(fic BM) ปฏิบัติการกำจัดยัยสายหมอกหน้าใหม่
-
เขียนโดย MysticBlue
วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 19.56 น.
9 ตอน
14 วิจารณ์
15.67K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 11.05 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
9) back to the past (4)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"มาม่อน....เจ้าชายไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจทุกอย่างเลย ทำไมเจ้าชายถึงกลัว ทำไมเจ้าชายสั่น ทั้งๆ ที่เจ้าชายก็อยู่และชื่นชอบเรื่องแบบนี้มาตลอด" เด็กน้อยดึงชายเสื้อสีดำของทารกข้างกาย
มาม่อนเงยหน้ามองอีกฝ่ายก่อนจะถอนหายใจ คนที่เคยล่าอย่างเดียวกลับมาเป็นฝ่ายถูกล่าอย่างเบลเฟกอล นี่คงเป็นครั้งแรกที่รู้สึกกลัวตาย มันคงเป็นทั้งความรู้สึกที่แปลกใหม่และบางที ถ้าเบลชินกับมันอาจจะถึงขั้นชื่นชอบความรู้สึกท้าทายแบบนี้ก็เป็นได้
"นายคงจะกลัวตายล่ะเบล แต่เรียนรู้ความรู้สึกนี้ไว้ก็ดี เวลาโตขึ้นความรู้สึกแบบนี้จะได้ไม่เข้ามาขวางการทำงานของนาย" ทารกน้อยกล่าว
"งั้นถ้าเจ้าชายจะทำให้ความรู้สึกแบบนี้มันเพิ่ม 'ความสนุก' ให้กับชีวิตล่ะมาม่อน?"
ตามที่คาดการณ์ไว้......
"แผลของเบลเป็นยังไงบ้างฮะมาม่อน~" เสียงดัดหญิงดังพร้อมกับประตูห้องที่ถูกแง้มเล็กน้อย ลุซซุเรียเข้ามาในห้องก่อนจะทรุดตัวลงกับพื้นด้วยใบหน้าซีดเซียว
"แฮ่กๆ มาม่อนจะส่งเจ๊ไปตายรึไงฮะ ให้ไปคุยกับลูกชายของรุ่นที่เก้าตัวต่อตัวแบบนั้น เจ๊จะหัวในว๊าย!!" กระเทยวาเรียขึ้นเสียงสูงพลางกุมอกซ้ายราวกับจะใจวายจริงๆ
"ถ้าเกิดว่าเธอไม่ไปหาบอสล่ะก็ มีเปอร์เซ็นต์สูงว่าพวกเขาจะคิดว่าเราไม่ภักดีต่อเขาและเชือดทิ้ง การเข้าไปปฎิญานตนว่าจะภักดีทำให้เรารอดไปอีกนานเลยล่ะ" มาม่อนหันมาอธิบาย
จากเหตุการณ์ศัตรูบุกวาเรียเมื่อสามวันก่อน ทำให้มาม่อนต้องหาทางเจรจาต้าอ่วยเพื่อที่จะได้ทำงานในวาเรียต่อไป แต่ถามว่าทำไมต้องเจรจาเพื่อเบลและลุซซูเรียด้วย? นั่นมันแน่นนอนอยู่แล้ว ยิ่งมีสมาชิกแถวหน้าสามคน รายได้ก็จะเข้ามามากและเร็วกว่ามีแค่หนึ่งคนจริงไหม?
"แล้วเจ้าชายต้องทำแบบลุซซูเรียไหมมาม่อน?" เด็กน้อยสะกิดอีกฝ่ายให้หันมาสนใจตัวเอง
"นายต้องเข้าไปกับฉัน เบล เพราะฉันไม่รู้ว่านายจะพูดอะไรไม่เข้าท่าออกไป"
"เจ้าชายไม่ทำให้เงินในบัญชีมาม่อนหายไปหรอกน่า ชิชิชิ"
ทารกน้อยมีอาการเฉยๆ กับคำหยอกน้อยๆ ของเด็กผมทอง เธอวางขวดยาในมือลง ก่อนจะเอ่ยให้เบลเฟกอลไปหาบอสคนใหม่กับตน
"ไปหาบอสกันเบล ฉันจะได้หาเงินต่อสักที"
...
ร่างของทารกและเด็กชายมาถึงจุดหมาย ณ หน้าประตูบานใหญ่เรียบร้อย แม้ว่าในตอนนี้หิมะกำลังโปรยปรายนอกหน้าต่าง แต่ยังไม่สามารถสู้ความรู้สึกยะเยือกพิลึกในใจของทารกได้ มาม่อนเงยหน้าขึ้นพูดกับเบลว่า
"นายต้องทำตามที่ฉันกระซิบบอก"
นั่นทำให้เบลเฟกอลขมวดคิ้วแน่น "ทำไมเจ้าชายต้องทำตามที่คนอื่นกระซิบบอกล่ะ"
"ทำตามไปเถอะ ถ้ายังไม่อยากจบชีวิตสนุกๆ เพียงแค่นี้"
"อืมมมม" เด็กน้อยเบ้ปาก ในหัวกำลังบวกลบคูณหารหาผลกำไรในชีวิตก่อนจะตัดสินใจได้
"ทำตามที่มาม่อนบอกก็ได้"
มาม่อนถอนหายใจหนึ่งที โล่งออกไปหน่อยที่ครั้งนี้เจ้าชายตัวน้อยยอมลดทิฐิของตัวเอง มิฉะนั้นทั้งชีวิตและเงินของเธอคงม้อดไหม้ไปกับไฟสีแสดนั่นแน่
แอด.....
เสียงของประตูที่ถูกมือน้อยๆ ผลักดังขึ้น ภายในห้องนั้นมืดครึ้ม มีเพียงแต่ไฟสีแสดที่ไม่ได้มาจากเทียนหรือหลอดไฟส่องโชติช่วงราวกับจะข่มขวัญผู้เข้ามา ดวงตาสีแดงดูกร่างกระด้างหันควับมาหาตามด้วยเสียงของผู้อยู่ในห้อง
"คุกเข้าลงไอ้สวะ" เสียงเฉียบๆ ดังแทบทันทีที่พวกเขาเดินมาถึงตรงหน้า
ทารกคุกเข้าลงแต่โดยดี แต่เด็กน้อยกลับไม่ทำตามเสียนี่
"คุกเข่าลง เบล" มาม่อนกระซิบ แต่อีกฝ่ายยืนนิ่ง
"เบลๆ คุกเข่า" คราวนี้เธอหันมาสะกิดแทน มาม่อนกลืนน้ำลายฝืดลงคอ ทั้งๆ ที่ตกลงไว้ก่อนเข้ามาแล้วแท้ๆ เอาเข้าจริงเด็กนี่จะไม่ยอมลดศักดิ์ศรีตัวเองหน่อยเหรอ?!
"คุกเข่าเดี๋ยวนี่ เบล!!"
ในที่สุดเจ้าชายน้อยก็ยอมคุกเข่าลง "น่าสมเพชชะมัด เจ้าชายไม่ชอบเลย" เบลพึมพัมออกมา
"คิดเหรอว่าฉันชอบ?" มาม่อนพึมพัมตอบ ก่อนจะหันไปพูดกับแซนซัส
"พวกเรา มาม่อนและเบลเฟกอล อดีตผู้พิทักษ์สายหมอกและวายุแห่งวาเรีย บัดนี้ขอปฎิญานตนต่อผู้เป็นบอสคนใหม่ แซนซัส.."
"หยุดแค่นั้นแหละเจ้าสวะ!!" ไม่ทันที่จะพูดจบ ก็ถูกสั่งให้หยุดพูด
"ฉันไม่ได้เป็นคนมีพิธีรีตรองอะไรขนาดบอสคนเก่าของแกหรอก ปฎิญานตนบ้าบอนั่นฉันไม่สน ทำให้ได้อย่างที่จะพูดก็แล้วกัน ส่วนตำแหน่งพวกนายเลือกเอาเอง แต่ตำแหน่งบอสใหญ่ฉันจอง" พูดจบก็กวักมือไล่ทันควันพลางเกาหัวเหมือนกับเด็กเกรียนที่เกลียดอะไรเป็นพิธีไม่มีผิด ประมาณว่า
'พวกแกจะไปทำอะไรก็ไป ฉันไม่เกี่ยวแล้วก็ไม่สนด้วย'
ทั้งสองลุกขึ้นก่อนจะเดินออกจากห้องเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร ด้านมาม่อนไม่แสดงสีหน้าอะไรมาก แต่ฝ่ายเบลเฟกอลนี่สิ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว
"เจ้าชายชอบบอสคนนี้อ่ะมาม่อน ไม่เหมือนคนเก่า จะฆ่าใครก็ต้องกรอกใบนู่นใบนี่ ยุ่งยากชะมัด ชิชิชิ~" เด็กชายกระโดดไปมาอย่างเริงร่า
"แล้วค่าซ่อมปราสาทใครจ่าย? " มาม่อนพูดออกมาลอยๆ ในหัวของเธอคงจะมีภาพตัวเลขในสมุดบัญชีเต็มไปหมดเป็นแน่
"หืม? เจ้าชายจ่ายให้ก็ได้นะมาม่อน เพราะเจ้าชายรวยยังไงล่า!!" กล่าวแล้วก็ไม่ลืมพี่จะควักบัตรเครดิตออกมาและโยนมันแทนธันบัตร
"อย่าโยนบัตรเครดิตเล่นอย่างนั่นสิเบล!! "
"ชิชิชิ ไม่มีใครมาขโมยหรอก เพราะบัตรพวกนี้เจ้าชายให้มาม่อนคนเดียว" เบลเฟกอลหันมายิ้มร่าให้อีกฝ่าย
...
วันที่ 8 เมษายน ปี xxxx
"น่าสมเพช" เจ้าชายน้อยที่บัดนี้เติบโตขึ้นเอ่ยเมื่อล่วงรู้ว่าผู้ที่คอยอยู่ข้างกันมาตลอดได้จากไป
"ชิ.....ชิ....ชิชิชิชิชิชิ" ชายหนุ่มย่างก้าวไปอย่างบ้าคลั่ง "อย่างนี้เจ้าขายก็แอบเข้าห้องของมาม่อนโดยไม่มีใครห้ามได้สิ ชิชิชิ"
แอด......
เสียงประตูถูดเปิดดังขึ้น โดยปกติจะมีกับดักภาพมายาสารพัดที่เจ้าของห้องติดตั้งเพื่อป้องกันผู้บุกรุก แต่เจ้าของห้องตายไปแล้ว ก็เข้าห้องสบายน่ะสิ!
"เอ.....ห้องสีดำมืดครึ้มไม่สดใสเลยนะมาม่อน มิน่าล่ะ มาม่อนถึงน่าเบื่อ แต่ถึงจะน่าเบื่อมันก็สนุกสำหรับเจ้าชายนะ"
นิ้วขาวค่อยๆ ไล้ไปตามผนังสีน้ำเงินเข้มเหมือนจะพยายามซึมซับความทรงจำเกี่ยวกับอีกฝ่ายไว้ให้มากที่สุด สายตากวาดไปทั่วห้องที่ไม่ว่าจะแอบเห็นกี่ครั้งก็ยังเป็นระเบียบเรียบร้อย รูปภาพที่มักจะมีบางสิ่งแฝงไว้ถูกแขวนไว้ทั่ว ยิ่งขับให้ห้องนี้ดูน่าค้นหาและน่าขนพองไปตามๆ กัน
"เอ๋? ยังมีบางจุดแฮะที่ไม่เรียบร้อย" สายตาสะดุดที่โต๊ะข้างเตียง ซึ่งมีกระดาษ ปากกาขนนกและขวดน้ำหมึกที่หกลงพื้น
"ก็รู้นะว่ามาม่อนชอบของโบราณๆ เพราะมันมีค่า แต่ไม่นึกเลยว่ามาม่อนยังจะใช่ปากกาขนนกเขียนหนังสืออยู่" ชายหนุ่มหยิบปากกาขนนกสีขาวขึ้นมาพินิจ ก่อนจะหันไปสนใจกับสิ่งที่ถูกเขียนบนกระดาษ
'ถ้านายได้อ่านจดหมายนี้ แปลว่าฉันตายไปแล้วและนายก็ฉวยโอกาศเข้ามาจุ้นกับห้องฉัน'
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว "มาม่อนเขียนแค่นี้เองเหรอ? " เขาเอ่ยก่อนจะพลิกกระดาษไปมา ก็ไม่มีอะไรนอกจากกระดาษเปล่าๆ
"ชิ! มาม่อนไม่คิดถึงเจ้าชายเลย เผาทิ้งดีกว่ากระดาษแบบนี้" เบลเฟกอลใช้ไฟวายุของตนเผากระดาษในมืออกอย่างไม่ใยดี
"น่าเบื่อ.....แต่สนุกดีนะมาม่อน ชิชิชิ"
คงไม่มีใครได้รับรู้อีกนอกจากชายหนุ่มผมทองที่เดินออกไปจากห้องและทารกต้องสาปคนนั้นว่าจริงๆ แล้วทั้งสองสื่ออะไรต่อกันเมื่อครู่กันแน่....
'มีคนจับตามอง จงไม่รักใครอีกต่อไป แม้เรื่องจะจบ'
End
มาม่อนเงยหน้ามองอีกฝ่ายก่อนจะถอนหายใจ คนที่เคยล่าอย่างเดียวกลับมาเป็นฝ่ายถูกล่าอย่างเบลเฟกอล นี่คงเป็นครั้งแรกที่รู้สึกกลัวตาย มันคงเป็นทั้งความรู้สึกที่แปลกใหม่และบางที ถ้าเบลชินกับมันอาจจะถึงขั้นชื่นชอบความรู้สึกท้าทายแบบนี้ก็เป็นได้
"นายคงจะกลัวตายล่ะเบล แต่เรียนรู้ความรู้สึกนี้ไว้ก็ดี เวลาโตขึ้นความรู้สึกแบบนี้จะได้ไม่เข้ามาขวางการทำงานของนาย" ทารกน้อยกล่าว
"งั้นถ้าเจ้าชายจะทำให้ความรู้สึกแบบนี้มันเพิ่ม 'ความสนุก' ให้กับชีวิตล่ะมาม่อน?"
ตามที่คาดการณ์ไว้......
"แผลของเบลเป็นยังไงบ้างฮะมาม่อน~" เสียงดัดหญิงดังพร้อมกับประตูห้องที่ถูกแง้มเล็กน้อย ลุซซุเรียเข้ามาในห้องก่อนจะทรุดตัวลงกับพื้นด้วยใบหน้าซีดเซียว
"แฮ่กๆ มาม่อนจะส่งเจ๊ไปตายรึไงฮะ ให้ไปคุยกับลูกชายของรุ่นที่เก้าตัวต่อตัวแบบนั้น เจ๊จะหัวในว๊าย!!" กระเทยวาเรียขึ้นเสียงสูงพลางกุมอกซ้ายราวกับจะใจวายจริงๆ
"ถ้าเกิดว่าเธอไม่ไปหาบอสล่ะก็ มีเปอร์เซ็นต์สูงว่าพวกเขาจะคิดว่าเราไม่ภักดีต่อเขาและเชือดทิ้ง การเข้าไปปฎิญานตนว่าจะภักดีทำให้เรารอดไปอีกนานเลยล่ะ" มาม่อนหันมาอธิบาย
จากเหตุการณ์ศัตรูบุกวาเรียเมื่อสามวันก่อน ทำให้มาม่อนต้องหาทางเจรจาต้าอ่วยเพื่อที่จะได้ทำงานในวาเรียต่อไป แต่ถามว่าทำไมต้องเจรจาเพื่อเบลและลุซซูเรียด้วย? นั่นมันแน่นนอนอยู่แล้ว ยิ่งมีสมาชิกแถวหน้าสามคน รายได้ก็จะเข้ามามากและเร็วกว่ามีแค่หนึ่งคนจริงไหม?
"แล้วเจ้าชายต้องทำแบบลุซซูเรียไหมมาม่อน?" เด็กน้อยสะกิดอีกฝ่ายให้หันมาสนใจตัวเอง
"นายต้องเข้าไปกับฉัน เบล เพราะฉันไม่รู้ว่านายจะพูดอะไรไม่เข้าท่าออกไป"
"เจ้าชายไม่ทำให้เงินในบัญชีมาม่อนหายไปหรอกน่า ชิชิชิ"
ทารกน้อยมีอาการเฉยๆ กับคำหยอกน้อยๆ ของเด็กผมทอง เธอวางขวดยาในมือลง ก่อนจะเอ่ยให้เบลเฟกอลไปหาบอสคนใหม่กับตน
"ไปหาบอสกันเบล ฉันจะได้หาเงินต่อสักที"
...
ร่างของทารกและเด็กชายมาถึงจุดหมาย ณ หน้าประตูบานใหญ่เรียบร้อย แม้ว่าในตอนนี้หิมะกำลังโปรยปรายนอกหน้าต่าง แต่ยังไม่สามารถสู้ความรู้สึกยะเยือกพิลึกในใจของทารกได้ มาม่อนเงยหน้าขึ้นพูดกับเบลว่า
"นายต้องทำตามที่ฉันกระซิบบอก"
นั่นทำให้เบลเฟกอลขมวดคิ้วแน่น "ทำไมเจ้าชายต้องทำตามที่คนอื่นกระซิบบอกล่ะ"
"ทำตามไปเถอะ ถ้ายังไม่อยากจบชีวิตสนุกๆ เพียงแค่นี้"
"อืมมมม" เด็กน้อยเบ้ปาก ในหัวกำลังบวกลบคูณหารหาผลกำไรในชีวิตก่อนจะตัดสินใจได้
"ทำตามที่มาม่อนบอกก็ได้"
มาม่อนถอนหายใจหนึ่งที โล่งออกไปหน่อยที่ครั้งนี้เจ้าชายตัวน้อยยอมลดทิฐิของตัวเอง มิฉะนั้นทั้งชีวิตและเงินของเธอคงม้อดไหม้ไปกับไฟสีแสดนั่นแน่
แอด.....
เสียงของประตูที่ถูกมือน้อยๆ ผลักดังขึ้น ภายในห้องนั้นมืดครึ้ม มีเพียงแต่ไฟสีแสดที่ไม่ได้มาจากเทียนหรือหลอดไฟส่องโชติช่วงราวกับจะข่มขวัญผู้เข้ามา ดวงตาสีแดงดูกร่างกระด้างหันควับมาหาตามด้วยเสียงของผู้อยู่ในห้อง
"คุกเข้าลงไอ้สวะ" เสียงเฉียบๆ ดังแทบทันทีที่พวกเขาเดินมาถึงตรงหน้า
ทารกคุกเข้าลงแต่โดยดี แต่เด็กน้อยกลับไม่ทำตามเสียนี่
"คุกเข่าลง เบล" มาม่อนกระซิบ แต่อีกฝ่ายยืนนิ่ง
"เบลๆ คุกเข่า" คราวนี้เธอหันมาสะกิดแทน มาม่อนกลืนน้ำลายฝืดลงคอ ทั้งๆ ที่ตกลงไว้ก่อนเข้ามาแล้วแท้ๆ เอาเข้าจริงเด็กนี่จะไม่ยอมลดศักดิ์ศรีตัวเองหน่อยเหรอ?!
"คุกเข่าเดี๋ยวนี่ เบล!!"
ในที่สุดเจ้าชายน้อยก็ยอมคุกเข่าลง "น่าสมเพชชะมัด เจ้าชายไม่ชอบเลย" เบลพึมพัมออกมา
"คิดเหรอว่าฉันชอบ?" มาม่อนพึมพัมตอบ ก่อนจะหันไปพูดกับแซนซัส
"พวกเรา มาม่อนและเบลเฟกอล อดีตผู้พิทักษ์สายหมอกและวายุแห่งวาเรีย บัดนี้ขอปฎิญานตนต่อผู้เป็นบอสคนใหม่ แซนซัส.."
"หยุดแค่นั้นแหละเจ้าสวะ!!" ไม่ทันที่จะพูดจบ ก็ถูกสั่งให้หยุดพูด
"ฉันไม่ได้เป็นคนมีพิธีรีตรองอะไรขนาดบอสคนเก่าของแกหรอก ปฎิญานตนบ้าบอนั่นฉันไม่สน ทำให้ได้อย่างที่จะพูดก็แล้วกัน ส่วนตำแหน่งพวกนายเลือกเอาเอง แต่ตำแหน่งบอสใหญ่ฉันจอง" พูดจบก็กวักมือไล่ทันควันพลางเกาหัวเหมือนกับเด็กเกรียนที่เกลียดอะไรเป็นพิธีไม่มีผิด ประมาณว่า
'พวกแกจะไปทำอะไรก็ไป ฉันไม่เกี่ยวแล้วก็ไม่สนด้วย'
ทั้งสองลุกขึ้นก่อนจะเดินออกจากห้องเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร ด้านมาม่อนไม่แสดงสีหน้าอะไรมาก แต่ฝ่ายเบลเฟกอลนี่สิ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว
"เจ้าชายชอบบอสคนนี้อ่ะมาม่อน ไม่เหมือนคนเก่า จะฆ่าใครก็ต้องกรอกใบนู่นใบนี่ ยุ่งยากชะมัด ชิชิชิ~" เด็กชายกระโดดไปมาอย่างเริงร่า
"แล้วค่าซ่อมปราสาทใครจ่าย? " มาม่อนพูดออกมาลอยๆ ในหัวของเธอคงจะมีภาพตัวเลขในสมุดบัญชีเต็มไปหมดเป็นแน่
"หืม? เจ้าชายจ่ายให้ก็ได้นะมาม่อน เพราะเจ้าชายรวยยังไงล่า!!" กล่าวแล้วก็ไม่ลืมพี่จะควักบัตรเครดิตออกมาและโยนมันแทนธันบัตร
"อย่าโยนบัตรเครดิตเล่นอย่างนั่นสิเบล!! "
"ชิชิชิ ไม่มีใครมาขโมยหรอก เพราะบัตรพวกนี้เจ้าชายให้มาม่อนคนเดียว" เบลเฟกอลหันมายิ้มร่าให้อีกฝ่าย
...
วันที่ 8 เมษายน ปี xxxx
"น่าสมเพช" เจ้าชายน้อยที่บัดนี้เติบโตขึ้นเอ่ยเมื่อล่วงรู้ว่าผู้ที่คอยอยู่ข้างกันมาตลอดได้จากไป
"ชิ.....ชิ....ชิชิชิชิชิชิ" ชายหนุ่มย่างก้าวไปอย่างบ้าคลั่ง "อย่างนี้เจ้าขายก็แอบเข้าห้องของมาม่อนโดยไม่มีใครห้ามได้สิ ชิชิชิ"
แอด......
เสียงประตูถูดเปิดดังขึ้น โดยปกติจะมีกับดักภาพมายาสารพัดที่เจ้าของห้องติดตั้งเพื่อป้องกันผู้บุกรุก แต่เจ้าของห้องตายไปแล้ว ก็เข้าห้องสบายน่ะสิ!
"เอ.....ห้องสีดำมืดครึ้มไม่สดใสเลยนะมาม่อน มิน่าล่ะ มาม่อนถึงน่าเบื่อ แต่ถึงจะน่าเบื่อมันก็สนุกสำหรับเจ้าชายนะ"
นิ้วขาวค่อยๆ ไล้ไปตามผนังสีน้ำเงินเข้มเหมือนจะพยายามซึมซับความทรงจำเกี่ยวกับอีกฝ่ายไว้ให้มากที่สุด สายตากวาดไปทั่วห้องที่ไม่ว่าจะแอบเห็นกี่ครั้งก็ยังเป็นระเบียบเรียบร้อย รูปภาพที่มักจะมีบางสิ่งแฝงไว้ถูกแขวนไว้ทั่ว ยิ่งขับให้ห้องนี้ดูน่าค้นหาและน่าขนพองไปตามๆ กัน
"เอ๋? ยังมีบางจุดแฮะที่ไม่เรียบร้อย" สายตาสะดุดที่โต๊ะข้างเตียง ซึ่งมีกระดาษ ปากกาขนนกและขวดน้ำหมึกที่หกลงพื้น
"ก็รู้นะว่ามาม่อนชอบของโบราณๆ เพราะมันมีค่า แต่ไม่นึกเลยว่ามาม่อนยังจะใช่ปากกาขนนกเขียนหนังสืออยู่" ชายหนุ่มหยิบปากกาขนนกสีขาวขึ้นมาพินิจ ก่อนจะหันไปสนใจกับสิ่งที่ถูกเขียนบนกระดาษ
'ถ้านายได้อ่านจดหมายนี้ แปลว่าฉันตายไปแล้วและนายก็ฉวยโอกาศเข้ามาจุ้นกับห้องฉัน'
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว "มาม่อนเขียนแค่นี้เองเหรอ? " เขาเอ่ยก่อนจะพลิกกระดาษไปมา ก็ไม่มีอะไรนอกจากกระดาษเปล่าๆ
"ชิ! มาม่อนไม่คิดถึงเจ้าชายเลย เผาทิ้งดีกว่ากระดาษแบบนี้" เบลเฟกอลใช้ไฟวายุของตนเผากระดาษในมืออกอย่างไม่ใยดี
"น่าเบื่อ.....แต่สนุกดีนะมาม่อน ชิชิชิ"
คงไม่มีใครได้รับรู้อีกนอกจากชายหนุ่มผมทองที่เดินออกไปจากห้องและทารกต้องสาปคนนั้นว่าจริงๆ แล้วทั้งสองสื่ออะไรต่อกันเมื่อครู่กันแน่....
'มีคนจับตามอง จงไม่รักใครอีกต่อไป แม้เรื่องจะจบ'
End
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ