SBYCh On Thailand
-
เขียนโดย อชิรญาฯ
วันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2558 เวลา 07.46 น.
6 บาตรที่
0 วิจารณ์
9,691 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 5 มกราคม พ.ศ. 2558 07.59 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
6) ก่อตั้งชมรมนักสืบนะคะ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความไม่รู้วันนี้จะหัวเราหรือร้องไห้ดีสำหรับน้องยิ้ม สุทธิดา ก็วันนี้เป็นวันที่สาวเจ้าเข้าเรียนสายเป็นวันแรก ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากเลยทีเดียว ที่จริงนางตื่นนอนตั้งแต่ตีห้า ออกเดินทางตั้งแต่หกโมงเช้า เพราะโดนบังคับให้นั่งกินอาหารกับเฟรย เจ้าหล่อนจึงเข้าเรียนคาบเก้าโมงเลทไปเก้าโมงครึ่ง
ที่นั่งสำหรับคนมาช้าคือหลังห้อง ยิ้มกับเฟรยได้นั่งติดกันอยู่สองคน ใบหน้าที่บูดบึ้งอยู่แล้ว เมื่อเจอกับเรื่องปวดหัวแบบนี้ก็ยิ่งเบ้หน้าหนักเข้าไปอีก
"คุณทำให้ฉันเข้าเรียนสาย" ยิ้มตำหนิ
สิ่งที่เด็กเรียนอย่างเธอเกลียดมากที่สุดมีอยู่สองอย่าง นั่นคือการไม่ตรงต่อเวลาและเด็กหลังห้อง เพราะถูกสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กว่าการเรียนต้องมาเป็นอันดับแรก ดังนั้นแม้ว่าจะมีงานร้องเพลงเข้ามา แต่สุดท้ายหลังเลิกงานเธอก็ต้องติวกับตัวเองเพื่อความแม่น นับเป็นข้อดีและข้อเสียในเวลาเดียวกัน เพราเหตุนั้นทำให้เจ้าหล่อนกลายเป็นพวกหัวกะทิที่ค่อนข้างเย็นชา
เฟรยยิ้มแล้วตอบ "แต่ผมก็สายเป็นเพื่อนคุณนะ ไม่ได้สายคนเดียวสักหน่อย"
ชายหนุ่มพึมพำ "เอาแต่เงียบ กลัวพิกุลจะร่วงรึไงนะ" เขาจ้องมองยิ้มอย่างไม่วางตา
นักร้องสาวในลุคที่ดูเรียบง่าย ใบหน้าขาวเนียนรูปไข่นั้นดูสวยงามทุกครั้งที่มอง ความสวยงามจัดเสร็จสรรพบนใบหน้าและเรือนร่างของหญิงสาวทำให้คมมองแทบลืมหายใจ
ถึงจะสวยตรงสเปค แต่ไอ้ที่เงียบๆไม่พํดไม่จากับใครแถมชอบมองตำหนิคนอื่นแบบนี้ นี่สเปคของเขาประหลาดมากเลยใช่มั้ยเนี่ย?
"รู้ว่าสวย ไม่ต้องมองมาก" ยิ้มหันมายักคิ้วใส่เขาแบบกวนๆ
เฟรยถึงกับยิ้มกว้าง เพราะสาวเงียบเป็นสาวกวนแบบนี้ เขาไม่เคยเห็น!
"รู้ยัง อาจารย์จะให้พวกเราตั้งชมรมนักศึกษาขึ้นมาเองล่ะ เพื่อเป็นการเสริมสร้างอีคิวให้กับเพื่อนๆพี่น้องนิสิตมหาลัยเรา..." เสียงใสเจื้อยแจ้วของพิกเก็ตดังพอที่จะให้หมู่คณะบัญชีปีสองกลุ่มเล็กๆได้ยินกัน
นี่คือเวลาพักเที่ยง บรรดานิสิตต่างคณะพากันลงมาฝากท้องไว้กับร้านค้าในมหาลัย ยิ้มไม่ค่อยอยากจะบอกเลยว่าอาหารของมหาลัยรสชาติห่วยมาก แต่ถูกดี นี่ล่ะคงจะเป็นสาเหตบ่งบอกว่าทำไมโรงอาหารในมหาลัยถึงได้ร้างคนขนาดนี้
กลุ่มนักศึกษาขนาดกลางประกอบด้วยนิสิตปีสองจากคณะบัญชีนั่งจับกลุ่มล้อมวงกันถกเถียงเรื่องงานกิจกรรมชมรมของมหาลัยที่กำลังจะถึงนี้
"ด้วยอำนาจของหัวหน้าสายชั้น ฉันพิกเก็ตจึงขอให้เพื่อนๆช่วยกันคิดคอนเซปว่าเราควรจะก่อตั้งชมรมอะไรขึ้นมาดี" พิกเก็ตเน้นคำว่าหัวหน้าห้องเป็นพิเศษ
"ทำไมเราต้องสร้างชมรมใหม่ล่ะพิกเก็ต ในเมื่อมหาลัยเราก็มีชมรมออกตั้งเยอะแยะ?" เพื่อนสาวคนนึงถามขึ้น
"ก็เพราะปีนี้มีการยุบชมรมที่ไม่มีผลงานออกไปถึงสิบสองชมรมไง ทำให้ชมรมในมหาลัยเราเหลืออยู่แค่ไม่กี่ชมรมเท่านั้น เราซึ่งเป็นนิสิตปีสอง ก็ได้รับหน้าที่ให้ตั้งชมรมที่เกี่ยวกับสาธารณะประโยชน์มา จึงต้องร่วมมือร่วมใจกันคิด เข้าใจมั้ย?" พิกเก็ตตอบ นางเป็นสาวมั่นที่มีสไตล์การแต่งตัวไม่แพ้เซเลฟหรือคนดังใดๆเลย
"ถ้าอย่างนั้นคณะอื่นก็โดนด้วยสิ?"
"ถูกต้อง เรื่องนี้ไม่ใช่แค่คณะเราที่ต้องรับผิดชอบ แต่ปีสองทุกคณะต้องตั้งชมรมของตัวเองขึ้นมาโดยมีข้อแม้ว่าจะต้องเป็นชมรมที่มีส่วนร่วมกับสังคม"
"งั้น ..คณะอื่นเขาสร้างชมรมก็เสร็จแล้วเหรอ?" นักศึกษาชายถาม
"บางคณะเท่านั้น เพราะงี้ไงฉันถึงได้นัดเพื่อนๆมาหารือกันเรื่องนี้ เราจะก่อตั้งชมรมกัน"
ยิ้มมองความเป็นไปของเพื่อนๆคณะเดียวกันอย่างเบื่อหน่าย ทำแบบนี้มันจะได้ประโยชน์อะไร การควบคุมที่หย่อนยานเกินไป คือปล่อยให้ทุกคนคุยกันเองแบบสบายๆอย่างนี้ ทั้งปีกไม่มีวันได้หรอกชมรมน่ะ
ยิ้มเบ้หน้า เธอไม่ถูกใจการทำงานไม่เป็นทีมแบบนี้เอาซะเลย
"เห็นเอาแต่ทำหน้าเบี้ยวมาตั้งแต่อยู่ในห้องแล้ว ปวดท้องรึไงฮึ?" เฟรยสะกิด เขาแอบสังเกตุสีหน้าของหญิงสาวมาตลอดเลยอดไม่ได้ที่จะถาม
"เปล่า ไม่มีอะไร" ยิ้มตอบหน้าตาย
"เห้อออออ" ชายหนุ่มแกล้งบิดขี้เกียจเพื่อหวังโอบไหล่บาง "คนไทยนี่นะ เขาบอกเป็นคนชอบโกหกทั้งๆที่ความหมายเขาต่างออกไปอีกอย่าง"
"คุณกำลังจะสื่ออะไร?"
"ทำอะไรอยู่ เปล่า?นอนอยู่ ทำอะไรอยู่ ไม่ได้ทำไร? กินข้าว" เขาตอบอมยิ้มมุนปากน้อยนึง "มีอะไรก็คุยกับผมได้ เผื่อช่วยได้ เราเพื่อนกันนะ"
"มโนรีเปล่า?" ยิ้มตอกกลับ
เฟรยหัวเราะในลำคอก่อนจะลุกเข้าไปแจมกับเพื่อนๆช่วยกันคิดชื่อชมรมกันหน้าเครียด ทิ้งให้ยิ้มต้องนั่งมองดูเพื่อนๆเล่นสนุกกันจนเริ่มเรียนคาบบ่าย
ยังไงวันนี้มันก็ไม่รุ่งอยู่แล้วน่า...
จบบาตรห้า
ที่นั่งสำหรับคนมาช้าคือหลังห้อง ยิ้มกับเฟรยได้นั่งติดกันอยู่สองคน ใบหน้าที่บูดบึ้งอยู่แล้ว เมื่อเจอกับเรื่องปวดหัวแบบนี้ก็ยิ่งเบ้หน้าหนักเข้าไปอีก
"คุณทำให้ฉันเข้าเรียนสาย" ยิ้มตำหนิ
สิ่งที่เด็กเรียนอย่างเธอเกลียดมากที่สุดมีอยู่สองอย่าง นั่นคือการไม่ตรงต่อเวลาและเด็กหลังห้อง เพราะถูกสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กว่าการเรียนต้องมาเป็นอันดับแรก ดังนั้นแม้ว่าจะมีงานร้องเพลงเข้ามา แต่สุดท้ายหลังเลิกงานเธอก็ต้องติวกับตัวเองเพื่อความแม่น นับเป็นข้อดีและข้อเสียในเวลาเดียวกัน เพราเหตุนั้นทำให้เจ้าหล่อนกลายเป็นพวกหัวกะทิที่ค่อนข้างเย็นชา
เฟรยยิ้มแล้วตอบ "แต่ผมก็สายเป็นเพื่อนคุณนะ ไม่ได้สายคนเดียวสักหน่อย"
ชายหนุ่มพึมพำ "เอาแต่เงียบ กลัวพิกุลจะร่วงรึไงนะ" เขาจ้องมองยิ้มอย่างไม่วางตา
นักร้องสาวในลุคที่ดูเรียบง่าย ใบหน้าขาวเนียนรูปไข่นั้นดูสวยงามทุกครั้งที่มอง ความสวยงามจัดเสร็จสรรพบนใบหน้าและเรือนร่างของหญิงสาวทำให้คมมองแทบลืมหายใจ
ถึงจะสวยตรงสเปค แต่ไอ้ที่เงียบๆไม่พํดไม่จากับใครแถมชอบมองตำหนิคนอื่นแบบนี้ นี่สเปคของเขาประหลาดมากเลยใช่มั้ยเนี่ย?
"รู้ว่าสวย ไม่ต้องมองมาก" ยิ้มหันมายักคิ้วใส่เขาแบบกวนๆ
เฟรยถึงกับยิ้มกว้าง เพราะสาวเงียบเป็นสาวกวนแบบนี้ เขาไม่เคยเห็น!
"รู้ยัง อาจารย์จะให้พวกเราตั้งชมรมนักศึกษาขึ้นมาเองล่ะ เพื่อเป็นการเสริมสร้างอีคิวให้กับเพื่อนๆพี่น้องนิสิตมหาลัยเรา..." เสียงใสเจื้อยแจ้วของพิกเก็ตดังพอที่จะให้หมู่คณะบัญชีปีสองกลุ่มเล็กๆได้ยินกัน
นี่คือเวลาพักเที่ยง บรรดานิสิตต่างคณะพากันลงมาฝากท้องไว้กับร้านค้าในมหาลัย ยิ้มไม่ค่อยอยากจะบอกเลยว่าอาหารของมหาลัยรสชาติห่วยมาก แต่ถูกดี นี่ล่ะคงจะเป็นสาเหตบ่งบอกว่าทำไมโรงอาหารในมหาลัยถึงได้ร้างคนขนาดนี้
กลุ่มนักศึกษาขนาดกลางประกอบด้วยนิสิตปีสองจากคณะบัญชีนั่งจับกลุ่มล้อมวงกันถกเถียงเรื่องงานกิจกรรมชมรมของมหาลัยที่กำลังจะถึงนี้
"ด้วยอำนาจของหัวหน้าสายชั้น ฉันพิกเก็ตจึงขอให้เพื่อนๆช่วยกันคิดคอนเซปว่าเราควรจะก่อตั้งชมรมอะไรขึ้นมาดี" พิกเก็ตเน้นคำว่าหัวหน้าห้องเป็นพิเศษ
"ทำไมเราต้องสร้างชมรมใหม่ล่ะพิกเก็ต ในเมื่อมหาลัยเราก็มีชมรมออกตั้งเยอะแยะ?" เพื่อนสาวคนนึงถามขึ้น
"ก็เพราะปีนี้มีการยุบชมรมที่ไม่มีผลงานออกไปถึงสิบสองชมรมไง ทำให้ชมรมในมหาลัยเราเหลืออยู่แค่ไม่กี่ชมรมเท่านั้น เราซึ่งเป็นนิสิตปีสอง ก็ได้รับหน้าที่ให้ตั้งชมรมที่เกี่ยวกับสาธารณะประโยชน์มา จึงต้องร่วมมือร่วมใจกันคิด เข้าใจมั้ย?" พิกเก็ตตอบ นางเป็นสาวมั่นที่มีสไตล์การแต่งตัวไม่แพ้เซเลฟหรือคนดังใดๆเลย
"ถ้าอย่างนั้นคณะอื่นก็โดนด้วยสิ?"
"ถูกต้อง เรื่องนี้ไม่ใช่แค่คณะเราที่ต้องรับผิดชอบ แต่ปีสองทุกคณะต้องตั้งชมรมของตัวเองขึ้นมาโดยมีข้อแม้ว่าจะต้องเป็นชมรมที่มีส่วนร่วมกับสังคม"
"งั้น ..คณะอื่นเขาสร้างชมรมก็เสร็จแล้วเหรอ?" นักศึกษาชายถาม
"บางคณะเท่านั้น เพราะงี้ไงฉันถึงได้นัดเพื่อนๆมาหารือกันเรื่องนี้ เราจะก่อตั้งชมรมกัน"
ยิ้มมองความเป็นไปของเพื่อนๆคณะเดียวกันอย่างเบื่อหน่าย ทำแบบนี้มันจะได้ประโยชน์อะไร การควบคุมที่หย่อนยานเกินไป คือปล่อยให้ทุกคนคุยกันเองแบบสบายๆอย่างนี้ ทั้งปีกไม่มีวันได้หรอกชมรมน่ะ
ยิ้มเบ้หน้า เธอไม่ถูกใจการทำงานไม่เป็นทีมแบบนี้เอาซะเลย
"เห็นเอาแต่ทำหน้าเบี้ยวมาตั้งแต่อยู่ในห้องแล้ว ปวดท้องรึไงฮึ?" เฟรยสะกิด เขาแอบสังเกตุสีหน้าของหญิงสาวมาตลอดเลยอดไม่ได้ที่จะถาม
"เปล่า ไม่มีอะไร" ยิ้มตอบหน้าตาย
"เห้อออออ" ชายหนุ่มแกล้งบิดขี้เกียจเพื่อหวังโอบไหล่บาง "คนไทยนี่นะ เขาบอกเป็นคนชอบโกหกทั้งๆที่ความหมายเขาต่างออกไปอีกอย่าง"
"คุณกำลังจะสื่ออะไร?"
"ทำอะไรอยู่ เปล่า?นอนอยู่ ทำอะไรอยู่ ไม่ได้ทำไร? กินข้าว" เขาตอบอมยิ้มมุนปากน้อยนึง "มีอะไรก็คุยกับผมได้ เผื่อช่วยได้ เราเพื่อนกันนะ"
"มโนรีเปล่า?" ยิ้มตอกกลับ
เฟรยหัวเราะในลำคอก่อนจะลุกเข้าไปแจมกับเพื่อนๆช่วยกันคิดชื่อชมรมกันหน้าเครียด ทิ้งให้ยิ้มต้องนั่งมองดูเพื่อนๆเล่นสนุกกันจนเริ่มเรียนคาบบ่าย
ยังไงวันนี้มันก็ไม่รุ่งอยู่แล้วน่า...
จบบาตรห้า
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ