เสพติดความรัก
10.0
3) คำขอบคุณ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความธนันต์ธรญ์และภาณุเดินมาตามทางเรื่อยๆ ความงามของท้องถนนตอนเที่ยงคืนที่ไม่มีผู้คน ไม่มี
ความวุ่นวาย และที่สำคัญไม่มีแท็กซี่ แล้วเธอจะกลับบ้านได้อย่างไร
“ เป็นไง ” ภาณุพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ เพราะตลอดเวลาที่ที่เขาเดินกับธนันต์ธรญ์ เธอไม่
พูดอะไรเลย ได้แต่ทำสีหน้าอมทุกข์ตลอดเวลา เขาชักอย่างจะรู้แล้วสิ เธอทุกข์ใจอะไรนักหนา
“ อะไร ไม่เป็นไง สบายดี ” ธนันต์ธรญ์ตอบเขาด้วยน้ำเสียงหยิ่งๆ เธอกับภาณุเพิ่งรู้จักกันไม่นาน
จะให้เธอเล่าบรรดาปัญหามากมายของเธอให้เขาฟังได้อย่างไรกัน
“ หรอ แต่แววตาของคุณไม่ได้บอกอย่างงั้น ” ภาณุมองเสี้ยวหน้าหวานของธนันต์ธรญ์ หน้า
หวานๆแบบที่ใครเห็นก็ต้องหลงรัก แต่คำพูดคำจา กิริยามารยาท และท่าทีอวดดีแบบนั้น ช่างไม่
เหมาะกับน้ำเสียงและดวงหน้าหวานๆนั้นเอาเสียเลย
“ ทำไม ตาของฉันมันบอกอะไรคุณ ห้ะ ” ธนันต์ธรญ์พูดอย่างเริ่มโมโห เธอเป็นใคร ลูกสาวนาย
ตำรวจใหญ่ มารดของเธอก็เปิดร้านขายอัญมณีที่ส่งออกเป็นอันดับต้นๆของเมืองไทย แล้วเขาเป็น
ใคร ทำไมพูดจาเหมือนรู้จักเธอดี เอ๊ะ นั่นสิ เขาเป็นใครกัน
“ อวดดี ! ” ภาณุพูดและหยุดเดินแล้วทิ้งตัวนั่งลงข้างสระน้ำใหญ่ที่ตอนกลางวันคงเต็มไปด้วย
ผู้คน แต่ตอนกลางคืนมีเพียงแสงจากหลอดไฟนีออนข้างทางเท่านั้น
“ นี่นาย กล้าดียังไงมาว่าฉัน แล้วนี่จะหยุดเดินทำไม ” ธนันต์ธรญ์หันขวับไปว่าภาณุ แต่เธอกลับ
เห็นภาณุหยุดเดินและนั่งลง เธอจึงเดินไปหาเขา ใจจริงเธออยากไปถึงบ้านเร็วๆ แต่เธอไม่รู้ทางนี่
หน่า ก็ตอนนที่เขริกาพามา เธอมัวแต่นั่งจิ้มโทรศัพท์ด้วยสิ
“ พักก่อนค่อยเดินต่อ ” ภาณุพูดสื่อความหมายเป็นนัยๆ เขาไม่รู้หรอกว่าธนันต์ธรญ์กลุ้มใจเรื่อง
อะไร คิ้วสวยของเธอถึงขมวดมุ่นขนาดนั้น
“ ไม่ ฉันอยากกลับบ้าน ฉันจะกลับบ้าน ! ” ธนันต์ธรญ์ตวาดขึ้นอย่างโมโห ตั้งแต่เธอเกิดมา ไม่มี
ใครกล้ามาสั่งเธอ แต่เขา เขากลับทำมัน
“ นี่เงียบสิ นั่งลง แล้วดูนี่ ” ภาณุที่ทนเสียงแว้ดๆของธนันต์ธรญ์ไม่ไหว ก็กระตุกมือเธอให้นั่งลง
กับพื้นทันที
“ อ้ายยย กระโปรงของฉัน นายรู้ไหมว่ามันแพงแค่ไหน ฉันต้องสั่งเข้าจาก .. ”
“ ลาว กัมพูชา ประเทศไรล่ะ ” ธนันต์ธรญ์พูดไม่ทันจบ ภาณุก็แทรกขึ้นมา
“ หยาบคาย ฉันสั่งมาจากฝรั่งเศสเลยนะย่ะ ” ธนันต์ธรญ์พูดพร้อมเบ้ปาก
“ มันก็ผ้าเหมือนกันนั่นล่ะ ดูนี่ สวยกว่ากระโปรงคุณเป็นไหนๆ ” ภาณุพูดแล้วชี้ให้ธนันต์ธรญ์มอง
ขึ้นไปบนท้องฟ้าสีหม่น
“ สวยตรงไหน ดาวก็ไม่มี พระจันทร์ก็ไม่มี เห็นท้องฟ้าโล่งเนี่ยนะเรียกสวย ไร้รสนิยม ” ธนันต์
ธรญ์ว่าภาณุ ก่อนที่ภาณุจะยกมือของเขาขึ้นยีผมสีน้ำตาลลอนของเธอ
“ เอามือนายออกไปเดี๋ยวนี้นะ ฉันเป็นใคร นายเป็นใคร กล้าดียังไง ” ธนันต์ธรญ์พูดเสียงแหลมใส่
ภาณุ
“ เออใช่ เธอเป็นใคร ฉันคุ้นหน้าเธอตั้งแต่อยู่ในผับแล้ว ” ภาณุถามอย่างที่ใจคิด
“ มุขจีบสาวหรอย่ะ พูดเลย เชย ” ธนันต์ธรญ์พูดพร้อมส่ายหน้ากวนๆ
“ เหอะ ฉันไม่ใช่ผู้ชายตาบอดพวกนั้นหรอก ” ภาณุพูด
“ ฉันคือฟาง ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ คุ้นบ้างหรือเปล่า นีระสิงห์ ” ธนันต์ธรญ์ย้ำนามสกุลที่เธอภูมิใจ
นำเสนอ
“ อ่อ นึกว่าใคร ฉันเคยเจอเธอในทีวี ที่แท้ก็คุณหนูขี้วีน ” ภาณุยังคงแหย่ธนันต์ธรญ์ต่อ ถึงรู้แล้ว
ว่าเธอเป็นใคร แต่มันมีความสุขนี่หน่า
“ ย่ะ จะพูดยังไงก็พูด ฉันชินแล้ว แล้วนายล่ะ ใคร ลูกท่านหลานหม่อมคนไหน ” ธนันต์ธรญ์ถาม
กลับ
“ เปล่า ฉันก็หมอธรรมดาๆนี่แหละ แถมเป็นเด็กวัดด้วยนะ พ่อแม่ทิ้งไปนานแล้วล่ะ ฉันชื่อป๊อปปี้
ภาณุ จิระคุณ ว่างๆ เธอแวะไปเที่ยววัดที่ฉันอยู่ได้นะ หลวงตาท่านใจดีให้ข้าวกินฟรีด้วยเอ้า ”
ภาณุพูดอย่างภูมิใจในตัวเอง เขาเป็นแพทย์ทุน เขาภูมิใจและดีใจที่เขาเรียนจบมา ได้กลับมาดูแล
และตอบแทนบุญคุณหลวงตาที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เขาจำความไม่ได้
“ แหม ภูมิใจนำเสนอเหลือเกินนะ วัดเนี่ย ” ธนันต์ธรญ์พูดยิ้มๆ เธอรู้สึกอิจฉาเขาจัง เขาดูมีความ
สุข ถึงแม้ชีวิตเขาจะเติบโตมาด้วยความไม่พร้อม เรียกว่าขาดก็ได้ แต่เขาก็ยังดูสุขดี ต่างกับเธอ
“ แน่นอน แล้วเธอไปผับนั่นทำไม ” ภาณุถามธนันต์ธรญ์อีกครั้ง ครั้งนี้ธนันต์ธรญ์กลับเงียบใส่เขา
อยู่นาน กว่าเธอจะยอมเอ่ยปากออกมา
“ ไปลองอะไรใหม่ๆ เผื่อมันจะช่วยให้ฉันลืม ” ธนันต์ธรญ์พูดด้วยสายตาหม่นหมอง
“ ลืมอะไร อกหักหรอ ไม่น่าจะใช่ ” ภาณุมองหน้าธนันต์ธรญ์ และธนันต์ธรญ์ก็หันหน้าเธอมามอง
เขา แวบหนึ่งเขาเห็นในตาของธนันต์ธรญ์อ่อนแอ แต่แค่แวบเดียวเท่านั้น สายตาของเธอก็กลับมา
หยิ่งผยองเหมือนเดิม
“ ฉันไม่ยอมอกหักเพราะผู้ชายเลวๆอีกแล้วล่ะ สำหรับฉันครั้งเดียวพอ ความรักงี่เง่า หลอกลวง ถ้า
ฉันไม่มีเงิน เลวนั่นก็คงไม่เข้ามา ไอ้บ้าเอ้ย ” ธนันต์ธรญ์ระบายออกมา
“ อยากร้องไห้ไหม ” ภาณุถาม ท่าทางที่เข็มแข็งของเธอกับแววตาเมื่อกี้นั้นมันทำให้เขารู้ว่าเธอ
ไม่ได้เป็นแบบที่เธอแสดงออกมาเลย
“ ไม่ ไร้สาระน่า ” ธนันต์ธรญ์ตอบด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
“ อื้ม เธอเล่นยาด้วยหรอ ” ภาณุถาม ราวกับมันเป็นเรื่องธรรมดา
“ เพิ่งลองอ่ะ คงไม่ติด แต่ก็ไม่แน่ ”
“ รู้ไหมว่ามันไม่ดี ” ภาณุเอ่ยติดดุ ทำให้ธนันต์ธรญ์มองเขาด้วยสายตาแปลกใจ เขาคงตรวจคนไข้
มากไปสินะ ถึงได้ดุเธอแบบนี้
“ รู้ แต่มันเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน ฉันคงดูเป็นเด็กมีปัญหามากสินะ เหอะ สมควรแล้ว ก็พ่อแม่
ไม่รักนี่ ”
“ แล้วเธอก็ประชดชีวิตแบบนี้เนี่ยนะ มันไม่โอเคเลยสักนิด ถ้าอยากให้พ่อแม่สนใจ ทำไมไม่ทำตัว
ดีดี ” ภาณุเสนอแนวนทางให้ธนันต์ธรญ์
“ ฉันไม่ต้องการให้ใครมาสนใจทั้งนั้นแหละ ! ฉันอยู่คนเดียวจนชินแล้วล่ะ ”
“ แล้วเธอต้องการอะไร ” ภาณุพูดเสียงอ่อนลง หลังจากรับรู้ว่าธนันต์ธรญ์กำลังคิดมาก
“ ความรักไงล่ะ ฉันไม่ต้องการเงินทอง ไม่ต้องการอะไรเลย ขอแค่ความรักจากท่าน เท่านี้เอง ”
ธนันต์ธรญ์พูดพร้อมกับก้มหน้าลงมองมือของตัวเองที่กุมกันอยู่
“ ฟาง ” ภาณุเอื้อมมือมาแตะไหล่บอบบางของเธอ ก่อนจะสัมผัสได้ถึงแรงสั่นน้อยๆ เธอร้องไห้งั้น
หรือ เขาพอรู้เรื่องเธอมาจากพิมประภาบ้าง เธอเข้มแข็ง ไม่ยอมให้ใครเห็นน้ำตา แล้วทำไม
“ ฉันคงน่าสมเพชมากสินะ เหอะ ”
“ ไม่หรอก ร้องออกมาแหละดีแล้ว ลองอ่อนแอดูบ้าง คนเรามันเข้มแข็งไม่ได้ตลอดหรอกนะ ”
ธนันต์ธรญ์เงยมองหน้าภาณุอึ้งๆ ไม่คิดว่าเขาจะปลอบเธอ ก็เธอพูดร้ายๆใส่เขาตั้งเยอะ
“ ขอบคุณนะ ” ธนันต์ธรญ์พูดคำที่เธออยากพูดมานาน แต่เธอไม่รู้จะใช้มันกับใคร เพราะที่ทุกคน
ทำทุกอย่างให้เธอ ก็เพราะเงินของเธอ ไม่มีใครหวังดีจริงๆกับเธอสักคน ไม่เคยมีใครให้เธอจากใจ
จริงเลย
“ ห้ะ อะไรนะ เธอเนี่ยนะ ขอบคุณฉัน ” ภาณุพูดขึ้นอย่างตกใจ นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เขารู้จากพิม
ประภา ธนันต์ธรญ์ผู้ไม่เคยยอมขอบคุณใคร แต่วันนี้เธอกลับมาขอบคุณเขา
“ ตกใจอะไรนักหนา ก็ตามมารยาทไม่ใช่หรือไง ” ธนันต์ธรญ์พูดเคืองๆ เขาชักจะเรื่องมากไปแล้ว
นะ
“ มีด้วยรึนั่น ” ภาณุพูดกวนๆ
“ นายว่าฉันไม่มีมารยาทงั้นหรอ นี่แหนะ ๆ ” ธนันต์ธรญ์ฟาดฝามือลงไปตามแขนของภาณุ
“ โอ้ยๆ ฉันเจ็บนะ ”
“ สมน้ำหน้า ” ธนันต์ธรญ์พูดอย่างผู้มีชัย นี่เป็นอีกครั้งที่เขาเห็นรอยยิ้มเธอ เธอสวยกว่าหน้าหยิ่งๆ
นั่น ตั้งเยอะ
“ อ่ะๆ นี่นายจะทำร้ายร่างกายผู้หญิงงั้นหรอ ” ธนันต์ธรญ์ตกใจทันที ที่ภาณุยืนขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มี
ขลุ่ย
“ เลอะเทอะไปแล้วนะสมอง ว่างๆเช็คบ้าง มาหาฉันที่โรงพยาบาลก็ได้ เดี๋ยวพาไปตรวจ ฮ่าๆๆ”
ภาณุหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเมื่อแกล้งหลอกว่าธนันต์ธรญ์สำเร็จ
“ นายหลอกด่าฉันหนิ ไอ้บ้า ”
“ มาๆ ลุกขึ้น กี่โมงกี่ยามแล้วไม่รู้ กลับบ้านเถอะ ” ภาณุยื่นมือให้ธนันต์ธรญ์จับ ก่อนะดึงเธอลุก
ขึ้นมา
“ ฉันจะกลับยังไง ” ธนันต์ธรญ์ถามเขา ก็เธอไม่รู้เลยว่าแถวนี้มันแถวไหน
“ ฉันจอดมอเตอร์ไซด์ไว้แถวนี้ ถ้าไม่รังเกียจให้ฉันไปส่งก็ได้ ” ภาณุเสนอ จริงๆแล้วตอนมาเขา
กับยงยุทธมามอเตอร์ไซด์คนล่ะคัน มันคล่องตัวกว่าขับรถยนต์มา แต่ตอนนี้ยงยุทธคงกลับไปแล้ว
ล่ะ
“ รังเกียจ แต่ไม่มีรถ กลับกับนายก็ได้ ” จากนั้นภาณุก็พาธนันต์ธรญ์เดินไปที่รถของเขา ก่อนที่จะขับไปส่งเธอตามที่อยู่ที่เธอบอก
“ ถึงแล้วครับ ”
“ ย่ะ ” ธนันต์ธรญ์รับคำอย่างง่ายๆ
“ บ้านเงียบจัง หายไปไหนกันหมด ” ภาณุมองเข้าไปในบ้านของธนันต์ธรญ์แล้วพูดขึ้น
“ ก็บอกว่าอยู่คนเดียวนชินแล้วไง นายไปได้แล้ว ”
“ ไล่เลยนะ แล้วเราจะเจอกันอีกเมื่อไหร่ ” ภาณุถาม อะไรไม่รู้เหมือนกันที่ทำให้เข้าถามออกไป
แบบนั้น
“ เจอกันใหม่เมื่อโลกต้องการ ไปๆ ” ธนันต์ธรญ์พูดและเข้าบ้านทันที เธอเหนื่อยกับเรื่องราวต่างๆ
มากเหลือเกิน ขอพักก่อนนะ แล้วพรุ่งนี้เธอจะเป็นธนันต์ธรญ์ที่เข้มแข็งของทุกคนอีกครั้ง
_________________________________________________________________
เราคิดว่าตอนนี้ยาวนะ หรือคิดไปเอง ฮ่าๆๆๆ
แล้วเจอกันใหม่เมื่อโลกต้องการ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ