Even Villains Can Love_MaleficentxGrimhilde[Yuri]
เขียนโดย GarlicPepper
วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 09.02 น.
แก้ไขเมื่อ 23 กันยายน พ.ศ. 2557 09.15 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
4) คู่หมั้น?!
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
4
หลังจากที่ตัดสินใจไว้ซะดิบดีว่าจะไม่ออกไปช่วย สุดท้ายก็ทำไม่ได้เพราะหัวใจแทบจะหยุดเต้นไปต่อหน้าต่อตา ข้ากำลังบินเข้าไปปัดมีดเล่มนั้นอยู่แล้วเชียว แต่ดูเหมือนจะไม่ทันเมื่อได้ยินเสียงมีดเสียบกับอะไรบางอย่าง แสงจันทร์ที่ส่องลงมาแค่นี้ไม่อาจทำให้ข้ามองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด คิดได้อย่างเดียวคือราชินีอาจเสียทีให้กับพ่อหนุ่มนั่นแล้ว
ฟุดฟิด
แต่ก็แปลกที่ข้าลงมาอยู่ใกล้ขนาดนี้กลับไม่ได้กลิ่นคาวเลือด มันเหมือนเป็นกลิ่นหอมของอะไรสักอย่าง
ข้ากวาดมองไปรอบๆ จึงเห็นต้นตอของกลิ่นนั้น มันอยู่ในมือของนาง! ผลแอปเปิ้ลสีแดง!
“เจ้าทำอะไรน่ะ แดเนียล” กริมไฮลด์ผละออกจากอ้อมกอด นางรู้ตัวสินะว่าพ่อหนุ่มคนนี้จ้องจะเอาชีวิต ก็เลยยื่นขนมที่พ่อหนุ่มอุตส่าห์ทำมาให้ออกรับคมมีดแทน ฉลาดดีนี่องค์ราชินี
“จับมัน!”
เมื่อคำสั่งนั้นดังขึ้นก็เผยให้เห็นธาตุแท้ของมนุษย์ที่เพิ่งบอกรักไปหมาดๆ ชายฉกรรจ์ที่ดักซุ่มอยู่แถวนี้จำนวนมากจึงปรากฏตัวออกมา ไม่นานนักข้ากับกริมไฮลด์ก็ตกอยู่ในวงล้อมของพวกมัน จะต่างกันก็แค่ข้ากำลังแอบอยู่หลังพุ่มไม้เท่านั้น ไม่มีใครสังเกตเห็นด้วยซ้ำ
แต่ราชินียังคงรักษามาดนิ่งแม้จะอยู่ในเวลาคับขัน นางคงคิดไว้แล้วว่ามีคนอื่นแอบอยู่ด้วย แต่ทำไมถึงประมาทแล้วออกมาคนเดียวแบบนี้นะ คิดหรือว่ากลางค่ำกลางคืนจะปลอดภัยน่ะ แถมยังไม่ให้ข้าตามมาอีก ช่างอวดเก่งเหลือเกิน
“จะจับข้างั้นรึ หึหึ” ราชินีเอ่ยเสียงเรียบพร้อมกับหัวเราะในลำคอ ดูท่าว่านางจะไม่กลัวทหารนับสิบที่มีอาวุธอยู่ในมือ แต่สำหรับข้านั้นต่างกันออกไป แม้ตัวเองจะสามารถหนีเอาตัวรอดได้ แต่ก็ไม่คิดว่านางจะรอดกลับไปด้วยตัวคนเดียว
ท่าจะไม่ดีซะแล้ว
หมับ! ครืนนน!
ข้าคลานไปจับข้อเท้าของกริมไฮลด์ก่อนจะกระพือปีกทะยานขึ้นฟ้าทันที ด้วยวิธีนี้จะสามารถหลีกเลี่ยงการต่อสู้ได้และนางก็จะไม่รับบาดเจ็บด้วย เห็นมั้ยล่ะว่าข้าเป็นอมนุษย์ที่ใจดีขนาดไหน นางหลอกงข้าแต่ข้าก็ยังตามหานางและมาช่วยได้ทัน
เพียงแต่นางต้องทนอยู่ในสภาพห้อยหัวแบบนี้ไปก่อน ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!
“เจ้าค้างคาว!!!” ราชินีไม่กรี๊ดแบบที่ผู้หญิงทำกันในเวลาแบบนี้ แต่กลับเอามือเกาะขาข้าซะแน่น ส่วนข้าเองก็จับขานางอยู่
ให้ตายเถอะ นี่มันท่าบ้าอะไรฟะ!
ข้ารีบใช้แขนอีกข้างช้อนนางขึ้นมาก่อนที่จะทนไม่ได้กับสภาพกระโปรงเปิดของนาง
“โอเค โอเค.. เจ้าไม่เป็นอะไรแล้วองค์ราชินี”
“เจ้ามายุ่งอะไรกับข้า!!” ทันทีที่นางตั้งหลักได้ สองมือนั้นก็เข้ามาบีบคอ “ข้าบอกให้เจ้าอยู่เฝ้าบ้านมิใช่รึ!”
“อ๊าก!” ข้าพยายามสะบัดให้มือร้ายกาจออกไปจากคอ เกือบจะตายเพราะหายใจไม่ออก “ข้าไม่ได้เป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้า! แล้วทำไมเจ้าต้องหลอกข้าด้วยห้ะ! บอกมาซะดีๆ ไม่งั้นข้าจะทิ้งเจ้าเดี๋ยวนี้”
“มันเรื่องของข้า”
วืดดด
“กรี๊ดดด!!!”
หึหึ ในที่สุดนางก็กรี๊ดออกมา ช่างสาแก่ใจข้าเหลือเกิน อย่านึกว่าข้าจะไม่กล้านะ เพราะข้ากำลังทำอยู่นี้ไง ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!
ข้ารีบดิ่งตามลงไปก่อนที่นางจะถึงพื้น เพราะไม่อยากให้ซากของราชินีต้องเกะกะขวางทางเดินหรอกนะ
“ตกลงจะบอกข้าได้รึยัง” ข้าฉีกยิ้มกว้างในขณะที่นางได้แต่หลับตาปี๋เพราะยังไม่ชินกับการร่วงลงมาแบบนี้
“ถ้าเจ้าไม่บอก… ข้าจะกลับก่อนนะ” เมื่อบินสูงได้ระยะหนึ่ง ข้าจึงแกล้งปล่อยให้ร่างในอ้อมแขนต้องร่วงลงไปอีกครั้ง
แต่ก็ได้ยินบางอย่างที่ไม่คาดคิดซะได้
“ช่วยข้าเดี๋ยวนี้!!”
อะ..อ๊ากก!!
บอกว่าอย่าสั่งข้าไงเล่า! TOT
แต่ข้าก็บินหนีไม่ทันแล้ว เมื่อร่างกายมันดิ่งลงไปหาราชินีเองก่อนจะถูกนางคว้าตัวมากอด ตอนนี้เรากำลังเอาหัวทิ่มพื้นอย่างไม่ต้องสงสัย ละ… แล้วนางก็.. ก็…
จุ๊บ
ริมฝีปากบางเฉียบนั้นเข้ามาประกบกับริมฝีปากของข้า คราวนี้หัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ รู้สึกร้อนวูบวาบที่ใบหน้า แถมยัง.. ยัง…ชึ่ยย! ข้าต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!
พรึ่บบ!!
ข้ารีบพาราชินีบินขึ้นฟ้าอีกครั้ง ใบหน้าของนางแดงก่ำเป็นลูกตำลึง มือทั้งสองรีบคล้องคอข้าไว้ คงจะกลัวข้าปล่อยมืออีกสินะ ข้าได้แต่เบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากให้นางเห็นหน้าตัวเองในตอนนี้ =////=
“มะ ไม่บาดเจ็บอะไรใช่มะ” ข้าถามนางเพราะต้องการกลบเกลื่อนความเขิน
“อืม” ราชินีตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา นางเองก็เบือนหน้าหนีข้าเหมือนกัน
“พ่อหนุ่มนั่นเป็นคนรักของเจ้ารึ?”
“ไม่ใช่”
“งะ งั้นมันเป็นใคร”
“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า เลิกถามข้าได้แล้ว”
ข้าหยุดพูดตามที่นางบอก บางทีก่อนหน้านี้นางอาจกำลังเสียใจกับการถูกหักหลังแต่ก็ดันมาเจออะไรน่าหวาดเสียวติดๆ กัน คงจะปรับอารมณ์ยากหน่อยนะ
บรรยากาศเงียบมาตลอดทางจนกระทั่งเรากลับมาถึงปราสาท ข้าก็ส่งราชินีแค่ประตูเท่านั้น
“จะไปไหน” กริมไฮลด์ถามขึ้นเมื่อข้ากำลังจะบินขึ้นฟ้า
“ข้าก็จะปล่อยให้เจ้าอยู่คนเดียวไปก่อน… ไม่ดีรึ?” แสงจันทร์ยามค่ำคืนสะท้อนนัยน์ตามรกตคู่สวยของนาง มันทำให้ข้ามิอาจละสายตาไปไหนได้ เหมือนถูกมนตร์สะกดตรึงให้อยู่กับที่ ทั้งที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่พูดอะไรอีก
“ขะ ข้า…” เหมือนราชินีลังเลที่จะพูดบางอย่าง แต่ข้าก็ไม่รอช้าที่จะสยายปีกออกมา
“ขอบคุณ!”
“…”
คำพูดเมื่อกี้ทำให้ข้าชะงักนิดหน่อย ก่อนจะหันไปมองกริมไฮลด์ที่ทำเป็นมองไปที่อื่น เริ่มสัมผัสได้ว่านางไม่ได้เป็นคนโหดเหี้ยมหรือเย็นชาอะไร บางทีนางอาจมีความทรงจำที่เลวร้ายยิ่งกว่าข้าก็เป็นได้
“อีกเรื่อง… จะ เจ้าชื่ออะไรกันแน่”
“ข้ารึ?”
“อืม”
ดวงหน้าของราชินีแดงขึ้นมานิดหน่อยจนข้าเผลอยิ้ม นางไม่รู้จักข้าจริงเหรอเนี่ย ชื่อเสียงของข้าคงไม่ได้ดังอย่างที่คิดไว้แล้วสิ
“มาเลฟิเซนต์”
พูดจบข้าก็กระพือปีกทะยานขึ้นฟ้า โบกมือให้นางนิดหน่อยโดยไม่หันกลับไปมอง ตอนนี้รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่ความสุขแบบเดียวกับการที่ได้แกล้ง แต่เป็นสุขเล็กๆ ที่ทำให้หัวใจพองโตขึ้นมา นานเท่าไรแล้วนะที่ไม่ได้รู้สึกแบบนี้
แต่จะให้หัวใจเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าพวกมนุษย์จะเป็นเหมือนกันหมดรึเปล่า ราชินีอาจทรยศข้าทีหลัง ดังนั้นข้าไม่ควรไว้ใจนางมากเกินไป
แต่ข้าก็ยิ้มมาตลอดทางจนถึงหลังคาปราสาท ที่นี่กลายเป็นห้องนอนของข้าไปเรียบร้อยแล้ว ถึงค่ำคืนนี้อากาศจะหนาวไปหน่อย แต่อย่างน้อยก็ได้อยู่ใกล้กับใครบางคน
“ฝันดีนะ องค์ราชินี…”
“ฝันดี.. มาเลฟิเซนต์”
O.O!
ข้าถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงกริมไฮลด์พูดขึ้นมา นะ… นางเรียกชื่อข้าเป็นครั้งแรก! แถมยังบอกฝันดีด้วย หรือว่านางจะได้ยินที่ข้าพูด! นางรู้งั้นรึว่าข้านอนอยู่ข้างบนนี้
เพราะประโยคนั้นแท้ๆ ทำให้ข้าเผลอยิ้มออกมาอีกครั้ง นางจะทำให้ข้าเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไรนะ
เช้าวันต่อมา
เพล้ง!!
ข้าสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงอะไรตกแตกจากห้องของกริมไฮลด์ พลันรีบเข้าไปดูและพบว่านางถูกเศษแก้วบาดมือ
“เกิดอะไรขึ้น”
นางเหลียวมองข้าแต่ไม่วายที่จะหันซ้ายขวาเหมือนหาอะไรบางอย่างที่ซ่อนตัวอยู่ มีหนูเข้ามาป้วนเปี้ยนในห้องหรืออย่างไร
“เจ้าค้างคาว” นางเรียกข้าแบบนั้นอีกแล้วทั้งที่เมื่อคืนก็ยังเรียกชื่อข้าถูก จริงสินะ ข้าเกือบลืมไปว่านางเป็นพวกความจำสั้น “เจ้าพาเพื่อนมาที่นี่ด้วยรึ?”
“หา?” ข้าชักจะงง หรือว่ามีคนอื่นแอบอยู่ในนี้ นางก็เลยจัดการด้วยอะไรบางอย่าง เป็นบางอย่างที่ข้านึกสภาพเดิมของมันไม่ออกเลยดูจากเศษแก้วที่แตกละเอียดบนพื้น “ข้าไม่ได้พาใครมาด้วย”
“เจ้าโกหก!” ราชินีตวาดใส่ก่อนที่นางจะผวาขึ้นมา ข้ายิ่งสงสัยว่าจะมีมนุษย์หน้าไหนทำให้นางกลัวได้ขนาดนี้
“สวัสดี!! แม่ยอดหญิงของข้า!!”
!!!
แต่ในตอนนั้นเองผู้บุกรุกก็ปรากฏตัวออกมา เขาคือชายผู้เป็นเจ้าของเปลวเพลิงนรกสีฟ้า และผู้ไร้ซึ่งเส้นขนบนหัว จู่ๆ ก็โผล่ออกมาแบบนี้ ข้าเกือบจะชกหน้ามันไปแล้ว
“ฮาเดส”
“ดีมากที่ยังจำกันได้”
=.=
เขาคือจ้าวแห่งยมโลกผู้มีอำนาจเด็ดขาดกับความชั่วร้ายทั้งปวง แต่เพราะหน้าตาของหมอนั่นทำให้ข้าอายที่จะแนะนำให้ราชินีรู้จัก หวังว่านางจะเลิกคิดได้แล้วนะว่าเขาเป็นเพื่อนข้า
ข้าไม่เคยมีเพื่อนหัวโกร๋นแบบนั้น!
แล้วก็ไม่คิดว่าจะได้เจอมันอีกครั้ง บอกตามตรงว่าข้าพยายามหนีหน้ามาหลายปี ฮาเดสพยายามชักชวนให้ไปอยู่ด้วยกันที่ยมโลก แต่ข้าก็ปฏิเสธทุกครั้งเพราะข้าไม่ชอบ… ข้าไม่ชอบคนที่หลอกตัวเองว่ามีเส้นผม ทั้งที่ความจริงมันคือเปลวไฟดวงน้อยๆ ที่ลมพัดนิดหน่อยก็ดับแล้ว
แต่นั่นยังไม่ใช่เหตุผลสำคัญที่ทำให้ข้าต้องลงทุนหนีหน้าแบบนี้ เพราะข้ากำลังจะถูกหมั้นหมายกับฮาเดส ทั้งที่ไม่มีใครรู้เรื่องด้วยเลย คนที่คิดเองเออเองน่ะคือหมอนั่นคนเดียว
“โอ้ยอดรัก มาอยู่กับข้าเถอะนะ” นั่นไง ยังไม่ทันที่ข้าจะเล่าจบมันก็ตามตื๊ออีกแล้ว!
“ราชินี ข้าไม่รู้จักมัน” ข้ารีบวิ่งไปหลบหลังนาง
“แต่เขารู้จักเจ้า แล้วมันก็ไม่เกี่ยวกับข้า” ราชินีพยายามเดินออกห่าง ทำเป็นไม่ใส่ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น สุดท้ายก็เดินออกจากห้อง นี่นางคิดจะปล่อยให้อมนุษย์คุยกันเองงั้นรึ!
ไม่!!
“ข้าไม่มีธุระอะไรกับเจ้า จงกลับไปซะ!” ข้าตวาดใส่ฮาเดสที่กำลังยืนงง ฟันหลอๆ ของเจ้านั่นชวนให้ข้าขนลุกยิ่งนัก
“อ่าฮ่า!!” ฮาเดสทำตาโตจนจะถลนออกมา “ข้ารู้แล้วว่าทำไมเจ้าถึงไม่อยากมากับข้า!”
“ข้าไม่สน แต่อย่ามาทำอะไรพิเรนทร์ๆ ก็แล้วกัน” ข้าเป่ามนตร์ให้เกิดเป็นลมพัดขนาดย่อมๆ ฮาเดสเกือบจะหลบไม่ทัน ดูท่าว่าเจ้านั่นยังหวงมันไม่เปลี่ยน
“เจ้าหลงรักมันใช่มั้ย! เจ้ามนุษย์เพศหญิงผู้ต่ำต้อยคนนั้น” ฮาเดสขึ้นเสียงใส่อย่างจริงจัง
“นางเป็นถึงราชินี เจ้าต่างหากที่ยังอยู่ต่ำกว่านาง” ข้าแสยะยิ้ม หมายถึงนรกที่เขาอยู่น่ะเทียบไม่ติดกับปราสาทที่โผล่พ้นดินหลังนี้หรอก
“ถ้างั้นข้าจะกำจัดนางซะ”
“อย่าได้แตะต้องนางแม้แต่ปลายเล็บ”
“ไม่ใช้เล็บก็ได้ แต่ใช้มือไงล่ะ”
“อย่ามากวนประสาทนะไอ้หัวโกร๋น ข้าไม่ได้พูดเล่น ถ้าคิดจะลองดีเมื่อไร ก็มาเจอกันได้เลย”
“อูวว… เจ้ายังไม่เปลี่ยนไปเลย จะมีก็แต่..” ว่าแล้วจ้าวแห่งยมโลกก็เสกเพลิงนรกสีฟ้าขึ้นมา คราวนี้มันทำหน้าที่เป็นกระจกส่องหน้า ก่อนจะเปลี่ยนเป็นบางอย่างที่ทำให้ข้าฉุนกึ้ก “เจ้ากำลังหลงรักนางที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน มันไม่ผิดแปลกไปหน่อยรึ? ข้าให้เวลาเจ้าคิดนะ ไว้จะกลับมาใหม่ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
ฟึ่บ!!
กรอด
ข้าขบกรามแน่นเมื่อกระจกทำให้เห็นกริมไฮลด์กำลังถูกไฟนรกเผาทั้งเป็น คิดจะขู่กันงั้นเหรอ แล้วคิดว่าข้าเป็นใครถึงยอมให้เรื่องพรรคนั้นเกิดขึ้น
ข้าจึงตั้งใจไปเตือนราชินี อย่างน้อยก็บอกให้นางระวังตัวไว้ก่อน หากเจอไอ้หน้าหนอนอีกเมื่อไรก็จัดการมันได้เลย… ถ้าทำได้น่ะนะ
“กรี๊ดด!!”
ระหว่างทางที่เดินลงบันได ข้าก็เจอแม่หนูสโนไวท์กลางทาง ทันทีที่นางเห็นหน้าข้า เสียงกรีดร้องแปดหลอดก็ดังขึ้นตามมาด้วยการล้มลงหมดสติ
“เฮ้อ.. มนุษย์นี่ช่างอ่อนแอเหลือเกิน” ข้าส่ายหน้าด้วยความหน่ายกับการที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ซ้ำซาก ตั้งแต่เกิดมามีมนุษย์ที่เป็นลมล้มพับเพียงเพราะเห็นหน้าข้ามาแล้วไม่ต่ำกว่าพันคน แล้วแม่หญิงงามคนนี้กำลังจะสร้างสถิติใหม่ให้ข้าเหยียบหลักหมื่น ข้าควรจะภูมิใจกับมันดีมั้ยนะ
แทนที่จะไปหาราชินี ข้าคงต้องพาเด็กคนนี้ไปส่งถึงห้องก่อนอย่างเลี่ยงไม่ได้
แล้วก็เป็นอีกครั้งที่บังเอิญเหลือเกิน เมื่อเสด็จแม่ของสโนไวท์มาเห็นเข้าขณะที่ข้ากำลังจะถีบประตูห้องเข้าไปเพราะไม่มีมือ นางคงคิดว่าข้าแกล้งแม่หนูคนนี้เป็นแน่
“เจ้าทำอะไร”
“นางเห็นหน้าข้าแล้ว ก็เลยเป็นลมอย่างที่เห็น”
ราชินีทำตาดุใส่ แต่ควรจะทำใจไว้แล้วนะว่าสักวันสโนไวท์ก็ต้องรู้เรื่องนี้ ข้าจึงเดินไปที่เตียงแล้วค่อยๆ วางร่างในอ้อมแขนอย่างเบามือ ส่วนคนที่อยู่ข้างหลังก็ดูจะไม่ไว้ใจ ถึงไม่ปล่อยให้คลาดสายตาเลยแม้แต่น้อย
“เชิญอยู่ดูแลนาง” ในเมื่อเป็นแบบนี้ ข้าก็ไม่อยากทำตัวให้เป็นที่กังขา ส่วนเรื่องฮาเดสน่ะไว้ค่อยบอกทีหลังก็ได้ ปล่อยให้แม่ลูกได้อยู่ด้วยกันก่อน
“ข้าไม่ใช่แม่แท้ๆ ของนาง”
“…” ข้าเงียบไปเมื่อราชินีตอบในสิ่งที่คิดพอดี
“เป็นแค่แม่เลี้ยง”
“แล้วพระราชาของเจ้า… สามีของเจ้าล่ะ”
“ตายไปแล้ว”
o_O
โอว.. ข้าพยักหน้ารับรู้กับอดีตที่เจ็บปวดของนาง งั้นข้าจะไม่ถามอะไรมากกว่านี้แล้วล่ะ
“มันตายเพราะยาพิษของข้าเอง”
!!!
ข้าถลึงตาออกมาเพราะไม่คิดว่านางจะยังพูดไม่จบ ยิ้มไม่ออกเลยทีเดียวเมื่อรู้ว่านางเป็นคนฆ่าสามีตัวเอง แล้วนางจะมาบอกข้าเรื่องนี้ทำไม
“เจ้าไม่ได้รักเขางั้นรึ”
“ไม่เคยเลยสักวัน”
“งั้นเจ้าก็อยากได้สมบัติสินะ”
“ข้าไม่เคยคิดเรื่องแบบนั้น”
“แสดงว่าเจ้า....” ข้ากำลังทำตัวเลิกลั่ก ไม่รู้จะพูดออกไปดีมั้ย “จะ เจ้ารักกับสโนไวท์! ลูกเลี้ยงของเจ้าเองงั้นรึ!!”
แต่แล้วองค์ราชินีก็ถึงกับกุมขมับ นางถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางส่ายหน้า
“เจ้าออกไปเถอะ” แถมน้ำเสียงที่ไล่ก็มีแต่ความหน่าย นี่ข้าพูดอะไรผิดไปรึ? แล้วถ้ามันไม่จริงทำไม่นางไม่รีบปฏิเสธ
เรื่องนี้ข้าจึงเก็บไปคิดหนักทั้งที่มันไม่น่าเป็นไปได้ แต่ถ้ามันเกิดขึ้นเป็นไปแล้วล่ะ ข้าควรจะออกไปจากที่นี่ดีมั้ย บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่นางไม่จ้างใครมาทำงาน ก็เพราะอยากอยู่กับสโนไวท์สองต่อสอง!
“อา… ข้าคือประมุขแห่งความชั่วร้าย จะไปสนเรื่องแบบนั้นทำไม” ข้าเตือนสติตัวเองหลังจากเดินออกมาจากห้องได้พักหนึ่ง เรื่องของชาวบ้านคือเรื่องไร้สาระ ตอนนี้ควรจะหาอะไรทำสนุกๆ ทำมากกว่า
แต่ระยะหลังๆ เนี่ยข้าก็เริ่มรู้สึกไม่อยากแกล้งราชินีบ่อยเพราะกลัวว่าจะถูกเกลียดเข้าสักวัน เป็นความจริงที่นางไม่ว่างมาเล่นกับข้า แต่ข้าก็ออกไปไหนไม่ได้เพราะยาพิษคำสาปของนางที่ทำให้ตกเป็นทาส พอนานวันเข้า ข้าก็เริ่มสงสัยสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้
ตกลงแล้วข้ามาทำแป๊ะอะไรที่นี่ฟะ…
จะแกล้งก็แกล้งไม่ได้ จะกลับออกไปก็ทำไม่ได้อีก ถูกขังให้อยู่กับราชินีประหนึ่งเป็นหมาเฝ้าบ้าน จะมีอยู่อย่างเดียวที่ทำให้ข้าอยากอยู่ที่นี่ต่อ นั่นคือการได้รู้เรื่องราวของนาง ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนไม่คิดถึงเรื่องนี้เลย ไม่เคยสนใจความรู้สึกของนางด้วยซ้ำ
เฮ้อ… บางทีถ้าข้ายอมช่วยเหลือนาง ไม่ว่าจะเป็นงานบริหารบ้านเมือง หรือการเป็นพาหนะไว้เดินทางสะดวก เราอาจสนิทกันมากขึ้น พอถึงตอนนั้นข้าจะให้นางเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟังก็คงไม่ใช่เรื่องยาก… มั้งนะ
คิดได้ดังนั้นข้าจึงเดินกลับไปที่ห้องทำงานของกริมไฮลด์ เริ่มต้นด้วยความอยากรู้ว่าทำไมนางถึงนั่งทำงานคนเดียว เป็นถึงราชินีก็ต้องมีข้ารับใช้สิ!
“เจ้าอมนุษย์สีฟ้านั่นมีธุระอะไรกับเจ้า” แต่ข้าก็ต้องกลืนคำถามตัวเองไปก่อนเพราะจู่ๆ ราชินีที่นั่งจุ้มปุ๊กอยู่ก็เป็นฝ่ายถามขึ้นมาแทน
“ไม่มีอะไรหรอก… หมอนั่นมากวนประสาทข้าเฉยๆ”
“แต่เขาเรียกเจ้าว่าคู่หมั้น.. บอกว่าจะมาตามตัวเจ้ากลับไปแต่งงานที่ยมโลก”
“เปล๊า ไม่เห็นมีเรื่องอะไรแบบนั้นเลยนี่”
“โกหก”
“บ๊ะ! นี่ถ้าเจ้ารู้แล้วจะมาถามข้าอีกทำไม” สุดท้ายข้าก็จำต้องเผยไต๋ออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ ราชินีคงแอบฟังข้ากับฮาเดสคุยกันสินะ
“ห้ามเจ้าไป.. นี่คือคำ…”
“อย่า!!”
ข้ารีบเอามือไปปิดปากนางก่อนที่มันจะกลายเป็นคำสั่งจริงๆ หวังว่าข้าจะไม่ต้องจูบอีกนะ รู้ว่านางเองไม่อยากทำนักหรอก ก็แค่ชอบสั่งคนอื่นจนติดเป็นนิสัย
“ราชินี ถึงเจ้าจะไม่สั่งข้า ข้าก็ไม่คิดจะไปอยู่แล้ว”
“สัญญาสิ” ราชินีนิ่วหน้านิดหน่อย แถมยังทำเป็นมองที่อื่นเพราะไม่กล้าสบตาตรงๆ แต่นั่นก็ทำให้ข้ายิ้มออกมาได้ด้วยความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
ทำไมถึงอยากให้ข้าอยู่ ทั้งๆ ที่ไม่เห็นจะใช้ข้าเลยสักนิด…
“แน่นอน.. ข้าสัญญา”
***อ่านมาขนาดนี้แล้ว เม้นให้เค้าหน่อยนะ อยากรู้ว่าเขียนเป็นไง
แล้วจะมาต่อจ้ะ ^^***
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ