My Angle ภารกิจรักร้ายของยัยนางฟ้าตัวแสบ
เขียนโดย keang_sujittra
วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 17.22 น.
แก้ไขเมื่อ 25 มีนาคม พ.ศ. 2557 18.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
17) ความจริง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
“แล้วนี่ตกลงที่ท่านพ่อส่งพวกพี่ทั้งสามคนมา... เพื่ออะไรกันแน่คะ” ฟางเอ่ยถามน้ำเสียงจริงจัง กามเทพทั้งสามหน้าขรึมขึ้นมาทันที
“ตั้งแต่ที่องค์หญิงมาอยู่ที่โลกมนุษย์ รู้สึกอะไรแปลกๆบ้างมั้ยคะ” แจมเอ่ยถาม
“ก็ไม่นี่คะพี่แจม มันก็ปกตินะ” ฟางตอบ เฟย์นิ่งคิดแล้วอยู่ๆก็โพล่งออกมา
“แต่เฟย์รู้สึกค่ะ วันนี้เฟย์ออกไปข้างนอกมา เฟย์สัมผัสพลังเวทย์ได้”
“พลังเวทย์เหรอคะ?” เนยเอ่ยถาม เฟย์พยักหน้า
“ใช่ค่ะพี่เนย แต่มันเป็นเวทย์ความมืด!”
“แย่แล้ว!” กามเทพทั้งสามร้องออกมาพร้อมกัน สามสาวหันมามองหน้ากันอย่างงงๆ
“ทำไมเหรอคะ มีอะไรกันรึเปล่า ทำไมถึงต้องทำหน้าตกใจกันขนาดนั้นด้วย” แก้วเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
“องค์หญิงรู้อะไรเกี่ยวกับเวทย์ความมืดบ้างรึเปล่าคะ” เนยเอ่ยถาม
“ท่านพ่อเล่าให้พวกเราฟังแค่ว่า เวทย์ความมืดเป็นเวทย์ต้องห้ามของเมืองสวรรค์ แล้วมันก็สูญหายไปนานมากแล้วตั้งแต่ตอนที่พวกเราสามคนยังไม่เกิดอีก พวกเรารู้แค่นั้นแหละค่ะ” ฟางเป็นคนตอบ
“แต่ว่ามันต้องมีอะไรที่มากกว่านั้นใช่มั้ยคะ พวกพี่ถึงได้ทำหน้าตกใจมากขนาดนั้น” เฟย์พูดอย่างรู้ทัน
“เล่าให้พวกเราฟังหน่อยสิคะ ถ้ามันสำคัญมากจริงๆพวกเราก็มีสิทธิ์ที่ควรจะได้รู้นะคะ” แก้วพูดบ้าง
“โอเคค่ะ เดี๋ยวพวกพี่จะเล่าให้ฟัง” แจมพยักหน้า “ยี่สิบปีที่แล้ว เป็นยุคที่เมืองสวรรค์กำลังผจญกับสงครามครั้งใหญ่”
“ยี่สิบปีที่แล้ว เฟย์พึ่งเกิดเองนะคะ” เฟย์พูด
“ใช่ครับ องค์หญิงแก้วกับองค์หญิงเฟย์เพิ่งแรกเกิด ส่วนองค์หญิงฟางอายุได้หนึ่งขวบพอดี” กวินพูด
“แล้วสงครามครั้งใหญ่ที่ว่ามันคืออะไรเหรอคะ” ฟางถามบ้าง
“มันเป็นสงครามระหว่างชาวสวรรค์ผู้ใช้เวทย์ทั้งห้ากับพวกภูติอสูรที่ใช้เวทย์ความมืดค่ะ” เนยตอบ
“ภูติอสูร!” สามสาวพูด เพราะแน่ใจว่าตนพึ่งได้ยินคำนี้เป็นครั้งแรกแน่นอน แต่กลับรู้สึกว่าเหมือนจะเคยได้ยินเคยได้รู้จักกับมันเมื่อนานมาแล้ว แต่จำไม่ได้ว่าตอนไหน
“แล้วทำไมอยู่ๆเมืองสวรรค์ถึงเกิดสงครามขึ้นมาได้ล่ะคะ” เฟย์เอ่ยถาม
“เพราะภูติอสูรคิดที่จะแย่งความเป็นใหญ่จากท่านจอมเวทย์ไงล่ะคะ”
“งั้นแสดงว่าเมื่อก่อนเวทย์ความมืดก็ไม่ได้เป็นเวทย์ต้องห้ามของเมืองสวรรค์อย่างนั้นเหรอคะ” แก้วถามบ้าง
“ไม่ใช่หรอกค่ะ เวทย์ความมืดน่ะเป็นเวทย์ต้องห้ามของสวรรค์มานานแล้ว เพราะพลังของมันที่ยิ่งใหญ่เกินไปจนไม่สามารถควบคุมได้ ท่านจอมเวทย์จึงปิดผนึกพลังนั้นไว้ และสั่งห้ามชาวสวรรค์ทุกคนไม่ให้ใช้เวทย์นั้นอีก”
“แล้วพวกภูติอสูรมันได้เวทย์ความมืดมาได้ยังไงล่ะคะ” ฟางถาม
“พวกภูติอสูรเป็นชนชั้นต่ำที่สุดของเมืองสวรรค์ พวกมันคิดมักใหญ่ใฝ่สูงที่จะครอบครองเมืองสวรรค์ไว้ซะเอง จึงรวบรวมกำลังพลเพื่อไปเปิดผนึกพลังเวทย์ความมืดเพราะนั่นเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้พวกมันยิ่งใหญ่กว่าชาวเมืองได้ และพวกมันก็ทำสำเร็จ” กวินพูด
“แต่ว่าพวกพี่บอกว่าท่านพ่อเป็นคนปิดผนึกพลังนั่นไว้ไม่ใช่เหรอ มันไม่น่าที่จะมีใครเปิดผนึกนั่นได้ง่ายๆนะ” ฟางพูด
“ค่ะ หากมีแค่พวกมันคงทำไม่สำเร็จ แต่พวกมันจับชาวเมืองสวรรค์ไปแล้วก็ดูดพลังเวทย์ทั้งหกจากชาวเมืองสวรรค์ไปด้วย พลังเวทย์ทั้งหกทำให้ผนึกที่ปิดพลังเวทย์ความมืดไว้ถูกทำลาย”
“แล้วยังไงต่อคะ เมืองสวรรค์เกิดอะไรขึ้นบ้าง” แก้วถามต่อ
“ก็เกิดสงครามครั้งใหญ่เลยล่ะค่ะ ชาวสวรรค์ทุกคนต้องออกมาช่วยกันต่อสู้กับพวกภูติอสูร แต่เพราะพวกมันได้พลังของเวทย์ความมืดไป ทำให้พวกมันแข็งแกร่งมากจนไม่มีใครปราบได้” แจมพูด
“แม้กระทั่งท่านพ่อน่ะเหรอ” เฟย์ถาม กามเทพทั้งสามพยักหน้า
“ท่านจอมเวทย์เองก็พยายามที่จะทำอย่างเต็มที่แล้วแต่ก็ไม่สำเร็จ แต่ถึงอย่างนั้นชาวสวรรค์ทุกคนก็ยังคงมีความหวัง เพราะปู่เวทย์อาวุโสได้ทำนายไว้ว่า จะมีผู้ที่สามารถปราบภูติอสูรได้ แต่ต้องรอให้ทุกคนมาพบกันก่อน” เนยพูด
“หมายความว่าไงคะ รอให้ทุกคนมาพบกันก่อน พี่เนยพูดเหมือนว่าคนที่ปราบภูติอสูรได้ไม่ได้มีแค่คนเดียวอย่างนั้นแหละ” เฟย์พูด
“ค่ะ ผู้ที่จะปราบภูติอสูรได้ไม่ได้มีแค่คนเดียว แต่มีทั้งหมดสามคน เพราะฉะนั้นเราถึงต้องรอให้ทั้งสามคนนั้นมาเจอกันก่อน”
“แล้วคนที่ปราบภูติอสูรได้คือใครเหรอคะ ฟางว่าพวกเขาต้องเก่งมากแน่ๆ เพราะขนาดท่านพ่อที่ฟางว่าเก่งแล้วยังทำไม่สำเร็จเลย” ฟางพูด
“วันที่สงครามสงบ วันที่ภูติอสูรพ่ายแพ้ วันที่ผู้ปราบอสูรมาพบกันมันเป็นวันๆเดียวกัน วันที่องค์หญิงเฟย์คลอดไงล่ะคะ” แจมพูด สามสาวอึ้งทันที
“วันเกิดเฟย์เหรอคะ” เฟย์ชี้ที่ตัวเองอย่างงงๆ
“อย่าบอกนะคะว่ายัยเฟย์คือหนึ่งในคนที่ปราบภูติอสูรน่ะ” ฟางพูด แจมพยักหน้า
“วันที่องค์หญิงเกิด ทุกคนต่างพากันออกไปปราบภูติอสูรกันหมด ยังเหลือเพียงแค่ท่านแม่ขององค์หญิงที่ใกล้จะคลอดจึงไม่ได้ไป เด็กๆทั้งหมดในเมืองสวรรค์ก็ถูกต้อนมาอยู่ในวังกันหมด รวมถึงองค์หญิงฟางกับองค์หญิงแก้วด้วย”
“แล้วยังไงต่อคะ อีกสองคนที่เป็นคนปราบภูติอสูรคือใคร” เฟย์ถามอย่างกระตือรือร้น
“คนที่อยู่กับท่านแม่ขององค์หญิงในตอนนั้นไงเพคะ องค์หญิงแก้วแล้วก็องค์หญิงฟาง” เนยตอบ
“หา!!!” สองสาวร้องออกมาพร้อมกันอย่างตกใจ ก่อนจะหันมามองหน้ากันอย่างงงๆ
“พวกเราเนี่ยนะคะ!”
“แต่ว่าตอนนั้นพวกเรายังเด็กมากเลยนะคะพี่แจม แล้วเราจะไปปราบภูติอสูรได้ยังไง” ฟางพูด
“พวกเราก็ไม่รู้หรอกค่ะว่าองค์หญิงทำได้ยังไง แต่พอองค์หญิงเฟย์คลอด อยู่ๆทั้งองค์หญิงเฟย์ องค์หญิงฟาง แล้วก็องค์หญิงแก้วก็หายวับไปเลย ท่านแม่ขององค์หญิงตกใจแทบแย่ จนต้องออกมาตามหาทั้งๆที่ร่างกายยังอ่อนแอ แล้วก็พบว่าองค์หญิงทั้งสามลอยอยู่ตรงกลางระหว่างกองทัพของชาวเมืองและกองทัพของภูติอสูร”
“หลังจากนั้นก็ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะทุกคนต่างก็สลบไป พอฟื้นขึ้นอีกทีพวกภูติอสูรมันก็หายไปหมด เหลือเพียงแค่หินปิดวิญญาณที่ท่านจอมเวทย์จะใช้ปิดผนึกพลังของพวกภูติอสูรหล่นอยู่ และหินนั่นก็ถูกใช้เรียบร้อยแล้ว ท่านจอมเวทย์จึงนำหินปิดวิญญาณไปเก็บไว้ ณ ดินแดนแห่งไฟบรรลัยกัลป์ เพื่อไม่ให้ผู้ใดนำมันขึ้นมาได้อีก” กวินพูด
“แต่ก็ไม่มีใครเห็นไม่ใช่เหรอคะว่าพวกเราเป็นคนทำ อาจจะเป็นคนอื่นทำก็ได้” เฟย์แย้ง
“แต่บุคคลสามคนที่พึ่งพบกันเป็นครั้งแรกในวันนั้นมีเพียงพวกองค์หญิงเท่านั้นนะเพคะ แล้วไหนจะการที่อยู่ๆองค์หญิงก็หายวับไปปรากฏอยู่ตรงกลางกองทัพอีก ถึงจะเป็นนางฟ้า แต่อายุขนาดนั้นไม่มีนางฟ้าที่ไหนจะใช้เวทย์ได้รวดเร็วแบบนั้นหรอกค่ะ นอกจากจะมีพลังพิเศษจริงๆ” แจมพูด
“พวกพี่เชื่อจริงๆเหรอว่าพวกเราเป็นคนทำ” แก้วถาม
“ค่ะ พวกพี่เชื่อ และชาวเมืองทุกคนต่างก็เชื่ออย่างนั้นเช่นกัน พวกเขาถึงได้รักและเคารพองค์หญิงมากยังไงล่ะเพคะ”
“องค์หญิงเฟย์ชาวเมืองต่างขนานนามให้องค์หญิงว่าเป็นองค์หญิงแห่งการกล้าหาญ องค์หญิงแก้วเป็นองค์หญิงแห่งความฉลาดหลักแหลม ส่วนองค์หญิงฟางเป็นองค์หญิงแห่งความสวยงาม”
“มีคนขนานนามให้พวกเราแบบนี้ด้วยเหรอ พึ่งรู้แฮะ” ฟางยิ้มอย่างเก้อๆ
“เดี๋ยวก่อนนะคะ เมื่อกี้พี่กวินบอกว่าท่านพ่อเอาหินปิดวิญญาณที่ปิดผนึกพลังเวทย์ความมืดแล้วก็พวกภูติอสูรไปเก็บไว้ ณ ดินแดนแห่งไฟบรรลัยกัลป์ แล้วทำไมวันนี้เฟย์ถึงสัมผัสพลังเวทย์ความมืดได้ล่ะคะในเมื่อมันถูกปิดผนึกไปแล้ว” เฟย์พูด
“นั่นเป็นเรื่องที่ท่านจอมเวทย์กำลังสงสัยค่ะ เพราะปู่เวทย์อาวุโสบอกว่าถึงสงครามคราวนั้นจะสงบลงได้ แต่ยี่สิบปีต่อมา มันจะเกิดขึ้นอีกครั้ง” เนยพูด
“ยี่สิบปีต่อมา งั้นก็... ปีนี้น่ะสิคะ” แก้วร้องอย่างตกใจ
“ค่ะ ปีนี้”
“แล้วพวกมันหลุดออกมาได้ยังไงล่ะคะ ดินแดนไฟบรรลัยกัลป์น่ะไม่ใช่ว่าจะไปกันได้ง่ายๆสักหน่อย แถมไปแล้วก็ไม่รู้ว่าจะกลับมาได้รึเปล่าเลย” ฟางพูด
“พวกเราก็ไม่ทราบค่ะ แต่การที่องค์หญิงเฟย์สัมผัสพลังเวทย์ความมืดได้แบบนี้ก็แสดงว่า พวกมันต้องหลุดออกมาได้แล้วแน่ๆ” แจมพูด
“อย่าบอกนะคะว่าคนที่ต้องปราบภูติอสูรก็คือพวกเราอีกอ่ะ” เฟย์ชี้ที่ตัวเอง
“ถูกต้องค่ะ แต่ท่านปู่เวทย์บอกว่าองค์หญิงจะมีผู้ช่วยในการปราบภูติอสูรด้วย แล้วถ้าเกิดปราบมันได้ครั้งนี้ ภูติอสูรก็จะไม่มีทางกลับมาได้อีก” แจมพูด
“เวรกรรม แล้วเราจะไปหาตัวผู้ช่วยนั่นได้จากที่ไหนล่ะคะเนี่ย” ฟางถอนหายใจ
“เมื่อถึงเวลาที่สมควร บุคคลนั้นจะปรากฏตัวออกมาเองค่ะ” เนยพูดพร้อมกับยิ้มให้อย่างให้กำลังใจ
“แต่ในเมื่อสงครามนั้นยังไม่เกิด องค์หญิงก็อย่าพึ่งไปเป็นกังวลเลยนะคะ มากังวลกับเรื่องปัจจุบันดีกว่า” แจมพูด
“เรื่องปัจจุบัน? เรื่องอะไรอีกล่ะคะพี่แจม” ฟางถามอย่างสงสัย
“ก็ภารกิจขององค์หญิงไงเพคะ ไปถึงไหนแล้ว” แจมเอ่ยถาม นางฟ้าทั้งสามถอนหายใจทันที
“ไปถึงไหนล่ะคะ ยังไม่เริ่มเลยด้วยซ้ำ ให้ตายเถอะตามหาเนื้อคู่ให้พวกมนุษย์นี่เหมือนงมเข็มกลางท้องฟ้าไม่มีผิด” แก้วพูด
“มันมีแต่งมเข็มกลางมหาสมุทรไม่ใช่เหรอแก้ว” ฟางแก้
“มหาสมุทรมันเล็กไปน่ะสิ ท้องฟ้านี่แหละใหญ่สุด” แก้วว่า
“ให้พวกพี่ช่วยมั้ยคะ พวกพี่ช่วยได้นะ” เนยพูดยิ้มๆ
“จริงสิ! พวกพี่เป็นกามเทพนี่นา ช่วยพวกเราหน่อยสิคะ นะๆพี่แจมนะ” ฟางรีบเข้าไปอ้อนผู้พิทักษ์ของตนทันที แจมหันไปมองแฝดสาวผู้น้องของตนอย่างเคืองๆที่หาเรื่องเดือดร้อนมาให้อีกแล้ว
“ได้ยังไงล่ะคะองค์หญิง ภารกิจขององค์หญิง องค์หญิงก็ต้องทำเองสิ จะให้พวกพี่ทำให้ได้ยังไง” แจมพูด
“ก็ไม่ได้ให้พวกพี่ทำให้หมดสักหน่อย แค่ขอให้ช่วยพวกเรานิดๆหน่อยๆเท่านั้นเอง” แก้วพูดบ้าง
“แล้วจะให้พวกเราช่วยอะไรล่ะคะ” แจมเอ่ยถาม สามสาวยิ้มอย่างดีใจ ก่อนจะหันหน้ามาปรึกษากัน
“พวกพี่ช่วยดูให้หน่อยสิคะว่าเนื้อคู่ของสามคนนั่นเป็นใคร” เฟย์พูด
“แล้วทำไมไม่ให้องค์หญิงแก้วดูให้ล่ะครับ องค์หญิงแก้วก็ดูได้นี่นา” กวินแทรกขึ้น
“ก็ให้ยัยแก้วดูแล้ว แต่ว่า...” ฟางชะงักกึก จะให้บอกพวกพี่แจมว่าไอ้หมีนั่นเป็นเนื้อคู่เราเหรอ ไม่เอาซะหรอก “แต่ว่าไม่มั่นใจไงคะ เผื่อยัยแก้วมั่ว พี่แจมไปดูให้ฟางหน่อยนะ ฟางจะได้ทำภารกิจให้สำเร็จไวๆไง”
“ใช่ค่ะๆ ช่วงนี้สงสัยยัยแก้วจะพักผ่อนน้อย พลังก็เลยเบลอๆ เชื่อถือไม่ค่อยได้ พี่เนยไปดูให้เฟย์ด้วยนะ นะคะๆ” เฟย์รีบเข้าไปอ้อนผู้พิทักษ์ของตนบ้าง
“แล้วองค์หญิงแก้วล่ะครับ จะให้พี่ไปดูให้ด้วยรึเปล่า” กวินหันมาถามแก้ว
“ยังไงก็ได้ค่ะ” แก้วตอบ แม้จะแอบฉุนไม่น้อยที่เพื่อนสาวทั้งสองบังอาจมาว่าเรื่องพลังของเธอ
“งั้นถ้าองค์หญิงอยากพบพวกเราก็เรียกได้ตลอดเวลานะครับ พวกเราจะคอยอยู่ใกล้ๆ ไม่ไปไหนไกลแน่นอน” กวินพูด
“ค่ะ” สาวสาวพยักหน้า ร่างของกามเทพทั้งสามจึงค่อยๆหายวับไปทีละคน
.
.
.
.
.
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ