exo รักอลม่านในโรงเรียนร้าง

10.0

เขียนโดย fernatty

วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 19.32 น.

  11 ตอน
  9 วิจารณ์
  18.56K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2557 13.50 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

3)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
 
 
 
 
สองสัปดาห์ต่อมา
 
 
 
 
 
 
ในที่สุดก็ถึงวันที่จะต้องไปพักผ่อนแล้วหล่ะครับ เหมือนจะดูดีนะที่แบบหัวหน้าให้หยุดแล้วไปพักผ่อน ให้ตายสิ!พักผ่อนที่ร้างๆแบบนั้นผมไม่ประสาทหลอนตายหรอ แค่ไปเก็บศพ4ศพวันนั้นแล้วมองเข้าไปในรั้วโรงเรียนนั้นก็สั่นประสาทจะบ้าอยู่แล้วแต่นี่คือไปอยู่เลยนะไปค้างเลยนะ โถ่วเว้ยไอหัวหน้า อย่าให้เจอนะ อย่าให้เจอ!
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
"เห้ยมึงจัดของเสร็จยัง"เสียงทุ้มต่ำทางด้านหลังถามขึ้น ซึ่งก็คงจะเป็นไอจงอินนั่นแหละ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
"ใกล้จะเสร็จล้ะเออว่าแต่ไปกี่วันว้ะกูไม่ได้ฟังตอนที่คริสมันบอก"ผมถามโดยไม่ได้หันไปมองเพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ด้านหลัง
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
"............"แต่แล้วก็มีเพียงความเงียบตอบกลับมาจนผมต้องหันขวับไปมองทางด้านหลังทันที
 
 
 
 
 
 
 
 
แล้วก็ต้องใจหายวาบ เมื่อ....ด้านหลังของผมไม่มีใครอยู่เลยซักคน..ไม่มีแม้แต่คนเดียวแล้วเสียงเมื่อมันเสียงของใคร?หรือผมจะหูฝาดไปเอง....
 
 
 
 
 
 
 
 
 
"เห้ย!!เสร็จยังว้ะมึงอ่ะชักช้าชิบหาย"ผมสะดุ้งเฮือกทันทีเมื่อกำลังคิดถึงเรื่องเมื่อกี้อยู่ดีๆ ไอจนอินก็วิ่งพรวดพราดเข้ามา
 
 
 
 
 
 
 
"ไอเหี้ยตกใจหมด...................มึงก่อนหน้านี้มึงได้เข้ามาในห้องนี้หรือป่าว"ผมเงยหน้าสบตาเพื่อนตัวเองที่ทำสีหน้าสงสัยว่าถามทำไม
 
 
 
 
 
 
 
 
"จะเข้ามาทำไมว้ะกูก็จัดของของกูอยู่น่ะสิ ประสาทหลอนแล้วมึงอ่ะ"จงอินพูดก่อนจะเดินมาตบหัวดังป้าบเพื่อให้ได้สติ
 
 
 
 
 
 
"ไม่ๆๆๆๆๆๆๆ แต่กูได้ยินเสียงมึง"ผมส่ายหัวรัวๆ ผมพูดจริงๆนะนี่ผมคงไม่ได้เบลอเพราะนอนดึกหรอกใช่ไม๊ ก็นั่นมันเสียงของไอจงอินชัดๆผมจำได้ผมไม่ได้มีปัญหาที่หูนะจะได้จำเสียงเพื่อนตัวเองไม่ได้
 
 
 
 
 
 
 
"มึงอย่าทำกูหลอน กูสาบานต่อหน้าพระเลยเอ้าว่ากูเพิ่งเข้ามาทักมึงเมื่อกี้เป็นครั้งแรก ไอสัสมึงแม่งทำกูขนหัวลุกก่อนจะไปโรงเรียนร้าง มึงแม่งงงงง"จงอินมองผมตาขวางก่อนจะเดินออกไป
 
 
 
 
 
 
 
 
ไม่ผมไม่ได้หลอนนะแต่ผมได้ยินเสียงมันถามผมจริงๆให้ตายเถอะนี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ในใจผมก็คิดว่าไอจงอินมันต้องแกล้งผมแน่ใช่มันต้องแกล้งผมแน่ๆ พูดปลอบใจตัวเองไปก็ไม่มีประโยชน์เลยเพราะผมรู้สึกโหวงๆในใจอย่างบอกไม่ถูก
 
 
 
 
 
 
นี่มันแค่เรียกน้ำย่อย
 
 
 
 
 
 
ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงกระซิบที่ข้างหูเบาๆ ก่อนจะสะบัดหัวไล่ความรู้สึกกลัวจนฉี่จะแตกนี่ออกไปและรีบยัดข้าวของใส่จะเป๋าแบบลวกๆก่อนจะรีบวิ่งออกมาจากห้อง..
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ความรู้สึกตอนนี้เหมือนผมเป็นพวกเด็กประถมที่หอบกระเป๋าพะรุงพะรังมาเข้าค่ายนอกสถานที่เลย นี่ถ้าใส่ชุดลูกเสือนี่ใช่เลยนะเนี้ย
 
 
 
 
 
 
 
 
"อ่าครับ วันนี้ก็ไม่ได้มีแค่พวกเราที่มานะ ผมควรจะดีใจดีไม๊ที่เรามีเพื่อนเพิ่มมาเยอะแยะเนี้ย"คริสบอกพร้อมกับยิ้มหล่อๆให้ทุกคน "เนื่องจากเราทำงานร่วมกับพวกหมอๆมาเยอะใช่ไม๊หล่ะแทบจะเรียกว่าทุกครั้งเลยแหละมีเราที่ไหนมีหมอที่นั่น ผู้อำนวยทางนั้นเห็นว่าเรามีกิจกรรมที่น่าสนใจ?เลยบอกให้พวกลูกน้องตัวเองมาร่วมด้วย" ผมอยากจะถามทั้งโครตเง่าของคนพวกนั้นจริงๆเลยว่าการมาทัศนศึกษาเหมือนเด็กอนุบาลที่บ้านร้างมันมีอะไรน่าสนใจงั้นหรอครับ    ตอบสิตอบ?????
 
 
 
 
 
 
 
 
 
"อ่าทางเรายินดีต้อนรับนะครับ ก็ขอให้อยู่ด้วยกันสามวันสองคืนนี้ผ่านไปด้วยดีเนาะ"คริสบอกพวกหมอที่พวกผมคุ้นเคยดีจะเป็นใครไปได้หล่ะนอกจากไอหมาเตี้ย แล้วก็คนสวยของไอจงอินมันน่ะ แล้วก็แถมมาคนนึงที่หน้าหวานสวยๆเหมือนผู้หญิง
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ชานยอล
 
 
 
 
 
 
เสียงหวานๆเรียกแผ่วเบาที่ลอยมาตามลมดังขึ้นในโสตประสาทผมหันไปมองรอบๆว่ามีใครเรียกหรือป่าวแต่ทุกคนกำลังสนใจแต่เรื่องที่คริสกำลังพูดเท่านั้น ไม่มีใครเลยที่เหมือนว่าจะเป็นคนที่เรียกชื่อของผม แล้วเสียงใครกัน?
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ผมว่ามันแปลก...แปลกมากๆ..แปลกตั้งแต่ตอนที่ผมจัดกระเป๋าแล้ว.....แล้วตอนนี้ผมรู้สึกแปลกใจเข้าไปอีก เมื่อรู้สึกเหมือนมีใครกำลังจับจ้องผมอยู่จากที่ไหนสักแห่ง!!!!!
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ตอนนี้เราเดินเข้ามาในรั้วโรงเรียนหลังจากที่ยืนทำใจกันหน้าโรงเรียนมานับชั่วโมง
 
 
 
 
 
 
 
 
"รู้สึกอึดอัดดีนะครับ"คริสพูดและหันไปมองรอบๆตัวโรงเรียนอย่างระแวง
 
 
 
 
 
 
 
 
คืออะไรครับ คือ....ไอหัวหน้าให้คริสมาเป็นแกนนำพวกผมแต่ดูสภาพตอนนี้สิทำหน้าเหมือนพวกโรคจิตประสาทหลอนอย่างงั้นแหละ แล้วอย่างงี้จะไปกันรอดไหมหล่ะเนี้ยแค่จะเดินเข้าไปในตึกยังไม่กล้ากันเลย
 
 
 
 
 
 
"เราจะยืนอยู่ตรงนี้จนรากงอกออกมายึดพื้นเลยไหมครับ นี่มันจะมืดอยู่แล้วนะครับ ไม่เข้าไปสักทีหล่ะ"ผมถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ไม่ใช่ว่าไม่กลัวนะแต่ผมเมื่อยมากๆแล้วก็อยากนอนจะตายอยู่แล้ว
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
"อ...เอ่ออ...นั่นสิเข้าไปกันเถอะ"คริสบอกตะกุกตะกักและเดินนำเข้าไป ผมมองสำรวจเพื่อนที่ตอนนี้น่าจะมีสักประมาณ10กว่าคนได้ ทางโรงบาลก็ส่งมาแค่3คนเท่านั้น ซึ่งก็มีไอเตี้ย คยองซู และอีกคนที่น่าจะชื่อลู่ฮานเพราะเห็นพวกนั้นเรียกกัน ส่วนพวกผมที่ผมรู้จักและเคยคุยกันเป็นบางครั้งบางคราวก็มีผม จงอิน คริสและคนอื่นๆ เอ้อผมลืมแนะนำอีกคนนั่นคือเลย์น่ะ เอาไว้เดี๋ยวพวกคุณก็คงรู้จักกันเองนั่นแหละเพราะเลย์น่ะตัวติดกับคริสจะตายจนคนในมูลนิธิเม้าท์กันให้แซ่ดว่าคบกันอยู่ ชั่งเถอะผมไม่ได้อยากรู้เท่าไหร่ พอดีไม่ใช่พวกชอบเสือกเรื่องคนอื่นน่ะครับ
 
 
 
 
 
 
 
 
ในที่สุดตอนนี้พวกเราก็เดินมาหยุดอยู่ที่ห้องๆนึง ซึ่งผมคาดว่าน่าจะเป็นห้องประชุมของที่นี่ พอเปิดเข้ามาสภาพมันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด แต่เสียอย่างเดียวก็กลิ่นอับจากการไม่ได้ใช้งานมานานนี่แหละที่ทำเอาผมมึนหัวเลย
 
 
 
 
 
 
 
"มึง....กูรู้สึกว่าตั้งแต่เดินเข้ามาเหมือนมีคนจ้องกูอยู่เลยว่ะ"จงอินเดินเข้ามากระซิบข้างๆหูผม พร้อมกับเอามือถูแขนตัวเองไปมา
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
"เออเหมือนกูนั่นแหละแต่กูรู้สึกมาตั้งแต่ยืนอยู่ข้างนอกล้ะ"ผมบอกและมองรอบๆที่ห้องประชุมนี่ มันมีทั้งแอร์ทั้งพัดผมเลยหล่ะ แต่ยังใช้การได้อยู่หรือป่าวอันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน
 
 
 
 
 
 
 
 
 
"คยองซูคร้าบกลัวหรือป่าวคร้าบ"หลังจากที่ไอจงอินยืนคุยกับผมได้ไม่นานมันก็เดินไปเตาะคนสวยของมัน นั่นสิผมลืมไปเลยว่าแบคฮยอนก็มาด้วย ไล่สายตาหาได้ไม่นานผมก็เห็นไอเตี้ยยืนอยู่ข้างๆคยองซูนี่แหละ ผมว่าผมมองผ่านตรงนั้นหลายรอบแล้วนะเตี้ยเกินไปไงผมเลยมองไม่เห็นนี่ผมไม่อยากจะแซะเรื่องความเตี้ยของหมอนั่นนักหรอกนะแต่หมันไส้ไง
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
"มองอะไรเดี๋ยวแม่ก็จิ้มตาบอดหรอก"ผมถอนหายใจยาวเมื่อมองหน้าไอเตี้ยแค่ไม่ถึง2วิก็หันมาแวดๆใส่ผม น่าเบื่อจริงๆ!
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
"จงอิน....ฮึก....เค้ากลัว"คยองซูตาแดงก่ำเหมือนจะร้องไห้ออกมาก นั่นทำให้จงอินลนลานทำอะไรไม่ถูกก่อนจะค่อยๆดึงตัวของคนตัวเล็กมากอดแบบเบาๆ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
"ไม่ต้องกลัวนะครับ ผมอยู่นี่แล้วผมไม่ปล่อยให้ใครมาทำอะไรคุณแน่"จงอินลูบหัวร่างบางเบาๆก่อนจะกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น
 
 
 
 
 
 
 
 
 
"จะอ้วก"เป็นเสียงของแบคฮยอนอีกตามเคย ไอเตี้ยนี่มันตัวขัดความสุขของคนอื่นเค้าจริงๆนี่ถ้าไม่ขัดขึ้นมาก่อนนะผมคงยืนน้ำตาไหลให้กับฉากดราม่าหวานเลี่ยนเมื่อกี้แล้วหล่ะครับ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
"อิจฉาก็บอกเหอะ"ผมพูดเหน็บแหนมไปก่อนจะแค่นยิ้มให้
 
 
 
 
 
 
 
 
"ใครอิจฉากันห้ะไอบ้า นายนี่มันมั่วนิ่มจริงๆ"แบคฮยอนเบ้หน้าใส่ก่อนจะหันไปทางอื่นเพราะขี้เกียจมายืนเถียงกันให้คนอื่นมองมากไปกว่านี้
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
"หึ"ผมทำได้แค่หัวเราะในลำคอ ก่อนจะหันหน้ากลับมามองไปทีเวทีขนาดใหญ่ที่มีม่านกั้นปิดไว้อยู่เพราะรู้สึกเหมือนมีคนแอบมองผมอยู่จากตรงนั้น! ม่านสั่นหน่อยๆเหมือนกับมีคนเปิดมันแล้วปิดไป ทั้งที่ๆทุกคนยืนรวมกลุ่มกันอยู่ตรงนี้ ไม่มีใครเดินขึ้นเวทีซักคนแต่ม่านกับขยับเองได้ จะว่าเป็นลมก็คงไม่ใช่เพราะประตูไม่ได้เปิดแถมหน้าต่างยังปิดไว้อีก ผมยืนลูบแขนตัวเองป้อยๆเพราจู่ๆก็ขนลุกขึ้นมาเสียอย่างนั้น
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในโรงเรียนนี้ผมก็รู้สึกได้เลยว่าไม่ได้มีแค่พวกเราที่อยู่ในนี้แต่มันมีอะไรที่ไม่ใช่คนอยู่กับพวกเราด้วย
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา