The Heart เพราะหัวใจรักใครไม่เป็น...

8.8

เขียนโดย พายุลมหนาว

วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 07.14 น.

  12 chapter
  83 วิจารณ์
  18.24K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 กันยายน พ.ศ. 2558 00.03 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

11) [11] ไม่ได้อะไร

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

The Heartเพราะหัวใจรักใครไม่เป็น...

 

Chapter (11)

 

 

 

            “เร็วหน่อย เวลาเรามีน้อยนะเว้ย!” พวกลูกน้องกลุ่มสิงห์ควบคุมเหล่าแรงงานสั่งให้เร่งทำงานขนสินค้ากันให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะขนไปยังจุดหมายต่อไป ณ เวลานั้นเอง กลุ่มกรมตำรวจของป็อปปี้ที่แอบซุ่มดูลาดเลาอยู่ไม่ใกล้ ถ้านับจำนวนดูต่างฝ่ายต่างสูสีกันแต่มันติดตรงที่ถ้าเกิดเสียงดังล่ะก็ พวกคนในงานจะมีอันตราย

 

 

 

            “งานหยาบซะแล้ว เอาดีครับผู้กอง?” จ่ากิตติถาม

 

 

 

            “จ่า จ่ายกคนของจ่าไปล้อมทางนู่นส่วนหนึ่งแล้วระวังอย่าให้พวกมันเห็นเดียวผมจะให้พวกเราอีกส่วนอ้อมไปอีกฝั่ง ส่วนผมจะจัดการปิดปากไอ้สองคนที่เฝ้ารถบรรทุกก่อน” ป็อปปี้แจกแจงงานเสร็จก็รีบวิ่งไปแอบหาจังหวะพอเหมาะที่จะล้มสองชายฉกรรจ์ ตามปกติเขาคงจัดการยิงเปรี้ยงเดียวล้มแต่นี้สถานการณ์ไม่สู้ดี สถานะไม่อำนวย

 

 

 

            กึกๆ กึก

 

 

 

            ชายหนุ่มโยนก้อนหินเรียกความสนใจสองชาย พวกเขามองหน้ากันเองก่อนจะส่งสัญญาณให้ไปดู หนึ่งในนั้นเดินตามเสียงที่ได้ยิน ป็อปปี้รอโอกาสจัดการตะครุบปิดปากลากมาจัดการได้หนึ่งคนและชายอีกคนแปลกใจที่ไม่เห็นเพื่อนจึงเดินมาตามทางมองหาแต่พอหันซ้ายเท่านั้น

 

 

 

            พลั่ก!!

 

 

 

            ป็อปปี้ซัดหมัดเต็มเหนี่ยวเข้าใบหน้าทำให้ชายฉกรรจ์เซถอยอย่างเสียหลัก ชายหนุ่มไม่รอช้ารีบรวมกำปั้นทุบหลังจนชายฉกรรจ์ล้มแนบพื้นแล้วซ้ำด้วยเตะอัดหน้าสลบคาพื้น

 

 

 

            “ฟู่ว” ชายหนุ่มรีบส่งซิกพวกในพุ่มให้จัดการตามแผนส่วนเขาก็รีบย่องเงียบแนบตัวติดรถบรรทุกมองซ้ายแลขวาเพื่อความปลอดภัย ยังดีที่นี้เป็นหนทางแคบพอตัวและมีต้นไม้เยอะทำให้ง่ายต่อการซุ่ม ป็อปปี้เปิดประตูรถแล้วสตาร์ทเครื่องเรียกความสนใจคนอีกกลุ่ม

 

 

 

            “ไอ้สันไปดูดิใครมันสตาร์ทรถ กูยังไม่ได้สั่งเชี่ยไรเลยของก็ยังขนไม่เสร็จ อ้าว เฮ้ยพวกมึงรีบๆกันหน่อยชักช้ายืดยาดซะจริง!” ชายร่างกำย่ำที่ดูน่าจะเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของกลุ่มสั่งการลูกน้องก่อนจะตะคอกพวกคนงาน สันเดินมาพร้อมกับเพื่อนของตนอีกสามคน พอเดินมาถึงรถก็งุนงงเพราะมันไม่มีใครอยู่และเวรยามก็หายไปด้วยแต่ไม่ได้คิดอะไร ขึ้นไปจัดการดับเครื่องรถตามหน้าที่

 

 

 

            “แม่งใครเล่นว่ะอย่าให้รู้นะเว้ย อ้าวไอ้พวกนี้กูบอกให้มาเป็นเพื่อน แม่งหายแซบกันหมด” สันบ่นทันทีที่ไม่เห็นพวกตน แต่เพราะความชะล่าใจของมันป็อปปี้จึงได้โอกาสทุบไม้หน้าสามฟาดหัวมันเต็มๆจนสลบไปอีกคนก่อนจะลากไปรวมกับพวกเพื่อนๆของเขา

 

 

 

            “เสือกโง่ซะงั้น” ป็อปปี้ส่ายหน้า

 

 

 

            “มึงมากกว่าที่โง่ ยกมือขึ้นซะผู้กองภานุ” เสียงใหญ่พูดพร้อมจ่อปืนบนหัวป็อปปี้ ชายหนุ่มชะงักก่อนจะยกมือขึ้นตามคำสั่ง

 

 

 

            “ตกใจล่ะสิ ก็คิดอยู่ว่าอย่างผู้กองภานุคงไม่ได้ปัญญานิ่ม หึ แต่ก็น่าเสียดายสุดท้ายก็ต้องมาตายด้วยน้ำมือกู ฮะฮ่าๆๆๆ” ชายร่างกำย่ำหัวเราะอย่างสะใจ

 

 

 

            “แล้วแกคิดว่าคนอย่างผู้กองภานุเนี่ยจะไม่คิดเผื่อบ้างเรอะ” ป็อปปี้พูดยั่วโมโห

 

 

 

            “มึงอย่ามายั่วกุ คิดจะหลอกให้กุวอกแวกสินะ กุไม่ได้โง่นะเว้ย!” ชายร่างกำย่ำเอาปากปืนดันหัวป็อปปี้ทีหนึ่งด้วยความโกรธ

 

 

 

            “นั่นแหละที่ฉันเสียใจ” ป็อปปี้หันมาแสยะยิ้ม ชายกำย่ำทนไม่ไหว นิ้วใหญ่กำลังเหนี่ยวไกปืนแต่กลับฟุบสลบลงพื้นซะก่อนเพราะถูกตำรวจนายหนึ่งเอาไม้ที่ป็อปปี้วางทิ้งไว้ทุบ

 

 

 

            “แต้งกิ้วนะวิน” ป็อปปี้ตบบ่ารุ่นน้องอย่าง หมู่วิน

 

 

 

            “นี้ถ้าผมมาไม่ทันผู้กองจะได้ยืนยิ้มอย่างนี้อยู่ไหมนะ” วินบ่นรุ่นพี่กลับ ป็อปปี้ยิ้มก่อนทั้งคู่จะพากันออกมาท่ามกลางพวกสมุนของสิงห์ที่ถูกห้อมล้อมด้วยตำรวจนับสิบๆนาย การจับกุมรอบนี้เป็นไปได้ด้วยดีตรงที่กำลังพลของสิงห์มีไม่มากนักและส่วนหนึ่งป็อปปี้ก็จัดการไปแล้วด้วย

 

 

 

            “ของกลางล่ะ?” ป็อปปี้ถามตำรวจนายหนึ่ง

 

 

 

            “อยู่บนรถหมดแล้วครับ ผู้กอง” เขาตอบกลับ ป็อปปี้ยิ้มพอใจกับผลงานที่ได้รับทำให้เขาไม่คาดการเพื่อว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเดียวนี้

 

 

 

            บรึ้น บรื้นนนนนนนนนนนนนนนนนน!!!!

 

 

 

            อยู่ๆรถบรรทุกก็ออกตัวเองโดยที่ของกลางทั้งหมดอยู่ในรถ ป็อปปี้ตาโตรีบวิ่งตามพร้อมคว้าปืนหมายยิงแต่ไม่ทันการ เขาไม่รู้ว่ามีหนึ่งในนี้รอดไปได้ยังไงแต่ที่แน่ๆหลักฐานทั้งหมดอยู่ในนั้น

 

 

 

            “พวกแกจะเอาของไปส่งที่ไหน บอกมา!!” ป็อปปี้กระชากหนึ่งในกลุ่มสิงห์พร้อมเค้นหาที่อยู่ แต่มันกลับถมน้ำลายใส่เขาแล้วแค่นหัวเราะ ชายหนุ่มจึงซัดหน้ามันหงายล่วงแล้วตั้งท่าจะเข้าไปซ้ำแต่วินรีบล็อคตัวผู้กองของเขา เพราะต่อให้กระทืบมันต่อไปก็ไม่มีอะไรดี เสียแรงซะป่าว

 

 

 

            “ผู้กองครับ ผมว่าเราควรจัดการจับพวกนี้ส่งสน.ก่อนจะดีกว่าครับอย่างน้อยเราก็อาจจะได้เบาะแสเพิ่มบ้าง ส่วนเรื่องรถผมบอกให้ด่านสกัดจับแล้วถ้าเจอให้ดักได้ทันที” วินพูดเสนอ ป็อปปี้พยักหน้าแล้วรีบกดเบอร์หาพวกที่อยู่ในงาน

 

 

 

 

            “อ่ะ เอสเปรสโซหน่อยไหมหมอ” ฉันที่นั่งอยู่จุดรอตรวจเจอกับไอ้เขื่อน มันยื่นเอสปั่นให้ฉันด้วยรอยยิ้มตามแบบมัน

 

 

 

            “หืม วันนี้มาซะเช้าเชียวนะ เป็นห่วงเขาเหรอ?” เขาที่ว่าก็ไม่ใช่ใครหรอก คือแม่สาวสุดโหดที่จับมันทุ่มซะหงายเนี่ยแหละ ตั้งแต่หลังงานเลี้ยงที่ไอ้ป็อปโทรหาฉันกับมัน ฉันก็รีบตรงไปที่เกิดเหตุพวกภีมรีบพาทุกคนที่ยังรอดมารักษาที่โรงพยาบาทโดยมีฉันเป็นคนทำแผลทั้งหมดเล่นซะเรี่ยวแรงหายเกลี้ยง มีคนตายในกลุ่มเราอยู่ 4 คน คนที่ชื่อชัยเองก็ด้วย ส่วนภีมกับเฟย์ยังดีที่อยู่ห่างจุดระเบิดแต่ก็ได้รับบาดเจ็บไม่ใช่น้อยๆ

 

 

 

            “ใครว่าล่ะ ผมก็มาดูทุกคนเนี่ยแหละไม่ได้เจาะจงไปที่ยัยนั้นสักหน่อย” เขื่อนมันรีบเถียงฉันกลับอย่างเร็ว เหอะๆ อย่างแกเรอะจะเป็นห่วงคนอื่นไม่เชื่อหรอก

 

 

 

            “อ้อเหรอ นั้นฉันไปหาเฟย์ก่อนนะ” วางกับดักแม่ง

 

 

 

            “เฮ้ย ไปด้วยดิ” ติดกับเร็วเกิ้น =w=+

 

 

 

            “เฟย์รู้สึกเป็นไงบ้าง” ฉันเปิดเข้ามาทักแม่สาวเปรี้ยว เธอยิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตรมากกว่าแต่ก่อนเพราะฉันเป็นคนคอยดูแลเธอร่วมอาทิตย์ตั้งแต่พักฟื้นตัวและดูเหมือนเฟย์ก็คงจะยอมรับฉันเป็นเพื่อนหน่อยๆแล้วล่ะมั่ง

 

 

 

            “อืม ก็ดีขึ้นมากแล้ว” เฟย์พูดพลางเขย่าแขนให้ฉันดู วันนั้นเธอเอาแขนป้องกันตัวเองทำให้ถูกสะเก็ดระเบิดเป็นแผลไหม้ส่วนอื่นๆก็แค่ถลอกปอกเปิดเพราะกระเด็นกลิ้งไปตามทาง แต่ก็น่าจะหายในเร็ววัน แต่ฉันกลัวเรื่องแผลเป็นนี้ดิ =^=

 

 

 

            “ขอฉันดูหน่อยนะ” ฉันขอดูแผลที่แขนเธอพลางฉีกเสื้อสำรวจช่วงหัวไหล่ที่พันผ้าไว้ มันม่วงช้ำไปเยอะเหมือนกันแต่ก็ดูน่าจะบรรเทาลงแล้วนะ เป็นยัยจอมถึกจริงๆไม่ร้องสักแอะ เอ๋ ฉันว่าฉันลืมอะไรไปอย่างหนึ่งนะ ไอ้เขื่อนมีไหน O-O? มันตามฉันมาไม่ใช่เรอะ

 

 

 

            “มองหาใคร?” เฟย์ถามฉันที่กวาดมองประตูด้านระหว่างตรวจแผลให้เธอ

 

 

 

            “แฮะๆแปปหนึ่งนะ” ฉันจดกระดุมให้เธอก่อนจะเดินไปลากไอ้เขื่อนที่มัวยืนด่อมๆมองๆอยู่ข้างนอก

 

 

 

            “นิไอ้เขื่อน อยากเยี่ยมเขาก็เข้ามาดิ ไปยืนเป็นสต๊อกเกอร์หน้าห้องทำแป๊ะอะไร!” ป๊อดนี้หว่า

 

 

 

            “โอ้ยแก้ว ถ้าผมเข้าไปผมจะไม่โดนยัยนั้นจับทุ่มซะก่อนเรอะ!?” ดูมัน เห็นครั้งก่อนยังกล้าเถียงอยู่เลย

 

 

 

            “เขาจะเอาแรงที่ไหนมาทุ่มแก ไม่เห็นเรอะเขาเจ็บอยู่นะเว้ย!” ฉันรีบดันมันเข้าห้อง มันก็ยอมเดินตามอย่างกล้าๆกลัวๆแต่ใจหนึ่งก็คงห่วงด้วยแหละ เล่นเดินนำหน้าฉันไปก่อน

 

 

 

            “แก้ว ฉันยะ..นายมาทำไม!” ป๊าดตาเขียวปั๊ดเลย สู้ๆไอ้เขื่อน

 

 

 

            “ก็อยากมามีอะไรป่ะ” นั้น มันปากกล้าขึ้นทันตา

 

 

 

            “แต่ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย รู้สึกอยากอ้วก” ปากคอเราะร้ายไปแล้วเฟย์

 

 

 

            “อ้าวๆ เดียวสิแค่จ้องตากันนิดเดียวท้องซะแล้วเหรอแต่ไม่ต้องห่วงเดียวพี่เขื่อนจะรับผิดชอบน้องเฟย์เอง” มันยิ้มหวานใส่เฟย์ที่หน้าดูจะเอือมระอามันอย่างแรง ไอ้ป๊อดเมื่อกี้มันไปไหนซะแล้วว่ะ =[]=???

 

 

 

            “เฟย์ เมื่อกี้จะพูดอะไรเหรอ?” ฉันถามแทรกวงก่อนบรรยากาศจะขุ่นมัวไปมากกว่านี้

 

 

 

            “คือฉันอยากไปเยี่ยมภีมหน่อยน่ะ” ภีม 0v0

 

 

 

            “นั้นเดียวผมพาไป” ไอ้เขื่อนรีบเสนอตัวเองแทนฉันซะงั้น

 

 

 

            “ฉันจะไปกับแก้วไม่ใช่นาย!” ว่าล่ะ แล้วไอ้เขื่อนมันจะขยิบตาทำไมล่ะนั้น อ้อรู้ล่ะ

 

 

 

            “เฟย์ เดียวฉันต้องไปตรวจคนไข้ต่อน่ะ ให้ไอ้เขื่อนพาไปล่ะกันนะ” ฉันรีบโกหกหน้าตายเพื่อมัน เฟย์เบ้หน้าทันที ดูเจ้แกจะรังเกียจมันมากนะนั้นต่างกับไอ้เทพบุตรหน้ายาวนี้ยิ้มกริ่มเชียวมัน

 

 

 

            “นั้นฉันไม่ไป” เฟย์กอดอกแล้วสะบัดหน้าอย่างหงุดหงิด แต่ไอ้เขื่อนมันกลับยักคิ้วให้ฉันแล้วลากวิวแชร์มาวาง อ้าวไอ้เขื่อนเขาบอกไม่ไป เฮ้ย แกทำอ่ารายยยยยยยย ไปอุ้มเขาทำไม!? ไอ้หน้ายาวมันอุ้มเฟย์แล้ววางลงบนวิวแชร์ที่มันเตรียม

 

 

 

            “แก้วห้องภีมอยู่ไหนเหรอ?” มันถามฉันที่เอ๋ออยู่ กล้าเนอะ

 

 

 

            “ริมสุดนู่นน่ะ” ฉันชี้บอกทางมันก่อนที่มันจะเข็นวิวแชร์ไปพร้อมกับเฟย์ที่โวยวายใส่มันไม่ยั้ง ฉันมองตามทั้งคู่สุดทางจนพวกเธอทั้งสองเข้าห้องภีมไป ฉันล่ะกลัวมันจะตีกันตายในห้องเหลือเกินแล้วไอ้คนที่ลำบากสุดมันก็ฉันนี้แหละ เฮ้อ

 

 

 

            ไลน์ๆๆ!!

 

 

 

            “โอ๊ะ?” ฟางทักมา มีอะไรรึป่าวนะ อืม พรุ่งนี้แก้วว่างไหมฟางอยากให้แก้วมาหาฟางที่บ้านหน่อยน่ะ โอ้โห้ ชวนขนาดนี้ต้องไปอยู่แล้ว ^v^

 

 

 

            “เอา สิ แก้ว ว่าง พอ ดี อยาก กิน ขนม ฝี มือ ฟาง อีก จัง” บรรจงอยากสวยงาม แน่ะ ส่งสติ๊กเกอร์กลับมาด้วย ยิ้มหน้าบานเชียว ว้าว จะทำขนมให้กินด้วย รักยัยตัวเล็กของฉันที่สุด >///< โอยมีความสุขจริงเจรงงงงงงงงง อ้าวนั้นใครนั่งหน้าบูดอยู่น่ะนั่น?

 

 

 

            “ ไอ้ป็อป เป็นอะไรของมึงว่ะ?” ฉันเข้าไปตบบ่าเพื่อนชายที่นั่งหน้าบูดเป็นตูดหมึกเชียว มันมองหน้าฉันแล้วถอนหายใจใส่เฉย อะไรของมัน

 

 

 

            “ก็เครียดน่ะดิ ทุ่มทุนแทบตายดูสิแม่งได้อะไรสักอย่างไหม แถมคนของเราก็ตายป่าวด้วย” มันพล่ามน้ำเสียงแบบเซ็งมากกกก แล้วครั้งก่อนไหนมันบอกว่าจับลูกน้องพวกไอ้แสนไปเยอะไม่ใช่เรอะ ไม่ได้อะไรได้ยังไง?

 

 

 

            “แล้วพวกสมุนนายแสนนั้นล่ะ มึงไม่ได้อะไรเลยเหรอ?”  หน้าบูดกว่าเดิมอีก

            “จะได้ได้ไง รีดปากมันแทบตายสุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้แถมไอ้แสนมันดันเล่นเส้นบอกพวกเราไม่มีหลักฐานมาค้ำ ลูกน้องมันเลยถูกปล่อยตัวหมด กูพยายามขอผู้กำกับแล้วแต่ท่านก็บอกแบบเดียวกับมัน รถบรรทุกนั้นก็ดักจับไม่ได้อีก กูนิโครตปวดหัว ทำไมไอ้พวกคนชั่วมันถึงตายยากตายเย็นงี้ว่ะ!” กรรม ดั้นเส้นใหญ่ซะด้วย

 

 

 

            “เอาน่าไอ้ป็อป กูเชื่อว่าสักวันกรรมจะต้องตามสนองพวกมัน แต่ถึงตอนนั้นมึงก็อย่าพึ่งท้อล่ะกัน” ฉันกอดคอปลอบมัน ไอ้ป็อปมันยิ้มแล้วอ้ำอืมรับรู้

 

 

 

            “อาการทุกคนเป็นไงบ้าง?” มันถามเรื่องพวกที่บาดเจ็บกับฉัน

 

 

 

            “คงตัวแล้วและก็พวกที่เสียชีวิตกูติดต่อญาติจัดการเรื่องฌาปนกิจเรียบร้อยล่ะ” ฉันตอบมันไปมันก็แอบซึมลง คงเสียใจเรื่องพวกที่ตายไปสินะ ฉันก็เศร้าไม่ต่างจากมันหรอกแต่ภีมบอกฉันว่าพวกเขาเต็มใจที่จะช่วยแม้ชีวิตจะม้วยมอด ญาติพวกเขาเองก็ยอมรับกับการตายของพวกเขาโดยดี ฉันสงสารพวกเขานะแต่ถ้าฉันล้มเลิกสิ่งที่พวกเขาทำมาก็ต้องสูญป่าว ดังนั้นฉันถึงสาบานไว้ต่อหน้าหลุมศพต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตฉันก็ยอม ถ้ามันสามารถทำให้ไอ้พวกมาเฟียได้ชดใช้กรรมที่พวกมันก่อไว้อย่างสาสม

 

 

 

            “พรุ่งนี้มึงไปไหนรึป่าว” พรุ่งนี้เหรอ 0-<?

 

 

 

            “กูจะไปบ้านฟางน่ะ พอดีฟางชวน” ใช่ๆได้กินหนมด้วย แก้วชอบ

 

 

 

            “ห่ะ บ้านยัยเตี้ยนั่นน่ะนะ!” เขาชื่อฟางไม่ใช่ยัยเตี้ย ไอ้ป็อป!

 

 

 

            “ใช่ มีไรเหรอ?” ทำไมมันต้องหน้าตกใจขนาดนั้นด้วยว่ะ = = บ้านยัยตัวเล็กมันมีอะไรด้วยแปลกนักหนา

 

 

 

            “ก็แค่ไม่คิดว่ามึงจะกล้าบุกถิ่นมัน” มัน มันไหน? บุกถิ่นมัน..... O[]O!!! ลืมไปเลยว่าบ้านฟางก็บ้านนายแสนนะดิ ชิบหายแล้วไงยัยแก้ว  ถ้าบ้านนายแสนก็ต้องมีพวกสิงห์อยู่เต็มบ้าน มาเฟียเป็นโขยง หาเรื่องตายแล้วไม่ล่ะ แต่ฉันก็ดันสัญญากับฟางไปแล้วด้วยว่าจะไปถ้าขืนไม่ไปล่ะก็คงโดนเฉ่งเช้าเฉ่งเย็นยาวเป็นนิราศแดนไกลแง่ม เป็นไงล่ะมัวแต่หลงระเริงเรื่องกิน เหอะๆๆ =v=;;

 

 

 

            “มึงไปกับกูได้ไหมอ่ะ” T^T

 

 

 

            “เชี่ย กูไม่ว่างโว้ย ติดธุระ!” ไอ้เพื่อนเวร ทำไมแม่งไม่มาให้เร็วกว่านี้ว่ะ /(>[]<)\ เอ้อ! เป็นไงเป็นกันเพื่อขนมที่ฟางอุส่าทำให้ต่อให้ต้องหนีเสือปะจระเข้ อีแก้วก็จะขอฝ่าฟันเพื่อ ขนมมมม!!!

 

 

 

 

 

           

            เหมือนแก้วเราจะลืมคิดไปอีกอย่าง เหอะๆ เพื่อขนม สู้ตาย มาอัพให้ต่อแล้วนะ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นที่คอยติดตามเรื่องนี้ หวังว่าจะรออ่านเรื่องเราต่อไปนะ จะพยายามทำให้ดีที่สุด /(>[ ]<) yessir!!!

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา