Don't Starve : Skinwalker

8.4

เขียนโดย ทิลิปา

วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 06.28 น.

  2 Day
  6 วิจารณ์
  6,427 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 07.45 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

1) With those living things

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

     แม้เปลือกตาจะปิดอยู่ แต่วอนดาร์ก็สัมผัสได้ถึงกระแสน้ำอ่อนๆของทะเลแคริบเบียนที่ลูบไล้ผ่านต้นแขนและขาของเธอ มันทำให้เธอนึกถึงเมื่อครั้งที่ลูกแมวของเธอทิ้งตัวลงนอนที่ตัก และเธอได้ใช้นิ้วเรียวลูบผ่านเส้นขนอันเรียบลื่นของมัน

     มันจะคิดถึงเธอไหมนะ ในยามบ่ายคล้อยที่เธอลงมานอนแช่ตัวอยู่ในอ้อมกอดของเกลียวคลื่นโดยไม่ได้พามันมาด้วย วอนดาร์ปล่อยให้ความคิดถึงพาใจของเธอล่องลอยไป เช่นเดียวกับเส้นผมสีดำของเธอซึ่งสยายยาวเหนือผิวน้ำสีน้ำเงิน

     ครู่ต่อมาเธอก็รู้สึกถึงน้ำหนักของชุดที่สวมใส่อยู่ หญิงสาวไม่ได้สะดุดใจอะไร เธอเพียงแค่ขยับแขนเบาๆสองสามทีเพื่อพาให้ร่างลอยขึ้นมาเหนือน้ำอีกครั้ง เธอรู้สึกถึงฝูงปลาตัวเล็กๆที่แตกตื่นว่ายผ่านใต้ลำตัวไปโดยไม่จำเป็นต้องเปิดตามองด้วยซ้ำ ความนึกสนุกก่อตัวขึ้นในหัวของเธอทันที

 

     หญิงสาวเริ่มตีขาเบาๆ ไม่แรงพอที่จะส่งให้เธอเคลื่อนออกจากจุดเดิม แต่มากพอที่จะทำให้ฝูงปลาเริ่มว่ายหนีขึ้นมาตามน่องขา ผ่านชายกระโปรง เอว หลัง จนในที่สุดก็มาถึงตำแหน่งที่เธอต้องการ

     วอนดาร์รีบพลิกตัวกลับ ใช้สองมือของเธอพุ่งผ่านน้ำออกไปตะครุบตัวปลาที่ว่ายรั้งท้ายอย่างรวดเร็ว เธอลืมตาขึ้นในน้ำ เห็นฝูงปลาซึ่งรอดจากการถูกจับว่ายห่างออกไปไกล ทิ้งไว้แต่ฟองคลื่นสีขาวที่บดบังจนเธอไม่สามารถระบุชนิดของมันได้ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอใส่ใจหรอก ในเมื่อตอนนี้ความสนใจทั้งหมดของเธอพุ่งตรงไปที่ปลาตัวน้อยซึ่งพยายามว่ายชนฝ่ามือที่ปิดอยู่ไปทุกทิศทาง

     วอนดาร์บอกได้ว่ามันตื่นเต้นพอๆกับเธอในขณะที่เธอค่อยๆแง้มมือออก ปล่อยให้ลำแสงอาทิตย์ส่องผ่านผิวน้ำลงไปที่ช่องแคบระหว่างมือ ลงไปบนปลาตัวเล็กตัวนั้น

     ทันใดนั้นหญิงสาวก็รีบสะบัดมือออกทันที ตาของเธอเบิกโพลงอยู่ในน้ำ รู้สึกเหมือนภาพที่เห็นเริ่มช้าลงเรื่อยๆ เธอเห็นปลาปีศาจตัวนั้นว่ายผ่านหน้าไปได้อย่างชัดเจนแม้ขนาดของมันจะไม่ได้มากไปกว่าสองข้อนิ้ว ลูกตาสีดำคู่โตของมันกินพื้นที่กว่าครึ่งหนึ่งของหัว ครึ่งที่เหลือก็ถูกประดับด้วยฟันแหลมคมหลายซี่ที่ยื่นทะลุปากออกมา ส่วนตัวด้านหลังซึ่งเหมือนทูน่านั่นก็ไม่ได้ช่วยให้มันดูน่าหวาดกลัวน้อยลงเลย

     มันไม่มีทีท่าจะทำอันตราย เพียงแต่ว่ายปราดข้ามไหล่ของเธอจากไป ทิ้งให้หญิงสาวที่สำลักน้ำด้วยความตกใจตีแขนไปมา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นนั่งหอบสลับกับไอ วอนดาร์พึ่งสังเกตว่าน้ำในบริเวณที่เธออยู่ลึกไม่ถึงสะโพก

 

     ‘นี่ไม่ใช่น้ำทะเล’ และวอนดาร์แน่ใจว่าลิ้นของเธอคงไม่โกหก เธอยกข้อมือขึ้นปาดน้ำที่ติดอยู่ออกจากตา ไม่สนใจว่าน้ำนั่นคือน้ำจืดหรือน้ำตากันแน่

     ‘งั้นฉันอยู่ที่ไหนกัน’ เธอปรับสายตาผ่านผมสีดำชื้นๆที่ปรกใบหน้า พยายามไม่ให้ความกลัวมีชัยในจิตใจ

     มันไม่ได้เกินจริงเลย หากจะบอกว่าหญิงสาวสับสนกับความรู้สึกที่เธอมีต่อภาพตรงหน้า ในครั้งแรกที่เธอมอง วอนดาร์รู้สึกว่ากิ่งก้านของต้นไม้สีดำที่อยู่เหนือหัวขึ้นไปนั้น ปกคลุมไปด้วยใบสีเข้มซึ่งสะท้อนแสงแดดเบื้องบนเกิดเป็นประกายน่าจับจ้อง ในขณะที่ลำต้นปูดโปนของมันช่วยกันยึดดินอันอุดมไปด้วยมอสชุ่มชื้นสีเขียวสดไม่ให้ร่วงหล่นลงมาในแอ่งน้ำเย็น และยังมีผีเสื้อสีสดหลายตัวกำลังบินตอมดอกไม้ใต้ต้นไม้

     แต่เมื่อรายละเอียดปรากฏมากขึ้น ความพิศวงก็กลับกลายเป็นความสยองขวัญ หญิงสาวเริ่มมองเห็นว่าปุ่มปูดโปนบนต้นไม้เหล่านั้นมีส่วนคล้ายใบหน้าของมนุษย์ที่บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ต้นทางด้านขวามีก้อนที่ทำให้มันดูเหมือนมีจมูกงุ้มออกมาช่วยเสริมริมฝีปากผิดรูปน่าขนลุก ในขณะที่ต้นติดๆกันมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยตุ่มฝี และวอนดาร์เชื่อว่าต้นตรงหน้ากำลังแสยะรอยยิ้มน่ากลัวใส่เธอด้วย

 

     เธอรีบเบนสายตาออกจากมันในทันที แค่พบว่าตนเองไม่ได้อยู่ที่ทะเลก็ทำให้ใจเสียมากแล้ว หญิงสาวไม่อยากรู้สึกว่าโลกรอบตัวกำลังแกล้งให้เธอกลัวไปมากกว่านี้อีก นี่อาจจะเป็นเวลาที่เหมาะการทดสอบความกล้าก็จริง แต่ดูเหมือนวอนดาร์กลับทำได้เพียงพยายามกลั้นน้ำตา ไม่ทำให้หน้าเหยเกไปมากกว่านี้ เธอไม่ใช่คนขี้กลัว ออกจะกล้าด้วยซ้ำไป แต่ทุกอย่างที่ประดังเข้ามาพร้อมกันมันมากเกินกว่าที่คนธรรมดาจะรับได้อยู่แล้ว ทั้งไม่รู้ว่าตนเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ไหนจะเรื่องที่เธอจำเหตุการณ์ระหว่างเดินทางจากแคริบเบียนมาป่านี่ไม่ได้อีก

     ราวกับจิตวิญญาณแห่งป่าได้ยินคำอ้อนวอน ผีเสื้อขนาดใหญ่ตัวหนึ่งจึงบินข้ามแอ่งน้ำมาเกาะที่ปลายจมูกของเธอเป็นการปลอบขวัญ

     จิตใจของวอนดาร์ค่อยสงบลง ผีเสื้อเองก็คงสงบเช่นกัน ในเมื่อมันยอมให้เธอลูบปีกสีเบอรี่สดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แถมยังยอมขยับมาเกาะที่ปลายนิ้วอีกต่างหาก

     “เธอกินอะไรมาน่ะ” หญิงสาวเริ่มใจชื้น ทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่นเกสรที่ติดตามตัวแมลงซึ่งดูเป็นมิตรเกินธรรมชาติ ก่อนจะมองไปยังที่มาของอาหารที่มันกิน

     ซึ่งก็เป็นดอกไม้ที่ควรนำมาประดับสวนหลังบ้านมาก ถ้าไม่ติดว่ากลีบของมันขึ้นรูปเป็นหน้ามนุษย์เหมือนกัน แถมมันค่อยๆหันมาทางเธอเสียด้วย!

 

 

     วอนดาร์จำเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่ได้มาก แต่เธอรู้ว่าตนเองกรีดร้องและหนีออกมาออกมาจากแอ่งน้ำก่อนที่มันจะสร้างบาดแผลถาวรให้กับประสาทของเธอ

 


'นี่ไม่ใช่โลกที่เธอรู้จัก แต่ต่อให้รู้จัก ก็ไม่ใช่ที่ที่เธอสมควรอยู่ ! '

 

 

--------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกันท้ายตอน :

สวัสดีคุณผู้อ่าน นี่เป็นฟิคชั่นเรื่องแรกที่เราเอามาลงขีดเขียนเลยค่ะ

อาจจะมีข้อด้อยอยู่บ้างเพราะตอนแรกตั้งใจไว้ว่าจะใช้เป็นเรื่องที่เขียนคลายเครียด

แต่วิจารณ์ได้เต็มที่เลยนะคะ เราเปิดรับคำแนะนำเต็มที่ค่ะเพื่อจะได้เอาไปพัฒนาฝีมือต่อไป

 

ขอบคุณที่อ่านมาจนจบ Day 1  นะคะ

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา