ปริศนา[สีเลือด]
-
เขียนโดย stan
วันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.39 น.
5 ตอน
1 วิจารณ์
9,514 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 30 มีนาคม พ.ศ. 2558 19.51 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
2) ตอนที่2 ฝัน(ร้าย)ที่เป็นจริง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ณ ตึกkamikaze เวลา07.00น.
-ปอร์เช่
ในเช้าที่อากาศสดใส แต่มีเมฆมากเล็กน้อย ไม่ใช่ล่ะ! ผู้คนมากมายต่างใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบและวุ่นวายมว๊ากกกกกกกกกกกก ผมเดินลงจากรถปอร์เช่คันสีแดง(สมกับชื่อเว้ย:stan)ที่แม่ขับมาส่ง(ไปหมดละความเท่:stan)พร้อมกับสะพายประเป๋าเป้สีน้ำเงินเข้มใบโปรดของผม ผมกวาดสายตามองรอบๆตึกว่ามีใครมารึยัง พอกวาดสายตาไปได้ซักพักผมก็เห็นน้องโสพิศยืนคุยกับใครซักคนซึ่งผมไม่รู้หรอกว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเพราะว่าเห็นแค่มือที่สีซีดมากมีอะไรบางอย่างสีแดงๆคล้ายๆคราบเลือด โสพิศเหมือนจะรู้ตัวเลยหันหน้ามาทางผม ผมเลยทำท่ามองไปทางอื่นเพื่อกลบความเสือก!เรื่องชาวบ้านเมื่อกี้นี้ แต่พอหันกลับไปก็เห็นแค่โสพิศยืนอยู่คนเดียว "เมื่อกี้มันอะไรกันแน่วะ"ผมสบถเบาๆอย่างงงวยอยู่คนเดียว
"สวัสดีค่ะพี่ปอร์เช่ มาตรงเวลาจังเลยนะคะ"
โสพิศพูดแล้วยิ้มให้ผมวันนี้โสพิศแต่งตัวเป็นชุดประโปรงสั้นสีเลือดเลยผีเสื้อสีแดงสด เล่นเอาผมจ้องตาเป็นมันเลยนี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นเด็กใหม่นะเช่จะจัดสักดอก เอ้ย!!!ไม่ใช่แล้วคิดบ้าๆอยู่เนี้ยไอ้เช่ตื่นๆ ในที่สุดผมก็เรียกสติตัวเองกลับคืนมาได้
"สวัสดีฮ๊าาาาาาาา"ผมพูดพร้อมทำท่าให้เหมือนกระเทยแถวๆสี่แยกคลองเตยเผื่อกลบเกลื่อนสิ่งที่คิดอยู่ในสมอง
"อิๆ...พี่ปอร์เช่นี่ตลกจังเลยนะคะ"โสพิศพูดก่อนจะยิ้มให้ผมเล็กน้อย
"เห้ยๆ หลบไป!คนนี่ของผม"อยู่ๆไอ่คุณกรีนโผล่มาแต่ไหนก็ไม่รู้แทรกกลางระหว่างผมกับโสพิศทันที
"อ่าว..พูดอย่างนี่ก็สวยสิกรีน"พาร์ทเดินมาแล้วทำท่ากวนประสาทใส่กรีน
"ทำหน้ายังกะพึ่งปลดทุกแล้วส้วมเต็มเลยนะพาร์ท"กรีนพูดทำให้โสพิศที่ยืนอยู่ข้างๆแอบหัวเราะ
"พอได้แล้วล่ะครับบบบด่ากันไป ด่ากันมา มันไม่ดีหรอกนะครับบบ"มาร์คที่เดินมาพร้อมกับเติร์ดพูด
"โสพิศเห็นด้วยกับน้องมาร์คนะคะ"โสพิศ พูดเล่นเอากรีนกับพาร์ทหน้าจ๋อยกันเลยทีเดียว
"มาแล้วๆ"อยู่ดีๆปลื้มกับปีเตอร์ที่วิ่งมาจากไหนก็ไม่รู้พูดเป็นเสียงเดียวกัน
"งั้นถ้ามาครบแล้วไปที่ท่าเรือเลยดีกว่าค่ะ"โสพิศส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินนำไปก่อนตามด้วยพวกผม
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ณ ท่าเรือ
ตอนนี้พวกผมแล้วก็เพื่อนๆได้มาถึงท่าเรือเรียบร้อยแล้ว แล้วก็เตรียมตัวจะขึ้นเรือหลังจากขนสัมภาระของเพื่อนๆทั้งหลายแหล่ของผมลงเรือ
"โอเคนะคะทุกคนขึ้นเรือเลยนะคะ"
โสพิศพูดก่อนจะชะงักและทำสีหน้าเหมือนอาฆาตอะไรซักอย่างเดินขึ้นเรือไป นี่ผมเห็นแบบนี้มาเป็นวันที่2แล้วนะที่โสพิศทำท่าทางแบบนี้ เรียกได้ว่าทำผมขนลุกซู่เลย แต่ทำไมคนอื่นไม่รู้สึกเหมือนผมล่ะ อาจมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมเห็นคนเดียวหรือว่าผมแค่ตาฝาด กันแน่นะ.................................................................
30นาที ผ่านไป
ตอนนี้บรรยากาศในเรือแลดูครื้นเครงมากเพราะแต่ละคนนี่ไม่มีใครยอมอยู่สุขเลยทีเดียวมีเพียงแต่เติร์ดที่ยืนอยู่คนเดียวไม่พูดกับใครแถมทำหน้าหมองๆ ด้วยความที่เห็นเพื่อนไม่มีความสุขมีรึคนอย่างเช่จะทน
"เติร์ดเป็นไรวะกูเห็นมึงซึมแต่เช้าล่ะ"ผมเดินไปโอบไหล่เพื่อนเหมือนเป็นการบอกมันว่าให้ระบายออกมาเลย
"กูฝันร้ายว่ะเช่..."เติร์ดพูดแล้วหันมามองหน้าผม
"กูฝันว่าวันที่เรามาเที่ยวจะเกิดพายุร้ายแรงกลางทะเลแล้วพวกเราก็....กะ...กูกลัวว่ะเช่ฮึกๆ..."เติร์ดพูดก่อนจะก้มหน้าร้องไห้
"เห้ย!ไม่เอาน่าเติร์ดพวกเราจะต้องไม่เป็นอะไรพวกเรามาเที่ยวนะทำใจให้สบายจะดีกว่านะ"
ผมโอบไหล่เติร์ดแน่นเพื่อเป็นการปลอบและให้มันสงบลง และเหมือนจะได้ผลเติร์ดเงยหน้าขึ้นมาแล้วเช็ดน้ำตาที่อาบแก้มตัวเอง แล้วยิ้มให้ผม
"นั่นสินะมันคงไม่เกิดขึ้นหรอก ขอบใจมากนะเช่"เติร์ดพูดก่อนจะเดินไปหามาร์ค
ถึงเติร์ดจะหายซึมแล้วแต่มีอีกคนหนึ่งที่ยังนั่งซึมแถมยังทำสายตาแปลกๆพร้อมกับเหยียดยิ้มเล็กน้อยอยู่ในมุมมืดคนเดียว ใช่แล้วครับตั้งแต่ขึ้นเรือมาโสพิศก็ไม่คุยกับใครเลยได้แต่นั่งอยู่ตรงนั้นเหมือนกำลังคิดอะไรซักอย่างคนเดียว....
"ทะเลจ๋าาาาา!!!!!!!!!!!"ปีเตอร์ที่เดินมาใกล้ๆผมตะโกนเสียงดังยังกะใครตาย
"อะไรของมึงเนี้ยปีเตอร์"ผมตะคอกกลับเล่นเอาไอ้ปีเตอร์หัวหดเลยทีเดียว
"ใจเย็นดิเช่...แค่จะมายืนเป็นเพื่อนเฉยๆ"ปีเตอร์ฉีกยิ้มกว้างให้ผมจนผมหลดขำ
"เมื่อกี้ไอ่เติร์ดเป็นไรวะกูเห็นมันร้องไห้ด้วย"ปีเตอร์ถามผม
"อ๋อ...คือมันปวดหวอ่ะกูเลยให้มันไปนอนพัก"ผมแก้ตัวน้ำขุ่นๆกับปีเตอร์
"อ่อชั่งมันเถอะ"ปีเตอร์พูดก่อนจะชี้ไปที่เกาะๆหนึ่ง ที่มีแต่หินสีขาวๆเรืองแสงจนแสบตา
"อะไรวะปีเตอร์"ผมถามกลับด้วยความงงงวย
"เกาะเนี้ยชื่อเกาะหินขาว เป็นเกาะแห่งปริศนา มีชายหนุ่มคนหนึ่งได้หลงรักกับเงือกสาวและมี...มึงคงรู้ดีนะเช่แล้วได้ให้กำเนิด บุตรสาวที่มีหน้าตางดงามแต่ภายในจิตใจของเธอกลับเต็มไปด้วยความแค้นและไล่ฆ่าผู้คนอย่างไม่ทราบสาเหตุ ชายหนุ่มจึงจับเธอขึงไว้กับหอกทองแดงที่ร้อนเหมือนลาวาไว้ที่นี่เพื่อไม่ให้มีอันตรายใดๆเกิดขึ้นกับมนุษย์โลก แต้สุดท้าย...เธอก็หลุดออกมาได้ เค้าว่ากันว่าถ้าเกิดผู้หญิงคนนี้รักใคร คนนั้นจะได้รับการถ่ายทอดให้เป็นปีศาจแห่งความแค้นเหมือนกัน....."ปีเตอร์พูดจบแล้วก็หันมามองผม
"มึงกำลังทำให้กูกลัวนะเนี้ยเตอร์"ผมพูดก่อนจะหันหน้าไปมองมัน
"กูพูดเรื่องจริงนะเว้ย"ปีเตอร์พูดแล้วก็ลากผมไปนั่งข้างๆปลื้ม
.
.
.
.
เวลาผ่านไปนานมาก และมันทำให้ผมและคนอื่นๆรู้สึกว่าเริ่มมีลางสังหรณ์ไม่ดีก่อตัวเข้ามาโดยเฉพาะเติร์ดที่นั่งกอดเข่าอยู่ใกล้ผมผมได้แต่กอดเพื่อนสนิทของผมไว้แน่นเพื่อไม่ให้มันจิตตกไปมากกว่านี้
"ลมแรงมากเลยนะ....อยุ่ใกล้ๆกันไว้จะดีกว่า"ปลื้มพูดก่อนที่พวกเราจะขยับเข้าใกล้กันมีเพียงโสพิศที่นั่งอยู่ที่เดิมโดยไม่รู้สึกอะไรเลย
สัญชาตญาณของผมรู้สึกได้เลยว่ามันไม่ใช่ลมธรรมดาแน่ กำลังมีพายุ ซึ่งมันแรงขึ้น แรงขึ้น และแรงขึ้นเรื่อยๆฟ้าฝ่าส่งเสียงคำราม ลมพัดแรงแบบที่เกิดมาผมไม่เคยเจอมาก่อนจนทำเอาผมล้มลงหัวไปฟาดกับขอบเรือที่มีตะปูแหลมอยู่แต่โชคดีที่ผมแค่เฉียดแต่ยังไงเลือดก็ยังไหลไม่หยุด "เช่!!!"เพื่อนๆตะโกนเรียกผมช่วยผยุงตัวผมและจับมือผมไว้แน่น สติผมเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ภาพทุกอย่างเลือนลางไปหมด เหมือนคนกำลังจะตายจากโลกนี้
"เห้ย!!ระวังพายุ!!!!"นั้นเป็นเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินแต่ผมไม่รู้หรอกว่าเป็นเสียงของใครและในที่สุดประสาทสัมผัสของผมก็ดับลงแล้วไม่รับรู้อะไรอีกเลย.........
ตอนที่2แล้วเป็นไงบ้างค่ะเริ่มซับซ้อนขึ้นมานิดหน่อยแล้วเนาะ ก็อย่าลืมนะคะสามารถติชมได้ และก็จะพยายามแต่งให้ดีขึ้นนะคะ
-ปอร์เช่
ในเช้าที่อากาศสดใส แต่มีเมฆมากเล็กน้อย ไม่ใช่ล่ะ! ผู้คนมากมายต่างใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบและวุ่นวายมว๊ากกกกกกกกกกกก ผมเดินลงจากรถปอร์เช่คันสีแดง(สมกับชื่อเว้ย:stan)ที่แม่ขับมาส่ง(ไปหมดละความเท่:stan)พร้อมกับสะพายประเป๋าเป้สีน้ำเงินเข้มใบโปรดของผม ผมกวาดสายตามองรอบๆตึกว่ามีใครมารึยัง พอกวาดสายตาไปได้ซักพักผมก็เห็นน้องโสพิศยืนคุยกับใครซักคนซึ่งผมไม่รู้หรอกว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเพราะว่าเห็นแค่มือที่สีซีดมากมีอะไรบางอย่างสีแดงๆคล้ายๆคราบเลือด โสพิศเหมือนจะรู้ตัวเลยหันหน้ามาทางผม ผมเลยทำท่ามองไปทางอื่นเพื่อกลบความเสือก!เรื่องชาวบ้านเมื่อกี้นี้ แต่พอหันกลับไปก็เห็นแค่โสพิศยืนอยู่คนเดียว "เมื่อกี้มันอะไรกันแน่วะ"ผมสบถเบาๆอย่างงงวยอยู่คนเดียว
"สวัสดีค่ะพี่ปอร์เช่ มาตรงเวลาจังเลยนะคะ"
โสพิศพูดแล้วยิ้มให้ผมวันนี้โสพิศแต่งตัวเป็นชุดประโปรงสั้นสีเลือดเลยผีเสื้อสีแดงสด เล่นเอาผมจ้องตาเป็นมันเลยนี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นเด็กใหม่นะเช่จะจัดสักดอก เอ้ย!!!ไม่ใช่แล้วคิดบ้าๆอยู่เนี้ยไอ้เช่ตื่นๆ ในที่สุดผมก็เรียกสติตัวเองกลับคืนมาได้
"สวัสดีฮ๊าาาาาาาา"ผมพูดพร้อมทำท่าให้เหมือนกระเทยแถวๆสี่แยกคลองเตยเผื่อกลบเกลื่อนสิ่งที่คิดอยู่ในสมอง
"อิๆ...พี่ปอร์เช่นี่ตลกจังเลยนะคะ"โสพิศพูดก่อนจะยิ้มให้ผมเล็กน้อย
"เห้ยๆ หลบไป!คนนี่ของผม"อยู่ๆไอ่คุณกรีนโผล่มาแต่ไหนก็ไม่รู้แทรกกลางระหว่างผมกับโสพิศทันที
"อ่าว..พูดอย่างนี่ก็สวยสิกรีน"พาร์ทเดินมาแล้วทำท่ากวนประสาทใส่กรีน
"ทำหน้ายังกะพึ่งปลดทุกแล้วส้วมเต็มเลยนะพาร์ท"กรีนพูดทำให้โสพิศที่ยืนอยู่ข้างๆแอบหัวเราะ
"พอได้แล้วล่ะครับบบบด่ากันไป ด่ากันมา มันไม่ดีหรอกนะครับบบ"มาร์คที่เดินมาพร้อมกับเติร์ดพูด
"โสพิศเห็นด้วยกับน้องมาร์คนะคะ"โสพิศ พูดเล่นเอากรีนกับพาร์ทหน้าจ๋อยกันเลยทีเดียว
"มาแล้วๆ"อยู่ดีๆปลื้มกับปีเตอร์ที่วิ่งมาจากไหนก็ไม่รู้พูดเป็นเสียงเดียวกัน
"งั้นถ้ามาครบแล้วไปที่ท่าเรือเลยดีกว่าค่ะ"โสพิศส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินนำไปก่อนตามด้วยพวกผม
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ณ ท่าเรือ
ตอนนี้พวกผมแล้วก็เพื่อนๆได้มาถึงท่าเรือเรียบร้อยแล้ว แล้วก็เตรียมตัวจะขึ้นเรือหลังจากขนสัมภาระของเพื่อนๆทั้งหลายแหล่ของผมลงเรือ
"โอเคนะคะทุกคนขึ้นเรือเลยนะคะ"
โสพิศพูดก่อนจะชะงักและทำสีหน้าเหมือนอาฆาตอะไรซักอย่างเดินขึ้นเรือไป นี่ผมเห็นแบบนี้มาเป็นวันที่2แล้วนะที่โสพิศทำท่าทางแบบนี้ เรียกได้ว่าทำผมขนลุกซู่เลย แต่ทำไมคนอื่นไม่รู้สึกเหมือนผมล่ะ อาจมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมเห็นคนเดียวหรือว่าผมแค่ตาฝาด กันแน่นะ.................................................................
30นาที ผ่านไป
ตอนนี้บรรยากาศในเรือแลดูครื้นเครงมากเพราะแต่ละคนนี่ไม่มีใครยอมอยู่สุขเลยทีเดียวมีเพียงแต่เติร์ดที่ยืนอยู่คนเดียวไม่พูดกับใครแถมทำหน้าหมองๆ ด้วยความที่เห็นเพื่อนไม่มีความสุขมีรึคนอย่างเช่จะทน
"เติร์ดเป็นไรวะกูเห็นมึงซึมแต่เช้าล่ะ"ผมเดินไปโอบไหล่เพื่อนเหมือนเป็นการบอกมันว่าให้ระบายออกมาเลย
"กูฝันร้ายว่ะเช่..."เติร์ดพูดแล้วหันมามองหน้าผม
"กูฝันว่าวันที่เรามาเที่ยวจะเกิดพายุร้ายแรงกลางทะเลแล้วพวกเราก็....กะ...กูกลัวว่ะเช่ฮึกๆ..."เติร์ดพูดก่อนจะก้มหน้าร้องไห้
"เห้ย!ไม่เอาน่าเติร์ดพวกเราจะต้องไม่เป็นอะไรพวกเรามาเที่ยวนะทำใจให้สบายจะดีกว่านะ"
ผมโอบไหล่เติร์ดแน่นเพื่อเป็นการปลอบและให้มันสงบลง และเหมือนจะได้ผลเติร์ดเงยหน้าขึ้นมาแล้วเช็ดน้ำตาที่อาบแก้มตัวเอง แล้วยิ้มให้ผม
"นั่นสินะมันคงไม่เกิดขึ้นหรอก ขอบใจมากนะเช่"เติร์ดพูดก่อนจะเดินไปหามาร์ค
ถึงเติร์ดจะหายซึมแล้วแต่มีอีกคนหนึ่งที่ยังนั่งซึมแถมยังทำสายตาแปลกๆพร้อมกับเหยียดยิ้มเล็กน้อยอยู่ในมุมมืดคนเดียว ใช่แล้วครับตั้งแต่ขึ้นเรือมาโสพิศก็ไม่คุยกับใครเลยได้แต่นั่งอยู่ตรงนั้นเหมือนกำลังคิดอะไรซักอย่างคนเดียว....
"ทะเลจ๋าาาาา!!!!!!!!!!!"ปีเตอร์ที่เดินมาใกล้ๆผมตะโกนเสียงดังยังกะใครตาย
"อะไรของมึงเนี้ยปีเตอร์"ผมตะคอกกลับเล่นเอาไอ้ปีเตอร์หัวหดเลยทีเดียว
"ใจเย็นดิเช่...แค่จะมายืนเป็นเพื่อนเฉยๆ"ปีเตอร์ฉีกยิ้มกว้างให้ผมจนผมหลดขำ
"เมื่อกี้ไอ่เติร์ดเป็นไรวะกูเห็นมันร้องไห้ด้วย"ปีเตอร์ถามผม
"อ๋อ...คือมันปวดหวอ่ะกูเลยให้มันไปนอนพัก"ผมแก้ตัวน้ำขุ่นๆกับปีเตอร์
"อ่อชั่งมันเถอะ"ปีเตอร์พูดก่อนจะชี้ไปที่เกาะๆหนึ่ง ที่มีแต่หินสีขาวๆเรืองแสงจนแสบตา
"อะไรวะปีเตอร์"ผมถามกลับด้วยความงงงวย
"เกาะเนี้ยชื่อเกาะหินขาว เป็นเกาะแห่งปริศนา มีชายหนุ่มคนหนึ่งได้หลงรักกับเงือกสาวและมี...มึงคงรู้ดีนะเช่แล้วได้ให้กำเนิด บุตรสาวที่มีหน้าตางดงามแต่ภายในจิตใจของเธอกลับเต็มไปด้วยความแค้นและไล่ฆ่าผู้คนอย่างไม่ทราบสาเหตุ ชายหนุ่มจึงจับเธอขึงไว้กับหอกทองแดงที่ร้อนเหมือนลาวาไว้ที่นี่เพื่อไม่ให้มีอันตรายใดๆเกิดขึ้นกับมนุษย์โลก แต้สุดท้าย...เธอก็หลุดออกมาได้ เค้าว่ากันว่าถ้าเกิดผู้หญิงคนนี้รักใคร คนนั้นจะได้รับการถ่ายทอดให้เป็นปีศาจแห่งความแค้นเหมือนกัน....."ปีเตอร์พูดจบแล้วก็หันมามองผม
"มึงกำลังทำให้กูกลัวนะเนี้ยเตอร์"ผมพูดก่อนจะหันหน้าไปมองมัน
"กูพูดเรื่องจริงนะเว้ย"ปีเตอร์พูดแล้วก็ลากผมไปนั่งข้างๆปลื้ม
.
.
.
.
เวลาผ่านไปนานมาก และมันทำให้ผมและคนอื่นๆรู้สึกว่าเริ่มมีลางสังหรณ์ไม่ดีก่อตัวเข้ามาโดยเฉพาะเติร์ดที่นั่งกอดเข่าอยู่ใกล้ผมผมได้แต่กอดเพื่อนสนิทของผมไว้แน่นเพื่อไม่ให้มันจิตตกไปมากกว่านี้
"ลมแรงมากเลยนะ....อยุ่ใกล้ๆกันไว้จะดีกว่า"ปลื้มพูดก่อนที่พวกเราจะขยับเข้าใกล้กันมีเพียงโสพิศที่นั่งอยู่ที่เดิมโดยไม่รู้สึกอะไรเลย
สัญชาตญาณของผมรู้สึกได้เลยว่ามันไม่ใช่ลมธรรมดาแน่ กำลังมีพายุ ซึ่งมันแรงขึ้น แรงขึ้น และแรงขึ้นเรื่อยๆฟ้าฝ่าส่งเสียงคำราม ลมพัดแรงแบบที่เกิดมาผมไม่เคยเจอมาก่อนจนทำเอาผมล้มลงหัวไปฟาดกับขอบเรือที่มีตะปูแหลมอยู่แต่โชคดีที่ผมแค่เฉียดแต่ยังไงเลือดก็ยังไหลไม่หยุด "เช่!!!"เพื่อนๆตะโกนเรียกผมช่วยผยุงตัวผมและจับมือผมไว้แน่น สติผมเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ภาพทุกอย่างเลือนลางไปหมด เหมือนคนกำลังจะตายจากโลกนี้
"เห้ย!!ระวังพายุ!!!!"นั้นเป็นเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินแต่ผมไม่รู้หรอกว่าเป็นเสียงของใครและในที่สุดประสาทสัมผัสของผมก็ดับลงแล้วไม่รับรู้อะไรอีกเลย.........
ตอนที่2แล้วเป็นไงบ้างค่ะเริ่มซับซ้อนขึ้นมานิดหน่อยแล้วเนาะ ก็อย่าลืมนะคะสามารถติชมได้ และก็จะพยายามแต่งให้ดีขึ้นนะคะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ