Don't Starve : Skinwalker
8.4
เขียนโดย ทิลิปา
วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 06.28 น.
2 Day
6 วิจารณ์
6,344 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 07.45 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
2) Skinwalker
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความความจริงข้อหนึ่งที่ฉันอยากกระซิบบอกกับคุณก็คือ... ทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีจุดเริ่มต้น มันอาจเป็นจุดที่คุณตัดสินใจว่าจะเริ่มต้นทำสิ่งใด หรือจุดที่สาเหตุทุกอย่างชักพาให้มันเกิดขึ้น โดยที่คุณไม่สามารถควบคุมมันได้ แต่ก็นั่นล่ะ จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นตลอดเวลา ในวินาทีนี้ที่คุณกำลังรับฟังคำพูดของฉันอยู่ และแม้กระทั่งวินาทีที่แล้วซึ่งพึ่งจบลง มันเป็นกระบวนการที่มีมาตั้งแต่ครั้งกำเนิดจักรวาล และฉันเชื่อว่ามันอาจดำเนินต่อไปแม้ดาวฤกษ์ดวงสุดท้ายจะดับลง และหากคุณลองสังเกตดู แน่นอน คุณจะพบว่ามีจุดเริ่มต้นมากมายที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบเชียบเคียงข้างจุดจบของอะไรอีกหลายอย่าง หรือในบางครั้ง จุดเริ่มต้นของเรื่องก็กลับกลายเป็นจุดจบซะเอง
ฉันวิ่งสุดแรงฝ่าสุมทุมพุ่มไม้ที่ขึ้นเบียดเสียดจนยากจะบอกทิศทาง ไม่ได้สังเกตเลยว่ากระโปรงแห้งไปตั้งแต่เมื่อไหร่ บางทีอาจตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน ตอนที่แสงแดดเริ่มลับไปจากยอดไม้สูงเหล่านั้น
เหงื่อเย็นไหลปกคลุมทั่วใบหน้า น่องขาทั้งสองข้างปวดล้า เลือดที่สูบฉีดเต็มที่ไม่สามารถบรรเทาอาการเจ็บแปลปเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตตามกล้ามเนื้อได้เลย แต่ฉันจะหยุดตอนนี้ไม่ได้ ฉันรู้ดี เพราะหากหยุดลงเมื่อไหร่มันอาจหมายความว่าฉันจะไม่สามารถหนีรอดออกไปจากป่ามรณะนี้ได้ตลอดกาล
ตั้งแต่กระเสือกกระสนหนีออกมาจากแอ่งน้ำสยองนั้นได้ ฉันก็พบกับความน่ากลัวที่ตามมาสองข้อ ข้อแรกคือ นอกแอ่งน้ำนั้นล้อมรอบด้วยป่าที่มืดทึบจนแสงแดดไม่อาจลอดผ่านยอดไม้ลงมาได้
อีกข้อหนึ่งคือ ฉันรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังตามมาฉันมา...
มันแฝงตัวอยู่ในเงาไม้เบื้องหลัง หลบเลี่ยงรูปลักษณ์ของตนจากแสง และคอยจับจ้องฉันเหยื่อที่ล่วงล้ำอาณาเขตของมันอยู่ห่างๆด้วยสายตาที่ทำให้สันหลังเย็นวาบ
มันคอยตามมาอย่างหิวกระหายและไม่ลดละ บางครั้งก็เว้นระยะให้ฉันชะล่าใจจนหยุดพัก อาจจะเพราะมันรู้ว่าทุกครั้งที่ฉันลุกขึ้นมาเพื่อจะหาทางออก ฉันจะสับสนจนไม่สามารถบอกได้ว่าพึ่งวิ่งมาจากทางไหนและเริ่มวิ่งย้อนกลับไปที่ส่วนมืดทึบของป่าอีกครั้ง
หรือบางทีถ้าหากคิดให้น่ากลัวกว่านั้น มันอาจตั้งใจให้ฉันได้หยุดพักเพื่อจะได้มีแรงพอให้มันวิ่งไล่ตามมาได้อย่างเต็มที่
หากเป็นเช่นอย่างหลังฉันก็คงไม่ต่างอะไรจากเหยื่อจริงๆ
ความจริงก็คือฉันวิ่งหนีมันมานานแล้ว และคงไม่มีทีท่าจะพ้นมันไปง่ายๆ ในเมื่อแรงในตัวกำลังหมดลงไปทุกวินาที
ฉันฮึดดึงแรงเท่าที่เหลืออยู่ออกมาเป็นครั้งสุดท้าย เดิมพันกับโอกาสที่ว่าบางทีหากวิ่งได้ไกลพอ ฉันอาจพบกับส่วนที่โล่งกว่าของป่า และหนีจากอาถรรพ์ของผู้ไล่ล่าในเงานี้ได้ซะที
เท้าก้าวไวขึ้นเรื่อยๆ ฉันกัดฟันกับความเจ็บปวด สมองต่อสู้กับความล้าที่ถ่วงขาเอาไว้ เร่งความเร็ววิ่งสวนทางกับความมืดสลัวของป่ารอบข้างที่เริ่มผ่านไปด้านหลังอย่างรวดเร็วเช่นกัน
คิดไว้ไม่มีผิดเลย มันคงเฝ้าสังเกตความอ่อนล้าก่อนหน้านี้อยู่และเดาแผนของฉันออก สิ่งมีชีวิตในเงาไม้นั้นเริ่มเร่งความเร็วขึ้นในอัตราที่น่ากลัว
ขอสารภาพเลยว่าในวินาทีที่ความเร็วของมันเพิ่มขึ้นจนเหนือมนุษย์ ความคิดต่างๆในหัวของฉันก็พร้อมใจทะลักออกมาเหมือนเขื่อนแตก ความคิดไร้สาระประดังเข้าจู่โจมจนสมองชา ความกลัวไหลเข้ามาปะปนกับความไม่อยากตาย
จนเสี้ยววินาทีหนึ่งฉันเชื่อเข้าไปจริงๆว่าถ้าตายหนีความสยองเบื้องหลังได้เดี๋ยวนี้ก็คงดี
แต่ฉันยังตายไม่ได้
จริงอยู่ที่สถานการณ์ตอนนี้มันยากจะเผชิญจริงๆ แต่ฉันก็ยังมีที่ที่ต้องกลับไป มีคนรอฉันอยู่ที่นั่น คนมากมายที่จะโผเข้ามามอบอ้อมกอดอบอุ่น และมีสีหน้าตระหนกตอนถามถึงการหายตัวไปของฉัน
ใช่แล้วล่ะ ฉันต้องไม่ตาย ฉันต้องไม่ยอมแพ้ เพื่อชีวิตของฉัน เพื่อการกลับไปพบกับคนเหล่านั้น
…น่าแปลกที่ตอนนี้ในหัวกลับนึกถึงใครไม่ออกสักคนเดียว บางทีอาจเป็นเพราะกำลังใจเหล่านั้นแล่นผ่านมาเร็วเสียจนคิดตามไม่ทันก็เป็นได้
ทันใดนั้นทางรอดของฉันก็ปรากฏ
เบื้องหน้าอีกแค่ไม่ถึงสิบหลาด้วยซ้ำ คือพื้นหญ้าโล่งที่มีแสงสีแสดสาดส่องลงมาเต็มที่!
การมองเห็นของฉันเริ่มดับวูบลงเพราะเลือดไปเลี้ยงสมองไม่ทัน ฉันภาวนาให้ตัวเองพ้นจากผู้ล่าเบื้องหลังก่อนที่สติจะดับวูบลงด้วยการร้องตะโกนออกมาแทนคำสวด
“อ้าาาา!” หวังว่ามันเป็นครั้งสุดท้ายนะที่ฉันจะได้ร้องออกมาแบบนี้ อย่าให้ฉันต้องส่งเสียงแบบนี้อีกตอนโดนมันกระซวกไส้เลย
ฉันพาขาที่เริ่มหมดสภาพของตัวเองวิ่งต่อไปได้เกือบสุดทาง แสงแดดอันปลอดภัยเริ่มทอดลงบนตัวฉันแล้วสิ ใบหน้าของฉันกำลังสัมผัสเข้ากับชัยชนะอันสว่างไสว
แต่แล้วฉันก็รู้ว่าตัวเองนึกเร็วไปว่ารอดแล้ว เมื่อเจ้าสิ่งนั้นตามทันและใช้กรงเล็บของมันตวัดเข้าที่หลัง ส่งให้ตัวฉันกระเด็นขึ้นไปในอากาศ ของเหลวสีแดงเข้มสาดกระเด็นลงทั่วพื้นหญ้าระหว่างทางที่ฉันลอยไปกระแทกขอนไม้ในลานโล่ง
หน้าอกของฉันอัดเข้ากับขอนไม้เต็มแรงจนลมหายใจกระตุก รู้สึกจุกที่ปอดจนน้ำตาไหล ใช้แขนข้างหนึ่งยันพื้นหญ้าพลิกตัวกลับมานอนหงาย กอบโกยอากาศเข้าปากก่อนจะไอออกมาอย่างหมดสภาพ
ฉันสู้อะไรไม่ได้เลยหากมันจู่โจมในตอนนี้ ทันทีที่ความคิดนั้นแล่นเข้ามา ฉันรีบยกหัวขึ้นมองผ่านช่องระหว่างเท้าของตัวเอง
ตอนนี้เจ้านั่นอยู่ที่ไหนแล้ว!
ภาพที่เห็นทำให้ผิวหนังของฉันชาด้วยความขยะแขยง สิ่งมีชีวิตซึ่งเคยซ่อนอยู่ในเงาเบื้องหลังมาตลอด บัดนี้ถูกแสงแดดที่ยังเหลืออยู่ของยามเย็นเปิดเผยร่างที่แสนอัปลักษณ์ออกมา
มันมีรูปลักษณ์เหมือนชายที่แก่ที่สุดเท่าที่จะจินตนาการได้คนหนึ่ง ลำตัวสูงเกินมนุษย์ผอมแห้งจนเห็นกระดูกปูนโปน ผิวหนังเหี่ยวย่นทั่วทั้งตัวเป็นสีดำเหมือนถูกเผาไฟ หัวมีผมสีดำชี้หรอมแหรม ตาเหลือกขึ้นกลายเป็นสีขาวจ้องมาที่ฉัน
ชายแก่คนนั้นยังคงจ้องมาอย่างไม่วางตา สักพักเหมือนพึ่งนึกได้ มันก้มตัวลง ร่างค่อยๆกลืนเข้าเป็นเนื้อเดียวกับเงาที่พื้น ก่อนที่ร่างเงานั้นจะยืดข้ามขอบเขตที่มันผ่านไม่ได้ในตอนแรก
เงาของมันค่อยๆเข้าแทนที่แสงสว่างบนพื้นหญ้า ทำให้ต้นหญ้าที่มันผ่านแห้งกรอบลง
แต่เมื่อกรงเล็บเงาที่กวัดแกว่งอย่างบ้าคลั่งนั้นไม่สามารถเอื้อมมาถึงขาของฉันได้ มันก็ค่อยๆหดกลับไปยืนยังจุดที่มันอยู่ ณ ตอนแรก
เสียงเหมือนกับเทปซึ่งกรอเร็วจนจับความไม่ได้เล็ดลอดออกมาระหว่างเขี้ยวแหลงของมันอย่างฉุนเฉียว ก่อนที่ร่างของชายแก่นั่นจะค่อยๆจางหายเข้าไปในความมืดของป่าด้านหลัง ทิ้งฉันเอาไว้กับแสงแดดที่ยังเหลืออยู่ของวัน
ฉันได้ยินเสียงตัวเองถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะที่หยุดไม่อยู่ กางแขนทั้งสองออกรับแสงอาทิตย์อันอบอุ่น
ฉันรอดแล้ว! ไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันจะรอดออกมาจากป่าบ้าๆ จากสัตว์ประหลาดพวกนั่นได้ ให้ตายสิ ไม่คิดด้วยซ้ำว่าแผนนี้จะได้ผล ที่เสี่ยงดวงคิดว่าพวกมันกลัวแสงนี่คิดถูกจริงๆ และความรู้สึกนี่มันก็... ฉันตัวแทบระเบิดด้วยความโล่งใจ
ฉันลุกขึ้นยืนอีกครั้ง หันหลังให้กับภาพของป่าดำมืดเบื้องหลัง
แผลที่หลังนั่นเจ็บชะมัด ฉันเอื้อมมือไปแตะๆบริเวณที่กรงเล็บเฉือนเข้ากับเนื้อ แต่นอกจากความเจ็บปวดแล้ว เลือดสักหยดก็ไม่ได้ติดมือมาเลย
'การนอนบนพื้นหญ้าเมื่อกี้คงช่วยกดแผลไว้ ตอนนี้เลือดเลยหยุดไหลแล้ว...'
'...หรือฉันคงคิดไปเองว่าแผลมันลึกมาก' ฉันบอกกับตัวเองว่าโชคดีแล้วที่ไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง เพราะถึงเป็นแผลใหญ่ยังไงก็ไม่มีของมาปฐมพยาบาลอยู่ดี
เบื้องหน้าคือป่าอีกส่วนหนึ่ง แม้มันจะเป็นป่า แต่แสงแดดที่ลอดออกมาจากกิ่งก้านสูงเบื้องบนกลับให้ความรู้สึกปลอดภัยกว่า อีกทั้งต้นไม้ในป่าส่วนนั้นก็เป็นเพียงสนธรรมดา
แต่ก็ใช่ว่าฉันจะเชื่อใจกับรูปลักษณ์ของมันซะทีเดียว...
บทเรียนตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา สอนว่าฉันไม่ควรไว้ใจป่านี้จากเปลือกนอกของมัน
ฉันก้มลงเก็บเศษหินแหลมข้างเท้า มันคมน่าดู ดีนะที่มันไม่แทงตัวฉันทะลุตอนกระเด็นลงมาที่พื้น คิดแล้วก็รู้สึกเสียวแผลที่หลัง
ใช้เวลาเพียงเล็กน้อย ขวานหินก็มาอยู่ในมือ ฉันลองโก่งด้ามขวานที่หักออกมาจากกิ่งของขอนไม้ล้มดู มันส่งเสียงเบาๆแต่ไม่ได้หัก
ขอนไม้นี้คงยังใหม่เกินกว่าที่ธรรมชาติจะเริ่มทำให้มันผุพัง แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมขอนไม้ใหญ่ขนาดนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ ยิ่งมันไม่ใช่ต้นสนเหมือนป่าแถวนี้ด้วย จะว่าใบของมันเคยเป็นสีดำก็ไม่น่าใช้เข้าไปใหญ่
ฉันทดลองจามขวานเข้ากับขอนไม้ดู ฉั้วะ! ใบขวานหินกินเข้าไปในเนื้อไม้พอดู เป็นอันว่าใช้ได้
ฉันขูดหินแหลมอีกก้อนที่เจอแถวนั้นกับเนื้อไม้สีขาวข้างใน โกยกำขี้เลื้อยมาไว้เต็มมือ อย่างน้อยมันน่าจะมีประโยชน์ตอนจุดไฟ
ทีนี้ต้องหาอะไรมาใส่พวกมันล่ะสิ แต่จะให้ใส่ทั้งกำไว้ในกระเป๋ากระโปรงก็ไม่ฉลาดเท่าไหร่
ฉันหันซ้ายขวา ใบไม้สีดำก็ดูเป็นตัวเลือกที่ดี ถ้าไม่ติดว่าเด็ดแล้วชายแก่นั่นจะมาตามทวงมันคืนรึเปล่าก็นะ
ครู่ต่อมาสายตาก็สะดุดเข้ากับแผ่นสานอะไรบางอย่าง
“หืม กระเป๋านี่...” ฉันพูดกับตัวเอง
มันเป็นกระเป๋าสะพายเก่าๆธรรมดา ดูเหมือนจะสานมาจากหญ้าแห้ง แต่ความบังเอิญอันสะดวกสบายทำให้มันดูน่าสงสัยไปหน่อย
ฉันลองใช้ขาเขี่ยดูจนมันล้มแล้วยักไหล่ให้กับตัวเอง ในเมื่อข้างในมันดูว่างเปล่าขนาดนั้นคงไม่มีอะไรต้องกังวลมาก อีกข้อหนึ่งคืออะไรก็ตามที่เล็กพอจะอยู่ข้างในได้ก็ไม่น่ารอดแรงสับของขวานหินในครั้งเดียว
คิดจบก็ตัดสินใจดูสภาพข้างใน
ว่างเปล่า... อย่างที่คิดไว้ไม่ผิด
ลองเปิดช่องด้านข้างดู
ว่างเปล่าเช่นกัน
ฉันจึงเทขี้เลื้อยทั้งหมดลงในช่องนั้น
ฉันเงยหน้าขึ้นมองแสงที่ผ่านลงมาจากยอดไม้
นี่ก็ใกล้มืดแล้ว คราวนี้เป็นความมืดของจริงที่ไม่อาจหลบเลี่ยงการเผชิญได้ และเมื่อถึงเวลานั้นการต่อสู้ของฉันคงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
ยกกระเป๋าขึ้นสะพายบ่า น้ำหนักอันเบาของมันไม่ได้ซ้ำความเจ็บปวดที่หลังมากนัก
ฉันออกเดินเข้าไปในป่าสนเบื้องหน้า ไม่คิดจะหันกลับไปมองทางที่พึ่งผ่านมาอีกเป็นครั้งที่สอง
โดยไม่รู้เลยว่านอกจากชายแก่ในป่าแล้ว กำลังมีใครอีกคนหนึ่งที่มีอำนาจมากกว่ามากเฝ้ามองฉันอยู่เบื้องหลัง...
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ