The Heart เพราะหัวใจรักใครไม่เป็น...

8.8

เขียนโดย พายุลมหนาว

วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 07.14 น.

  12 chapter
  83 วิจารณ์
  18.26K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 กันยายน พ.ศ. 2558 00.03 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

12) [12] ฉันมันอันตราย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
The Heartเพราะหัวใจรักใครไม่เป็น...
 
Chapter (12)
 
 
 
            เอี๊ยด!
 
 
 
            ฉันขับรถมาถึงบ้านหรือวิมานกลางเขาที่กว้างใหญ่ไพศาล เอ๋ย คือฉันก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงเพราะมันใหญ่โตมโหฬารมากยิ่งกว่าบ้านฉันเสียอีก ขนาดบ้านฉันมีไร่ตั้งเยอะยังดูด้อยลงไปเลยอ่ะ -_- และตอนขาเข้าไม่อยากพูด พวกลูกน้องนายแสนหรือไอ้พวกกลุ่มสิงห์นั้น มันอยู่เต็มเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด ก็อย่างว่ารังพวกมันนี้หว่า เฮ้อ เอาเหอะ รีบไปหาฟางดีกว่าเรา
 
 
 
            “มาหาใคร?” ปากพล่อยมาก บ้านนี้เขาไม่สอนเรื่องมารยาทเลยหรือไงว่ะ
 
 
 
            “ฉันเป็นเพื่อนฟาง” น่ะ ยังจะมองหน้าอีก เดียวแม่ต่อยซะเลยนิ
 
 
 
            “ได้นัดไว้รึป่าว?” ก็เอ่อน่ะสิไม่งั้นฉันไม่ถ่อมาถึงนี้หรอก
 
 
 
            “อืม ที่นี้จะให้ฉันเข้าไปได้รึยัง?” พวกมันมองหน้ากันแล้วมองไล่สำรวจตัวฉัน ฉันกระชับกระเป๋าสะพายแน่นมองหน้าพวกมันอย่างไม่ไว้วางใจ คิดอะไรกันอยู่ว่ะ ปล่อยๆฉันไปสักที
 
 
 
            “เชิญ” มันเปิดทางให้ฉัน ฉันก็รีบเดินผ่านพวกมันเพราะสะอิดสะเอียดสายตาที่มันมอง
 
 
 
            “เดียว!” เย้ย!? = =
 
 
 
            “อะไรอีก!” ฉันหันไปตะคอกด้วยความหงุดหงิด มันจะอะไรกันนักกันน่าย่ะ พวกมันเดินมาล้อมฉันแล้วยื่นมือขออะไรสักอย่างซึ่งฉันเดาว่ามันคงต้องการกระเป๋าฉันแน่ๆ ฉันไม่ไม่ผู้ร้ายนะเห้ย พวกแกต่างหากที่เป็นน่ะ
 
 
 
            “ในนี้ไม่มีอะไรหรอกน่า” ฉันพูดกับพวกมันดีๆ
 
 
 
            “เพื่อความแน่ใจส่งกระเป๋ามาดีกว่า” ไม่มีต่อหางเลยนะ ฉันเป็นแขกนะค่ะ
 
 
 
            “ก็บอกว่าไม่มียังไงเล่า!” ฉันกำชับแน่นไม่ใช่ว่าหวงอะไรหรอกก็แค่ไม่อยากให้พวกมันยุ่งของใช้ส่วนตัวของฉัน
 
 
 
            “บอกให้ส่งก็ส่งมาสิว่ะ!” โห้ว มันเล่นเสียงเลยเว้ย คิดว่ากลัว มันก้าวเข้ามาใกล้ฉัน ฉันก็รีบถอยหลังตั้งหลัก เรื่องอะไรจะให้ก็บอกว่าไม่มีก็ไม่มีสิ! มากันตั้งสามคนฉันจะสู้มันยังไงดีเนี่ย >[]<!
 
 
 
            “หยุดเดียวนะ!” สวรรค์ทรงโปรด ฟางเดินมาพร้อมกับใครไม่รู้ด้วยสีหน้าโกรธสุดๆเล่นซะพวกมันชะงักก้มหน้างุดเลย ฮ่าๆๆๆ เป็นไงล่ะเล่นกับใครไม่เล่น
 
 
 
            “แก้ว ไม่เป็นไรใช่มั้ย!?” ฟางไล่จับตัวฉัน ฉันเลยรีบพยักหน้าตอบยัยตัวเล็กแกล้งทำสีหน้ากลัวนิดๆ
 
 
 
            “นี้พวกนายทำอะไรเพื่อนฉันห่ะ!” ฟางตวาดพวกมันซะง่อย สะใจเจรงงง เดียวๆๆเก็บอาการแปป อุ๊บ ฮ่าๆๆ
 
 
 
            “พวกผมแค่ขอตรวจกระเป๋าเท่านั้นเองครับ นายหญิง” นายหญิงเลยเรอะ 0v0 ยศสูงเหมือนกันแฮะ
 
 
 
            “หึ ไม่รู้ล่ะเมื่อกี้พวกนายเสียมารยาทกับเพื่อนฉัน ฉันจะบอกให้พี่แสนลงโทษพวกนายซะ!” สมแล้วที่เป็นฟางสุดยอดเผด็จการ นึกถึงตอนอยู่อังกฤษเลย -0- อันนู่นไม่ได้อันนี้ไม่ได้ เหอะๆๆ
 
 
 
            “แก้วเข้าบ้านกัน ฟางมีเรื่องอยากคุยกับแก้วตั้งหลายอย่างแน่ะ” ฟางดึงฉันตามเข้าบ้าน ฉันแอบยักคิ้วให้พวกมันด้วยความสะใจส่วนตัวและพวกมันก็จ๋อยเรียงตัวเพราะถูกคาดโทษเรียงตัว
 
 
 
            “บ้านฟางใหญ่เป็นบ้าเลยนะ” ฉันชื่นชมกับตัวบ้านที่ใหญ่เกินกว่าจะอยู่คนเดียว
 
 
 
            “ใหญ่เกินไปมันก็ไม่ดีหรอกแก้ว ฟางน่ะเหงาะจะแย่” ฟางบ่นอุบอิบกอดฉันเหมือนเด็กน้อย ที่นี้เป็นบ้านเล็กที่แยกออกมาจากเรือนใหญ่อีกที นายแสนเองก็เป็นคนดีเหมือนกันถึงให้ฟางแยกออกมาอยู่เพราะถ้าอยู่บ้านเดียวกันมันจะไม่งามถึงเป็นคู่หมั้นกันก็เหอะ โบราณเขาถือ
 
 
 
            “น้ำค่ะคุณแก้ว” มณี สาวรับใช้ของฟางยื่นแก้วน้ำให้ฉันที่กำลังหยิกหน้ายัยตัวเล็กอย่างหมั่นเขี้ยว
 
 
 
            “ขอบคุณจ้ะ ณี” เป็นคนสวยเหมือนกันนะเนี่ย
 
 
 
            “แก้ว แก้ว” อืม เดียวสิฟางแก้วกินน้ำอยู่
 
 
 
            “มีอะไร?” ฉันวางแก้วน้ำลงแล้วถามยัยเพื่อนสาวที่เอาแต่กอดด้านหลังฉันไม่ปล่อย
 
 
 
            “ฟางอยากไปเที่ยวข้างนอกอ่ะ แก้วพาฟางไปหน่อยได้ไหม” ห่ะ! ฟางจ้า แก้วคงจะถูกพวกมันยิงตายเอานะสิ
 
 
 
            “เอ่อ แก้วว่า..” อย่าทำหน้าอย่างนี้สิฟาง ก็รู้อยู่ว่าแก้วแพ้ลูกอ้อนอ่ะ >.,<!
 
 
 
            “ไม่ได้นะค่ะ คุณหนู เกิดคุณหนูหายไปจากบ้านตอนนายหัวไม่อยู่ มีหวังบ้านได้แตกกันพอดีนะสิค่ะ” ใช่ๆ ณีพูดได้ดีมาก วันนี้นายแสนไม่อยู่เหรอ โชคดีไปไม่ต้องหวั่นว่าจะเจอไอ้หมอนั่นด้วย
 
 
 
            “ก็ฟางเบื่อนิ” แก้มป่องเลย ถ้าจะเก็บกดนะนั้น
 
 
 
            “ที่ณีพูดก็ถูกนะฟาง เกิดฟางหายไปทุกคนในบ้านจะวุ่นวายเอานะ” ฉันรีบประโลมต่อ แต่กลับกลายเป็นทำให้ยัยเพื่อนสาวหน้าบูดกว่าเดิมซะงั้น อ้าว เวรกรรมแล้วไง
 
 
 
            “วันๆให้อยู่แต่ในบ้านถ้าจะออกไปทีก็ต้องมีคนของพี่แสนตามมาด้วย ฟางอยากไปแบบส่วนตัวบ้างไรบ้างไม่ได้รึไงกัน ฟางเป็นคนนะทำไมต้องกักขังฟางอย่างกับนักโทษด้วย” ฟางเริ่มตัดพ้อรัวๆ ฉันนิหน้าเจื่อนหันไปมองมณีที่ถอนหายใจ
 
 
 
            “เอาน่าฟาง นายแสนนั้นเขาก็คงจะเป็นห่วงฟางนั้นแหละถึงให้คนคอยตามคุม เอ๋ย ดูแลไม่ห่างน่ะ” เท่าที่ฟังมันก็กักขังหน่วงเหนี่ยวจริงๆ แต่ถ้าคิดตามหลัก นายแสนคงกลัวฟางเป็นอันตรายเพราะพี่แกเล่นสร้างศัตรูไว้ตั้งเยอะ ฟางเองก็คงไม่ปลอดภัย
 
 
 
            “.....” อย่าเงียบสิฟาง =v=;; แก้วลำบากใจน่ะ ฉันกวักมือเรียกยัยตัวเล็กมาแล้วย่อตัวลงกระซิบข้างหู
 
 
 
            “ถ้าฟางอยากเที่ยวจริงๆ แก้วจะพยายามหาทางพาฟางไปเที่ยวเอง” ฟางพยักหน้าแล้วยิ้มสดใส
 
 
 
            “สัญญานะ” ฟางขอเกี่ยวก้อยฉัน
 
 
 
            “สัญญาสิ คนอย่างแก้วเคยผิดคำพูดซะทีไหน” ฉันเกี่ยวก้อยตอบแล้วฟางก็ขอตัวไปเอาของบนห้อง กว่าจะกล่อมยัยนี้ได้นิถ้าไม่สนิทกันคงหัวแทบระเบิด
 
 
 
            “คุณแก้วนี้เก่งจังเลยนะค่ะ ทำให้คุณหนูฟางยิ้มได้ทันที” ก็ฉันเพื่อนยัยนั้นนิ มณี
 
 
 
            “แก้วก็ไม่ได้เก่งอะไรนักหรอก เอ่อนี่ณี ห้องน้ำไปทางไหนอ่ะ?” กินน้ำมากไปหน่อย ชักจะปวดห้องน้ำซะแล้วสิ >_<!
 
 
 
            “ตรงไปขึ้นบันไดแล้วเลี้ยวซ้ายค่ะ” มณีชี้ทางเสร็จ ฉันก็รีบชิ่งมาอย่างเร็ว ทางยาวตลอดบ้านนี้นิมันสวยทุกมุมจริงๆ ต้องขอชื่นชมสถาปานิก ออกแบบได้สวยสุดๆ สงสัยต้องขอเบอร์ไว้สักหน่อยจะได้บอกให้เขาออกแบบเรือนหอในอนาคตให้ ฮ่าๆๆ ชาตินี้จะมีบุญวาสนาไหมว่ะ อีแก้ว
 
 
 
            “ขึ้นบันไดแล้ว เลี้ยว ซ้าย อั่ก!” ชนใครอีกว่ะ ตาปีตาชาติทำไมถึงชอบมีคนดักทางฉันบ่อยเป็นบ้า
 
 
 
            “ขอโทษคะ เฮือก!” O_O!!! นะ นาย ทำไมนายถึงอยู่ที่นี้
 
 
 
            “......” โทโมะเหมือนจะอึ้งเหมือนกันที่ฉันอยู่นี้ แต่แล้วไงเล่า ฉันยังจำคำพูดของเขาได้ดี คำเหยียดหยามที่ทำเหมือนฉันเป็นผู้หญิงไร้ค่า ทำดีกับฉันเพื่อหวังสิ่งที่ผู้ชายมักมากต้องการ ฉันหลบตาเขาแล้วเลือกที่จะเดินผ่านร่างเขาไป ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนเพราะแค่นี้มันก็เกินพอกับความรู้สึก แค่ตบมันยังไม่พอกับความรู้สึกดีๆที่ฉันมีให้
 
 
 
            “ไม่ตามมา” ฉันเหลียวหลังดูกลับพบกับความว่างเปล่า ในใจฉันแอบหวังว่าเขาจะมีจิตสำนึกบ้าง ทีไหนได้ ดูท่าสิ่งที่เขาพูดคงเป็นจริงอย่างว่า หึ ผู้ชายมันก็เหมือนกันทั้งโลก แต่อย่างน้อยก็เว้นไอ้ป็อปคนหนึ่งล่ะว้า เฮ้อ ทำไมฉันถึงต้องหงุดหงิดแปลกๆด้วย รีบทำธุระให้มันเสร็จๆจะได้ไปหาฟาง
 
 
 
            “เฮ้ย” OAO!? ฉันตกใจที่พอเปิดประตูก็เจอโทโมะดักหน้าห้องน้ำ เขาจ้องฉันนิ่งแต่นั้นไม่ทำให้ฉันนิ่งตามด้วย
 
 
 
            “หลีก” ฉันทำเสียงเย็นใส่เขาพร้อมทั้งดันเขาออกเพราะเขาเล่นขวางทางฉันออกไปไม่ได้แต่กลับกลายเป็นถูกเขาดันกลับเข้าห้องเดิมมาซะงั้น เฮ้ย O[]O!?  แถมปิดประตูให้ด้วย ดี ถือว่ามีจิตสำนึก ไอ้บ้าใช่เรื่องไหม ผลักฉันเข้ามาทำไมห่ะ!!!
 
 
 
            “นะ นายคิดจะทำอะไร!?” ฉันถอยกรูดติดกำแพงพลางหาทางหนีทีไล่ไปด้วย
 
 
 
            “เป็นอะไรไปเดียวนี้กลัวฉันซะแล้วเรอะ” เขาล็อคทางหนีฉันหมดเอามือยันกำแพงทั้งซ้ายและขวาไม่ให้ฉันหนีเลยสักนิด
 
 
 
            “ไม่ได้กลัว” ฉันใจแข็งสู้ สบตาเขากลับแบบกล้าๆกลัว
 
 
 
            “จริง เรอะ” เขาถามพร้อมกับโน้มหน้าเข้ามาใกล้ฉันทำให้ลมหายใจร้อนของเขารดประสานกับลมหายใจฉัน ความร้อนระอุเข้าไปกระตุ้นเม็ดสีให้เข้มเด่นชัดจนหน้าฉันแดงออกมา คิ้วบางเรียวคดเข้าหากันแล้วเบือนหนีตามเครื่องแสดงอารมณ์ ทำไม ฉันถึงไม่กล้าสบตาเขากันนะ ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆทั้งที่ฉันก็ไม่ได้กลัวเขา
 
 
 
            “ฉันไม่ได้กลัวอะไรนายทั้งนั้นแค่ไม่ไว้ใจ” ฉันพูดเบาลงในช่วงท้าย ความไว้วางใจที่เคยมีมันหมดไปตั้งแต่นายเลือกที่จะเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงในคืนนั้น
 
 
 
            “นั้นก็ควรรู้ไว้ว่าฉันมันอันตรายมาตั้งนานแล้ว” ฉันเงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจ ในสิ่งที่เขาพูด
 
 
 
            “เธอน่ะ ไว้ใจคนง่ายเกินไปจนบางทีอันตรายจริงๆมันอาจอยู่ใกล้กว่าที่เธอคิด” เขาตอกย้ำทุกคำเข้าไปในโสตประสาทฉัน
 
 
 
            “เหมือนกับนายสิน่ะ” ฉันมองเขากลับด้วยสีหน้าผิดหวัง เขากระตุกนิดหนึ่งแล้วกลับมานิ่งเหมือนเดิม
 
 
 
            “ใช่ เหมือนกับฉัน” 0_0.... ทำไม เขาถึงไม่เถียงกลับ ทำไมเขาถึงไม่โต้แย้งบ้าง นายรู้มั้ย ฉันอยากให้นายตอบว่า ไม่ หรือโกหกอะไรฉันสักนิดก็ได้ ทำให้ฉันคิดว่าเรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
 
 
 
            ก็อกๆๆๆ !
 
 
 
            ฉันกับโทโมะสะดุ้งโหยงทั้งคู่ เรามองประตูเป็นตาเดียวกันด้วยความตกใจ และดูท่าจะมีแค่ฉันที่ร้อนตัวกว่าใครเพื่อน
 
 
 
            “คุณแก้วค่ะ นี้มณีเองนะค่ะ” มณีเป็นคนเคาะเองหรอกเรอะ ตกใจหมด
 
 
 
            “มีอะไรรึป่าวณี?” ฉันรีบตอบกลับมณีทันที
 
 
 
            “พอดี มณีเห็นคุณแก้วหายไปนานเลยเป็นห่วง” ฉันอยู่กับโทโมะนานขนาดนั้นเชียว
 
 
 
            “ฉันไม่เป็นอะไรหรอกณี เดียวฉันตามไปนะ” แล้วนั้น นายจะไปไหนน่ะ โทโมะ เขาเลิกกักฉันแล้วเดินไปที่ประตู จะบ้าเรอะขืนออกไปณีก็เห็นนายกับฉันอยู่ด้วยกันหรอก
 
 
 
            “นายทำบ้าอะไรน่ะ!?” ฉันรีบเข้าไปกระชากมือหน้าเขา
 
 
 
            “ก็จะออกไปไง ทำไมหรือเธอเปลี่ยนใจอยากเล่นจ้ำจี้กับฉันซะแล้วล่ะหืม” เขาพูดก่อนจะเปลี่ยนท่าทีเป็นยิ้มกรุ้มกริ่มเดินเข้าหาฉัน จ้ำจี้อะไรห่ะ!?
 
 
 
            “ไม่ใช่ย่ะ ขืนนายออกไปมีหวังณีได้เข้าใจผิดกันพอดี” ฉันพยายามอ้างเหตุผลพร้อมกับถอยลนลานกลับจนเผลอก้าวพลาดหงายลงแต่กลับไม่รู้เจ็บเลยสักนิดหลังลงพื้นอย่างแรง ที่เอวบางถูกกันโดยแขนแกร่งของชายหนุ่มตรงหน้าฉันและเขาก็คร่อมร่างฉันอยู่ด้วย O[]O!!!
 
 
 
            “ออกไปนะ!” ฉันรีบผลักเขาออกแล้วลุกหนีอย่างเร็วแต่ไม่ทันสำเร็จร่างฉันก็ล่วงลงนั่งติดพื้นรอบสอง
 
 
 
            “โอ๊ย เจ็บๆ” ทำไมมันถึงปวดเท้าเป็นบ้าเลย โอ๊ย ตาคู่สวยไล่สำรวจบริเวณปวดร้าวรานมันคือข้อเท้าข้างขวาที่ฉันเผลอก้าวพลาดเมื่อกี้ มันพลิกจนเป็นแผลบวมเป่งสง่า >[]< เจ็บบบบบบบบบบบบบ!!! โทโมะรีบเข้ามาดูฉันแล้วจับข้อเท้าฉันขึ้นดูแต่ฉันถอยหนีทำให้มันกระตุกแผลจนปวดซ้ำแล่นเข้าประสาทสั่งการฉันให้ชะงักค้างทันควัน T[]T เจ็บง่ะ
 
 
 
            “ยัยบ้าอยู่นิ่งๆสิ อย่าทำกร่างได้มั้ย!” เขาสั่งเสียงดุ แล้วนายจะมาด่าฉันทำไมเนี่ยห่ะ!
 
 
 
            “ไม่ต้องยุ่งน่า ฉันไม่เป็นอะไร” ฉันขืนเท้ากลับแต่เขาเล่นกระชาก เน้นนะ กระชากขาสวยฉันมาวางบนเข่าเขาแล้วก้มดู ฉันน้ำตาปริบเล็กน้อยเพราะเจ็บที่โทโมะเล่นดึงซะแรง
 
 
 
            “ซุ่มซ่ามชะมัด” เขาถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืน ฉันดึงข้อเท้ากลับมาดูเอง เส้นเอ็นคงขาด บวมใหญ่ซะขนาดนี้ บ้าชะมัด ฉันพยายามฝืนเท้าลุกขึ้นยืนให้ปกติที่สุดแล้วผ่อนลมหายใจก่อนจะก้าวเท้าแรก ความเจ็บแปล๊บจู่โจมฉันซะเกือบล้มแต่ดีที่ฉันเกาะกำแพงได้ทันแล้วลองใหม่อีกครั้ง ถึงฉันจะรู้สังขารตัวเองดีแต่ฉันก็ไม่อยากขอความช่วยเหลือจากคนข้างหลังฉันนักหรอก
 
 
 
            “ว้าย!” ขณะฉันกำลังเดินออกห้องน้ำด้วยเท้ากะเผลกๆนั้น ฉันก็ถูกโทโมะช้อนร่างขึ้นอุ้มท่าเจ้าหญิงแบบไม่ทันตั้งตัว
 
 
 
            “กว่าจะถึงคงไปล้มหัวฟาดตายที่ไหนซะก่อน” โทโมะพ่นคำร้ายๆแล้วเดินอุ้มร่างฉันไป ระหว่างทางฉันทั้งโวยวายทั้งจิกให้เขาปล่อยจนเจ้าตัวรำคาญรีบขู่เข็ญฉันว่า ถ้ายังดิ้นไม่เลิกเขาจะปล้ำฉัน นั้นแหละเป็นเหตุผลทำไมฉันถึงได้แต่กอดอกฮึดฮัดปล่อยให้เขาพาร่างฉันมาถึงห้องครัว
 
 
 
            “แก้ว!” ฟางวิ่งมาหาฉันทันทีที่เห็นฉันกับโทโมะ ยัยตัวเล็กมองฉันกับโทโมะสลับกันอย่างงงๆที่เราสองคนมาด้วยกันได้ไงและมณีที่ตามมาทีหลังก็เช่นกัน ช้าไปแล้วแม่คุณ
 
 
 
            “โทโมะเกิดอะไรขึ้นน่ะ!?” ฟางถามเขาอย่างเป็นกันเองมาก =_=? คำถามนั้นมันต้องถามฉันไม่ใช่เรอะฟาง
 
 
 
            “พอดีผมได้ยินเสียงโครมครามในห้องน้ำเลยเปิดเข้าไปดูก็เจอเขาล้มอยู่กับพื้นครับ” ฉันหันไปจิกตาใส่เขาที่พี่แกเล่นโกหกหน้านิ่ง พูดมาได้ล้มอยู่แล้ว นั่นมันเพราะนายเป็นต้นเหตุทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้ต่างหากเล่า ไม่อยากจะพูด หึ่ย
 
 
 
            “แฮะๆ แก้วซุ่มซ่ามเองแหละ แต่ไม่เป็นไรแล้วล่ะ นี้นายเลิกอุ้มฉันได้แล้วฉัน Ok แล้วน่า!” ฉันรีบพูดปลอบยัยตัวเล็กให้เย็นลงก่อนจะสั่งให้เขาปล่อยลง โทโมะมองหน้าฉันกับฟางก่อนจะยอมปล่อยร่างฉันลงยืน ฉันยิ้มให้ฟางแล้วดูขาตัวเอง มันไม่เจ็บแล้วนะฉันคิดว่างั้นแต่พอก้าวเท่านั้นแหละทำเอาฉันทรุดแต่โทโมะโอบเอวฉันไว้ทัน
 
 
 
            “อวดเก่งซะจริง” ฉันหน้าหงิกรีบหลบตาเขา ไม่เข้าใจจริงๆทำไมเขาถึงปากร้ายเป็นบ้า
 
 
 
            “ณีว่าคุณโทโมะพาคุณแก้วไปนั่งที่ห้องนั่งเล่นก่อนจะดีกว่านะค่ะ” มณีรีบออกความเห็น
 
 
 
            “นั่นสิ โทโมะฝากด้วยนะ เดียวฟางไปเอากล่องพยาบาทก่อน” ฟางพูดขอโทโมะให้พาฉันไปที่ห้องนั่งเล่นในบ้าน
 
 
 
            “ฟาง ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้แก้วไม่เป็นอะไร โอ๊ย” ฉันดันลงน้ำหนักข้างที่พลิกเผลอลั่นด้วยความปวดแต่ฉันเกาะแขนเขาไว้เลยไม่ล่วง โทโมะอุ้มร่างฉันขึ้นอีกครั้งและรอบนี้ฉันไม่ขัดขืนเพราะขัดไม่ออกจริงๆมันเจ็บมากจนฉันเถียงสู้เขาไม่ออก เขาอุ้มฉันมาถึงห้องนั่งเล่นแล้ววางลงบนโซฟาตัวใหญ่สักพักก็ตามมาด้วยฟางและมณีที่ไปเอากล่องพยาบาทมาให้
 
 
 
            “โอยๆๆ ฟางจ้า เบาๆ” ฉันถูกยัยตัวเล็กเอาน้ำแข็งบี้เท้าสกัดดาวรุ่งเพราะฉันยื้อจะแย่งเอามาจัดการเอง
 
 
 
            “คนเจ็บน่ะอยู่นิ่งๆไปเลยเดียวฟางจัดการเอง” ฟางนิ่วหน้าสั่งขาดจนฉันต้องนิ่งตาม ฉันแอบสังเกตเห็นโทโมะที่ยืนกำกับอยู่หลังฟางหัวเราะเยาะฉันเงียบๆ ฉันเขม่นเขา โทโมะก็หุบยิ้มแล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้กลับและพอหันกลับมามองฟาง ฉันก็ถูกยัยเพื่อนสาวขึงตาใส่เล่นซะฉันหน้าเจื่อนลง
 
 
 
 
            “วันนี้มันวันซวยอีกวันของฉันรึไงกันน้า” ฉันบ่นงึมงำขณะนั่งประคบเย็นที่เท้าอยู่ในห้องเดียวกับนายโทโมะสองต่อสองส่วนฟางบอกจะไปเอาขนมมาให้ฉัน โทโมะเหลือบฉันนิดๆแล้วก้มหน้าไม่สนใจต่อ อึดอัดจริงโว้ย! เมื่อไหร่ฟางจะมาน่ะ
 
 
 
            “แก้ว ฟางเอาขนมมาให้จ้ะ” ขนมมาแย้ววววววว \>w</  แก้วอยากกินหนม ฉันนั่งกินอย่างสุขใจเพราะขนมแสนอร่อยฝีมือยัยตัวเล็กของฉัน ฟางยิ้มแล้วป้อนขนมให้พลางแกล้งฉันเล่นตามประสาเพื่อนร๊ากกกก อร่อยสุดๆ ไม่อยากโม้
 
 
 
            “แก้วจะกลับกี่โมงอ่ะ” ฟางถามฉันไปมือก็ป้อนขนมเข้าปากฉันไม่เลิก
 
 
 
            “อืม คงสัก 6 โมงล่ะมั่ง แก้วบอกม๊าไปว่าไม่เกินทุ่ม” ฉันตอบยัยตัวเล็กกลับ
 
 
 
            “แล้วแก้วจะกลับยังไง?” กลับยังไง ถามอะไรแปลกๆ
 
 
 
            “ก็ขับรถกลับนะสิ แก้วเอารถมาน่ะ เอ่อ จริงด้วย” ฉันพูดก่อนจะฉุดใจนึกได้ว่าตัวเองเท้าเจ็บอยู่ฉันคงขับรถไม่ไหวแน่
 
 
 
            “เอางี้ โทโมะนายว่างตอนเย็นใช่มั้ยช่วยไปส่งแก้วให้หน่อยนะ”
 
 
 
            “ไม่เอา!!!”
 
 
 
 
 
 
 
 
            อัพวันล่ะนิดจิตแจ่มใส โมะแก้วมาเต็ม อัพให้แล้วนะ ขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันติดตามผลงานของเรา รู้สึกดีใจที่มีคนอ่าเยอะขนาดนี้ เราจะพยายามให้ดีที่สุดนะทุกคน >w</
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา