Fic Naruto พันธสัญญาสีดำ ความเศร้า ความรัก ภาค1
9.3
เขียนโดย นิกซ์
วันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 07.27 น.
71 ตอน
68 วิจารณ์
93.28K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2564 21.50 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
55) บทที่ 50 พิสูจน์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความระหว่างทางที่กลับไปที่ฐานลับนั้น โชคดีที่ฮารุชิได้ใช้คาถากำแพงศิลา บังบ่อน้ำสะท้อนอดีตเอาไว้ เพราะไม่อย่างนั้น ความลับของตระกูลฮารุโนะ อาจจะแตกได้ เจ้าแมวผีมองทีมเหยี่ยวและเจ้านายอีกคนของมันที่กำลังเดินทางจากบ่อน้ำสะท้อนอดีตไปไกล ด้วยความโล่งใจดีนะที่มันมาเตือนนายของมันทันไม่งั้นล่ะก็แย่แน่เลย
“เจ้าชายสวมหน้ากากนั่นกลิ่นมันคุ้นจัง…”
ทางด้านซากุระที่ตอนนี้ต้องคอยประคองซาสึเกะกลับไปรักษาตัวที่ฐานลับทางเหนือก่อนที่จะไปฐานลับหลักของแสงอุสา เพราะตอนนี้ทีมเหยี่ยวต้องการพักฟื้นร่างกาย โทบิลอบมองเด็กสาวผมชมพูที่คอยประคองร่างของอุจิวะหนุ่มอย่างห่วงใย บางที เค้าก็นึกอิจฉา คนทั้งสอง ที่อย่างน้อยก็ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ แต่เค้านี่สิ ไม่มีโอกาสแบบนี้
“คุณบาดเจ็บรึเปล่าคะ?”เสียงหวานเอ่ยถาม เรียกสติของนินจาสวมหน้ากาก แต่น้ำเสียงของเด็กสาวนั้น ช่างเหมือนกับเธอคนนั้นเหลือเกิน…
“ชั้นไม่ได้บาดเจ็บอะไร ทำไมรึ?”
“ก็ชั้นเห็นว่าคุณมองชั้นหลายรอบแล้วน่ะสิ ถ้าบาดเจ็บก็บอก จะรักษาให้”
“ขอบใจที่เป็นห่วงนะ ห่วงซาสึเกะจะดีกว่า”
ซาสึเกะชักสีหน้าใส่คนรัก ก่อนจะกระซิบ พลางโอบเอวร่างบาง”สนใจชั้นก็พอ”
“ค่ะ เป็ดขี้หึง”
คนที่ถูกเรียกว่าเป็ดหน้าหงิกก่อนจะนึกบางอย่างออกก่อนจะหอมแก้มคนรักอย่างหมั่นเขี้ยว
“บ้า ทำอะไรน่ะ ใช่เวลามั้ย”
“หมายความว่าถ้าเป็นเวลาอื่น จะยอมใช่ม้า”
ซากุระแปรเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มหวาน”ซาสึเกะคุง”มือบางที่ประคองอกนั้นก็
‘กึก’
ซาสึเกะกัดฟันทนความเจ็บที่แฟนสาวหยิกที่อก
ร่างบางเอ่ยเสียงหวาน”เป็นเด็กดีนะคะ ที่รัก ”
“เจ็บเป็นนะ”
“จะทำอะไรก็อายคนอื่นบ้างสิ”
“ไม่สน”
“หึ”เด็กสาวสะบัดหน้า
ซาสึเกะเข้าโอบเอวร่างบางให้กระชับยิ่งขึ้น ส่วนซากุระเองก็ซบอกของคนรักด้วยสีหน้าที่เปี่ยมสุข
คารินที่ตามหลังมารู้สึกไม่เข้าใจตัวเองเลย ความอิจฉาที่มีมันหายไปไหน หรือเพราะว่าผู้หญิงคนนั้นช่วยเธอไว้ตอนที่ปะทะกับทหารศิลากันนะ ผู้หญิงคนนั้นเป็นนินจาแพทย์เรื่องหลบหลีกย่อมเป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว แต่กลับเลือกที่จะช่วยเธอแทนที่จะหนี ปล่อยให้เธอโดนเหยียบให้ร่างแหลกไปซะ หรือเป็นเพราะ รอยยิ้มของซาสึเกะ ชายที่เธอหลงรักกันนะ รอยยิ้มที่ผุดบนใบหน้า มันเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยน อบอุ่นและมีความสุข ความสุขที่ได้อยู่กับคนที่ตัวเองรัก ที่ไม่ใช่เธอ เธอไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองเลยจริงๆ
ซุยเงสึมองไปที่สาวผมแดงที่ตอนนี้ดูจ๋อยลงอย่างเห็นได้ชัด …เป็นอะไรไป… แต่จะสร้างความครึกครื้นหน่อยก็ใช่ที เพราะเพิ่งผ่านนาทีความเป็นนาทีตายมา
หลังจากที่เดินทางกลับมาที่ฐานลับทางเหนือแล้ว ซาสึเกะก็ให้ซากุระเข้าไปพักผ่อนที่ห้องก่อน สร้างความแปลกใจให้กับซากุระเป็นอย่างมาก
“ซาสึเกะคุงก็พักผ่อนด้วยสิ เดินทางมาเหนื่อยๆนะ”
“เธอนอนก่อนเถอะ ชั้นอยากจะสูดอากาศซักหน่อย”
“ก็ได้จ้ะ”
ซาสึเกะอุ้มคนรักไว้ในอ้อมแขนก่อนจะวางลงบนเตียงอย่างนุ่มนวลแล้วจัดการห่มผ้าให้ แล้วจูบหน้าผากสวย”ฝันดีนะ”
“ค่ะ”
เมื่อแน่ใจว่าซากุระหลับแล้ว อุจิวะหนุ่มค่อยๆออกไปจากห้อง แต่เค้าก็ให้ซายะเฝ้าอยู่หน้าห้อง
“เฝ้าไว้ให้ดีนะ”
“ค่ะ ท่านซาสึเกะ”
ทางด้านซากุระ เธอไม่ได้หลับ แต่เธอแกล้งหลับ ตอนนี้เธอกำลังฟังเสียงฝีเท้าของคนรักที่กำลังเดินจากไป และที่หน้าห้องก็มียามเฝ้าอีก
‘ประชุมสินะ แต่ตอนนี้จะแอบฟังก็ทำไม่ได้เลยแฮะ’
‘เมี๊ยว ปล่อยเป็นหน้าที่ชั้นเถอะ’
‘ทามะ แกอยู่แถวนี้ แกไม่ได้กลับไปกับพวกคุณพ่อเหรอ’
‘ใช่แล้ว เมี๊ยว พ่อเธอให้ชั้นมาเป็นเบ๊เธอน่ะสิ’
‘ก็ดี แกดักฟังพวกซาสึเกะคุงซะ ได้เรื่องยังไงค่อยมารายงานชั้น’
‘รับทราบ’
เด็กสาวรู้สึกสบายใจ อย่างน้อยเธอก็มีเจ้าทามะที่ทำหน้าที่แทนหูตาของเธอล่ะนะ การที่จะเอาชนะศัตรูได้นั้น มีวิธีเดียว…คือต้องนำหน้าศัตรูหนึ่งก้าว
“เด็กคนนั้นหลับแล้วใช่มั้ย”
“ใช่”ซาสึเกะตอบรับก่อนจะมานั่งที่เก้าอี้ตรงหัวโต๊ะ ด้านหลังมีซุยเงสึและจูโกะยืนอยู่ ข้างๆนินจาน้ำก็คือคาริน
“ขอพูดกับเธอตรงๆเลยนะ เธอควรจะใช้เนตรวงแหวนเค้นเจ้าเด็กนั่นน่าจะดีนะ”
อุจิวะหนุ่มขมวดคิ้วแต่ไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไรออกมา
“เฮ้ๆ แบบนั้นไม่รุนแรงเกินไปหน่อยรึ?”ซุยเงสึเอ่ยถามด้วยสีหน้ากังวล
โทบิไม่สนใจในคำพูดของซุยเงสึนัก แต่ได้เอ่ยบางอย่างออกมา”ถ้าเธอไม่ทำ ชั้นจะจัดการเอง”
“คิดว่าทำแล้วจะได้ผลรึ?”จูโกะเอ่ยขึ้นมาบ้าง
“ทำไมเธอคิดว่า มันจะไม่ประสบผลล่ะ”
“เด็กคนนั้นน่ะ ไม่เหมือนกับชั้นที่ต้องการใช้เนตรวงแหวนเพื่อยับยั้งแรงกระตุ้น เธอเป็นแค่นินจาธรรมดา ถ้าเกิดแกใช้เนตรวงแหวนกับเจ้าหล่อนมากเกินไป ก็อาจจะทำให้เธอช็อคตายได้น่ะสิ แล้วถ้าข่าวการตายของเด็กคนนั้น ล่วงรู้ไปถึงโคโนฮะล่ะก็ พวกโคโนฮะก็จะบุกมาล้างแค้นพวกเราแน่ พวกเราที่เสียเปรียบในเรื่องกำลังพล ก็อาจจะพลาดท่าก็ได้”
คำพูดจากคนที่ไม่ค่อยพูดอย่างจูโกะนั้น ทำให้โทบิสะอึกในใจ เพราะเนตรวงแหวนมีพลังรุนแรงมาก หากใช้มากเกินไปจะส่งผลให้คนที่โดน เสียสติ หรือช็อคและหนักสุดคือกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา
“จะทำอะไรก็ทำ แต่อย่าให้มันมากนัก ชั้นเรียกให้มาประชุมในครั้งนี้ ก็เพราะเจ้านี่”อุจิวะหนุ่มยื่นแผนที่ ที่ตนไปเจอที่ถ้ำในน้ำตกนิลกาฬมา
โทบิรับแผนที่นั้นมาคลี่ดู มันคือแผนที่ห้าแคว้นน่ะสิ เป็นแผนที่เก่าที่สามารถบอกเส้นทางลัดไปยังสถานที่ต่างๆ แต่ในปัจจุบันได้หายสาบสูญไปหลังช่วงสงครามนินจา ทางไดเมียวห้าแคว้นจึงได้จัดทำแผนที่ใหม่ขึ้นมา ซึ่งก็เป็นแผนที่ฉบับปัจจุบันนิยมใช้กัน
ซาสึเกะเอ่ยถามอีกฝ่าย“เป็นไปได้ไหมว่า จะมีตระกูลอื่นที่…มีความเกี่ยวข้องเรื่องยาทิพย์น่ะ”
“ไอ้มีมันก็มีอยู่หรอก แต่ โดนเค้นจนตายหมดโคตรไปแล้วน่ะสิ จะเหลือก็เหลือแค่ตระกูลฮารุโนะนี่แหละที่ยังมีทายาทอยู่น่ะนะ”
“รู้ดีเชียวนะ พรุ่งนี้คุณจะใช้เนตรวงแหวนกับซากุระก็ได้ แต่อย่าให้เกินเหตุก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้น”ดวงตาสีดำของซาสึเกะก็แปรเปลี่ยนเป็นนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผานิรันดร์ “อย่าหาว่าผมไม่เตือน”
“ทำไมไม่ทำเองล่ะ”
“คุณอาจจะไม่เชื่อผมน่ะสิ ถ้าคุณลงมือเอง น่าจะดีกว่า พอใจมั้ย?”
“ก็ดี”
ทามะที่แอบฟังก็ลอบกลืนน้ำลายอย่างลำบาก …ซวยแล้วนายเรา!...
เจ้าแมวผีนึกหวั่นใจแทนนายของมันเหลือเกิน แต่จะทำยังไงดีล่ะ …แมวจะบ้าตาย เอาเถอะๆหวังว่าไอ้วิชาสกัดใจคงจะได้ผลนะ…เจ้าแมวอ้วนรีบกลับไปบริเวณห้องของนายมันทันที
พอฟังเจ้าแมวผีรายงาน ซากุระก็ไม่ได้ว่าอะไร กลับให้เจ้าทามะไปสำรวจพื้นที่โดยรอบแทน ในตอนนี้เธอรู้สึกว่า คนรักของเธอกลับมาที่ห้อง แล้วกำลังกอดเธออยู่ ถึงจะรู้สึกอึดอัดก็เถอะแต่มันก็อุ่นดี ถึงยังไงซาสึเกะคงจะไม่ปล่อยให้เธอตายหรอกนะ
วันต่อมา
ซากุระตื่นเช้าตามความเคยชินก็พบว่าคนรักของเธอนั่งพิงกำแพงที่ปลายเตียง
“อรุณสวัสดิ์”
ร่างสูงไม่เอื้อนเอ่ยอะไร สีหน้าดูหม่นหมองพิกล
“มีอะไรเหรอ”ร่างบางเอือมมือไปสัมผัสแก้มของคนรัก ซาสึเกะรวบตัวเธอไปก่อนกอดแน่น
“อย่าโกรธชั้นเลยนะ”
“เรื่องอะไร”
ซาสึเกะไม่ตอบอะไร
“ไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ”
ซากุระไม่ได้ว่าอะไร ก่อนจะหยิบชุดเข้าห้องน้ำไป
หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ซาสึเกะก็พาร่างบางไปยังห้องประชุมที่โทบิ รออยู่ก่อน
โทบิเอ่ยเสียงเย็น”นั่งลงซะ เด็กน้อย”
ซากุระทำตามอย่างว่าง่ายซึ่งผิดจากที่นินจาสวมหน้ากากคาดไว้เช่นเดียวกับซาสึเกะและทีมเหยี่ยวคนอื่น สำหรับซากุระ เธอมั่นใจว่าคาถาสกัดใจที่เรียนมา น่าจะกันได้พอสมควร เพราะรู้มาว่า หากใช้เนตรวงแหวนมากเกินไป คนที่โดนจะช็อคเสียชีวิตได้ เธอเชื่อว่า คนพวกนี้ไม่โง่ขนาดนั้นหรอก ยิ่งตอนนี้เธอมีซาสึเกะเป็นโล่ให้เธอด้วยแล้ว
โทบิ เข้าไปประจันหน้าเด็กสาว ก่อนจะใช้เนตรวงแหวน สบเข้ากับตาสีมรกต’อ่านจันทรา’
ซากุระต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก ภาพลวงตาที่เธอกำลังเห็นมันน่ากลัวเหลือเกิน
ห้านาทีผ่านไป…
โทบิรู้สึกผิดหวังมากที่เข้าไปดูในหัวของเด็กสาวแล้วไม่รู้อะไรเกี่ยวกับยาทิพย์เลย
ซากุระที่โดนคาถา อ่านจันทรา นั้นไม่ได้กรีดร้อง ใบหน้างามซีดเผือก หอบหายใจแรงๆ
“ซากุระ!”ซาสึเกะรีบเข้ามาประคอง ก็ตกใจเมื่อเห็นว่าร่างบางเริ่มเกร็งชัก
คารินเอ่ยอย่างร้อนรน”ใช้เนตรวงแหวนให้ยัยนั่นสลบเร็ว ซาสึเกะ!!”
ซาสึเกะรีบใช้เนตรวงแหวนใส่ร่างบาง ทำให้ซากุระสลบไป ก่อนจะถามชายสวมหน้ากากด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว“พอใจแล้วใช่มั้ย”
นินจาสวมหน้ากากเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวังมาก“อืม เด็กคนนี้ไม่รู้อะไรจริงๆ พาเค้าไปพักเถอะ”
ซาสึเกะอุ้มซากุระพาออกไปทันที
คารินถอนใจอย่างโล่งอก โทบิใช้วิชาข้ามมิติหายออกไป ภายในห้องจึงเหลือแต่ คาริน ซายะ ซุยเงสึ และจูโกะ
“ใจดีจังนะ”
ซายะเอ่ยขึ้นมา ก่อนจะมองไปที่คาริน “ความจริงเธอน่าจะปล่อยให้ยัยนั่นช็อคตายไปซะ ไม่น่าช่วยเลยนะ หึหึ”
คารินไม่ได้โต้ตอบ นินจาผิวสีแทนก็ออกจากห้องโดยมีจูโกะตามไปติดๆ
“พูดอะไรน่ะซายะ”
“ก็แค่หมั่นไส้น่ะ จูโกะ”
นินจาผมส้มร่างยักษ์ รีบคว้าแขนสาวผิวแทน ด้วยความที่ไม่ระวังทำให้ร่างเล็กเซไปซบในอ้อมแขนของจูโกะเข้าอย่างจัง
“เอ่อ”
“ขอโทษนะ”จูโกะปล่อยให้ซายะเป็นอิสระ
นินจาสาวสามารถยืนได้แล้วจึงเอ่ยถาม”มีอะไรรึเปล่า”
“ก็…แค่อยากจะเตือนเธอว่า อย่าไปพูดแบบเมื่อกี้ให้ซาสึเกะได้ยินล่ะ เค้าฆ่าเธอแน่”
“ขอบใจที่เตือนนะ ไปล่ะ”
โทบิเดินออกมาจากฐาน เมื่อมองกลับไปที่ฐานก็ถอนใจ …พอเห็นเด็กคนนั้น หลังจากที่โดนอ่านจันทรา สภาพของเด็กสาวช่างน่าสงสาร ไม่ต่างจากตอนที่รินโดนคาถาลวงตา “ทำไมนะ”…ทำไมมองเธอแล้วต้องนึกถึงรินด้วยนะ เด็กน้อย ทำไมชั้นต้องรู้สึกผิดด้วย…
ซากุระรู้สึกตัวว่า ตัวเองอยู่ในทุ่งร้าง ในชุดกระโปรงสีขาว เด็กสาวตะโกนไปอย่างเหลืออด
“จะเอายังไงกันแน่! เอาแต่บอกว่า สัญญาๆ สัญญาอยู่นั่นแหละ พูดมาเลยว่าต้องการอะไร”
เสียงแหบห้าวเอ่ยขึ้น”ปากกล้าจริงนะ เด็กน้อย”
ฉับพลันก็ปรากฏร่างของชายชราสวมชุดสีดำ และหมวกปีกกว้างสีเดียวกัน
“ยินดีที่ได้พบนะ คุณหนู จำกันได้รึเปล่า”
เด็กสาวเบิกตากว้าง เธอจำได้แล้ว ชายคนนี้คือคนที่เธอเคยเจอเมื่อสิบปีก่อน เป็นตอนที่เธอจะไปที่สุสานของตระกูลกับป้า
“จำได้แล้วสินะ แต่ที่ชั้นมาที่นี่ ชั้นจะยังไม่บอกเรื่องสัญญานั่นหรอกนะ แค่มาเตือนความจำของเธอก็เท่านั้น”
“สัญญานั่นสำคัญมากนักเหรอคะ?”
“แน่นอน เด็กน้อย อีกไม่นานเราต้องได้เจอกันอีก เมื่อถึงเวลานั้น นาฬิกาชีวิตของเธอคงจะเหลือน้อยเต็มทีล่ะนะ”
จบประโยคของชายชราชุดดำก็เกิดพายุรอบตัวของเค้า
“เดี๋ยวสิ เดี๋ยวก่อน!!”
‘เฮือก!’
“ซากุระ เป็นยังไงบ้าง”
เด็กสาวไม่ตอบอะไร ปล่อยให้เด็กหนุ่มประคองให้นั่งพิงหัวเตียง
“ยังกลัวอยู่เหรอ ตัวสั่นเชียว”
…เราตัวสั่นเหรอ…
ร่างบางลองหยิกตัวเองดู
‘เจ็บ!’
“อย่าทำร้ายตัวเองเลยนะ”ร่างสูงเข้าห้าม โดยจับมือข้างที่หยิกแขนตัวเอง
ผลัวะ!/โครม!
ร่างของซาสึเกะกระเด็นไปที่กำแพงห้องเพราะแรงตบ “ไม่ใช่ให้มาทำร้ายชั้นแบบนี้!”
“หนวกหู ไอ้เป็ดขี้เรื้อน เดี๋ยวปั๊ดเอานัตโตะฟาดซะเลยนิ”
คำว่า นัตโตะทำเอาซาสึเกะสะดุ้ง และเห็นว่าซากุระนั้นเข้าโหมดSซะแล้ว ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา เมื่อครั้งอยู่ทีม7ด้วยกัน ถ้าซากุระโกรธสุดขีด ก็ไม่ไว้หน้าใคร แม้แต่ตัวเค้าเองก็ยังเคยโดน อิทธิฤทธิ์ของเพื่อนร่วมทีมหญิงที่ตอนนี้เปลี่ยนสถานะเป็นคนรัก เล่นงานโดยเอาถ้วยนัตโตะยัดใส่หน้ามาแล้ว สาเหตุเพราะไปทะเลาะกับนารุโตะจนกระทั่งทำอันมิทสึของโปรดของเธอหกน่ะสิ
อุจิวะหนุ่มถามเสียงสั่น“ยะ…อยากได้อะไรรึเปล่า”
“อยากรู้ว่า ตอนนี้ ชั้นอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงใช่มั้ย?”
ซาสึเกะเข้ามากอดร่างบางแนบอก”ไม่เป็นไรแล้ว เธอปลอดภัย ชั้นจะปกป้องเธอเองนะ”
ทามะมองเจ้านายของมันที่ตอนนี้กำลังกอดแฟนแน่น …อารมณ์เปลี่ยนเร็วจริงจริ๊ง…
“แน่นเกินไปแล้วนะซากุระ”
“ไม่สน เค้ากลัว ขอกอดให้หายกลัวหน่อย”
“ชั้นหายใจไม่ค่อย”
กึก
แน่นไปแล้วแม่คุณทูนหัว รู้หรอกว่ากลัว แต่ไม่จำเป็นต้องแน่นขนาดนี้ก็ได้
สักพัก ร่างบางก็คลายอ้อมแขน
ซาสึเกะยิ้มให้”อีกเดี๋ยวเราจะเดินทางต่อ ไปไหวมั้ย”
ร่างบางพยักหน้าแทนคำตอบ”อีกซักเดี๋ยวก็แล้วกันนะ ตอนนี้เธอพักก่อนเถอะ”
“อื้ม”
“ชั้นไปบอกพวกที่เหลือก่อนนะ”
“จ้ะ”
พอมาถึง ก็พบว่า โทบิยืนรออยู่ก่อนแล้ว”ไง เด็กคนนั้นเป็นยังไงบ้าง”
“ระบายอารมณ์ใส่ชั้นแล้ว ยังมีหน้ามาถามอีกนะ”
“ชั้นเองก็รู้สึกผิดหวังพอสมควรนะ แต่ก็ยังอยากจะขอโทษเด็กคนนั้นอยู่ดี”
“เข้าไปสิ”
“แปลกใจจัง ไม่หึงหวงเลยนะ”
“เผอิญ อยากให้เค้าสบายใจ ไปสิ ซากุระคงจะยังไม่หลับ”
โทบิเข้าไปในห้องก็พบว่าเด็กสาวกำลังมองออกไปนอกหน้าต่าง
“หวัดดี เด็กน้อย”
ซากุระหันมาหาผู้มาใหม่”มีธุระอะไรอีกรึคะ?”
“แค่อยากจะขอโทษเธอน่ะ ไม่ได้ตั้งใจให้เธอกลัวนะ” เค้าสังเกตว่าดวงตาสีมรกตดูสั่นไหว ราวกับว่ากำลังกลัว
เด็กสาวตั้งสติให้นิ่ง เลิกคิ้ว มองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อหู “คุณถามชั้นมาเยอะแล้ว ขอถามกลับได้ไหม?”
“ถ้าตอบได้ก็จะตอบ”
เด็กสาวขมวดคิ้ว“คุณคือใครกันแน่ ถึงได้รู้เรื่องพ่อของชั้นดีเหลือเกิน”
“อุจิวะ มาดาระ”
เด็กสาวเบิกกว้าง มองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา”พูดเป็นเล่น คุณน่าจะลงหลุมไปแล้วนะ ถ้าอยู่จนถึงตอนนี้ อายุก็…”
“ชั้นมีวิธีของชั้นน่า…จะว่าไป ถึงตัวเธอเหมือนพ่อเธอแทบทุกอย่าง ยกเว้นสีผม แววตา”
“คุณว่าแววตาชั้นเหมือนใครล่ะ”
ชายสวมหน้ากากสะอึกเมื่อรู้ว่าเผลอพูดอะไรออกไป
“ไม่รู้สิ แต่ชั้นว่าเธอน่าจะรู้นะ แต่ชั้นแปลกใจ…”
“หือ?”
“ชั้นแปลกใจมากที่เธอสามารถทนฤทธิ์อ่านจันทราได้ ถ้าเป็นคนอื่นก็อาจจะ…ลุกไม่ขึ้นนะ ต้องพักฟื้นอย่างเร็วก็หนึ่งอาทิตย์ แต่สำหรับเธอ ดูปกติเกินไป”
“ไม่รู้สิ ไอ้ปวดหัวก็ปวดนะ แต่…จะร้องเจ็บร้องโอยไป มันก็ไม่ช่วยให้หายเจ็บไปหรอก”
โทบิกลับรู้สึกเอ็นดูเด็กสาวคนนี้มากจนเผลอ ลูบหัวอย่างแผ่วเบา
ซากุระกลับรู้สึกว่าคนที่กำลังลูบหัวเธอนั้น ไม่น่าจะใช่คนโหดร้ายอะไร แต่เธอกลับรู้สึกว่า เค้ากำลังโหยหาบางอย่าง
“คิดถึงใครอยู่เหรอคะ?”
คนที่ลูบหัวชะงักเล็กน้อย ก่อนจะถอยห่าง”เตรียมตัวเดินทางต่อเถอะนะ เด็กน้อย”ว่าจบก็หายตัวไป
เด็กสาวหันไปมองนอกหน้าที่ตอนนี้ถูกปกคลุมด้วยหิมะจนขาวโพลน
‘ทามะ อยู่แถวนี้ใช่มั้ย’
‘เมี๊ยว มีอะไรรึจ๊ะ’
‘มีข้อความถึงคุณพ่อน่ะ ช่วยด้วยนะ ไปให้เร็วที่สุดและกลับมาให้เร็วที่สุด แต่แกต้องมาพร้อมคำตอบนะ!เค้าสนิทกับคนที่มาจากตระกูลอุจิวะบ้างไหม’
‘ทำไมจู่ๆถึงอยากจะ…’
‘พอดีชั้นอยากจะลองฉีกน้ากากใครบางคนดูน่ะ’
‘รับทราบ’
“อ๊ะ ซาสึเกะคุง”ร่างของเด็กถูกกอดโดยคนรัก
“มันทำอะไรเธอรึเปล่า”
“ไม่จ้ะ เค้าแค่แปลกใจที่ชั้นฟื้นตัวเร็วน่ะนะ ความจริง..”
“ยังปวดหัวรึ”
“อืม”
“อย่าฝืนได้ไหม”
“ชั้นยังไหว ก็ไม่ได้กรีดเร้นจักระเลยนะ อาการยังทรงตัว แค่มึนๆปวดๆหัว อยู่น่ะ”
ซาสึเกะซบหน้าลงบนไหล่บาง เค้าคิดถูกรึเปล่าที่พาเธอมา
“ซาสึเกะคุง ชั้นดีใจนะ”
“หือ?”
“ดีใจที่เราได้อยู่เคียงข้างกันแบบนี้น่ะสิ”
เด็กหนุ่มกระซิบข้างหู“จูบได้มั้ย?”
ร่างบางหันหน้าไปกอดตอบ ก่อนจะกระซิบข้างหู”ทำไมไม่ตอนแต่งล่ะคะ ตอนนั้น คงจะหอมหวานน่าดู อ๊ะ!”ซากุระถูกคล่อมโดยซาสึเกะที่ในตอนนี้หน้าขึ้นสี
“ยั่วจังเลยนะ”
“จะปล้ำชั้นรึไง?”
สองหนุ่มสาวสบตากันอยู่ครู่ ซาสึเกะก็เป็นฝ่ายผละออก
“ทำไมไม่ทำล่ะ”
“ไม่อยากให้เธอเสียใจ”
ซากุระลุกขึ้น ตรงไปจูบแก้มของคนรักอย่างแผ่วเบา”ขอบคุณนะ”
“ชั้นต่างหาก ที่ต้องขอบคุณ ที่เธอ คอยเคียงข้างชั้นแบบนี้ สวมเสื้อคลุมเถอะ เราจะออกเดินทางแล้ว”
“ค่ะ”
“รอบนี้มีอะไรอีกล่ะ ทามะ?”ฮารุชิหันมาถามสัตว์เลี้ยงโปรดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ขณะที่กำลังเล่นหมากรุกกับซึบารุในมิติลับ
“ยัยหนูให้มาถามนาย เรื่องที่นายรู้จักใคร ที่อยู่ในตระกูลอุจิวะบ้างรึเปล่า”
ชายหนุ่มนึกสงสัยว่าเกิดอะไรกับลูกสาวเค้ากันแน่
“ก่อนหน้านั้นเกิดอะไรกับลูกชั้น”
“ลูกของนาย โดนคนที่สวมหน้ากากนั่นใช้เนตรวงแหวนเค้นความจริงน่ะสิ”
ฮารุชิขมวดคิ้ว”เท่าที่สืบมา อุจิวะ ตอนนี้ก็เหลือแต่เจ้าเด็กหัวเป็ดนี่นา มีคนอื่นอีกสินะ”
“เท่าที่ชั้นแอบฟังมา มันมาหายัยหนู มันบอกว่า มันคือ อุจิวะ มาดาระ น่ะสิ”
“เป็นไปไม่ได้ เค้าน่าจะตายไปแล้ว ที่ภูผาสิ้นสุด…คนตระกูลอุจิวะ ที่ชั้นรู้จักน่ะเหรอ…อืม…”
ซึบารุเอ่ยขึ้น”ก็เจ้าหนูแว่นส้มสุดอ่อนนั่นยังไงล่ะ ที่ชอบมาเล่นกับรินจังบ่อยๆยังไงล่ะ เจ้าเด็กนั่นยังเคยมาขอให้นายฝึกปาดาวกระจายอยู่เลยนี่นา ตอนนั้นชั้นก็อยู่ด้วย จำได้ว่า มาจากตระกูลอุจิวะด้วยนะ นายจำไม่ได้เหรอ”เค้าจำได้ เมื่อตอนนั้นทีริน น้องสาวบุญธรรมของฮารุชิ จูงมือเพื่อนชายที่ชอบสวมแว่นตากันน้ำสีส้ม มาขอให้ฮารุชิสอนปาดาวกระจายให้ เพราะเห็นว่า ฝีมือการปาดาวกระจายของฮารุชิ เองก็เก่งไม่แพ้ตระกูลอุจิวะ เค้าอยู่ด้วยเพียงเเต่ในตอนนั้นเค้าอยู่ในฐานะเพื่อนของฮารุชิ ทำให้คนในตระกูลฮารุโนะไม่ทันสังเกตว่าตัวเค้าน่ะ คือบรรพบุรุษของตระกูล
“แต่เค้าตายไปนานแล้วนะครับ แต่ศพ…หรือว่า หึ! เหลือเชื่อจริงๆ”เค้าลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไงกันนะ แย่จริง
“เมี๊ยวได้คำตอบแล้วใช่ป่ะ ฮารุชิ ยัยหนูจอมโหดโครตSลูกแกกำลังรออยู่นะ แม๊ว!!”เจ้าแมวผีร้องลั่นเมื่อโดนเจ้านายจอมโหดคนพ่อ จับหลังคออย่างแรงด้วยมือเดียว
“กล้าว่าลูกชั้นเหรอ! หึๆ ลูกชั้นออกจะน่ารักเป็นนางฟ้าตัวน้อยๆนะ”
ซึบารุส่ายหน้าอย่างเอือมๆ…ไม่ไหวๆพ่อเป็นยังไง ลูกมันก็เป็นยังงั้น นี่ถ้ามันยังมีชีวิตอยู่ ยัยหนูน้อยคงจะกลายเป็นยัยเด็กโหดตาใสแน่ๆ…
“พอเหอะน่า เดี๋ยวแมวแกก็สมองไหลหรอก” ซึบารุเอ่ยห้าม คู่หู่รุ่นหลาน ที่ตอนนี้ จับสัตว์เลี้ยงห้อยหัวเหวี่ยงเล่น
“อ่า ขอโทษที ชั้นลืมไปว่ายัยหนูต้องการคำตอบพอดี บอกเค้าไปว่า อย่าไประแวงคนๆนั้นเลย ทำหน้าที่ของตัวเองก็พอ เจ้านั่นไม่กล้าทำอะไรหรอก”ว่าจบ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนดวงหน้าคมคาย มือที่จับหางเจ้าแมวก็ปล่อย
เมื่อเจ้าแมวผีเป็นอิสระ ถอนใจอย่างโล่งอก…นึกว่าจะตายแล้ว…
“ได้แล้วทามะ”
“ขอรับๆเจ้านาย”
เมื่อลับร่างเจ้าแมวผี ฮารุชิก็เอ่ยขึ้น"ขอบคุณซึบารุซังมากนะครับ ที่ช่วยให้ผมนึกได้ ตอนนั้นโชคดีที่เจ้านั่นไม่ได้เคยเห็นคุณนะ เท่าที่ดูในความทรงจำของคุณ เจ้านั่นดูว่าจะไม่รู้จักคุณนะ" ตอนนั้นเค้าจำได้ว่าซึบารุที่กลายเป็นคนอยากเดินเล่นในโคโนฮะ เค้าเลยกรีดเลือดให้ โดยซึบารุได้ทำการปลอมตัวไม่ให้เป็นที่สะดุดตา และอยู่ในบ้านในฐานะเพื่อนของเค้าที่มาจากแคว้นอื่น ทำให้คนในตระกูลไม่รู้เรื่อง
"นายคิดอะไรอยู่วะ"
"ตอนนี้ยังไม่สามารถอธิบายได้นะครับ ยังไม่ถึงเวลา เรามาเล่นหมากรุกต่อเถอะครับ ซึบารุซัง"
ทางด้านทีมเหยี่ยวที่ตอนนี้กำลังมุ่งหน้าสู่ฐานลับของแสงอุสา โดยที่ซาสึเกะนั้นได้อุ้มซากุระไปแทน เพราะไม่ต้องการให้เธอออกกำลังซึ่งอาจทำให้เธอ อาการกำเริบได้
โทบิลอบมองเด็กสาวในอ้อมแขนของซาสึเกะเป็นระยะๆ ในตอนนี้เด็กสาวดูอ่อนเพลียใบหน้าซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด
ซาสึเกะมองไปข้างหน้าแต่ก็คิดว่า ทำไม อุจิวะ มาดาระ ถึงได้เอ็นดูซากุระนัก ใช่ เค้าพลางจักระแล้วแอบดูตอนที่โทบิไปหาคนรักของเค้าน่ะสิ ถึงได้เห็นตอนที่เจ้านั่นลูบหัวคนรักของเค้าอย่างเอ็นดู
“จะหลับก็ได้นะ ซากุระ”
“ไม่เป็นไร ไม่อยากหลับ”
“อย่าฝืน ชั้นอุ้มเธอไหว เธอตัวเล็กตัวเบาขนาดนี้ ชั้นสบายมาก”
ร่างบางนิ่งเงียบไม่เอ่ยอะไรต่อ แล้วซบอกร่างสูง สายตายังคงเหม่อมองออไปที่บรรยากาศข้างทาง
ทามะที่กลับมาก็รู้ว่า ไม่มีใครอยู่ที่ฐานลับแล้ว จึงดมกลิ่นตามไป โดยรักษาระยะห่างเอาไว้ “เปลี่ยนที่ไวจริงๆเลยนะ”
'ทามะ แกอยู่ไหน!'เสียงกระแสจิตของเจ้านายสุดโหดคนลูกดังขึ้น
'กำลังตามไปจ้า'
'คำตอบล่ะ ที่ชั้นให้แกไปถามพ่อน่ะ'
'เค้าบอกว่า อย่าไประเเวงน่ะ ฮารุชิบอกว่า เจ้านั่นไม่ฆ่าเธอหรอก ให้ทำหน้าที่ของเธอต่อเถอะ'
'ตามมาให้ทันล่ะ ถ้าเสร็จงานจะเลี้ยงซาชิมิชุดใหญ่'
เจ้าแมวผีน้ำลายส่อ'ขอทูน่าสิบกระป๋องและขาหมูเยอรมันด้วยนะ'
'จ้าๆ'
ซากุระถอนใจอย่างหน่ายๆในอ้อมแขนของคนรัก กับความตระกละของสัตว์เลี้ยงของพ่อ ที่มันชอบทำงานให้เเบบถวายชีวิตแบบนี้ก็เพราะพ่อของเธอช่วยชีวิตมันไว้ตอนที่เจ้าแมวนี่เกิดน่ะสิ มันเลยสาบานว่าจะภักดีต่อพ่อเธอตลอดไป และมันส่งผลให้เจ้าแมวผีภักดีต่อเธอด้วย ซึ่งเรื่องนี้ ทามะเล่าให้เธอฟังตอนที่เธอฝึกวิชาที่ถ้ำลับ
"คิดอะไรอยู่รึ?"ร่างสูงเอ่ยถาม
"เรื่อยเปื่อยน่ะ อย่าสนใจเลย"
ซุยเงสึที่ตามมานั้นเอ่ยถามเด็กสาวผมชมพู"ซากุระจัง ชั้นมีเรื่องสงสัยมานานแล้วนะ"
ซาสึเกะหันขวับ จ้องเขม็ง จนคนถามชะงัก
"อะไรเหรอ"
"ก็...ตอนที่พวกเราจะไปจับเธอ ทำไมเธอไม่ให้ดาบนั่นสู้แทนเธอล่ะ"
"เผอิญว่า มันมีปัญหานิดหน่อย"
"ปัญหาเหรอ?"นินจาน้ำเอียงคอ
"พละกำลังและจักระที่ซึบารุซังใช้สู้น่ะ เป็นพลังจักระของชั้นน่ะสิ"
"อ้าว ทำไม"
โทบิเป็นคนอธิบายเสียเอง"เป็น พันธะโลหิต สินะ"
ซาสึเกะทวนคำ"พันธะโลหิต มันคืออะไร"
"ก็คือ การที่จะทำให้ซึบารุซังกลายเป็นมนุษย์ได้ ก็ต้องหยดเลือดใช่มั้ย"
เด็กสาวผมชมพูพยักหน้า
"นั่นล่ะ มันเป็นดาบสองคม ที่จะทำร้ายผู้ใช้ได้ จริงอยู่ถึงคาถานินจาจะทำอะไรซึบารุซังไม่ได้ แต่ถ้าเค้าสู้ พละกำลังและจักระที่เสียไปน่ะ มันไม่ใช่ของเค้า เพราะเค้าคือคนตาย ของพวกนี้จึงไม่มี พละกำลังและจักระที่เสียไปก็ต้องเป็นของคนที่หยดเลือดไปน่ะสิ ความจริงชั้นไม่เคยเห็นฮารุโนะ ฮารุชิ สู้โดยใช้วิธีพันธะโลหิตหรอกนะ แต่ดาบนั่นก็เป็นดาบที่วิเศษจริงๆเสียดายนะที่มันหายไปน่ะนะ เพราะอาวุธนั่นเป็นอาวุธเพียงไม่กี่ชิ้นที่สามารถใช้พันธะโลหิตได้"
ซาสึเกะเอ่ยถาม"มีอาวุธอื่นที่ทำได้ด้วยรึ"
"มีสิ อย่าเคียวแห่งอิวะชู ที่ตอนนี้หายสาบสูญไป"
ซุยเงสึพยักหน้า "ลำบากแฮะ"
ซากุระนึกถึงตอนที่เธอได้พบกับซึบารุซัง ที่มีศักดิ์เป็นปู่ทวดครั้งแรก หลังจากที่ทีมเหยี่ยวล่าถอยไป ตอนนั้น ทำเอาเธอหมดเรี่ยวแรงไปมากกว่าครึ่งเลยน่ะสิ หลังจากนั้น พอป้าเธอรู้และเห็นเธอใช้พันธะโลหิตสู้กับพวกเหยี่ยวเข้า ก็สั่งห้ามไม่ให้หยดเลือดเพื่อให้ซึบารุกลายเป็นคนเพื่อสู้อีก เพราะตัวเธออาจจะแย่ได้
แต่ถ้าหยดเลือดเพื่อให้เป็นคนเฉยๆไม่ได้สู้ เธอก็ไม่เป็นอะไรมากนัก ในตอนนี้หน้าที่ของเธอคือ พยายามดึงคนรักของเธอให้ออกจากความมืด โน้มน้าวให้เค้าล้มเลิกความคิดที่จะเป็นกบฏต่อโคโนฮะให้ได้ ก่อนที่ นาฬิกาชีวิตของเธอจะหยุดลง
“เจ้าชายสวมหน้ากากนั่นกลิ่นมันคุ้นจัง…”
ทางด้านซากุระที่ตอนนี้ต้องคอยประคองซาสึเกะกลับไปรักษาตัวที่ฐานลับทางเหนือก่อนที่จะไปฐานลับหลักของแสงอุสา เพราะตอนนี้ทีมเหยี่ยวต้องการพักฟื้นร่างกาย โทบิลอบมองเด็กสาวผมชมพูที่คอยประคองร่างของอุจิวะหนุ่มอย่างห่วงใย บางที เค้าก็นึกอิจฉา คนทั้งสอง ที่อย่างน้อยก็ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ แต่เค้านี่สิ ไม่มีโอกาสแบบนี้
“คุณบาดเจ็บรึเปล่าคะ?”เสียงหวานเอ่ยถาม เรียกสติของนินจาสวมหน้ากาก แต่น้ำเสียงของเด็กสาวนั้น ช่างเหมือนกับเธอคนนั้นเหลือเกิน…
“ชั้นไม่ได้บาดเจ็บอะไร ทำไมรึ?”
“ก็ชั้นเห็นว่าคุณมองชั้นหลายรอบแล้วน่ะสิ ถ้าบาดเจ็บก็บอก จะรักษาให้”
“ขอบใจที่เป็นห่วงนะ ห่วงซาสึเกะจะดีกว่า”
ซาสึเกะชักสีหน้าใส่คนรัก ก่อนจะกระซิบ พลางโอบเอวร่างบาง”สนใจชั้นก็พอ”
“ค่ะ เป็ดขี้หึง”
คนที่ถูกเรียกว่าเป็ดหน้าหงิกก่อนจะนึกบางอย่างออกก่อนจะหอมแก้มคนรักอย่างหมั่นเขี้ยว
“บ้า ทำอะไรน่ะ ใช่เวลามั้ย”
“หมายความว่าถ้าเป็นเวลาอื่น จะยอมใช่ม้า”
ซากุระแปรเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มหวาน”ซาสึเกะคุง”มือบางที่ประคองอกนั้นก็
‘กึก’
ซาสึเกะกัดฟันทนความเจ็บที่แฟนสาวหยิกที่อก
ร่างบางเอ่ยเสียงหวาน”เป็นเด็กดีนะคะ ที่รัก ”
“เจ็บเป็นนะ”
“จะทำอะไรก็อายคนอื่นบ้างสิ”
“ไม่สน”
“หึ”เด็กสาวสะบัดหน้า
ซาสึเกะเข้าโอบเอวร่างบางให้กระชับยิ่งขึ้น ส่วนซากุระเองก็ซบอกของคนรักด้วยสีหน้าที่เปี่ยมสุข
คารินที่ตามหลังมารู้สึกไม่เข้าใจตัวเองเลย ความอิจฉาที่มีมันหายไปไหน หรือเพราะว่าผู้หญิงคนนั้นช่วยเธอไว้ตอนที่ปะทะกับทหารศิลากันนะ ผู้หญิงคนนั้นเป็นนินจาแพทย์เรื่องหลบหลีกย่อมเป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว แต่กลับเลือกที่จะช่วยเธอแทนที่จะหนี ปล่อยให้เธอโดนเหยียบให้ร่างแหลกไปซะ หรือเป็นเพราะ รอยยิ้มของซาสึเกะ ชายที่เธอหลงรักกันนะ รอยยิ้มที่ผุดบนใบหน้า มันเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยน อบอุ่นและมีความสุข ความสุขที่ได้อยู่กับคนที่ตัวเองรัก ที่ไม่ใช่เธอ เธอไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองเลยจริงๆ
ซุยเงสึมองไปที่สาวผมแดงที่ตอนนี้ดูจ๋อยลงอย่างเห็นได้ชัด …เป็นอะไรไป… แต่จะสร้างความครึกครื้นหน่อยก็ใช่ที เพราะเพิ่งผ่านนาทีความเป็นนาทีตายมา
หลังจากที่เดินทางกลับมาที่ฐานลับทางเหนือแล้ว ซาสึเกะก็ให้ซากุระเข้าไปพักผ่อนที่ห้องก่อน สร้างความแปลกใจให้กับซากุระเป็นอย่างมาก
“ซาสึเกะคุงก็พักผ่อนด้วยสิ เดินทางมาเหนื่อยๆนะ”
“เธอนอนก่อนเถอะ ชั้นอยากจะสูดอากาศซักหน่อย”
“ก็ได้จ้ะ”
ซาสึเกะอุ้มคนรักไว้ในอ้อมแขนก่อนจะวางลงบนเตียงอย่างนุ่มนวลแล้วจัดการห่มผ้าให้ แล้วจูบหน้าผากสวย”ฝันดีนะ”
“ค่ะ”
เมื่อแน่ใจว่าซากุระหลับแล้ว อุจิวะหนุ่มค่อยๆออกไปจากห้อง แต่เค้าก็ให้ซายะเฝ้าอยู่หน้าห้อง
“เฝ้าไว้ให้ดีนะ”
“ค่ะ ท่านซาสึเกะ”
ทางด้านซากุระ เธอไม่ได้หลับ แต่เธอแกล้งหลับ ตอนนี้เธอกำลังฟังเสียงฝีเท้าของคนรักที่กำลังเดินจากไป และที่หน้าห้องก็มียามเฝ้าอีก
‘ประชุมสินะ แต่ตอนนี้จะแอบฟังก็ทำไม่ได้เลยแฮะ’
‘เมี๊ยว ปล่อยเป็นหน้าที่ชั้นเถอะ’
‘ทามะ แกอยู่แถวนี้ แกไม่ได้กลับไปกับพวกคุณพ่อเหรอ’
‘ใช่แล้ว เมี๊ยว พ่อเธอให้ชั้นมาเป็นเบ๊เธอน่ะสิ’
‘ก็ดี แกดักฟังพวกซาสึเกะคุงซะ ได้เรื่องยังไงค่อยมารายงานชั้น’
‘รับทราบ’
เด็กสาวรู้สึกสบายใจ อย่างน้อยเธอก็มีเจ้าทามะที่ทำหน้าที่แทนหูตาของเธอล่ะนะ การที่จะเอาชนะศัตรูได้นั้น มีวิธีเดียว…คือต้องนำหน้าศัตรูหนึ่งก้าว
“เด็กคนนั้นหลับแล้วใช่มั้ย”
“ใช่”ซาสึเกะตอบรับก่อนจะมานั่งที่เก้าอี้ตรงหัวโต๊ะ ด้านหลังมีซุยเงสึและจูโกะยืนอยู่ ข้างๆนินจาน้ำก็คือคาริน
“ขอพูดกับเธอตรงๆเลยนะ เธอควรจะใช้เนตรวงแหวนเค้นเจ้าเด็กนั่นน่าจะดีนะ”
อุจิวะหนุ่มขมวดคิ้วแต่ไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไรออกมา
“เฮ้ๆ แบบนั้นไม่รุนแรงเกินไปหน่อยรึ?”ซุยเงสึเอ่ยถามด้วยสีหน้ากังวล
โทบิไม่สนใจในคำพูดของซุยเงสึนัก แต่ได้เอ่ยบางอย่างออกมา”ถ้าเธอไม่ทำ ชั้นจะจัดการเอง”
“คิดว่าทำแล้วจะได้ผลรึ?”จูโกะเอ่ยขึ้นมาบ้าง
“ทำไมเธอคิดว่า มันจะไม่ประสบผลล่ะ”
“เด็กคนนั้นน่ะ ไม่เหมือนกับชั้นที่ต้องการใช้เนตรวงแหวนเพื่อยับยั้งแรงกระตุ้น เธอเป็นแค่นินจาธรรมดา ถ้าเกิดแกใช้เนตรวงแหวนกับเจ้าหล่อนมากเกินไป ก็อาจจะทำให้เธอช็อคตายได้น่ะสิ แล้วถ้าข่าวการตายของเด็กคนนั้น ล่วงรู้ไปถึงโคโนฮะล่ะก็ พวกโคโนฮะก็จะบุกมาล้างแค้นพวกเราแน่ พวกเราที่เสียเปรียบในเรื่องกำลังพล ก็อาจจะพลาดท่าก็ได้”
คำพูดจากคนที่ไม่ค่อยพูดอย่างจูโกะนั้น ทำให้โทบิสะอึกในใจ เพราะเนตรวงแหวนมีพลังรุนแรงมาก หากใช้มากเกินไปจะส่งผลให้คนที่โดน เสียสติ หรือช็อคและหนักสุดคือกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา
“จะทำอะไรก็ทำ แต่อย่าให้มันมากนัก ชั้นเรียกให้มาประชุมในครั้งนี้ ก็เพราะเจ้านี่”อุจิวะหนุ่มยื่นแผนที่ ที่ตนไปเจอที่ถ้ำในน้ำตกนิลกาฬมา
โทบิรับแผนที่นั้นมาคลี่ดู มันคือแผนที่ห้าแคว้นน่ะสิ เป็นแผนที่เก่าที่สามารถบอกเส้นทางลัดไปยังสถานที่ต่างๆ แต่ในปัจจุบันได้หายสาบสูญไปหลังช่วงสงครามนินจา ทางไดเมียวห้าแคว้นจึงได้จัดทำแผนที่ใหม่ขึ้นมา ซึ่งก็เป็นแผนที่ฉบับปัจจุบันนิยมใช้กัน
ซาสึเกะเอ่ยถามอีกฝ่าย“เป็นไปได้ไหมว่า จะมีตระกูลอื่นที่…มีความเกี่ยวข้องเรื่องยาทิพย์น่ะ”
“ไอ้มีมันก็มีอยู่หรอก แต่ โดนเค้นจนตายหมดโคตรไปแล้วน่ะสิ จะเหลือก็เหลือแค่ตระกูลฮารุโนะนี่แหละที่ยังมีทายาทอยู่น่ะนะ”
“รู้ดีเชียวนะ พรุ่งนี้คุณจะใช้เนตรวงแหวนกับซากุระก็ได้ แต่อย่าให้เกินเหตุก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้น”ดวงตาสีดำของซาสึเกะก็แปรเปลี่ยนเป็นนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผานิรันดร์ “อย่าหาว่าผมไม่เตือน”
“ทำไมไม่ทำเองล่ะ”
“คุณอาจจะไม่เชื่อผมน่ะสิ ถ้าคุณลงมือเอง น่าจะดีกว่า พอใจมั้ย?”
“ก็ดี”
ทามะที่แอบฟังก็ลอบกลืนน้ำลายอย่างลำบาก …ซวยแล้วนายเรา!...
เจ้าแมวผีนึกหวั่นใจแทนนายของมันเหลือเกิน แต่จะทำยังไงดีล่ะ …แมวจะบ้าตาย เอาเถอะๆหวังว่าไอ้วิชาสกัดใจคงจะได้ผลนะ…เจ้าแมวอ้วนรีบกลับไปบริเวณห้องของนายมันทันที
พอฟังเจ้าแมวผีรายงาน ซากุระก็ไม่ได้ว่าอะไร กลับให้เจ้าทามะไปสำรวจพื้นที่โดยรอบแทน ในตอนนี้เธอรู้สึกว่า คนรักของเธอกลับมาที่ห้อง แล้วกำลังกอดเธออยู่ ถึงจะรู้สึกอึดอัดก็เถอะแต่มันก็อุ่นดี ถึงยังไงซาสึเกะคงจะไม่ปล่อยให้เธอตายหรอกนะ
วันต่อมา
ซากุระตื่นเช้าตามความเคยชินก็พบว่าคนรักของเธอนั่งพิงกำแพงที่ปลายเตียง
“อรุณสวัสดิ์”
ร่างสูงไม่เอื้อนเอ่ยอะไร สีหน้าดูหม่นหมองพิกล
“มีอะไรเหรอ”ร่างบางเอือมมือไปสัมผัสแก้มของคนรัก ซาสึเกะรวบตัวเธอไปก่อนกอดแน่น
“อย่าโกรธชั้นเลยนะ”
“เรื่องอะไร”
ซาสึเกะไม่ตอบอะไร
“ไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ”
ซากุระไม่ได้ว่าอะไร ก่อนจะหยิบชุดเข้าห้องน้ำไป
หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ซาสึเกะก็พาร่างบางไปยังห้องประชุมที่โทบิ รออยู่ก่อน
โทบิเอ่ยเสียงเย็น”นั่งลงซะ เด็กน้อย”
ซากุระทำตามอย่างว่าง่ายซึ่งผิดจากที่นินจาสวมหน้ากากคาดไว้เช่นเดียวกับซาสึเกะและทีมเหยี่ยวคนอื่น สำหรับซากุระ เธอมั่นใจว่าคาถาสกัดใจที่เรียนมา น่าจะกันได้พอสมควร เพราะรู้มาว่า หากใช้เนตรวงแหวนมากเกินไป คนที่โดนจะช็อคเสียชีวิตได้ เธอเชื่อว่า คนพวกนี้ไม่โง่ขนาดนั้นหรอก ยิ่งตอนนี้เธอมีซาสึเกะเป็นโล่ให้เธอด้วยแล้ว
โทบิ เข้าไปประจันหน้าเด็กสาว ก่อนจะใช้เนตรวงแหวน สบเข้ากับตาสีมรกต’อ่านจันทรา’
ซากุระต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก ภาพลวงตาที่เธอกำลังเห็นมันน่ากลัวเหลือเกิน
ห้านาทีผ่านไป…
โทบิรู้สึกผิดหวังมากที่เข้าไปดูในหัวของเด็กสาวแล้วไม่รู้อะไรเกี่ยวกับยาทิพย์เลย
ซากุระที่โดนคาถา อ่านจันทรา นั้นไม่ได้กรีดร้อง ใบหน้างามซีดเผือก หอบหายใจแรงๆ
“ซากุระ!”ซาสึเกะรีบเข้ามาประคอง ก็ตกใจเมื่อเห็นว่าร่างบางเริ่มเกร็งชัก
คารินเอ่ยอย่างร้อนรน”ใช้เนตรวงแหวนให้ยัยนั่นสลบเร็ว ซาสึเกะ!!”
ซาสึเกะรีบใช้เนตรวงแหวนใส่ร่างบาง ทำให้ซากุระสลบไป ก่อนจะถามชายสวมหน้ากากด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว“พอใจแล้วใช่มั้ย”
นินจาสวมหน้ากากเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวังมาก“อืม เด็กคนนี้ไม่รู้อะไรจริงๆ พาเค้าไปพักเถอะ”
ซาสึเกะอุ้มซากุระพาออกไปทันที
คารินถอนใจอย่างโล่งอก โทบิใช้วิชาข้ามมิติหายออกไป ภายในห้องจึงเหลือแต่ คาริน ซายะ ซุยเงสึ และจูโกะ
“ใจดีจังนะ”
ซายะเอ่ยขึ้นมา ก่อนจะมองไปที่คาริน “ความจริงเธอน่าจะปล่อยให้ยัยนั่นช็อคตายไปซะ ไม่น่าช่วยเลยนะ หึหึ”
คารินไม่ได้โต้ตอบ นินจาผิวสีแทนก็ออกจากห้องโดยมีจูโกะตามไปติดๆ
“พูดอะไรน่ะซายะ”
“ก็แค่หมั่นไส้น่ะ จูโกะ”
นินจาผมส้มร่างยักษ์ รีบคว้าแขนสาวผิวแทน ด้วยความที่ไม่ระวังทำให้ร่างเล็กเซไปซบในอ้อมแขนของจูโกะเข้าอย่างจัง
“เอ่อ”
“ขอโทษนะ”จูโกะปล่อยให้ซายะเป็นอิสระ
นินจาสาวสามารถยืนได้แล้วจึงเอ่ยถาม”มีอะไรรึเปล่า”
“ก็…แค่อยากจะเตือนเธอว่า อย่าไปพูดแบบเมื่อกี้ให้ซาสึเกะได้ยินล่ะ เค้าฆ่าเธอแน่”
“ขอบใจที่เตือนนะ ไปล่ะ”
โทบิเดินออกมาจากฐาน เมื่อมองกลับไปที่ฐานก็ถอนใจ …พอเห็นเด็กคนนั้น หลังจากที่โดนอ่านจันทรา สภาพของเด็กสาวช่างน่าสงสาร ไม่ต่างจากตอนที่รินโดนคาถาลวงตา “ทำไมนะ”…ทำไมมองเธอแล้วต้องนึกถึงรินด้วยนะ เด็กน้อย ทำไมชั้นต้องรู้สึกผิดด้วย…
ซากุระรู้สึกตัวว่า ตัวเองอยู่ในทุ่งร้าง ในชุดกระโปรงสีขาว เด็กสาวตะโกนไปอย่างเหลืออด
“จะเอายังไงกันแน่! เอาแต่บอกว่า สัญญาๆ สัญญาอยู่นั่นแหละ พูดมาเลยว่าต้องการอะไร”
เสียงแหบห้าวเอ่ยขึ้น”ปากกล้าจริงนะ เด็กน้อย”
ฉับพลันก็ปรากฏร่างของชายชราสวมชุดสีดำ และหมวกปีกกว้างสีเดียวกัน
“ยินดีที่ได้พบนะ คุณหนู จำกันได้รึเปล่า”
เด็กสาวเบิกตากว้าง เธอจำได้แล้ว ชายคนนี้คือคนที่เธอเคยเจอเมื่อสิบปีก่อน เป็นตอนที่เธอจะไปที่สุสานของตระกูลกับป้า
“จำได้แล้วสินะ แต่ที่ชั้นมาที่นี่ ชั้นจะยังไม่บอกเรื่องสัญญานั่นหรอกนะ แค่มาเตือนความจำของเธอก็เท่านั้น”
“สัญญานั่นสำคัญมากนักเหรอคะ?”
“แน่นอน เด็กน้อย อีกไม่นานเราต้องได้เจอกันอีก เมื่อถึงเวลานั้น นาฬิกาชีวิตของเธอคงจะเหลือน้อยเต็มทีล่ะนะ”
จบประโยคของชายชราชุดดำก็เกิดพายุรอบตัวของเค้า
“เดี๋ยวสิ เดี๋ยวก่อน!!”
‘เฮือก!’
“ซากุระ เป็นยังไงบ้าง”
เด็กสาวไม่ตอบอะไร ปล่อยให้เด็กหนุ่มประคองให้นั่งพิงหัวเตียง
“ยังกลัวอยู่เหรอ ตัวสั่นเชียว”
…เราตัวสั่นเหรอ…
ร่างบางลองหยิกตัวเองดู
‘เจ็บ!’
“อย่าทำร้ายตัวเองเลยนะ”ร่างสูงเข้าห้าม โดยจับมือข้างที่หยิกแขนตัวเอง
ผลัวะ!/โครม!
ร่างของซาสึเกะกระเด็นไปที่กำแพงห้องเพราะแรงตบ “ไม่ใช่ให้มาทำร้ายชั้นแบบนี้!”
“หนวกหู ไอ้เป็ดขี้เรื้อน เดี๋ยวปั๊ดเอานัตโตะฟาดซะเลยนิ”
คำว่า นัตโตะทำเอาซาสึเกะสะดุ้ง และเห็นว่าซากุระนั้นเข้าโหมดSซะแล้ว ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา เมื่อครั้งอยู่ทีม7ด้วยกัน ถ้าซากุระโกรธสุดขีด ก็ไม่ไว้หน้าใคร แม้แต่ตัวเค้าเองก็ยังเคยโดน อิทธิฤทธิ์ของเพื่อนร่วมทีมหญิงที่ตอนนี้เปลี่ยนสถานะเป็นคนรัก เล่นงานโดยเอาถ้วยนัตโตะยัดใส่หน้ามาแล้ว สาเหตุเพราะไปทะเลาะกับนารุโตะจนกระทั่งทำอันมิทสึของโปรดของเธอหกน่ะสิ
อุจิวะหนุ่มถามเสียงสั่น“ยะ…อยากได้อะไรรึเปล่า”
“อยากรู้ว่า ตอนนี้ ชั้นอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงใช่มั้ย?”
ซาสึเกะเข้ามากอดร่างบางแนบอก”ไม่เป็นไรแล้ว เธอปลอดภัย ชั้นจะปกป้องเธอเองนะ”
ทามะมองเจ้านายของมันที่ตอนนี้กำลังกอดแฟนแน่น …อารมณ์เปลี่ยนเร็วจริงจริ๊ง…
“แน่นเกินไปแล้วนะซากุระ”
“ไม่สน เค้ากลัว ขอกอดให้หายกลัวหน่อย”
“ชั้นหายใจไม่ค่อย”
กึก
แน่นไปแล้วแม่คุณทูนหัว รู้หรอกว่ากลัว แต่ไม่จำเป็นต้องแน่นขนาดนี้ก็ได้
สักพัก ร่างบางก็คลายอ้อมแขน
ซาสึเกะยิ้มให้”อีกเดี๋ยวเราจะเดินทางต่อ ไปไหวมั้ย”
ร่างบางพยักหน้าแทนคำตอบ”อีกซักเดี๋ยวก็แล้วกันนะ ตอนนี้เธอพักก่อนเถอะ”
“อื้ม”
“ชั้นไปบอกพวกที่เหลือก่อนนะ”
“จ้ะ”
พอมาถึง ก็พบว่า โทบิยืนรออยู่ก่อนแล้ว”ไง เด็กคนนั้นเป็นยังไงบ้าง”
“ระบายอารมณ์ใส่ชั้นแล้ว ยังมีหน้ามาถามอีกนะ”
“ชั้นเองก็รู้สึกผิดหวังพอสมควรนะ แต่ก็ยังอยากจะขอโทษเด็กคนนั้นอยู่ดี”
“เข้าไปสิ”
“แปลกใจจัง ไม่หึงหวงเลยนะ”
“เผอิญ อยากให้เค้าสบายใจ ไปสิ ซากุระคงจะยังไม่หลับ”
โทบิเข้าไปในห้องก็พบว่าเด็กสาวกำลังมองออกไปนอกหน้าต่าง
“หวัดดี เด็กน้อย”
ซากุระหันมาหาผู้มาใหม่”มีธุระอะไรอีกรึคะ?”
“แค่อยากจะขอโทษเธอน่ะ ไม่ได้ตั้งใจให้เธอกลัวนะ” เค้าสังเกตว่าดวงตาสีมรกตดูสั่นไหว ราวกับว่ากำลังกลัว
เด็กสาวตั้งสติให้นิ่ง เลิกคิ้ว มองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อหู “คุณถามชั้นมาเยอะแล้ว ขอถามกลับได้ไหม?”
“ถ้าตอบได้ก็จะตอบ”
เด็กสาวขมวดคิ้ว“คุณคือใครกันแน่ ถึงได้รู้เรื่องพ่อของชั้นดีเหลือเกิน”
“อุจิวะ มาดาระ”
เด็กสาวเบิกกว้าง มองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา”พูดเป็นเล่น คุณน่าจะลงหลุมไปแล้วนะ ถ้าอยู่จนถึงตอนนี้ อายุก็…”
“ชั้นมีวิธีของชั้นน่า…จะว่าไป ถึงตัวเธอเหมือนพ่อเธอแทบทุกอย่าง ยกเว้นสีผม แววตา”
“คุณว่าแววตาชั้นเหมือนใครล่ะ”
ชายสวมหน้ากากสะอึกเมื่อรู้ว่าเผลอพูดอะไรออกไป
“ไม่รู้สิ แต่ชั้นว่าเธอน่าจะรู้นะ แต่ชั้นแปลกใจ…”
“หือ?”
“ชั้นแปลกใจมากที่เธอสามารถทนฤทธิ์อ่านจันทราได้ ถ้าเป็นคนอื่นก็อาจจะ…ลุกไม่ขึ้นนะ ต้องพักฟื้นอย่างเร็วก็หนึ่งอาทิตย์ แต่สำหรับเธอ ดูปกติเกินไป”
“ไม่รู้สิ ไอ้ปวดหัวก็ปวดนะ แต่…จะร้องเจ็บร้องโอยไป มันก็ไม่ช่วยให้หายเจ็บไปหรอก”
โทบิกลับรู้สึกเอ็นดูเด็กสาวคนนี้มากจนเผลอ ลูบหัวอย่างแผ่วเบา
ซากุระกลับรู้สึกว่าคนที่กำลังลูบหัวเธอนั้น ไม่น่าจะใช่คนโหดร้ายอะไร แต่เธอกลับรู้สึกว่า เค้ากำลังโหยหาบางอย่าง
“คิดถึงใครอยู่เหรอคะ?”
คนที่ลูบหัวชะงักเล็กน้อย ก่อนจะถอยห่าง”เตรียมตัวเดินทางต่อเถอะนะ เด็กน้อย”ว่าจบก็หายตัวไป
เด็กสาวหันไปมองนอกหน้าที่ตอนนี้ถูกปกคลุมด้วยหิมะจนขาวโพลน
‘ทามะ อยู่แถวนี้ใช่มั้ย’
‘เมี๊ยว มีอะไรรึจ๊ะ’
‘มีข้อความถึงคุณพ่อน่ะ ช่วยด้วยนะ ไปให้เร็วที่สุดและกลับมาให้เร็วที่สุด แต่แกต้องมาพร้อมคำตอบนะ!เค้าสนิทกับคนที่มาจากตระกูลอุจิวะบ้างไหม’
‘ทำไมจู่ๆถึงอยากจะ…’
‘พอดีชั้นอยากจะลองฉีกน้ากากใครบางคนดูน่ะ’
‘รับทราบ’
“อ๊ะ ซาสึเกะคุง”ร่างของเด็กถูกกอดโดยคนรัก
“มันทำอะไรเธอรึเปล่า”
“ไม่จ้ะ เค้าแค่แปลกใจที่ชั้นฟื้นตัวเร็วน่ะนะ ความจริง..”
“ยังปวดหัวรึ”
“อืม”
“อย่าฝืนได้ไหม”
“ชั้นยังไหว ก็ไม่ได้กรีดเร้นจักระเลยนะ อาการยังทรงตัว แค่มึนๆปวดๆหัว อยู่น่ะ”
ซาสึเกะซบหน้าลงบนไหล่บาง เค้าคิดถูกรึเปล่าที่พาเธอมา
“ซาสึเกะคุง ชั้นดีใจนะ”
“หือ?”
“ดีใจที่เราได้อยู่เคียงข้างกันแบบนี้น่ะสิ”
เด็กหนุ่มกระซิบข้างหู“จูบได้มั้ย?”
ร่างบางหันหน้าไปกอดตอบ ก่อนจะกระซิบข้างหู”ทำไมไม่ตอนแต่งล่ะคะ ตอนนั้น คงจะหอมหวานน่าดู อ๊ะ!”ซากุระถูกคล่อมโดยซาสึเกะที่ในตอนนี้หน้าขึ้นสี
“ยั่วจังเลยนะ”
“จะปล้ำชั้นรึไง?”
สองหนุ่มสาวสบตากันอยู่ครู่ ซาสึเกะก็เป็นฝ่ายผละออก
“ทำไมไม่ทำล่ะ”
“ไม่อยากให้เธอเสียใจ”
ซากุระลุกขึ้น ตรงไปจูบแก้มของคนรักอย่างแผ่วเบา”ขอบคุณนะ”
“ชั้นต่างหาก ที่ต้องขอบคุณ ที่เธอ คอยเคียงข้างชั้นแบบนี้ สวมเสื้อคลุมเถอะ เราจะออกเดินทางแล้ว”
“ค่ะ”
“รอบนี้มีอะไรอีกล่ะ ทามะ?”ฮารุชิหันมาถามสัตว์เลี้ยงโปรดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ขณะที่กำลังเล่นหมากรุกกับซึบารุในมิติลับ
“ยัยหนูให้มาถามนาย เรื่องที่นายรู้จักใคร ที่อยู่ในตระกูลอุจิวะบ้างรึเปล่า”
ชายหนุ่มนึกสงสัยว่าเกิดอะไรกับลูกสาวเค้ากันแน่
“ก่อนหน้านั้นเกิดอะไรกับลูกชั้น”
“ลูกของนาย โดนคนที่สวมหน้ากากนั่นใช้เนตรวงแหวนเค้นความจริงน่ะสิ”
ฮารุชิขมวดคิ้ว”เท่าที่สืบมา อุจิวะ ตอนนี้ก็เหลือแต่เจ้าเด็กหัวเป็ดนี่นา มีคนอื่นอีกสินะ”
“เท่าที่ชั้นแอบฟังมา มันมาหายัยหนู มันบอกว่า มันคือ อุจิวะ มาดาระ น่ะสิ”
“เป็นไปไม่ได้ เค้าน่าจะตายไปแล้ว ที่ภูผาสิ้นสุด…คนตระกูลอุจิวะ ที่ชั้นรู้จักน่ะเหรอ…อืม…”
ซึบารุเอ่ยขึ้น”ก็เจ้าหนูแว่นส้มสุดอ่อนนั่นยังไงล่ะ ที่ชอบมาเล่นกับรินจังบ่อยๆยังไงล่ะ เจ้าเด็กนั่นยังเคยมาขอให้นายฝึกปาดาวกระจายอยู่เลยนี่นา ตอนนั้นชั้นก็อยู่ด้วย จำได้ว่า มาจากตระกูลอุจิวะด้วยนะ นายจำไม่ได้เหรอ”เค้าจำได้ เมื่อตอนนั้นทีริน น้องสาวบุญธรรมของฮารุชิ จูงมือเพื่อนชายที่ชอบสวมแว่นตากันน้ำสีส้ม มาขอให้ฮารุชิสอนปาดาวกระจายให้ เพราะเห็นว่า ฝีมือการปาดาวกระจายของฮารุชิ เองก็เก่งไม่แพ้ตระกูลอุจิวะ เค้าอยู่ด้วยเพียงเเต่ในตอนนั้นเค้าอยู่ในฐานะเพื่อนของฮารุชิ ทำให้คนในตระกูลฮารุโนะไม่ทันสังเกตว่าตัวเค้าน่ะ คือบรรพบุรุษของตระกูล
“แต่เค้าตายไปนานแล้วนะครับ แต่ศพ…หรือว่า หึ! เหลือเชื่อจริงๆ”เค้าลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไงกันนะ แย่จริง
“เมี๊ยวได้คำตอบแล้วใช่ป่ะ ฮารุชิ ยัยหนูจอมโหดโครตSลูกแกกำลังรออยู่นะ แม๊ว!!”เจ้าแมวผีร้องลั่นเมื่อโดนเจ้านายจอมโหดคนพ่อ จับหลังคออย่างแรงด้วยมือเดียว
“กล้าว่าลูกชั้นเหรอ! หึๆ ลูกชั้นออกจะน่ารักเป็นนางฟ้าตัวน้อยๆนะ”
ซึบารุส่ายหน้าอย่างเอือมๆ…ไม่ไหวๆพ่อเป็นยังไง ลูกมันก็เป็นยังงั้น นี่ถ้ามันยังมีชีวิตอยู่ ยัยหนูน้อยคงจะกลายเป็นยัยเด็กโหดตาใสแน่ๆ…
“พอเหอะน่า เดี๋ยวแมวแกก็สมองไหลหรอก” ซึบารุเอ่ยห้าม คู่หู่รุ่นหลาน ที่ตอนนี้ จับสัตว์เลี้ยงห้อยหัวเหวี่ยงเล่น
“อ่า ขอโทษที ชั้นลืมไปว่ายัยหนูต้องการคำตอบพอดี บอกเค้าไปว่า อย่าไประแวงคนๆนั้นเลย ทำหน้าที่ของตัวเองก็พอ เจ้านั่นไม่กล้าทำอะไรหรอก”ว่าจบ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนดวงหน้าคมคาย มือที่จับหางเจ้าแมวก็ปล่อย
เมื่อเจ้าแมวผีเป็นอิสระ ถอนใจอย่างโล่งอก…นึกว่าจะตายแล้ว…
“ได้แล้วทามะ”
“ขอรับๆเจ้านาย”
เมื่อลับร่างเจ้าแมวผี ฮารุชิก็เอ่ยขึ้น"ขอบคุณซึบารุซังมากนะครับ ที่ช่วยให้ผมนึกได้ ตอนนั้นโชคดีที่เจ้านั่นไม่ได้เคยเห็นคุณนะ เท่าที่ดูในความทรงจำของคุณ เจ้านั่นดูว่าจะไม่รู้จักคุณนะ" ตอนนั้นเค้าจำได้ว่าซึบารุที่กลายเป็นคนอยากเดินเล่นในโคโนฮะ เค้าเลยกรีดเลือดให้ โดยซึบารุได้ทำการปลอมตัวไม่ให้เป็นที่สะดุดตา และอยู่ในบ้านในฐานะเพื่อนของเค้าที่มาจากแคว้นอื่น ทำให้คนในตระกูลไม่รู้เรื่อง
"นายคิดอะไรอยู่วะ"
"ตอนนี้ยังไม่สามารถอธิบายได้นะครับ ยังไม่ถึงเวลา เรามาเล่นหมากรุกต่อเถอะครับ ซึบารุซัง"
ทางด้านทีมเหยี่ยวที่ตอนนี้กำลังมุ่งหน้าสู่ฐานลับของแสงอุสา โดยที่ซาสึเกะนั้นได้อุ้มซากุระไปแทน เพราะไม่ต้องการให้เธอออกกำลังซึ่งอาจทำให้เธอ อาการกำเริบได้
โทบิลอบมองเด็กสาวในอ้อมแขนของซาสึเกะเป็นระยะๆ ในตอนนี้เด็กสาวดูอ่อนเพลียใบหน้าซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด
ซาสึเกะมองไปข้างหน้าแต่ก็คิดว่า ทำไม อุจิวะ มาดาระ ถึงได้เอ็นดูซากุระนัก ใช่ เค้าพลางจักระแล้วแอบดูตอนที่โทบิไปหาคนรักของเค้าน่ะสิ ถึงได้เห็นตอนที่เจ้านั่นลูบหัวคนรักของเค้าอย่างเอ็นดู
“จะหลับก็ได้นะ ซากุระ”
“ไม่เป็นไร ไม่อยากหลับ”
“อย่าฝืน ชั้นอุ้มเธอไหว เธอตัวเล็กตัวเบาขนาดนี้ ชั้นสบายมาก”
ร่างบางนิ่งเงียบไม่เอ่ยอะไรต่อ แล้วซบอกร่างสูง สายตายังคงเหม่อมองออไปที่บรรยากาศข้างทาง
ทามะที่กลับมาก็รู้ว่า ไม่มีใครอยู่ที่ฐานลับแล้ว จึงดมกลิ่นตามไป โดยรักษาระยะห่างเอาไว้ “เปลี่ยนที่ไวจริงๆเลยนะ”
'ทามะ แกอยู่ไหน!'เสียงกระแสจิตของเจ้านายสุดโหดคนลูกดังขึ้น
'กำลังตามไปจ้า'
'คำตอบล่ะ ที่ชั้นให้แกไปถามพ่อน่ะ'
'เค้าบอกว่า อย่าไประเเวงน่ะ ฮารุชิบอกว่า เจ้านั่นไม่ฆ่าเธอหรอก ให้ทำหน้าที่ของเธอต่อเถอะ'
'ตามมาให้ทันล่ะ ถ้าเสร็จงานจะเลี้ยงซาชิมิชุดใหญ่'
เจ้าแมวผีน้ำลายส่อ'ขอทูน่าสิบกระป๋องและขาหมูเยอรมันด้วยนะ'
'จ้าๆ'
ซากุระถอนใจอย่างหน่ายๆในอ้อมแขนของคนรัก กับความตระกละของสัตว์เลี้ยงของพ่อ ที่มันชอบทำงานให้เเบบถวายชีวิตแบบนี้ก็เพราะพ่อของเธอช่วยชีวิตมันไว้ตอนที่เจ้าแมวนี่เกิดน่ะสิ มันเลยสาบานว่าจะภักดีต่อพ่อเธอตลอดไป และมันส่งผลให้เจ้าแมวผีภักดีต่อเธอด้วย ซึ่งเรื่องนี้ ทามะเล่าให้เธอฟังตอนที่เธอฝึกวิชาที่ถ้ำลับ
"คิดอะไรอยู่รึ?"ร่างสูงเอ่ยถาม
"เรื่อยเปื่อยน่ะ อย่าสนใจเลย"
ซุยเงสึที่ตามมานั้นเอ่ยถามเด็กสาวผมชมพู"ซากุระจัง ชั้นมีเรื่องสงสัยมานานแล้วนะ"
ซาสึเกะหันขวับ จ้องเขม็ง จนคนถามชะงัก
"อะไรเหรอ"
"ก็...ตอนที่พวกเราจะไปจับเธอ ทำไมเธอไม่ให้ดาบนั่นสู้แทนเธอล่ะ"
"เผอิญว่า มันมีปัญหานิดหน่อย"
"ปัญหาเหรอ?"นินจาน้ำเอียงคอ
"พละกำลังและจักระที่ซึบารุซังใช้สู้น่ะ เป็นพลังจักระของชั้นน่ะสิ"
"อ้าว ทำไม"
โทบิเป็นคนอธิบายเสียเอง"เป็น พันธะโลหิต สินะ"
ซาสึเกะทวนคำ"พันธะโลหิต มันคืออะไร"
"ก็คือ การที่จะทำให้ซึบารุซังกลายเป็นมนุษย์ได้ ก็ต้องหยดเลือดใช่มั้ย"
เด็กสาวผมชมพูพยักหน้า
"นั่นล่ะ มันเป็นดาบสองคม ที่จะทำร้ายผู้ใช้ได้ จริงอยู่ถึงคาถานินจาจะทำอะไรซึบารุซังไม่ได้ แต่ถ้าเค้าสู้ พละกำลังและจักระที่เสียไปน่ะ มันไม่ใช่ของเค้า เพราะเค้าคือคนตาย ของพวกนี้จึงไม่มี พละกำลังและจักระที่เสียไปก็ต้องเป็นของคนที่หยดเลือดไปน่ะสิ ความจริงชั้นไม่เคยเห็นฮารุโนะ ฮารุชิ สู้โดยใช้วิธีพันธะโลหิตหรอกนะ แต่ดาบนั่นก็เป็นดาบที่วิเศษจริงๆเสียดายนะที่มันหายไปน่ะนะ เพราะอาวุธนั่นเป็นอาวุธเพียงไม่กี่ชิ้นที่สามารถใช้พันธะโลหิตได้"
ซาสึเกะเอ่ยถาม"มีอาวุธอื่นที่ทำได้ด้วยรึ"
"มีสิ อย่าเคียวแห่งอิวะชู ที่ตอนนี้หายสาบสูญไป"
ซุยเงสึพยักหน้า "ลำบากแฮะ"
ซากุระนึกถึงตอนที่เธอได้พบกับซึบารุซัง ที่มีศักดิ์เป็นปู่ทวดครั้งแรก หลังจากที่ทีมเหยี่ยวล่าถอยไป ตอนนั้น ทำเอาเธอหมดเรี่ยวแรงไปมากกว่าครึ่งเลยน่ะสิ หลังจากนั้น พอป้าเธอรู้และเห็นเธอใช้พันธะโลหิตสู้กับพวกเหยี่ยวเข้า ก็สั่งห้ามไม่ให้หยดเลือดเพื่อให้ซึบารุกลายเป็นคนเพื่อสู้อีก เพราะตัวเธออาจจะแย่ได้
แต่ถ้าหยดเลือดเพื่อให้เป็นคนเฉยๆไม่ได้สู้ เธอก็ไม่เป็นอะไรมากนัก ในตอนนี้หน้าที่ของเธอคือ พยายามดึงคนรักของเธอให้ออกจากความมืด โน้มน้าวให้เค้าล้มเลิกความคิดที่จะเป็นกบฏต่อโคโนฮะให้ได้ ก่อนที่ นาฬิกาชีวิตของเธอจะหยุดลง
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ