Because of you เพราะนายฉันถึงเป็นแบบนี้

5.0

เขียนโดย Avalle_Cafe

วันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.

  11 ตอน
  0 วิจารณ์
  18.32K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556 00.22 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

4) Chapter 4

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

Chapter 4

 

     “ตื่นได้แล้วบาโร” คนที่นอนอยู่ลืมตาแล้วความรำคาญ ก่อนจะหันไปต่อว่าคนมาปลุกตามเคย แต่คราวนี้กลับไร้คำพูดใดๆออกมาจากปากของบาโร นอกจากดวงตาที่เบิกกว้างอย่างตกใจ

     “ซ..ซานดึล” คนโดนปลุกถึงกับตกใจพูดอะไรไม่ออก เพราะปกติชินวูจะมาปลุกเขานี่นา

   “ฉันไม่มีประชุมวันนี้ แล้วก็มารอฟังนายเปลี่ยนโจทย์” ซานดึลเอ่ยเสียงเรียบเฉยเหมือนหน้าตาของเขาที่ไม่บ่งบอกอารมณ์

บาโรอยากจะบอกทุกคนจากใจเลยว่า...เขาน่ากลัวสู้ใครอื่นไม่ได้เลยสักนิดเดียว กงชานนั้นน่ากลัวกว่าเขา ซานดึลเวลานี้กลัวอย่าเขาเยอะ ชินวูที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อน้องนั้นก็น่ากลัวเวลาเอาจริง จินยองนั้นก็น่ากลัว ทุกคนทำให้เขาเหมือนอ่อนแอ

     “นั้นสินะ งั้นฉันจะบอกโจทย์ใหม่ให้นายหลังจากกินข้าวเสร็จก็แล้วกัน” พูดจบเจ้าตัวก็เดินหายไปในห้องน้ำ

ซานดึลถอนหายใจเบาๆ เจ้าตัวรับรู้ถึงขอบตาที่ร้อนขึ้น บ่งบอกว่าอีกไม่นานจะมีน้ำใสๆไหลออกมา แต่เจ้าตัวก็ปาดมันทิ้งก่อนที่น้ำใสๆจะไหลลงมา ซานดึลเดินเข้าไปในครัว เปิดกล่องข้าวที่เขาทำตอนเช้า แล้วเสียงเปิดประตูห้องน้ำก็ดังขึ้น ซานดึลเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกล่องข้าว

     “วันนี้มีอะไรให้กินหรอ” บาโรเดินออกมาถาม หลังจากที่แต่งตัวเสร็จแล้ว

     “บิบัมบับ(ข้าวยำเกาหลี)” ซานดึลเอ่ยมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย จนบาโรแอบน้อยใจ

     “งั้นหรอ ขอบใจนะที่ทำให้”

     “นายจะพูดให้ฉันใจอ่อนยอมเป็นเครื่องมือให้นายอย่างเต็มใจรึไงกัน” บาโรที่กำลังตักบิบัมบับกินถึงกับชะงัก ก่อนจะกลับมาเป็นขยับตามปกติ ไม่ตอบคำถามของซานดึล ปล่อยให้ความคิดผิดๆของซานดึลดำเนินต่อไป

     นายกลับมาเป็นนายแล้วสินะบาโร คนเย็นชา ไร้หัวใจ!

ทั้งคู่นั่งเงียบมาตลอดระหว่างที่บาโรทานอาหารเช้า บาโรไม่รู้จะพูดต่อจริงๆ ในเมื่อเขาตั้งใจจะให้ทุกคนเข้าใจผิดอยู่แล้ว เขาจะไปทำอะไรได้ ในเมื่อทุกคนก็เชื่ออย่างนั้นไปแล้ว จะโทษใครได้นอกจากตัวเอง บาโรจมอยู่ในความคิดของตัวเองตลอด แต่ในสายตาของซานดึลนั้นก็ยังคงเห็นบาโรไม่อยากพูดกับตน เพราะเขานั้นไม่ใช่จินยอง

 

ทั้งคู่นั่งเงียบมาตลอดจนบาโรทานข้าวเช้าเสร็จ แล้วซานดึลก็ทำหน้าที่ล้างจานตามเคย ก่อนจะเดินมานั่งที่โซฟาข้างๆบาโร ก่อนจะถามเรื่องที่ค้างคาใจ

     “สรุปแล้วนายตั้งใจจะให้โจทย์แบบไหน” ซานดึลเปิดประเด็นขึ้น ไม่พูดอ้อมให้เสียเวลา

     “ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ถ้านายจะยอมทำล่ะก็นะ” บาโรหลับตาลง

     “ฉันจะทำ ถ้ามันทำให้ฉันตัดจากจากนายได้” ซานดึลเอ่ยออกมาอย่างไม่หวั่น

     “แล้วนายพร้อมที่จะทำร้ายเพื่อนตัวเองรึเปล่าล่ะ” บาโรจับจ้องไปที่ซานดึลอย่างเรียบเฉย

ใบหน้าของซานดึลดูตกใจกับสิ่งที่ได้ยินไม่น้อย การที่เขาจะได้เป็นอิสระนั้นต้องทำร้ายเพื่อนตัวเองเลยอย่างนั้นเลยหรอ เขากำลังเห็นแก่ตัวใช่ไหม ถ้าเขาเลือกตกลงกับข้อตกลงนั้น

     “ฉ..ฉันพร้อม” ซานดึลตัดสินใจ แม้มันจะเห็นแก่ตัว แต่การทำร้าย 1 คน เพื่อช่วย 2 คน เขาหวังว่าคนๆนั้นจะเข้าใจเขา

     “หึ นายเห็นแก่ตัวอย่างที่ฉันคิดเอาไว้เลย งั้นก็ดี! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายต้องแสดงละครบทใหม่ จงแสดงว่านายรักฉันเกินคำว่าเพื่อน ตามจีบฉันจนเห็นได้ชัดเจน แล้วบอกจินยองซะ ว่านายจะไม่ยอมยกฉันให้จินยองอีกแล้ว แล้วตีตัวออกห่างจินยองซะ แล้วตีตัวสนิทกับกงชาน ให้จินยองเข้าใจว่านายต้องการทั้ง 2 คน ให้เข้าใจว่านายมันเลว! นายแน่ใจแล้วหรอว่าพร้อมที่จะทำมัน” บาโรให้โจทย์ใหม่กับซานดึล

คนที่ได้ยินโจทย์นั้นถึงกับตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน จินยองคือคนที่เขาต้องทำร้าย คือคนที่เขาคบมาตลอด วันนี้ต้องหักหลังเพราะความต้องการของตัวเอง ต้องทำให้คนที่ดีมากๆคนนึงต้องเสียใจ ต้องทำให้คนที่หวังดีกับเขาต้องผิดหวัง เขาจะทำได้ลงหรือยังไงกัน

     จินยอง...ถ้าฉันทำลงไป นายจะเข้าใจฉันไหม?

     “มีทางเลือกอื่นไหม” ซานดึลจำใจถามออกไป

     “ก็มี แต่นั้นดีที่สุดแล้วในตอนนี้”

     “ขอข้อเสนออื่น” ซานดึลยังคงยืนยัน

     “อาทิตย์หน้าหาเงินมาคืนหนี้ให้ได้ ไม่งั้นพ่อฉันจะไม่ใจดีกับนายอีกแล้ว นายจะไม่ได้พักอยู่กับฉัน นายต้องไปหาที่อยู่เอาเอง ไม่งั้น...ก็จากโลกนี้ไปซะ พร้อมฮยองของนาย” พูดจบก็ยกมือขึ้นมาทำรูปปืนแล้วยิงไปที่หน้าผากของซานดึล

     “น..นายจะบ้าหรอ! เงินมากมายขนาดนั้น ฉันกับฮยองจะไปหาที่ไหนทัน เงินที่นายจ้างฉันมาคอยทำงานบ้าน ดูแลนาย เงินเดือนของงานที่ฉันทำ เงินของฮยองกับฉันรวมกัน ยังไม่ได้ 1 ส่วน 10 ของหนี้เลยนะ” ขอบตาของซานดึลเริ่มร้อนขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ในเมื่อน้ำใสๆประท้วงอยากไหลออกมาเต็มที แต่เจ้าตัวก็พยายามกระพิบตาปริบๆเพื่อไล่มันออกไป

     “หึ จะกลั่นน้ำตาไปก็เท่านั้น ไม่ว่าทางไหน นายก็เสียน้ำตาอยู่แล้ว คิดดูเอาเองล่ะกัน แล้วฉันจะรอคำตอบก่อนที่จะไปโรงเรียน ไม่งั้นฉันจะตัดสินใจเอาเอง!!” ว่าแล้วบาโรก็เดินหายเข้าไปในห้อง ปล่อยให้ซานดึลจมอยู่กับความคิดของตน พร้อมน้ำตาที่ไหลรินออกมาอย่างกลั่นไว้ไม่อยู่

   จินยอง ชินวูฮยอง ผมควรจะเลือกทางไหนดี ทางที่จะทำร้ายจินยองเพื่อช่วย 2 คน คนที่ฉันรักคนนึงอยู่รอด แต่อีกคนที่รักต้องถูกทำร้ายด้วยคนไว้ใจ

     แต่อีกทางนึงเพื่อช่วยนาย..จินยอง ฉันกับชินวูฮยองอาจจะต้องจากนายไป นายจะต้องทนอยู่คนเดียว หรือไม่ก็อยู่กับคนเลวๆอย่างบาโร แต่อย่างน้อยนายก็ยังมีกงชานกับครอบครัว แต่ฮยองของฉันต้องจากไป ฉันก็รับไม่ได้อยู่ดี คนในครอบครัวคนสุดท้ายของฉันต้องจากโลกไป

     ไม่ว่าทางไหนฉันก็ทำไม่ได้ แต่ในเวลานี้ฉันต้องเลือก จะผิดไหม? ถ้าฉันคิดจะทำร้าย..ไม่สิ ทำลายชีวิตนาย เพื่อตัวฉันเองกับชินวูฮยอง นายจะรับได้ไหม ถ้าฉันหักหลังนายเพื่อตัวเอง นายจะทนได้ไหมถ้าไม่มีฉันที่คอยช่วยนาย

     ฉันรักนายมากนะ นายเป็นเพื่อนคนเดียวของฉัน ที่ฉันเชื่อใจที่จะบอกทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆถ้าฉันไม่ถูกบาโรใช้เป็นเครื่องมือ ไม่อยากให้นายต้องมองบาโรในทางที่ไม่ดี เพราะนายชอบบาโรนี่นา ไม่สิ..ถูกหลอกให้รักหมดใจ

     ฉันขอโทษนะ ฉันขอโทษจริงๆ ฉันขอเลือกที่จะทำร้ายนายเพื่อคนที่ฉันรักมากที่สุด นายจะต้องยืนหยัดด้วยตัวของนาย นายจะต้องสู้ต่อไปให้ได้นะ ฉันพร้อมที่จะรับความรู้สึกเกลียดชังที่นายมีให้ฉัน เพราะงั้นนายต้องสู้ต่อไปให้ได้นะ

     จงอยู่เพื่อตัวนายเอง จงเข้มแข็งเพื่อคนที่นายรัก และจงสู้ต่อไปเพื่อคนที่รักนาย จงทำให้ดีที่สุดในชีวิตของนาย แม้ฉันจะไม่มีโอกาสบอกนายกับตัวเอง แต่ขอให้นายรับรู้ให้ได้นะ ว่าฉันรักนายมากจริงๆ จงอยู่เพื่อชีวิตของนาย...

     แล้ว...ฉันจะกลับมาหานายแน่นอน ในสถานะเพื่อนที่ดีของนาย ฉันจะกลับมาบอกทุกสิ่งทุกอย่างให้นายฟัง หลังจากที่ฉันไม่มีอะไรผูกมัดกับใครอีกแล้ว ฉันจะกลับมาเป็นเพื่อนที่ดีให้นาย ขอโทษนะ...จินยอง

     “หมดเวลาคิดแล้ว” ซานดึลที่อยู่ในห้วงความคิดของตน ก็ถูกปลุกด้วยน้ำเสียงเรียบและหนักแน่นของบาโร มือเรียวรีบปาดน้ำตาของตนออก แล้วหันมาเผชิญหน้ากับบาโร

     “ฉันตัดสินใจแล้ว..ฉันจะเลือกเล่นละครของนาย” ในเวลานี้ จะไม่มีคำว่าลังเลอีกแล้ว ในเมื่อเลือกที่จะทำแล้ว ก็ต้องพร้อมที่จะรับสิ่งตอบแทนจากการกระทำนั้นของตัวเอง

     “หึ ในที่สุดนายก็เผยธาตุแท้ของนายออกมาเหมือนกันแล้วสินะอีจองฮวาน ดี! งั้นก็เริ่มเล่นละครกันวันนี้ ตั้งแต่เหยียบเข้าโรงเรียน และหวังว่านายจะไม่ทำให้ฉันผิดหวังนะ และหวังว่าจะแสดงละครได้ดีนะ” คำพูดที่ทิ่งแทงซานดึลออกมาเรื่อยๆ ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้อง

     “ฮึก ฉันเกลียดนาย!! ฉันเกลียดนายที่สุด!!! ฮือๆๆ” ซานดึลทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น ก่อนที่จะหลั่งน้ำตาออกเป็นครั้งสุดท้าย ...ครั้งสุดท้าย ก่อนที่เขาจะมาเสียน้ำตาทีหลังไม่ได้

::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::

 

     “ฉันจะทำโทษพวกมัน เข้าใจหม๊ายยย” เสียงโวยวายของประธานนักเรียนดังขึ้นอีกครั้ง เหมือนทุกๆวัน เพียงแต่คนที่อยู่ค้างๆนั้น ทุกคนเริ่มจะชินกับมันแล้ว คนรักของประธานนักเรียน ‘จอมปลอม’ นั้นเอง

     “ฮยองครับ ไม่สงสารบ้างหรอครับ เห็นจะร้องไห้กันอยู่แล้ว” กงชานเอ่ยออกมา และตอนนี้ทุกคนในโรงเรียน ก็เกือบจะเห็นเขาเป็นเทวดาที่สวรรค์ส่งลงมา ช่วยชีวิตของพวกเขานั้นเอง

     “แล้วพวกมันเคยสงสารฉันไหมล่ะ ตะโกน กรี๊ด โวยวายหูจะแตกอยู่แล้ว”

     “ฮยองหึงล่ะสิ ที่เขากรี๊ดผมอ่ะ :’) (ที่กรี๊ดก็พวกตุ๊ดเอย กระเทยเอย ที่แสดงออกตรงๆน่ะครับ อภัยที่ไปเขียนออกไปแบบนี้ แต่มันโรงเรียนชายล้วนนี่ครับ)” ได้ใจกงชานไปเต็มๆเมื่อเห็นท่าทีของจินยอง

     “จะบ้าไง อย่ามาหลงตัวเองไปหน่อยเลย” จินยองปฏิเสธก่อนที่จะเดินหนีไป และไม่ลืมพูดสิ่งที่ควรจะทำ “ออดจะดังแล้ว อยากให้ไปส่งที่ห้องไหม” แม้ไม่เห็นใบหน้าของเจ้าของคำพูด แต่กงชานก็รับประกันว่าร่างเล็กต้องหน้าแดงอยู่แน่นอน

     “จะว่าไป ฮยองเรียนอยู่ห้องไหนหรอครับ”

     “6 A ทำไมหรอ” แม้จะสงสัย แต่ก็บอกไป

     “ผมจะไปส่ง :’)” และก็เห็นได้ชัดเจน ว่าร่างเล็กนั้นใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันที

     “อยากขับไล่ส่งฉันสินะ ก็ตามใจ” แล้วอีกครั้งที่จินยองตีความหมายให้ตัวเองเข้าใจแบบนั้น เพราะไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกันอีก เพราะนับวันหัวใจของเขามันเต้นแปลกขึ้น จนน่าสงสัยว่าเขาป่วยจริงหรือเปล่า

     “เปล่าซักหน่อยครับ แค่อยากไปส่งคนที่ผมรัก :’)” และอีกครั้งที่คนๆนี้ทำจินยองหน้าขึ้นอย่างปกปิดไม่มิด

     “อยากส่งก็มาสิ มัวแต่พูดอะไรไร้สาระอยู่นั้นแหละ” น้ำเสียงของจินยองดูหงุดหงิด แต่คนที่รู้จักจินยองมาก่อนอย่างกงชานทำไมจะไม่รู้ ว่ามันก็แค่กลบเกลื่อนเฉยๆ

     “แต่ทุกวินาทีของผมกับฮยองมันไม่เคยไร้สาระเลยนะครับ :’)” กงชานวิ่งตามร่างเล็ก ก่อนที่จะจับมือแล้วเดินไปพร้อมกัน

.

.

.

.

     “นี่กงชาน ได้ข่าวว่านายคบกับจินยองฮยองอยู่หรอ” เพื่อนสนิทคนใหม่ของกงชานที่มีใบหน้าที่น่ารักเกินกว่าที่จะเป็นผู้ชาย ‘โนมินวู’ ประธานชมรมดนตรีที่กำลังคบหากับประธานชมรม Leadership‘คิมดงฮยอง’

     “นายนี่เจ๋งไปเลยนะ ที่สยบคนอย่างจินยองฮยองได้” แฝดผู้พี่ของโจทวินซ์ ประธานชมรมศิลปะ ‘โจยองมิน’

     “นายนี่สุดยอดไปเลยนะ แต่ยังไงฮยองของฉันก็สุดยอดที่สุด” แฝดผู้น้องของโจทวินซ์เอ่ยขึ้นบ้าง รองประธานชมรมศิลปะ ‘โจกวังมิน’ แล้วหันไปห้อมแก้มโชว์ทุกคน อย่างไม่อายใครจนยองมินต้องตีหน้าอกของน้องชานร่วมสายเลือดของตัวเองเบาๆ ใบหน้าหวานของยองมินก็อดที่จะแดงระเรื่อไม่ได้

     “พอเลยกวังมิน เป็นงี้ทุกทีเลย”

     “คร๊าบๆ ว่าแต่นายเหอะ ถึงขั้นไหนแล้ว” กวังมินถามตามที่ตัวเองนั้นคิด

     “จะบ้าหรอกวังมิน ไปถามอะไรอย่างนั้นล่ะ” มินวูที่หน้าแดงแทนกงชานรีบออกตัวช่วย

     “นั้นสิ นิสัยเสียจริงๆเลยกวังมิน” ยองมินรีบว่ากวังมินที่ถามออกไปอย่างนั้น

    “ไม่เป็นไรหรอก เราก็แค่เพิ่งคบกัน ยังไม่ถึงขึ้นจูบเลยด้วยซ้ำไป” กงชานตอบอย่างยิ้มๆ

     “แล้วนายจะทนกับนิสัยของจินยองฮยองไหวหรอ” กวังมินอีกแล้ว ที่ถามออกไปอย่างนั้น

     “กวังมิน!/กวังมิน!” สองเสียงเคะ เอ๊ย มินวูกับยองมินตะโกนเสียงชื่อเพื่อเตือนกวังมินว่ามันมากเกินไปแล้ว

     “เอาน่า อาจารย์เข้าแล้ว ไว้นายค่อยให้คำตอบฉันก็ได้นะ”

     “กวัง!” ยองมินที่ดูเบื่อหน่ายกับการเรียนชื่อคนรักของตน ก็อดไม่ได้ที่จะเอ็ดอีกครั้ง

แล้วเวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆ จนถึงเวลากลางวัน เวลาที่จินยองรอคอยจะไปพบปะกับเพื่อนของตนที่อยู่ชั้นต่ำกว่าอยู่ 1 ปี แต่ก็ไม่ได้รู้เลยว่าตนจะพบเจอกับความเสียใจ และจะเสียใจหลังจากนี้ต่อไป...

     “ดึลลี่!! ไปกินข้าวกันนะ” จินยองวิ่งมาที่เดิมของพวกเขา สวนหลังโรงเรียน

     “จินยอง...” ซานดึลเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบเฉย ก่อนนะมอบสายตาที่ทำให้ใครหลายคนกลัวได้ แล้วจินยองเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน ที่กลัวดวงตานี้

     “ซ..ซานดึล ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ อ๊ะ” ข้อมือของจินยองนั้นก็ถูกมือเรียวของซานดึลลากไปที่โต๊ะหินอ่อน โต๊ะของพวกเขา ที่ตอนนี้มันมีรูปเขากับบาโรเต็มไปหมด

     ซานดึลมองรูปบนโต๊ะที่บาโรให้เขามา ซึ่งนั้นก็ล้วนเป็นรูปแอบถ่ายจากตากล้องที่บาโรเป็นคนจ้างมา แต่รูปพวกนี้มันกลับทำให้ซานดึลรู้สึกเจ็บข้างในอย่างช่วยไม่ได้ ทำไมคนอื่นแท้ๆ แต่ทำไมกลับรู้สึกเจ็บเองหลายเท่าเลยนะ มีหลายใบที่บาโรกับจินยองจับมือกัน ป้อนข้าวกัน ในหัวของซานดึลก็เอาแต่คิดเรื่องที่ผ่านๆมา

   ทำไมถึงเป็นฉันคนเดียวที่ดูแลนายไม่ได้ นายต้องการคนอื่นมาดูแลนายแทนฉันจริงๆน่ะหรอ จินยองแทนที่ฉันได้หรอ...แล้วทำไมจะไม่ได้ล่ะ ก็ในเมื่อฉันก็ไม่เคยดีกว่าจินยองสักครั้ง...จินยองฮยอง!

     ความรู้สึกเหมือนมีมีดที่นับไม่ถ้วนแทงลงที่หัวใจของซานดึล แววตาของทั้งคู่ที่มองกันในรูปภาพที่เหมือนคู่รักกัน ทุกๆอย่างคือความจริงที่ซานดึลรับไม่ได้ น้ำร้อนเริ่มที่จะไหลมารวมกันอยู่ที่ขอบตา ก่อนที่จะไหลรินลงมาอย่างห้ามไม่ได้ น้ำตาแห่งความรู้สึกที่เจ็บปวด ทรมาน อิจฉา และรู้สึกผิด...

     “นายตั้งใจจะให้ฉันเสียใจไปถึงไหน ตั้งใจจะหักหลังจะไปถึงไหน! ฮึก นายเป็นเพื่อนฉันนะ ฉันเชื่อใจนายแท้ๆ ทำไมนายถึงทำกับฉันแบบ ทำไมๆๆๆ ฮือๆๆๆ ฉันเกลียดนายๆๆ” ซานดึลเริ่มทุบตีจินยอง

     แต่จินยองกลับยินยอมให้ซานดึลทุบตีแต่โดยดี อาจเป็นเพราะยังตกใจที่เห็นรูปถ่ายของตัวเองกับบาโรเยอะขนาดนี้ แล้วก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองนั้นได้ทำร้ายความรู้สึกของเพื่อนตัวเองไปมากแค่ไหน ความผิดที่ดันไปรักคนๆเดียวกับเพื่อนนี่มันยากเกินจะให้อภัย ทั้งๆที่ซานดึลอุส่าบอกให้เขารับรู้ว่าเขานั้นชอบใคร ทั้งๆที่ตัวเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน เขาทำร้ายคนที่ดีต่อเขาได้ลงคอเลยอย่างงั้นหรอ เวลาที่ผ่านมา...ซานดึลรู้สึกยังไง เขานั้นไม่เคยรู้เลยสินะ

     จินยองค่อยเงยหน้าขึ้นมามองซานดึลที่เลิกทุบตีเขาแล้ว แล้วก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ร่างกายที่สั่นสะท้านเพราะกำลังเสียใจนั้นทำให้จินยองถึงกับทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว แล้วน้ำตาแห่งความรู้สึกผิดที่ไม่แพ้กับซานดึลก็ไหลลงมา ไหลผ่านโครงหน้าของจินยองโดยที่เจ้าตัวแทบจะไม่รู้สึกตัวเลยทีเดียว แล้ววินาทีนั้นจินยองก็รู้สึกไม่มีแรงที่จะยืนต่อไป ก่อนที่จะล้มทั้งที่ยืนอยู่ไปนั่งคุกเข่าข้างๆซานดึล

     “ซานดึล ฮึก ฮือๆๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฮึก ฉันขอโทษ ฮือๆ ฉันไม่เคยคิด ฮึก ที่จะหักหลังนายนะ ฮือๆๆๆ”

     “ทำไม... ฮึก นายถึงยอมให้ฉันทุบตีแบบนี้! ฉันจะไม่ยอมนายอีกแล้ว ฉันจะทำตามหัวใจของฉันแล้ว!!”

เพียะ

มือเรียวของซานดึลประทับลงบนแก้มของจินยอง รอยแดงค่อยๆชัดเจนมากขึ้นจนสามารถมองเห็นเป็นรูปฝ่ามือ จินยองที่ตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้

     “ฉันเกียดนาย! นายไม่ใช่เพื่อนฉัน!!” ซานดึลเอ่ยประโยคสุดท้ายก่อนที่จะวิ่งหนีหายไป ทิ้งให้จินยองร้องไห้อยู่ตามลำพัง

     ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันไม่เคยคิดจะหักหลังนายเลยนะซานดึล 1 ในเพื่อนสนิทไม่กี่คนที่ฉันมี ที่ช่วยฉันเผชิญหน้าจนถึงทุกวันนี้ นายเป็นเพียงคนเดียวที่ฉันบอกทุกสิ่งทุกอย่าง

     ทำไมฟ้าต้องแกล้งกันด้วย ต้องให้รักคนเดียวกัน ต้องให้บาโรเกิดมาแค่คนเดียว ทำไมไม่ให้บาโรมีฝาแฝดเหมือนยองมินกับกวังมิน ทำไมทุกคนต้องมาจากฉันไป ฉันทำอะไรผิด ฉันเคยทำร้ายใครร้ายแรงขนาดนี้หรือไงกัน นั้นสินะ ฉันทำร้ายซานดึล ฉันทำลายความเชื่อใจของซานดึล

     จะมีใครอีกไหมที่เขาสามารถบอกทุกสิ่งทุกอย่างได้... กงชาน

     “จินยองฮยอง!” จินยองหันไปหาเสียงทีเรียกเขา

     “กงชาน” จินยองพึมพำเบาๆ

     “เกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมถึงร้องไห้ล่ะครับ” มือใหญ่เอื้อมไปปาดน้ำตาของคนตรงหน้าอย่างเบามือ

     “ซานดึล... เขาเกลียดฉันแล้ว ฮือๆๆ ฉันไม่ได้ ฮึก ตั้งใจซักหน่อย”

     “ซานดึลฮยอง? ทะเลาะกันเรื่องอะไรหรอครับ” กงชานถามหาเหตุผล

     “บาโร... ฮึก ซานดึลชอบบาโร.. ฮึก แต่ฉันทำร้ายจิตใจเขา ฮือๆๆ” จินยองเล่าทั้งน้ำตาที่นังคงไหลไม่หยุด

     กงชานตัดสินใจพาจินยองไปนั่งที่ใต้ต้นไม้ แล้วนั่งลงข้างๆร่างบาง ก่อนที่จะโอบกอดจินยองจากด้านข้าง คอยพูดปลอบใจร่างบาง จนแรงสั่นสะอื้นเริ่มหายไปจนนิ่ง เสียงลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอเป็นตัวบอกว่าคนข้างๆนั้นได้หลับไปแล้ว เขาจึงขยับให้คนข้างๆเขานั้นมานอนบนตักของเขา เขาถอนหายใจแล้วนั่งเงียบๆสักพัก ก่อนที่เขาจะหลับไปอีกคน ที่ข้างใต้ต้นไม้ต้นโปรดและต้นประจำของจินยอง บาโร ชินวู และซานดึล...

.

.

.

     “อืม.. กี่โมงแล้วเนี่ยกงชาน” จินยองตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย เนื่องจากการร้องไห้น้ำใช้พลังงานไปไม่น้อยเลยทีเดียว เลยทำให้เขาหลับเป็นตายจนลืมเวลาไป แต่เสียงของเขาก็ไม่ได้ทำให้กงชานรู้สึกตัวแม้แต่น้อย เจ้าของเสียงหวานจึงพยายามอีกครั้ง

     “กงชาน.. กงชานชิค.. ไอ่กงชานชิค!.. ไอ่หมาพงซาน!!!” แต่โปรดเข้าใจว่าความอดทนของร่างน้อย... ยังไงมันก็น้อยนิดอยู่ดี =_______=;;;

     “ฮะ?” และแล้วความนี้ก็มีเสียงตอบรับจากปลายสาย(?) เสียงแหลมๆของจินยองได้ปลุกกงชานขึ้นมาจนสำเร็จ

     “กี่โมงแล้วไม่อยากจะทราบ” จินยองเอ่ยประชด

     “งั้นผมไม่บอกก็ได้ฮะ :’)”

     “อะไรของนายไม่อยากจะทราบ” ‘ไม่อยากจะทราบ’ หนึ่งในคำพูดประชดของจินยองที่ติดปากนั้น ไม่ได้ช่วยให้กงชานตอบคำถามเลยซักนิดเดียว เพราะเจ้าตัวบอกเองว่าไม่อยากจะทราบ... - -^

     “ถ้าจินยองกี้ฮยองไม่อยากจะทราบแล้วถามผมทำไมหรอครับ?” และแล้วต่อมความไร้เดียงสาก็ทำงานอีกครั้ง ส่วนอีกคนต่อมแหกปาก(?) ก็เริ่มจะทำงานอีกครั้งแล้วเหมือนกัน

     “เออ อยากจะทราบ อยากจะรู้โว๊ย! ว่ากี่โมงแล้ว” จินยองพูดอย่างอารมณ์เสีย

     “4 โมง 48 นาทีแล้วครับ.. ว้า ดันโดดเรียนซะแล้วสิฮะ”

     “แล้วไงอ่ะ? กฏข้อที่ 40 ของฉันสามารถโดดเรียนได้ เพราะเกรดฉันอยู่ในระดับโอเค แต่อย่างนายคงไม่เป็นไรมั้ง เล่นเรียนดีขนาดนั้น เหอะ” จินยองเชิดใส่อย่างหมั่นไส้

     “แต่ว่าผมกลัวโดนฮยองลงโทษนี่นา กฏของฮยองก็น่าจะมีข้อห้ามโดดเรียนเหมือนกันนี่ครับ :’(“ กงชานตีหน้าเศร้า จนคนที่มองนึกว่ามองลูกหมาตัวน้อยๆอยู่ซะอีก

     “เอาเถอะ ฉันยกให้คราวนี้ เพราะนายช่วยอยู่เป็นเพื่อนฉัน..” ไม่ทันที่จินยองจะพดจบ กงชานก็เอ่ยสัญญาขึ้นมาทันที

     “ก็ผมสัญญาแล้วนี่ฮะ ว่าจะอยู่ข้างๆจินยองกี้ฮยองเวลาอ่อนแอ แม้จะโดนทำโทษ ผมก็จะไม่ทิ้งฮยองฮะ ยกเว้นแต่ฮยองจะเป็นคนไล่ผม.. ”

     “หึ นายนี่จริงๆเลยน้า เจ้าลูกหมาขี้อ้อน” จินยองยกมือขึ้นไปขี้หัวกงชานอย่างเมามันส์ ก่อนที่จะติดลม(?) เลื่อนมือไปบีบแก้มกงชานเบาๆ แล้วเลื่อนไปจิ้มจมูกกงชานเบาๆ เหมือนเล่นอยู่กับลูกหมา แล้วค่อยๆเอามือไปเกาคางให้(?)

     “ฮยองอย่าแกล้งผมสิ ผมไม่ใช่หมาน้า” กงชานเอ่ยออกมาอย่างงอนๆ

     “โอ๋ๆ เจ้าลูกหมาตัวนี้ทำไมขี้งอนจัง” จินยองเอื้อมมือไปจัดทรงผมให้กงชาน ที่ตัวเองเพิ่งจะขยี้จนเละ

     “ฮยอง.. ฮยองยังกังวลอยู่อีกรึป่าวฮะ” กงชานเอ่ยขึ้นมา เมื่อเห็นโอกาส

     “...ไม่รู้สิ นายว่าบาโรกับชินวูจะเข้าใจฉันไหม” จินยองหันมามองกงชาน หลังจากที่จัดทรงให้เสร็จแล้ว

     “ผมเชื่อนะ.. เชื่อว่าบาโรฮยองกับชินวูฮยองจะเข้าใจ และเชื่อซานดึลฮยองเองก็คงเข้าใจ ฮยองเป็นคนดี เขารู้จักฮยองมานานแล้วน้า เขาต้องรู้นิสัยฮยองสิฮะ :’)” กงชานยิ้มให้กำลังใจ ก่อนนะลุกขึ้นแล้วยื่นมือมาให้จินยอง

     “...” จินยองมองอย่างงงๆ

     “กลับหอกันเถอะฮะ เดี๋ยวผมจะทำจาจังเมียน*ให้ทานนะครับ” จินยองที่กำลังเอื้อมมือไปให้ถึงกับชะงักเมื่อได้ยินชื่ออาหาร

(* จาจังเมียนเป็นอาหารเกาหลีที่ขึ้นชื่ออย่างนึงเลยทีเดียว แต่มีความหมายในความรักที่แปลว่าอกหัก ไม่มีคนรัก หรือโสดนั้นเอง ซึ่งในเกาหลีจะมีวันที่ 14 ของทุกเดือนเป็นเดือนแห่งความรัก แต่มี 1 เดือนที่เป็นวันของคนโสด แล้วพวกเขาจะกินจาจังเมียนกันในวันนั้น ใครที่ไม่โสดอย่าไปสั่งกินในวันนั้นล่ะ เพราะพนักงานจะมองเราด้วยสายตาแปลกๆแล้วถอนหายใจ - -^)

     “นายจะประชดฉันรึไงกัน ฉันไม่ได้อกหักนะ แต่ทะเลาะกับเพื่อนต่างหาก” จินยองลุกขึ้นโดยที่ไม่คิดที่จะพึ่งมือของกงชาน

     “ฮ่าๆๆ ผมล้อเล่นเองนะฮะ อย่างอนสิฮะ ยิ้มนะๆ” กงชานรีบเดินตามไปง้อทันที เมื่อเห็นร่างเล็กรีบสาวขาสั้นๆ เอ๊ย ขาเรียวๆของเขาเดินกลับหออย่างรวดเร็ว

     “เปลี่ยนเมนูอาหารซะ”

     “ก็ได้ครับๆ” กงชานรีบตอบรับ แล้วเดินเข้าไปจับมือ แล้วเดินกลับหอด้วยกัน

::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::

 

     “หึ เล่นบทเลวๆได้ดีนี่นา เหมาะกับสันดานนายดีนิ เหอะ แล้ววันนี้นายต้องย้ายมานอนในห้องนอนกับฉัน..” บาโรเอ่ยขึ้นอย่างสมเพช แต่ก็ถูกขัดขึ้นเสียก่อน

     “ทำไมต้องเข้าไปนอนกับนายด้วยไม่ทราบ”

     “คิดว่านายจะได้นอนกับฉันรึไง เหอะ อย่าได้หวังสูงไปหน่อยเลย ฉันจะให้นายบนพื้น นายจะได้ไม่ห่างจากสายตาของฉันแม้แต่วินาทีเดียว และฉันก็ไม่อนุญาติให้นายไปหาชินวูตอนเช้าตั้งแต่นี้ไป” บาโรเอ่ยคำขาด

     “แต่ชินวูฮยองอาจจะรู้สึกผิดปกตินะ” ซานดึลเอ่ยอย่างตกใจ

     “นายก็บอกเหตุผลไปซะสิ ว่านายอยากจะอยู่กับฉัน แล้วเวลาฉันชวนไปไหนก็ต้องไป จะได้ดูเหมือนนายอยากไปกับฉัน แล้วก็พยายามทำตัวเอาใจใส่ฉันให้มากๆด้วย ฉันจะออกไปตรวจหอกับจินยองแล้ว นายห้ามให้ใครเข้าและห้ามออกไปเด็ดขาด!” บาโรไม่รอฟังเสียงแย้งของซานดึล แล้วเดินออกไปจากห้อง มุ่งหน้าไปหาจุดนัดพบที่เดิม

::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::

 

     “ว่าไงจินนี่” บาโรเอ่ยทักอย่างสดใสเมื่อเห็นคนที่เดินเข้า

     “ก็..ดี” จินยองฝืนยิ้มบางๆให้ เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อตอนกลางวัน เขาก็อดนึกไม่ได้ว่าบาโรเป็นต้นเหตุที่เขาทะเลาะกับซานดึล แต่เขาเองก็เป็นสาเหตุเหมือนกัน

     “นายดูไม่ดีเหมือนที่บอกเลยนะ เป็นอะไรรึเปล่า” บาโรถามอย่างเป็นห่วง

     “ก็.. นิดหน่อย เดี๋ยวฉันเล่าให้ฟัง แต่ตอนนี้เดินตรวจหอกันก่อนเถอะ”

     “อืม เอางั้นก็ได้ แต่นายห้ามลืมนะ ว่าเราเพื่อนกัน นายบอกฉันได้ทุกอย่างเลย” บาโรยิ้มให้กำลังใจ

     แต่เรื่องนี้ฉันคงต้องโกหกนาย.. เพราะนายคือคนที่ฉันชอบ แต่ฉันไม่สามารถเอ่ยออกไปได้ เพราะซานดึลเองก็ชอบนาย.. ชอบมาก จนเราทะเลาะกัน...

     เวลาผ่านไป จินยองก็สร้างเรื่องขึ้นมาเล่าให้บาโรฟัง ว่าเขานั้นทำแก้วใบโปรดของกงชานแตก มันเป็นแก้วที่แม่ของเขาเป็นคนให้ เขาทะเลาะกับกงชานจนจินยองทนไม่ไหว เดินหนีออกจากห้องมาตรวจหอ

     “หืม.. ดูท่านายจะแคร์เขานะ ชอบเขาหรอ กงชานน่ะ” บาโรเอ่ยออกไปอย่างสงสัย

     “บ้าน่า จะไปชอบได้ยังไงกัน”

     “แต่ซานดึลบอกว่านายหน้าแดงเขินกงชานนี่นา คนแรกในรอบ 3 ปีเลยนะนั้น” บาโรพูดไปพยักหน้าไป

     “วันนั้นแดดมันร้อน” จินยองเอ่ยปัดๆ

     “หรอ แต่ถ้าจำไม่ผิดนะ วันนั้นฉันเดินไป เห็นฟ้าครึ้มๆ เหมือนฝนจะตกนี่นา” บาโรยังคงต้อนจินยองเรื่อยๆ

     “เออน่า ช่างมันเถอะ.. แล้วซานดึลเป็นไงบ้าง?” จินยองหยุดคิดซักพักก่อนตัดสินใจเอ่ยมันออกมา

     “ก็เหมือนเดิม มีปากเสียงกันทั้งวัน เหอะ วันนี้มาขอนอนกับฉันอีก บอกเมื่อคืนฝันร้าย เฮ้อ” บาโรโกหกไป เพราะเขาอยากจะเห็นอาการของจินยอง

     “อ..อย่างนั้นหรอ เอ่อ ซานดึลนอนกับนายบ่อยไหมอ่ะ”

     “ไม่อ่ะ แทบจะฆ่ากันตาย บางวันฉันต้องไปนอนโซฟาเลยอ่ะ แต่วันนี้แปลก ปกติฝันร้ายก็นอนคนเดียวได้นี่นา หรือจะฝันน่ากลัวมากๆก็ไม่รู้แหะ” บาโรพูดไป แต่สายตาจับจ้องไปที่จินยองที่ก้มหน้าเดิน เขาอดคิดไม่ได้ว่าจินยองคิดอะไรอยู่

     “อย่างนั้นหรอ.. ดูท่านายจะรักซานดึลเหมือนกันนะ ไม่งั้นคงไม่ยอมนอนเป็นเพื่อนซานดึลหรอก เห็นจะฆ่ากันตายอยู่แล้ว ไม่คิดว่าจะได้อยู่ห้องเดียวกัน ตอนแรกนึกว่าจะฆ่ากันตาย จนต้องเปลี่ยนห้องซะแล้ว ฮะๆ” จินยองฝืนหัวเราะออกมา

     “ก็คงจะจริงมั้ง เห็นทะเลาะแบบนี้ แต่เราสนิทกันมากเลยนะ ที่ไหนมีซานดึล ที่นั้นต้องมีฉัน นายก็น่าจะชินแล้วน้า แล้วทำไมเราต้องมาคุยเรื่องของซานดึลด้วยล่ะเนี่ย”

     “...ไม่รู้สิ”

     “นี่ๆ ขอไรอย่างสิ.. นะ” บาโรหันมาขอร้อง

     “ขออะไรอีกล่ะ จะขอไปวิ่งรอบสนามบอลรึไงกัน” จินยองพูดติดตลกเล็กน้อย

     “ฉันยังสติครบถ้วน ไม่บ้าไปขออะไรแบบนั้นหรอกนะจินนี่” บาโรค้อนเล็กน้อย

     “อ่ะๆ จะขอไรล่ะ”

     “ฉันขอให้ชินวูไม่ต้องมาปลุกฉันอีกต่อไปจะได้ไหม ซานดึลฝากถามมาน่ะ เห็นบอกว่าจะเดินมาปลุกฉันหลังจากประชุมเสร็จ ฉันคัดค้านเท่าไรก็ไม่ยอม” บาโรพูดออกมาอย่างปกติ แต่หัวใจของจินยองเหมือนถูกมีดแหลมๆกรีดอย่างแรง

     “ซานดึลต้องการงั้นหรอ..” จินยองหันไปถาม

     “คงต้องบอกว่าใช่ล่ะ จะว่าไปซานดึลก็แปลกๆไปนิดนึงนะ”

     “อืม.. แล้วฉันจะบอกชินวูให้คืนนี้”

     “เฮ้อ.. โล่งอกไปที นึกว่าจะโดนเป็ดงับหูซะแล้ว” บาโรพูดไปหัวเราะไป

     “นั้นสินะ.. ยังไงบาโรก็ยังคงเป็นบาโร” จินยองพึมพำเบาๆกับตัวเอง แต่หูกระรอกนั้นก็ยังคงทำงานได้ดีตามเคย

     “นายว่าไงนะจินนี่”

     “อ่อๆ แค่บอกว่าชักหนาวแล้ว รีบตรวจแล้วรีบกลับห้องเถอะ ฉันอยากจะไปขอโทษกงชานอีกสักครั้ง”

     “งั้นเดี๋ยวที่เหลือฉันตรวจให้ก็ได้ นายกลับหอเถอะ” บาโรอาสา

     “จะดีหรอ”

     “ไปเถอะน่า แล้วไปบอกชินวูให้ฉันด้วยล่ะ”

     “อ่อ ได้เลย ขอบใจนะ” จินยองยิ้มบางๆให้บาโร ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ห้องของชินวู

::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::

 

     “มาแล้วครับๆ” เสียงทุ้มของชินวูดังขึ้น หลังจากที่จินยองกดกริ่งเรียกเจ้าของห้อง

แอ๊ด..

     “อ้าว จินยองมีอะไรหรอ” ชินวูเริ่มวางตัวไม่ถูก เมื่อเห็นคนตรงหน้า ใบหน้าของเขาเริ่มแดงระเรื่อ เมื่อนึกไปถึงฟิคที่รุ่นน้องเขียนลงเน็ต ‘ชินวูxจินยอง’ หรือ ‘ชินยอง’ นั้นเอง ‘ร่างบางมาหาเขา แล้วกระโดดกอดคอของเขา แล้วประทับริมฝีปากของร่างบางที่ริมฝีปากหนาของเขา เขาค่อยๆอุ้มคนตัวเล็กเข้าห้อง ก่อนจะล้มตัวนอนลงบนเตียง.. มือของเขาเริ่มซุกซน แกะกระดุมของร่างบางออกทีละเม็ดๆ...’

     “ไอ่ชินวู!!” แล้วเสียงแหลมก็หยุดความคิดอันสร้างสรรค์(?)ของชินวู

     “อ..อะไรนะ” ชินวู..ผู้ชายผู้เรียบร้อยของกลุ่ม และเป็นผู้ใหญ่มากกว่าใคร.. รวมทั้งเรื่องแบบนี้ ก็เขาโตสุดนี่นา

     “ให้ตายสิ เหม่ออยู่ได้ ฉันบอกว่าพรุ่งนี้เป็นต้นไปไม่ต้องไปปลุกบาโรแล้วนะ ซานดึลจะปลุกเอง แค่นี้แหละ ฉันไปล่ะ” แล้วจินยองก็รีบเดินหนีไปที่ห้องตัวเองทันที

     “นี่เราคิดอะไรอยู่ว่ะเนี่ย? จิ้นไปคนเดียวซะงั้น” ชินวูบ่นเบาๆ ก่อนจะปิดประตูห้อง

     ไอ่รุ่นน้องบ้า แต่งอะไรก็ไม่รู้

::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::

 

     “กลับมาแล้วหรอฮะจินยองกี้ฮยอง.. ทำตามแผนรึเปล่า?” กงชานที่กำลังเก็บรองเท้าที่หน้าประตูเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นคนที่เปิดประตูเข้ามานั้นคือจินยอง

     “อื้ม ตามนั้นเลย เมื่อกี้ฉันเปิดประตูโดนนายรึเปล่า” จินยองถามอย่างสงสัย เพราะตอนที่เปิดนั้น เขาสามารถสัมผัสได้ถึงแรงดันที่หน้าประตู

     “เรื่องเล็กน้อยฮะ เป็นห่วงผมหรอ :’)”

     “เปล่า แค่จะบอกว่าสมน้ำหน้า แบร่” จินยองแลบลิ้นออกมาเล็กน้อยเป็นการยั่วอารมณ์(?) โมโหคนตรงหน้า

     “โห ผมอุส่าช่วยนะ ไหงเป็นแบบนี้ล่ะฮะ :’(” กงชานตีหน้าเศร้า

     “เอ่อ.. ก็ล้อนายเล่นไง เห็นดูเครียดๆ ยิ้มหน่อยน้า ปุอิ้งปุอิ้ง*” จินยองยกมือขึ้นมากำ แล้วขยับมันที่ข้างๆใบหน้า แล้วเอ่ยประโยคน่ารักๆออกมา

แชะ!

   “เฮ้ย! ไอ่หมาพงซาน นายทำอะไรของนายอ่ะ” จินยองเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ เมื่อจู่ๆคนตรงหน้าก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปของเขาที่ทำท่า.. แอ๊บแบ้ว

     “ก็ถ่ายเก็บเป็นที่ระลึกน่ะครับ น่ารักดี :’)”

     “ลบเลยนะ ลบเลยๆ” จินยองพยายามจะแย่งมือถือ แต่ดันลืมไปว่าขาตัวเองนั้นสั้น =____=;;

     “รูปน่ารักจะตายไป ลบก็เสียดายแย่เลยสิฮะ หาถ่ายที่ไหนง่ายๆก็ไม่ได้ด้วย :’)” จินยองล้มเลิกความพยายามของตน เพราะเหมือนจะสำนึกได้ว่าไม่มีทางทำได้ตัวขาคู่นี้ จึงเปลี่ยนวิธีแทน

     “ถ้าไม่ลบ ฉันจะงอนแล้วนะ” จินยองเริ่มเอาแต่ใจ

     “นี่จะงอนกันจริงๆหรอฮะ” กงชานจิ้มไปที่แก้มของจินยองเบาๆ แต่กลับได้ค้อนกลับมาแทน

     “...”

     “ยิ้มหน่อยนะฮะ ปุอิ้งปุอิ้ง” กงชานทำตามสิ่งจินยองเคยทำ

     “...”

     “จินยองกี้ฮยองหายงอนทีนะฮะ เงียบแบบนี้ผมรู้สึกไม่ดีเลยน้า” เมื่อไม่ได้ผล กงชานก็เริ่มอ้อน

     “...”

     “งั้นเอางี้ ผมให้ฮยองถ่ายรูปผมกลับดีไหมฮะ”

     “...” ไม่ได้ผล เพราะจินยองไม่สบตาเขาเลย

     “จินยองฮยองคร๊าบ หายงอนผมเถอะนะฮะ” เสียงของกงชานเริ่มสั่น ด้วยความน้อยใจ ขอบดวงตาค่อยๆร้อนขึ้น รับรู้ถึงน้ำใสๆที่เอ่ออยู่ในดวงตาของตน กงชานก็ยังคงเป็นกงชาน อ่อนไหวเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน

     “...”

     “...ฮึก แค่อยากจะเก็บรูปฮยองไว้เท่านั้นเอง ทำไมต้องโกรธกันด้วยล่ะฮะ! ฮือๆๆ” น้ำตาใสๆไหลลงอาบแก้มนวลของกงชาน เสียงสะอื้นที่ปิดไม่มิด เจ้าตัวเลยไม่คิดที่จะไปปิดมัน หลังจากที่ระบายความคิดออก เจ้าตัวก็วิ่งเข้าห้องนอนไปทันที แล้วล้มตัวลงบนเตียงของตน แล้วเอาผ้าคลุมโปงเอาไว้ ไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นถ้าเข้ามาในห้อง

     “กงชาน!” จินยองที่เป็นฝ่ายงอน บัดนี้ได้เป็นฝ่ายง้อขึ้นมาทันที เขาไม่คิดว่าจะได้เห็นน้ำตาของคนตัวสูงได้เร็วขนาดนี้ น้ำตาที่ไม่เคยไหลออกอมาให้เขาเห็น เพราะกงชานนั้นสูง ดูเข้มแข็ง แข็งแรง ไม่น่าจะเสียน้ำตาง่ายๆ

     “ฮึก ฮือๆๆ ฮยองออกไปเถอะฮะ ฮือๆๆ” เสียงสั่นสะอื้นใต้ผ้าห่ม ทำเอาจินยองใจหายทันที

     “นี่...”

     “ผมบอกให้ออกไปไงครับ!!” กงชานตะเบ็งเสียงออกมา

     “ไม่.. ฮยองจะอยู่ จะอยู่จนกว่ากงชานจะให้ฮยองขอโทษ ขอโทษที่ทำแบบนั้น ทั้งที่ความจริงมันก็ไม่ได้มีอะไรมากกว่ารูปเลย ฮยองนิสัยไม่ดี ที่ทำให้กงชานร้องไห้ ฮยองขอโทษ.. ยกโทษให้ฮยองนะกงชาน” จินยองเอ่ยออกไปอย่างไม่ยอมแพ้

     “ฮึก ผมต้องเป็น ฮึก ฝ่ายบอกให้ ฮึก ฮยองยกโทษให้ ฮึก ไม่ใช่หรอฮะ” กงชานพูดออกมาพร้อมเสียงสะอื้น

     “ฮยองยกโทษตั้งนานแล้ว กงชานไม่เห็นฮยองยิ้มเอง” จินยองยิ้มบางๆ คิดว่าตัวเองในใจ

     แล้วจะไปเห็นได้ไงล่ะ ก็ฉันก้มหน้าเองนี่หว่า งานนี้ผิดเต็มประตูเลยจินยองเอ๊ย

     “ฮึก งั้นฮยองก็.. ฮึก อนุญาติให้เก็บรูปแล้วใช่ไหมฮะ” จินยองดึงผ้าห่มที่กงชานคลุมโปรงออก แล้วล้มตัวลงไปนอนกอดคนตัวสูง ก่อนจะเอ่ยอนุญาติ

     “ก็น่ารักซะแบบนี้ ใครไม่ยอมบ้างล่ะจริงไหม แค่นี้ทำเป็นขี้แย ใช้ไม่ได้เลยนะ นายเนี่ย” จินยองเอื้อมมือไปปาดน้ำตาให้กงชานเบาๆ ก่อนจะไปบีบจมูกอีกฝ่ายเล่น

     “ผมไม่ได้ขี้แยสักหน่อย ผมแค่ขี้อ่อนไหว อ่านนิยายยังร้องไห้ ดูหนังยังร้องไห้ นับประสาอะไรกับฮยองที่ไม่ยอมพูดกับผมล่ะ เหมือนตอนนางเอกโกรธพระเอกไม่มีผิด” กงชานย่นจมูก เสียงสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย

     “นายบอกว่าฉันเป็นนางเอกงั้นหรอเนี่ย ทำไมไม่ให้ฉันเป็นพระเอกอ่ะ”

     “งั้นฮยองก็ส่องกระจกดูหน้าตัวเองสิฮะ ว่าหน้าแบบฮยองน่ะเป็นพระเอกไหวซะที่ไหน นางเอกแหละดีแล้ว ฮ่าๆๆ” กงชานกลับมาหัวเราะอีกครั้ง

     “กงชานนี่จริงๆเลย จะเศร้าก็เศร้า จะแกล้งก็แกล้ง ตามอารมณ์ไม่ถูกแล้วนะเนี่ย”

     “เดี๋ยวฮยองก็ชินเองแหละฮะ :’)”

     “มาชงมาชินอะไรล่ะ แล้วนี่นายทำเตียงฉันเปื้อนน้ำตาหมดเลย เฮ้อ..” จินยองเอ่ยปัดๆ ก่อนจะพูดเรื่องเตียง

     “อ๊ะ จริงด้วย นี่เตียงฮยองนี่นา ลืมไปว่าผมไม่มีเตียง.. งั้นเดียวผมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะฮะ แล้วเดี๋ยวออกมาจัดเตียงให้ตัวเอง :’)” กงชานปาดคราบน้ำตาที่เหลือของตัวเองออก แล้วจะลุกขึ้นเอาห้องน้ำ แต่จินยองกลับคว้าข้อมือกงชานเอาไว้ซะก่อน

     “นอนบนพื้นไม่หนาวรึไง”

     “ก็ต้องหนาวสิฮะ ถามแปลกๆ” กงชานเอียงคอเล็กน้อย งงกับคำถามที่ใครๆก็ตอบได้ง่ายๆ

     “งั้นมานอนกับฉันก็ได้” จินยองเอ่ยเบาๆ

     “อะไรนะฮะ เมื่อกี้หูผมต้องฟังผิดแน่ๆ”

    “ฉันบอกให้นายมานอนกลับฉันไงล่ะ! เตียงมันใหญ่พอสำหรับนายอีกคน เข้าใจแล้วก็ไปเข้าห้องน้ำซะ! ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ แล้วนายจะเสียใจ” จินยองปล่อยข้อมือของกงชานออก ก่อนนะหันหน้าหนีเพื่อซ่อนใบหน้าที่แดงระเรื่อของตน

ฟอด

     “เข้าใจแล้วครับผม” กงชานโน้มตัวลงไปหอมแก้มคนตรงหน้า ก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำ

     “...บ้าที่สุด” จินยองเอ่ยออกมาๆพร้อมรอยยิ้ม ยิ้มแบบที่ไม่ได้ยิ้มแบบนี้มานานแล้ว เป็นความสุขจากข้างในจริงๆ และตอนนี้หัวใจของเขานั้นเต้นผิดจังหวะ จนเขานึกว่าจะหัวใจวายซะแล้ว

.

.

.

     “ผมหนาวมาหลายวันเลย กอดผมแบบเมื้อกี้หน่อยสิฮะ” หลังจากที่ได้รับสิทธิ์ให้มานอนบนเตียง กงชานก็เริ่มอ้อน

     “ได้คืบจะเอาศอกนะนายเนี่ย ไม่ต้องล..” จินยองถึงกับสะดุด เมื่อเห็นใบหน้าของกงชานที่ดูน่าสงสารเหมือนหมาน้อย หัวใจเริ่มเต้นเร็วผิดจังหวะอีกครั้ง “เฮ้อ.. รีบนอนได้แล้วน่า” จินยองเอื้อมมือไปปิดไฟก่อนจะหันกลับมากอดกงชาน แล้วหลับลงไปทั้งคู่ด้วยความอ่อนเพลีย และจินยองก็ไม่อยากให้ถึงวันพรุ่งนี้เลยสักนิดเดียว วันที่เขาจะต้องเจอซานดึล..

::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::

 

 

 

ฝากเพจด้วยคับ

นิยายย้ายมาจากเด็กดี

เขียนชื่อนิยายแล้วค้นหาได้คับ

เพจเป้นเพจเฟสบุ๊คน่ะคับ ^^

ลิ้งอยู่ในบล็อคผม

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา