แอบรัก
เขียนโดย Omoji
วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.27 น.
แก้ไขเมื่อ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558 15.51 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
63) แอบรัก ตอนที่63
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่63
…………………..ต่อ……………..
ฉันไม่เข้าใจในสิ่งที่ป๊อปพูดเลยสักนิดเดียว และฉันก็ตกใจมากๆที่เห็นตำรวจเดินเข้ามา…ฉันถูกพี่ป๊อปลากจนมาถึงห้องของคุณภาคิน และคุณระวีก็ยังคงอยู่เช่นเดิม
“คุณยังไม่กลับก็ดีแล้ว” พี่ป๊อปเอ่ยพูดกับคุณระวี
“….”
“คนทำผิด…ก็ต้องถูกลงโทษใช่มั๊ยล่ะ” พี่ป๊อปหมายความว่ายังไง..
พี่ป๊อปกระชับมือฉันแน่นกว่าเดิมแล้วเดินตรงไปยังแม่เลี้ยง ไม่นานนักประตูห้องก็ถูกเปิดออกพร้อมกับตำรวจสองสามนายที่เดินเข้ามาภายในห้อง…
“พี่ป๊อป…มันอะไรกันคะ” ฉันกระซิบถามอย่างมึนงง แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือรอยยิ้มกระตุกมุมปากที่ฉันมั่นใจได้เลยว่าพี่ป๊อปต้องมีแผนอะไรบางอย่าง
“เชิญครับคุณตำรวจ คนร้ายที่ทำให้พ่อผมเป็นแบบนี้ก็คือ…” พี่ป๊อปทำสิ่งที่ฉันไม่คาดฝันเมื่อเอ่ยประโยคถัดมา…
“ผู้หญิงคนนั้น”
คุณระวี…
“คุมตัวเธอไว้” เสียงตำรวจนายหนึ่งพูดขึ้นแล้วเข้ารวบตัวของคุณระวีไว้อย่างรวดเร็ว
“ทำบ้าอะไรน่ะฮะ! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
“จับไปเลยครับคุณตำรวจ”
ฉันมองพี่ป๊อปกับคุณระวีอย่างอึ้งๆ
“พี่ป๊อป…มันไม่แรงไปหน่อยหรอ” ฉันกระตุกชายเสื้ออของพี่ป๊อปเพื่อถาม
“ไม่หรอก คนผิดก็ต้องถูกลงโทษ”
“แต่…”
“เงียบเถอะน่า” ทำไมต้องมองฉันด้วยสายตาน่ากลัวแบบนั้นด้วย! เชอะ!
เงียบก็ได้…
………………….ต่อ……………..
ผมทำสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้วล่ะครับ ผู้หญิงคนนี้ไม่สมควรที่จะอยู่บ้านของผมอีกต่อไป และไม่ควรที่จะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวด้วยซ้ำ
“ป๊อปปี้ทำแบบนี้ทำไมฮะ!”
“คุณทำให้พ่อผมต้องเป็นแบบนี้! มันก็สมควรแล้วที่ต้องถูกจับ”
“ไม่นะ! ฮึก ฮือออ ป๊อปปี้อย่าทำกับฉันแบบนี้เลยนะ..ฮืออ”
“หึ ผู้หญิงอย่างคุณไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรทั้งนั้นแหละ…จับไปเลยครับคุณตำรวจ” ผมบอกกับตำรวจจนสุดท้ายตำรวจก็ลากตัวของยัยแม่มดออกจากห้องไป
“เดี๋ยวผมเชิญคุณไปห้ปากคำที่โรงพักด้วยนะครับ” พูดจบตำรวจนายนั้นก็เดินออกตามไปติดๆ
“พี่ป๊อป…” ฟางเอ่ยเรียกผมด้วยน้ำเสียงสั่น
“ร้องไห้อีกแล้วหรอหื้ม ขี้แยชะมัด” ผมเกลี่ยน้ำตาบนใบหน้าของฟาง ผู้หญิงอะไรร้องไห้ได้ทุกสถานการณ์
“ฮึก ฮืออ ฉันไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย”
“นางเอกจังเลยนะ” ผมพูดติดตลก และฟางก็ทุบอกผมไปหนึ่งที ยัยบ๊องเอ๊ยย
“บ้า! แล้วพี่ป๊อปจะเอา ฮึก ยังไงต่อ”
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“อ่าว”
“จะคิดมากทำไม ตอนนี้เรื่องทุกอย่างมันใกล้จะจบอยู่แล้ว..” ผมดึงฟางเข้ามาประชิดตัวอีกหนจนหน้าเราสองคนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกันเท่าไหร่นัก
“…”
“ถ้าเธอยอมเปิดใจ…”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า มันฟังให้รู้สึกใจเต้นแรง…หัวใจผมทำงานอย่างหนักเมื่อเราหน้าใกล้กันจนจมูกชนกัน…ไม่รู้ทำไมเหมือนกันที่ผมชอบที่จะมองหน้าฟางใกล้ๆ บางทีผมคิดว่าถ้าผมทำแบบนี้…ฟางจะเข้าใจอะไรๆมากขึ้นก็ได้…
“ป๊อป..ปี้…” เสียงนั่น?!
“พ่อ!” เมือ่ผมหันไปเห็นผู้เป็นพ่อค่อยลืมตาขึ้นมามันเหมือนปาฏิหาริย์ ผมค่อยๆผละออกจากฟางแล้วรีบวิ่งไปยืนข้างเตียงของพ่ออย่างรวดเร็ว
“แค่กๆ นะ..น้ำ” น้ำเสียงติดแหบพูดขึ้น ผมหันไปทำท่าว่าจะรินน้ำให้แต่โชคดีที่ฟางยื่นน้ำมาให้ผมซะก่อน
“นี่ค่ะ”
“หึ” ผมกระตุกยิ้มน้อยๆ ถ้ามีแฟนแบบนี้ก็คงดีสินะ….ไม่นานหรอกผมว่า คิคิ
“ค่อยๆกินนะพ่อ” ผมค่อยยกแก้วน้ำป้อนให้พ่ออย่างเบามือ
“เดี๋ยวฉันไปตามหมอมาให้นะคะ” ผมหันไปพนยักหน้าให้ฟางก่อนที่เธอจะรีบวิ่งออกมา
ไม่นานนักหมอก็เข้ามาภายในห้องพร้อมตรวจเช็คร่างกายของพ่อผมอย่างละเอียดผลที่ได้กลับมาคืออาการของพ่อดีขึ้นและนอนโรงพยาบาลอีกสักอาทิตย์นึงก่อนจะกลับบ้านได้ ผมหันไปยิ้มให้กับฟางที่ส่งยิ้มมาที่ผมเช่นกัน
เฮ้อออ รู้สึกดีจัง จนกระทั่งหมอเดินออกจากห้องไปผมจึงเดินเข้าไปหาพ่อ…
“ป๊อป…ฉันขอโทษแกด้วย” ผมได้ยินเช่นนั้นมันทำให้หัวใจผมกระตุกวูบ ผมเอื้อมมือกอบกุมมือของผู้เป็นพ่อไว้แน่นราวกับต้องการปลอบโยน
“ผมต่างหากที่ต้องขอโทษพ่อน่ะ” ถ้าผมอยู่มันคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้…เพราะผมอาจเป็นเพราะผมแค่คนเดียงเลยก็ได้ที่ใช้อารมณ์เป็นหลัก
“แกไม่ผิดป๊อปปี้..แกไม่ได้ผิดเลยสักนิด เพราะฉัน..ถ้าฉัน..เชื่อแกตั้งแต่แรก..เรื่องก็คง..ไม่เป็นแบบนี้”
น้ำเสียงหดหู่นั่นผมสัมผัสมันได้..พ่อรู้สึกผิดจริงๆ แต่ผมก็ไม่อยากเห็นพ่อต้องเป็นแบบนี้เลยจริงๆ..ไม่อยากเห็นใครต้องร้องไห้เสียใจเพราะผมอีก
“พ่อไม่ต้องโทษตัวเองหรอกครับ..เมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้วเราก็ไปแก้ไขอะไรไม่ได้..ผมว่าเรามาทำปัจจุบันให้ดีที่สุดดีกว่าครับ”
ผมพูดแล้วยิ้มให้กับพ่อ ท่านเองก็ยิ้มตอบผมเช่นกัน ไม่นานร่างของผมก็ถูกพ่อดึงเข้าไปกอด..ความอบอุ่นที่ผมไม่เคยได้รับจากท่านเลย..ผมต้องการความรู้สึกแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว..
“พาฟางมาด้วยหรอ…” พ่อผละออกจากผมแล้วหันไปหาฟางที่ยืนอยู่ด้านหลัง..
“ครับ..พามาด้วย”
“หึ…ฉันพูดจริงๆนะป๊อปฟาง..เธอไม่ต้องแสดงละครอีกต่อไปแล้วล่ะ”
อึก!ผมเบิกตากว้างไม่ต่างจากฟาง ผมหันไปหาพ่อด้วยความแปลกใจ พ่อรู้..พ่อรู้ว่าเราแสดงกัน
“พ่อรู้..”
“ไม่มีพ่อคนไหนที่ไม่รู้เกี่ยวกับลูกตัวเองหรอกนะ..ถึงแม้บางทีฉันอาจจะไม่ใช่พ่อที่ดี”
“….”
“แต่ฉันก็พอจะรู้ว่าที่แกทำไปก็เพราะประชดฉันอยู่..ต่อจากนี้ถ้าเหนื่อยเกินไปก็พอได้แล้วนะหนูฟาง..แกด้วยป๊อปปี้..ถ้าไม่รู้สึกอะไรไปเล่นอะไรแบบนั้นไม่ดีหรอกนะ เข้าใจมั้ย”
ผมไม่รู้ว่าฟางจะเป็นยังไง..จะรู้สึกแบบผมบ้างรึเปล่า เพราะตอนนี้ผมรู้สึกหน่วงไปทั้งหัวใจ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพียงเพราะการแสดงละครตบตาพ่อ..แต่ตอนนี้..มันก็ถึงเวลาที่จะจบสักที
“คือพ่อ..”
“ค่ะ..หนูเองก็ไม่อยากจะปิดบังท่านอีกต่อไปแล้ว..หนูเองก็เหนื่อยเหมือนกัน..เหนื่อยเต็มที เรื่องนี้มันไม่น่าจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ หนูขอโทษนะคะคุณภาคิน”
………….ต่อ…………..
ฉันไม่รู้ว่าพี่ป๊อปจะคิดยังไง..แต่ทุกอย่างมันก็แค่การแสดงอย่างที่คุณภาคินบอก และเมื่อคุณภาคินก็รู้หมดทุกอย่างแล้วบางทีเรื่องนี้มันก็ควรจะจบสักที..
ฉันเองก็อยากจะจบเพราะฉันเหนื่อย..เหนื่อยเต็มทีกับการเดาใจของใครบางคนที่ไม่รู้ว่าคิดยังไงกับเรา..
“นี่เธอ…” พี่ป๊อปหันมามองฉันอย่างไม่เข้าใจ ฉันทำได้เพียงแค่หลบสายตาคู่นั้น
“หึ ไปเคลียกันเอาเองล่ะ เรื่องนี้ฉันขอไม่ยุ่ง”
ฉันไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าสบตาพี่ป๊อปเลยสักครั้งหลังจากที่ตอนนี้เรากำลังเดินทางไปถานีตำรวจเพื่อให้ปากคำ แน่นอนว่าวิ่งที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้มันเป็นเรื่องจริง เพราะเมื่อฉันกลับมาคิดทบทวนดูแล้วมันก็ไม่เห็นจะมีอะไรแน่นอนได้เลยว่าพี่ป๊อปรักฉัน…
“ที่เธอพูดแบบนั้นมันหมายความว่าไง” พี่ป๊อปเอ่ยเปิดเรื่องขึ้น
“ก็หมายความอย่างที่พูด” ฉันตอบโดยหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเดิม
“เธอเหนื่อยมากใช่มั๊ยที่ต้องวิ่งไล่ตามฉันน่ะ”
ความจริงมันไม่ใช่เรื่องนั้นร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกนะ แต่ฉันเหนื่อยที่จะต้องคาดเดาจิตใจความรู้สึกของพี่ป๊อปเหมือนกัน
“….”
“เรื่องของเรามันเริ่มต้นจากการแสดงทั้งนั้นก็จริง…แต่เธอไม่คิดบ้างหรอว่าสิ่งที่ฉันทำในบางเรื่องมันไม่ใช่การแสดงทั้งหมด”
“….”
“เธอก็คงไม่รู้หรอกว่าฉันก็เหนื่อยเหมือนกัน”
พี่ป๊อปเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูแผ่วเบาจนฉันรู้สึกได้…แต่ฉันแค่ไม่มั่นใจในความรู้สึกนั้น
“เพราะเธอคนเดียวยัยบื้อ! ไม่หัดเข้าใจอะไรง่ายๆบ้างเลยรึไงฮะ!”
“แล้วฉันต้องเข้าใจอะไรเล่า?!”
“ทำไมต้องให้ฉันพูดด้วยวะ! ยัยโง่!”
ไอพี่ป๊อปด่าฉันอีกแล้วหรอ!
“เออ! ฉันมันโง่! โง่ที่ไปรักคนอย่างพี่จนจะบ้าตายอยู่แล้วเนี่ย! คนอะไรทำตัวไม่ชัดเจนเลยสักนิด! อึดอัดนะเว้ย!” O__O!! มะ…เมื่อกี้ฉันพูดอะไรออกไป…ม๊ายยยยยยยยยยย!!
“O///O”
“คึ…คือลืมๆมันไปเถอะค่ะ” โอ้ยยยย ฉันอยากจะบ้าตาย หลุดปากออกไปได้ยังไงเนี่ยย แงงงTT
“หึ” ไอน้ำเสียงหัวเราะในลำคอนี่เลิกทำสักทีไม่ได้รึไง ฉันโคตรจะไม่ชอบเลยนะ! ฮึ่ย!
รถของพี่ป๊อปแล่นจนมาถึงสถานีตำรวจเราทั้งคู่เดินเข้าไปภายในและคนที่พบคือคุณระวี่นั่งรออยู่ตรงน้นด้วยขอบตาบวมช้ำ ฉันเดาได้เลยว่าต้องพึ่งผ่านจากการร้องไห้มาแน่ๆ
“ฮึก ฮืออ ป๊อปปี้ ฮือออ อย่าทำแบบนี้กับฉันเลยนะ” คุณระวีทำท่าว่าจะวิ่งมาหาพี่ป๊อปถ้าไม่ติดตรงที่ตำรวจควบคุมตัวของเธอไว้ซะก่อน
“พี่ป๊อปฉันว่าเราไปคุยกับคุณระวีหน่อยดีกว่ามั๊ย” ฉันพูดขึ้นเมื่อสังเกตเห็นอาการของคุณระวีที่เหมือนตายทั้งเป็นด้วยซ้ำ
ทำไมนะ…ทำไมคุณระวีถึงรักพี่ป๊อปมากขนาดนี้
“ฉันไม่อยากคุยอะไรทั้งนั้น”
“พี่ป๊อป…”
“เธอคงจำฉันไม่ได้หรอก!!” จู่ๆคุณระวีก็โพล่งขึ้นมาเสียดื้อ นั่นเรียกสายตาจากทุกคนได้เป็นอย่างดีรวมถึงพี่ป๊อปด้วย
“คุณพูดถึงเรื่องอะไร” พี่ป๊อปหันไปถาม ฉันเองก็ขมวดคิ้วงงกับสถานการณ์นี้เช่นเดียวกัน
“รุ่นพี่อย่างฉัน…คงไม่ได้อยู่ในสายตาของเธอเลยใช่มั๊ย ฮึก”
…………………ต่อ……………….
ผมมองไปยังแม่เลี้ยงอย่างมึนงง ยัยนั่นพูดถึงเรื่องอะไรผมไม่เข้าใจเลยสักนิดเดียว..
“รุ่นพี่อย่างฉัน…คงไม่ได้อยู่ในสายตาของเธอเลยใช่มั๊ย ฮึก”
รุ่นพี่…งั้นหรอ
“ผมไม่เข้าใจ”
“หึ วันนั้น…”
……………………………………..
ย้อนกลับไปเมื่อสามปีที่แล้ว…
ป๊อปปี้ในวัยมอสาม หน้าตาหล่อเหลาไม่ได้แตกต่างจากตอนโตเลยสักนิดเดียว..เวลานี้เป็นช่วงยามเย็นแน่นอนว่าแต่ละคนแยกย้ายกันกลับบ้านกันหมดก็คงเหลือเพียงแต่เขา
“ฮัลโหลมึงอยู่ไหนวะครับ กูรอมึงเกือบจะครึ่งชีวิตกูแล้วนะสัด เมื่อไหร่มึงจะมาเนี่ย” ป๊อปปี้เอ่ยออกไปยังเสียงปลายสาย หลังจากที่เขารอเพื่อนสนิทอีกสองคนไปร้านเกมส์ด้วยกัน
(เห้ยๆ ท่ดๆ วันนี้กูคงไปกับมึงไม่ได้ว่ะ)
“ว่าไงนะ?! มึงมาได้! แล้วทำไมไม่บอกกูวะ! ปล่อยให้กูนั่งเป็นหมาไม่แดกแบบนี้อยุ่ได้”
(พอดีที่บ้านโทรตามกูกลับว่ะ ส่วนไอโทโมะมันก็บอกจะรีบกลับไปซักผ้าแม่มันโทรตาม--*)
“อ้าวอิ้เหี้ย! แล้วกูล่ะ? มึงจะให้กูกลับไปขัดรองเท้าให้พ่อหรอ ไอเพื่อนเวรทั้งสองของกู-_-“
(เออๆ มึงจะไปขัดรองเท้าหรือแดกรองเท้าก็เรื่องของมึงแระ วางล่ะนะ บายส์)
ตุ๊ด ตู๊ด ตู๊ด
“เห้ย! ฮัลโหลๆ! ไอเขื่อนหัวฟวย! ฮัลโหลๆ ห่าเอ๊ยยย” ป๊อปปี้ยีหัวตัวเองอย่างอารมณ์เสียสุดๆ
เขาเดินเตะฝุ่นอย่างคนไร้ที่ไป ตอนนี้แม่ก็คงอยู่บ้านแต่เขากลับรู้สึกไม่อยากกลับบ้านพิกล…
“อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย” เสียงกรี๊ดของใครคนนึงทำให้ป๊อปปี้ต้องหยุดชะงักฝีเท้าแล้วเงี่ยหูฟังให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น..
“ช่วยด้วยยยยยย! อร๊ายยยยยยยยยยยยยย ใครก็ได้ช่วยฉันด้วยยยย!”
“ชิบหาย” ป๊อปปี้ไม่รอช้าอีกต่อไป เขาใช้สองเท้ายาวก้าวออกไปตามเสียงนั้นวิ่งระยะไกลที่ใช้ความเร็วเท่าๆกับวิ่งร้อยเมตร
เมื่อมาถึงสิ่งที่เขาเห็นคือผู้หญิงคนหนึ่งกำลังโดนลวนลามจากชายฉกรรจ์อีกคนนึง ป๊อปปี้ไม่อยู่ช้าอีกต่อไปเขาโยนกระเป๋านักเรียนทิ้งอย่างไม่ใยดี
“ทำไรวะ!”
ผลั้วะ!!
ป๊อปปี้จับไอผู้ชายคนนึงเข้ามารุมกระทืบแน่อนว่าเขาเองก็ถูกเสยหมัดกลับไปไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้เจ็บมาก แต่สุดท้าฝ่ายนั้นก็เป็นฝ่ายหมดสภาพแล้วยอมหนีไปจนได้
“ฮึก ฮืออออ ฮือออ” หญิงสาวปิดหน้าร้องไห้ เธอกลัวจนตัวสั่นไปหมด
ป๊อปปี้ได้แต่ยืนมองอย่างนึกสงสารทั้งสงสารทั้งกังวล เขาทำเพียงแค่ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้กับเธอเท่านั้น…
“พี่…เป็นอะไรมากรึเปล่า”
“ฮึก ฮือออ ขอบคุณนะ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาพร้อมคราบน้ำตาที่ยังเปื้อนอยู่แต่แล้วก็ถูกลบด้วยผ้าเช็ดหน้าผืนสีฟ้า
“ให้ผมไปส่งมั๊ย” ป๊อปปี้เอ่ยถาม ความจริงเขาแค่รู้สึกเป็นห่วงในฐานะมนุษย์เหมือนกันเท่านั้นเอง
“มะ…ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพี่กลับเอง ฮึก ก็ได้”
“….”
“น้อง…ชื่ออะไรหรอ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาถามอีกหน ป๊อปปี้คงไม่รู้หรอกว่าตอนนี้หัวใจของเธอมันเต้นแรงมากแค่ไหน
“ผมชื่อป๊อปปี้ อยู่มอสามถ้าจำไม่ผิดพี่คงอยู่มอหกใช่มั๊ยล่ะ”
“อื้อ พี่ชื่อ…”
ตื้อดื่อดื้อดึ ตื้อดื่อดื้อดึ ตื้อดื่อดื้อดึ
“ฮัลโหลครับแม่ ครับๆผมจะรีบกลับไป” ป๊อปปี้กดวางสายทันทีที่พูดจบ
“เอ่อ…ผมต้องกลับแล้ว ไว้ถ้าเจอกันทีโรงเรียนพี่ก็ทักผมได้ งั้นผมไปก่อนนะ” ว่าจบป๊อปปี้ก็รีบวิ่งออกไปในทันที
เขาคงรีบมาจนลืมนึกไปว่าหญิงสาวยังไม่ได้บอกชื่อของตนเลย…
“พี่ชื่อ…ระวี เราคงจะได้เจอกันอีกนะ” ระวีมองแผ่นหลังของป๊อปปี้ที่ลับหายไปไกล เธอได้แต่ยืนยิ้มเพียงคนเดียวอยู่อย่างนั้น….
รักแรกสินะ…
………………………………….
อัพช้าดีกว่าไม่อัพนะฮร้าา ตอนหน้าป๊อปฟางรออยู้นะแจ้ะ จะสมหวังกันยังไงก็รอติดตามพาร์ทหน้าให้ดีล่ะ อิอิ และ ณ จุดๆนี้...
เม้นโล้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ