Beside...สายลมเคียงใจนายตะวัน

9.7

เขียนโดย OUM_PF

วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 12.31 น.

  45 ตอน
  590 วิจารณ์
  95.06K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557 17.57 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

26)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

Beside...สายลมเคียงใจนายตะวัน

ตอนที่๒๖

ภาณุโกรธจนควันออกหู เมื่อเห็นท่าทางใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างธนันต์ธรญ์กับพชร ตอนแรกที่เขาเห็นพี่ชายของพิมประภาก็ตกใจแทบแย่ นึกว่าบ้านนั้นจะยกโขยงมาเอาเรื่องเขาถึงที่นี่ แต่ที่ไหนได้ลูกชายบ้านนั้นกลับมาติดพันกับผู้หญิงที่เขาหมายตา เขาอยากจะรู้เสียจริงว่าเขากับครอบครัวตั้งประภาพรทำกรรมต่อกันไว้อะไรมากมาย ถึงต้องมาเกี่ยวข้องกันอยู่อย่างนี้

“ฟางลองทานปลาดูสิ เพิ่งสุกเองร้อนๆเลย”พชรตักเนื้อปลาเผาให้ธนันต์ธรญ์ฝ่ายนั้นก็ยิ้มรับอย่างเต็มอกเต็มใจ

“ขอบคุณค่ะ”เขาถอนหายใจอย่างระงับอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่าน เขาไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลที่ต้องโกรธต้องหึงไปทั่ว เพียงเพราะเห็นธนันต์ธรญ์ยิ้มให้คนอื่นเท่านั้น

“เป็นยังไงบ้างครับ ไปทำงานที่ลำปาง”พชรคุยกับหญิงสาว น่าแปลกที่พชรไม่ถามเขาเลยว่าเหตุใดจึงได้มาอยู่ที่นี่ หรือว่าครอบครัวนั้นจะรู้หมดแล้วว่าผู้หญิงที่เขาอ้างว่าเป็นภรรยาของเขา ไม่ได้เป็นภรรยาของเขาจริงๆ และก็ไม่ได้ท้องด้วย ถ้าอย่างนั้น เขาจะทำอย่างไร นี่ก็เท่ากับว่าทุกคนรู้หมดแล้วว่าเขาหลอกลวงอย่างนั้นหรอ  และตอนนี้เขารู้สึกเหมือนพชรและธนันต์ธรญ์รู้จักกันมาสักพักใหญ่ๆแล้ว ถ้าอย่างนั้นพชรก็ต้องรู้สิว่าธนันต์ธรญ์ไม่ใช่ภรรยาของเขา...ให้ตาย!

แต่บางทีเรื่องราวอาจจะไม่เลวร้ายขนาดนั้น บางทีพวกเขาอาจจะยังไม่รู้ หรือว่ายังไงวะ!

ภาณุหัวเสียเมื่อไม่สามารถคาดเดาสถานการณ์ตอนนี้ได้เลย และถ้าเป็นอย่างที่เขาคิด เขาจะทำอย่างไรดี

“ผมขอตัวสักครู่นะครับ”เขาเอ่ยกับคุณพิมพ์ดาว ก่อนจะเดินไปนั่งที่ตั่งใต้ต้นปีบ เขาคิดว่าการมาเชียงรายมันจะทำให้เขาผ่อนคลายเรื่องเครียดๆลง แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะตรงกันข้ามเมื่อพชรโผล่มาจากที่ไหนไม่รู้ แถมทำท่าว่าจะรู้จักกับธนันต์ธรญ์ดิบดี

“คุณเป็นอะไรรึเปล่า”เขาหันไปตามเสียงหวานที่คุ้นหู พบร่างเล็กที่เดินมานั่งลงใกล้ๆ

“เปล่า ฟางผมว่าเรื่องมันทะแม่งทะแม่งแล้วนะ”

“ยังไง?”

“ก็พชรเป็นพี่ชายของพิมประภาคู่หมั้นของผมน่ะสิ คุณรู้จักกับเขามานานหรือยัง”เขาเห็นหญิงสาวตกใจไม่แพ้เขา เธอนิ่งไปพักใหญ่ ก่อนจะเอ่ยตอบ

“สามเดือนค่ะ เขามาออกแบบอาคารสำนักงานให้ฉัน”

“เขาจะจีบคุณรึเปล่า”หญิงสาวนิ่งเงียบไปก่อนจะตอบอ้อมแอ้ม

“คิดว่านะคะ...อ๊ะ แต่ว่าฉันไม่ได้คิดกับเขาเกินเพื่อนนะ”เขายิ้มเมื่อหญิงสาวรีบเอ่ยแก้ตัวในตอนท้ายเมื่อเขาเผลอทำท่าจะเอาเรื่อง

“ก็ดี แต่ถ้าคุณคิดจะเกินเพื่อนไปกับเขา ผมนี่แหละจะตีหัวคุณแล้วลากเข้าห้องซะให้มันรู้แล้วรู้รอด”

“คนบ้า! น่าเกลียดที่สุด”เขาหัวเราะร่วน ก่อนจะเอ่ย

“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นไปได้ที่เขาจะไม่รู้ว่าคุณมีผมกับลูก”เธอพยักหน้า

“ถ้าอย่างนั้น เราคงต้องแสดงละครกันนิดๆหน่อยๆ อย่างตอนนี้ที่เขากำลังมองเราอยู่ คุณเห็นรึเปล่า”เขาบุ้ยใบ้ไปทางหน้าต่างห้องครัวที่มีเงาของพชรให้เห็นรางๆ ธนันต์ธรญ์พยักหน้าน้อยๆก่อนจะถาม

“ทำยังไงล่ะ”เขาไม่ตอบ หากแต่เชยคางมนขึ้นมาก่อนจะจูบลงบนหน้าผากมนแผ่วเบา หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่อดวงหน้านวลแดงก่ำจนเขาสังเกตได้แม้มีแสงไฟสลัว เขาเลื่อนลงมาจูบเปลือกตาบอบบางที่หลบพริ้ม เรื่อยลงมาที่ปลายจมูกเชิดรั้นของเจ้าตัว หากต้องหักห้ามใจเมื่อริมฝีปากของเขาหยุดอยู่ที่เรียวปากอิ่มสีระเรื่อ เขาเปลี่ยนเป้าหมายมาที่แก้มนวลทั้งสองข้างของหญิงสาว และเลยไปกระซิบริมใบหูบอบบาง

“หวั่นไหวล่ะสิ”

“ตาบ้า!”ดวงตากลมโตเบิกโพลง มือบางตีเข้าที่แขนเขาเต็มแรง เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะย่อตัวลงทำทีพูดคุยกับท้องของธนันต์ธรญ์เป็นเรื่องเป็นราว

“ลูกพ่อ อิ่มรึยัง...อะไรนะหิวหรอ อยากกินอีก โอเคๆ”เขาลุกขึ้นจูงมือเล็กของหญิงสาวกลับไปที่สนามหญ้าหน้าบ้านหลังน่ารัก

ธนันต์ธรญ์มองภาณุที่ง่วนอยู่กับเตายิ้มๆ เธอก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงทำให้เธอยิ้มง่ายนัก แค่เห็นหน้าของเขา แค่เห็นรอยยิ้ม น้ำเสียง สายตาของเขา มันทำให้เธอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวทุกครั้ง และเธอก็ได้แต่เฝ้าถามตัวเองว่านอกจากเขาแล้วยังมีผู้ชายคนไหนอีกหรือเปล่าที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้...คำตอบคือ...

“ไหม้แล้ว!”น้ำสียงเข้มร้องขึ้นอย่างตื่นตกใจ เขาคีบปลาเผาตัวโตขึ้นจานก่อนจะยกมาวางบนโต๊ะอาหาร

“อี๋ ไหม้ขนาดนี้ใครจะกินลง”เธอว่าเขากวนๆ แต่มือนั้นยังสาละวนแกะลอกเกล็ดปลาออก

“งั้นผมกิน”

“เอ๊ะ!”เธอร้องขัดเมื่อมือหนาแย่งช้อนมือเธอไปเสียเอง ก่อนจะหันไปฟ้องมารดาที่นั่งมองยิ้มๆ

“แม่ขา... ผ่อเล๊าะ(ดูสิคะ)”เธอว่าพลางทำหน้ามู่ทู่ ก่อนจะแย่งช้อนที่เขาตักเนื้อปลาขึ้นมาทานเสียเอง มองชายหนุ่มด้วยสายตาเยาะเย้ย...ช่วยไม่ได้ช้าเอง

“ยายตะกละ”

“ใครว่า ก็คุณเอาช้อนฉันไปก่อน”

“เปิงเตอะเปิ้นว่าตะกละ(ไม่น่าล่ะพี่เขาว่าตะกละ) น้องนี่”

“แม่...”เธอค่อน ไม่ทันไรก็เข้าข้างแต่ภาณุซะแล้ว

“น้ำได้แล้วครับ”เธอมองพชรที่เดินถือถาดน้ำผลไม้มาก็ได้คำตอบว่าเมื่อตะกี้เขาคงไปเอาน้ำผลไม้ในห้องครัวมา

“ขอบคุณค่ะ”เธอยิ้มก่อนจะรับน้ำผลไม้มาวางไว้บนโต๊ะจนครบทั้งสี่แก้ว

พชรมองภาณุที่กำลังเอาอกเอาใจธนันต์ธรญ์ ภาณุคงคิดว่าเขาไม่รู้สินะว่าอันที่จริงแล้วทั้งสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่จากสายตาของเขา มองปราดเดียวก็รู้ว่าทั้งคู่มีใจให้กัน เขานั้นรู้ดีว่าภาณุนั้นเป็นเสือซ่อนเล็บ ภาณุไม่เคยเจ้าชู้ประตูดินขนาดที่ว่ามองแวบเดียวก็รู้ แต่เขาก็รู้อีกนั่นแหละว่ามีผู้หญิงมากมายที่ยอมสยบให้กับภาณุ แต่เสือก็คือเสือ จนป่านนี้จึงไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ปราบภาณุให้ยอมศิโรราบแต่โดยดีได้

 

นอกจากหญิงสาวร่างเล็กตรงหน้านี้ ธนันต์ธรญ์ เขาพบเธอเมื่อสามเดือนก่อนขณะที่เดินทางมาควบคุมงานก่อสร้าง หญิงสาวเป็นผู้หญิงที่เขากล้าบอกได้เต็มปากเต็มคำว่าเขาจริงจังด้วย เขาตามจีบเธอ เทียวไปเทียวมาบ้านของธนันต์ธรญ์ตลอดสามเดือนที่ผ่านมานี้...แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะให้เขาได้แค่ความเป็นเพื่อนเท่านั้น เธอไม่เคยปล่อยเนื้อปล่อยตัว ตรงกันข้ามธนันต์ธรญ์ค่อนข้างหวงเนื้อหวงตัวตามอย่างกุลสตรีไทย แต่กับภาณุที่เขาเดาว่าทั้งสองเพิ่งจะรู้จักกันไม่ถึงสองอาทิตย์ด้วยซ้ำ หญิงสาวกลับให้ความใกล้ชิดสนิทสนมจนเขาอิจฉา...

ภาพที่เขาเห็นเมื่อตะกี้ยิ่งยืนยันความสัมพันธ์ของทั้งสอง แม้จะรู้ความจริงที่มารดาบอกว่าทั้งสองเป็นสามี-ภรรยากำมะลอ แต่ความจริงที่เขารู้มากกว่ามารดาคือทั้งสองกำลังตกหลุมรักกันและกันเข้าอย่างจัง และอีกไม่นานต้นรักที่มีเมล็ดอันเกิดจากความรักของทั้งสองก็คงจะเติบใหญ่ในอีกไม่ช้านี้...

 

 

 

 

                                                        ...สายลมแห่งตะวัน

 

 

 

 


 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา