MEN BEYOND KINGDOM (MBK)
-
เขียนโดย Killzone
วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 02.11 น.
2 บท
0 วิจารณ์
4,714 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2558 02.13 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
1) สมาชิกกิลด์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ แซ่กๆ...
เสียงแกรกกรากของใบไม้แห้งดังขึ้นอย่างแผ่วเบาราวกับมาจากที่ห่างไกลก่อนจะค่อยดังชัดเจนขึ้นในโสต ประสาทสัมผัสที่ฝึกปรือมายาวนานผ่านการต่อสู้บอกเข้าว่ามีบางสิ่งกำลังย่างกรายเข้ามา ขณะที่เปลือกตาของเขายังคงปิดสนิท บางอย่างสัมผัสเขาอย่างแผ่วเบาที่ใบหน้า
“อย่าน่าซองมิน...” เขาพูดอย่างอ่อนล้าด้วยความเคยชินพร้อมกับพยายามเอามือปัดป้องการจู่โจมอย่างไร้ผล มือของเขาในยามที่ตายังปิดเพราะความงัวเงียเช่นนี้ไม่สามารถเข้าหาเป้าหมายได้อย่างที่ต้องการเลย
สัมผัสประหลาดที่เข้ามาจู่โจมนั้นยังคงป้วนเปี้ยนอยู่แถวใบหน้าของเขาก่อนจะใช้อะไรบางอย่างที่มีลักษณะอ่อนยวบและเปียกเหมือนลิ้นปาดบนแก้มข้างซ้ายของเขา
“บอกให้พอไง!!” แทฮาลุกสปริงตัวมาอยู่ในท่านั่งเพราะทนการรบเร้าของอีกฝ่ายไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว แต่เมื่อดวงตาของเขาเบิกโพลงเต็มที่ก็พบว่าตัวเขากำลังนั่งอยู่คนเดียวในป่าที่ใบไม้สีเหลืองและแดงสุมกองอยู่เต็มพื้นดิน รอบตัวเขานั้นไม่มีสัญญาณของมนุษย์คนอื่นๆเลย มีเพียงชอลพา สามง่ามคู่ใจที่ใช้เป็นอาวุธร่วมต่อสู้มาหลายศึกแล้ว
แทฮาหันซ้ายหันขวาด้วยอารามตกใจ นี่เขามาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง แล้วสัมผัสเมื่อกี้นี้มันอะไรกัน?
จี๊ดๆๆ
กระรอกตัวน้อยผลุบขึ้นมาจากกองใบไม้ที่ท่วมพื้น ก่อนจะหันมามองแทฮาด้วยหัวที่เอียงคอนอย่างสัตว์ที่มีอาการสงสัย
“เมื่อกี้คือเจ้าเองงั้นหรอ? ถ้าเป็นเจ้าก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้าเป็นซองมินล่ะก็...” แทฮากำหมัดแน่นพร้อมกับจินตนาการบทลงโทษที่เกือบจะได้ทำต่อซองมิน แม้ที่ผ่านมาจะไม่เคยมีสักครั้งที่ทำได้สำเร็จก็ตาม
กระรอกน้อยใช้มือเล็กๆของมันแตะบนหมัดของแทฮาก่อนจะปีนขึ้นมาอยู่บนไหล่อย่างเชี่ยวชาญ แทฮามองดูมันด้วยความเพลิดเพลินอยู่ชั่วอึดใจหนึ่งก่อนจะผุดลุกขึ้นเพราะนึกเรื่องสำคัญออก
“ก่อนอื่นต้องตามหาคนอื่นๆก่อน!” แม้ความคิดจะยังสับสนและเลือนราง แต่เขาพอจำได้ว่าครั้งล่าสุดที่เขารู้ตัว เขากับเพื่อนๆกำลังต่อสู้กับศัตรูในดันเจียนตามคำสั่งของพระราชา แต่พอรู้ตัวอีกทีเขาก็มานอนอยู่กลางป่าแบบนี้เสียแล้ว
“ชอลพา!!!”แทฮาแบมืออกเรียกอาวุธ แต่เจ้าสามง่ามสีเงินยวงนั้นกลับนอนนิ่งไม่ไหวติง ไม่ยอมลอยเข้ามาอยู่ในมืออย่างว่าง่ายเหมือนทุกที นี่พลังเวทของเราเสื่อมถอยไปแล้วหรือนี่
“ชอลพา!!!” เขาลองอีกที คราวนี้ออกเสียงให้หนักแน่นกว่าเดิม แต่อาวุธที่เคยรู้ใจกลับไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย ด้วยความรำคาญ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจก้มลงไปหยิบอาวุธด้วยตัวเอง
“ฮึ่บบ”
ยกไม่ขึ้น!!!
ไม่จริงน่า? ชอลพาไม่ได้หนักขนาดนี้สักหน่อย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่??
การที่ยกอาวุธไม่ขึ้นมีอยู่แค่สองกรณีเท่านั้น นั่นก็คือหนึ่งอาวุธไม่เข้ากับคลาสของผู้สวมใส่ หรือ เลเวลของผู้สวมใส่ต่ำกว่ากำหนด แต่กรณีคนที่เคยถือได้กลายเป็นถือไม่ได้นี่ไม่เคยมีมาก่อนเลยนะ
ช่างมันตอนนี้ไม่มีเวลามานั่งคิดให้ปวดหัวแล้วรีบออกตามหาคนอื่นๆก่อนดีกว่า ว่าแต่จะทำยังไงกับไทรเดนท์อันนี้ดีล่ะ? แทฮาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอดเสื้อคลุมออกผูกกับสามง่ามแล้วใช้วิธีลากไปกับพื้นซึ่งก็พอถูไถไปได้
“ยูฮวาน...” แทฮาเริ่มต้นตะโกนเรียกคนชื่อสมาชิกกิลด์คนอื่นๆขณะเดินไปช้าเพราะมีน้ำหนักของชอลพาถ่วงอยู่
“จองอู...เซจุน...จงกุก อยู่ไหนกันหมด??” แทฮาตะโกนเรียกทุกคนในกิลด์แต่ก็ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมา ส่วนลึกในจิตใจของเขาเริ่มหวาดกลัวสถานการณ์ประหลาดที่ไม่เคยเจอมาก่อนแบบนี้ เขาไม่เคยรู้สึกคิดถึงทุกคนมากเท่านี้มาก่อนเลย
“ซองมิน อยู่แถวนี้รึเปล่า? ออกมานะ!”แทฮาตะโกนเรียกชื่อแต่ละคนซ้ำไปมาจนเริ่มเจ็บคอ ใบไม้แห้งส่งเสียงแกรกกรากบนพื้นเหมือนเสียงหัวเราะเยาะในความพยายามอันเปล่าประโยชน์ของเขา
ซวบ...
เสียงเคลื่อนที่บนใบไม้แห้งที่ผิดจากจังหวะของตัวเขาเองดังมาจากที่ในสักแห่งก่อนจะเงียบหายไป แทฮาหยุดเดินแล้วเงี่ยหูฟัง มิตรหรือศัตรู ถ้าจองอูอยู่ที่นี่คงสามารถใช้สกิลค้นหาตัวบุคคลต้องสงสัยนั่นออกมาได้แล้ว อยู่คนเดียวทำอะไรไม่ได้เลย
“นั่นแทฮาหรอ?” เสียงสุขุมนุ่มลึกที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง แทฮาหันหลังไปด้วยความดีใจ
“จองอู!!!” เขาทิ้งข้างของที่ลากมาก่อนจะเข้าไปกอดจองอูอย่างโหยหา “ฉันคิดถึงนายมากเลย นายหายไปไหนมาไม่ได้แกล้งกันใช่มั้ย แล้วคนอื่นๆอยู่ไหนล่ะ? แอบอยู่แถวนี้ล่ะสิ...”
“พอก่อนแทฮา” จองอูปรามหลังจากที่แทฮาเริ่มบ่นยาวเกินงาม “ฟังนะตอนนี้สถานการณ์ไม่ปกติ เราต้องรีบตามหาคนอื่นๆก่อน”
สวบบ...
เสียงใบไม้แห้งซวบซาบขึ้นอีกครั้ง จองอูรีบผายมือออกดันแทฮาไปด้านหลังตามสัญชาตญาณก่อนจะหยิบคันธนูหน้าตาประหลาดออกมาถือไว้ในท่าพร้อมสู้รบ
“นั่นไม่ใช่กักกุงนี่” แทฮาชี้ไปที่ธนูไม้ที่เหมือนทำมาจากวัสดุเท่าที่หาได้ ไม่เหมือนอาวุธระดับสูงที่จองอูใช้อยู่เป็นปกติ
“ชู่วว” ค่อยคุยทีหลัง อยู่นิ่งๆนะจะลองใช้สกิลตรวจจับศัตรูดู” จองอูลดอาวุธลงก่อนจะหันไปมองทางต้นเสียง แววตาของจองอูเปลี่ยนเป็นไม่มีเงาก่อนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมในชั่วอึดใจ
“ใครไม่รู้มีสกิลพรางตัวระดับสูงเลยระบุตัวไม่ได้”
“ยูฮวานรึเปล่า?” แทฮาตั้งข้อสงสัยก่อนจะตะโกนเรียกออกไปโดยไม่รอคำตอบ “ยูฮวาน!!!”
“เจ้าบ้า ทำไมทำแบบนี้....” จองอูหันมาว่าด้วยความโกรธแต่ยังไม่ทันขาดคำก็เกิดเสียงระเบิดเล็กๆพร้อมกับควันจำนวนมากลอยคลุ้งไปรอบตัวทั้งสอง เมื่อควันจางหายไปหมดทั้งสองก็ได้พบกับสมาชิกกิลด์รายที่สาม
“ยูฮวานเอง” ยูฮวานประกาศชื่อตัวเองพร้อมกับโพสท่าเอามือเท้าเอวข้างหนึ่งอีกข้างทำสัญลักษณ์ตัว V แนวนอนที่ตา
“เจ้าบ้า!!!” จองอูเขกหัวยูฮวานเสียงดังโป้ก
“โอ้ย ตีฉันทำไม?” ยูฮวานเอามือกุมหัว
“จะมาก็มาดีๆทำไมต้องใช้สกิลหายตัวด้วย แล้วตอนฉันใช้สกิลค้นหาจะใช้สกิลพรางตัวตอบมาทำไมไม่ทราบ?”
“ก็มันเผลอทำไปตามธรรมชาตินี่นา”
“ก็ดูสถานการณ์ด้วยสิฟะ!”
“เอาน่า ตอนนี้ก็เจอกันหลายคนแล้ว คนอื่นๆก็คงปลอดภัยดีอยู่เหมือนกัน ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้วมั้ง” แทฮาพยายามพูดไกล่เกลี่ย
“ไม่ต้องเป็นห่วงที่ไหนล่ะ?” จองอูจ้องเขม็งพร้อมกับยกธนูเศษไม้ในมือให้ดูอีกครั้ง
“ว้าว กักกุงโฉมใหม่หรอ? ฮ่าๆๆ” ยูฮวานล้อ จองอูกัดฟันกรอดอย่างข่มใจ “แล้วชอลพาของนายล่ะ?”
“นี่ไง” แทฮาชี้ไปที่พื้นอย่างร่าเริง ซึ่งยูฮวานเห็นถึกกับหัวเราะตาเหลือก
“นี่นายลากไอ้นี่มาตลอดทางเลยหรอ?” ยูฮวานหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง
“ก็มันยกไม่ขึ้นนี่นา ให้ทำไงล่ะ?” แทฮาเถียงเสียงอ่อน
“ก็เก็บใส่กระเป๋านักผจญภัยสิ เจ้าติ๊งต๊อง” ยูฮวานว่าพร้อมกับชูกระเป๋าหนังสือน้ำตาลแก่ใบเล็กขึ้นให้ดู
“อ๊ะ จริงด้วย” แทฮาสมเพชในความโง่ตัวเงก่อนจะรีบเก็บชอลพาใส่กระเป๋านักผจญภัยอย่างรวดเร็ว
กระเป๋านักผจญภัยจะสามารถเก็บไอเท็มอะไรก็ได้ของตัวเองลงกระเป๋า ไม่ว่าไอเท็มนั้นจะมีน้ำหนักหรือขนาดเท่าใดก็ตาม โดยมีข้อจำกัดที่จำนวนประเภทไอเท็มเท่านั้น กระเป๋านักผจญภัยระดับเริ่มต้นสามารถเก็บได้ 30 ประเภท
“พวกนายรอตรงนี้แล้วคอยคุ้มกันฉันไว้นะ เดี๋ยวฉันจะใช้สกิลตรวจสอบแบบรัศมีกว้างดู จะใช้เวลานนสักหน่อยแต่น่าจะเจอคนที่เหลือ” จองอูเสนอ แทฮากับยูฮวานพยักหน้ารับเงียบๆ
“ไม่ต้องหรอก พวกเรามาแล้ว” ซองมินโผล่เข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มแบบผู้ชนะ นอกจากนี้ยังมีเซจุนและจงกุกตามมาด้วย ทั้งสองมีรอยยิ้มประหลาดๆเหมือนมีอะไรดีๆเกิดขึ้น
“ไม่ทราบว่าพวกนายจะทำหน้าน่าหมั่นไส้แบบนั้นกันทำไมหรอ?” จองอูถามอย่างอดไม่ได้
“พวกเราเจอนายก่อนไง” ซองมินโพล่งหัวเราะออกมาเหมือนกลั้นมานาน
“นี่พวกแกคิดว่าเราเล่นซ่อนหากันอยู่หรือไง!?”จองอูตะเบ็งเสียงถามด้วยความโมโห
“เอาเถอะน่าเท่านี้ก็ครบทุกคนแล้ว ครบ....” แทฮาหยุดพูดไปกลางคันก่อนจะเริ่มใหม่ “...หายไปคนหนึ่ง”
“บ้าน่า ลืมนับตัวเองรึเปล่า?” จงกุกทักก่อนจะเริ่มนับสมาชิกที่มารวมกันตอนนี้บ้าง
“หกคนจริงด้วย อีกคนหายไปไหน?” จองอูถามขึ้นมา
“คนที่หายไปคือใครล่ะ?” ยูฮวานถามบ้าง
“เดี๋ยวนะ พวกเรามีกัน 7 คนไม่ใช่หรอ แต่ทำไมนึกไม่ออกเลยว่าคนที่หายไปคือใคร?” ซองมินพูด
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย อาวุธก็ใส่ไม่ได้ สมาชิกอีกคนเป็นใครก็จำไม่ได้ พวกนายนึกออกมั้ยคลาสของคนสุดท้ายอะไรแบบนี้” เซจุนถาม
“ไม่เลย” ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน
กิลด์ของพวกเรามีกันทั้งหมด 7 คนแต่หลังจากเข้าสู้กับมอนสเตอร์ในดันเจียนระดับสูงตามคำสั่งพระราชา พวกเราก็มีความทรงจำที่ขาดหายไปและมาปรากฏตัวอยู่กลางป่าโดยไม่ทราบสาเหตุ พร้อมกับเรื่องประหลาดหลายๆอย่างที่ถาโถมเข้ามา พวกเราลืมไปแล้วจริงๆหรือเขาไม่เคยมีตัวตนตั้งแต่แรกกันแน่ สมาชิกคนสุดท้ายของกิลด์สปีด
เสียงแกรกกรากของใบไม้แห้งดังขึ้นอย่างแผ่วเบาราวกับมาจากที่ห่างไกลก่อนจะค่อยดังชัดเจนขึ้นในโสต ประสาทสัมผัสที่ฝึกปรือมายาวนานผ่านการต่อสู้บอกเข้าว่ามีบางสิ่งกำลังย่างกรายเข้ามา ขณะที่เปลือกตาของเขายังคงปิดสนิท บางอย่างสัมผัสเขาอย่างแผ่วเบาที่ใบหน้า
“อย่าน่าซองมิน...” เขาพูดอย่างอ่อนล้าด้วยความเคยชินพร้อมกับพยายามเอามือปัดป้องการจู่โจมอย่างไร้ผล มือของเขาในยามที่ตายังปิดเพราะความงัวเงียเช่นนี้ไม่สามารถเข้าหาเป้าหมายได้อย่างที่ต้องการเลย
สัมผัสประหลาดที่เข้ามาจู่โจมนั้นยังคงป้วนเปี้ยนอยู่แถวใบหน้าของเขาก่อนจะใช้อะไรบางอย่างที่มีลักษณะอ่อนยวบและเปียกเหมือนลิ้นปาดบนแก้มข้างซ้ายของเขา
“บอกให้พอไง!!” แทฮาลุกสปริงตัวมาอยู่ในท่านั่งเพราะทนการรบเร้าของอีกฝ่ายไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว แต่เมื่อดวงตาของเขาเบิกโพลงเต็มที่ก็พบว่าตัวเขากำลังนั่งอยู่คนเดียวในป่าที่ใบไม้สีเหลืองและแดงสุมกองอยู่เต็มพื้นดิน รอบตัวเขานั้นไม่มีสัญญาณของมนุษย์คนอื่นๆเลย มีเพียงชอลพา สามง่ามคู่ใจที่ใช้เป็นอาวุธร่วมต่อสู้มาหลายศึกแล้ว
แทฮาหันซ้ายหันขวาด้วยอารามตกใจ นี่เขามาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง แล้วสัมผัสเมื่อกี้นี้มันอะไรกัน?
จี๊ดๆๆ
กระรอกตัวน้อยผลุบขึ้นมาจากกองใบไม้ที่ท่วมพื้น ก่อนจะหันมามองแทฮาด้วยหัวที่เอียงคอนอย่างสัตว์ที่มีอาการสงสัย
“เมื่อกี้คือเจ้าเองงั้นหรอ? ถ้าเป็นเจ้าก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้าเป็นซองมินล่ะก็...” แทฮากำหมัดแน่นพร้อมกับจินตนาการบทลงโทษที่เกือบจะได้ทำต่อซองมิน แม้ที่ผ่านมาจะไม่เคยมีสักครั้งที่ทำได้สำเร็จก็ตาม
กระรอกน้อยใช้มือเล็กๆของมันแตะบนหมัดของแทฮาก่อนจะปีนขึ้นมาอยู่บนไหล่อย่างเชี่ยวชาญ แทฮามองดูมันด้วยความเพลิดเพลินอยู่ชั่วอึดใจหนึ่งก่อนจะผุดลุกขึ้นเพราะนึกเรื่องสำคัญออก
“ก่อนอื่นต้องตามหาคนอื่นๆก่อน!” แม้ความคิดจะยังสับสนและเลือนราง แต่เขาพอจำได้ว่าครั้งล่าสุดที่เขารู้ตัว เขากับเพื่อนๆกำลังต่อสู้กับศัตรูในดันเจียนตามคำสั่งของพระราชา แต่พอรู้ตัวอีกทีเขาก็มานอนอยู่กลางป่าแบบนี้เสียแล้ว
“ชอลพา!!!”แทฮาแบมืออกเรียกอาวุธ แต่เจ้าสามง่ามสีเงินยวงนั้นกลับนอนนิ่งไม่ไหวติง ไม่ยอมลอยเข้ามาอยู่ในมืออย่างว่าง่ายเหมือนทุกที นี่พลังเวทของเราเสื่อมถอยไปแล้วหรือนี่
“ชอลพา!!!” เขาลองอีกที คราวนี้ออกเสียงให้หนักแน่นกว่าเดิม แต่อาวุธที่เคยรู้ใจกลับไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย ด้วยความรำคาญ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจก้มลงไปหยิบอาวุธด้วยตัวเอง
“ฮึ่บบ”
ยกไม่ขึ้น!!!
ไม่จริงน่า? ชอลพาไม่ได้หนักขนาดนี้สักหน่อย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่??
การที่ยกอาวุธไม่ขึ้นมีอยู่แค่สองกรณีเท่านั้น นั่นก็คือหนึ่งอาวุธไม่เข้ากับคลาสของผู้สวมใส่ หรือ เลเวลของผู้สวมใส่ต่ำกว่ากำหนด แต่กรณีคนที่เคยถือได้กลายเป็นถือไม่ได้นี่ไม่เคยมีมาก่อนเลยนะ
ช่างมันตอนนี้ไม่มีเวลามานั่งคิดให้ปวดหัวแล้วรีบออกตามหาคนอื่นๆก่อนดีกว่า ว่าแต่จะทำยังไงกับไทรเดนท์อันนี้ดีล่ะ? แทฮาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอดเสื้อคลุมออกผูกกับสามง่ามแล้วใช้วิธีลากไปกับพื้นซึ่งก็พอถูไถไปได้
“ยูฮวาน...” แทฮาเริ่มต้นตะโกนเรียกคนชื่อสมาชิกกิลด์คนอื่นๆขณะเดินไปช้าเพราะมีน้ำหนักของชอลพาถ่วงอยู่
“จองอู...เซจุน...จงกุก อยู่ไหนกันหมด??” แทฮาตะโกนเรียกทุกคนในกิลด์แต่ก็ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมา ส่วนลึกในจิตใจของเขาเริ่มหวาดกลัวสถานการณ์ประหลาดที่ไม่เคยเจอมาก่อนแบบนี้ เขาไม่เคยรู้สึกคิดถึงทุกคนมากเท่านี้มาก่อนเลย
“ซองมิน อยู่แถวนี้รึเปล่า? ออกมานะ!”แทฮาตะโกนเรียกชื่อแต่ละคนซ้ำไปมาจนเริ่มเจ็บคอ ใบไม้แห้งส่งเสียงแกรกกรากบนพื้นเหมือนเสียงหัวเราะเยาะในความพยายามอันเปล่าประโยชน์ของเขา
ซวบ...
เสียงเคลื่อนที่บนใบไม้แห้งที่ผิดจากจังหวะของตัวเขาเองดังมาจากที่ในสักแห่งก่อนจะเงียบหายไป แทฮาหยุดเดินแล้วเงี่ยหูฟัง มิตรหรือศัตรู ถ้าจองอูอยู่ที่นี่คงสามารถใช้สกิลค้นหาตัวบุคคลต้องสงสัยนั่นออกมาได้แล้ว อยู่คนเดียวทำอะไรไม่ได้เลย
“นั่นแทฮาหรอ?” เสียงสุขุมนุ่มลึกที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง แทฮาหันหลังไปด้วยความดีใจ
“จองอู!!!” เขาทิ้งข้างของที่ลากมาก่อนจะเข้าไปกอดจองอูอย่างโหยหา “ฉันคิดถึงนายมากเลย นายหายไปไหนมาไม่ได้แกล้งกันใช่มั้ย แล้วคนอื่นๆอยู่ไหนล่ะ? แอบอยู่แถวนี้ล่ะสิ...”
“พอก่อนแทฮา” จองอูปรามหลังจากที่แทฮาเริ่มบ่นยาวเกินงาม “ฟังนะตอนนี้สถานการณ์ไม่ปกติ เราต้องรีบตามหาคนอื่นๆก่อน”
สวบบ...
เสียงใบไม้แห้งซวบซาบขึ้นอีกครั้ง จองอูรีบผายมือออกดันแทฮาไปด้านหลังตามสัญชาตญาณก่อนจะหยิบคันธนูหน้าตาประหลาดออกมาถือไว้ในท่าพร้อมสู้รบ
“นั่นไม่ใช่กักกุงนี่” แทฮาชี้ไปที่ธนูไม้ที่เหมือนทำมาจากวัสดุเท่าที่หาได้ ไม่เหมือนอาวุธระดับสูงที่จองอูใช้อยู่เป็นปกติ
“ชู่วว” ค่อยคุยทีหลัง อยู่นิ่งๆนะจะลองใช้สกิลตรวจจับศัตรูดู” จองอูลดอาวุธลงก่อนจะหันไปมองทางต้นเสียง แววตาของจองอูเปลี่ยนเป็นไม่มีเงาก่อนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมในชั่วอึดใจ
“ใครไม่รู้มีสกิลพรางตัวระดับสูงเลยระบุตัวไม่ได้”
“ยูฮวานรึเปล่า?” แทฮาตั้งข้อสงสัยก่อนจะตะโกนเรียกออกไปโดยไม่รอคำตอบ “ยูฮวาน!!!”
“เจ้าบ้า ทำไมทำแบบนี้....” จองอูหันมาว่าด้วยความโกรธแต่ยังไม่ทันขาดคำก็เกิดเสียงระเบิดเล็กๆพร้อมกับควันจำนวนมากลอยคลุ้งไปรอบตัวทั้งสอง เมื่อควันจางหายไปหมดทั้งสองก็ได้พบกับสมาชิกกิลด์รายที่สาม
“ยูฮวานเอง” ยูฮวานประกาศชื่อตัวเองพร้อมกับโพสท่าเอามือเท้าเอวข้างหนึ่งอีกข้างทำสัญลักษณ์ตัว V แนวนอนที่ตา
“เจ้าบ้า!!!” จองอูเขกหัวยูฮวานเสียงดังโป้ก
“โอ้ย ตีฉันทำไม?” ยูฮวานเอามือกุมหัว
“จะมาก็มาดีๆทำไมต้องใช้สกิลหายตัวด้วย แล้วตอนฉันใช้สกิลค้นหาจะใช้สกิลพรางตัวตอบมาทำไมไม่ทราบ?”
“ก็มันเผลอทำไปตามธรรมชาตินี่นา”
“ก็ดูสถานการณ์ด้วยสิฟะ!”
“เอาน่า ตอนนี้ก็เจอกันหลายคนแล้ว คนอื่นๆก็คงปลอดภัยดีอยู่เหมือนกัน ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้วมั้ง” แทฮาพยายามพูดไกล่เกลี่ย
“ไม่ต้องเป็นห่วงที่ไหนล่ะ?” จองอูจ้องเขม็งพร้อมกับยกธนูเศษไม้ในมือให้ดูอีกครั้ง
“ว้าว กักกุงโฉมใหม่หรอ? ฮ่าๆๆ” ยูฮวานล้อ จองอูกัดฟันกรอดอย่างข่มใจ “แล้วชอลพาของนายล่ะ?”
“นี่ไง” แทฮาชี้ไปที่พื้นอย่างร่าเริง ซึ่งยูฮวานเห็นถึกกับหัวเราะตาเหลือก
“นี่นายลากไอ้นี่มาตลอดทางเลยหรอ?” ยูฮวานหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง
“ก็มันยกไม่ขึ้นนี่นา ให้ทำไงล่ะ?” แทฮาเถียงเสียงอ่อน
“ก็เก็บใส่กระเป๋านักผจญภัยสิ เจ้าติ๊งต๊อง” ยูฮวานว่าพร้อมกับชูกระเป๋าหนังสือน้ำตาลแก่ใบเล็กขึ้นให้ดู
“อ๊ะ จริงด้วย” แทฮาสมเพชในความโง่ตัวเงก่อนจะรีบเก็บชอลพาใส่กระเป๋านักผจญภัยอย่างรวดเร็ว
กระเป๋านักผจญภัยจะสามารถเก็บไอเท็มอะไรก็ได้ของตัวเองลงกระเป๋า ไม่ว่าไอเท็มนั้นจะมีน้ำหนักหรือขนาดเท่าใดก็ตาม โดยมีข้อจำกัดที่จำนวนประเภทไอเท็มเท่านั้น กระเป๋านักผจญภัยระดับเริ่มต้นสามารถเก็บได้ 30 ประเภท
“พวกนายรอตรงนี้แล้วคอยคุ้มกันฉันไว้นะ เดี๋ยวฉันจะใช้สกิลตรวจสอบแบบรัศมีกว้างดู จะใช้เวลานนสักหน่อยแต่น่าจะเจอคนที่เหลือ” จองอูเสนอ แทฮากับยูฮวานพยักหน้ารับเงียบๆ
“ไม่ต้องหรอก พวกเรามาแล้ว” ซองมินโผล่เข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มแบบผู้ชนะ นอกจากนี้ยังมีเซจุนและจงกุกตามมาด้วย ทั้งสองมีรอยยิ้มประหลาดๆเหมือนมีอะไรดีๆเกิดขึ้น
“ไม่ทราบว่าพวกนายจะทำหน้าน่าหมั่นไส้แบบนั้นกันทำไมหรอ?” จองอูถามอย่างอดไม่ได้
“พวกเราเจอนายก่อนไง” ซองมินโพล่งหัวเราะออกมาเหมือนกลั้นมานาน
“นี่พวกแกคิดว่าเราเล่นซ่อนหากันอยู่หรือไง!?”จองอูตะเบ็งเสียงถามด้วยความโมโห
“เอาเถอะน่าเท่านี้ก็ครบทุกคนแล้ว ครบ....” แทฮาหยุดพูดไปกลางคันก่อนจะเริ่มใหม่ “...หายไปคนหนึ่ง”
“บ้าน่า ลืมนับตัวเองรึเปล่า?” จงกุกทักก่อนจะเริ่มนับสมาชิกที่มารวมกันตอนนี้บ้าง
“หกคนจริงด้วย อีกคนหายไปไหน?” จองอูถามขึ้นมา
“คนที่หายไปคือใครล่ะ?” ยูฮวานถามบ้าง
“เดี๋ยวนะ พวกเรามีกัน 7 คนไม่ใช่หรอ แต่ทำไมนึกไม่ออกเลยว่าคนที่หายไปคือใคร?” ซองมินพูด
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย อาวุธก็ใส่ไม่ได้ สมาชิกอีกคนเป็นใครก็จำไม่ได้ พวกนายนึกออกมั้ยคลาสของคนสุดท้ายอะไรแบบนี้” เซจุนถาม
“ไม่เลย” ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน
กิลด์ของพวกเรามีกันทั้งหมด 7 คนแต่หลังจากเข้าสู้กับมอนสเตอร์ในดันเจียนระดับสูงตามคำสั่งพระราชา พวกเราก็มีความทรงจำที่ขาดหายไปและมาปรากฏตัวอยู่กลางป่าโดยไม่ทราบสาเหตุ พร้อมกับเรื่องประหลาดหลายๆอย่างที่ถาโถมเข้ามา พวกเราลืมไปแล้วจริงๆหรือเขาไม่เคยมีตัวตนตั้งแต่แรกกันแน่ สมาชิกคนสุดท้ายของกิลด์สปีด
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ