Stop หยุดหัวใจนายเย็นชา

9.6

เขียนโดย NannyCandy

วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.18 น.

  43 chapter
  860 วิจารณ์
  67.05K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

17) - Rainy Night - ( คืนที่ฝนตก )

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

- Rainy Night -

( คืนที่ฝนตก )

 

“อ่อ”

 

 

“...”

 

 

      ฉัน พูดออกไปแต่โทโมะกลับเงียบ เขามองฉันนิ่งๆซึ่งฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในใจพอเริ่ม มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่วีเดินสาวเท้าเข้ามาหาฉันแล้วดึงมือของฉันให้เข้าไปหาร่างของเขาโดยที่ฉันเองก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกันกับการกระทำที่ไม่คาดฝันนี้

 

 

       ฉันเงยหน้ามองโทโมะแบบไม่เข้าใจว่าเขาจะดึงตัวฉันให้เข้าไปหาร่างสูงของเขาทำไม...

 

 

ตึกตักๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

 

“...”

 

 

“=///////=”

 

 

       หัวใจเริ่มเต้นสั่นระรัวและร่างกายเริ่มร้อนวูบยิ่งกว่าจุดไฟเผาทำให้เหงื่อฉัน เริ่มซึมออกมาเมื่อโทโมะใช้หลังมือของเขายกขึ้นมาแตะที่ผากของฉันเพื่อวัดอุณภูมิซึ่งเขาก็ยังไม่ยอมปล่อยมืออีกข้างที่ใช้จับแขนของฉันเอาไว้  และเมื่อโทโมะเอาหลังมือของเขาออกไปจากหน้าผากของฉันแล้ว เขาก็ก้มลงมามองฉันนิ่งๆ

 

 

       นั่นแหละ! ที่ทำให้ฉันต้องรีบเมินสายตาจากใบหน้าของเขาไปมองทางอื่น...

 

 

“กินอะไรรึยัง”

 

 

       คำถามนั้นถูกเอ่ยขึ้นจากปากของโทโมะซึ่งมันดูไม่น่าเชื่อหูของตัวเองเลยด้วยซ้ำ

 

 

“ยะ...ยังเลย” ฉันตอบโดยที่ไม่ได้มองหน้าโทโมะ

 

 

        และเมื่อคำตอบนั้นจบลงโทโมะก็ปล่อยมือของเขาออกจากมือของฉันแล้วเดินตรงเข้าไป ทางด้านในซึ่งเป็นห้องครัวระหว่างที่เดินไปโทโมะก็ก่อนกดเปิดไฟในบ้าน ให้สว่างขึ้นเพราะว่าฉันปิดไฟดวงใหญ่เอาไว้แล้วเปิดแค่ดวงเล็กๆให้พอมองเห็น พื้นที่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

 

       ฉันจากที่ยืนงงๆกับพฤติกรรมของโทโมะอยู่สักพักก็ค่อยๆเดินตามไปดูว่าเขา ทำอะไรในห้องครัว...

 

 

ตุ้บ!

 

 

       โทโมะวางถุงข้าวต้มแล้วพยายามเปิดชั้นเก็บชามด้านบนแต่พอโทโมะพยายามเปิด แล้วมันดูไม่มีท่าทีว่าจะเปิดออก โทโมะก็เหมือนว่าจะเริ่มหงุดหงิดที่มันไม่ยอมเปิดเขาจึงใช้กำปั้นทุบมันอย่าง แรงจนมันเปิดให้นั่นเองฉันก็หลงสะดุ้งขึ้นมานิดหน่อย

 

 

      ฉัน ยืนมองโทโมะจากทางด้านหลังที่เห็นแค่ด้านหลังแต่มันก็ยังดูดีจนบอกไม่ถูก นี่ขนาดใส่ชุดอยู่บ้านสบายๆนะ เขายังดูดีแบบไม่มีที่ติเลยกับกางเกง 3 ส่วน สีดำ ที่ยาวเหนือเข่าขึ้นมานิดเดียวกับเสื้อยืนคอกลมสีขาวตัวใหญ่ และที่ข้อมือโทโมะฉันก็เพิ่งสังเกตว่ามียางมัดผมสีดำใส่เอาไว้เป็นกำไลด้วย

 

 

       สงสัยจะเอาไว้มัดตอนที่ผมมันรุงรังละมั้ง?

 

 

“เอ่อ...มีอะไรให้เราช่วยมั้ย?” ฉันถามขณะที่ยืนมองโทโมะอยู่สักพักนึงแล้วเห็นว่าเขาใช้มือเคาะเดาะๆบนอ่างล้างผักเหมือนกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่

 

 

“ไปนั่งรอที่โต๊ะเลยไปเธอน่ะ”  ร่างสูงตอบมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ

 

 

             ฉันเองก็ทำท่าจะเดินออกไปแล้วแต่ว่า...

 

 

           ‘ โทโมะเข้าครัว? ’ผู้ชายที่ท่าทางขี้เก๊ก เย็นชา พูดน้อย ( แต่พูดทีคือ...เอิ่ม...หาคำอธิบายไม่เจออ่ะ = =;;;; ) เข้าครัวแบบนี้  จะให้ฉันทำเป็นไม่อยากเห็นได้ยังไงกันล่ะเนี่ย

 

 

       เมื่อฉันคิดฉันจึงหันกลับไปแล้วแอบมองโทโมะอยู่ห่างๆก็เห็นว่าโทโมะหยิบถุงข้าวต้มมา แล้วจัดการแกะมันจากนั้นเขาก็เทข้าวต้มใส่ชามที่เตรียมไว้อย่างใจเย็น  นี่ถ้าไม่เห็นด้วยตาฉันคงไม่เชื่อเลยนะเนี่ยว่าโทโมะจะเป็นผู้ชายที่ช่างทะนุถนอมและรักสะอาดอะไรอย่างนี้ เพราะว่าตอนที่เขาหยิบช้อนมาเขาจัดการหาผ้าสะอาดๆที่ฉันวางเรียงเอาไว้เผื่อ เอาไว้เช็ดจานขึ้นมาเช็ดช้อนก่อนที่เขาจะจัดจานข้าวต้มอย่างดี

 

 

        และเมื่อโทโมะทำท่าว่าจะเดินออกมาจากห้องครัวฉันจึงรีบเดินไปที่โต๊ะกินข้าวอีก ฝั่งของห้องครัวทันทีเพราะว่ากลัวโทโมะจะรู้ว่าฉันแอบมอง

 

 

       ฉันนั่งลงบนเก้าอี้แล้วทำเป็นเหม่อมองไปทางอื่นเมื่อโทโมะเดินมาที่โต๊ะแล้วจัดการวางชามข้าวต้มร้อนๆกลิ่นหอมๆไว้ตรงข้างหน้าฉัน

 

 

“กินซะตอนร้อนๆ” โทโมะบอกจากนั้นเขาก็นั่งลงตรงเก้าอี้ข้างๆ =///////////=

 

 

“ขอบใจนะที่ซื้อข้าวต้มมาให้เรา”

 

 

“แม่ฉันสั่งไว้หรอก” โทโมะตอบก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือของเขามากดปิดเครื่องเอาไว้

 

 

ซ่า!

 

 

ซ่า!!

 

 

ซ่า!!!  

 

 

     ตอน นี้ฝนก็เริ่มเทเม็ดลงมาๆหนักขึ้นและหนาขึ้นเรื่อยๆฟ้าก็ร้องจนดูหน้า กลัว  โทโมะเขาไม่ได้มองฉันกินข้าวต้มแต่เขาก็ไม่ยอมลุกไปไหนเลยเอาแต่นั่งอยู่ ข้างๆ  เราสองคนไม่ได้พูดอะไรกันนอกจากเงียบฟังเสียงสายฝนกับลมเย็นๆที่พัดผ่านแทรก เข้ามาในตัวบ้านเพียงแค่นั้น

 

 

“...เธอเป็นอะไรถึงไม่สบาย”

 

 

จึก!

 

 

“อะ...อะไรนะ”

 

 

       จู่ๆโทโมะก็ถามขึ้นมาซะเฉยๆจนฉันทำตัวไม่ถูกเลยเพราะไม่รู้ว่าคำถามนี้ฉันควรจะตอบไปว่าอะไร ‘ก็ไม่สบายธรรมดา’เป็นคำตอบที่ชวนสงสัยกว่าเดิมซะอีก  ไม่สบายธรรมดานี่กินยาก่อนนอนพอวันต่อมาก็ไปโรงเรียนได้แล้วไม่เห็นจะต้องลาเลย

 

 

“ฉันถามว่าเธอเป็นอะไรถึงไม่สบาย”

 

 

“เรา...”

 

 

       โอยยยยยย ฉันจะตอบว่าเป็นโรคทับระดูเนี่ยนะ? ถ้าฉันตอบไปฉันคงหน้าแดงแจ๋แน่ๆที่พูดไปให้โทโมะรู้ว่าตัวเองเป็นประจำเดือนอยู่  >//////<

 

 

“ฉันถามก็ตอบสิ = =;;;”

 

 

“คือ...อ่า...เราก็แค่ตัวร้อนเฉยๆน่ะ มันไม่มีอะไรหรอก” ฉันตอบๆไปแล้วหันหน้ามาตักข้าวต้มเข้าปากต่อแต่โทโมะเนี่ยสิกลับพูดออกมาจนฉันแทบจะพ่นข้าวต้มออกจากปากซะนาทีนั้นเลย = =;;;;

 

 

“ฉันว่า...เธอคงจะเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะใต้สะดือสินะ”

 

 

“นี่! ><///////”

 

 

ตุ้บ!

 

 

       คำพูดของโทโมะนั้นทำให้ฉันลืมตัวขึ้นมาเพราะดันเผลอเอามือไปตีไหล่เขาอย่างอายๆและมันก็ทำตัวไม่ถูกเลยจริงๆ‘ โรคที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะใต้สะดือ? ’เขาคิดคำพูดนี้ออกมาได้ยังไงเนี่ย??????

 

 

       ฉันเป็นผู้หญิงนะ! ไม่คิดบ้างเหรอว่าพูดแบบนี้ออกมาแล้วมันจะทำให้ฝ่ายผู้หญิงอึดอัดน่ะ ฮึ???

 

 

“แสดงว่าจริง”

 

 

       ยังจะพูดต่ออีกนะ! >O<!

 

 

“หยุดพูดเลยนะ” ฉันบอกแล้วตักข้าวต้มใส่ปากและพยายามลืมคำพูดของโทโมะคำนั้น

 

 

“แม่ฉันก็เคยเป็นโรคทับระดูแบบนี้ยังไม่เห็นจะต้องอายเลย”  

 

 

       ก็ฉันไม่ใช่แม่นายเน่! >O<! โทโมะก็พูดออกมาได้เขาเป็นลูกคนเป็นแม่จะไปอายอะไรล่ะ แล้วฉันก็ไม่ใช่‘คนสนิท’อะไรกับเขาซะหน่อยนะแล้วจะให้พูดไปตรงๆได้ยังไงกัน ><//////

 

 

“แล้วรู้ได้ไงว่าเราเป็นโรคทับระดู” ฉันถามหลังจากที่กินข้างต้มหมดคำสุดท้าย

 

 

       ปกติเป็นคนกินช้านะ แต่ข้าวต้มนี่มันอร่อยฉันก็เลยกินหมดเร็ว แฮ่ๆ ^^;;;

 

 

“สังเกตไง ไม่เห็นยากเลย”

 

 

       เมื่อโทโมะพูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะทำท่าว่าจะหยิบชามข้าวต้มที่ฉันเพิ่งกินหมดไปเมื่อกี้ สงสัยจะเอาไปล้างล่ะมั้ง  แต่เฮ้! เมื่อกี้เขาอุตส่าห์ยกชามข้าวต้มมาให้นะ ฉันเลยคิดว่าฉันขอล้างเองจะดีกว่า มันจะได้ดูไม่เสียน้ำใจไปหน่อยไง

 

 

“เอ่อ  เดี๋ยวเราล้างเอง”

 

 

หมับ!

 

 

       ตอนที่ฉันพูดแล้วทำท่าจะหยิบชามไปล้างโทโมะก็รีบเอามือมาคว้าชามเอาไปไว้ที่มือของตัวเองเสียก่อนแล้วยังทำตาดุใส่ฉันอีกต่างหาก( ฉันทำอะไรผิดเนี่ย YOY? )

 

 

“ไปกินยาไปจะได้นอน”

 

 

“แต่...”

 

 

“- -!”

 

 

“กะ...ก็ได้ (_ //// _)”

 

 

       สายตาดุๆนั่นทำให้ฉันต้องยอมจำนนถอยออกมาแล้วเดินไปหยิบยาบนหลังตู้ เย็นซึ่งเป็นยาแก้ปวดกับแก้ไข้ที่ฉันจะต้องกินหลังอาหารทุกครั้ง  ฉันกรอกยาเข้าปากแล้วกินน้ำปล่าวตามอย่างฝืนๆเพราะว่าเป็นคนไม่ค่อยชอบกินยา ด้วยยิ่งยาขมๆยิ่งไม่ชอบแต่ก็ต้องกินเพื่อให้หายป่วย

 

 

       สงสัยจังเลยว่าทำไมไม่ผลิตยาน้ำสำหรับผู้ใหญ่ใส่รสชาติเข้าไปให้มันอร่อยหน่อย =[]=;;;;;

 

 

ซ่า!!!

 

 

       หลังจากกินยาเสร็จแล้วเป็นที่เรียบร้อยฉันก็เดินไปเปิดผ้าม่านตรงหน้าต่างดูก็ เห็นว่าฝนยิ่งเทลงมาอย่างหนักจนฉันคิดว่าคืนนี้คงตกยาวและไม่มีท่าทีว่ามัน จะหยุดลงเลย

 

 

        แล้วโทโมะจะกลับบ้านยังไงล่ะเนี่ย?

 

 

      เพราะฝนตกแบบนี้แค่ก้าวก็ไปก้าวเดียวก็เปียกชุ่มไปทั้งตัวแล้วนะ

 

 

“กินยาแล้วใช่มั้ย?”

 

 

“เย้ย!” ฉันตกใจจนสะดุ้งเมื่อเสียงโทโมะดังขึ้นแบบไม่ให้สุ่มให้เสียงอีกแล้วจากทางด้านหลัง

 

 

“นายทำเราตกใจอีกแล้ว” ฉันหันไปมองโทโมะก่อนจะพูดขึ้นมาโทโมะก็แค่หยักไหลงเพียงแค่นั้นเอง

 

 

“...”  

 

 

“แล้ว...คืนนี้นายจะ...”  

 

 

“ฉันจะนอนนี่ ”

 

 

“ห่ะ...หา?” ฉันอุทานออกมาอย่างไม่เชื่อหู “นะ..นายจะนอนที่นี่?”

 

 

“ใช่”

 

 

       โทโมะตอบกลับมาแบบสีหน้านิ่งๆจนมันทำให้มือฉันเริ่มสั่น โอเคงั้น...ถ้าเขาจะนอนที่นี่เขาคงจะต้องนอนในห้องรับแขกนั่นแหละ  เพราะว่าพ่อล็อคห้องของตัวเองกับพิชชี่เอาไว้เพราะว่าฉันก็ไม่ได้เข้าไปทำ อะไรอยู่แล้วเลยบอกให้พ่อล็อคเอาไว้เลย

 

 

       เฮ้อ...รู้แบบนี้ไม่ต้องให้พ่อล็อคห้องก็ดีจะได้ในโทโมะไปนอนได้

 

 

“งั้นจะนอน...”

 

 

“ฉันจะขึ้นไปนอนบนห้องเธอ”

 

 

“หา?! ขะ...ขึ้นไปนอนบนห้องเรา OoO?” ฉันถามแล้วชี้นิ้วมาที่ตัวเองอย่างงงๆ

 

 

“ก็ใช่น่ะสิ  ฝนตกหนักแบบนี้เธอจะให้ฉันนอนหนาวอยู่ที่ห้องรับแขกข้างล่างเหรอ? ใจร้ายเกินไปมั้ย”

 

 

“ก็เดี๋ยวเราก็เอาผ้าห่มให้นายไง” ฉันบอกแต่ดูท่าว่าโทโมะจะไม่เอาแบบนั้น

 

 

“ไม่ต้องพูด ฉันจะขึ้นไปนอนบนห้องเธอ...จบนะ?”

 

 

       อะไรของโทโมะเนี่ย? แล้วทำไมจะต้องขึ้นไปนอนด้วยล่ะ ฉันบอกจะเอาผ้าห่มให้แล้วเขายังจะอะไรอีก!?

 

 

“นายเป็นผู้ชายนะจะขึ้นไปนอนห้องผู้หญิงได้ยังไงอีกอย่างถ้านายกลัวหนาวเดี๋ยวเราเอาผ้าห่มผืนหนาๆให้ก็ได้”

 

 

“นี่เธอคิดอะไรอยู่? ฉันแค่จะขึ้นไปนอน นอนข้างล่างเตียงไม่ใช่นอนบนเตียงเดียวกับเธอซะหน่อยยัยเบ๊อะ!”

 

 

       ยะ...ยัยเบ๊อะ?! นี่คือคำด่าใช่มั้ย?

 

 

“แต่...”

 

 

“ที่ฉันขึ้นไปนอนก็เพราะกลัวว่าถ้าเรื่องอะไรขึ้นจะได้ช่วยทัน”

 

 

“O_o?”

 

 

“ให้ฉันนอนข้างล่างนี้แล้วถ้าเกิดเธอเดินเข้าห้องน้ำดึกๆแล้วลื่นหัวฝาดโถส้วมตายฉันจะไปช่วยเธอทันมั้ย?”

 

 

       ร่ายมาซะยาวเลยนะ =[]=;;;;;

 

 

       ถึงเหตุผลของเขามันจะดูมีเหตุผลขึ้นมาบ้าง ( นิดหน่อย ) แต่ฉันก็ยังไม่ค่อยมั่นใจอยู่ดีอ่ะแหละ ให้ผู้ชายขึ้นไปบนห้องผู้หญิงเนี่ยนะ? แฟนกันก็ไม่ใช่ เพื่อนกันก็ไม่เชิง  สนิทก็ไม่สนิท  แล้วฉันจะให้เขาขึ้นไปนอนด้วยถึงแม้เขาจะบอกว่านอนข้างล่างเตียงก็เถอะ

 

 

 

       แต่ฉันเชื่อว่าฉันคงนอนไม่หลับแน่ๆถ้าโทโมะมานอนอยู่ด้วยน่ะ แค่เขายืนใกล้ๆใจฉันก็เต้นตึกตักๆแล้ว  แล้วนี่จะขึ้นไปนอนข้างบน? อ๊ากกกกกกก ใจฉันคงแทบระเบิดล่ะเลยมั้งน่ะ

 

 

“เอ่อ...แต่...คือว่า...น่ะ นี่! โทโมะ! อย่าขึ้นไปนะ ><!”

 

 

      ฉันพูดห้ามโทโมะไม่ทันเสียแล้วเมื่อคนตัวสูงไม่เปิดโอกาสให้ฉันได้พูดเพราะเขาเดินผ่านฉันแล้วเดินตรงขึ้นบันไดไปที่ห้องนอนของฉันเลยน่ะสิ! ฉันจึงรีบเดินตามเขาขึ้นไปทันที ><!  

 

 

      เสียงของฉันก็ยิ่งแหบๆอยู่แล้วต้องมาตะโกนบ่นเขาเนี่ยมันเยี่ยมไปเลยนะว่ามั้ย ><?

 

 

“โทโมะ! เราพูดนายไม่เข้าใจเลยใช่มั้ย?”

 

 

“จะอะไรนักหนาแค่นอนเนี่ย - -?”

 

 

      คนตัวสูงหันมาพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงเซ็งๆก่อนที่เขาจะถือวิสาสะเปิด ประตูห้องนอนของฉันแล้วเดินเข้าไปอย่างหน้าตาเฉย  พอฉันเดินตามเข้าไปอย่างกังวลก็เห็นว่าโทโมะยืนมองไปรอบๆห้องของฉัน ฉันเลยรีบเดินไปเก็บของๆตัวเองบนโต๊ะที่เอาไว้การบ้านแล้วจัดการเก็บใส่แก๊ะ ทันที

 

 

      พอฉันหันไปมองโทโมะพบว่าเขากำลังจัดที่นอนของตัวเอง ซึ่งมันเป็นอะไรที่ทำให้ฉันอึ

นมากๆที่ผู้ชายคนนี้นี่เป็นคนที่ฉันเดานิสัย ไม่ถูกเลยจริงๆ

 

 

      โทโมะหยิบหมอนใบเล็กๆบนเตียงนอนของฉันมาหนึ่งใบพร้อมกับเอาผ้าห่มสำรอง ของฉันที่ฉันพับเอาไว้ปลายเตียงเนื่องจากไม่ค่อยได้ใช้ปูเพื่อที่จะห่มบนพรม ผ้ายาวๆนุ่มๆสีฟ้าข้างล่างเตียง

 

 

      ตามจริงห้องนอนของฉันก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมายหรอกแต่ก็จัดอยู่ในหมวด ที่ดีและน่านอนแบบสบายๆไม่ได้มีของอะไรมากนอกจากตุ๊กตาหมีเอาไว้นอนกอดสอง สามตัว มีรูปภาพแปะที่ผนังบ้าง แต่ฉันขอบอกเลยว่าห้องนอนของฉันไม่ได้รกและก็สกปรกเลยเพราะปัดกวาดทุกวัน  

 

 

 

“เธอน่ะ...นอนได้แล้ว” โทโมะบอกเมื่อเห็นว่าฉันยังยืนมองเขาอยู่ที่เดิม “...”

 

 

 “ฉันบอกว่า นอน - ได้ - แล้ว ” โทโมะย้ำอีกรอบ

 

 

“...”

 

 

“ถ้าเธอยังไม่ยอมมานอนฉันจะเดินไปอุ้มมานอนเอง จะเอาแบบนั้นมั้ย?”

 

 

“เอ้ย! ไม่ๆๆๆๆ >/////////<”

 

 

ฟิ้ว!

 

 

        รีบเดินไปขึ้นเตียงของตัวเองด้วยความไวแสงเลยล่ะทุกท่าน TOT!

 

 

       ฉัน รีบยกผ้าห่มผืนหนาของตัวเองขึ้นมาห่มจนถึงคอสายตาก็แอบมองโทโมะที่กำลังเดินไป ปิดโคมไฟแล้วจากนั้นเขาก็เดินมานั่งลงตรงที่นอนที่เขาจัดไว้ เมื่อโทโมะหันมาเห็นว่าฉันยังไม่หลับเขาก็ดุขึ้นมาทันทีทันใด

 

 

“ยังไม่นอนอีกนะ”

 

 

“อุ้ย” ฉันรีบหลับตาลงทันทีที่โทโมะพูด

 

 

       เขาจะอะไรกับฉันนักหนาเนี่ย? พ่อฉันยังไม่เคยบังคับให้ฉันนอนแบบนี้เลยนะ! >O<!

 

 

 

[ บันทึกพิเศษ : โทโมะ ]

 

 

 

“อุ้ย”  

 

 

       ‘คนตัวเล็ก’รีบหลับตาลงทันทีที่ผมดุเธอ ก็ไม่ได้จะอะไรนะครับ แต่เธอไม่สบายใช่มั้ย? แล้วฝนตกแบบนี้ถ้าไม่รีบนอนเมื่อไหร่ไข้จะหาย ที่ทำแบบนี้เพราะผมไม่อยากโดนแม่ว่าหาว่าไม่ยอมดูแลเธอหรอกนะ

 

 

       เมื่อผมเห็นว่าแก้วเหมือนจะนอนแล้วผมเลยก้มตัวลงนอนบ้างพลางคิดในใจว่า...ทำไมกันนะ? ผมถึงต้องลงทุน‘ทำข้าวต้มเอง’มา ให้ยัยนี่ด้วยทั้งๆที่ปกติผมน่ะขี้เกียจเข้าครัวมากถึงแม้จะทำอาหารเป็นก็เถอะ   แต่ผมไม่อยากให้แก้วรู้หรอกว่าผมเป็นคนทำก็เลยบอกไปว่าซื้อมา เพราะแม่สั่งแค่นั้น?

 

 

       แต่ พอผมพูดไปเธอก็เชื่อซะสนิทใจเลยว่าผมซื้อมาจริงๆเพราะจากการมัดถุงข้าวต้ม ที่เหมือนกับว่าซื้อมาแล้วเธอคงไม่คิดหรอกว่าผมเป็นคนทำจริงๆน่ะ

 

 

       อีกเรื่อง! ที่ผมอยากจะรู้จริงๆเลยก็คือ...ยัยนั่นกับไอ้มิณท์เน่านั่นไปถึงไหนกันแล้ววะ

 

 

       ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคิดถึงเรื่องแบบนี้แล้วผมก็อดที่จะหงุดหงิดไม่ได้ ยิ่งเห็นไอ้หมอนั่นมาหาแก้วที่ห้องเรียนบ่อยๆผมยิ่งอยากเดินเข้าไปลากมัน ออกมาโดยที่ไม่รู้สาเหตุว่าทำไมมันต้องคิดอะไรแบบนั้นด้วย เพราะคิดแล้วนอนไม่หลับกินไม่ลงทุกทีเลย

 

 

       บ้าจริงๆ = =;;;;;

 

 

 

ตื๊ด...ตื๊ด...

 

 

 

       เมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นก็ปลุกให้ผมตื่นจากภวังค์ความคิดก่อนจะให้ ความสนใจไปที่โทรศัพท์ของแก้วที่มีคนโทรเข้ามา  ยัยนั่นกดรับสายแต่เธอคงคิดว่าผมหลับแล้วเลยลุกขึ้นมานั่งคุยทักปลายสาย ผมเลยแกล้งหลับตาอ้าปากนิดๆทำเหมือนกับว่านอนแล้วจริงๆ

 

 

“ฮัลโหลใครคะ?” แก้วพูดทักปลายสาย “ฮะ? ...อ้าวแล้วนายไปเอาเบอร์เรามาจากไหนเนี่ยมิณท์?”

 

 

       ไอ้มิณท์งั้นเหรอ!?

 

 

       มันโทรมาทำไมวะ! ><!

 

 

“อ๋อขอมาจากฟางเหรอ” แก้วพูดเสียงเบาๆเหมือนว่ากลัวผมจะตื่นขึ้นมาได้ยินที่เธอคุยกับมิณท์

 

 

       เห๊อะ! ไม่ทันแล้วแหละ!

 

 

      และถึงแม้ว่าเสียงสายฝนกับฟ้าร้องครืมๆจะดังพอประมาณผมก็ยังได้ยินที่เธอคุยกับมันอยู่ดีแหละครับ แก้วก็นะ! ผมบอกให้นอนไม่นอนนะ!

 

 

“เราเป็นไข้น่ะเลยไม่ได้ไปโรงเรียน...อื้ม...ขอบใจนะที่เป็นห่วงแต่ไม่เป็นอะไรมากหรอกน่า”

 

 

       มีห่วงกันด้วย!? อยากจะอ้วก! เลี่ยนว่ะ!

 

 

“ตอนนี้ที่บ้านเราฝนตกน่ะ ตกหนักด้วย”

 

 

           ยังจะคุยกันต่อนะ...

 

 

       เมื่อความหมั่นไส้มันเริ่มบังเกิดขึ้นมาผมจึงคิดแผนแกล้งอะไรสนุกๆแบบที่ตัวแทบไม่รู้สึกผิดขึ้นมาได้  เห๊อะ! อยากจะรู้จริงๆว่ายัยนั่นจะตอบไอ้มิณท์เน่านั่นไปยังไงกัน!  

 

 

“ครอกกกกกก ZzZzzzz...” เสียง ( แกล้ง ) กรนของผมนั้นทำให้ผมแอบสะใจหน่อยๆที่ได้ยินแก้วตอบปลายสายไป งั้นแสดงว่าไอ้หมอนั่นคงจะถามคำถามที่ประมาณว่า...

 

 

          ‘ เธออยู่คนเดียวรึปล่าว? นั่นเสียงกรนใครน่ะ?’

 

 

       เพราะแก้วก็ตอบแบบกึกๆกักๆไปว่า...

 

 

“ระ...เราอยู่คนเดียวน่ะ นายคงหูฝาดแล้วล่ะไม่เห็นจะมีเสียงกรนใครเลย”

 

 

       พูดได้เนียนใช้ได้เลยนี่? ตาม จริงผมก็ยังคงมีอีกเรื่องที่ค้างคาใจของแก้วนะว่า...เธอคิดอะไรกับผมรึปล่าว แต่เป็นเพราะเธอออกแนวอึนๆซึนๆมึนๆจนผมเดาทางไม่ถูกเลยทีเดียว

 

 

        บางทีเธอคิดอะไรอยู่ผมยังแทบจะไม่รู้เลยด้วยซ้ำแต่พอพูดเดาไปแล้วมันตรงก็ ถือว่าดวงดีที่ไม่หน้าแตกละกัน

 

 

        ส่วนเรื่องที่ผมรู้ว่าอาการของเธอเป็นโรคทับระดูน่ะมันเดาไม่ยากนักหรอกจาก อาการที่แม่ผมเคยเป็นมาก่อนน่ะนะซึ่งก็บอก ‘เคล็ดลับ’การดูอาการไม่ได้เหมือนกันเพราะมันอาจจะทำให้คุณคิดลึกก็ได้^^

 

 

“งั้นแค่นี้นะมิณท์เราต้องนอนแล้ว...จ้า”

 

 

         กว่าจะวางได้! เช๊อะ!

 

 

“คนอะไร...กรนเสียงดังเหมือนนกกระจอกเทศนอนหลับจริงๆ”

 

 

กึก!

       อะไรนะ? นกกระจอกเทศ? หน๋อยยัย...นี่ถ้าฉันไม่ทำเป็นแกล้งหลับเธอโดนดีแน่แก้ว! แหม๋ แอบว่าทีเผลอใช่มั้ย...เดี๋ยวฉันจะแกล้งเธอให้ ‘ฟินจนตัวแตก’ เลยคอยดูสิ ปัดโธ่! >O<!  

 

 

 

 

‘ ท่ามกลางความมืดมิดยามกลางคืนที่สายฝนโปรยปรายลงมานั้น

มันสามารถทำให้คนสองคนเริ่มรู้สึกหวั่นไหวได้โดยที่ไม่รู้ตัว…ว่าความรู้สึกนี้

มันจะเริ่มทำให้หัวใจของพวกเขาเริ่มที่จะผูกพันกันมากขึ้นทุกขณะๆ...และวันพรุ่งนี้

...ก็ถึงเวลาอันสมควรแล้วที่จะ...รู้ความจริง

 

 

__________________________________________________

อัพแล้วนะ เม้นเยอะๆนะคะรีดเดอร์ทุกคนนน 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา