Love You My Bad Guy ll❤

9.8

เขียนโดย ยัยหมูปิ้ง

วันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 22.27 น.

  19 Bad Guy
  262 วิจารณ์
  48.02K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 เมษายน พ.ศ. 2564 17.14 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

2) เรี่มเปลี่ยนตัวเอง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

             ฉันนั่งมองตัวเองในกระจกอย่างยากที่จะอธิบายความรู้สึกทั้งจุกทั้งเจ็บไปหมด

ซะทุกอย่าง มือข้างช้ายของฉันถือไวน์ก่อนจะเขย่ามันไปมาเบาๆ ส่วนมือข้างขวาถือลิปสติกสีแดง

สดระบายแต่งแต้มลงที่ริปฝีปากตัวเอง น้ำตาไหลอาบแก้มลงเม็ดแล้วเม็ดเล่า ยังไงซะฉันก็

ยังเหมือนเดิม ยังคงร้องไห้เพราะคำว่ารักโง่ๆนั้นเหมือนเดิม

“แม่ค่ะ ฟางเรียนเก่งได้ที่หนึ่งของมหาลัย ฟางเป็นเด็กดีมาตลอดฟางมีทุกสิ่งทุกอย่าง เงินทอง

ของใช้ แต่ทำไมฟางถึงยังไม่ได้ความจริงใจจากใครสักคนค่ะ” ฉันถามแม่จากรูปภาพที่เคยถ่ายไว้

ตอนฉันยังเด็ก ก่อนที่แม่จะจากฉันไปเพราะเพราะโรคของแม่ มันเป็นเรื่องเศ้ราที่ฉันแทบไม่อยาก

จำ

            ตอนที่แม่จากไปฉันก็ร้องไห้แทบบ้า เมื่อพอเรี่มโตและยอมรับได้บ้าง เขาคนนั้น

ก็เข้ามามาทำให้รู้สึกดูแล้วทิ้งฉันไปอย่างไม่เหลือเยื่อใย มิหนำช้ำพอจะลืมได้เขาก็ยังเป็นต้น

เหตุทำให้เพื่อนที่ฉันไว้ใจมากที่สุดมาหักหลังฉันอีก จากแผลที่กำลังจะหายไปช้าๆกลับมา

ต้องเป็นแผลกว้างที่ไม่สามารถรักษาได้ง่ายๆ

“พวกเขาใจร้ายกับหนูมากเลย พวกเขาเห็นหนูเป็นคนอยู่รึเปล่าค่ะ” เสียงสะอื้นของฉันดังขึ้น

เรื่อยๆและไม่มีวี่แววว่ามันจะหยุดได้ง่ายๆ พอแล้วฉันเจ็บมากพอแล้ว ฉันจะไม่ยอมรักใครอีก

ให้หัวใจฉันมันด้านชากับบทเรียนรักที่แสนสาหัสครั้งนี้เถอะ

 

               ฉันไม่ยอมไปเรียนสามวันแล้ว หลังจากวันนั้นฉันก็ไม่คิดจะไปเหยียบที่มหาลัย

นั้นอีกแค่คิดว่าต้องเจอจินนี่ฉันก็สะอึดสะเอียนจนแทบจะอ๊วก ฉันจะไม่ร้องไห้ให้ผู้หญิงคนนั้น

มันมากเกินไปที่ฉันจะรับไหว บางทีการไม่ต้องเจอกันมันอาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็ได้

ตู๊ด ตู๊ด

               เสียงโทรศัพท์มือถือของฉันดังขึ้นทำให้ฉันถอนหายใจเฮือกออกมาอย่างเช็งๆ

ไม่อยากจะรับสายใครนะ แต่ไม่รับคงไม่ได้เพราะริงโทนเสียงนี้ฉันตั้งไว้เป็นพิเศษสำหรับพ่อ

ของฉันเอง

“ค่ะ” ฉันกรอกเสียงลงไปอย่างเหนื่อยๆ

(ทำไมไม่ไปเรียน ครูที่มหาลัยเขาโทรมาบอกพ่อว่าลูกไม่ไปเรียนสามวันแล้ว) เหอะขี้ฟ้อง

กันจังนะ

“หนูไม่อยากไปเหยียบที่นั้นอีก” เพราะได้ข่าวว่าป็อบปี้กลับไปเรียนที่นั้นแล้ว หลังจากที่เขาไป

เรียนที่อเมริกามานาน

(ทำไม ลูกเป็นอะไรฟาง) เสียงพ่อดูท่าทางเป็นห่วง และฉันก็ไม่ชอบที่ท่านมาเป็นห่วงฉันไม่เข้า

เรื่องแบบนี้

“พ่อค่ะ ย้ายที่เรียนใหม่ให้หนูได้มั้ย?” ฉันไม่อยากเจอ ไม่อยากเห็นอะไรทั้งนั้น ที่มหาลัย

นั้นอีกแล้ว

(เป็นอะไรรึเปล่าฟาง มีอะไรปรึกษาพ่อได้นะ อีกอย่างนี่ก็เทอมสองแล้วเขาคงไม่ให้ย้ายให้

จบปีนี้ก่อนมั้ย)

“แต่ด้วยอิทธิพลของพ่อคงไม่ยากใช่มั้ยค่ะ” ใช่เพราะพ่อฉันนะรวย รวยมากทุกคนต่างรู้กันดี

ว่าพ่อฉันนะใหญ่มากแค่ไหน แต่รวยไปก็เท่านั้นเขาให้ความสุขกับฉันไม่ได้แม้แต่สิ่งที่คนเป็น

พ่อควรจะทำ

(ฟาง…)

“ขอบคุณะค่ะพ่อ แค่นี้นะ” ฉันไม่รอฟังที่พ่อพูดก่อนจะตัดสายทิ้งอย่างไม่มีมารยาท

              ความจริงฉันไม่อยากจะไปขอร้องพ่อด้วยช้ำที่จะย้ายมหาลัยเรียน แต่ถ้าให้ฉัน

ไปพูดเองคงไม่มีทางได้ย้ายหรอก เลยต้องจำยอมขอร้องไปถึงจะไม่อยากใช้สิทธิ์พิเศษนี้ก็เถอะ

 

              ฉันเดินออกมาข้างนอกห้องชุดก่อนจะลงไปกินข้าวแถวคอนโด ป้าที่ขายข้าว

ให้ฉันบ่อยๆเขาก็มองฉันอย่างสงสัยแล้วก็ยิ้มใจดีมาให้ มีชีวิตแบบป้าเขาก็ดีเนอะลำบากนนิด

หน่อยแต่ก็มีความสุขดีลูกของป้าแกก็รักป้าแกมาก ครอบครัวดูอบอุ่นเนอะต่างจากฉันลี้ลับเลย

“ไม่ไปเรียนอีกแล้วเหรอหนู” ป้าขายข้าวยิ้มมาให้ฉันพร้อมกับถามอย่างเป็นห่วง ดูสิขนาด

คนอื่นยังห่วงฉันเลย แต่พ่อแท้ๆของฉันละเขามาห่วงฉันบ้างไหม ปากบอกว่ารักฉันอยู่หรอก

แต่การกระทำของพ่อนะมันชัดเจนอยู่แล้วว่าเขารักครอบครัวใหม่เขาของมากกว่าฉัน!

“ค่ะ หนูจะย้ายที่เรียนใหม่” ฉันบอกเสียงแผ่วก่อนจะสั่งกับข้าวไปกินที่ห้องตัวเอง ไม่อยาก

กินที่ร้านป้าแกเดี๋ยวมีคนที่ฉันรู้จักมาเจอจะชวยเอาขี้เกียจตอบคำถามด้วย

             ฉันกลับมาที่ห้องตัวเองก่อนจะเทอาหารลงที่จานกะว่าจะทานอย่างอร่อยแต่สาย

ตาดันมองไปเห็นแขนเสื้อที่โผ่ออกมาจากตู้เสื้อผ้า ฉันจะไม่อะไรเลยถ้านั้นไม่ใช่เสื้อป็อบปี้ ตอน

ที่เราคบกันเขาชอบมานอนที่ห้องฉันไม่ก็กลับไปห้องเขา ฉันก็ทำแบบนั้นเช่นกันเสื้อผ้าของ

ฉันก็มีที่ห้องเขา เสื้อผ้าเขาก็มีที่ห้องฉัน แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าเขาคงโยนทิ้งไปแล้วละ เขาเบื่อ

ฉันขนาดนั้นคงเก็บไว้หรอก มีแต่ฉันนี่แหละที่โง่ยังเก็บของทุกอย่างที่เขาให้ไว้ เอาไว้มาตลอด

            ก็นะยิ่งรักมาก มันก็ยิ่งเจ็บมากและก็แค้นมากเหมือนกัน…

 

“เอาออกมาให้หมดเลยนะ อย่าให้เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว!” ฉันยืนกอดอกสั่งชายในชุดดำสี่

ห้าที่กำลังรื้อของในคอนโดอยู่

            อะๆ ไม่ใช่คอนโดฉันหรอก แต่เป็นจินนี่นะในเมื่อเราไม่เพื่อนกันแล้วก็ไม่จำเป็น

ต้องมีความเกรงใจอีกต่อไป ยัยนั้นทำฉันก่อนนะฉันอุตส่าห์ยอมมาตลอด ให้มาตลอด ดีมา

ตลอด แต่ดูสิ่งที่ฉันได้รับสิ มันสมควรแล้วเหรอ

“กรี๊ด! พวกแกมาทะไรที่ห้องฉัน!” เสียงตวาดแว้ดดังขึ้นทำให้ฉันหันไปมองเธอนิดหน่อย

ยัยจินนี่นะแหละ

“นี่ นังฟางแกให้คนมารื้อห้องฉันทำไมนังหน้าด้าน!!” หล่อนด่าฉัน แต่ฉันก็แค่ปลายตามอง

ไปเท่านั้นแหละไม่อยากเสียเวลากับยัยนี่มากเท่าไหร่

“ทำไม โดนผู้ชายทิ้งแล้วพาลรึไงถึงได้มาทำต่ำๆแบบนี้กับฉันนะ!!” แต่คำนี้ฉันทนไม่ได้

จริงๆเลยหันหน้าไปมองเธอตรงๆ

“เธอคงจะลืมอะไรไป จำได้ว่าคอนโดนี้นะฉันชื้อ จะต้องเอาใบมาให้ดูมั้ยว่ามันชื่อใคร!!” ฉัน

แสะยิ้มออกมาอย่างสะใจที่เห็นหน้าของจินนี่อึ้งไปนิดหน่อย

“เธอเป็นแค่ผู้อาศัยไม่ใช่รึไง หรือจำเงาหัวตัวเองไม่ได้ว่ามาจากไหน มโนเองมาตลอดรึไงว่า

ชื้อคอนโดสุดหรูแบบนี้ไว้ ทั้งที่บ้านของเธอเองก็แค่ขายเป็ดขายไก่!” ฉันพูดเสียงดังฟังชัดจน

คนแถวนี้มองกันเป็นตาเดียวแถมหัวเราะเยาะจินนี่ด้วย

“นี่แก นังฟาง!” จินนี่กรี๊ดขึ้น แล้ววิ่งมาตบหน้าฉันทีหนึ่ง วันนี้ฉันจะไม่ทำแบบเมื่อวานนะไอ้

ตบตีนะ

            ฉันถอนห่างจากจินนี่นิดหน่อยก่อนจะสวนหมัดใส่หน้าจินนี่จนยัยนั้นล้มลงไป ฉันนะ

เรียนคาราเต้กับยูโดนะ ยัยนั้นไม่รู้หรอกว่ากำเล่นกับใครอยู่ที่ผ่านมาแค่ไม่แสดงให้เห็น ไม่ได้แปล

ว่าฉันอ่อนแอสักหน่อย มีแค่หัวใจเท่านั้นที่อ่อนแอลงเรื่อยๆเพราะความรักจอมปลอมนั้น

“ยัยฟาง! ฉันจะฆ่าเอง” จินนี่คิดจะมาทำร้ายฉันอีก ฉันเลยตบหน้ายัยนั้นแรงกว่าเดิม ก่อนจะ

ชี้หน้าอย่างผู้ชนะ

“กลับไปบ้านตัวเอง แล้วทบทวนนะจินนี่ใครทำฉันก่อน!” จบที่พูดจินนี่ก็กรี๊ดออกมาอย่างแค้นใจ

ก่อนจะเดินกระแทกเท้าออกไป ดีฉันไม่อยากเห็นหน้าเหมือนกัน

            มันช่วยไม่ได้อยู่แล้วนิ เธอทำฉันต้องร้ายก่อนนะ ทั้งที่ฉันไม่อยากจะทำแบบนี้

เลยแต่บทเรียนที่ผ่านมามันท่องมันสอนให้ฉันต้องจดจำและกายเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นมากกว่า

เดิมซะอีก

 

           วันต่อมา ฉันเดินมาที่มหาลัยอินเตอร์อีกที่ มันตั้งตรงกันข้ามกับมหาลัยเก่าฉันนี่เอง

แหละรู้สึกว่ามหาลัยที่ฉันจะเข้าเรียนนี่เป็นศัตรูกับมหาลัยเก่าฉันซะด้วย แบบนี้ถ้าฉันไปเป่าหูคนที่

มหาลัยนี้ว่าป็อบปี้ด่าพวกเขาหยาบคายพวกเขาจะพากันไปกระทืบหมอนั้นรึเปล่านะ พอคิดแล้ว

ฉันก็หัวเราะออกมาคนเดียวอย่างตลก นี่ฉันเอาความคิดแบบนี้มาจากไหนเนี่ย

“ฟาง เอาของไปเก็บในหอด้วยนะ” คุณป้าฉันมาทำการย้ายเรียนให้ฉันเองแหละ เห็นบอกว่า

พ่อขอให้มาช่วย แต่ฉันก็ไม่หวังให้พ่อมาหรอกให้พ่อไปมีความสุขกับครอบครัวใหม่เถอะ

“ค่ะป้า ขอบคุณนะค่ะ” ฉันกอดป้าตัวเองไว้ก่อนจะปล่อยให้ป้ากลับบ้านไป

            มหาลัยนี้พวกเราต้องนอนที่หอนะแต่ไม่ใช่กฏบังคับอะไรหรอก แค่ทำเหมือนว่าอยู่หอ

ทั้งที่จะกลับไปนอนที่คอนโดตัวเองก็ได้ห้องหนึ่งจะมีรูมเมจด้วย เห็นอาจารย์ที่นี่บอกว่ารูมเมจคนที่

ฉันจะต้องไปอยู่กับเธอนั้นรอฉันที่ห้องแล้ว เลยให้กุญแจมาดอกหนึ่งเพื่อให้ฉันไปหาห้องตัวเอง

            หลังจากที่เดินหลงอยู่นานเพราะความไม่ชำนาญพื้นที่ฉันก็มาอยู่ที่หน้าห้องที่จะต้อง

อยู่จนได้ พอไขกุญแจเข้าไปก็เจอสาวผมสั้นกำลังเก็บเสื้อผ้าของใช้อยู่เธอหันมายิ้มแล้วเรียกให้

ฉันเข้าไปข้างใน ห้องนี่ดูกว้างมากนะต่างจากหอธรรมดาทั่วไปสมแล้วที่เป็นมหาลัยหรู

“สวัสดี ฉันชื่อแก้วนะ” เธอยิ้มและแนะนำตัวเองให้ฉันรู้จัก ฉันมองหน้าเธออย่างช่างใจ

ก่อนจะลอบถอนหายใจนิดหน่อย เธอคนนี้คงไม่เหมือนจินนี่หรอกมั้ง

“ฉันชื่อฟาง ยินดีที่รู้จัก” สุดท้ายก็ต้องแนะนำตัวเองให้เธอรู้จักอยู่ดี

             ในห้องมีแต่กระดาษพาอิทที่เขียนอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด ฉันมองแก้วอย่างสงสัย

และหาคำตอบว่าทำไมมีแต่ของพวกนี้เต็มไปหมดเลย แถมเธอยังจดอะไรก็ไม่รู้ในสมุดโน๊ตของ

เธอ ฉันแอบเห็นนิดหน่อย‘เพื่อนใหม่ชื่อฟาง’ ทำไมเธอต้องจดด้วยละผู้หญิงคนนี้แปลกนะ แต่

ฉันก็ไม่ปล่อยให้ความสงสัยอยู่กับฉันนานหรอก

“ทำไมห้องนี้มีโพสอิทเต็มไปหมดละ” ฉันถามแก้วอย่างสงสัย เธอเลยเงยหน้าหันมายิ้มให้ฉัน

นิดหน่อย

“จำเป็นต้องทำไว้นะ ไม่งั้นทุกอย่างที่ฉันจำวันนี้จะลืมหายไปหมด” เธอเป็นโรคอะไรกันนะ

มีแบบนี้ด้วยเหรอ

“ฉันไม่ได้โกหกนะ จริงๆ” แก้วพูดช้ำอย่างหนักแน่น แต่ฉันก็เชื่อนั้นแหละก็ดูสิกระดาษโพส

อิทหลายสีเลยเต็มห้องแบบนี้เชื่อแล้วจ้า

           ฉันไม่สนใจแก้วอีกและตั้งหน้าตั้งตาจัดข้าวของตัวเองให้เข้าที่ ให้ตายเถอะของ

เยอะจริงๆเลยนะ แต่ก็ยังดีมากที่แก้วใจดีมาช่วยจัดเพราะของเธอก็เก็บเข้าที่เรียบร้อยแล้ว

เพราะก่อนหน้านี้ฉันเห็นว่ามันกระจัดกระจายไปทั่วห้องเลยละ

             นี่คือมหาลัยใหม่ฉันควรจะพยายามลืมเรื่องเก่าๆ แล้วหันมาเรี่มชีวิตใหม่สักทีฉันต้อง

ทำได้ ถึงยังนั้นในใจฉันมันก็ประท้วงอยู่ตลอดว่าจะทำได้แน่นะเหรอ มันไม่มีทางที่จะลืมได้เลย

จริงๆสินะ ฉันควรจะทำอะไรสักอย่างก่อนที่ความทรงจำของคนรอบข้างของฉันจะหายไปเหลือไว้

แค่ความทรงจำเกี่ยวกับป็อบปี้ เพราะที่ผ่านมาฉันแทบไม่จดจำใครเลยนอกจากเขา

“ฟาง! กี่โมงแล้วนะ” แก้วที่เดินออกไปข้างนอกมาเมื่อตะกี้วิ่งเข้ามาในห้องอย่างตื่นเต้น

ใบหน้าสวยงามราวเทพธิดาของเธอดูตกใจมากมีเหงื่อผุดขึ้นมาให้เห็นเล็กน้อย

“หกโมงเย็นแล้วละ” อ่า ฉันจัดของนานขนาดนี้เลยเหรอของฉันนี่มันเยอะมากจริงๆเลยนะ

“ล็อกห้อง ล็อกประตูทุกบานเลยฟาง!” แก้วบอกเสียงดังฟังชัดท่าทางของเธอแสดงออกถึงความ

ร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก ถึงฉันจะไม่เข้าใจมากก็เถอะแต่ก็ทำตามที่เธอสั่งจนหมด

              ในห้องเหลือแค่ฉันกับแก้วสองคนทุกอย่างมันเงียบมากเพราะไม่มีใครพูดอะไรเลย

เธอบอกว่าจนกว่าจะถึงเที่ยงคืนให้เงียบเข้าไว้นะ ไม่งั้นฉันได้ตกนรกทั้งเป็นแน่ ชึ่งฉันงงจริงๆนะ

ว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรแต่ก็ไม่อยากถาม

ปั่ง ปั่ง

        เสียงปืนที่ได้ยินทำให้ฉันกับแก้วถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ บ้าจริงนี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไร

ทำไมถึงมีเสียงปืนคงไม่มีใครบ้ามาไล่ยิ่งกันหรอกนะ แถมยังมีเสียงทุบประตูหน้าต่างกับหน้าห้อง

ของฉันอีกยิ่งทำให้ฉันกลัวเข้าไปใหญ่ ใครก็ได้บอกฉันทีเถอะว่านี่มันเรื่องอะไรกัน

“แก้วนี่มันเรื่องอะไรกัน” ฉันกระชิบถามเธอเบาๆเมื่อพวกเราขยับตัวมนั่งติดกันตั้งแต่เมื่อไหร่

ก็ไม่รู้

“การชิงตัวผู้หญิงในมหาลัยนะ”

“หมายความว่ายังไง”

“มหาลัยฝั่งตรงข้ามของพวกเรา พวกนั้นจะมาชิงตัวพวกเราไป ถ้ามันจับได้เราจะโดนยำยัง

ไงบ้างก็ไม่มีใครรู้กลับกันพวกผู้ชายมหาลัยเราก็ไปชิงผู้หญิงจากมหาลัยนั้นเหมือนกัน!” คำพูด

ของแก้วทำให้หัวใจฉันแทบจะหล่นลงกับพื้น เรื่องเกมแบบนี้ฉันก็พอเข้าใจและได้ยินมาบ้าง

นะ แต่ฉันไม่เคยได้เห็นแบบนี้จริงจังหรอกเพราะที่ผ่านมาฉันนอนที่คอนโดตัวเองไม่ใช่ที่

หอพักยังไงละ

“แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ที่นี่มีคนคอยเฝ้า” คอยเฝ้าเหรอ แล้วไอ้ประตูที่โดนทุบปึกๆอยู่นี่มันอะไรกัน

นี่ฉันต้องหนีอะไรมาเนี่ย ทำไมต้องมาทำอะไรเสียงตายแบบนี้ด้วย

            แล้วระหว่างที่กำลังกลัวสุดขีดนั้นประตูหน้าต่างที่ฉันล็อกไว้แน่นหน้าก็เปิดออก

ทำเอาฉันกับแก้วตกใจวูบ พร้อมกับหันไปมองคนมาใหม่ทันที

“ไง เจอตัวแล้ว”

“ป็อบปี้!!”

 

PF PF PF PF PF PF PF 

อยากจะบอกว่าความร้าย

กาจของฟางนั้นแค่น้ำจิ้ม

ต่อไปฟางจะร้ายกาจขึ้น

เรื่อยๆ แต่ป็อบมันก็ร้ายมาก

เหมือนกันค่ะ ฟางมีปมหลาย

อย่างมากเลยค่ะค่อยๆลุ้น

กันไปเนอะ

เม้น+โหวต ให้กำลังใจเค้าด้วยนะ
แล้วเจอกันตอนหน้าจ้า

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา