memorable guy ผู้ชายที่ไม่เคยลืม
9.2
เขียนโดย BLACK_SEA
วันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 00.02 น.
5 chapter
12 วิจารณ์
11.52K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 12.58 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
4) ลองชุด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ‘พรึ่บ’
ไฟในห้องถูกเปิดสว่างขึ้น
แก้วเดินตรงไปหยิบอัลบั้มรูปเล็กๆข้างๆไดอารี่ในลิ้นชักของโต๊ะตัวโปรดของเธอออกมา ไล่เปิดดูรูปในวัยเด็กของเธอ..
รูปแรกเป็นรูปตั้งแต่เธอเพิ่งจะอายุไม่ถึงเดือนกำลังนอนอยู่บนเบาะเล็กๆ ข้างๆมีเด็กผู้ชายตัวใหญ่กว่าเธอพอสมควรนอนอยู่ด้วย
รูปที่สองเป็นรูปที่เธอโตขึ้นมาอีกนิดหน่อยกำลังกินนมจากขวด โดยมีเด็กผู้ชายนั่งอยู่ข้างๆ
รูปที่สามเป็นรูปที่เธอกำลังนั่งเล่นตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ ขณะที่เด็กผู้ชายข้างๆนั่งถือตุ๊กตาหมีตัวเล็กๆ อันที่จริงของเขาควรจะเป็นตัวใหญ่.. แต่เขาก็เสียสละให้เธอ
รูปที่สี่เป็นรูปตอนเธออายุประมาณสี่ขวบกำลังเล่นหุ่นยนต์อยู่ด้วยท่าทางสนุกสนาน ในขณะที่เด็กผู้ชายข้างๆกำลังถือตุ๊กตาบาร์บี้ของเธออยู่ อันที่จริงหุ่นยนต์นั่นก็ของเขา...
รูปที่ห้าเป็นรูปที่เธอกำลังยืนเป่าเทียนข้างๆเขาตอนงานวันเกิดของเขา.. เขาเป็นเจ้าของงานแต่เธอเป็นคนเป่าเพราะว่าเธองอแงอยากจะเป่า.. เขาก็ยอมให้เธอเป่า
แก้วหยิบรูปอีกหลายร้อยใบขึ้นมาดู เธอยิ้มในใจ.. ทุกๆรูปจะต้องมี ‘โทโมะ’ อยู่ด้วยตลอดเลยสินะ..
เธอไล่ดูจนมาหยุดที่รูปสุดท้ายที่ถ่ายด้วยกัน... เป็นรูปก่อนที่เขาจะไปเรียนต่อ.. ก่อนที่จะต้องแยกจากกันไป..
รูปใบสุดท้ายเป็นรูปที่เธอกับเขาถ่ายคู่กันที่สนามเด็กเล่น เธออยู่ในชุดเจ้าหญิงใส่มงกุฎดอกไม้ที่เขาทำให้ ส่วนเขาอยู่ในชุดสูทของเด็กโต ซึ่งดูแล้วเหมือนงานแต่งงานไม่มีผิด
แก้วยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อได้นั่งดูรูปที่เธอเก็บรักษาไว้อย่างดี เธอดึงอัลบั้มรูปนั้นมาแนบอกแล้วเดินไปล้มตัวนอนลงบนเตียง
‘ผลุบ’
เสียงของรูปใบหนึ่งหล่นออกมาจากอัลบั้ม แก้วมองไปที่รูปใบนั้นก่อนจะหยิบขึ้นมาดู
“เอ๋? นี่มัน...” แก้วขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเป็นรูปของเด็กสามคนยืนจับมือกันเป็นแถวหน้ากระดานเรียงตามความสูงด้านขวาสุดคือโทโมะ ตรงกลางคือเธอเอง แล้วด้านซ้ายนี่ใครกันล่ะ..
แก้วนั่งคิดอยู่สักพักก่อนจะเลิกสนใจ แล้วนำรูปใบนั้นเก็บใส่ไว้ในกระเป๋าตังค์ของเธอแทนที่จะเก็บไว้ในอัลบั้มตามเดิม..
“โทโมะพาแก้วไปลองชุดมารึยังลูก” เมื่อเดินพ้นประตูเข้ามาในบ้าน ผู้เป็นแม่ก็เอ่ยถามอย่างสดใส
“ยังครับแม่ วันนี้แค่พาไปข้างนอก” โทโมะหันไปตอบ
“ทำไมล่ะลูก แม่ก็บอกแล้วไงว่าให้พาไปน่ะ” แม่ทำหน้าไม่พอใจเล็กน้อยที่ลูกชายตัวดีไม่ทำตามที่สั่งไว้
“ไว้วันหลังละกันครับแม่ ผมขอตัวก่อน ผมง่วงแล้วครับ” โทโมะกล่าวลาแล้วเดินหนีขึ้นไปบนบ้านทันที
“โทโมะ!!!” ผู้เป็นแม่ตะโกนไล่หลังไป แต่ลูกชายก็ไม่มีทีท่าว่าจะหันกลับมา เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรหาเพื่อนรักทันที..
‘ก๊อกๆ’
“แก้ว นอนหรือยังลูก”
“ยังค่ะแม่”
“แม่เข้าไปนะ” แม่บอกก่อนจะเปิดเข้าไปในห้อง แก้วละสายตาจากโน้ตบุ๊คตรงหน้าหันไปหาแม่ของตน
“คือคุณป้าฮานะโทรมาบอกว่า พรุ่งนี้ให้เราไปลองชุดแต่งงานจ้ะ”แม่มลบอกตามที่เพื่อนรักโทรมาบอกเมื่อสักครู่
“จริงหรอคะ แล้วพี่โทโมะ..”แก้วทำหน้าตกใจเล็กน้อยแล้วเหมือนจะถามอะไรต่อ
“พี่โทโมะก็ไปด้วยจ้ะ” แม่มลรู้ว่าลูกอยากจะรู้อะไรก็ตอบไปแบบไม่ต้องฟังคำถาม ซึ่งนั่นก็ทำให้แก้วยิ้มออก
“พรุ่งนี้ 8 โมงออกจากบ้านนะลูก รีบนอน รีบตื่น เข้าใจนะจ๊ะ ฝันดีจ้ะ”
“ค่ะแม่” แม่มลลูบหัวลูกสาวเบาๆก่อนเดินออกไป
“นี่ โทโมะ แม่เข้าไปนะ”ผู้เป็นแม่บอกก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องลูกชาย
“มีอะไรหรอครับแม่” โทโมะที่นอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนเตียงเอ่ยถามขึ้น
“พรุ่งนี้ไปลองชุดแต่งงานนะลูก”โทโมะหันขวับมาทันที
“ฮะ! นี่คุณแม่พูดจริงหรอครับ?”
“อื้ม แม่นัดทั้งน้ามล ทั้งหนูแก้วไว้ให้แล้ว”แม่ของโทโมะพยักหน้าขึ้นลงเบาๆ
“คุณแม่ครับ ผมบอกว่าผมไม่อยากแต่งไง” โทโมะเริ่มขึ้นเสียง
“โทโมะ ดูนี่” แม่ยื่นเอกสารบางอย่างให้กับโทโมะ โทโมะรับมาอ่านสักพักหนึ่ง แล้วพบว่ามันคือเอกสารที่ออกโดยโรงพยาบาลชื่อดัง และมีชื่อของนายแพทย์ที่เค้าคุ้นเคย ‘นายแพทย์ภาณุ จิระคุณ’ เพื่อนสนิทของเขากำกับอยู่
“นี่แม่เป็นมะเร็งหรอครับ..”โทโมะพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง ใบหน้าของเขาดูเศร้าลงถนัดตา
“อื้อ ระยะที่สามแล้วแหละ แม่ว่าแม่คงจะอยู่ได้อีกไม่นานเท่าไหร่” ได้ยินดังนั้น ความเสียใจก็เข้ามาแทรกซึมเข้าสู่ทุกส่วนในร่างกาย..มันชาไปหมดเลย..
“แม่เป็นมานานรึยัง ทำไมแม่เพิ่งจะมาบอกผม”น้ำใสๆค่อยๆไหลรินจากดวงตาคู่สวยของโทโมะ
“แม่แค่อยากเห็นลูกแม่แต่งงานกับคนที่แม่ชอบก่อนแม่จะจากโลกนี้ไป แค่นี้ ลูกช่วยทำให้แม่หน่อยได้มั้ย”แม่ของโทโมะเดินไปนั่งลงที่เตียงข้างๆลูกชาย
“ได้มั้ย...โทโมะ..” เธอโอบกอดลูกชายที่กำลังร้องไห้ เธอไม่ได้อยากเห็นลูกเป็นอย่างนี้เลย..
“ครับ..แม่ ผมจะแต่งงานกับแก้ว” โทโมะพยักหน้ารับคำของมารดาพร้อมกอดและซุกหน้าไปที่อกของเธอเธอลูบผมลูกชายช้าๆ ก่อนเขาจะหลับไป..
เวลาผ่านไป..เมื่อหญิงวัยกลางคนแน่ใจว่าลูกชายของเธอหลับสนิทแล้ว เธอก็ค่อยๆย้ายหัวลูกชายของเธอที่อยู่บนตักไปไว้ที่หมอนนุ่มๆบนเตียงแทนก่อนที่จะลงยืนข้างเตียงพร้อมก้มหน้าไปจุมพิตที่ศีรษะของลูกชายเธอ
“แม่รักลูกนะ..โทโมะ”
วันต่อมาแม่มลพาแก้วออกไปยังร้านชุดแต่งงานเมื่อวานที่โทโมะพาเธอผ่านมา
“สวัสดีค่ะคุณลุง คุณป้า” แก้วยกมือขึ้นไหว้พ่อและแม่โทโมะอย่างนอบน้อม
“สวัสดีจ้ะหนูแก้ว แต่บอกแล้วไงว่าให้เรียกแม่กับพ่อน่ะลูก” พ่อและแม่ของโทโมะรับไหว้
“ค่ะคุณแม่ แล้วพี่โทโมะล่ะคะ” แก้วถามพลางมองหาคนที่พูดถึง
“เดี๋ยวก็มาจ้ะ เดี๋ยวหนูแก้วไปลองชุดก่อนเลยนะ ชอบชุดไหนบอกเค้าเลยนะลูก”
“เชิญทางนี้เลยค่ะ” พนักงานผายมือไปทางห้องลองชุดก่อนจะเดินนำไป แก้วจึงเดินตามพนักงานไป
ทั้งสามคนที่เหลือนั่งคุยกันไปเรื่อยๆตามประสาเพื่อนเก่าแก่ สักพักก็มีคนผลักประตูเข้ามาในร้าน
“สวัสดีค่ะ คุณแม่” หญิงสาวไหว้แม่มล
“อ้าว หนูฟาง สวัสดีจ้ะ นั่งก่อนสิ นี่พ่อกับแม่พี่โทโมะเค้าน่ะ ส่วนนี่หนูฟางเพื่อนแก้วเค้าน่ะ” แม่มลแนะนำทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกัน
“สวัสดีค่ะ หนูเคยเจอพี่โทโมะแล้ว พี่เค้าน่ารักดีนะคะ ดูเป็นคนดี ต้องดูแลเพื่อนหนูได้แน่นอนค่ะ” ฟางพูดยิ้มๆ
“จริงหรอจ๊ะ ขอบคุณจ้ะ แล้วนี่หนูฟางมีแฟนรึยังเนี่ย สวยๆอย่างนี้ต้องมีแล้วแน่ๆเลย” แม่โทโมะถามแล้วยิ้มให้ฟาง
“โหยย ยังไม่มีหรอกค่ะคุณป้า นี่หนูก็รออยู่เหมือนกันว่าจะมีสักวันหนึ่งที่พระเจ้าจะส่งใครสักคนมาให้หนู ฮ่าๆๆๆ” คำพูดของฟางทำให้ทุกคนหัวเราะชอบใจกันใหญ่
“ว่าแต่หนูฟางมากับแก้วแต่เช้าอย่างนี้หนูกินข้าวมารึยังจ๊ะเนี่ย” แม่มลถามขึ้น
“อ๋อ หนูรอแก้วลองชุดเสร็จก่อน แล้วค่อยไปกินพร้อมแก้วอ่ะค่ะ”ฟางตอบ แต่ตอนนี้เธอว่าเธอก็เริ่มจะหิวๆแล้วเหมือนกันแฮะ
“อ้าว นี่ยัยแก้วตัวแสบไม่ได้บอกหรอว่ากินข้าวมาจากบ้านแล้ว” แม่มลตกใจเมื่อรู้ว่าฟางยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เช้า
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่ เดี๋ยวอีกสักพักฟางค่อยออกไปกินก็ได้” ฟางยิ้มให้แม่มล แล้วชวนคุยเรื่องอื่นแทน และอีกหลายๆบทสนทนาของฟางนั้นก็สามารถทำให้ทุกคนหัวเราะได้อย่างสนุกสนาน
“คุยอะไรกันอยู่ครับ น่าสนุกเชียว” โทโมะเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง
“สวัสดีครับน้ามล” โทโมะสวัสดีแม่ของแก้ว
“อ้าว โทโมะ มาแล้วหรอเข้าไปในห้องเลยไป น้องแก้วเข้าไปตั้งนานแล้วเนี่ย”ผู้เป็นแม่เอ่ยไล่
“ครับแม่ งั้นผมฝากเพื่อนผมด้วยนะครับ” โทโมะทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินเข้าไป
“คุณแม่ครับสวัสดีครับ คุณน้าครับสวัสดีครับ” ชายหนุ่มเพื่อนของโทโมะยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
“สวัสดีจ้ะ เป็นไงมาไงล่ะตาป็อป วันนี้ไม่มีงานหรอ” แม่ของโทโมะรับไหว้ ก่อนจะไถ่ถามความเป็นมา
“ครับ วันนี้เข้าเวรดึกเลย อีกอย่างนึง ป็อปอยากจะมาเห็นว่าที่เจ้าสาวไอ้โทโมะมันหน่อยน่ะครับ” ป็อปปี้พูดยิ้มๆ
“แก้วเพื่อนฟางอ่ะสวยอยู่แล้วน่า” ฟางพูดขึ้นมา ทำให้ป็อปปี้หันไปมองหน้าฟางงงๆ
“เธอเป็นใครเนี่ย” ป็อปปี้ถาม
“อ๋อ แม่ก็ลืมแนะนำ นี่พี่ป็อปนะหนูฟาง เป็นเพื่อนโทโมะเค้าน่ะ ส่วนนี่น้องฟางนะเจ้าป็อป เป็นเพื่อนว่าที่เจ้าสาวเจ้าโทโมะน่ะ” แม่ของโทโมะแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกัน
“ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับน้องฟาง” ป็อปปี้ยิ้มให้ฟางแล้วยื่นมือออกไปข้างหน้าหญิงสาว
“ค่ะ เช่นกัน” ฟางยิ้มตอบพร้อมยื่นมือออกไปจับมือป็อปปี้แล้วชักกลับอย่างรวดเร็ว
“คุณแม่ครับ คุณน้าครับ เดี๋ยวผมขอตัวไปทานข้าวก่อนนะครับ ตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยเจ้าโทโมะเล่นไปตามถึงคอนโดตั้งแต่เช้าเชียว” ป็อปปี้พูดพลางเอามือลูบท้องเป็นเชิงว่าหิวจริงๆ
“ตามสบายเลยลูก เอ๊ะ หนูฟางก็ยังไม่ได้กินอะไรมานี่ ไปกินกะพี่ป็อปเค้าไปลูก” แม่ของโทโมะหันไปบอกฟาง
“ฟางว่า เดี๋ยวฟางไปเองดีกว่าค่ะ ฟางเกรงใจ” ฟางยิ้มแห้งๆให้ แหมคนมันเกิดมายังไม่เคยไปนั่งกินข้าวกับผู้ชายสองต่อสองนี่หว่า.. แถมเพิ่งจะรู้จักกันอีก
“มาเถอะ ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า” ป็อปปี้ดึงมือฟางให้ลุกขึ้น ฟางที่ยังไม่ทันตั้งตัวก็เซจะล้มลง
“เหวอออออ” ฟางร้องออกมา แล้วชนป็อปปี้ล้มลงไปนั่งที่พื้น
“โอ๊ย เจ็บนะเนี่ย” ป็อปปี้ที่นั่งลงไปกองที่พื้นร้องออกมา
“ขอโทษ ก็ใครบอกให้ดึงกันเล่า” ฟางทำหน้าสำนึกผิดเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือออกไปให้ป็อปปี้
“อ่ะ ลุกสิ” ป็อปปี้มองมือฟางที่ยื่นมาแล้วจึงจับมือฟางแล้วลุกขึ้น
“ไปกินข้าวกันได้ยังอ่ะ ทีนี้” ป็อปปี้ถาม
“ไปก็ได้” ฟางตอบแล้วเดินนำป็อปปี้ออกไป
“นี่ เดี๋ยวๆ รอด้วยสิ” ป็อปปี้มองฟางที่เดินออกไปอย่างรวดเร็วก็วิ่งตามไป
ไฟในห้องถูกเปิดสว่างขึ้น
แก้วเดินตรงไปหยิบอัลบั้มรูปเล็กๆข้างๆไดอารี่ในลิ้นชักของโต๊ะตัวโปรดของเธอออกมา ไล่เปิดดูรูปในวัยเด็กของเธอ..
รูปแรกเป็นรูปตั้งแต่เธอเพิ่งจะอายุไม่ถึงเดือนกำลังนอนอยู่บนเบาะเล็กๆ ข้างๆมีเด็กผู้ชายตัวใหญ่กว่าเธอพอสมควรนอนอยู่ด้วย
รูปที่สองเป็นรูปที่เธอโตขึ้นมาอีกนิดหน่อยกำลังกินนมจากขวด โดยมีเด็กผู้ชายนั่งอยู่ข้างๆ
รูปที่สามเป็นรูปที่เธอกำลังนั่งเล่นตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ ขณะที่เด็กผู้ชายข้างๆนั่งถือตุ๊กตาหมีตัวเล็กๆ อันที่จริงของเขาควรจะเป็นตัวใหญ่.. แต่เขาก็เสียสละให้เธอ
รูปที่สี่เป็นรูปตอนเธออายุประมาณสี่ขวบกำลังเล่นหุ่นยนต์อยู่ด้วยท่าทางสนุกสนาน ในขณะที่เด็กผู้ชายข้างๆกำลังถือตุ๊กตาบาร์บี้ของเธออยู่ อันที่จริงหุ่นยนต์นั่นก็ของเขา...
รูปที่ห้าเป็นรูปที่เธอกำลังยืนเป่าเทียนข้างๆเขาตอนงานวันเกิดของเขา.. เขาเป็นเจ้าของงานแต่เธอเป็นคนเป่าเพราะว่าเธองอแงอยากจะเป่า.. เขาก็ยอมให้เธอเป่า
แก้วหยิบรูปอีกหลายร้อยใบขึ้นมาดู เธอยิ้มในใจ.. ทุกๆรูปจะต้องมี ‘โทโมะ’ อยู่ด้วยตลอดเลยสินะ..
เธอไล่ดูจนมาหยุดที่รูปสุดท้ายที่ถ่ายด้วยกัน... เป็นรูปก่อนที่เขาจะไปเรียนต่อ.. ก่อนที่จะต้องแยกจากกันไป..
รูปใบสุดท้ายเป็นรูปที่เธอกับเขาถ่ายคู่กันที่สนามเด็กเล่น เธออยู่ในชุดเจ้าหญิงใส่มงกุฎดอกไม้ที่เขาทำให้ ส่วนเขาอยู่ในชุดสูทของเด็กโต ซึ่งดูแล้วเหมือนงานแต่งงานไม่มีผิด
แก้วยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อได้นั่งดูรูปที่เธอเก็บรักษาไว้อย่างดี เธอดึงอัลบั้มรูปนั้นมาแนบอกแล้วเดินไปล้มตัวนอนลงบนเตียง
‘ผลุบ’
เสียงของรูปใบหนึ่งหล่นออกมาจากอัลบั้ม แก้วมองไปที่รูปใบนั้นก่อนจะหยิบขึ้นมาดู
“เอ๋? นี่มัน...” แก้วขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเป็นรูปของเด็กสามคนยืนจับมือกันเป็นแถวหน้ากระดานเรียงตามความสูงด้านขวาสุดคือโทโมะ ตรงกลางคือเธอเอง แล้วด้านซ้ายนี่ใครกันล่ะ..
แก้วนั่งคิดอยู่สักพักก่อนจะเลิกสนใจ แล้วนำรูปใบนั้นเก็บใส่ไว้ในกระเป๋าตังค์ของเธอแทนที่จะเก็บไว้ในอัลบั้มตามเดิม..
“โทโมะพาแก้วไปลองชุดมารึยังลูก” เมื่อเดินพ้นประตูเข้ามาในบ้าน ผู้เป็นแม่ก็เอ่ยถามอย่างสดใส
“ยังครับแม่ วันนี้แค่พาไปข้างนอก” โทโมะหันไปตอบ
“ทำไมล่ะลูก แม่ก็บอกแล้วไงว่าให้พาไปน่ะ” แม่ทำหน้าไม่พอใจเล็กน้อยที่ลูกชายตัวดีไม่ทำตามที่สั่งไว้
“ไว้วันหลังละกันครับแม่ ผมขอตัวก่อน ผมง่วงแล้วครับ” โทโมะกล่าวลาแล้วเดินหนีขึ้นไปบนบ้านทันที
“โทโมะ!!!” ผู้เป็นแม่ตะโกนไล่หลังไป แต่ลูกชายก็ไม่มีทีท่าว่าจะหันกลับมา เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรหาเพื่อนรักทันที..
‘ก๊อกๆ’
“แก้ว นอนหรือยังลูก”
“ยังค่ะแม่”
“แม่เข้าไปนะ” แม่บอกก่อนจะเปิดเข้าไปในห้อง แก้วละสายตาจากโน้ตบุ๊คตรงหน้าหันไปหาแม่ของตน
“คือคุณป้าฮานะโทรมาบอกว่า พรุ่งนี้ให้เราไปลองชุดแต่งงานจ้ะ”แม่มลบอกตามที่เพื่อนรักโทรมาบอกเมื่อสักครู่
“จริงหรอคะ แล้วพี่โทโมะ..”แก้วทำหน้าตกใจเล็กน้อยแล้วเหมือนจะถามอะไรต่อ
“พี่โทโมะก็ไปด้วยจ้ะ” แม่มลรู้ว่าลูกอยากจะรู้อะไรก็ตอบไปแบบไม่ต้องฟังคำถาม ซึ่งนั่นก็ทำให้แก้วยิ้มออก
“พรุ่งนี้ 8 โมงออกจากบ้านนะลูก รีบนอน รีบตื่น เข้าใจนะจ๊ะ ฝันดีจ้ะ”
“ค่ะแม่” แม่มลลูบหัวลูกสาวเบาๆก่อนเดินออกไป
“นี่ โทโมะ แม่เข้าไปนะ”ผู้เป็นแม่บอกก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องลูกชาย
“มีอะไรหรอครับแม่” โทโมะที่นอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนเตียงเอ่ยถามขึ้น
“พรุ่งนี้ไปลองชุดแต่งงานนะลูก”โทโมะหันขวับมาทันที
“ฮะ! นี่คุณแม่พูดจริงหรอครับ?”
“อื้ม แม่นัดทั้งน้ามล ทั้งหนูแก้วไว้ให้แล้ว”แม่ของโทโมะพยักหน้าขึ้นลงเบาๆ
“คุณแม่ครับ ผมบอกว่าผมไม่อยากแต่งไง” โทโมะเริ่มขึ้นเสียง
“โทโมะ ดูนี่” แม่ยื่นเอกสารบางอย่างให้กับโทโมะ โทโมะรับมาอ่านสักพักหนึ่ง แล้วพบว่ามันคือเอกสารที่ออกโดยโรงพยาบาลชื่อดัง และมีชื่อของนายแพทย์ที่เค้าคุ้นเคย ‘นายแพทย์ภาณุ จิระคุณ’ เพื่อนสนิทของเขากำกับอยู่
“นี่แม่เป็นมะเร็งหรอครับ..”โทโมะพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง ใบหน้าของเขาดูเศร้าลงถนัดตา
“อื้อ ระยะที่สามแล้วแหละ แม่ว่าแม่คงจะอยู่ได้อีกไม่นานเท่าไหร่” ได้ยินดังนั้น ความเสียใจก็เข้ามาแทรกซึมเข้าสู่ทุกส่วนในร่างกาย..มันชาไปหมดเลย..
“แม่เป็นมานานรึยัง ทำไมแม่เพิ่งจะมาบอกผม”น้ำใสๆค่อยๆไหลรินจากดวงตาคู่สวยของโทโมะ
“แม่แค่อยากเห็นลูกแม่แต่งงานกับคนที่แม่ชอบก่อนแม่จะจากโลกนี้ไป แค่นี้ ลูกช่วยทำให้แม่หน่อยได้มั้ย”แม่ของโทโมะเดินไปนั่งลงที่เตียงข้างๆลูกชาย
“ได้มั้ย...โทโมะ..” เธอโอบกอดลูกชายที่กำลังร้องไห้ เธอไม่ได้อยากเห็นลูกเป็นอย่างนี้เลย..
“ครับ..แม่ ผมจะแต่งงานกับแก้ว” โทโมะพยักหน้ารับคำของมารดาพร้อมกอดและซุกหน้าไปที่อกของเธอเธอลูบผมลูกชายช้าๆ ก่อนเขาจะหลับไป..
เวลาผ่านไป..เมื่อหญิงวัยกลางคนแน่ใจว่าลูกชายของเธอหลับสนิทแล้ว เธอก็ค่อยๆย้ายหัวลูกชายของเธอที่อยู่บนตักไปไว้ที่หมอนนุ่มๆบนเตียงแทนก่อนที่จะลงยืนข้างเตียงพร้อมก้มหน้าไปจุมพิตที่ศีรษะของลูกชายเธอ
“แม่รักลูกนะ..โทโมะ”
วันต่อมาแม่มลพาแก้วออกไปยังร้านชุดแต่งงานเมื่อวานที่โทโมะพาเธอผ่านมา
“สวัสดีค่ะคุณลุง คุณป้า” แก้วยกมือขึ้นไหว้พ่อและแม่โทโมะอย่างนอบน้อม
“สวัสดีจ้ะหนูแก้ว แต่บอกแล้วไงว่าให้เรียกแม่กับพ่อน่ะลูก” พ่อและแม่ของโทโมะรับไหว้
“ค่ะคุณแม่ แล้วพี่โทโมะล่ะคะ” แก้วถามพลางมองหาคนที่พูดถึง
“เดี๋ยวก็มาจ้ะ เดี๋ยวหนูแก้วไปลองชุดก่อนเลยนะ ชอบชุดไหนบอกเค้าเลยนะลูก”
“เชิญทางนี้เลยค่ะ” พนักงานผายมือไปทางห้องลองชุดก่อนจะเดินนำไป แก้วจึงเดินตามพนักงานไป
ทั้งสามคนที่เหลือนั่งคุยกันไปเรื่อยๆตามประสาเพื่อนเก่าแก่ สักพักก็มีคนผลักประตูเข้ามาในร้าน
“สวัสดีค่ะ คุณแม่” หญิงสาวไหว้แม่มล
“อ้าว หนูฟาง สวัสดีจ้ะ นั่งก่อนสิ นี่พ่อกับแม่พี่โทโมะเค้าน่ะ ส่วนนี่หนูฟางเพื่อนแก้วเค้าน่ะ” แม่มลแนะนำทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกัน
“สวัสดีค่ะ หนูเคยเจอพี่โทโมะแล้ว พี่เค้าน่ารักดีนะคะ ดูเป็นคนดี ต้องดูแลเพื่อนหนูได้แน่นอนค่ะ” ฟางพูดยิ้มๆ
“จริงหรอจ๊ะ ขอบคุณจ้ะ แล้วนี่หนูฟางมีแฟนรึยังเนี่ย สวยๆอย่างนี้ต้องมีแล้วแน่ๆเลย” แม่โทโมะถามแล้วยิ้มให้ฟาง
“โหยย ยังไม่มีหรอกค่ะคุณป้า นี่หนูก็รออยู่เหมือนกันว่าจะมีสักวันหนึ่งที่พระเจ้าจะส่งใครสักคนมาให้หนู ฮ่าๆๆๆ” คำพูดของฟางทำให้ทุกคนหัวเราะชอบใจกันใหญ่
“ว่าแต่หนูฟางมากับแก้วแต่เช้าอย่างนี้หนูกินข้าวมารึยังจ๊ะเนี่ย” แม่มลถามขึ้น
“อ๋อ หนูรอแก้วลองชุดเสร็จก่อน แล้วค่อยไปกินพร้อมแก้วอ่ะค่ะ”ฟางตอบ แต่ตอนนี้เธอว่าเธอก็เริ่มจะหิวๆแล้วเหมือนกันแฮะ
“อ้าว นี่ยัยแก้วตัวแสบไม่ได้บอกหรอว่ากินข้าวมาจากบ้านแล้ว” แม่มลตกใจเมื่อรู้ว่าฟางยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เช้า
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่ เดี๋ยวอีกสักพักฟางค่อยออกไปกินก็ได้” ฟางยิ้มให้แม่มล แล้วชวนคุยเรื่องอื่นแทน และอีกหลายๆบทสนทนาของฟางนั้นก็สามารถทำให้ทุกคนหัวเราะได้อย่างสนุกสนาน
“คุยอะไรกันอยู่ครับ น่าสนุกเชียว” โทโมะเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง
“สวัสดีครับน้ามล” โทโมะสวัสดีแม่ของแก้ว
“อ้าว โทโมะ มาแล้วหรอเข้าไปในห้องเลยไป น้องแก้วเข้าไปตั้งนานแล้วเนี่ย”ผู้เป็นแม่เอ่ยไล่
“ครับแม่ งั้นผมฝากเพื่อนผมด้วยนะครับ” โทโมะทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินเข้าไป
“คุณแม่ครับสวัสดีครับ คุณน้าครับสวัสดีครับ” ชายหนุ่มเพื่อนของโทโมะยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
“สวัสดีจ้ะ เป็นไงมาไงล่ะตาป็อป วันนี้ไม่มีงานหรอ” แม่ของโทโมะรับไหว้ ก่อนจะไถ่ถามความเป็นมา
“ครับ วันนี้เข้าเวรดึกเลย อีกอย่างนึง ป็อปอยากจะมาเห็นว่าที่เจ้าสาวไอ้โทโมะมันหน่อยน่ะครับ” ป็อปปี้พูดยิ้มๆ
“แก้วเพื่อนฟางอ่ะสวยอยู่แล้วน่า” ฟางพูดขึ้นมา ทำให้ป็อปปี้หันไปมองหน้าฟางงงๆ
“เธอเป็นใครเนี่ย” ป็อปปี้ถาม
“อ๋อ แม่ก็ลืมแนะนำ นี่พี่ป็อปนะหนูฟาง เป็นเพื่อนโทโมะเค้าน่ะ ส่วนนี่น้องฟางนะเจ้าป็อป เป็นเพื่อนว่าที่เจ้าสาวเจ้าโทโมะน่ะ” แม่ของโทโมะแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกัน
“ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับน้องฟาง” ป็อปปี้ยิ้มให้ฟางแล้วยื่นมือออกไปข้างหน้าหญิงสาว
“ค่ะ เช่นกัน” ฟางยิ้มตอบพร้อมยื่นมือออกไปจับมือป็อปปี้แล้วชักกลับอย่างรวดเร็ว
“คุณแม่ครับ คุณน้าครับ เดี๋ยวผมขอตัวไปทานข้าวก่อนนะครับ ตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยเจ้าโทโมะเล่นไปตามถึงคอนโดตั้งแต่เช้าเชียว” ป็อปปี้พูดพลางเอามือลูบท้องเป็นเชิงว่าหิวจริงๆ
“ตามสบายเลยลูก เอ๊ะ หนูฟางก็ยังไม่ได้กินอะไรมานี่ ไปกินกะพี่ป็อปเค้าไปลูก” แม่ของโทโมะหันไปบอกฟาง
“ฟางว่า เดี๋ยวฟางไปเองดีกว่าค่ะ ฟางเกรงใจ” ฟางยิ้มแห้งๆให้ แหมคนมันเกิดมายังไม่เคยไปนั่งกินข้าวกับผู้ชายสองต่อสองนี่หว่า.. แถมเพิ่งจะรู้จักกันอีก
“มาเถอะ ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า” ป็อปปี้ดึงมือฟางให้ลุกขึ้น ฟางที่ยังไม่ทันตั้งตัวก็เซจะล้มลง
“เหวอออออ” ฟางร้องออกมา แล้วชนป็อปปี้ล้มลงไปนั่งที่พื้น
“โอ๊ย เจ็บนะเนี่ย” ป็อปปี้ที่นั่งลงไปกองที่พื้นร้องออกมา
“ขอโทษ ก็ใครบอกให้ดึงกันเล่า” ฟางทำหน้าสำนึกผิดเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือออกไปให้ป็อปปี้
“อ่ะ ลุกสิ” ป็อปปี้มองมือฟางที่ยื่นมาแล้วจึงจับมือฟางแล้วลุกขึ้น
“ไปกินข้าวกันได้ยังอ่ะ ทีนี้” ป็อปปี้ถาม
“ไปก็ได้” ฟางตอบแล้วเดินนำป็อปปี้ออกไป
“นี่ เดี๋ยวๆ รอด้วยสิ” ป็อปปี้มองฟางที่เดินออกไปอย่างรวดเร็วก็วิ่งตามไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ