Fic Naruto พันธสัญญาสีดำ ความเศร้า ความรัก ภาค1
9.3
เขียนโดย นิกซ์
วันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 07.27 น.
71 ตอน
68 วิจารณ์
93.29K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2564 21.50 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
66) บทที่ 59 เหยี่ยว กับ ปีศาจร้าย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ทีมเหยี่ยวเดินทางมาถึงแคว้นอิคุ ซาสึเกะได้ใช้เนตรวงแหวนฉายภาพของเป้าหมายให้สมาชิกได้เห็น
โทบิสั่งการ”ถ้าจะให้ดี อย่าได้ทำการต่อสู้ยกเว้น เค้าจะหนี แต่อย่าทำร้ายเค้าจนถึงตาย”
“เข้าใจแล้ว”
ทั้งหมดแยกย้ายไป
…
ซาสึเกะพยายามสอดสายตามองหาเป้าหมาย แต่คนจำนวนมาก เพราะวันนี้มีงานเทศกาลชมจันทร์ของแคว้น
ชายหนุ่มคิดอย่างเศร้าๆ…ถ้าเธอยังอยู่ เราคงจะได้ไปเดทกันแบบคนรักทำกันสินะ…
ทางด้านคารินที่หาซื้อโอโคโนมิยากิของโปรดกินแก้หิวเพราะตั้งแต่เดินทางมาเธอยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเธอเลย ขณะที่กำลังนั่งกินที่ม้านั่งที่ไร้ผู้คนก็เผอิญไปเห็นร่างสูงของใครบางคนกำลังกัดกิน แอปเปิ้ลเคลือบน้ำตาลสีแดงสด อยู่ไม่ไกล
“อร่อยจัง”
ตาสีแดงเบิกกว้าง เมื่อเห็นเจ้าของเสียง เพราะนั่นคือเป้าหมายที่กำลังตามหา แต่ไม่รู้ว่าทำไมกัน เธอถึงกลัวเด็กหนุ่มคนนั้นขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
เด็กหนุ่มผมดำตรงมานั่งข้างๆสาวผมแดง พร้อมแกะห่อแอ๊ปเปิ้ลเคลือบน้ำตาลสีแดงสด “เค้าว่ากันว่า แอ๊ปเปิ้ลคือ ผลไม้แห่งชีวิตที่พระเจ้าประทานมาให้”เด็กหนุ่มกัดกินไปหนึ่งคำ”ยิ่งเคลือบน้ำตาลแบบนี้ ยิ่งอร่อย…คิดว่าไงครับ พี่สาว”
คารินมองหน้าของเด็กหนุ่มชัดๆ เค้าช่างเป็นเด็กหนุ่มที่งดงาม ดูอ่อนเยาว์ แต่ตาสีมรกตนั่นส่อประกายประหลาด
หญิงสาวยิ้มแห้งๆในใจเกิดกลัวคนข้างตัว อยากจะลุกหนี
คนข้างตัวกัดกินแอ๊ปเปิ้ลเคลือบน้ำตาลอย่างไม่สนใจ
“หมดซะแล้ว”
คารินรวบรวมความกล้าชวนสนทนา”คุณชื่ออะไร”
“ฮารุ ครับ แล้วคุณล่ะ”
หญิงสาวพยายามไม่ให้เกรง“คาริน คุณมาเที่ยวเหรอคะ”
“ไม่ใช่ครับ มาหาวัตถุดิบ”
“วัตถุดิบ?”
“กับของที่หายไปด้วย”
“เอ๋ คุณทำงานอะไรเหรอคะ?”
“เป็นหมอครับ…”
“เหรอคะ”
“ใช่ครับเพียงแต่…”คมมีดผ่าตัดที่ยาวมาจ่อลำคอของสาวผมแดงโดยที่เจ้าหล่อนไม่ทันตั้งตัว
สภาพในตอนนี้เหมือน เด็กหนุ่มคล่อมหญิงสาว เค้าค่อยๆเอาคมมีดชิดลำคอระหงส์ยิ่งขึ้น ตาสีมรกตฉายแวววิปริต เค้าแสยะยิ้ม “อย่าขัดขืนเชียว มีดนี่ มันคมมากนะครับ มันเฉือนเนื้อได้เหมือนเฉือนเนยเลย แถม ยังอาบยากรด ที่จะละลายเนื้อที่มันได้สัมผัสให้กลายเป็นเศษเนื้อได้เลยนะ”ร่างสูงโปร่งโน้มตัวเข้ากระซิบ”แล้วอย่าหาว่าไม่เตือน”เค้าค่อยๆเคลื่อนตัวออกห่างเล็กน้อยแล้วโน้มเลียที่มุมปากของร่างที่สั่นเทา ก่อนจะทำหน้าเบ้และเบือนหน้าถ่มถุย”รสชาตทุเรศ แต่”รอยยิ้มแสยะฉีกกว้าง ”…น่าสนใจ”
สิ่งที่สาวผมแดงคิดได้…โรคจิต ไอ้หมอนี่มัน โรคจิตสุดๆไปเลยนี่…
“ว่าคนอื่นในใจมันไม่ดีนะครับ”
คารินหน้าซีด เหงื่อผุดเต็มหน้า“ดะ..ได้ยินเหรอ”
“ตาสีทับทิมสวยๆมันบอกผมหมดแหละครับ ไม่เคยได้ยินเหรอ ว่าดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ กลัวมากงั้นสิ”
เงาสีดำคลอบคลุมทั้งคู่
ตู้ม!
จูโกะที่พุ่งเข้ามาโจมตีด้วยร่างอักขระคำสาป เค้าคว้าตัวสามผมแดงให้หลบมาข้างหลังตนพร้อมๆกับโจมตีร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่มเป็นเป้าหมาย
ชายผมส้มร่างยักษ์ต้องชะงักเมื่อเห็นเด็กหนุ่มที่เป็นเป้าหมาย เค้าเกิดกลัวใบหน้างามที่กำลังแสยะยิ้มมองเค้ากับคาริน
อักขระที่กลืนกินนั้นค่อยๆหดหาย ร่างสูงใหญ่สั่นเทา นี่เค้ากำลังกลัวเจ้าเด็กนี่เหรอ?
เด็กหนุ่มแสยะยิ้มหวาน ทำตายี พูดยียวนในขณะที่มือกำลังควงมีดผ่าตัดเล่น”เค้ากันว่า สัตว์มันจะรู้ทันทีว่า ใครแกร่งกว่า ดูท่าจะจริงนะ”สีหน้าอันยียวนแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม”พวกแกสินะ ที่เอาของๆชั้นไป”
จูโกะ”นายคือ เจ้าของโลงผลึกแก้ว…”
“ใช่…ใช่ ชั้นต้องยอมรับนะว่า ฝ่าอาคมทหารศิลามาได้”
จูโกะแข็งใจพูดประณีประนอมกับอีกฝ่ายอย่างสุภาพ”เราต้องการเจรจากับคุณ”
คิ้วเรียวบนหน้าของเด็กหนุ่มเลิกขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มยังคงประดับบนหน้า“หืม…ชั้นควรเจรจากับพวกแกเหรอ?”เด็กหนุ่มหัวเราะร่าราวกับคนเสียสติ”พวกแกมีค่าอะไรวะ สูงส่งมาจากไหนกัน ทำไมชั้นต้องเสียเวลามาเจรจา…โดยเฉพาะคนที่ชอบเอาดาบมาจ่อหลังแบบนี้”
‘ฉัวะ!’
คมดาบคุซานางิถูกปัดออกโดยมีดผ่าตัดอันเล็ก
ซาสึเกะกัดฟันกรอด…แรงดีจริง… เค้าถอยออกมาตั้งรับ”ชั้นต้องการความช่วยเหลือจากนาย”
“หือ…”ตาสีมรกตมองอีกฝ่ายพลางยิ้มพรายเมื่อเห็นเนตรวงแหวน”อุจิวะ…คุณช่างน่าสนใจ โดยเฉพาะเนตรวงแหวนนั่น ลายแปลกดีจัง”
“นายชื่ออะไร”
เด็กหนุ่มเก็บมีดผ่าตัด“ฮารุ ทายาทคนสุดท้ายของตระกูลผู้พิทักษ์สมบัติราชวงศ์”ชายหนุ่มโค้งตัวทำความเคารพ”ยินดีที่ได้พบ คุณอุจิวะ ซาสึเกะ”
“นายรู้จักชั้น?”
“แน่นอน ชื่อคุณดังกระฉ่อนขนาดนั้น คนที่ซ่อนตัวเงาอย่างผมต้องรู้และได้ยินเป็นธรรมดา แต่ไม่นึกว่า…จะนิสัยเสียถึงขนาด…ขโมยของๆผมมาได้ล่ะเนี่ย”
“ของๆนาย หมายถึงโลงผลึกแก้วน่ะเหรอ?”
“ใช่ครับ คุณนี่ก็เก่งนะ ที่ผ่านด่านทหารศิลากับกรงศิลาได้น่ะ”
ซาสึเกะทำหน้าฉงน กรงศิลาน่ะเค้าไม่ได้ทำอะไรนะ
แต่เด็กหนุ่มตบหน้าผากตัวเองเบาๆ”แย่จริง พวกแกนี่โชคดีชะมัด ชั้นดันลืมทำทหารศิลาอีกชั้นหนึ่ง”
ทีมเหยี่ยวทำหน้าเสียวเพราะถ้าต้องเจอทหารศิลาอีกชุด แบนเป็นกล้วยปิ้งแน่
“ร้ายกาจ”โทบิที่ออกมาจากมุมมืดชมเป๊าะ”อาคมแบบนั้น ทำให้เนตรของชั้นย้ายมิติไม่ได้”
เด็กหนุ่มยิ้มร่าและหันไปประจันหน้าชายสวมหน้ากาก”ก็แน่อยู่แล้ว…นั่นน่ะคือคาถาของราชวงศ์”
“เธอแอบเรียนมา?”
“แล้วแต่จะคิด เพราะมันไม่ใชเรื่องของพวกคุณ ว่าแต่พวกคุณมีธุระอะไรกับผมล่ะ”
โทบิชี้ไปที่ซาสึเกะ”เค้าคือคนที่มีธุระกับเธอ”
เด็กหนุ่มหันไปหาแล้วฉีกยิ้มหวาน”ว่ามาเลย แต่ไม่ฟรีหรอกนะ มันต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”
“ชั้นอยากให้นายชุบชีวิตคนรักของชั้น”
เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างเชื่องช้า”เธอตายมาแล้วกี่วันละครับ”
“เกือบอาทิตย์”
คุณหมอหนุ่มดุ“เกือบอาทิตย์นี่กี่วัน ขอชัดๆ”
“ห้าวัน”
“ร่างถูกเก็บไว้ในโลงผลึกแก้วสินะ ดีล่ะ ผมต้องไปดูอาการคนไข้ อย่างด่วนที่สุด หากพ้น7วัน จะชุบชีวิตไม่ได้”
ซาสึเกะออกคำสั่ง”ออกเดินทาง”
…
“หลงกลจนได้…”
“ใช่เลย เหมี๊ยว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้านายล่ะนะ ที่จะนำสิ่งนั้นกลับมาน่ะ”
ฮารุชิกับทามะที่เฝ้ามองการเคลื่อนไหวของทีมเหยี่ยวแล้วก็ฮารุ จากมิติลับ ชายหนุ่มยิ้ม”พ่อเชื่อว่า ลูกจะต้องทำมันสำเร็จ”
…
โทบิลอบมองเกด็กหนุ่มนามฮารุ ดูบอบบางและอ่อนเยาว์มาก อ่านไม่ออก และมีรังสีบางอย่างที่ทำให้กลัวได้ ขนาดจูโกะที่มีอัขระคำสาป จะกลัวและเชื่อฟังแต่ซาสึเกะนั้น ยังกลัวจนอักขระหยุดไปเอง
แต่จะชักชวนให้เข้าพวกด้วย ท่าจะดีเพราะจะเสริมกำลังทัพได้
โทบิจึงเอ่ยถาม”ทำไม ต้องชุบชีวิตภายใน7วันล่ะ”
คนโดนถามยิ้ม”ไม่ขอตอบ ไม่อยากให้ความลับรั่วไหล”
“ขอโทษที”
การเดินทางใช้เวลานานพอสมควร มาถึงที่ฐานก็ยามสายของอีกวัน
ซุยเงสึมองผู้มาใหม่แล้วก็อดขนลุกซู่ไม่ได้…ไอ้ซาสึเกะ มันไปพาตัวอันตรายมาจากนรกขุมไหนวะเนี่ย…
“หิวจังเลย…”ฮารุบ่นออกมา
โทบิจึงกระซิบกับซาสึเกะ”เอาใจเจ้านี่ไว้ เราต้องชวนมันมาร่วมงานให้ได้”
ซาสึเกะพยักหน้าก่อนจะสั่งสองสาว“คาริน ซายะไปซื้อข้าวมา”
“เอ่อ อะ อื้ม”
ซายะไม่อาจขัดอะไรได้เพราะกลัวปีศาจอย่างไม่รู้สาเหตุ
“ขอข้าวปั้นสัก สามสิบก้อนนะ นี่เงิน เดาได้เลยว่าพวกคุณไม่ค่อยมี”เด็กหนุ่มส่งเงินปึกหนาให้”ขอเนื้อย่างเสียบไม้อีกยี่สิบไม้ หมึกย่างสามสิบไม้ อ้อ ขอชาอู่หลงขวดใหญ่สองขวดนะ”
ทำเอาคนที่เหลือมองอย่างเด็กหนุ่ม ด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ เพราะตัวบางๆแบบนี้เอาไปยัดไว้ส่วนไหน กินยั่งกะปอบก็ไม่ปาน
ทำเอาซาสึเกะนึกถึงคนรักของเค้า เจ้าหล่อนกินจุมาก แต่กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน ตาก็สีเดียวกันเลย…เด็กหนุ่มส่ายหัวไล่ความคิดพิเรนทร์ๆออกไป
สาวผมแดงรีบไปซื้อ
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป สองสาวต่างผิวสีกลับมาที่ฐานพร้อมกับอาหารที่สั่งไว้ ทำให้พวกเธอเหมือนบ้าหอบฟาง
ฮารุนำของกินเปิดออกและจัดการกินคนเดียวไม่เผื่อแผ่ใคร
ไม่นาน ของกินจำนวนมากก็หมดลง เด็กหนุ่มดื่มชาอู่หลงขวดสุดท้ายจนหมด “เอาล่ะ เธอคนนั้นอยู่ที่ไหนล่ะครับ”
“ตามมา”
เมื่อมาถึงห้องที่เก็บโรงผลึกแก้วที่มีร่างของสาวผมชมพูอยู่ข้างใน
คุณหมอปีศาจจัดการเปิดโรงออก ไอเย็นลอยออกมา เค้าค่อยๆยกแขนบางขึ้นมาจับ
“อาการพอเยียวยาได้”
ซาสึเกะเริ่มมีความหวัง”นายรักษาได้”
“ครับ แต่พลังชีวิตเธอแทบไม่เหลือแล้ว เราต้องหาพลังชีวิตให้เธอ ผมจะใช้ยาทิพย์พยุงอาการเอาไว้ก่อน เพราะเราต้องการวัตถุดิบที่เหมาะสม”ว่าจบเด็กหนุ่มก็เปิดกระเป๋าใบเล็กสีดำที่เหน็บเอวออกแล้วหยิบหลอดแก้วที่บรรจุยาสีอำพันมาจากนั้นก็นำเข็มฉีดยามาแล้วบรรจุยาลงเข็มก่อนจะฉีดยาเข้าเส้นเลือดให้กับร่างที่ไร้ลมหายใจ
ไม่นาน หน้าที่ขาวซีดเป็นกระดาษก็กลับมามีสีเลือด แต่ก็ไม่ขยับหรือหายใจ เด็หนุ่มบรรจงวางแขนของคนที่ไร้ลมหายใจให้คืนที่แล้วปิดฝาโรงให้โรงผลึกแก้วทำงานอีกครั้ง”เราต้องใช้ห้องใหญ่กว่านี้”
อุจิวะหนุ่มสงสัย“หมายความว่ายังไง”
“สงสัยใช่มั้ยว่าทำไมพ้น7วัน จะไม่สามารถชุบชีวิตได้น่ะ”
โทบิพยักหน้า”ใช่”
“เพราะว่า เซลล์ในร่างกายมนุษย์จะตายหมด ไม่สามารถฟื้นได้ ผมต้องใช้ห้องใหญ่ๆที่มีพลังจักระมาก เพราะต้องใช้ในการลำเลียงพลังชีวิต”
โทบิคิดหนัก…ถ้าห้องแบบนั้นก็ต้องเป็นฐานลับใหญ่ ของแสงอุสาน่ะสิ ช่วยไม่ได้ เราต้องตามน้ำไปก่อน…”ได้ จากที่นี่ก็ต้องเดินทาง1อาทิตย์ เธอสามารถพยุงอาการเด็กคนนั้นได้ไหม”
“ได้ครับ ยาทิพย์สามารถพยุงอาการเธอได้สัก ห้าชั่วโมง แต่วางใจ ผมมียาทิพย์เหลือเฝือ แต่ถ้า…”เด็กหนุ่มหยิบหลอดแก้วที่บรรจุยาสีดำออกมา”พวกแกคิดไม่ซื่อกับชั้น เธอตายแน่”
ซาสึเกะถาม”ยาอะไร”
“ยาทำลายเซลล์ คนหรือศพที่ได้รับยาทิพย์แล้ว โดนยาชนิดนี้แม้แต่หยดเดียว ไม่มีทางฟื้นขึ้นมาตลอดกาล หรือคนที่ไม่ได้รับยาทิพย์ หากโดนยาตัวนี้ไป ก็จะ ทรมานจนตาย ไม่เชื่อ พ่อจะสาธิตให้ดูนะ”ว่าจบเด็กหนุ่มก็ใช้มีดกรีดแขนตัวเอง ให้เลือดไหลลงพื้น จากนั้นก็เปิดหลอดแก้วหยดยาสีดำออกไปหยดหนึ่ง เลือดบนพื้นมีควันที่ส่งกลิ่นเหม็นและฉุนจมูกลอยมาเพียงไม่นาน เลือดนั้นก็สลายไปเหลือแต่คราบบนพื้น
คาริน ซุยเงสึ ซายะและจูโกะหน้าซีด
โทบิ…ร้ายกาจ…
ซาสึเกะกำหมัดแน่น…เจ้านี่ระวังตัวแจเชียว เอาซากุระเป็นประกันและไม่วายมาขู่อีก…
เด็กหนุ่มจัดการเก็บยาทำลายเซลล์ให้เข้าที่ก่อนจะใช้คาถาแพทย์รักษาแผล
ซาสึเกะถามอีกครั้ง“นายรักษาได้ใช่ไหม”
“แน่นอนครับ ตอนนี้เราต้องเคลื่อนย้ายเธอไปที่ห้องที่ผมต้องการ และจากนั้น…เราจะหาวัตถุดิบสำหรับการชุบชีวิตเธอและอีกอย่างคุณควรจะทำใจในเรื่องบางเรื่องนะครับ”
“อะไร”
“ความทรงจำของเธออาจจะหายไป เพราะหัวใจหยุดทำงานไปหลายวัน ความทรงจำอาจจะสูญหาย”
“ไม่เป็นไร”
“หือ ไม่เสียดายเหรอครับ”
“ขอแค่เธอฟื้นขึ้นมา ความทรงจำหายไปชั้นไม่สน แต่ว่า…มันจะมีโอกาสกลับมาใช่ไหม ความทรงจำน่ะ”
“แน่นอนครับ แต่อาจจะนานหน่อย”
โทบิถาม”วัตถุดิบที่ต้องการคืออะไร”
“ไม่ขอบอกนะครับ เพราะว่า”เด็กหนุ่มฉีกยิ้มกว้าง ตาสีมรกตสาดประกายเหี้ยม”บอกตอนนี้ก็ไม่สนุกน่ะสิ”
กลับมาแล้วนะ เข้ามาเม้น มาโหวต ให้คะแนนเค้าเยอะๆนะ เค้าจะได้มีกำลังใจมาอัพบ่อยๆนะ ไม่เม้น ไรท์งอลนะจ๊ะ
โทบิสั่งการ”ถ้าจะให้ดี อย่าได้ทำการต่อสู้ยกเว้น เค้าจะหนี แต่อย่าทำร้ายเค้าจนถึงตาย”
“เข้าใจแล้ว”
ทั้งหมดแยกย้ายไป
…
ซาสึเกะพยายามสอดสายตามองหาเป้าหมาย แต่คนจำนวนมาก เพราะวันนี้มีงานเทศกาลชมจันทร์ของแคว้น
ชายหนุ่มคิดอย่างเศร้าๆ…ถ้าเธอยังอยู่ เราคงจะได้ไปเดทกันแบบคนรักทำกันสินะ…
ทางด้านคารินที่หาซื้อโอโคโนมิยากิของโปรดกินแก้หิวเพราะตั้งแต่เดินทางมาเธอยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเธอเลย ขณะที่กำลังนั่งกินที่ม้านั่งที่ไร้ผู้คนก็เผอิญไปเห็นร่างสูงของใครบางคนกำลังกัดกิน แอปเปิ้ลเคลือบน้ำตาลสีแดงสด อยู่ไม่ไกล
“อร่อยจัง”
ตาสีแดงเบิกกว้าง เมื่อเห็นเจ้าของเสียง เพราะนั่นคือเป้าหมายที่กำลังตามหา แต่ไม่รู้ว่าทำไมกัน เธอถึงกลัวเด็กหนุ่มคนนั้นขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
เด็กหนุ่มผมดำตรงมานั่งข้างๆสาวผมแดง พร้อมแกะห่อแอ๊ปเปิ้ลเคลือบน้ำตาลสีแดงสด “เค้าว่ากันว่า แอ๊ปเปิ้ลคือ ผลไม้แห่งชีวิตที่พระเจ้าประทานมาให้”เด็กหนุ่มกัดกินไปหนึ่งคำ”ยิ่งเคลือบน้ำตาลแบบนี้ ยิ่งอร่อย…คิดว่าไงครับ พี่สาว”
คารินมองหน้าของเด็กหนุ่มชัดๆ เค้าช่างเป็นเด็กหนุ่มที่งดงาม ดูอ่อนเยาว์ แต่ตาสีมรกตนั่นส่อประกายประหลาด
หญิงสาวยิ้มแห้งๆในใจเกิดกลัวคนข้างตัว อยากจะลุกหนี
คนข้างตัวกัดกินแอ๊ปเปิ้ลเคลือบน้ำตาลอย่างไม่สนใจ
“หมดซะแล้ว”
คารินรวบรวมความกล้าชวนสนทนา”คุณชื่ออะไร”
“ฮารุ ครับ แล้วคุณล่ะ”
หญิงสาวพยายามไม่ให้เกรง“คาริน คุณมาเที่ยวเหรอคะ”
“ไม่ใช่ครับ มาหาวัตถุดิบ”
“วัตถุดิบ?”
“กับของที่หายไปด้วย”
“เอ๋ คุณทำงานอะไรเหรอคะ?”
“เป็นหมอครับ…”
“เหรอคะ”
“ใช่ครับเพียงแต่…”คมมีดผ่าตัดที่ยาวมาจ่อลำคอของสาวผมแดงโดยที่เจ้าหล่อนไม่ทันตั้งตัว
สภาพในตอนนี้เหมือน เด็กหนุ่มคล่อมหญิงสาว เค้าค่อยๆเอาคมมีดชิดลำคอระหงส์ยิ่งขึ้น ตาสีมรกตฉายแวววิปริต เค้าแสยะยิ้ม “อย่าขัดขืนเชียว มีดนี่ มันคมมากนะครับ มันเฉือนเนื้อได้เหมือนเฉือนเนยเลย แถม ยังอาบยากรด ที่จะละลายเนื้อที่มันได้สัมผัสให้กลายเป็นเศษเนื้อได้เลยนะ”ร่างสูงโปร่งโน้มตัวเข้ากระซิบ”แล้วอย่าหาว่าไม่เตือน”เค้าค่อยๆเคลื่อนตัวออกห่างเล็กน้อยแล้วโน้มเลียที่มุมปากของร่างที่สั่นเทา ก่อนจะทำหน้าเบ้และเบือนหน้าถ่มถุย”รสชาตทุเรศ แต่”รอยยิ้มแสยะฉีกกว้าง ”…น่าสนใจ”
สิ่งที่สาวผมแดงคิดได้…โรคจิต ไอ้หมอนี่มัน โรคจิตสุดๆไปเลยนี่…
“ว่าคนอื่นในใจมันไม่ดีนะครับ”
คารินหน้าซีด เหงื่อผุดเต็มหน้า“ดะ..ได้ยินเหรอ”
“ตาสีทับทิมสวยๆมันบอกผมหมดแหละครับ ไม่เคยได้ยินเหรอ ว่าดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ กลัวมากงั้นสิ”
เงาสีดำคลอบคลุมทั้งคู่
ตู้ม!
จูโกะที่พุ่งเข้ามาโจมตีด้วยร่างอักขระคำสาป เค้าคว้าตัวสามผมแดงให้หลบมาข้างหลังตนพร้อมๆกับโจมตีร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่มเป็นเป้าหมาย
ชายผมส้มร่างยักษ์ต้องชะงักเมื่อเห็นเด็กหนุ่มที่เป็นเป้าหมาย เค้าเกิดกลัวใบหน้างามที่กำลังแสยะยิ้มมองเค้ากับคาริน
อักขระที่กลืนกินนั้นค่อยๆหดหาย ร่างสูงใหญ่สั่นเทา นี่เค้ากำลังกลัวเจ้าเด็กนี่เหรอ?
เด็กหนุ่มแสยะยิ้มหวาน ทำตายี พูดยียวนในขณะที่มือกำลังควงมีดผ่าตัดเล่น”เค้ากันว่า สัตว์มันจะรู้ทันทีว่า ใครแกร่งกว่า ดูท่าจะจริงนะ”สีหน้าอันยียวนแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม”พวกแกสินะ ที่เอาของๆชั้นไป”
จูโกะ”นายคือ เจ้าของโลงผลึกแก้ว…”
“ใช่…ใช่ ชั้นต้องยอมรับนะว่า ฝ่าอาคมทหารศิลามาได้”
จูโกะแข็งใจพูดประณีประนอมกับอีกฝ่ายอย่างสุภาพ”เราต้องการเจรจากับคุณ”
คิ้วเรียวบนหน้าของเด็กหนุ่มเลิกขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มยังคงประดับบนหน้า“หืม…ชั้นควรเจรจากับพวกแกเหรอ?”เด็กหนุ่มหัวเราะร่าราวกับคนเสียสติ”พวกแกมีค่าอะไรวะ สูงส่งมาจากไหนกัน ทำไมชั้นต้องเสียเวลามาเจรจา…โดยเฉพาะคนที่ชอบเอาดาบมาจ่อหลังแบบนี้”
‘ฉัวะ!’
คมดาบคุซานางิถูกปัดออกโดยมีดผ่าตัดอันเล็ก
ซาสึเกะกัดฟันกรอด…แรงดีจริง… เค้าถอยออกมาตั้งรับ”ชั้นต้องการความช่วยเหลือจากนาย”
“หือ…”ตาสีมรกตมองอีกฝ่ายพลางยิ้มพรายเมื่อเห็นเนตรวงแหวน”อุจิวะ…คุณช่างน่าสนใจ โดยเฉพาะเนตรวงแหวนนั่น ลายแปลกดีจัง”
“นายชื่ออะไร”
เด็กหนุ่มเก็บมีดผ่าตัด“ฮารุ ทายาทคนสุดท้ายของตระกูลผู้พิทักษ์สมบัติราชวงศ์”ชายหนุ่มโค้งตัวทำความเคารพ”ยินดีที่ได้พบ คุณอุจิวะ ซาสึเกะ”
“นายรู้จักชั้น?”
“แน่นอน ชื่อคุณดังกระฉ่อนขนาดนั้น คนที่ซ่อนตัวเงาอย่างผมต้องรู้และได้ยินเป็นธรรมดา แต่ไม่นึกว่า…จะนิสัยเสียถึงขนาด…ขโมยของๆผมมาได้ล่ะเนี่ย”
“ของๆนาย หมายถึงโลงผลึกแก้วน่ะเหรอ?”
“ใช่ครับ คุณนี่ก็เก่งนะ ที่ผ่านด่านทหารศิลากับกรงศิลาได้น่ะ”
ซาสึเกะทำหน้าฉงน กรงศิลาน่ะเค้าไม่ได้ทำอะไรนะ
แต่เด็กหนุ่มตบหน้าผากตัวเองเบาๆ”แย่จริง พวกแกนี่โชคดีชะมัด ชั้นดันลืมทำทหารศิลาอีกชั้นหนึ่ง”
ทีมเหยี่ยวทำหน้าเสียวเพราะถ้าต้องเจอทหารศิลาอีกชุด แบนเป็นกล้วยปิ้งแน่
“ร้ายกาจ”โทบิที่ออกมาจากมุมมืดชมเป๊าะ”อาคมแบบนั้น ทำให้เนตรของชั้นย้ายมิติไม่ได้”
เด็กหนุ่มยิ้มร่าและหันไปประจันหน้าชายสวมหน้ากาก”ก็แน่อยู่แล้ว…นั่นน่ะคือคาถาของราชวงศ์”
“เธอแอบเรียนมา?”
“แล้วแต่จะคิด เพราะมันไม่ใชเรื่องของพวกคุณ ว่าแต่พวกคุณมีธุระอะไรกับผมล่ะ”
โทบิชี้ไปที่ซาสึเกะ”เค้าคือคนที่มีธุระกับเธอ”
เด็กหนุ่มหันไปหาแล้วฉีกยิ้มหวาน”ว่ามาเลย แต่ไม่ฟรีหรอกนะ มันต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”
“ชั้นอยากให้นายชุบชีวิตคนรักของชั้น”
เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างเชื่องช้า”เธอตายมาแล้วกี่วันละครับ”
“เกือบอาทิตย์”
คุณหมอหนุ่มดุ“เกือบอาทิตย์นี่กี่วัน ขอชัดๆ”
“ห้าวัน”
“ร่างถูกเก็บไว้ในโลงผลึกแก้วสินะ ดีล่ะ ผมต้องไปดูอาการคนไข้ อย่างด่วนที่สุด หากพ้น7วัน จะชุบชีวิตไม่ได้”
ซาสึเกะออกคำสั่ง”ออกเดินทาง”
…
“หลงกลจนได้…”
“ใช่เลย เหมี๊ยว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้านายล่ะนะ ที่จะนำสิ่งนั้นกลับมาน่ะ”
ฮารุชิกับทามะที่เฝ้ามองการเคลื่อนไหวของทีมเหยี่ยวแล้วก็ฮารุ จากมิติลับ ชายหนุ่มยิ้ม”พ่อเชื่อว่า ลูกจะต้องทำมันสำเร็จ”
…
โทบิลอบมองเกด็กหนุ่มนามฮารุ ดูบอบบางและอ่อนเยาว์มาก อ่านไม่ออก และมีรังสีบางอย่างที่ทำให้กลัวได้ ขนาดจูโกะที่มีอัขระคำสาป จะกลัวและเชื่อฟังแต่ซาสึเกะนั้น ยังกลัวจนอักขระหยุดไปเอง
แต่จะชักชวนให้เข้าพวกด้วย ท่าจะดีเพราะจะเสริมกำลังทัพได้
โทบิจึงเอ่ยถาม”ทำไม ต้องชุบชีวิตภายใน7วันล่ะ”
คนโดนถามยิ้ม”ไม่ขอตอบ ไม่อยากให้ความลับรั่วไหล”
“ขอโทษที”
การเดินทางใช้เวลานานพอสมควร มาถึงที่ฐานก็ยามสายของอีกวัน
ซุยเงสึมองผู้มาใหม่แล้วก็อดขนลุกซู่ไม่ได้…ไอ้ซาสึเกะ มันไปพาตัวอันตรายมาจากนรกขุมไหนวะเนี่ย…
“หิวจังเลย…”ฮารุบ่นออกมา
โทบิจึงกระซิบกับซาสึเกะ”เอาใจเจ้านี่ไว้ เราต้องชวนมันมาร่วมงานให้ได้”
ซาสึเกะพยักหน้าก่อนจะสั่งสองสาว“คาริน ซายะไปซื้อข้าวมา”
“เอ่อ อะ อื้ม”
ซายะไม่อาจขัดอะไรได้เพราะกลัวปีศาจอย่างไม่รู้สาเหตุ
“ขอข้าวปั้นสัก สามสิบก้อนนะ นี่เงิน เดาได้เลยว่าพวกคุณไม่ค่อยมี”เด็กหนุ่มส่งเงินปึกหนาให้”ขอเนื้อย่างเสียบไม้อีกยี่สิบไม้ หมึกย่างสามสิบไม้ อ้อ ขอชาอู่หลงขวดใหญ่สองขวดนะ”
ทำเอาคนที่เหลือมองอย่างเด็กหนุ่ม ด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ เพราะตัวบางๆแบบนี้เอาไปยัดไว้ส่วนไหน กินยั่งกะปอบก็ไม่ปาน
ทำเอาซาสึเกะนึกถึงคนรักของเค้า เจ้าหล่อนกินจุมาก แต่กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน ตาก็สีเดียวกันเลย…เด็กหนุ่มส่ายหัวไล่ความคิดพิเรนทร์ๆออกไป
สาวผมแดงรีบไปซื้อ
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป สองสาวต่างผิวสีกลับมาที่ฐานพร้อมกับอาหารที่สั่งไว้ ทำให้พวกเธอเหมือนบ้าหอบฟาง
ฮารุนำของกินเปิดออกและจัดการกินคนเดียวไม่เผื่อแผ่ใคร
ไม่นาน ของกินจำนวนมากก็หมดลง เด็กหนุ่มดื่มชาอู่หลงขวดสุดท้ายจนหมด “เอาล่ะ เธอคนนั้นอยู่ที่ไหนล่ะครับ”
“ตามมา”
เมื่อมาถึงห้องที่เก็บโรงผลึกแก้วที่มีร่างของสาวผมชมพูอยู่ข้างใน
คุณหมอปีศาจจัดการเปิดโรงออก ไอเย็นลอยออกมา เค้าค่อยๆยกแขนบางขึ้นมาจับ
“อาการพอเยียวยาได้”
ซาสึเกะเริ่มมีความหวัง”นายรักษาได้”
“ครับ แต่พลังชีวิตเธอแทบไม่เหลือแล้ว เราต้องหาพลังชีวิตให้เธอ ผมจะใช้ยาทิพย์พยุงอาการเอาไว้ก่อน เพราะเราต้องการวัตถุดิบที่เหมาะสม”ว่าจบเด็กหนุ่มก็เปิดกระเป๋าใบเล็กสีดำที่เหน็บเอวออกแล้วหยิบหลอดแก้วที่บรรจุยาสีอำพันมาจากนั้นก็นำเข็มฉีดยามาแล้วบรรจุยาลงเข็มก่อนจะฉีดยาเข้าเส้นเลือดให้กับร่างที่ไร้ลมหายใจ
ไม่นาน หน้าที่ขาวซีดเป็นกระดาษก็กลับมามีสีเลือด แต่ก็ไม่ขยับหรือหายใจ เด็หนุ่มบรรจงวางแขนของคนที่ไร้ลมหายใจให้คืนที่แล้วปิดฝาโรงให้โรงผลึกแก้วทำงานอีกครั้ง”เราต้องใช้ห้องใหญ่กว่านี้”
อุจิวะหนุ่มสงสัย“หมายความว่ายังไง”
“สงสัยใช่มั้ยว่าทำไมพ้น7วัน จะไม่สามารถชุบชีวิตได้น่ะ”
โทบิพยักหน้า”ใช่”
“เพราะว่า เซลล์ในร่างกายมนุษย์จะตายหมด ไม่สามารถฟื้นได้ ผมต้องใช้ห้องใหญ่ๆที่มีพลังจักระมาก เพราะต้องใช้ในการลำเลียงพลังชีวิต”
โทบิคิดหนัก…ถ้าห้องแบบนั้นก็ต้องเป็นฐานลับใหญ่ ของแสงอุสาน่ะสิ ช่วยไม่ได้ เราต้องตามน้ำไปก่อน…”ได้ จากที่นี่ก็ต้องเดินทาง1อาทิตย์ เธอสามารถพยุงอาการเด็กคนนั้นได้ไหม”
“ได้ครับ ยาทิพย์สามารถพยุงอาการเธอได้สัก ห้าชั่วโมง แต่วางใจ ผมมียาทิพย์เหลือเฝือ แต่ถ้า…”เด็กหนุ่มหยิบหลอดแก้วที่บรรจุยาสีดำออกมา”พวกแกคิดไม่ซื่อกับชั้น เธอตายแน่”
ซาสึเกะถาม”ยาอะไร”
“ยาทำลายเซลล์ คนหรือศพที่ได้รับยาทิพย์แล้ว โดนยาชนิดนี้แม้แต่หยดเดียว ไม่มีทางฟื้นขึ้นมาตลอดกาล หรือคนที่ไม่ได้รับยาทิพย์ หากโดนยาตัวนี้ไป ก็จะ ทรมานจนตาย ไม่เชื่อ พ่อจะสาธิตให้ดูนะ”ว่าจบเด็กหนุ่มก็ใช้มีดกรีดแขนตัวเอง ให้เลือดไหลลงพื้น จากนั้นก็เปิดหลอดแก้วหยดยาสีดำออกไปหยดหนึ่ง เลือดบนพื้นมีควันที่ส่งกลิ่นเหม็นและฉุนจมูกลอยมาเพียงไม่นาน เลือดนั้นก็สลายไปเหลือแต่คราบบนพื้น
คาริน ซุยเงสึ ซายะและจูโกะหน้าซีด
โทบิ…ร้ายกาจ…
ซาสึเกะกำหมัดแน่น…เจ้านี่ระวังตัวแจเชียว เอาซากุระเป็นประกันและไม่วายมาขู่อีก…
เด็กหนุ่มจัดการเก็บยาทำลายเซลล์ให้เข้าที่ก่อนจะใช้คาถาแพทย์รักษาแผล
ซาสึเกะถามอีกครั้ง“นายรักษาได้ใช่ไหม”
“แน่นอนครับ ตอนนี้เราต้องเคลื่อนย้ายเธอไปที่ห้องที่ผมต้องการ และจากนั้น…เราจะหาวัตถุดิบสำหรับการชุบชีวิตเธอและอีกอย่างคุณควรจะทำใจในเรื่องบางเรื่องนะครับ”
“อะไร”
“ความทรงจำของเธออาจจะหายไป เพราะหัวใจหยุดทำงานไปหลายวัน ความทรงจำอาจจะสูญหาย”
“ไม่เป็นไร”
“หือ ไม่เสียดายเหรอครับ”
“ขอแค่เธอฟื้นขึ้นมา ความทรงจำหายไปชั้นไม่สน แต่ว่า…มันจะมีโอกาสกลับมาใช่ไหม ความทรงจำน่ะ”
“แน่นอนครับ แต่อาจจะนานหน่อย”
โทบิถาม”วัตถุดิบที่ต้องการคืออะไร”
“ไม่ขอบอกนะครับ เพราะว่า”เด็กหนุ่มฉีกยิ้มกว้าง ตาสีมรกตสาดประกายเหี้ยม”บอกตอนนี้ก็ไม่สนุกน่ะสิ”
กลับมาแล้วนะ เข้ามาเม้น มาโหวต ให้คะแนนเค้าเยอะๆนะ เค้าจะได้มีกำลังใจมาอัพบ่อยๆนะ ไม่เม้น ไรท์งอลนะจ๊ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ