[ChanBeak]-Love you only

10.0

เขียนโดย Metoric_soul

วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 11.58 น.

  15 chapter
  14 วิจารณ์
  25.33K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 เมษายน พ.ศ. 2557 12.25 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

13) หนึ่งวันกับไอ้หยอย -*-

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Baekhyun Part’s

 

“แล้วทำไมฉันต้องไปกับนายด้วย!!” ผมบ่นอุบไม่หยุดตั้งแต่ถูกลากออกจากห้องเรียน เดี๋ยวเล่าย้อนหลังให้ฟัง คือพี่ลู่ยังหลับไม่ฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลไอ้ชานหยอยมันเลยจะลากผมมาทำงานแทนพี่ลู่ชั่วคราว นี้มันบ้าหรือมันกำลังจะบ้าเนี่ย ! ผมเคยทำงานสภาซะทีไหน

 

“แค่เออออไปก็พอว่า แต่นายสคลิปอะไรมาให้ฉันท่องนักหนาเนี่ย”

 

“นายจะบ้าหรอ หน้าที่ของฮยองน่ะสำคัญมากนะ แถมวันนี้เขาประชุมสภากันด้วย”

 

“แล้วทำไมต้องฉันละ พี่เฉินก็ได้ไม่ใช่หรอ”

 

“พี่เฉินก็เป็นสภา” เออ !! ดี! รุ่นพี่ผมเป็นสภาเกือบหมดเลย ในห้องคนดีๆมีไม่เลือก เฮ้อ...เศร้าเว้ย !! พี่ลู่รีบตื่นเถอะครับผมจะได้ไม่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ T^T

 

“ขอโทษที่ช้าครับ” ไอ้หยอยเปลี่ยนจากออกแรงลากผมเต็มเป็นย่องเบาในชั่วพริบตา ในห้องนี้บรรยากาศตึงเครียดมาก ผมไม่เคยเห็นการประชุมของสภานักเรียนมาก่อนยิ่งเครียดหนักเลย ฮรือ....พี่ลู่ช่วยด้วย T^T!!

 

........................................................

 

“เฮ้อ... นี้ฉันต้องเสียหนึ่งคาบเรียนกับการมาพูดสคลิปบ้าๆนี้หรอเนี่ย T^T”

 

“อย่าบ่นไปหน่อยเลย คิดซะว่าทำเพื่อพี่ลู่ละนะ” ชานยอลตบบ่าผมเบาๆ ตอนนี้เรากำลังรอไอศกรีมร้านคุณป้าเจ้าประจำของผม เพราะไอ้ชานหยอยนี้ตกลงจะเลี้ยงขอบคุณที่ผมช่วยมัน บรรเทาอาการใจหายเมื่อพูดผิดลงได้บ้าง ฮือ...

 

“แล้วพี่ลู่เป็นไงบ้างละ”

 

“ฮยองอ่ะ ยังไม่ฟื้นตามเดิมแต่หมอบอกว่าดีขึ้นบ้างแล้ว” ชานยอลว่าพลางรับไอศกรีมจากคุณป้าแล้วส่งให้ผมอันนึง

 

“เย็นนี้จะเข้าไปเยี่ยมมั้ยละ”

 

“ไม่ละ วันนี้ญาติมาคงไปไม่ได้หรอก ฝากบอกพี่ลู่ให้รีบฟื้นด้วยนะ”

 

“โอเค หวังว่าพี่ลู่คงดีใจนะที่นายยอมช่วย”

 

“ได้ข่าวว่านายลาก - -^” ผมถึงกับคิ้วกระตุก เฮ้อ...เหนื่อยเลยไง ไม่เคยคิดเลยนะว่าผู้ชายตัวเล็กๆจะต้องทำงานหนักขนาดนี้ นึกแล้วก็อดสงสารไม่ได้ แต่ว่าพี่ลู่ก็ยังยิ้มอย่างมีความสุขกันงานนะเพราะเป็นงานที่ชอบละมั้งเลยทำมันอย่างเต็มที่โดยที่ไม่รู้สึกเหนื่อยเลย แล้วงานที่ผมชอบแล้วทำอย่างเต็มที่ละ...

 

“เฮ้อ...” ก็มีแค่งานที่ได้ร้องเพลงกับพี่ลู่ครั้งแรกเนี่ยแหละ ชานยอลเห็นผมทำหน้าเหนื่อยใจอยู่ๆก็ยื่นไอศกรีมรสส้ม(?)มาตรงหน้าทำเอาผมงงเข้าขั้นเอ๋อเลย

 

“เห็นนายกินแต่ช็อกโกแลต ลองรสอื่นบ้างสิ รสนี้กินแล้วสนชื่นดี” ผมลากสายตางงๆไปมองหน้าเจ้าของไอศกรีม ชานยอลยิ้มแล้วพยักหน้าให้ผมเลยงับเข้าปากพอดีคำ สดชื่อขึ้นจริงด้วย O~O

 

“หืม...จริงด้วยแฮะ”

 

“เห็นมั้ยละ แล้วช็อกโกแลตของนายดีตรงไหน”

 

“โห่ นายไม่รู้อะไรซะแล้วเวลาเหนื่อยก็ต้องหาน้ำตาลไปเลี้ยงสมองบ้างดิ” ผมว่ายิ้มๆแล้วยื่นไอศกรีมในมือไปตรงหน้าเหมือนที่ชานยอลทำกับผม ใบหน้าหล่อหันมายิ้มให้ทีนึงแล้วงับทับลงไปตรงที่ผมชิมไปนิดๆแล้วก่อนจะหันมายิ้มอย่างมีเลศนัยน์ อะไรของมันวะ ?

 

“นายรู้มั้ยว่าแลกไอศกรีมกันกินหมายถึงอะไร”

 

“อะไรอ่ะ” ผมชักไอศกรีมกลับมางับก่อนนึกขึ้นได้ มันกินตรงที่ผมกัดก่อนหน้าทั้งๆที่ผมยื่นด้านที่ไม่ได้กินให้...มะ หมายความว่า...

 

“อย่าบอกนะว่า....”

 

“จูบทางอ้อมอย่างนึง ^^”

 

ไอ้หยอยเอ้ย ! อย่าอยู่เล๊ยยยยยย T^T/

 

ผมลุกขึ้นทำท่าจะกระโจนเข้าบีบคอไอ้หยอยแต่เจ้าตัวไหวตัวทันเลยลุกขึ้นแล้วทำท่าจะหนี

 

“ขาสั้นก็วิ่งช้าเป็นธรรมดาละน้า~~~”

 

“อย่าอยู่เลยไอ้หยอย !!” ผมถอดร้องเท้าปาอัดใส่กลางหลังทำเอาร่างสูงเซไปเล็กน้อยคราวนี้แหละเสร็จฉันแน่ไอ้ปาร์คชานหยอย !! ผมโดดคว้าคอคนตรงหน้าแล้วเย้อมาข้างหลัง แต่ร่างสูงไม่ยอมเย้อกลับจนตัวผมลอย กลายเป็นเล่นเย้อกันอยู่อย่างนั้นสักพักจนต่างคนต่างหมดแรงเลยกลับมานั่งกินดีๆที่เดิม

 

“จูบตรงๆนายยังทำมาแล้วเลย อายอะไรกับแค่จูบทางอ้อม”

 

“ตอนนั้นสมองฉันยังเบลออยู่เว้ย! ใครจะไปจูบนายลง ฮึ้ย !T^T” ชานยอลหัวเราะแล้วเอื้อมมือมาโยกหัวผมเล่น ผมเลยโดดงับอย่างหมั่นไส้ งับไม่ปล่อยด้วย!!

 

“เฮ้ยๆๆ เจ็บนะ ปล่อยได้แล้ว”

 

“ไอ้อ่อย(ไม่ปล่อย)!!”

 

“ไม่ปล่อยฉันจูบ” ผมยักคิ้วท้าทาย มันเนี่ยนะจูบผมต่อให้มันกล้าก็จูบผมไมได้หรอกเพราะผมงับมือมันไว้อยู่ ฮ่าๆๆๆ คราวนี้นายแพ้ฉันแน่ ผมเพิ่มแรงงับเป็นการท้าทาย

 

“หนึ่ง”

 

“อับไอเออะ(นับไปเถอะ)”

 

“สอง”

 

“อายอำไอ้อ้ายออก(นายทำไม่ได้หรอก)” ชานยอลถอนหายใจแล้วลากสายตากลับมามองหน้าผมอีกครั้ง

 

“สาย”

 

“เอ้ย ! อุ๊บ OxO” อยู่ๆมือหนาก็กระชากออกจากปากอย่างรวดเร็วแล้วใช้ริมฝีปากเบียดเสียดเข้ามาแทน บดขี้ริมฝีปากผมอย่างรุนแรง ลิ้นร้อนตวัดหยอกล้ออย่างไม่เกรงใจในขณะที่มือที่ผมงับก่อนหน้าล็อคสองมือผมไว้แน่น แต่ทำไม...อยู่ๆผมก็ไม่มีแรงขัดขืนเลย มือไม้อ่อนไปหมดเปลือกตาเริ่มหนักอึ้งยากจะลืม ลิ้นร้อนเริ่มเปลี่ยนจากรุกเร้าเป็นอ่อนโยนลงนั้นทำให้สมองผมเบลอเหมือนจะหยุดทำงานไปเลย พอร่างสูงถอยห่างผมเห็นหมอนั้นแอบใช้มือเช็ดเบาๆที่ริมฝีปากตัวเองก่อนจะยิ้มให้ผมอย่างมีเลศนัยน์อีกครั้ง อะไรอีกเล่า T^T !

 

“คราวนี้จูบตอบด้วยนิ ไม่ได้เบาเลยนะ”

 

“คะ....ใครจูบตอบนาย ไม่คุยด้วยแล้ววว !!” ผมรีบยัดไอศกรีมที่เหลือเข้าปากให้หมดแล้วลุกพรวดเตรียมเดินออกมาแต่มืออุ่นดึงตัวผมไว้ทำให้เสียหลักลงไปนั่งบนตักเขาซะได้

 

“งอนหรอ...” เสียงแหบพร่ากระซิปเบาๆข้างหูทำเอาขนลุกเป็นแถบ นายจะทำอะไรเนี่ย > <’

 

“ไม่งอนนะ...” นิ้วเรียวเฉยคางผมไว้ก่อนจะใช้นิ้วโป้งเกลี่ยเบาๆที่ริมฝีปาก เดี๋ยวนะ...ทำไมผมรู้สึกเหมือนระยะห่างมันลดลงเรื่อยๆเนี่ย

 

“แกล้งกันอีกแล้วนะ วันนี้ไม่ต้องมาคุยกันเลย!”

 

“เดี๋ยวดิ” ท่อนแขนแกร่งคว้าร่างผมกอดไว้แน่นยิ่งผมดิ้นหมอนี้ยิ่งกอดแน่นขึ้น ผมเลยหันไปประจันหน้าหล่อนี้ตรงๆก่อนใช้สองมือบีบที่แก้มเข้าหากัน

 

“ทำอะไรเนี่ย -)3(-”

 

“ทำให้นายดูน่าเกลียดไง!!”

 

“หรอ -)3(-” แทนที่จะน่าเกลียดกลับดูน่ารักมากกว่า ทำไมฉันทำร้ายนายไมได้เลย ไอ้หนอนเอ้ยนายจะดวงแข็งไปไหนเนี่ยทำไมเกิดมาหน้าตาดีพ่อแม่มีตังค์พี่ชายหล่อเพอร์เฟคใจดีส่วนนายมีแต่คนรุมล้อมมีแต่คนรักนายนะ โชคดีไปไหนเนี่ย!!

 

“ไม่ทำให้น่าเกลียดแล้วไง?”

 

“มะ...ไม่แล้ว แกล้งไปก็เท่านั้น -/////-” ผมเบ้หน้าหนีแต่อยู่ๆมืออุ่นก็ประคองหน้าให้ผมหันกลับไปสบนัยน์สีดำขลับคู่สวย อยู่ๆร่างตรงหน้าก็ทาบริมฝีปากลงบนมุมปากผมเบาพอผละออกก็คลี่ยิ้มบางให้

 

“อย่างอนนะคนดี...”

 

“อะ...อะไรของนายเนี่ย ขนลุก -/////-”

 

“งั้นนายก็ต้องตัวให้ชินแล้วหละ เพราะต่อไปนี้ฉันกะจะจูบนายทุกวันจะได้รู้สักทีว่าฉันมีนายคนเดียวจะได้ไม่ต้องมาหึงพี่ลู่ให้เหนื่อยใจไง ^^” ชีวิตนี้ผมคงไม่สงบสุขง่ายๆแน่ T^T

 

Chanyeol Part’s

 

ฮื้ม อารมณ์ดีวันนี้ได้แกล้งคนฮ่าๆๆ ^O^

 

“ลั่นล้าเชียวนะ”

 

“เฮือก ! เฮีย ! จะเข้าจะออกบอกกันก่อนได้มั้ย ถ้าวันไหนผมลืมเก็บห้องขึ้นมาก็แย่เลยดิT^T” เฮียคนนี้นิ ทำอะไรไม่เคยบอกแวบไปแวบมาให้ไอ้น้องอย่างเราตกใจเล่นตลอด แล้ววันนี้ก็แวบมาคอนโดผมด้วยดีนะที่เมื่อคืนรู้สึกมีรางสังหรณ์แปลกอยู่ๆก็อยากเก็บห้องขึ้นมา เพราะเฮีนจะมานี่เอง เฮ้อ... โล่งไปหนึ่งเปราะ - -^

 

“ทำไมฉันต้องบอกนายด้วย ห้องนายก็เหมือนห้องฉัน เหมือนที่นายเข้าออกห้องฉันได้ตามใจชอบไง”

 

“แล้วถ้าผมไมได้เก็บห้องละ เฮียก็บ่นผมอีก” ผมวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะแล้วเอนหลังพิงโซฟานุ่มอย่างหน่ายใจ เฮียคริสมองผมสักพักก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ ว่าแต่ผมอารมณ์ดี - -^

 

“ถูกใจบยอนเข้าให้แล้วไง”

 

“แบคฮยอนอ่ะ ก็น่ารักดี”

 

“แค่นั้นหรอ ไม่ใช่เพราะอยากลืมลู่หานรึไง”

 

“.....”

 

“ไม่ได้จะมาพูดแทงใจดำหรอกนะ”

 

“แต่เฮียทำไปแล้ว” เฮียคริสหัวเราะแล้วโยนกองกระดาษลงบนโต๊ะ

 

“ฉันจะไปต่อมหาลัยที่แคนดา ไปด้วยกันมั้ย” งั้นหรอ...เฮียตัดสินใจได้แล้วนินะ ดีจังที่ตัดใจได้แล้ว แล้วคนที่คนยังตัดใจไม่ได้สะทีอย่างผมต้องมานั่งสับสนอีกนานมั้ยนะ

 

“อีกนานกว่าจะจบ เฮียจะรีบมาบอกผมทำไม”

 

“ให้เวลานายตัดสินใจไง” ร่างสง่าลุกขึ้นเอามือล้วงกระเป๋าแล้วเดินออกไปเงียบๆ คิดจะมากดดันกันอีกแล้วพี่ชายคนนี้ ตอนแรกบอกให้ผมแย่ง คราวนี้มาบอกให้ลืม ทำไมต้องปั่นหัวผมตลอดด้วยนะ ตอกย้ำให้ผมไม่เคยลืมรอยยิ้มนั้น ทุกครั้งที่ได้เห็นใบหน้าที่มีความสุขควบคู่กับแสงอาทิตย์ริมหาดยามเย็น

 

‘ผมรักฮยองนะ ^^’

 

‘ฮยองก็รักชานนะ ^^’

 

ทำไมมันถึงจบเลยง่ายขนาดนั้นนะ

 

‘ขอโทษ...ฮยองไม่รู้ว่าชานจะคิดมากกว่าพี่น้อง แต่ฮยองมีคนที่ฮยองรักแล้ว ชานโอเคนะ...’

 

‘ดูแลเขาดีๆละ’

 

 

‘เอ๋’

 

‘ดูแลคนที่ฮยองรักดีๆละ อย่าให้เขาต้องมาเหมือนฮยองในตอนนี้’

 

‘ชานยอล...’

 

‘ผมรักฮยองนะ’ ผมเข้าใจ ว่าอย่างผมก็เป็นได้แค่น้องชายคนนึง แค่นั้น...แต่หัวใจกลับไม่เคยเชื่อฟังเอาแต่หวังว่าสักวันเขาจะหันกลับมามองที่เล็กๆตรงนี้ มาหยุดพักหัวใจดวงน้อยๆที่เหนื่อยเต็มทีบนพื้นที่เล็กๆนี้ ซบไหล่ของผมด้วยสีหน้าอ่อนล้าอย่างไม่ปิดบัง แล้วให้ผมได้รักษาเขาจนหายเหนื่อย อยากดูแลอยู่ไม่ห่างทั้งที่ไม่ใช่หน้าที

 

ครืด.....

 

ผมรู้ว่าผมกำลังทำเรื่องเลวร้ายที่สุดอยู่แต่ไม่ว่ายังไง มันก็ดีกับตัวผมเอง ขอโทษที่เห็นแก่ตัวทั้งฮยอง...แล้วก็แบคฮยอน

 

“ฮัลโหล”

 

(ถึงห้องยัง?)

 

“อืมถึงแล้ว คิดถึงรึไงถึงโทรมา”

 

(จะบ้ารึไง ฉันอยู่หน้าคอนโดนายเนี่ย พอดีดีโอช่วยสอนฉันทำเค้กส้มกะจะเอามาให้นายชิม) ทำไมอยู่ๆผมถึงต้องยิ้มออกมาเหมือนคนบ้าด้วยนะ ผมเดินออกจากห้องมาที่ลิฟต์แล้วแกล้งใช้เอ็มพีสามเปิดเพลงเบาๆเหมือนอยู่ในห้อง

 

“นายไม่ต้องขึ้นมาหรอก”

 

(....)

 

“เฮ้ อยู่มั้ยเนี่ย”

 

(ยะ...อยู่ งั้นฉันกลับละนะ)

 

ติ้ง!

 

“ก็แล้วแต่นายสิ” ผมเดินออกจาลิฟต์เห็นร่างเล็กในเสื้อแขนยาวมีฮูทกำลังทำหน้าจ๋อยมองโทรศัพท์อยู่ ในมืออีกข้างมีกล้องใส่เค้กอยู่ นึกออกละว่าจะแกล้งอะไรดี ผมแอบย่องไปข้างหลังแล้วเอื้อมมือไปปิดตาแบคฮยอนเอาไว้

 

“คะ...ใครเนี่ย”

 

“คนที่นายทำเค้กมาให้ไง” ผมว่าพลางเปิดตา ร่างเล็กหันมาประจันกับผมก็เกิดอาการตกใจเล็กน้อย คนออกจะหล่ออย่าบอกนะว่ามองเป็นผี - -^

 

“เล่นอะไรของนายเนี่ย”

 

“แค่แกล้งเฉยๆเอง แล้วอะไรจะตกใจขนาดนั้น” ผมบีบจมูกคนตัวเล็ก แบคฮยอนทำหน้าฉุนก่อนจะยกมือขึ้นกุมจมูกเมื่อผมปล่อยมือแล้วทำให้หน้าเหมือนจะงอนแหล่ไม่งอนแหล่ ผมเลยก้มลงหอมแก้มคนตัวเล็กฟอดใหญ่

 

“น่ารักจริงๆที่ทำเค้กมาให้ ^^”

 

“อะ...อะไรอีกเนี่ย!! เอาไปเลยไปฉันจะกลับแล้ว!”

 

“เดี๋ยวดิ ไหนๆก็มาแล้วขึ้นไปข้างบนก่อนมั้ยละ”

 

“ไม่ละ นายไม่เห็นรึไงว่าฟ้ามามืดขนาดนั้นเดี๋ยวระหว่างทางในตกฉันได้ไข้ขึ้นอีกหรอก” ผมมองท้องฟ้าผ่านกระจกใส จริงด้วย มามืดเชียว จะค้างที่นี่สักคืนคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง เดี๋ยวนะ ผมไมได้จะทำอะไรสักหน่อยแค่ประโยคมันพาไป - -^

 

“ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย เดี๋ยวฉันไปส่งก็ได้”

 

“นายมีแต่จักรยาน”

 

“แต่ฉันก็มีร่ม เดินไปส่งไม่เห็นเป็นไรเลยทางไปบ้านนายบรรยากาศดีออก” แบคทำหน้าเหมือนจะไม่เห็นด้วยแต่สุดท้ายก็ถอนหายใจแล้วยอมพยักหน้าเข้าใจ ดีมากเด็กน้อยฮ่าๆๆๆ

 

“แค่วันเดียวนะ”

 

“จริงๆนายจะมาทุกวันเลยก็ได้นะ ^^”

 

“ฉันจะมาทำซากอะไรฟะ - -^” คนตัวเล็กเดินนำเข้ามาในลิฟต์ก่อนจะหันมามองหน้าผมอย่างขอความช่วยเหลือ ผมหัวเราะในลำคอเบาๆแล้วกดชั้นที่ผมอยู่ พอบรรยากาศเงียบลงแบคฮยอนก็เริ่มเขยิบไปชิดอีกมุมทั้งที่ในลิฟต์มีเพียงกับเขา อ้อรู้แล้ว สิ่งนึงที่ทำให้ผมเข้าใจคือใบหน้าที่ตอนนี้แดงขึ้นมาหน่อยๆ นายอย่าทำให้ฉันอดใจไม่ไหวได้มั้ย ในลิฟต์มันมีกล้องนะ - -^

 

ติ๊ง!

 

พอประตูลิฟต์เปิดออกร่างเล็กก็พุ่งพรวดออกไปทันทีแต่ว่าดันเดินไปผิดทางซะนี่

 

“ทางนี้” แบคฮยอนหันมามองหน้าผมแล้วเกาหัวงงๆก่อนจะเดินตามด้วยสีหน้าเอ๋อๆ ไหวมั้ยเนี่ย - -^

 

“นายจำห้องฉันไม่ได้จริงดิ”

 

“เพิ่งเคยมาแค่ครั้งเดียวใครจะไปจำได้เล่า!!” ผมหัวเราะกับผมน่ารักของคนตัวเล็กก่อนเอื้อมมือโยกหัวเล่นๆ แล้วใช้คีย์การ์ดปิดประตูห้อง หรูมั้ยละ ช่วยไม่ได้คนมันรวย ฮ่าๆๆๆ (ไรท์:ใครอยากดักฝาดหัวแล้วพาเข้าห้องเหมือนไรท์บ้างค่ะ -.,-+)

 

“แล้วนายอยู่คนเดียวไม่เหงาบ้างรึไง”

 

“สนใจมาอยู่ด้วยกันมั้ยละ” ผมแซวเลยถูกหมัดเล็กๆสวนเข้าที่ที่ท้องทำให้หลุดหัวเราะหก๊ากออกมาเลย

 

“แล้วทำไมไม่อยู่ร่วมห้องกับไคไปเลยละแล้วช่วยกันแชร์แบบนั้นไม่ถูกกว่าหรอ”

 

“คือฉันชอบอยู่แบบส่วนตัวน่ะแต่เวลาเหงาๆก็เดินไปหากันได้แบบนี้เลยซื้อห้องแยก อีกอย่างนี้ไม่ใช่เงินฉันซะหน่อย” จะบอกว่าเงินพ่อแม่ส่งให้ทุกเดือนยังใช้ไม่เคยหมดเลย - -^

 

“ง่า ฝนตกจนได้ T^T” ผมละสายตาจากเค้กในจากเงยหน้าขึ้นมองหน้าต่างที่ตอนนี้มันน้ำหยดเล็กจำนวนมาเกาะอยู่และเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ คนตัวเล็กเดินทำหน้าเซ็งมานั่งเอาคางท้ายกับเคาว์เตอร์ ทุกครั้งที่มองหมอนี้ทำอะไรน่ารักๆแล้วก็อดยิ้มตามไมได้ทุกที หลังจากจัดเค้กใส่จานเรียบร้อยผมก็ชงโกโก้ไว้สองแก้วแล้วเอามาวางตรงหน้าคนที่ทำท่าจะหลับ

 

“กินด้วยกันสิ” ผมเดินอ้อมมานั่งข้างๆร่างเล็กที่มีอาการเบื่อหน่ายมากๆเลยอดที่จะเอื้อมมือไปขยี้หัวเล่นไม่ได้

 

“หาคนท้องเสียเป็นเพื่อนสินะ งั้นฉันเปิดก่อนก็ได้” คนตัวเล็กทำเสียงงอนทำท่าจะตักเค้กเข้าปากแต่กลับถูกผมคว้ามือไว้ก่อน

 

“นายทำมาให้ฉันนะ ให้ฉันชิมก่อนสิ”

 

“เดี๋ยวนายท้องเสียขึ้นมาก็มาโทษฉันอีก”

 

“งั้นกินพร้อมกัน”

 

“ยังไง” ยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ทีนึงแล้วเอาเค้กเข้าปากแล้วประกลบปากคนตรงหน้า อยู่ภาพนึงก็ซ้อนขึ้นมาในหัว

 

‘ชาน อย่าดื้อสิ ยาต้องกินให้ตรงเวลานะแล้วแบบนี้เมื่อไหร่จะหาย’

 

‘ผมไม่เป็นอะไรซะหน่อยฮยอง’

 

‘จะไม่กินใช่มั้ยเนี่ย’

 

‘ไม่แน่นอน’

 

‘ได้!’ แล้วร่างบางก็กรอดยาและน้ำข้าปากตัวเองก่อนจะทาบปากลงมา รสขมแพร่ซานไปทั่วทั้งปากก่อนจะผ่านลงคอ เพราะภาพความทรงตำนั้นทำให้ผมผละออกด้วยอาการตกใจเล็กน้อยทำเอาคนตรงหน้ามองผมด้วยสายตาฉงนสุดๆ

 

“วิธีกินแย่มาก ว่าแต่ ไม่อร่อนหรอ ฉันว่าก็โอแล้วนะ...”

 

“มะ...ไม่ใช่ ก็อร่อยดี ยิ่งกินแบบนี้ยิ่งอร่อยเลย ^^”

 

“ไม่กินด้วยแล้ว!!” รอดไป กลบเกลื่อนได้แค่นี้ละนะ...

 

...................................

 

หลังจากจัดการเค้กส้มที่คิดว่าน่าตาดูไม่ได้แต่รสชาติเข้าขั้นอร่อยอยู่ผมก็ไล่แบคฮยอนไปอาบน้ำแล้วบอกว่าให้ค้างที่นี้ตอนแรกเจ้าตัวไม่ยอมหรอกแต่เพราะฝนตกหนักมาก เข้าขั้นพายุเข้าเลยด้วยซ้ำทำให้ออกจากคอนโดไม่ได้เลย หมอนี้เลยต้องจำค้างห้องผมหนึ่งคืน ฮ่าๆๆๆโชคเข้าข้าง

 

พรึบ!!

 

อาว...อยู่ๆไฟดับซะงั้น ผมเดินคลำๆหาไฟฉายพอเจอก็รีบเปิดส่องหาทางเดินออกมานอกระเบียงแล้วมองมาห้องข้างๆ ดับหมดเลยสินะ เพราะออกไปทั้งที่ฝนสาดเลยเดินกลับเข้ามาข้างในสภาพเหมือนออกไปซื้อของช่วงสงกรานต์ที่ประเทศไทย - -^ ยังไงน่ะหรอ เปียกไม่เหลือรอดไงครับ!! เออจริงด้วยผมลืมแบคฮยอนไว้ในห้องน้ำนิหว่า

 

ก๊อกๆๆ

 

“แบคฮยอน ยังอาบอยู่รึเปล่า”

 

“...”

 

“แบค...”

 

“ชานยอล ฮือ.... ช่วยด้วย~~” เฮ้อ...ร้องเป็นเด็กเลยวุ้ย สงสัยกลัว - -^ ผมสั่งให้รีบนุ่งผ้าซะ พอนับหนึ่งถึงสิบผมก็เปิดประตูเข้าไปเอาไฟฉายส่องหา ก็เจอเป้าหมายนั่งขดอยู่ริมอ่างคือมันเป็นแบบอ่างที่มีฝักบัวน่ะ ร่างเล็กสั่นๆทั้งที่ตัวยังเปียก

 

“เกิดไรขึ้นละเนี่ย”

 

“ตอนแรกไฟดับฉันก็ไม่อะไรหรอก แต่อยู่ๆน้ำก็เย็นเฉียบเลยเนี่ยดิ” เออผมลืมไปว่าอากาศตอนนี้หนาวมากถ้าไม่เปิดเครื่องทำน้ำอุ่นอาบได้หนาวสะท้ายถึงตับไตไส้พุงกันไปข้างนึงเลย ผมเดินออกมาเอาผ้าเช็ดแล้วกลับไปห่อร่างเล็กแล้วช้อนตัวขึ้นพามาวางไว้บนเตียง

 

“แต่งตัวซะ” ผมหันหลังให้แล้วมองไปรอบ แย่จริง เพราะผมอยู่คนเดียวเลยซื้อไฟฉายไว้แค่อันเดียวเนี่ยสิแสดงว่าผมต้องอยู่กับหมอนี้ตลอดจนกว่าไฟจะมางั้นหรอ กะจะอาบน้ำซะหน่อยถึงจะหนาวก็เถอะ - -^

 

“เสร็จแล้ว” เสียงสั่นเอ่ยเบาๆ ผมเลยหันไปคว้าผ้าขนหนูผืนเล็กมาเช็ดผมสีน้ำตาลอ่อนนั้นให้พอหมาดๆ แล้วเอาผ้าห่มพื้นหนามาคลุมร่างเล็กที่สั่นไม่หยุด สงสัยคงฝืนอาบละมั้ง

 

“อ่ะ เอาไปถือไว้” ผมส่งไฟฉายให้แบคฮยอนที่รับด้วยสายตางงๆก่อนจะถามออกมา

 

“แล้วนายไม่ใช้หรอ”

 

“เดี๋ยวฉันจะอาบน้ำห้องฉันเองฉันพอจำทางได้” แบคฮยอนพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะส่องไฟไปทางห้องน้ำผมยิ้มขอบคุณแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ ต้องรีบอาบละ ปล่อยไอ้ตัวเล็กอยู่คนเดียวชักไม่ไว้ใจว่ามันจะอยู่รอดปลอดภัยด้วยตัวคนเดียวในห้องมืดๆ พอน้ำประทบผิวหนังหวานเย็นก็แผ่ซานอย่างรวดเร็ว เข้าใจความรู้สึกแบคฮยอนที่ต้องอาบน้ำหนาวๆละ - -^ หมายสะท้านตับไตจริงๆ

 

“ชานยอล...”

 

“หืม?”

 

“ทำไมนายถึงมีแค่ฉันคนเดียวละ” ผมเงียบนึกคำตอบสักพัก ทำไมน่ะหรอ...ก็ไม่รู้เหมือนกัน

 

“....” คำตอบของผมเลยกลายเป็นการเงียบแทน ผมไม่อยากพูดอะไรมากไปกว่านี้เพราะที่ผมกำลังทำมันแย่มากๆขืนพูดอะไรไม่เข้าท่าไปเรื่องจะยาว

 

“ทำไมนายต้องทำดีกับฉันด้วย”

 

“ก็นายน่ารักดี”

 

“เหตุผลแค่นั้นแน่หรอ?”

 

“?!!” ผมเผลอชะงักทำขวดสบู่ตก ทำไมช่วงนี้มีแต่คนตอกย้ำสิ่งที่ผมทำจังนะ ทั้งฮยอง ทั้งเฮียและแบคฮอยน...ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่มันเลวแค่ไหนแต่เพราะหัวใจผมเอง เพื่อให้อีกหัวใจรักคนที่ควรรักได้อย่างหมดห่วง ผมทำเพื่อเหตุผลไหนกันแน่นะ

 

“ชานยอล เป็นอะไรรึเปล่า”

 

“ปะ...เปล่า” ผมก้มลงเก็บขวดสบู่ก่อนจะนึกขึ้นว่าเสียงเริ่มเข้าใกล้เรื่อยๆ ทำไมผมต้องใจเต้นเหมือนอยู่ในหนังฆาตกรรมด้วยนะ ไฟที่รอดช่องแคบใต้ประตูทำให้ใจผมหายวูบราวกับกำลังหลบฆาตกรอยู่ นี้ผมกำลังกลัวอะไรกันแน่เนี่ย!!

 

ปัง!

 

“ชานยอล ?!” เสียงหมัดกระทบกับกระเบื้องห้องน้ำคงดังไปถึงข้างนอก คนตัวเล็กเลยเรียกชื่อผมออกมาด้วยเสียงตกใจ ผมมองมือที่ห้อเลือดด้วยความรู้สึกกลัว นี้ผมกลัวอะไรกัน...

 

“ชานยอล เกิดอะไรขึ้น?”

 

“ไม่มีอะไร เสียงข้างห้องละมั้ง”

 

“นายแน่ใจนะ เอาไฟฉายไปก็ได้ฉันไม่เป็นไรหรอก”

 

“ถือไว้เถอะแล้วหายหนาวแล้วหรอเดินมาอ่ะ” ทำไมผมรู้สึกว่าน้ำเสียงตัวเองดูเหมือนไปโกรธใครมาขึ้นทุกทีนะ บังคับลำบากด้วย

 

“ไอ้หนาวก็หนาวแหละ...แต่ว่า”

 

ครืด............

 

“เดี๋ยวรับให้” เสียงแบคฮยอนวิ่งออกไปข้างนอกทำให้ผมสบายใจขึ้นบ้าง ก่อนหน้านี้ผมเป็นอะไรเนี่ย เกรงไปหมดเลย

 

“ชานยอล พี่ซิ่วหมินบอกว่าพี่ลู่ฟื้นแล้ว” ผมแทบวิ่งพรวดออกไปทันทีถ้าไม่ติดว่ากำลังอาบน้ำอยู่ เลยรีบล้างฟองสบู่เช็ดตัวแล้วออกไปพร้อมผ้าขนหนูผืนเดียว

 

“ฮัลโหลฮะ ชานยอลออกมาแล้วฮะคุยมั้ยฮะ...ฮะ” แล้วแบคฮยอนก็ส่งโทรศัพท์ให้ผมทันที

 

“ฮัลโหลฮยอง”

 

(ลู่เกอฟื้นแล้วชานยอล แต่ตอนนี้ยังขยับตัวได้ไม่ค่อยมาก)

 

“งั้นเดี๋ยวผมเข้าไป” ผมกดวางแล้วรีบแต่งตัวทันที

 

“ฉันไปด้วย”

 

“ไม่ต้อง!” คนตัวเล็กสะดุ้งโหยงแทบจะเรียกว่าโดดถอยหลังเลยก็ว่าได้ มองผมตาค้างก่อนที่นัยน์ตาคู่สวยจะไหววูบเหมือนมีน้ำใสคลออยู่ แต่ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์มาสนใจเรื่องนี้ ตอนนี้ที่ผมต้องทำคือรีบออกไปหาลู่ฮยอง

 

Baekhyun Part’s

 

ไหนนายบอกว่าให้ฉันอยู่กับนายคืนนึงไง...แล้วนายจะปล่อยฉันอยู่กับความมืดแค่คนเดียวหรอ พอประตูปิดลงเหมือนแรงผมก็โดนกระชากไปหมด ขาไม่มีแรงจะก้าวไปไหนได้แค่ทรุดลงไปกองกับพื้น ไฟฉายหลุดมือกลิ้งไปไหนแล้วก็ไม่รู้ อยากกลับบ้านจัง แต่ขาไม่มีแรงแล้ว รู้สึกชาไปหมด ชาไปถึงหัวใจเลย

 

เปรี๊ยง !!

 

อยู่ๆฟ้าก็ผ่าลงที่ไหนสักแห่งแต่เสียงกลับดังก้องอยู่ในสมองผมอยู่ตลอดเวลา ผมทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งอยู่อย่างนั้นจนรู้สึกหัวหนักอึ้ง แล้วภาพทุกอย่างก็ดับลง

 

............................................................

 

“งืมมมม โอ๊ย!” ปะ...ปวดหัว T^T ทำไมมันปวดอย่างนี้เนี่ย ผมพยายามลืมตามองรอบๆตอนนี้ในห้องยังมืดเหมือนเดิมแสดงว่าผมหลับไปไม่นานสินะ แถมชานยอลยังไม่กลับมาด้วย แต่ผมยังใจชื่นได้ไม่นานนักเมื่อเสียงประตูดังขึ้นทำให้ผมฝืนอาการปวดหัวลุกพรวดไปหาคนที่เปิดประตูทันที

 

“พี่ลู่เป็นไงบ้าง”

 

“....” ชานยอลไม่ตอบอะไรเดินมาทิ้งตัวลงนั่งเอามือก่ายหน้าผากเหมือนคนเหนื่อยล้าเต็มที นั้นยิ่งทำให้ผมรู้สึกร้อนขึ้นมาที่ตาแล้วกลั่นออกมาเป็นน้ำอุ่นใสที่คิดว่าตอนนี้คนที่นั่งอยู่คงมองไม่เห็น ผมเดินเข้าไปในห้องเงียบๆแล้วลากผ้าห่มออกมาห่อร่างที่เปียกโชกไปด้วยน้ำฝน ชานยอลมองหน้าผมด้วยอาการตกใจเล็กน้อยก่อนจะกลับไปเป็นว่างเปล่าและเหนื่อยล้าเหมือนเดิม

 

“เดี๋ยวฉันไปส่ง ปานนี้แม่นายยังไม่ปิดบ้านใช่มั้ย”

 

“นายยังโอเคอยู่นะ”

 

“ฉันโอเค”

 

 

“ถ้าโอเค...ช่วยกอดฉันได้มั้ย”

 

“?!!” ผมเดินอ้อมไปนั่งข้างชานยอลแล้วเอนตัวซบไหล่แกร่งแต่ไม่มีวี่แววว่าจะมีไออุ่นจากท่อนแขนที่คุ้นเคยเลย ทำไมอารมณ์แปรปรวนแบบนี้ละชานยอล ฉันตั้งรับอารมณ์นายไม่ทันเลยนะ

 

“กลับไปนอนในห้องไป”

 

“ไม่ ถ้านายยังนั่งซึมเป็นอะไรก็ไม่รู้อยู่แบบนี้ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น” ผมใช้สองมือประคองใบหน้าหล่อด้วยมือสองข้างให้หันมามองผม แต่เจ้าตัวก็พยายามละสายตามองไปทางอื่น ให้ตายสิ อย่าทำให้ฉันไม่มีทางเลือกได้มั้ยเนี่ย!! ผมทาบปากลงบนริมฝีปากที่ตอนนี้ซีดมากเพราะอากาศหนาวและฝนที่เพิ่งฝ่ามาอย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะผละออกแล้วพูดต่ออย่างไม่ค่อยสบอารมณ์

 

“ถ้านายไม่ทำ ฉันจะเป็นคนทำเอง!”

 

“เลิกบ้าได้แล้วแบคฮยอน ! เข้าห้องไปซะ!”

 

“นายนั้นแหละที่ต้องเลิกบ้า ! บอกกันสักคำมีมั้ย สำหรับนายฉันเป็นอะไรกันแน่!”

 

“อย่าให้ฉันไม่มีทางเลือกเลยแบคฮยอน...เข้าห้องไป” เสียงเย็นทำให้ผมผะงักถอยหลังสองสามก้าวแต่ผมจะยอมแพ้ไม่ได้

 

“นายจะทำอะไรก็เชิญ !” ชานยอลมองหน้าผมก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วคว้าข้อมือผมลากเข้ามาในห้องนอนก่อนจะเหวี่ยงผมขึ้นที่นอนแล้วปิดประตูใส่

 

“เฮ้ยเดี๋ยวดิ ! นี้นายจะขังฉันไว้แบบนี้จริงๆหรอ T^T!! เปิดก่อนเส้” ผมพยายามตุบประตูรัวแต่ก็ไม่ได้ผลราวกับข้างนอกไม่มีใครอยู่ หรือว่าเขาจะรำคาญแล้วทิ้งฉันไว้ที่นี้คนเดียวอีกแล้ว ไม่เอานะ...ให้ฉันอยู่คนเดียวอีกรอบน่ะ ไม่เอาแล้วนะ

 

“เปิดก่อนเส้ อย่ามาขังฉันแบบนี้นะเฟ้ย!!”

 

“ไปนอนซะ!”

 

“ไม่ ! เปิดประตูก่อน ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยนะ!!”

 

“ถ้านายยังไม่หยุดบ้าฉันก็ไม่ปล่อยนายให้โง่หรอก!!”

 

“ก็บอกแล้วไงว่านายนั้นแหละที่ต้องหยุดบ้า!! คุยก็ยังไม่รู้เรื่องแล้วอยู่ๆมาขังกันแบบนี้เนี่ยนะ!!”

 

.......................................................................................................

 

หลังจากทำสงครามเสียงข้ามฟากประตูก็ได้ผลสรุปออกมาว่าผมเป็นฝ่ายแพ้ ฮึ้ย ! เพราะอาการปวดหัวรุนแรงทำให้ผมต้องจำใจเดินมาทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดแรง ถ้าจะทำแบบนี้ฆ่ากันเลยดีกว่า T^T

“ฮือ...อยากกลับบ้าน ไม่น่ามาเลย” ผมร้องไห้ออกมาจริงๆ ผมอยากกลับบ้านจริงๆ เสียงเปิดและปิดประตูไม่ได้ทำให้ผมหยุดร้องไห้แล้วหันไปสนใจเลย เอาแต่ปิดหน้าแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลอยู่อย่างนั้น ก่อนจะรู้ว่าข้างตัวผมจะยุบฮวบลงไป พอหันไปร่างที่นอนอยู่ก็หลับไปซะแล้ว ตอนนี้เขาเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดแขนยาวกับกางเกงวอร์มแล้ว ผมทิ้งตัวลงนอนบ้างแต่หันหลังให้อยู่ๆท่อนอุ่นก็คว้าเอวแล้วดึงตัวผมเข้าไปใกล้

 

“ขอโทษที่ขึ้นเสียง...ที่ใช้กำลัง...ไม่ร้องนะ” ชานยอลพลิกตัวผมให้หันไปหาเขาก่อนจะใช้นิ้วเรียวเช็ดน้ำตาผมเบาๆแล้วจูบหน้าผากผมไล่มาลงมาที่เปลือกตาและมาหยุดอยู่ที่แก้ม นั้นทำให้ความโกรธหายไปในชั่วพริบตา ไม่สิ...ผมไมได้โกรธเขาตั้งแต่แรกแล้วนิ

 

“อืม...”

 

“หลับซะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปส่ง”

__________________________________________________________

เปิดมาฟินๆจบแบบอินๆๆ เย่เฮททททท ~~~ >_<

-THx.-

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา