาแรงๆก่อนที่เขาจะเดินเลี่ยงไปยังอีก ทาง
เพราะไม่อยากเดินผ่านไปทางสนามฟุตบอลเพื่อให้สองคนนั้นที่กำลังนั่ง จู๋จี๋กันในสายตาของเขาขาดความฟิน!
‘ ถ้าแกยังไม่ยอมรับใจตัวเองแล้วแก้วดันไปคบกับไอ้แว่นคนนั้นแกก็อย่ามันเสียใจทีหลังนะเว้ย’
คำ พูดสุดท้ายของเขื่อนยังคงติดตรึงอยู่ในหัวราวกับมันจะคอยเตือนอะไร บางอย่าง แต่โทโมะเขาก็เลือกแล้วที่จะไม่เข้าไปใกล้แก้วเพื่อให้เธอหวั่นไหว แต่วันนี้เขาก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าวิ่งเข้าไปช่วยแก้วเอาไว้ตอนไหน
พอมารู้ตัวอีกทีร่างของแก้วก็อยู่ในอ้อมกอดของตัวเองเข้าเสียแล้ว...
‘ภายในใจที่ไม่แน่นนอนของคนเราสามารถทำให้เราเสียสิ่งที่ดีที่สุดไป
หากไม่ยอมที่จะไขว่คว้าเอาไว้...เราเองต่างหากที่จะต้องมาเสียใจในภายหลัง...’
__________________________________________________________อัพแล้วจ้า เม้นโหวตเยอะๆ #โทโมะเมื่อไหร่จะรู้ใจตัวเองสักทีนะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ