FIC B2ST เกลียด หลง รัก
10.0
เขียนโดย JR_ST
วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 19.02 น.
6 บท
0 วิจารณ์
10.62K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2557 19.12 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
6) บท5
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความคุณหมอเดินออกมาจากห้องคนไข้ โยซอบที่นั่งเครียดลุกขึ้นมาแล้วรีบเดินไปถามคุณหมอทันที
“ คุณหมอครับ เพื่อนผมเป็นยังไงบ้างครับ “
“ ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ เอ่อ หมอขอผมญาติคนไข้ด้วยครับ “
“ ผมเองครับ “
“ งั้นเชิญทางนี้ครับ “แล้วโยซอบก็เดินตามหมอไป ส่วนดูจุนก็รอข้างนอก
โยซอบเมื่อได้ฟังความจริงบางอย่างที่เกี่ยวกับฮยอนซึงจากคุณหมอถึงกลับตกใจปนไม่เชื่อแต่เขาก็ต้องยอมรับมัน
แอ๊ด....โยซอบเดินออกมาก้าวเดินแล้วล้มลง ดูจุนรีบเข้าไปประคองตัวโยซอบขึ้นมา
ตึก ตึก...หัวใจโยซอบเต้นแรง
“ ฉันไม่เป็นอะไร “ โยซอบบอกแล้วลุกขึ้นแก้เขิน แล้วเดินเข้าไปในห้องเงียบๆไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของเพื่อนรัก โยซอบเดินไปที่เตียงสีขาวซึ่งมีร่างของฮยอนซึงนอนอยู่ ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง โยซอบเลื่อนมือไปจับมือสีขาวปนสีแดงที่วางราบบนเตียง
“ฮยอนซึงอา รีบตื่นขึ้นมาเร็วๆสิ ตื่มมาให้ฉันแกล้งนายหน่อยสิ ฉันเหงานะ “ โยซอบเอ่ย ดูจุนที่ยืนอยู่ข้างๆแอบน้อยใจเล็กน้อย เขาก็คอยอยู่ข้างๆโยซอบนะ ไม่สนใจกันบ้างเลย
“ คุณโยซอบครับ อย่าลืมสิครับว่าผมก็อยู่ข้างๆคุณนะ สนใจผมบ้างสิครับ “ดูจุนบอกเสียงยติดตลก โยซอบหันไปมองดูจุนทันทีแล้วทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอเล็กน้อย
“ นายอย่าทำให้เสียบรรยากาศสิ “
“ เหงาก็มารักกับผมสิครับ “ ดูจุนกระซิบข้างหู โยซอบเขม็งตาใส่ลงท้ายด้วยการต่อยเข้าที่แขนดูจุนย่างแรง ดูจุนร้องโอดโอย พลังต่อยของโยซอบมันเทียบเท่ากับแรงช้างได้เลย
“ โอ้ย “
” อื้อ “ ฮยอนซึงส่งเสียง ทั้งคู่หันไปมองพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
“ โฮ้ย เกือบไปแล้วมั้ยเล่า “ โยซอบบอกเสียงเบา
ดูจุนไม่ได้กวนอะไร ดูจุนมีความสุขเมื่ออยู่ใกล้โยซอบตลอดเวลาเห็นโยซอบมีความสุขก็พอแล้วและสักวันเขาคงมีโอกาสที่ได้บอกความในใจให้โยซอบได้รู้ มันต้องมีสักวัน
สัมผัสอุ่นๆที่มือซ้ายมันทำให้ผมอุ่นใจถึงแม้ผมไม่สามารถลืมตาได้ มันช่างอบอุ่นเหลือเกิน เหมือนสัมผัสของคุณแม่จัง แม่ครับ ผมอยากให้แม่คอยอยู่เคียงข้างผม แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ ผมมันเป็นตัวโชคร้ายจริงๆ ถ้าหากผมไม่เกิดมา แม่ก็คงจะมีชีวิตที่สบายมากกว่านี้
“....เด็กดี ไม่ร้อง ไม่ร้อง “ เสียงทุ้มหนักเอ่ยข้างๆผมพร้อมกับสัมผัสมือที่แก้มผม ใครกัน ใครกันที่บอกกับผมแบบนี้ มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นนอกเหนือจากคุณแม่ที่จะบอกกับผมแบบนี้ แต่ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก ผมคงคิดไปเองแน่ๆ
“ ความรักก็เปรียบเสมือนกุหลาบ กุหลาบที่มีรูปลักษณ์อันงดงามส่งกลิ่นหอมแต่ในเวลาเดียวกันมันทำร้ายเราด้วยหนามที่แหลมคมบริเวณก้านดอกได้เช่นกัน “
ผมลืมตาตื่นขึ้นพบกับผนังสีขาวและกลิ่นยา ผมคาดเดาได้ว่านี่คือโรงพยาบาลแน่นอน ผมคุ้นเคยกับกลิ่นนี้เพราะผมต้องเข้าสถานที่นี้อยู่บ่อยๆมาเยี่ยมคุณแม่ ผมค่อยๆลุกขึ้น อาการเวียนหัวยังคงอยู่ ผมขยับแขนหมายจะเอามือขึ้นมาจับขมับตนเองแต่รู้สึกถึงแรงตึงที่ข้อมือข้างซ้าย ผมหันมอง ผมเห็นเข็มที่เจาะเข้าเส้นเลือดทับด้วยเทปกาวใสๆอีกที มีสายโยงเชื่อมกับน้ำเกลือและเลือด นี่ผมเป็นอะไร ผมเลี่ยงสายตาไปทางอื่นเพราะผมกลัวเลือดและเข็มที่สุด ไม่มีแรงเลย ผมหันมองข้างๆเห็นชายเรือนผมสีน้ำตาลกำลังฟลุ๊คหลับข้างๆเตียง
“ พี่จุนฮยอง “ ผมเอ่ยเสียงดัง คนที่ฟลุ๊คหน้าลงค่อยๆตื่นขึ้นมาแล้วเงยหน้ามองผมด้วยสายตาอ่อนโยน ผมแปลกใจมาก เมื่อตอนนั้นยังโกรธใส่ผมอยู่ ตอนนี้อย่างกับคนละคนไปเลย
“ ฮยอนซึง เป็นยังไงบ้าง “ เขาถามผม
“ สบายดี “ ผมตอบเสียงเรียบ
“ สบายดีที่ไหนล่ะ อย่าหลอกตัวเองสิ “ พี่จุนฮยองเลื่อนมือมาแตะแก้มผม ใจผมอยากจะปัดมือนี้ออกไปแต่ร่างกายมันไม่ทำตามที่ใจสั่ง นี่ผมเป็นอะไรจะกลับไปรักเขางั้นเหรอ
“ ทำแบบนี้ทำไม “ ผมถาม
“ เพราะว่า...ฉันอยากดูแลนาย ขอโทษนะที่ทำให้เจ็บ “พี่จุนฮยองกอดผม อา อบอุ่น ครั้งนี้ผมไม่ขัดขืนอะไรแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอม
พี่จุนฮยองกอดผมแน่นมาก เหมือนไม่อยากให้ผมจากไปไหน ผมเริ่มหายใจไม่ออก
“ อึก ฉันหายใจไม่ออก “ ผมบอก พี่จุนฮยองรีบคลายกอดทันที ผมมองหน้าเขานิ่งๆ พี่จุนฮยองยิ้มหวานให้ผม หน้าผมร้อนผ่าว ผมล้มตัวลงนอนหันหลังให้ เฮ้ย นี่เราเขินอายทำไมเนี่ย
ตกกลางดึก
จุนฮยองยังคงนอนเฝ้าฮยอนซึง เขาเป็นห่วงฮยอนซึง เพราะเขาฮยอนซึงถึงต้องเข้าโรงพยาบาล ครั้งนี้เขาผิดไปแล้วจริงๆ เขาควรจะอ่อนโยนกับฮยอนซึงให้มากกว่านี้เพื่อสุขภาพของฮยอนซึง
“ เฮ้อ “ จุนฮยองถอนหายใจ
ระหว่างที่เขากำลังคิดหนัก เสียงละเมอบนเตียงก็แว่วเข้ามา จุนฮยองหันมองตามต้นเสียง
“ ฮือ แม่ แม่อย่าจากผมไปนะ ฮือออ...” ฮยอนซึงละเมอออกมา จุนฮยองลุกขึ้นไปดูฮยอนซึง
ใบหน้าสวยที่ดูเท่าไรก็ไม่มีวันเบื่อสำหรับจุนฮยองแต่วันนี้ใบหน้าที่เขาชอบดูเป็นเวลานานนั้นกำลังแสดงสีหน้าโศกเศร้า เต็มไปด้วยน้ำตา จุนฮยองรู้สึกผิดทุกๆเรื่องที่ทำให้ฮยอนซึงทุกข์ใจ จุนฮยองเอามือลูบเส้นผมโอรส
“ ฮยอนซึง ขอโทษนะ...ฉันขอโทษนะที่ทำให้นายเจ็บตัวเพราะฉัน ต่อไปนี้ฉันจะ...”
แสงสีเหลืองอ่อนจากดวงอาทิตย์รับยามเช้าลอดเข้ามาจากนอกหน้าต่าง ร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงรู้สึกถึงแดดอุ่นๆ
ผมลืมตาตื่นขึ้น หันมองคนด้านข้างซึ่งไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะหันไปหาเขาทำไมทั้งๆที่ตัวเองโดนทำร้ายมากขนาดนี้ ใบหน้าพี่จุนฮยองเวลาหลับดูอ่อนโยน ไร้เดียงสา เหมือนเด็ก แต่พอเขาตื่นมาก็เปลี่ยนเป็นคนละคน ผู้ชายที่เย็นชา โหดร้าย ทำร้ายจิตใจคนอื่น ผมลุกขึ้นนั่งมอง ทำไมเขาถึงรู้ว่าผมอยูที่นี่ ทำไมเขาต้องมาด้วยล่ะ มาสนใจผมทำไม หากตอนนั้นผมโดนรถชนมันคงจะดีกว่านี้ถ้าผมได้ตาย ผมจะได้ไม่ต้องเจอผู้ชายคนนี้ที่ผมทั้งรักและแค้นใจที่กลับมาเห็นอีกครั้ง น้ำตาผมค่อยๆไหลลงมา
“ เฮ้อ ทำไมฉันเป็นคนขี้แงนะ “ ผมบอกกับตัวเอง
ผมดึงเข็มที่บริเวณข้อมือออกเพราะมันไม่สำคัญอีกต่อไป แล้วลุกลงจากเตียงเท้าสัมผัสพื้นเย็น ผมก้าวเท้าเดินออกจากห้องนี้ไป
จุนฮยองลืมตาตื่นหลังจากที่ฮยอนซึงออกไปไม่นานมากนัก จุนฮยองลุกขึ้นแล้วมองไปที่เตียงแทนที่เขาจะดีใจกลับตกใจมากกว่าที่ไม่เห็นร่างของฮยอนซึงบนเตียงเขารีบหา ในห้องน้ำก็ไม่มี เขาตัดสินใจออกจากห้องนี้ตามหาฮยอนซึง
“ โทษนะครับ เห็นผู้ชายร่างเล็กผมสีโอรสตัวสูงประมาณนี้เดินผ่านมาทางนี้บ้างมั้ยครับ “ จุนฮยองอธิบายลักษณะให้นางพยาบาลฟัง
“ อ๋อ เห็นค่ะ เดินขึ้นบันไดไปน่ะค่ะ”
“ ขอบคุณครับ “จุนฮยองบอกแล้วรีบวิ่งขึ้นไปยังดาดฟ้าทันที เพราะไม่มีที่ไหนที่ฮยอนซึงจะไปไหนอีกแล้ว เขากลัวว่าฮยอนซึงจะคิดสั้น จุนฮยองรีบขึ้นไปให้เร็วที่สุด...
อากาศตอนเช้านี่มันสดชื่นดีจริงๆ มันทำให้ผมสบายใจมากเลยล่ะ เห็นพระอาทิตย์เริ่มขึ้น ต้นไม้สีเขียว อาคารท่ามกลางหมอกจางๆ การที่ผมได้ดูวิวทัศน์ที่สูงทำให้ผมลืมเรื่องหลายๆอย่างได้ มันผ่อนคลยความเครียดไประดับหนึ่ง
ขณะที่ฮยอนซึงกำลังมีความสุขกับการชมวิวอยู่นั้น
“ ปัง “ ประตูบานหนึ่งเปิดออกมาอย่างแรงและดังจนฮยอนซึงสะดุ้งแล้วหันกลับมองมัน ร่างสูงของจุนฮยองปรากฎ ฮยอนซึงเบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อ
“ คุณ...”
“ แฮ่ก แฮ่ก ฮยอนซึง นายมาทำอะไรที่นี่ “
“ คุณหมอครับ เพื่อนผมเป็นยังไงบ้างครับ “
“ ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ เอ่อ หมอขอผมญาติคนไข้ด้วยครับ “
“ ผมเองครับ “
“ งั้นเชิญทางนี้ครับ “แล้วโยซอบก็เดินตามหมอไป ส่วนดูจุนก็รอข้างนอก
โยซอบเมื่อได้ฟังความจริงบางอย่างที่เกี่ยวกับฮยอนซึงจากคุณหมอถึงกลับตกใจปนไม่เชื่อแต่เขาก็ต้องยอมรับมัน
แอ๊ด....โยซอบเดินออกมาก้าวเดินแล้วล้มลง ดูจุนรีบเข้าไปประคองตัวโยซอบขึ้นมา
ตึก ตึก...หัวใจโยซอบเต้นแรง
“ ฉันไม่เป็นอะไร “ โยซอบบอกแล้วลุกขึ้นแก้เขิน แล้วเดินเข้าไปในห้องเงียบๆไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของเพื่อนรัก โยซอบเดินไปที่เตียงสีขาวซึ่งมีร่างของฮยอนซึงนอนอยู่ ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง โยซอบเลื่อนมือไปจับมือสีขาวปนสีแดงที่วางราบบนเตียง
“ฮยอนซึงอา รีบตื่นขึ้นมาเร็วๆสิ ตื่มมาให้ฉันแกล้งนายหน่อยสิ ฉันเหงานะ “ โยซอบเอ่ย ดูจุนที่ยืนอยู่ข้างๆแอบน้อยใจเล็กน้อย เขาก็คอยอยู่ข้างๆโยซอบนะ ไม่สนใจกันบ้างเลย
“ คุณโยซอบครับ อย่าลืมสิครับว่าผมก็อยู่ข้างๆคุณนะ สนใจผมบ้างสิครับ “ดูจุนบอกเสียงยติดตลก โยซอบหันไปมองดูจุนทันทีแล้วทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอเล็กน้อย
“ นายอย่าทำให้เสียบรรยากาศสิ “
“ เหงาก็มารักกับผมสิครับ “ ดูจุนกระซิบข้างหู โยซอบเขม็งตาใส่ลงท้ายด้วยการต่อยเข้าที่แขนดูจุนย่างแรง ดูจุนร้องโอดโอย พลังต่อยของโยซอบมันเทียบเท่ากับแรงช้างได้เลย
“ โอ้ย “
” อื้อ “ ฮยอนซึงส่งเสียง ทั้งคู่หันไปมองพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
“ โฮ้ย เกือบไปแล้วมั้ยเล่า “ โยซอบบอกเสียงเบา
ดูจุนไม่ได้กวนอะไร ดูจุนมีความสุขเมื่ออยู่ใกล้โยซอบตลอดเวลาเห็นโยซอบมีความสุขก็พอแล้วและสักวันเขาคงมีโอกาสที่ได้บอกความในใจให้โยซอบได้รู้ มันต้องมีสักวัน
สัมผัสอุ่นๆที่มือซ้ายมันทำให้ผมอุ่นใจถึงแม้ผมไม่สามารถลืมตาได้ มันช่างอบอุ่นเหลือเกิน เหมือนสัมผัสของคุณแม่จัง แม่ครับ ผมอยากให้แม่คอยอยู่เคียงข้างผม แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ ผมมันเป็นตัวโชคร้ายจริงๆ ถ้าหากผมไม่เกิดมา แม่ก็คงจะมีชีวิตที่สบายมากกว่านี้
“....เด็กดี ไม่ร้อง ไม่ร้อง “ เสียงทุ้มหนักเอ่ยข้างๆผมพร้อมกับสัมผัสมือที่แก้มผม ใครกัน ใครกันที่บอกกับผมแบบนี้ มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นนอกเหนือจากคุณแม่ที่จะบอกกับผมแบบนี้ แต่ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก ผมคงคิดไปเองแน่ๆ
“ ความรักก็เปรียบเสมือนกุหลาบ กุหลาบที่มีรูปลักษณ์อันงดงามส่งกลิ่นหอมแต่ในเวลาเดียวกันมันทำร้ายเราด้วยหนามที่แหลมคมบริเวณก้านดอกได้เช่นกัน “
ผมลืมตาตื่นขึ้นพบกับผนังสีขาวและกลิ่นยา ผมคาดเดาได้ว่านี่คือโรงพยาบาลแน่นอน ผมคุ้นเคยกับกลิ่นนี้เพราะผมต้องเข้าสถานที่นี้อยู่บ่อยๆมาเยี่ยมคุณแม่ ผมค่อยๆลุกขึ้น อาการเวียนหัวยังคงอยู่ ผมขยับแขนหมายจะเอามือขึ้นมาจับขมับตนเองแต่รู้สึกถึงแรงตึงที่ข้อมือข้างซ้าย ผมหันมอง ผมเห็นเข็มที่เจาะเข้าเส้นเลือดทับด้วยเทปกาวใสๆอีกที มีสายโยงเชื่อมกับน้ำเกลือและเลือด นี่ผมเป็นอะไร ผมเลี่ยงสายตาไปทางอื่นเพราะผมกลัวเลือดและเข็มที่สุด ไม่มีแรงเลย ผมหันมองข้างๆเห็นชายเรือนผมสีน้ำตาลกำลังฟลุ๊คหลับข้างๆเตียง
“ พี่จุนฮยอง “ ผมเอ่ยเสียงดัง คนที่ฟลุ๊คหน้าลงค่อยๆตื่นขึ้นมาแล้วเงยหน้ามองผมด้วยสายตาอ่อนโยน ผมแปลกใจมาก เมื่อตอนนั้นยังโกรธใส่ผมอยู่ ตอนนี้อย่างกับคนละคนไปเลย
“ ฮยอนซึง เป็นยังไงบ้าง “ เขาถามผม
“ สบายดี “ ผมตอบเสียงเรียบ
“ สบายดีที่ไหนล่ะ อย่าหลอกตัวเองสิ “ พี่จุนฮยองเลื่อนมือมาแตะแก้มผม ใจผมอยากจะปัดมือนี้ออกไปแต่ร่างกายมันไม่ทำตามที่ใจสั่ง นี่ผมเป็นอะไรจะกลับไปรักเขางั้นเหรอ
“ ทำแบบนี้ทำไม “ ผมถาม
“ เพราะว่า...ฉันอยากดูแลนาย ขอโทษนะที่ทำให้เจ็บ “พี่จุนฮยองกอดผม อา อบอุ่น ครั้งนี้ผมไม่ขัดขืนอะไรแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอม
พี่จุนฮยองกอดผมแน่นมาก เหมือนไม่อยากให้ผมจากไปไหน ผมเริ่มหายใจไม่ออก
“ อึก ฉันหายใจไม่ออก “ ผมบอก พี่จุนฮยองรีบคลายกอดทันที ผมมองหน้าเขานิ่งๆ พี่จุนฮยองยิ้มหวานให้ผม หน้าผมร้อนผ่าว ผมล้มตัวลงนอนหันหลังให้ เฮ้ย นี่เราเขินอายทำไมเนี่ย
ตกกลางดึก
จุนฮยองยังคงนอนเฝ้าฮยอนซึง เขาเป็นห่วงฮยอนซึง เพราะเขาฮยอนซึงถึงต้องเข้าโรงพยาบาล ครั้งนี้เขาผิดไปแล้วจริงๆ เขาควรจะอ่อนโยนกับฮยอนซึงให้มากกว่านี้เพื่อสุขภาพของฮยอนซึง
“ เฮ้อ “ จุนฮยองถอนหายใจ
ระหว่างที่เขากำลังคิดหนัก เสียงละเมอบนเตียงก็แว่วเข้ามา จุนฮยองหันมองตามต้นเสียง
“ ฮือ แม่ แม่อย่าจากผมไปนะ ฮือออ...” ฮยอนซึงละเมอออกมา จุนฮยองลุกขึ้นไปดูฮยอนซึง
ใบหน้าสวยที่ดูเท่าไรก็ไม่มีวันเบื่อสำหรับจุนฮยองแต่วันนี้ใบหน้าที่เขาชอบดูเป็นเวลานานนั้นกำลังแสดงสีหน้าโศกเศร้า เต็มไปด้วยน้ำตา จุนฮยองรู้สึกผิดทุกๆเรื่องที่ทำให้ฮยอนซึงทุกข์ใจ จุนฮยองเอามือลูบเส้นผมโอรส
“ ฮยอนซึง ขอโทษนะ...ฉันขอโทษนะที่ทำให้นายเจ็บตัวเพราะฉัน ต่อไปนี้ฉันจะ...”
แสงสีเหลืองอ่อนจากดวงอาทิตย์รับยามเช้าลอดเข้ามาจากนอกหน้าต่าง ร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงรู้สึกถึงแดดอุ่นๆ
ผมลืมตาตื่นขึ้น หันมองคนด้านข้างซึ่งไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะหันไปหาเขาทำไมทั้งๆที่ตัวเองโดนทำร้ายมากขนาดนี้ ใบหน้าพี่จุนฮยองเวลาหลับดูอ่อนโยน ไร้เดียงสา เหมือนเด็ก แต่พอเขาตื่นมาก็เปลี่ยนเป็นคนละคน ผู้ชายที่เย็นชา โหดร้าย ทำร้ายจิตใจคนอื่น ผมลุกขึ้นนั่งมอง ทำไมเขาถึงรู้ว่าผมอยูที่นี่ ทำไมเขาต้องมาด้วยล่ะ มาสนใจผมทำไม หากตอนนั้นผมโดนรถชนมันคงจะดีกว่านี้ถ้าผมได้ตาย ผมจะได้ไม่ต้องเจอผู้ชายคนนี้ที่ผมทั้งรักและแค้นใจที่กลับมาเห็นอีกครั้ง น้ำตาผมค่อยๆไหลลงมา
“ เฮ้อ ทำไมฉันเป็นคนขี้แงนะ “ ผมบอกกับตัวเอง
ผมดึงเข็มที่บริเวณข้อมือออกเพราะมันไม่สำคัญอีกต่อไป แล้วลุกลงจากเตียงเท้าสัมผัสพื้นเย็น ผมก้าวเท้าเดินออกจากห้องนี้ไป
จุนฮยองลืมตาตื่นหลังจากที่ฮยอนซึงออกไปไม่นานมากนัก จุนฮยองลุกขึ้นแล้วมองไปที่เตียงแทนที่เขาจะดีใจกลับตกใจมากกว่าที่ไม่เห็นร่างของฮยอนซึงบนเตียงเขารีบหา ในห้องน้ำก็ไม่มี เขาตัดสินใจออกจากห้องนี้ตามหาฮยอนซึง
“ โทษนะครับ เห็นผู้ชายร่างเล็กผมสีโอรสตัวสูงประมาณนี้เดินผ่านมาทางนี้บ้างมั้ยครับ “ จุนฮยองอธิบายลักษณะให้นางพยาบาลฟัง
“ อ๋อ เห็นค่ะ เดินขึ้นบันไดไปน่ะค่ะ”
“ ขอบคุณครับ “จุนฮยองบอกแล้วรีบวิ่งขึ้นไปยังดาดฟ้าทันที เพราะไม่มีที่ไหนที่ฮยอนซึงจะไปไหนอีกแล้ว เขากลัวว่าฮยอนซึงจะคิดสั้น จุนฮยองรีบขึ้นไปให้เร็วที่สุด...
อากาศตอนเช้านี่มันสดชื่นดีจริงๆ มันทำให้ผมสบายใจมากเลยล่ะ เห็นพระอาทิตย์เริ่มขึ้น ต้นไม้สีเขียว อาคารท่ามกลางหมอกจางๆ การที่ผมได้ดูวิวทัศน์ที่สูงทำให้ผมลืมเรื่องหลายๆอย่างได้ มันผ่อนคลยความเครียดไประดับหนึ่ง
ขณะที่ฮยอนซึงกำลังมีความสุขกับการชมวิวอยู่นั้น
“ ปัง “ ประตูบานหนึ่งเปิดออกมาอย่างแรงและดังจนฮยอนซึงสะดุ้งแล้วหันกลับมองมัน ร่างสูงของจุนฮยองปรากฎ ฮยอนซึงเบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อ
“ คุณ...”
“ แฮ่ก แฮ่ก ฮยอนซึง นายมาทำอะไรที่นี่ “
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ