Stop หยุดหัวใจนายเย็นชา
9.6
เขียนโดย NannyCandy
วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.18 น.
43 chapter
860 วิจารณ์
67.49K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
17) - Rainy Night - ( คืนที่ฝนตก )
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ- Rainy Night -
( คืนที่ฝนตก )
“อ่อ”
“...”
ฉัน พูดออกไปแต่โทโมะกลับเงียบ เขามองฉันนิ่งๆซึ่งฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในใจพอเริ่ม มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่วีเดินสาวเท้าเข้ามาหาฉันแล้วดึงมือของฉันให้เข้าไปหาร่างของเขาโดยที่ฉันเองก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกันกับการกระทำที่ไม่คาดฝันนี้
ฉันเงยหน้ามองโทโมะแบบไม่เข้าใจว่าเขาจะดึงตัวฉันให้เข้าไปหาร่างสูงของเขาทำไม...
ตึกตักๆๆๆๆๆๆๆๆ
“...”
“=///////=”
หัวใจเริ่มเต้นสั่นระรัวและร่างกายเริ่มร้อนวูบยิ่งกว่าจุดไฟเผาทำให้เหงื่อฉัน เริ่มซึมออกมาเมื่อโทโมะใช้หลังมือของเขายกขึ้นมาแตะที่ผากของฉันเพื่อวัดอุณภูมิซึ่งเขาก็ยังไม่ยอมปล่อยมืออีกข้างที่ใช้จับแขนของฉันเอาไว้ และเมื่อโทโมะเอาหลังมือของเขาออกไปจากหน้าผากของฉันแล้ว เขาก็ก้มลงมามองฉันนิ่งๆ
นั่นแหละ! ที่ทำให้ฉันต้องรีบเมินสายตาจากใบหน้าของเขาไปมองทางอื่น...
“กินอะไรรึยัง”
คำถามนั้นถูกเอ่ยขึ้นจากปากของโทโมะซึ่งมันดูไม่น่าเชื่อหูของตัวเองเลยด้วยซ้ำ
“ยะ...ยังเลย” ฉันตอบโดยที่ไม่ได้มองหน้าโทโมะ
และเมื่อคำตอบนั้นจบลงโทโมะก็ปล่อยมือของเขาออกจากมือของฉันแล้วเดินตรงเข้าไป ทางด้านในซึ่งเป็นห้องครัวระหว่างที่เดินไปโทโมะก็ก่อนกดเปิดไฟในบ้าน ให้สว่างขึ้นเพราะว่าฉันปิดไฟดวงใหญ่เอาไว้แล้วเปิดแค่ดวงเล็กๆให้พอมองเห็น พื้นที่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ฉันจากที่ยืนงงๆกับพฤติกรรมของโทโมะอยู่สักพักก็ค่อยๆเดินตามไปดูว่าเขา ทำอะไรในห้องครัว...
ตุ้บ!
โทโมะวางถุงข้าวต้มแล้วพยายามเปิดชั้นเก็บชามด้านบนแต่พอโทโมะพยายามเปิด แล้วมันดูไม่มีท่าทีว่าจะเปิดออก โทโมะก็เหมือนว่าจะเริ่มหงุดหงิดที่มันไม่ยอมเปิดเขาจึงใช้กำปั้นทุบมันอย่าง แรงจนมันเปิดให้นั่นเองฉันก็หลงสะดุ้งขึ้นมานิดหน่อย
ฉัน ยืนมองโทโมะจากทางด้านหลังที่เห็นแค่ด้านหลังแต่มันก็ยังดูดีจนบอกไม่ถูก นี่ขนาดใส่ชุดอยู่บ้านสบายๆนะ เขายังดูดีแบบไม่มีที่ติเลยกับกางเกง 3 ส่วน สีดำ ที่ยาวเหนือเข่าขึ้นมานิดเดียวกับเสื้อยืนคอกลมสีขาวตัวใหญ่ และที่ข้อมือโทโมะฉันก็เพิ่งสังเกตว่ามียางมัดผมสีดำใส่เอาไว้เป็นกำไลด้วย
สงสัยจะเอาไว้มัดตอนที่ผมมันรุงรังละมั้ง?
“เอ่อ...มีอะไรให้เราช่วยมั้ย?” ฉันถามขณะที่ยืนมองโทโมะอยู่สักพักนึงแล้วเห็นว่าเขาใช้มือเคาะเดาะๆบนอ่างล้างผักเหมือนกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“ไปนั่งรอที่โต๊ะเลยไปเธอน่ะ” ร่างสูงตอบมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
ฉันเองก็ทำท่าจะเดินออกไปแล้วแต่ว่า...
‘ โทโมะเข้าครัว? ’ผู้ชายที่ท่าทางขี้เก๊ก เย็นชา พูดน้อย ( แต่พูดทีคือ...เอิ่ม...หาคำอธิบายไม่เจออ่ะ = =;;;; ) เข้าครัวแบบนี้ จะให้ฉันทำเป็นไม่อยากเห็นได้ยังไงกันล่ะเนี่ย
เมื่อฉันคิดฉันจึงหันกลับไปแล้วแอบมองโทโมะอยู่ห่างๆก็เห็นว่าโทโมะหยิบถุงข้าวต้มมา แล้วจัดการแกะมันจากนั้นเขาก็เทข้าวต้มใส่ชามที่เตรียมไว้อย่างใจเย็น นี่ถ้าไม่เห็นด้วยตาฉันคงไม่เชื่อเลยนะเนี่ยว่าโทโมะจะเป็นผู้ชายที่ช่างทะนุถนอมและรักสะอาดอะไรอย่างนี้ เพราะว่าตอนที่เขาหยิบช้อนมาเขาจัดการหาผ้าสะอาดๆที่ฉันวางเรียงเอาไว้เผื่อ เอาไว้เช็ดจานขึ้นมาเช็ดช้อนก่อนที่เขาจะจัดจานข้าวต้มอย่างดี
และเมื่อโทโมะทำท่าว่าจะเดินออกมาจากห้องครัวฉันจึงรีบเดินไปที่โต๊ะกินข้าวอีก ฝั่งของห้องครัวทันทีเพราะว่ากลัวโทโมะจะรู้ว่าฉันแอบมอง
ฉันนั่งลงบนเก้าอี้แล้วทำเป็นเหม่อมองไปทางอื่นเมื่อโทโมะเดินมาที่โต๊ะแล้วจัดการวางชามข้าวต้มร้อนๆกลิ่นหอมๆไว้ตรงข้างหน้าฉัน
“กินซะตอนร้อนๆ” โทโมะบอกจากนั้นเขาก็นั่งลงตรงเก้าอี้ข้างๆ =///////////=
“ขอบใจนะที่ซื้อข้าวต้มมาให้เรา”
“แม่ฉันสั่งไว้หรอก” โทโมะตอบก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือของเขามากดปิดเครื่องเอาไว้
ซ่า!
ซ่า!!
ซ่า!!!
ตอน นี้ฝนก็เริ่มเทเม็ดลงมาๆหนักขึ้นและหนาขึ้นเรื่อยๆฟ้าก็ร้องจนดูหน้า กลัว โทโมะเขาไม่ได้มองฉันกินข้าวต้มแต่เขาก็ไม่ยอมลุกไปไหนเลยเอาแต่นั่งอยู่ ข้างๆ เราสองคนไม่ได้พูดอะไรกันนอกจากเงียบฟังเสียงสายฝนกับลมเย็นๆที่พัดผ่านแทรก เข้ามาในตัวบ้านเพียงแค่นั้น
“...เธอเป็นอะไรถึงไม่สบาย”
จึก!
“อะ...อะไรนะ”
จู่ๆโทโมะก็ถามขึ้นมาซะเฉยๆจนฉันทำตัวไม่ถูกเลยเพราะไม่รู้ว่าคำถามนี้ฉันควรจะตอบไปว่าอะไร ‘ก็ไม่สบายธรรมดา’เป็นคำตอบที่ชวนสงสัยกว่าเดิมซะอีก ไม่สบายธรรมดานี่กินยาก่อนนอนพอวันต่อมาก็ไปโรงเรียนได้แล้วไม่เห็นจะต้องลาเลย
“ฉันถามว่าเธอเป็นอะไรถึงไม่สบาย”
“เรา...”
โอยยยยยย ฉันจะตอบว่าเป็นโรคทับระดูเนี่ยนะ? ถ้าฉันตอบไปฉันคงหน้าแดงแจ๋แน่ๆที่พูดไปให้โทโมะรู้ว่าตัวเองเป็นประจำเดือนอยู่ >//////<
“ฉันถามก็ตอบสิ = =;;;”
“คือ...อ่า...เราก็แค่ตัวร้อนเฉยๆน่ะ มันไม่มีอะไรหรอก” ฉันตอบๆไปแล้วหันหน้ามาตักข้าวต้มเข้าปากต่อแต่โทโมะเนี่ยสิกลับพูดออกมาจนฉันแทบจะพ่นข้าวต้มออกจากปากซะนาทีนั้นเลย = =;;;;
“ฉันว่า...เธอคงจะเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะใต้สะดือสินะ”
“นี่! ><///////”
ตุ้บ!
คำพูดของโทโมะนั้นทำให้ฉันลืมตัวขึ้นมาเพราะดันเผลอเอามือไปตีไหล่เขาอย่างอายๆและมันก็ทำตัวไม่ถูกเลยจริงๆ‘ โรคที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะใต้สะดือ? ’เขาคิดคำพูดนี้ออกมาได้ยังไงเนี่ย??????
ฉันเป็นผู้หญิงนะ! ไม่คิดบ้างเหรอว่าพูดแบบนี้ออกมาแล้วมันจะทำให้ฝ่ายผู้หญิงอึดอัดน่ะ ฮึ???
“แสดงว่าจริง”
ยังจะพูดต่ออีกนะ! >O<!
“หยุดพูดเลยนะ” ฉันบอกแล้วตักข้าวต้มใส่ปากและพยายามลืมคำพูดของโทโมะคำนั้น
“แม่ฉันก็เคยเป็นโรคทับระดูแบบนี้ยังไม่เห็นจะต้องอายเลย”
ก็ฉันไม่ใช่แม่นายเน่! >O<! โทโมะก็พูดออกมาได้เขาเป็นลูกคนเป็นแม่จะไปอายอะไรล่ะ แล้วฉันก็ไม่ใช่‘คนสนิท’อะไรกับเขาซะหน่อยนะแล้วจะให้พูดไปตรงๆได้ยังไงกัน ><//////
“แล้วรู้ได้ไงว่าเราเป็นโรคทับระดู” ฉันถามหลังจากที่กินข้างต้มหมดคำสุดท้าย
ปกติเป็นคนกินช้านะ แต่ข้าวต้มนี่มันอร่อยฉันก็เลยกินหมดเร็ว แฮ่ๆ ^^;;;
“สังเกตไง ไม่เห็นยากเลย”
เมื่อโทโมะพูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะทำท่าว่าจะหยิบชามข้าวต้มที่ฉันเพิ่งกินหมดไปเมื่อกี้ สงสัยจะเอาไปล้างล่ะมั้ง แต่เฮ้! เมื่อกี้เขาอุตส่าห์ยกชามข้าวต้มมาให้นะ ฉันเลยคิดว่าฉันขอล้างเองจะดีกว่า มันจะได้ดูไม่เสียน้ำใจไปหน่อยไง
“เอ่อ เดี๋ยวเราล้างเอง”
หมับ!
ตอนที่ฉันพูดแล้วทำท่าจะหยิบชามไปล้างโทโมะก็รีบเอามือมาคว้าชามเอาไปไว้ที่มือของตัวเองเสียก่อนแล้วยังทำตาดุใส่ฉันอีกต่างหาก( ฉันทำอะไรผิดเนี่ย YOY? )
“ไปกินยาไปจะได้นอน”
“แต่...”
“- -!”
“กะ...ก็ได้ (_ //// _)”
สายตาดุๆนั่นทำให้ฉันต้องยอมจำนนถอยออกมาแล้วเดินไปหยิบยาบนหลังตู้ เย็นซึ่งเป็นยาแก้ปวดกับแก้ไข้ที่ฉันจะต้องกินหลังอาหารทุกครั้ง ฉันกรอกยาเข้าปากแล้วกินน้ำปล่าวตามอย่างฝืนๆเพราะว่าเป็นคนไม่ค่อยชอบกินยา ด้วยยิ่งยาขมๆยิ่งไม่ชอบแต่ก็ต้องกินเพื่อให้หายป่วย
สงสัยจังเลยว่าทำไมไม่ผลิตยาน้ำสำหรับผู้ใหญ่ใส่รสชาติเข้าไปให้มันอร่อยหน่อย =[]=;;;;;
ซ่า!!!
หลังจากกินยาเสร็จแล้วเป็นที่เรียบร้อยฉันก็เดินไปเปิดผ้าม่านตรงหน้าต่างดูก็ เห็นว่าฝนยิ่งเทลงมาอย่างหนักจนฉันคิดว่าคืนนี้คงตกยาวและไม่มีท่าทีว่ามัน จะหยุดลงเลย
แล้วโทโมะจะกลับบ้านยังไงล่ะเนี่ย?
เพราะฝนตกแบบนี้แค่ก้าวก็ไปก้าวเดียวก็เปียกชุ่มไปทั้งตัวแล้วนะ
“กินยาแล้วใช่มั้ย?”
“เย้ย!” ฉันตกใจจนสะดุ้งเมื่อเสียงโทโมะดังขึ้นแบบไม่ให้สุ่มให้เสียงอีกแล้วจากทางด้านหลัง
“นายทำเราตกใจอีกแล้ว” ฉันหันไปมองโทโมะก่อนจะพูดขึ้นมาโทโมะก็แค่หยักไหลงเพียงแค่นั้นเอง
“...”
“แล้ว...คืนนี้นายจะ...”
“ฉันจะนอนนี่ ”
“ห่ะ...หา?” ฉันอุทานออกมาอย่างไม่เชื่อหู “นะ..นายจะนอนที่นี่?”
“ใช่”
โทโมะตอบกลับมาแบบสีหน้านิ่งๆจนมันทำให้มือฉันเริ่มสั่น โอเคงั้น...ถ้าเขาจะนอนที่นี่เขาคงจะต้องนอนในห้องรับแขกนั่นแหละ เพราะว่าพ่อล็อคห้องของตัวเองกับพิชชี่เอาไว้เพราะว่าฉันก็ไม่ได้เข้าไปทำ อะไรอยู่แล้วเลยบอกให้พ่อล็อคเอาไว้เลย
เฮ้อ...รู้แบบนี้ไม่ต้องให้พ่อล็อคห้องก็ดีจะได้ในโทโมะไปนอนได้
“งั้นจะนอน...”
“ฉันจะขึ้นไปนอนบนห้องเธอ”
“หา?! ขะ...ขึ้นไปนอนบนห้องเรา OoO?” ฉันถามแล้วชี้นิ้วมาที่ตัวเองอย่างงงๆ
“ก็ใช่น่ะสิ ฝนตกหนักแบบนี้เธอจะให้ฉันนอนหนาวอยู่ที่ห้องรับแขกข้างล่างเหรอ? ใจร้ายเกินไปมั้ย”
“ก็เดี๋ยวเราก็เอาผ้าห่มให้นายไง” ฉันบอกแต่ดูท่าว่าโทโมะจะไม่เอาแบบนั้น
“ไม่ต้องพูด ฉันจะขึ้นไปนอนบนห้องเธอ...จบนะ?”
อะไรของโทโมะเนี่ย? แล้วทำไมจะต้องขึ้นไปนอนด้วยล่ะ ฉันบอกจะเอาผ้าห่มให้แล้วเขายังจะอะไรอีก!?
“นายเป็นผู้ชายนะจะขึ้นไปนอนห้องผู้หญิงได้ยังไงอีกอย่างถ้านายกลัวหนาวเดี๋ยวเราเอาผ้าห่มผืนหนาๆให้ก็ได้”
“นี่เธอคิดอะไรอยู่? ฉันแค่จะขึ้นไปนอน นอนข้างล่างเตียงไม่ใช่นอนบนเตียงเดียวกับเธอซะหน่อยยัยเบ๊อะ!”
ยะ...ยัยเบ๊อะ?! นี่คือคำด่าใช่มั้ย?
“แต่...”
“ที่ฉันขึ้นไปนอนก็เพราะกลัวว่าถ้าเรื่องอะไรขึ้นจะได้ช่วยทัน”
“O_o?”
“ให้ฉันนอนข้างล่างนี้แล้วถ้าเกิดเธอเดินเข้าห้องน้ำดึกๆแล้วลื่นหัวฝาดโถส้วมตายฉันจะไปช่วยเธอทันมั้ย?”
ร่ายมาซะยาวเลยนะ =[]=;;;;;
ถึงเหตุผลของเขามันจะดูมีเหตุผลขึ้นมาบ้าง ( นิดหน่อย ) แต่ฉันก็ยังไม่ค่อยมั่นใจอยู่ดีอ่ะแหละ ให้ผู้ชายขึ้นไปบนห้องผู้หญิงเนี่ยนะ? แฟนกันก็ไม่ใช่ เพื่อนกันก็ไม่เชิง สนิทก็ไม่สนิท แล้วฉันจะให้เขาขึ้นไปนอนด้วยถึงแม้เขาจะบอกว่านอนข้างล่างเตียงก็เถอะ
แต่ฉันเชื่อว่าฉันคงนอนไม่หลับแน่ๆถ้าโทโมะมานอนอยู่ด้วยน่ะ แค่เขายืนใกล้ๆใจฉันก็เต้นตึกตักๆแล้ว แล้วนี่จะขึ้นไปนอนข้างบน? อ๊ากกกกกกก ใจฉันคงแทบระเบิดล่ะเลยมั้งน่ะ
“เอ่อ...แต่...คือว่า...น่ะ นี่! โทโมะ! อย่าขึ้นไปนะ ><!”
ฉันพูดห้ามโทโมะไม่ทันเสียแล้วเมื่อคนตัวสูงไม่เปิดโอกาสให้ฉันได้พูดเพราะเขาเดินผ่านฉันแล้วเดินตรงขึ้นบันไดไปที่ห้องนอนของฉันเลยน่ะสิ! ฉันจึงรีบเดินตามเขาขึ้นไปทันที ><!
เสียงของฉันก็ยิ่งแหบๆอยู่แล้วต้องมาตะโกนบ่นเขาเนี่ยมันเยี่ยมไปเลยนะว่ามั้ย ><?
“โทโมะ! เราพูดนายไม่เข้าใจเลยใช่มั้ย?”
“จะอะไรนักหนาแค่นอนเนี่ย - -?”
คนตัวสูงหันมาพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงเซ็งๆก่อนที่เขาจะถือวิสาสะเปิด ประตูห้องนอนของฉันแล้วเดินเข้าไปอย่างหน้าตาเฉย พอฉันเดินตามเข้าไปอย่างกังวลก็เห็นว่าโทโมะยืนมองไปรอบๆห้องของฉัน ฉันเลยรีบเดินไปเก็บของๆตัวเองบนโต๊ะที่เอาไว้การบ้านแล้วจัดการเก็บใส่แก๊ะ ทันที
พอฉันหันไปมองโทโมะพบว่าเขากำลังจัดที่นอนของตัวเอง ซึ่งมันเป็นอะไรที่ทำให้ฉันอึ
นมากๆที่ผู้ชายคนนี้นี่เป็นคนที่ฉันเดานิสัย ไม่ถูกเลยจริงๆ
โทโมะหยิบหมอนใบเล็กๆบนเตียงนอนของฉันมาหนึ่งใบพร้อมกับเอาผ้าห่มสำรอง ของฉันที่ฉันพับเอาไว้ปลายเตียงเนื่องจากไม่ค่อยได้ใช้ปูเพื่อที่จะห่มบนพรม ผ้ายาวๆนุ่มๆสีฟ้าข้างล่างเตียง
ตามจริงห้องนอนของฉันก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมายหรอกแต่ก็จัดอยู่ในหมวด ที่ดีและน่านอนแบบสบายๆไม่ได้มีของอะไรมากนอกจากตุ๊กตาหมีเอาไว้นอนกอดสอง สามตัว มีรูปภาพแปะที่ผนังบ้าง แต่ฉันขอบอกเลยว่าห้องนอนของฉันไม่ได้รกและก็สกปรกเลยเพราะปัดกวาดทุกวัน
“เธอน่ะ...นอนได้แล้ว” โทโมะบอกเมื่อเห็นว่าฉันยังยืนมองเขาอยู่ที่เดิม “...”
“ฉันบอกว่า นอน - ได้ - แล้ว ” โทโมะย้ำอีกรอบ
“...”
“ถ้าเธอยังไม่ยอมมานอนฉันจะเดินไปอุ้มมานอนเอง จะเอาแบบนั้นมั้ย?”
“เอ้ย! ไม่ๆๆๆๆ >/////////<”
ฟิ้ว!
รีบเดินไปขึ้นเตียงของตัวเองด้วยความไวแสงเลยล่ะทุกท่าน TOT!
ฉัน รีบยกผ้าห่มผืนหนาของตัวเองขึ้นมาห่มจนถึงคอสายตาก็แอบมองโทโมะที่กำลังเดินไป ปิดโคมไฟแล้วจากนั้นเขาก็เดินมานั่งลงตรงที่นอนที่เขาจัดไว้ เมื่อโทโมะหันมาเห็นว่าฉันยังไม่หลับเขาก็ดุขึ้นมาทันทีทันใด
“ยังไม่นอนอีกนะ”
“อุ้ย” ฉันรีบหลับตาลงทันทีที่โทโมะพูด
เขาจะอะไรกับฉันนักหนาเนี่ย? พ่อฉันยังไม่เคยบังคับให้ฉันนอนแบบนี้เลยนะ! >O<!
[ บันทึกพิเศษ : โทโมะ ]
“อุ้ย”
‘คนตัวเล็ก’รีบหลับตาลงทันทีที่ผมดุเธอ ก็ไม่ได้จะอะไรนะครับ แต่เธอไม่สบายใช่มั้ย? แล้วฝนตกแบบนี้ถ้าไม่รีบนอนเมื่อไหร่ไข้จะหาย ที่ทำแบบนี้เพราะผมไม่อยากโดนแม่ว่าหาว่าไม่ยอมดูแลเธอหรอกนะ
เมื่อผมเห็นว่าแก้วเหมือนจะนอนแล้วผมเลยก้มตัวลงนอนบ้างพลางคิดในใจว่า...ทำไมกันนะ? ผมถึงต้องลงทุน‘ทำข้าวต้มเอง’มา ให้ยัยนี่ด้วยทั้งๆที่ปกติผมน่ะขี้เกียจเข้าครัวมากถึงแม้จะทำอาหารเป็นก็เถอะ แต่ผมไม่อยากให้แก้วรู้หรอกว่าผมเป็นคนทำก็เลยบอกไปว่าซื้อมา เพราะแม่สั่งแค่นั้น?
แต่ พอผมพูดไปเธอก็เชื่อซะสนิทใจเลยว่าผมซื้อมาจริงๆเพราะจากการมัดถุงข้าวต้ม ที่เหมือนกับว่าซื้อมาแล้วเธอคงไม่คิดหรอกว่าผมเป็นคนทำจริงๆน่ะ
อีกเรื่อง! ที่ผมอยากจะรู้จริงๆเลยก็คือ...ยัยนั่นกับไอ้มิณท์เน่านั่นไปถึงไหนกันแล้ววะ
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคิดถึงเรื่องแบบนี้แล้วผมก็อดที่จะหงุดหงิดไม่ได้ ยิ่งเห็นไอ้หมอนั่นมาหาแก้วที่ห้องเรียนบ่อยๆผมยิ่งอยากเดินเข้าไปลากมัน ออกมาโดยที่ไม่รู้สาเหตุว่าทำไมมันต้องคิดอะไรแบบนั้นด้วย เพราะคิดแล้วนอนไม่หลับกินไม่ลงทุกทีเลย
บ้าจริงๆ = =;;;;;
ตื๊ด...ตื๊ด...
เมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นก็ปลุกให้ผมตื่นจากภวังค์ความคิดก่อนจะให้ ความสนใจไปที่โทรศัพท์ของแก้วที่มีคนโทรเข้ามา ยัยนั่นกดรับสายแต่เธอคงคิดว่าผมหลับแล้วเลยลุกขึ้นมานั่งคุยทักปลายสาย ผมเลยแกล้งหลับตาอ้าปากนิดๆทำเหมือนกับว่านอนแล้วจริงๆ
“ฮัลโหลใครคะ?” แก้วพูดทักปลายสาย “ฮะ? ...อ้าวแล้วนายไปเอาเบอร์เรามาจากไหนเนี่ยมิณท์?”
ไอ้มิณท์งั้นเหรอ!?
มันโทรมาทำไมวะ! ><!
“อ๋อขอมาจากฟางเหรอ” แก้วพูดเสียงเบาๆเหมือนว่ากลัวผมจะตื่นขึ้นมาได้ยินที่เธอคุยกับมิณท์
เห๊อะ! ไม่ทันแล้วแหละ!
และถึงแม้ว่าเสียงสายฝนกับฟ้าร้องครืมๆจะดังพอประมาณผมก็ยังได้ยินที่เธอคุยกับมันอยู่ดีแหละครับ แก้วก็นะ! ผมบอกให้นอนไม่นอนนะ!
“เราเป็นไข้น่ะเลยไม่ได้ไปโรงเรียน...อื้ม...ขอบใจนะที่เป็นห่วงแต่ไม่เป็นอะไรมากหรอกน่า”
มีห่วงกันด้วย!? อยากจะอ้วก! เลี่ยนว่ะ!
“ตอนนี้ที่บ้านเราฝนตกน่ะ ตกหนักด้วย”
‘ ยังจะคุยกันต่อนะ...’
เมื่อความหมั่นไส้มันเริ่มบังเกิดขึ้นมาผมจึงคิดแผนแกล้งอะไรสนุกๆแบบที่ตัวแทบไม่รู้สึกผิดขึ้นมาได้ เห๊อะ! อยากจะรู้จริงๆว่ายัยนั่นจะตอบไอ้มิณท์เน่านั่นไปยังไงกัน!
“ครอกกกกกก ZzZzzzz...” เสียง ( แกล้ง ) กรนของผมนั้นทำให้ผมแอบสะใจหน่อยๆที่ได้ยินแก้วตอบปลายสายไป งั้นแสดงว่าไอ้หมอนั่นคงจะถามคำถามที่ประมาณว่า...
‘ เธออยู่คนเดียวรึปล่าว? นั่นเสียงกรนใครน่ะ?’
เพราะแก้วก็ตอบแบบกึกๆกักๆไปว่า...
“ระ...เราอยู่คนเดียวน่ะ นายคงหูฝาดแล้วล่ะไม่เห็นจะมีเสียงกรนใครเลย”
พูดได้เนียนใช้ได้เลยนี่? ตาม จริงผมก็ยังคงมีอีกเรื่องที่ค้างคาใจของแก้วนะว่า...เธอคิดอะไรกับผมรึปล่าว แต่เป็นเพราะเธอออกแนวอึนๆซึนๆมึนๆจนผมเดาทางไม่ถูกเลยทีเดียว
บางทีเธอคิดอะไรอยู่ผมยังแทบจะไม่รู้เลยด้วยซ้ำแต่พอพูดเดาไปแล้วมันตรงก็ ถือว่าดวงดีที่ไม่หน้าแตกละกัน
ส่วนเรื่องที่ผมรู้ว่าอาการของเธอเป็นโรคทับระดูน่ะมันเดาไม่ยากนักหรอกจาก อาการที่แม่ผมเคยเป็นมาก่อนน่ะนะซึ่งก็บอก ‘เคล็ดลับ’การดูอาการไม่ได้เหมือนกันเพราะมันอาจจะทำให้คุณคิดลึกก็ได้^^
“งั้นแค่นี้นะมิณท์เราต้องนอนแล้ว...จ้า”
กว่าจะวางได้! เช๊อะ!
“คนอะไร...กรนเสียงดังเหมือนนกกระจอกเทศนอนหลับจริงๆ”
กึก!
อะไรนะ? นกกระจอกเทศ? หน๋อยยัย...นี่ถ้าฉันไม่ทำเป็นแกล้งหลับเธอโดนดีแน่แก้ว! แหม๋ แอบว่าทีเผลอใช่มั้ย...เดี๋ยวฉันจะแกล้งเธอให้ ‘ฟินจนตัวแตก’ เลยคอยดูสิ ปัดโธ่! >O<!
‘ ท่ามกลางความมืดมิดยามกลางคืนที่สายฝนโปรยปรายลงมานั้น
มันสามารถทำให้คนสองคนเริ่มรู้สึกหวั่นไหวได้โดยที่ไม่รู้ตัว…ว่าความรู้สึกนี้
มันจะเริ่มทำให้หัวใจของพวกเขาเริ่มที่จะผูกพันกันมากขึ้นทุกขณะๆ...และวันพรุ่งนี้
...ก็ถึงเวลาอันสมควรแล้วที่จะ...รู้ความจริง…’
__________________________________________________
อัพแล้วนะ เม้นเยอะๆนะคะรีดเดอร์ทุกคนนน
( คืนที่ฝนตก )
“อ่อ”
“...”
ฉัน พูดออกไปแต่โทโมะกลับเงียบ เขามองฉันนิ่งๆซึ่งฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในใจพอเริ่ม มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่วีเดินสาวเท้าเข้ามาหาฉันแล้วดึงมือของฉันให้เข้าไปหาร่างของเขาโดยที่ฉันเองก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกันกับการกระทำที่ไม่คาดฝันนี้
ฉันเงยหน้ามองโทโมะแบบไม่เข้าใจว่าเขาจะดึงตัวฉันให้เข้าไปหาร่างสูงของเขาทำไม...
ตึกตักๆๆๆๆๆๆๆๆ
“...”
“=///////=”
หัวใจเริ่มเต้นสั่นระรัวและร่างกายเริ่มร้อนวูบยิ่งกว่าจุดไฟเผาทำให้เหงื่อฉัน เริ่มซึมออกมาเมื่อโทโมะใช้หลังมือของเขายกขึ้นมาแตะที่ผากของฉันเพื่อวัดอุณภูมิซึ่งเขาก็ยังไม่ยอมปล่อยมืออีกข้างที่ใช้จับแขนของฉันเอาไว้ และเมื่อโทโมะเอาหลังมือของเขาออกไปจากหน้าผากของฉันแล้ว เขาก็ก้มลงมามองฉันนิ่งๆ
นั่นแหละ! ที่ทำให้ฉันต้องรีบเมินสายตาจากใบหน้าของเขาไปมองทางอื่น...
“กินอะไรรึยัง”
คำถามนั้นถูกเอ่ยขึ้นจากปากของโทโมะซึ่งมันดูไม่น่าเชื่อหูของตัวเองเลยด้วยซ้ำ
“ยะ...ยังเลย” ฉันตอบโดยที่ไม่ได้มองหน้าโทโมะ
และเมื่อคำตอบนั้นจบลงโทโมะก็ปล่อยมือของเขาออกจากมือของฉันแล้วเดินตรงเข้าไป ทางด้านในซึ่งเป็นห้องครัวระหว่างที่เดินไปโทโมะก็ก่อนกดเปิดไฟในบ้าน ให้สว่างขึ้นเพราะว่าฉันปิดไฟดวงใหญ่เอาไว้แล้วเปิดแค่ดวงเล็กๆให้พอมองเห็น พื้นที่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ฉันจากที่ยืนงงๆกับพฤติกรรมของโทโมะอยู่สักพักก็ค่อยๆเดินตามไปดูว่าเขา ทำอะไรในห้องครัว...
ตุ้บ!
โทโมะวางถุงข้าวต้มแล้วพยายามเปิดชั้นเก็บชามด้านบนแต่พอโทโมะพยายามเปิด แล้วมันดูไม่มีท่าทีว่าจะเปิดออก โทโมะก็เหมือนว่าจะเริ่มหงุดหงิดที่มันไม่ยอมเปิดเขาจึงใช้กำปั้นทุบมันอย่าง แรงจนมันเปิดให้นั่นเองฉันก็หลงสะดุ้งขึ้นมานิดหน่อย
ฉัน ยืนมองโทโมะจากทางด้านหลังที่เห็นแค่ด้านหลังแต่มันก็ยังดูดีจนบอกไม่ถูก นี่ขนาดใส่ชุดอยู่บ้านสบายๆนะ เขายังดูดีแบบไม่มีที่ติเลยกับกางเกง 3 ส่วน สีดำ ที่ยาวเหนือเข่าขึ้นมานิดเดียวกับเสื้อยืนคอกลมสีขาวตัวใหญ่ และที่ข้อมือโทโมะฉันก็เพิ่งสังเกตว่ามียางมัดผมสีดำใส่เอาไว้เป็นกำไลด้วย
สงสัยจะเอาไว้มัดตอนที่ผมมันรุงรังละมั้ง?
“เอ่อ...มีอะไรให้เราช่วยมั้ย?” ฉันถามขณะที่ยืนมองโทโมะอยู่สักพักนึงแล้วเห็นว่าเขาใช้มือเคาะเดาะๆบนอ่างล้างผักเหมือนกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“ไปนั่งรอที่โต๊ะเลยไปเธอน่ะ” ร่างสูงตอบมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
ฉันเองก็ทำท่าจะเดินออกไปแล้วแต่ว่า...
‘ โทโมะเข้าครัว? ’ผู้ชายที่ท่าทางขี้เก๊ก เย็นชา พูดน้อย ( แต่พูดทีคือ...เอิ่ม...หาคำอธิบายไม่เจออ่ะ = =;;;; ) เข้าครัวแบบนี้ จะให้ฉันทำเป็นไม่อยากเห็นได้ยังไงกันล่ะเนี่ย
เมื่อฉันคิดฉันจึงหันกลับไปแล้วแอบมองโทโมะอยู่ห่างๆก็เห็นว่าโทโมะหยิบถุงข้าวต้มมา แล้วจัดการแกะมันจากนั้นเขาก็เทข้าวต้มใส่ชามที่เตรียมไว้อย่างใจเย็น นี่ถ้าไม่เห็นด้วยตาฉันคงไม่เชื่อเลยนะเนี่ยว่าโทโมะจะเป็นผู้ชายที่ช่างทะนุถนอมและรักสะอาดอะไรอย่างนี้ เพราะว่าตอนที่เขาหยิบช้อนมาเขาจัดการหาผ้าสะอาดๆที่ฉันวางเรียงเอาไว้เผื่อ เอาไว้เช็ดจานขึ้นมาเช็ดช้อนก่อนที่เขาจะจัดจานข้าวต้มอย่างดี
และเมื่อโทโมะทำท่าว่าจะเดินออกมาจากห้องครัวฉันจึงรีบเดินไปที่โต๊ะกินข้าวอีก ฝั่งของห้องครัวทันทีเพราะว่ากลัวโทโมะจะรู้ว่าฉันแอบมอง
ฉันนั่งลงบนเก้าอี้แล้วทำเป็นเหม่อมองไปทางอื่นเมื่อโทโมะเดินมาที่โต๊ะแล้วจัดการวางชามข้าวต้มร้อนๆกลิ่นหอมๆไว้ตรงข้างหน้าฉัน
“กินซะตอนร้อนๆ” โทโมะบอกจากนั้นเขาก็นั่งลงตรงเก้าอี้ข้างๆ =///////////=
“ขอบใจนะที่ซื้อข้าวต้มมาให้เรา”
“แม่ฉันสั่งไว้หรอก” โทโมะตอบก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือของเขามากดปิดเครื่องเอาไว้
ซ่า!
ซ่า!!
ซ่า!!!
ตอน นี้ฝนก็เริ่มเทเม็ดลงมาๆหนักขึ้นและหนาขึ้นเรื่อยๆฟ้าก็ร้องจนดูหน้า กลัว โทโมะเขาไม่ได้มองฉันกินข้าวต้มแต่เขาก็ไม่ยอมลุกไปไหนเลยเอาแต่นั่งอยู่ ข้างๆ เราสองคนไม่ได้พูดอะไรกันนอกจากเงียบฟังเสียงสายฝนกับลมเย็นๆที่พัดผ่านแทรก เข้ามาในตัวบ้านเพียงแค่นั้น
“...เธอเป็นอะไรถึงไม่สบาย”
จึก!
“อะ...อะไรนะ”
จู่ๆโทโมะก็ถามขึ้นมาซะเฉยๆจนฉันทำตัวไม่ถูกเลยเพราะไม่รู้ว่าคำถามนี้ฉันควรจะตอบไปว่าอะไร ‘ก็ไม่สบายธรรมดา’เป็นคำตอบที่ชวนสงสัยกว่าเดิมซะอีก ไม่สบายธรรมดานี่กินยาก่อนนอนพอวันต่อมาก็ไปโรงเรียนได้แล้วไม่เห็นจะต้องลาเลย
“ฉันถามว่าเธอเป็นอะไรถึงไม่สบาย”
“เรา...”
โอยยยยยย ฉันจะตอบว่าเป็นโรคทับระดูเนี่ยนะ? ถ้าฉันตอบไปฉันคงหน้าแดงแจ๋แน่ๆที่พูดไปให้โทโมะรู้ว่าตัวเองเป็นประจำเดือนอยู่ >//////<
“ฉันถามก็ตอบสิ = =;;;”
“คือ...อ่า...เราก็แค่ตัวร้อนเฉยๆน่ะ มันไม่มีอะไรหรอก” ฉันตอบๆไปแล้วหันหน้ามาตักข้าวต้มเข้าปากต่อแต่โทโมะเนี่ยสิกลับพูดออกมาจนฉันแทบจะพ่นข้าวต้มออกจากปากซะนาทีนั้นเลย = =;;;;
“ฉันว่า...เธอคงจะเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะใต้สะดือสินะ”
“นี่! ><///////”
ตุ้บ!
คำพูดของโทโมะนั้นทำให้ฉันลืมตัวขึ้นมาเพราะดันเผลอเอามือไปตีไหล่เขาอย่างอายๆและมันก็ทำตัวไม่ถูกเลยจริงๆ‘ โรคที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะใต้สะดือ? ’เขาคิดคำพูดนี้ออกมาได้ยังไงเนี่ย??????
ฉันเป็นผู้หญิงนะ! ไม่คิดบ้างเหรอว่าพูดแบบนี้ออกมาแล้วมันจะทำให้ฝ่ายผู้หญิงอึดอัดน่ะ ฮึ???
“แสดงว่าจริง”
ยังจะพูดต่ออีกนะ! >O<!
“หยุดพูดเลยนะ” ฉันบอกแล้วตักข้าวต้มใส่ปากและพยายามลืมคำพูดของโทโมะคำนั้น
“แม่ฉันก็เคยเป็นโรคทับระดูแบบนี้ยังไม่เห็นจะต้องอายเลย”
ก็ฉันไม่ใช่แม่นายเน่! >O<! โทโมะก็พูดออกมาได้เขาเป็นลูกคนเป็นแม่จะไปอายอะไรล่ะ แล้วฉันก็ไม่ใช่‘คนสนิท’อะไรกับเขาซะหน่อยนะแล้วจะให้พูดไปตรงๆได้ยังไงกัน ><//////
“แล้วรู้ได้ไงว่าเราเป็นโรคทับระดู” ฉันถามหลังจากที่กินข้างต้มหมดคำสุดท้าย
ปกติเป็นคนกินช้านะ แต่ข้าวต้มนี่มันอร่อยฉันก็เลยกินหมดเร็ว แฮ่ๆ ^^;;;
“สังเกตไง ไม่เห็นยากเลย”
เมื่อโทโมะพูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะทำท่าว่าจะหยิบชามข้าวต้มที่ฉันเพิ่งกินหมดไปเมื่อกี้ สงสัยจะเอาไปล้างล่ะมั้ง แต่เฮ้! เมื่อกี้เขาอุตส่าห์ยกชามข้าวต้มมาให้นะ ฉันเลยคิดว่าฉันขอล้างเองจะดีกว่า มันจะได้ดูไม่เสียน้ำใจไปหน่อยไง
“เอ่อ เดี๋ยวเราล้างเอง”
หมับ!
ตอนที่ฉันพูดแล้วทำท่าจะหยิบชามไปล้างโทโมะก็รีบเอามือมาคว้าชามเอาไปไว้ที่มือของตัวเองเสียก่อนแล้วยังทำตาดุใส่ฉันอีกต่างหาก( ฉันทำอะไรผิดเนี่ย YOY? )
“ไปกินยาไปจะได้นอน”
“แต่...”
“- -!”
“กะ...ก็ได้ (_ //// _)”
สายตาดุๆนั่นทำให้ฉันต้องยอมจำนนถอยออกมาแล้วเดินไปหยิบยาบนหลังตู้ เย็นซึ่งเป็นยาแก้ปวดกับแก้ไข้ที่ฉันจะต้องกินหลังอาหารทุกครั้ง ฉันกรอกยาเข้าปากแล้วกินน้ำปล่าวตามอย่างฝืนๆเพราะว่าเป็นคนไม่ค่อยชอบกินยา ด้วยยิ่งยาขมๆยิ่งไม่ชอบแต่ก็ต้องกินเพื่อให้หายป่วย
สงสัยจังเลยว่าทำไมไม่ผลิตยาน้ำสำหรับผู้ใหญ่ใส่รสชาติเข้าไปให้มันอร่อยหน่อย =[]=;;;;;
ซ่า!!!
หลังจากกินยาเสร็จแล้วเป็นที่เรียบร้อยฉันก็เดินไปเปิดผ้าม่านตรงหน้าต่างดูก็ เห็นว่าฝนยิ่งเทลงมาอย่างหนักจนฉันคิดว่าคืนนี้คงตกยาวและไม่มีท่าทีว่ามัน จะหยุดลงเลย
แล้วโทโมะจะกลับบ้านยังไงล่ะเนี่ย?
เพราะฝนตกแบบนี้แค่ก้าวก็ไปก้าวเดียวก็เปียกชุ่มไปทั้งตัวแล้วนะ
“กินยาแล้วใช่มั้ย?”
“เย้ย!” ฉันตกใจจนสะดุ้งเมื่อเสียงโทโมะดังขึ้นแบบไม่ให้สุ่มให้เสียงอีกแล้วจากทางด้านหลัง
“นายทำเราตกใจอีกแล้ว” ฉันหันไปมองโทโมะก่อนจะพูดขึ้นมาโทโมะก็แค่หยักไหลงเพียงแค่นั้นเอง
“...”
“แล้ว...คืนนี้นายจะ...”
“ฉันจะนอนนี่ ”
“ห่ะ...หา?” ฉันอุทานออกมาอย่างไม่เชื่อหู “นะ..นายจะนอนที่นี่?”
“ใช่”
โทโมะตอบกลับมาแบบสีหน้านิ่งๆจนมันทำให้มือฉันเริ่มสั่น โอเคงั้น...ถ้าเขาจะนอนที่นี่เขาคงจะต้องนอนในห้องรับแขกนั่นแหละ เพราะว่าพ่อล็อคห้องของตัวเองกับพิชชี่เอาไว้เพราะว่าฉันก็ไม่ได้เข้าไปทำ อะไรอยู่แล้วเลยบอกให้พ่อล็อคเอาไว้เลย
เฮ้อ...รู้แบบนี้ไม่ต้องให้พ่อล็อคห้องก็ดีจะได้ในโทโมะไปนอนได้
“งั้นจะนอน...”
“ฉันจะขึ้นไปนอนบนห้องเธอ”
“หา?! ขะ...ขึ้นไปนอนบนห้องเรา OoO?” ฉันถามแล้วชี้นิ้วมาที่ตัวเองอย่างงงๆ
“ก็ใช่น่ะสิ ฝนตกหนักแบบนี้เธอจะให้ฉันนอนหนาวอยู่ที่ห้องรับแขกข้างล่างเหรอ? ใจร้ายเกินไปมั้ย”
“ก็เดี๋ยวเราก็เอาผ้าห่มให้นายไง” ฉันบอกแต่ดูท่าว่าโทโมะจะไม่เอาแบบนั้น
“ไม่ต้องพูด ฉันจะขึ้นไปนอนบนห้องเธอ...จบนะ?”
อะไรของโทโมะเนี่ย? แล้วทำไมจะต้องขึ้นไปนอนด้วยล่ะ ฉันบอกจะเอาผ้าห่มให้แล้วเขายังจะอะไรอีก!?
“นายเป็นผู้ชายนะจะขึ้นไปนอนห้องผู้หญิงได้ยังไงอีกอย่างถ้านายกลัวหนาวเดี๋ยวเราเอาผ้าห่มผืนหนาๆให้ก็ได้”
“นี่เธอคิดอะไรอยู่? ฉันแค่จะขึ้นไปนอน นอนข้างล่างเตียงไม่ใช่นอนบนเตียงเดียวกับเธอซะหน่อยยัยเบ๊อะ!”
ยะ...ยัยเบ๊อะ?! นี่คือคำด่าใช่มั้ย?
“แต่...”
“ที่ฉันขึ้นไปนอนก็เพราะกลัวว่าถ้าเรื่องอะไรขึ้นจะได้ช่วยทัน”
“O_o?”
“ให้ฉันนอนข้างล่างนี้แล้วถ้าเกิดเธอเดินเข้าห้องน้ำดึกๆแล้วลื่นหัวฝาดโถส้วมตายฉันจะไปช่วยเธอทันมั้ย?”
ร่ายมาซะยาวเลยนะ =[]=;;;;;
ถึงเหตุผลของเขามันจะดูมีเหตุผลขึ้นมาบ้าง ( นิดหน่อย ) แต่ฉันก็ยังไม่ค่อยมั่นใจอยู่ดีอ่ะแหละ ให้ผู้ชายขึ้นไปบนห้องผู้หญิงเนี่ยนะ? แฟนกันก็ไม่ใช่ เพื่อนกันก็ไม่เชิง สนิทก็ไม่สนิท แล้วฉันจะให้เขาขึ้นไปนอนด้วยถึงแม้เขาจะบอกว่านอนข้างล่างเตียงก็เถอะ
แต่ฉันเชื่อว่าฉันคงนอนไม่หลับแน่ๆถ้าโทโมะมานอนอยู่ด้วยน่ะ แค่เขายืนใกล้ๆใจฉันก็เต้นตึกตักๆแล้ว แล้วนี่จะขึ้นไปนอนข้างบน? อ๊ากกกกกกก ใจฉันคงแทบระเบิดล่ะเลยมั้งน่ะ
“เอ่อ...แต่...คือว่า...น่ะ นี่! โทโมะ! อย่าขึ้นไปนะ ><!”
ฉันพูดห้ามโทโมะไม่ทันเสียแล้วเมื่อคนตัวสูงไม่เปิดโอกาสให้ฉันได้พูดเพราะเขาเดินผ่านฉันแล้วเดินตรงขึ้นบันไดไปที่ห้องนอนของฉันเลยน่ะสิ! ฉันจึงรีบเดินตามเขาขึ้นไปทันที ><!
เสียงของฉันก็ยิ่งแหบๆอยู่แล้วต้องมาตะโกนบ่นเขาเนี่ยมันเยี่ยมไปเลยนะว่ามั้ย ><?
“โทโมะ! เราพูดนายไม่เข้าใจเลยใช่มั้ย?”
“จะอะไรนักหนาแค่นอนเนี่ย - -?”
คนตัวสูงหันมาพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงเซ็งๆก่อนที่เขาจะถือวิสาสะเปิด ประตูห้องนอนของฉันแล้วเดินเข้าไปอย่างหน้าตาเฉย พอฉันเดินตามเข้าไปอย่างกังวลก็เห็นว่าโทโมะยืนมองไปรอบๆห้องของฉัน ฉันเลยรีบเดินไปเก็บของๆตัวเองบนโต๊ะที่เอาไว้การบ้านแล้วจัดการเก็บใส่แก๊ะ ทันที
พอฉันหันไปมองโทโมะพบว่าเขากำลังจัดที่นอนของตัวเอง ซึ่งมันเป็นอะไรที่ทำให้ฉันอึ
นมากๆที่ผู้ชายคนนี้นี่เป็นคนที่ฉันเดานิสัย ไม่ถูกเลยจริงๆ
โทโมะหยิบหมอนใบเล็กๆบนเตียงนอนของฉันมาหนึ่งใบพร้อมกับเอาผ้าห่มสำรอง ของฉันที่ฉันพับเอาไว้ปลายเตียงเนื่องจากไม่ค่อยได้ใช้ปูเพื่อที่จะห่มบนพรม ผ้ายาวๆนุ่มๆสีฟ้าข้างล่างเตียง
ตามจริงห้องนอนของฉันก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมายหรอกแต่ก็จัดอยู่ในหมวด ที่ดีและน่านอนแบบสบายๆไม่ได้มีของอะไรมากนอกจากตุ๊กตาหมีเอาไว้นอนกอดสอง สามตัว มีรูปภาพแปะที่ผนังบ้าง แต่ฉันขอบอกเลยว่าห้องนอนของฉันไม่ได้รกและก็สกปรกเลยเพราะปัดกวาดทุกวัน
“เธอน่ะ...นอนได้แล้ว” โทโมะบอกเมื่อเห็นว่าฉันยังยืนมองเขาอยู่ที่เดิม “...”
“ฉันบอกว่า นอน - ได้ - แล้ว ” โทโมะย้ำอีกรอบ
“...”
“ถ้าเธอยังไม่ยอมมานอนฉันจะเดินไปอุ้มมานอนเอง จะเอาแบบนั้นมั้ย?”
“เอ้ย! ไม่ๆๆๆๆ >/////////<”
ฟิ้ว!
รีบเดินไปขึ้นเตียงของตัวเองด้วยความไวแสงเลยล่ะทุกท่าน TOT!
ฉัน รีบยกผ้าห่มผืนหนาของตัวเองขึ้นมาห่มจนถึงคอสายตาก็แอบมองโทโมะที่กำลังเดินไป ปิดโคมไฟแล้วจากนั้นเขาก็เดินมานั่งลงตรงที่นอนที่เขาจัดไว้ เมื่อโทโมะหันมาเห็นว่าฉันยังไม่หลับเขาก็ดุขึ้นมาทันทีทันใด
“ยังไม่นอนอีกนะ”
“อุ้ย” ฉันรีบหลับตาลงทันทีที่โทโมะพูด
เขาจะอะไรกับฉันนักหนาเนี่ย? พ่อฉันยังไม่เคยบังคับให้ฉันนอนแบบนี้เลยนะ! >O<!
[ บันทึกพิเศษ : โทโมะ ]
“อุ้ย”
‘คนตัวเล็ก’รีบหลับตาลงทันทีที่ผมดุเธอ ก็ไม่ได้จะอะไรนะครับ แต่เธอไม่สบายใช่มั้ย? แล้วฝนตกแบบนี้ถ้าไม่รีบนอนเมื่อไหร่ไข้จะหาย ที่ทำแบบนี้เพราะผมไม่อยากโดนแม่ว่าหาว่าไม่ยอมดูแลเธอหรอกนะ
เมื่อผมเห็นว่าแก้วเหมือนจะนอนแล้วผมเลยก้มตัวลงนอนบ้างพลางคิดในใจว่า...ทำไมกันนะ? ผมถึงต้องลงทุน‘ทำข้าวต้มเอง’มา ให้ยัยนี่ด้วยทั้งๆที่ปกติผมน่ะขี้เกียจเข้าครัวมากถึงแม้จะทำอาหารเป็นก็เถอะ แต่ผมไม่อยากให้แก้วรู้หรอกว่าผมเป็นคนทำก็เลยบอกไปว่าซื้อมา เพราะแม่สั่งแค่นั้น?
แต่ พอผมพูดไปเธอก็เชื่อซะสนิทใจเลยว่าผมซื้อมาจริงๆเพราะจากการมัดถุงข้าวต้ม ที่เหมือนกับว่าซื้อมาแล้วเธอคงไม่คิดหรอกว่าผมเป็นคนทำจริงๆน่ะ
อีกเรื่อง! ที่ผมอยากจะรู้จริงๆเลยก็คือ...ยัยนั่นกับไอ้มิณท์เน่านั่นไปถึงไหนกันแล้ววะ
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคิดถึงเรื่องแบบนี้แล้วผมก็อดที่จะหงุดหงิดไม่ได้ ยิ่งเห็นไอ้หมอนั่นมาหาแก้วที่ห้องเรียนบ่อยๆผมยิ่งอยากเดินเข้าไปลากมัน ออกมาโดยที่ไม่รู้สาเหตุว่าทำไมมันต้องคิดอะไรแบบนั้นด้วย เพราะคิดแล้วนอนไม่หลับกินไม่ลงทุกทีเลย
บ้าจริงๆ = =;;;;;
ตื๊ด...ตื๊ด...
เมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นก็ปลุกให้ผมตื่นจากภวังค์ความคิดก่อนจะให้ ความสนใจไปที่โทรศัพท์ของแก้วที่มีคนโทรเข้ามา ยัยนั่นกดรับสายแต่เธอคงคิดว่าผมหลับแล้วเลยลุกขึ้นมานั่งคุยทักปลายสาย ผมเลยแกล้งหลับตาอ้าปากนิดๆทำเหมือนกับว่านอนแล้วจริงๆ
“ฮัลโหลใครคะ?” แก้วพูดทักปลายสาย “ฮะ? ...อ้าวแล้วนายไปเอาเบอร์เรามาจากไหนเนี่ยมิณท์?”
ไอ้มิณท์งั้นเหรอ!?
มันโทรมาทำไมวะ! ><!
“อ๋อขอมาจากฟางเหรอ” แก้วพูดเสียงเบาๆเหมือนว่ากลัวผมจะตื่นขึ้นมาได้ยินที่เธอคุยกับมิณท์
เห๊อะ! ไม่ทันแล้วแหละ!
และถึงแม้ว่าเสียงสายฝนกับฟ้าร้องครืมๆจะดังพอประมาณผมก็ยังได้ยินที่เธอคุยกับมันอยู่ดีแหละครับ แก้วก็นะ! ผมบอกให้นอนไม่นอนนะ!
“เราเป็นไข้น่ะเลยไม่ได้ไปโรงเรียน...อื้ม...ขอบใจนะที่เป็นห่วงแต่ไม่เป็นอะไรมากหรอกน่า”
มีห่วงกันด้วย!? อยากจะอ้วก! เลี่ยนว่ะ!
“ตอนนี้ที่บ้านเราฝนตกน่ะ ตกหนักด้วย”
‘ ยังจะคุยกันต่อนะ...’
เมื่อความหมั่นไส้มันเริ่มบังเกิดขึ้นมาผมจึงคิดแผนแกล้งอะไรสนุกๆแบบที่ตัวแทบไม่รู้สึกผิดขึ้นมาได้ เห๊อะ! อยากจะรู้จริงๆว่ายัยนั่นจะตอบไอ้มิณท์เน่านั่นไปยังไงกัน!
“ครอกกกกกก ZzZzzzz...” เสียง ( แกล้ง ) กรนของผมนั้นทำให้ผมแอบสะใจหน่อยๆที่ได้ยินแก้วตอบปลายสายไป งั้นแสดงว่าไอ้หมอนั่นคงจะถามคำถามที่ประมาณว่า...
‘ เธออยู่คนเดียวรึปล่าว? นั่นเสียงกรนใครน่ะ?’
เพราะแก้วก็ตอบแบบกึกๆกักๆไปว่า...
“ระ...เราอยู่คนเดียวน่ะ นายคงหูฝาดแล้วล่ะไม่เห็นจะมีเสียงกรนใครเลย”
พูดได้เนียนใช้ได้เลยนี่? ตาม จริงผมก็ยังคงมีอีกเรื่องที่ค้างคาใจของแก้วนะว่า...เธอคิดอะไรกับผมรึปล่าว แต่เป็นเพราะเธอออกแนวอึนๆซึนๆมึนๆจนผมเดาทางไม่ถูกเลยทีเดียว
บางทีเธอคิดอะไรอยู่ผมยังแทบจะไม่รู้เลยด้วยซ้ำแต่พอพูดเดาไปแล้วมันตรงก็ ถือว่าดวงดีที่ไม่หน้าแตกละกัน
ส่วนเรื่องที่ผมรู้ว่าอาการของเธอเป็นโรคทับระดูน่ะมันเดาไม่ยากนักหรอกจาก อาการที่แม่ผมเคยเป็นมาก่อนน่ะนะซึ่งก็บอก ‘เคล็ดลับ’การดูอาการไม่ได้เหมือนกันเพราะมันอาจจะทำให้คุณคิดลึกก็ได้^^
“งั้นแค่นี้นะมิณท์เราต้องนอนแล้ว...จ้า”
กว่าจะวางได้! เช๊อะ!
“คนอะไร...กรนเสียงดังเหมือนนกกระจอกเทศนอนหลับจริงๆ”
กึก!
อะไรนะ? นกกระจอกเทศ? หน๋อยยัย...นี่ถ้าฉันไม่ทำเป็นแกล้งหลับเธอโดนดีแน่แก้ว! แหม๋ แอบว่าทีเผลอใช่มั้ย...เดี๋ยวฉันจะแกล้งเธอให้ ‘ฟินจนตัวแตก’ เลยคอยดูสิ ปัดโธ่! >O<!
‘ ท่ามกลางความมืดมิดยามกลางคืนที่สายฝนโปรยปรายลงมานั้น
มันสามารถทำให้คนสองคนเริ่มรู้สึกหวั่นไหวได้โดยที่ไม่รู้ตัว…ว่าความรู้สึกนี้
มันจะเริ่มทำให้หัวใจของพวกเขาเริ่มที่จะผูกพันกันมากขึ้นทุกขณะๆ...และวันพรุ่งนี้
...ก็ถึงเวลาอันสมควรแล้วที่จะ...รู้ความจริง…’
__________________________________________________
อัพแล้วนะ เม้นเยอะๆนะคะรีดเดอร์ทุกคนนน
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ