THE WAY OF LOVE.หลงทางรัก
9.9
เขียนโดย OUM_PF
วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16.46 น.
24 ตอน
245 วิจารณ์
40.71K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557 18.24 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
20)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความTHE WAY OF LOVE.หลงทางรัก
ตอนที่๒๐
“เธอมันดื้อ ฉันบอกอะไรเคยฟังบ้างไหมฮะ”
ภาณุบ่นเสียงเข้มกับหญิงสาว สายตาคมเฝ้ามองใบหน้าสวยหวานแม้ไร้เครื่องสำอาง
ผ่านหน้ากระจก มือแกร่งยังยังซับผ้าขนหนูไปตามไรผมที่ชื้นเปียกของหญิงสาว ให้ตาย
ธนันต์ธรญ์นั้นพูดไม่รู้จักฟัง หัวรั้นเหมือนเด็กอายุไม่กี่ขวบ เธอยืนกรานว่าวันนี้จะต้องเล่นน้ำทะเล
ให้ได้ ทั้งๆที่เวลานั้นมันตั้งหกโมงเย็นแล้ว แต่เธอก็ยังลงไปเล่นอยู่ดี
“ก็ฟังอยู่นี่ไง ทำไมคุณขี้บ่นจัง”
“จะไม่ให้บ่นยังไง เธอนี่มันเด็กชัดๆเลย”
“ฉันไม่ใช่เด็ก ฉันแค่อยากเล่นน้ำแล้วมันผิดตรงไหน”
“ผิดตรงที่เธอไม่รู้จักเวลาน่ะสิ”เขาบ่นทั้งๆที่มือยังคงขยับผ้าขนหนูเช็ดผมให้
หญิงสาว ผ่านไปร่วมสิบห้านาที เมื่อเห็นว่าเส้นผมแห้งเขาจึงวางผ้าขนหนูลง และหยิบหวีขึ้นมา
หวีให้ธนันต์ธรญ์
“ลงไปกินข้าวเถอะ ฉันให้แม่บ้านเตรียมให้แล้ว”เขาจับจูงมือเล็กออกจากห้องนอน
หลังจากที่เขาและเธอทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว คนตัวเล็กไม่ขัดขืน เขาอดนึกถึงช่วงสัปดาห์แรก
ที่คบกันไม่ได้ เธอนั้นเป็นผู้หญิงที่หวงตัวเป็นที่สุด จนเขาต้องทำข้อตกลงกับเธอว่าเรื่องจับมือ
หอมแก้ม หรือว่าจูบเล็กๆน้อยๆนั้นก็ต้องมีบ้าง แต่เรื่องถึงเนื้อถึงตัวขนาดเรื่องบนเตียง เขาสัญญา
ว่าจะให้เกียรติเธอ และคำสัญญาของเขาก็ต้องเป็นคำสัญญาที่เขาต้องรักษามันไว้ โดยที่ไม่ให้เธอ
ต้องเสียความรู้สึก
“โอ้โห น่ากินมาก”เขาระบายยิ้ม เมื่อเห็นหญิงสาวชอบ
“น่ากินก็กินเยอะๆ”เขานั่งลงตรงข้ามหญิงสาว มองออกไปยังทะเลที่ยังคงมีคลื่น
กระทบฝั่งอยู่เสมอๆ ผืนฟ้ากว้างใหญ่เต็มไปด้วยดวงดาวมากมาย ดูแล้วสวยและสุกใสมากแต่คง
ไม่มากไปกว่าดวงตาของผู้หญิงตรงหน้าเขา
“กินเสร็จละไปดูดาวกันไหม”
“ไปสิ ที่นี่อากาศดีมากๆเลย บ้านก็น่ารักมาก ถ้าฉันแต่งงานอยากจะอยู่ในที่สงบๆ
แบบนี้แหละ”เขามองรอยยิ้มของหญิงสาว ก่อนจะถอนหายใจและยิ้มตาม เขาก็อยากให้เธอมีชีวิต
ที่สงบสุขจริวๆเสียที อยากให้เธอได้เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ไปไหนมาไหนกับเขาได้บ่อยยิ่ง
กว่านี้ และที่สำคัญครอบครัวของเขาและเธอจะได้เกิดขึ้นจริงๆเสียที เพราะฉะนั้นเขาก็ควรจะจบ
ปัญหานี้ลงให้เร็วที่สุด
“คุณ!”เขาสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อคนตัวเล็กเรียกเสียงดัง
“อะไร”
“ก็เป็นอะไรล่ะ มองหน้าฉันอยู่นั่น มีอะไรหรือเปล่า”เขาระบายยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเอ่ย
“ก็กำลังคิดว่าถ้าเรามีครอบครัวจะเป็นยังไงน่ะสิ”คราวนี้เป็นเธอบ้างที่ขำออกมา เสียง
หวานเอ่ยขึ้นบ้าง
“เราเพิ่งคบกันได้เดือนเดียวเองนะ มีอะไรอีกหลายอย่างที่คุณไม่รู้เกี่ยวกับฉัน และ
ฉันไม่รู้เกี่ยวกับคุณ”
“แล้วไง แต่งๆไปเดี๋ยวก็รู้เอง”
“พูดง่ายจริง บางอย่างคุณอาจจะรับไม่ได้ด้วยซ้ำ”เขาเสตักข้าวขึ้นทาน ความจริงเขา
ยังรู้สึกได้ชัดเจนทีเดียวว่าเธอยังไม่วางใจในตัวเขา
“อีกไม่นานหรอกฟาง ฉันจะบอกทุกอย่างกับเธอเอง”เขาพูดกับหญิงสาวที่มองมา
อย่างสงสัยในตัวเขา
“อะไรคะ”
“ทุกเรื่องที่เธออยากรู้”เขามองหญิงสาวที่กัดริมฝีปากของตัวเอง ดวงตากลมโตมอง
มาที่เขาอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนเธอจะเอ่ยถามบางอย่าง
“รักฉันรึเปล่าคะ”เขาหัวเราะออกมาน้อยๆ เขาเชื่อแล้วจริงๆว่าผู้หญิงชอบฟังคำ
ว่า”รัก” แต่เขาก็ไม่เบื่อที่จะพูด หากคนฟังคือผู้หญิงตรงหน้าเขา
“รัก...”เขามองพวงแก้มนวลที่ขึ้นสีจัดอย่างเอ็นดู เขาเสตักอาหารใส่จานให้
คนตัวเล็กที่เอาแต่เขินอาย
“กินเยอะๆ มัวแต่เขินอยู่นั่นแหละ วันนี้จะอิ่มไหม”
“ไม่ได้เขินสักหน่อย”เขาหัวเราะในคำแก้ตัวแบบน้ำขุ่นๆของเธอ แต่ก็ไม่ได้ต่อล้อต่อ
คำ นั่งมองเธอทานอาหารเงียบๆ นานๆจะตักเข้าปากตัวเองเสียที
พิมประภาหัวใจเต้นโครมคราม สายตาหวานเหลือบมองชายหนุ่มในชุดนอนของ
ตัวเองเดินลงมาจากชั้นบนของบ้าน เนื่องจากวันนี้ภาณุลักพาตัวพี่สาวของเอไปหัวหิน เขาก็กลัวว่า
เธอจะเหงาจึงส่งนิษฐามาอยู่เป็นเพื่อน แต่เขาดูจะลืมไปเสียแล้วว่านิษฐาเดินทางไปยุโรป เมื่อห้า
วันก่อน คราวนี้ลำบากถึงปริญต้องมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ แต่คงลำบากเธอมากกว่าที่ต้องคอยบังคับ
หัวใจเจ้ากรรมไม่ให้เต้นแรงจนเขารู้สึกได้
“มีอะไรทานบ้างคุณพิม ผมหิวจะแย่”เขาเอ่ยทักพร้อมรอยยิ้ม เธอยิ้มตอบ ก่อนจะเอ่ย
“วันนี้พิมทำต้มข่าไก่ ไก่ทอด แล้วก็ไข่เจียวค่ะ ไม่รู้ว่าคุณชอบรึเปล่า”
“ชอบสิ ทานกันเลยดีกว่า”เธอพยักหน้ารับ รอเขานั่ง ก่อนจะลงมือทานอาหารเงียบๆ
เธอตักแต่อาหารใกล้มือ เพราะกลัวจะบังคับตัวเองไม่อยู่ทำอะไรเปิ่นๆต่อหน้าเขา
“ทานต้มข่าไก่สิ ผมว่าอร่อยมากเลยนะ”เธอพยักหน้ารับยิ้มๆ ก่อนจะตักอาหารขึ้นทาน
“ไอ้ป๊อปนี่แย่จริงๆเลยนะ คิดจะพาพี่สาวคุณไปไหนก็ไม่บอกก่อนสักคำ”เธอยิ้ม
เจื่อนๆเมื่อปริญพูดแบบนั้น
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่ป๊อปเขาไม่ค่อยมีเวลาให้พี่ฟาง ไปเที่ยวกันแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
พิมไม่อยากเห็นพี่ฟางเหงาบ่อยๆ”
“เขาดูรักกันมากเลยเนอะ”เธอเงยหน้าขึ้นมองต้นเสียง ใบหน้าของเขาดูเศร้าลง
“คุณต้องได้เจอคนดีๆแน่ค่ะ เพราะคุณก็เป็นคนดี”
“คนที่ดีกับคนที่ถูกใจมันไม่เหมือนกันน่ะสิ”เธอยิ้มเจื่อนๆ ก้มหน้าลงทานอาหารต่อ
เงียบๆ ถูกของเขา แม้ว่าเธอจะดีสักแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถแทนที่พี่สาวได้ อีกอย่างปริญคงคิด
กับเธอแค่น้องสาวเท่านั้น เธอมันหวังมากเกินไปเอง ที่เขาดูแลก็เพราะธนันต์ธรญ์เป็นส่วนหนึ่งของ
จิระคุณ ที่เขายอมลงทุนมานอนเฝ้าเธอก็เพราะว่าความจำเป็น
หลังมื้ออาหารแสนอึดอัด พิมประภาเดินออกมานั่งเล่นบริเวณชานเรือน สายตาหวาน
มองดอกกาสะลองคำที่ร่วงหล่นจากต้นช้าๆ สมองคิดใคร่ครวญหลายสิ่งหลายอย่างที่ผ่านไป
ครึ่งปีผ่านมาแล้ว ชีวิตของเธอมีอะไรเปลี่ยนไปมาก แต่เปลี่ยนไปในทางที่ดี พี่สาวของเธอได้เจอ
คนที่รักจริง คนที่พร้อมจะดูแลจริงๆ เธอได้แต่ภาวนาว่าจะไม่เกิดเรื่องร้ายอะไรขึ้นอีกต่อจากนี้
ประภพนั่งมองเอกสารในมืออย่างเคร่งเครียด ทุกอย่างกำลังแย่ลงเรื่อยๆ เขากำลังแย่
ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี มองไปทางไหนก็เห็นแต่ทางตัน ไม่ว่าจะหันไปพึ่งใครก็คงไม่มีใครอยากจะ
ยื่นมือมาช่วยเหลือคนที่กำลังจะล้มแบบเขา ยิ่งคนที่ทำให้เขากำลังจะล้มคงคือภาณุ ก็ยิ่งไม่มีใคร
อยากช่วยเหลือเลย
“คุณพ่อเครียดอะไรหรอคะ ขวัญเรียกตั้งนาน”
“งานมีปัญหานิดหน่อย เรามีอะไรหรือเปล่า”
“เรื่องโครงการคอนโดที่หัวหินหรือเปล่าคะ ได้ข่าวว่ามีคนโกง เฮ้อ แย่จริงๆ
นะคะ”เขามองใบหน้าสวยหวานของลูกสาว ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
“พ่อเป็นคนทำเอง”
“อะไรนะคะ!”เขาพยักหน้า ก่อนจะเอ่ย
“มันมีทางแก้ ถ้าเราสามารถขโมยเอกสารสำคัญจากภาณุได้ แต่นี่พ่อไม่เห็นทางเลย
ว่าเราจะได้มายังไง”
“ขวัญมีวิธีค่ะ”เขาหันขวับไปมองลูกสาว พาขวัญยังมีความคิดเด็กมากนัก เขาไม่
แน่ใจว่าสิ่งที่เธอทำจะช่วยแก้ปัญหาได้
“ขวัญจะทำอะไรลูก”
“คุณพ่อคอยดูละกันค่ะ”ร่างเพรียวบางพูด ก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงานของคน
เป็นพ่อ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดพรายบนใบหน้าสวยหวาน คราวนี้แหละ ไม่เพียงแต่จะช่วยบิดาได้
แต่มันจะช่วยให้ความรักของเธอสมหวังด้วย
มาแล้วววววว เห็นลางความวุ่นวายยัง ถ้ายังไม่เห็นตอนหน้ามีชัดเจนยิ่งกว่านี้ ฮ่าๆๆๆ
โปรดติดตามตอนต่อไป...
ไม่อยากจะอวดว่าเชียงรายหนาวแล้ว อิอิ โว้วอากาศดี เหมาะแก่การแต่งนิยาย แต่ใครก็ได้เอาการ
บ้านเราไปทำให้ที ฮ่าๆๆๆ
“ขวัญ!!!”
ตอนที่๒๐
“เธอมันดื้อ ฉันบอกอะไรเคยฟังบ้างไหมฮะ”
ภาณุบ่นเสียงเข้มกับหญิงสาว สายตาคมเฝ้ามองใบหน้าสวยหวานแม้ไร้เครื่องสำอาง
ผ่านหน้ากระจก มือแกร่งยังยังซับผ้าขนหนูไปตามไรผมที่ชื้นเปียกของหญิงสาว ให้ตาย
ธนันต์ธรญ์นั้นพูดไม่รู้จักฟัง หัวรั้นเหมือนเด็กอายุไม่กี่ขวบ เธอยืนกรานว่าวันนี้จะต้องเล่นน้ำทะเล
ให้ได้ ทั้งๆที่เวลานั้นมันตั้งหกโมงเย็นแล้ว แต่เธอก็ยังลงไปเล่นอยู่ดี
“ก็ฟังอยู่นี่ไง ทำไมคุณขี้บ่นจัง”
“จะไม่ให้บ่นยังไง เธอนี่มันเด็กชัดๆเลย”
“ฉันไม่ใช่เด็ก ฉันแค่อยากเล่นน้ำแล้วมันผิดตรงไหน”
“ผิดตรงที่เธอไม่รู้จักเวลาน่ะสิ”เขาบ่นทั้งๆที่มือยังคงขยับผ้าขนหนูเช็ดผมให้
หญิงสาว ผ่านไปร่วมสิบห้านาที เมื่อเห็นว่าเส้นผมแห้งเขาจึงวางผ้าขนหนูลง และหยิบหวีขึ้นมา
หวีให้ธนันต์ธรญ์
“ลงไปกินข้าวเถอะ ฉันให้แม่บ้านเตรียมให้แล้ว”เขาจับจูงมือเล็กออกจากห้องนอน
หลังจากที่เขาและเธอทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว คนตัวเล็กไม่ขัดขืน เขาอดนึกถึงช่วงสัปดาห์แรก
ที่คบกันไม่ได้ เธอนั้นเป็นผู้หญิงที่หวงตัวเป็นที่สุด จนเขาต้องทำข้อตกลงกับเธอว่าเรื่องจับมือ
หอมแก้ม หรือว่าจูบเล็กๆน้อยๆนั้นก็ต้องมีบ้าง แต่เรื่องถึงเนื้อถึงตัวขนาดเรื่องบนเตียง เขาสัญญา
ว่าจะให้เกียรติเธอ และคำสัญญาของเขาก็ต้องเป็นคำสัญญาที่เขาต้องรักษามันไว้ โดยที่ไม่ให้เธอ
ต้องเสียความรู้สึก
“โอ้โห น่ากินมาก”เขาระบายยิ้ม เมื่อเห็นหญิงสาวชอบ
“น่ากินก็กินเยอะๆ”เขานั่งลงตรงข้ามหญิงสาว มองออกไปยังทะเลที่ยังคงมีคลื่น
กระทบฝั่งอยู่เสมอๆ ผืนฟ้ากว้างใหญ่เต็มไปด้วยดวงดาวมากมาย ดูแล้วสวยและสุกใสมากแต่คง
ไม่มากไปกว่าดวงตาของผู้หญิงตรงหน้าเขา
“กินเสร็จละไปดูดาวกันไหม”
“ไปสิ ที่นี่อากาศดีมากๆเลย บ้านก็น่ารักมาก ถ้าฉันแต่งงานอยากจะอยู่ในที่สงบๆ
แบบนี้แหละ”เขามองรอยยิ้มของหญิงสาว ก่อนจะถอนหายใจและยิ้มตาม เขาก็อยากให้เธอมีชีวิต
ที่สงบสุขจริวๆเสียที อยากให้เธอได้เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ไปไหนมาไหนกับเขาได้บ่อยยิ่ง
กว่านี้ และที่สำคัญครอบครัวของเขาและเธอจะได้เกิดขึ้นจริงๆเสียที เพราะฉะนั้นเขาก็ควรจะจบ
ปัญหานี้ลงให้เร็วที่สุด
“คุณ!”เขาสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อคนตัวเล็กเรียกเสียงดัง
“อะไร”
“ก็เป็นอะไรล่ะ มองหน้าฉันอยู่นั่น มีอะไรหรือเปล่า”เขาระบายยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเอ่ย
“ก็กำลังคิดว่าถ้าเรามีครอบครัวจะเป็นยังไงน่ะสิ”คราวนี้เป็นเธอบ้างที่ขำออกมา เสียง
หวานเอ่ยขึ้นบ้าง
“เราเพิ่งคบกันได้เดือนเดียวเองนะ มีอะไรอีกหลายอย่างที่คุณไม่รู้เกี่ยวกับฉัน และ
ฉันไม่รู้เกี่ยวกับคุณ”
“แล้วไง แต่งๆไปเดี๋ยวก็รู้เอง”
“พูดง่ายจริง บางอย่างคุณอาจจะรับไม่ได้ด้วยซ้ำ”เขาเสตักข้าวขึ้นทาน ความจริงเขา
ยังรู้สึกได้ชัดเจนทีเดียวว่าเธอยังไม่วางใจในตัวเขา
“อีกไม่นานหรอกฟาง ฉันจะบอกทุกอย่างกับเธอเอง”เขาพูดกับหญิงสาวที่มองมา
อย่างสงสัยในตัวเขา
“อะไรคะ”
“ทุกเรื่องที่เธออยากรู้”เขามองหญิงสาวที่กัดริมฝีปากของตัวเอง ดวงตากลมโตมอง
มาที่เขาอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนเธอจะเอ่ยถามบางอย่าง
“รักฉันรึเปล่าคะ”เขาหัวเราะออกมาน้อยๆ เขาเชื่อแล้วจริงๆว่าผู้หญิงชอบฟังคำ
ว่า”รัก” แต่เขาก็ไม่เบื่อที่จะพูด หากคนฟังคือผู้หญิงตรงหน้าเขา
“รัก...”เขามองพวงแก้มนวลที่ขึ้นสีจัดอย่างเอ็นดู เขาเสตักอาหารใส่จานให้
คนตัวเล็กที่เอาแต่เขินอาย
“กินเยอะๆ มัวแต่เขินอยู่นั่นแหละ วันนี้จะอิ่มไหม”
“ไม่ได้เขินสักหน่อย”เขาหัวเราะในคำแก้ตัวแบบน้ำขุ่นๆของเธอ แต่ก็ไม่ได้ต่อล้อต่อ
คำ นั่งมองเธอทานอาหารเงียบๆ นานๆจะตักเข้าปากตัวเองเสียที
พิมประภาหัวใจเต้นโครมคราม สายตาหวานเหลือบมองชายหนุ่มในชุดนอนของ
ตัวเองเดินลงมาจากชั้นบนของบ้าน เนื่องจากวันนี้ภาณุลักพาตัวพี่สาวของเอไปหัวหิน เขาก็กลัวว่า
เธอจะเหงาจึงส่งนิษฐามาอยู่เป็นเพื่อน แต่เขาดูจะลืมไปเสียแล้วว่านิษฐาเดินทางไปยุโรป เมื่อห้า
วันก่อน คราวนี้ลำบากถึงปริญต้องมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ แต่คงลำบากเธอมากกว่าที่ต้องคอยบังคับ
หัวใจเจ้ากรรมไม่ให้เต้นแรงจนเขารู้สึกได้
“มีอะไรทานบ้างคุณพิม ผมหิวจะแย่”เขาเอ่ยทักพร้อมรอยยิ้ม เธอยิ้มตอบ ก่อนจะเอ่ย
“วันนี้พิมทำต้มข่าไก่ ไก่ทอด แล้วก็ไข่เจียวค่ะ ไม่รู้ว่าคุณชอบรึเปล่า”
“ชอบสิ ทานกันเลยดีกว่า”เธอพยักหน้ารับ รอเขานั่ง ก่อนจะลงมือทานอาหารเงียบๆ
เธอตักแต่อาหารใกล้มือ เพราะกลัวจะบังคับตัวเองไม่อยู่ทำอะไรเปิ่นๆต่อหน้าเขา
“ทานต้มข่าไก่สิ ผมว่าอร่อยมากเลยนะ”เธอพยักหน้ารับยิ้มๆ ก่อนจะตักอาหารขึ้นทาน
“ไอ้ป๊อปนี่แย่จริงๆเลยนะ คิดจะพาพี่สาวคุณไปไหนก็ไม่บอกก่อนสักคำ”เธอยิ้ม
เจื่อนๆเมื่อปริญพูดแบบนั้น
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่ป๊อปเขาไม่ค่อยมีเวลาให้พี่ฟาง ไปเที่ยวกันแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
พิมไม่อยากเห็นพี่ฟางเหงาบ่อยๆ”
“เขาดูรักกันมากเลยเนอะ”เธอเงยหน้าขึ้นมองต้นเสียง ใบหน้าของเขาดูเศร้าลง
“คุณต้องได้เจอคนดีๆแน่ค่ะ เพราะคุณก็เป็นคนดี”
“คนที่ดีกับคนที่ถูกใจมันไม่เหมือนกันน่ะสิ”เธอยิ้มเจื่อนๆ ก้มหน้าลงทานอาหารต่อ
เงียบๆ ถูกของเขา แม้ว่าเธอจะดีสักแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถแทนที่พี่สาวได้ อีกอย่างปริญคงคิด
กับเธอแค่น้องสาวเท่านั้น เธอมันหวังมากเกินไปเอง ที่เขาดูแลก็เพราะธนันต์ธรญ์เป็นส่วนหนึ่งของ
จิระคุณ ที่เขายอมลงทุนมานอนเฝ้าเธอก็เพราะว่าความจำเป็น
หลังมื้ออาหารแสนอึดอัด พิมประภาเดินออกมานั่งเล่นบริเวณชานเรือน สายตาหวาน
มองดอกกาสะลองคำที่ร่วงหล่นจากต้นช้าๆ สมองคิดใคร่ครวญหลายสิ่งหลายอย่างที่ผ่านไป
ครึ่งปีผ่านมาแล้ว ชีวิตของเธอมีอะไรเปลี่ยนไปมาก แต่เปลี่ยนไปในทางที่ดี พี่สาวของเธอได้เจอ
คนที่รักจริง คนที่พร้อมจะดูแลจริงๆ เธอได้แต่ภาวนาว่าจะไม่เกิดเรื่องร้ายอะไรขึ้นอีกต่อจากนี้
ประภพนั่งมองเอกสารในมืออย่างเคร่งเครียด ทุกอย่างกำลังแย่ลงเรื่อยๆ เขากำลังแย่
ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี มองไปทางไหนก็เห็นแต่ทางตัน ไม่ว่าจะหันไปพึ่งใครก็คงไม่มีใครอยากจะ
ยื่นมือมาช่วยเหลือคนที่กำลังจะล้มแบบเขา ยิ่งคนที่ทำให้เขากำลังจะล้มคงคือภาณุ ก็ยิ่งไม่มีใคร
อยากช่วยเหลือเลย
“คุณพ่อเครียดอะไรหรอคะ ขวัญเรียกตั้งนาน”
“งานมีปัญหานิดหน่อย เรามีอะไรหรือเปล่า”
“เรื่องโครงการคอนโดที่หัวหินหรือเปล่าคะ ได้ข่าวว่ามีคนโกง เฮ้อ แย่จริงๆ
นะคะ”เขามองใบหน้าสวยหวานของลูกสาว ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
“พ่อเป็นคนทำเอง”
“อะไรนะคะ!”เขาพยักหน้า ก่อนจะเอ่ย
“มันมีทางแก้ ถ้าเราสามารถขโมยเอกสารสำคัญจากภาณุได้ แต่นี่พ่อไม่เห็นทางเลย
ว่าเราจะได้มายังไง”
“ขวัญมีวิธีค่ะ”เขาหันขวับไปมองลูกสาว พาขวัญยังมีความคิดเด็กมากนัก เขาไม่
แน่ใจว่าสิ่งที่เธอทำจะช่วยแก้ปัญหาได้
“ขวัญจะทำอะไรลูก”
“คุณพ่อคอยดูละกันค่ะ”ร่างเพรียวบางพูด ก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงานของคน
เป็นพ่อ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดพรายบนใบหน้าสวยหวาน คราวนี้แหละ ไม่เพียงแต่จะช่วยบิดาได้
แต่มันจะช่วยให้ความรักของเธอสมหวังด้วย
มาแล้วววววว เห็นลางความวุ่นวายยัง ถ้ายังไม่เห็นตอนหน้ามีชัดเจนยิ่งกว่านี้ ฮ่าๆๆๆ
โปรดติดตามตอนต่อไป...
ไม่อยากจะอวดว่าเชียงรายหนาวแล้ว อิอิ โว้วอากาศดี เหมาะแก่การแต่งนิยาย แต่ใครก็ได้เอาการ
บ้านเราไปทำให้ที ฮ่าๆๆๆ
“ขวัญ!!!”
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ