ไอ้คุณเพื่อนครับ...รักกูบ้าง!

-

เขียนโดย ไดยะ

วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 22.07 น.

  18 chapter
  1 วิจารณ์
  22.49K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 22.36 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

15) ไอ้คุณเพื่อนครับ...รักกูบ้าง! เพ้นท์*วรเวช 5

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
5 เพ้นท์*วรเวช
 
“ฮื่อออ”เสียงงัวเงียดังมาจากคนร่างเล็ก
 
“เราอยู่ที่ไหนกัน”เพ้นท์พึมพำกำตัวเองมือตื่นขึ้นมาแล้วมองปรอบห้องพบว่าไม่ใช่ห้องของตัวเอง เพ้นท์ค่อยๆใช้ความคิดทบทวนว่าตัวเองมาที่นี่ได้ไง...แล้วที่นี่คือที่ไหน...
 
“เราถูกพวกพี่วัยรุ่นรุม...แล้วก็มีคนมาช่วยเรา...”
เพ้นท์ยังคงคิดทบทวน แต่นึกได้แค่ว่ามีคนมาช่วยตัวเอง แต่นึกหน้าไม่ออกเพ้นท์หยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา บ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาตีห้าครึ่ง
 
“โห พี่โอมโทรมาเยอะเลย”เพ้นท์พึมพำกับตัวเองอีกเมื่อเห็นสายของโอมที่ตนไม่ได้รับ อาการหวาดกลัวยังหลงเหลืออยู่แต่ตอนนี้ร่างเล็กของเพ้นท์รู้สึกอบอุ่นและรู้สึก...ปลอดภัยแปลกๆ
ร่างเล็กของเพ้นท์ลุกขึ้นจากเตียงเดินสำรวจไปรอบๆห้อง
 
จ๊อกกกกกก
 
เสียงท้องร้องดังออกมาเพ้นท์เริ่มรู้สึกหิวเพราะเด็กหนุ่มเดินไปเดินมาในห้องเป็นเวลาสักพักเลยทำให้รู้สึกหิวขึ้นมา
เพ้นท์ค่อยๆแง้มประตูออกมาพบว่าไฟข้างนอกยังเปิดไว้มีเสียงกุกกักดังจากห้องหนึ่ง เพ้นท์พอจะรู้แล้วว่าที่ที่ตนอยู่ตอนนี้คือบ้านของผู้มีพระคุณที่ช่วยเพ้นท์เอาไว้
เด็กหนุ่มเดินออกมาจากห้องนอนรับแขก ตรงไปตามเสียงที่ดังกุกกัก ตอนนี้เช้าแล้วแสงของดวงอาทิตย์ค่อยๆโผล่ขึ้นมา
 
“ตื่นแล้วงั้นหรอ”เสียงทักนิ่งๆดังมาจากคนตรงหน้าที่ตอนนี้ยืนอยู่หน้าเครื่องทำกาแฟ...เพ้นท์รู้สึกคุ้นกับน้ำเสียงและรูปร่างของคนตรงหน้ามาก
 
“คะ ครับ”เพ้นท์ตอบกลับมา คนตรงหน้าค่อยๆหันมา
 
“อะ อาจารย์วรเวช”เพ้นท์ทักอย่างตกใจเมื่อผู้มีพระคุณหันมาและเห็นว่าเป็นอาจารย์ที่สอนตนเอง ภาพของวรเวชค่อยๆรอยเข้ามาในหัว ฉากที่วรเวชต่อสู้กับพวกเด็กวัยรุ่นรอยเข้ามา...ใช่แล้ว คนที่มาช่วยเรา
คือ อาจารย์วรเวช! เพ้นท์คิดออกแล้ว
 
“อืม ชั้นเอง”วรเวชตอบกลับมาเสียงนิ่งๆ
 
“อะ อาจารย์ครับ ฮึก ขะ ขอบคุณนะครับถ้าผมไม่ได้ ฮึก อาจารย์ผมคง...ฮือออ”เพ้นท์ยกมือไหว้วรเวชด้วยน้ำตา
“เห้ยยย อย่าร้องๆ”วรเวชวางแก้วกาแฟลงแล้วเดินตรงไปหาเพ้นท์ที่ร้องไห้ออกมา
 
“ฮึกก ขอบคุณนะครับ ฮึก ถ้ามีอะไรที่ผมพอช่วยอาจารย์ได้ผมยอมทำทุกอย่างเลยครับ ฮืออ ขอบคุณครับ” เพ้นท์พูดบอกพร้อมกับยกมือไหว้วรเวช รู้สึกซาบซึ้งข้างในอกมากๆ เพ้นท์ในตอนนี้มองวรเวชเหมือน
แสงที่เจิดจ้าคอยส่องให้มองเห็น เหมือนที่ๆปลอดภัยสำหรับเพ้นท์
วรเวชอึกอักเล็กหน่อยเมื่อเห็นน้ำตาใสจากร่างเล็กของเพ้นท์ไหลนองหน้า วรเวชปลอบคนไม่ค่อยเป็น เลยไม่รู้ว่าต้องทำไงต่อ
 
“อืมๆ แต่ตอนนี้ชั้นขอให้เธอช่วยหยุดร้องก่อนได้มั้ยพิชยะ ชั้นปลอบคนไม่เก่ง”วรเวชพูดบอก มือใหญ่ของวรเวชยกขึ้นมาลูบหัวของเพ้นท์เป็นเชิงปลอบ เพ้นท์เองก็พยายามกลั้นเสียงร้องแต่น้ำตาที่ไหลออกมามากกว่านี้
 
จ๊อกกกกก...
“อ่ะ เอ่อ..คือ..”เพ้นท์อ้ำอึ้งรู้สึกอยากตีท้องของตัวเองขึ้นมาที่อยู่ๆก็ร้องออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
 
“หึหึ หิวเล้วน่ะสิ อ่ะ”วรเวชขำในลำคอเมื่อเห็นทาท่างของเพ้นท์แก้มของเพ้นท์ขึ้นสีแดงอย่างอายๆ วรเวชยื้นแก้วกาแฟไปให้เพ้นท์
 
“ขอบคุณครับ”เพ้นท์ยกมือไหว้วรเวชก่อนจะรับมา จิบนิดๆ
 
“ไปนั่งที่โซฟาก่อนไป เดี๋ยวค่อยคุยกัน”วรเวชพูดบอก ร่างเล็กของเพ้นท์เดินไปนั่งที่โซฟาอย่างว่าไง เพ้นท์แอบเหลือบตามองที่วรเวชเพ้นท์ก็ลบสายตาทันทีเมื่อเห็นว่าวรเวชก็มองตนอยู่ ใบหน้าของเพ้นท์ขึ้นสีแดงเพราะทำอะไรไม่ถูกรู้สึกใจเต้นแรงเมื่อสายตาคมของวรเวชมองมาที่ตนเอง
 
“อ่ะ”วรเวชที่เดินออกมาจากครัวพร้อมแก้วกาแฟของตัวเองและซองขนมปัง
 
“ขอบคุณครับ”เพ้นท์ยกมือไหว้วรเวชอีกครั้งก่อนจะรับขนมปังที่วรเวชส่งมาให้ วรเวชนึกรู้สึกเอ็นดูเพ้นท์ขึ้นมา เพ้นท์ดูเป็นเด็กดีดูเป็นเด็กมีสัมมาคารวะ ไหว้วรเวชทุกครั้งที่เจอหน้าและรับของจากวรเวช
 
“พ่อแม่เธออยู่ไหนทำไมมาอยู่คนเดียว”วรเวชถามขึ้นเสียงนิ่งๆพร้อมนั่งจิบกาแฟข้างเพ้นท์
 
“ท่านทั้งสองเสียไปตั้งแต่ผมเด็กแล้วครับ...”เพ้นท์ตอบกลับมาเสียงแผ่ว วรเวชเหลือบมองหน้าเด็กหนุ่ม
 
“เสียใจด้วยนะ แล้วเธออยู่กับใครล่ะ”วรเวชถามอีก
วรเวชยังคงนึกแปลกใจตัวเองว่าทำไมเวลาอยู่กลับเพ้นท์แล้วตัวเองกลายเป็นคนขี้สงสัยขนาดนี้
 
“ผมอยู่กลับยายครับ...แต่ตอนนี้ท่านไม่ได้อยู่กลับผมแล้วครับ...”
เพ้นท์พูดบอกเสียงแผ่วพร้อมกลับก้มหน้าลง รู้สึกดวงตาร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงคนที่ตนรักที่สุด
 
“กินเข้าไปขนมปังน่ะ”วรเวชยกมือลูบหัวเพ้นท์และบอกเด็กหนุ่มให้กินไป เพ้นท์รู้สึกว่าหัวใจมันอุ่นวาบเมื่อวรเวชสัมผัสที่ผมของตัวเอง
รู้สึกอบอุ่น รู้สึกปลอดภัย...อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
 
“ขอบคุณนะครับ”เพ้นท์พูดบอกมา
 
“พ่อแม่ผมเสียไปตั้งแต่ผมยังเล็กมากๆเลยครับ...ผมอยู่หับยาย...ยายเป็นคนเลี้ยงดูผมมา...แต่ท่านก็พึ่งเสียไปเมื่อไม่นานมานี้...ผมมาจากต่างจังหวัดครับ ผมได้รับทุนมาเรียนต่อมหาลัยนี้ …”เพ้นท์เล่าออกมา วรเวชเองก็รู้สึกนึกเห็นใจเพ้นท์ขึ้นมาเพราะต้องมาอยู่เมืองที่มีคน
พลุ่กพล่านอยู่มากมาย มาอยู่ในเมื่อที่ไม่มีคนรู้จัก ต้องมาใช้ชีวิตอยู่คนเดียวแล้วยิ่งเพ้นท์เป็นเด็กผู้ชายที่มีใบหน้าสวยอีก มันยิ่งอันตรายเข้าไปอีก คนสมัยนี้ยิ่งไม่สนอยู่ว่าจะหญิงจะชาย...เอ๊ะ...นี่เค้ากำลังเป็นห่วงเพ้นท์อยู่หรอ? วรเวชคิดในใจ
 
“ผมต้องการใช้ชีวิตให้ประหยับที่สุด...ผมหางานทำ...ผมหาเช่าห้องที่มีราคาถูก..”เมื่อนึกถึงที่พักของตัวเองอาการสั่นเทาด้วยความกลัวก็เกิดขึ้นเมื่อนึกถึงเหตุการที่เกิดขึ้น
 
“ไม่เป็นไรนะ”วรเวชเมื่อรับรู้ถึงอาการสั่นจากร่างเล็ก วรเวชเองก็ใช่ว่าจะเป็นคนปลอบเก่ง ก็แค่ๆลูบหัวของเพ้นท์ไปมาเท่านั้นเอง
 
“แล้วนายน่ะพิชยะ ยังจะอยู่หอพักนั้นอยู่มั้ย”วรเวชถามกลับไป
 
“ผมจะหาหออยู่ใหม่ครับ...”เพ้นท์ตอบกลับมาเพราะถ้ายังคงอยู่หอพักนั้นเพ้นท์เชื่อว่าตนเองต้องไม่ปลอดภัยแน่เลย
“แล้วนายจะไปหาที่ไหน มันใช่ว่าจะหาง่ายๆนะ”วรเวชพูดบอก เพราะว่านี้มันเปิดเทอมของหลายๆมหาลัยแล้ว ใช่ว่าจะหาหอพักได้ง่ายๆ แล้วยิ่งมาหาตอนนี้คงจะไม่มี
 
“ผมไม่รู้ครับ...”เพ้นท์ตอบกลับมาเพราะไม่รู้จริงๆ
 
“ผมว่าผมจะอยู่หอพักเดิมต่อไปก่อนน่ะครับ...ไว้หาหอใหม่เจอแล้วผมค่อยย้าย...”เพ้นท์พูดออกมาเสียงแผ่วๆ รู้สึกกลัวในใจเพราะว่า
เพ้นท์อยู่ตรงไหนก็ไม่ปลอดภัยอยู่แล้ว มีแต่คนคอยจ้องที่จะทำร้ายเพ้นท์ แต่อย่างน้อย...ก็ขอที่อยู่ในที่ๆมีอันตรายน้อยหน่อยก็พอ
ตรงไหนก็ได้ที่ไม่ใช่...หอพักนี้...ภาพที่ตนโดนลวนลามยังคงวนไปวนมา
 
“นายไม่กลัวแล้วหรอ?”วรเวชถามกลับ
 
“กลัวสิครับ...ผมกลัวมากด้วย...”เพ้นท์ตอบมาพร้อมอาการสั่นเทา
“แต่จะให้ทำไงได้ล่ะครับอาจารย์ ผมต้องเอาตัวรอดให้ได้”เพ้นท์พูดบอกพร้อมกลับเงยหน้าขึ้นมามองตาวรเวช วรเวชชะงักไปนิดเมื่อเห็นดวงตาคู่สวยที่ตอนนี้สั่นมีน้ำตาคลอ...พร้อมกับอาการสั่นไปทั้งตัว
 
“มาอยู่ที่นี่มั้ย”อยู่ๆวรเวชก็พูดขึ้น
 
“ยะ อยู่ที่นี่หรอครับ”เพ้นท์ถามกลับไปเพื่อความแน่ใจว่าตนไม่ได้ฟังผิด
 
“อืม”วรเวชตอบรับในลำคอ
 
“ มะ ไม่เอาหรอกครับผมไม่อยากรบกวนอาจารย์”เพ้นท์ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเกรงใจ
 
“รบกวนอะไร”วรเวชถามเสียงนิ่งๆ
“กะ ก็ผมอาจจะรบกวนครอบครัวอาจารย์ก็ได้นี่ครับ ดะ เดี๋ยว..”เพ้รท์ยังพูไม่ทันจบ วรเวชก็แทรกขึ้นมาก่อน
 
“ชั้นยังไม่แต่งงาน ยังไม่มีครอบครัว”วรเวชตอบกลับเสียงนิ่งพร้อมกลับยกหาแฟขึ้นมาจิบ
 
“แต่ผมไม่อยากรบกวนอาจารย์นี่ครับ ถ้าอยู่ๆผมก็เข้ามาอยู่ฟรีๆ
ละ แล้ว ถ้ามีคนอื่นเห็น อาจารย์จะเสียหายได้นะครับ”เพ้นท์พูดบอกในสิ่งที่ตนคิดและนึกกังวลเรื่องที่ถ้ามีใครมาเห็นตนอยู่กลับอาจารย์จะทำให้วรเวชเสียหายได้
วรเวชนึกขำกับสิ่งที่เพ้นท์พูดมา บอกว่าเค้าจะเสียหายงั้นหรอ หึหึ
 
“ถ้านายไม่อยากอยู่ฟรีงั้นเอางี้ก็ได้”วรเวชพูด พร้อมกลับจิบกาแฟจนหมดแก้วและวางลง เพ้นท์มองตามการกระทำของวรเวช
 
“ชั้นคิดค่าห้องโดยการให้นายทำความสะอาดห้อง ทำอาหาร นายโอเคมั้ย”วรเวชถามกลับ อันที่จริงเค้าไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือเพ้นท์เด็กนักศึกษาที่วันแรกก็เข้าเรียนคลาสของเค้าสายเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะว่าเพ้นท์เป็นเด็กที่ดูอ่อนต่อโลก...เค้าไม่อยากให้อนาคตของประเทศชาติอย่างเพ้นท์ต้องกลายเป็นเด็กเสียคน...นั่นคงเป็นเหตุผมของเค้ามั้งนะ
 
“คะ แค่ทำความสะอาดบ้านหรอครับ...ให้ผมจ่ายค่าห้องด้วยก็ได้นะครับ”เพ้นท์พูดบอก เพราะว่าสิ่งที่วรเวชให้ทำมันน้อยไปสำหรับเพ้นท์
 
“เก็บเงินของนายไว้เถอะพิชยะ...ฉันยังพูดไม่หมด นอกจากนายจะต้องมาดูและห้องของฉันแล้ว นายต้องเข้าเรียนวิชาของชั้นให้ทันทุกครั้ง
และสอบให้ได้ในเกรนที่ชั้นตั้งไว้ นายโอเคมั้ย”วรเวชพูดด้วยเสียงเรียบๆ
ถึงแม้ว่าเพ้นท์จะพึ่งรู้จักกับวรเวชแต่มีบางอย่างบอกเพ้นท์ว่าวรเวชเป็นคนที่เพ้นท์อยู่ด้วยแล้วรู้สึกปลอดภัยที่สุดแถมยังรู้สึกว่าๆที่แห่งนี้มันปลอดภัยอีก
 
“ทะ ทำไมอาจารย์ถึงช่วยผมล่ะครับ”เพ้นท์ถามกลับด้วยความสงสัยและอยากรู้เหตุผมด้วย ทั้งๆที่วรเวชพึงรู้จักเพ้นท์แท้ๆทำไมถึงไว้ใจให้อยู่ดูแลห้องของตน
 
“เพราะเธอคือเยาวชนของชาติที่ควรดูและไว้ ชั้นแค่ไม่อยากให้นายต้องเสียอนาคตน่ะ”วรเวชพูดน้ำเสียงนิ่งๆ
 
“ฮึกกก ขอบคุณครับ ฮึก ขอบคุณมากครับ ฮือออ”เพ้นท์เมื่อได้ยินคำตอบของวรเวชแล้วรู้สึกตื้นตันในใจ
 
“เห้ยยย อย่าร้องๆทำไมขี้แงงี้น่ะ”วรเวชพูดบอกมือใหญ่ก็ลูบหัวเพ้นท์ไปมา
 
พลั่ก
 
“เห้ยย นายทำอะไรเนี่ยพิชยะ”วรเวชร้องออกมาอย่างตกใจเมื่ออยู่ดีๆเพ้นท์ก็มากอดตัวเองอย่างลืมตัว
 
“ขอบคุณครับ ฮึก ขอบคุณ ผมจะไม่ลืมบุญคุณของอาจารย์เลยครับ”
เพ้นท์พูดออกมา น้ำตาแห่งความตื้นตันก็ไหลลงมา วรเวชก็ปล่อยให้ร่างเล็กกอดตนไป มือใหญ่ของวรเวชก็ลูบหัวเพ้นท์อย่างปลอบๆ
การกระทำที่ทำให้เพ้นท์รู้สึกอุ่นข้างในใจ...ใจของเพ้นท์เต้นแรง
ใจของวรเวชเองก็เต้น...อาจเป็นเพราะวรเวชนึกเอ็นดูเพ้นท์แบบ...
น้องชาย?...มั้งเลยทำให้วรเวชแสดงมุมที่อ่อนโยนออกมา
 
“เลิกกอดก่อนได้มั้ย”วรเวชพูดบอกเมื่อเพ้นท์เริ่มคลายอาการสะอื้นแล้ว
 
“แหะ แหะ ขอโทษครับ”เพ้นท์พูดบอกพร้อมพละออกมาจากอกแกร่งของวรเวชใบหน้าของเพ้นท์ขึ้นสีแดงอย่างอายๆร่างเล็กยกมือมาเกาแก้มตัวเองแก้เก้อ วรเวชมองอย่างเอ็นดู
 
“แล้วตกลงจะอยู่มั้ย”วรเวชถามขึ้น
 
“อยู่ครับ”เพ้นท์ตอบกลับไปพร้อมกลับส่งยิ้มกว้างไปให้วรเวช
วรเวชชะงักไป เมื่อเห็นรอยยิ้มของเพ้นท์ รอยยิ้มที่บริสุทธ์...ขาวสะอาด
มันช่างเป็นรอยยิ้มที่สวยงาม...
 
“อืม อย่าลืมที่ตกลงไว้แล้วกันล่ะ”วรเวชพูดบอกพร้อมกับมองเพ้นท์ด้วยสายตานิ่งๆแต่ใจก็เต้นแรงอยู่แต่ก็เก็บอาการไว้
 
“ครับ ขอบคุณนะครับ อาจารย์ใจดีจังเลย”เพ้นท์พูดออกมาก่อนจะส่งยิ้มกว้างไปให้วรเวช...
 
.
.
.
//อัพแล้วน้ออ คึคึ แลดูเพ้นท์หนุ่มน้อยใสซื่อของเราง่ายไปเปล่านะ ฮา
อาจจะงงหน่อยนะค่ะ ไดยะเองก็งง ฮา จ้าช่วยๆกันเม้นหน่อยนะค่ะ
พิมพ์ตกพิมพ์หล่นก็ต้องขอโทษด้วยๆ ยังไงก็ช่วยๆเม้นหน่อยนะ!
 
 จะติหรือยังไงเม้นได้เลยจ้า ไดยะจะได้รู้ว่าต้องปรับปรุงตรงไหนหรือเปล่า สุดท้ายนี้ขอฝากคู่รองด้วยนะค่ะและที่สำคัญ...อย่าลืมคู้หลักกันล่ะ! ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนิยายของไดยะนะ รักคนอ่านที่สู๊ดดคร้าบบ! โอ้ๆ คือไดยะอยากถามด้วยค่ะ เเบบตอนนี้นิยายเรื่องนี้อยู่ๆโหวตก็หายไลค์ก็หาย???มันเป็นเพราะอะไรหรอค่ะ หรือว่าไดยะไปกดอะไรผิด??? อ้ากกกก

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา