Because of you เพราะนายฉันถึงเป็นแบบนี้

5.0

เขียนโดย Avalle_Cafe

วันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.

  11 ตอน
  0 วิจารณ์
  18.14K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556 00.22 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

3) Chapter 3

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

Chapter 3

 

     เวลาเช้าตรู่ที่ใครหลายคนนั้นยังไม่ตื่น เขาลุกขึ้นมาเงียบๆ เหลือบมองคนที่นอนอยู่ด้านข้างให้มั่นใจว่าเขานั้นยังหลับอยู่ เมื่อมั่นใจแล้วจึงขยับแขนของอีกฝ่ายที่เกาะเขาอยู่ออก แล้วเดินออกจากห้องของตน และมุ่งหน้าไปยังห้องหมายเลข 89 ชั้นที่ 5 ของหอพักนักเรียน แล้วกดรหัสห้องเข้าไปเงียบๆ แล้วเข้าไปทำธุระส่วนตัว ก่อนจะเปลี่ยนชุดเป็นชุดนักเรียนของตนที่อยู่ในห้องนี้ แล้วเดินเข้าไปในครัว แล้วเริ่มลงมือทำอาหารเช้าให้คนที่นอนหลับอยู่ในห้อง

     กลิ่นของอาหารที่เขาทำ ได้ปลุกคนที่กำลังนอนอยู่ขึ้นมา ซึ่งเขาก็ไม่ได้สังเกตุจึงถูกจู่โจมจากทางด้านหลังเข้า

หมับ!

     “อ๊ะ! ชินวูฮยองตื่นแล้วหรอครับ ผมทำต็อกโบกิไว้ให้น่ะฮะ ไปล้างหน้าแปรงฟันก่อน แล้วค่อยมาทานด้วยกันนะครับJ” ชินวูมองเขาด้วยความรัก รักมากเสียยิ่งกว่าใครในโลกใบนี้ คนในครวบครัวคนเดียวของเขา...

     “อื้ม งั้นเดี๋ยวฮยองมานะ ซานดึลลี่” ว่าแล้วชินวูก็เดินเข้าห้องน้ำไป แล้วซานดึลก็หันมาปรุงให้รสชาติเข้าที่ก่อนจะตักใส่จาน แล้วเอาไปวางบนโต๊ะ และตอนนั้นชินวูออกมาแล้ว

     “ตื่นเช้าอีกแล้วนะเราน่ะ เดี๋ยวก็ไม่สบายเพราะพักผ่อนน้อยเอาน้า รู้ไหมตัวเล็ก? ฮยองเป็นห่วงนะJ” ชินวูยิ้มบางๆแล้วยกมือขึ้นมาวางบนหัวของซานดึล เมื่อซานดึลโดนกระทำเช่นนั้น เขาก็อดที่จะมีน้ำตาคลอไม่ได้ แม้เขาจะปิดบังอะไรชินวู ชินวูก็ไม่เคยตอแยถามเขา ถ้าเขาไม่อยากบอก เพราะเขารู้ดีว่าพี่ชายของตนรักตนแค่ไหน เพราะเขาเองก็รักชินวูเอามากๆเหมือนกัน และชินวูของเขาก็ยังอบอุ่นเสมอ...

     ซานดึลขยับตัวเข้าไปกอดชินวู แล้วปล่อยโฮออกมาเบาๆ เพราะเมื่อไรที่เขาอ่อน หรือเหนื่อยกับเรื่องที่เจอมา เขาก็จะมาหาพี่ชายที่รักของเขาเสมอ แม้หลายครั้งที่เขาหลอกชินวู ชินวูก็ให้อภัยเสมอ เพราะชินวูว่าเขาจะต้องมีเหตุผล เหตุผลมากพอที่ทำให้เขาโกหกคนที่เขารักมากที่สุดได้ และครั้งนี้ก็เหมือนกันที่เขาต้องโกหก เพราะเขาน่ะ...ทำเพื่อพี่ชายที่รักของเขาน่ะสิ

     ชินวูโอบกอดน้องชายของเขา ไม่ใช่เขาไม่รู้ว่าซานดึลคิดยังไง หรือคิดที่จะทำอะไร อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิด ทำไมเขาจะดูไม่ออกล่ะ เพียงแค่ไม่อยากจะไปขัดขวาง... อยากให้เขาทำมันให้เต็มที่ ถ้าเขาคิดจะทำ แม้ครั้งนี้เขาอยากจะขัดขวางมากแค่ไหนก็ตาม เขารู้ดีว่าน้องชายตัวเล็กของเขาอดทนมากแค่ไหน... อดทนกับคนเลวๆแบบบาโรมากแค่ไหน... เพื่อเขา...

     “ร้องออกมาเถอะซานดึล น้ำตาคือความเจ็บปวดที่สะสมเอาไว้ ถ้าเหนื่อยหรือเสียใจจนไม่อยากจะทำมันอีกแล้ว ก็ให้ปล่อยมันออกมาเถอะนะ ให้ฮยองได้ซับมัน ให้มันเข้ามาในตัวของฮยอง ให้ฮยองกักเก็บมันไว้แทนซานดึลลี่ของฮยอง เพราะที่ผ่านมาซานดึลลี่เป็นคนเอาความทุกข์ของฮยองไป คราวนี้...ฮยองก็ขอมันคืนเถอะนะ... เอาของซานดึลมาให้ฮยองเก็บไว้แทน... ให้ฮยองได้ทำหน้าที่ฮยองที่ดีเถอะนะ” ชินวูยิ้มบางๆอย่างเศร้าสร้อย ปลอบซานดึลจนแรงสั่นของซานดึลหายไป ซานดึลกระชับอ้อมกอดของชินวูให้แน่นขึ้น

     “ผมรักฮยองที่สุดเลย ฮยองเป็นฮยองที่ดีที่สุดในโลก เป็นคนที่ผมรักที่สุดในโลก... ขอบคุณนะครับ ที่ฮยองไม่เคยทิ้งผมไป ขอบคุณที่ฮยองคอยให้กำลังใจผม ผมรักฮยอง...” ซานดึลเงยใบหน้าขึ้นมามองชินวู แล้วยิ้มอย่างมีความสุข

     “...” ชินวูมองใบหน้าของซานดึลที่มีสีหน้าดีขึ้นแล้วก็จริง แต่เขาก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี

     “ชินวูฮยองยิ้มแบบนี้สิฮะ (^[++++]^) ไม่ใช่ ( .__.) แบบนี้สิฮะ” ซานดึลยิ้มอย่างน่ารัก เหมือนไม่เคยร้องไห้

     “นั้นสินะ ฮ่าๆๆ ไปกินต๊อกโบกิกันเถอะ เดี๋ยวจะเย็นเอาซะก่อน” ชินวูพูดพลางลากซานดึลมากินข้าวเช้า

     “อร่อยไหมฮะ?” ซานดึลเงยหน้าขึ้นมาถามคนที่กำลังเขมือบต๊อกโบกิอย่างกับไม่ได้กินมานาน หรือกลัวจะไม่ได้กินอีกเลยก็ว่าได้ นั้นเป็นคำตอบที่ทำให้ซานดึลยิ้มได้แล้ว

     “อร่อยสิ อร่อยที่สุดเลย ซานดึลลี่ของฮยองทำเองเลยน้า” ชินวูหัดมายิ้มให้ ก่อนจะหันกลับไปเขมือบต๊อกโบกิจานที่ 3 ต่อ ความจริงซานดึลเห็นอย่างนี้ก็ไม่น่าถามแท้ๆ =_____=;;

     “งั้นเดี๋ยวผมไปประชุมชมรมหน่อยนะฮะ ฮยองเองก็ไปแต่งตัวแล้วไปปลุก...เอ่อ...บาโรเถอะฮะ” ว่าแล้วซานดึลก็เดินออกไปเหมือนทุกวันเป็นปกติ

::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::

     “จินยองฮยองคร๊าบบ... ตื่นได้แล้วนะฮะ เดี๋ยวก็ไปสายอีกละ..อ๊ะ!?” จินยองที่อยู่ๆก็ลุกพรวดดึงแขนกงชานมากอด ใบหน้าหวานมีน้ำตาใสไหลลงมา

     “ไม่..ไม่เอาอีกแล้ว!! ฉะ..ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆนะ ฮึก” จินยองเอ่ยออกมาอย่างรวดเร็ว เหมือนขอให้ใครบางคนไว้ชีวิต

     “จินยองฮยองฮะ ตื่นสิฮะ นี่ผมเอง..กงชานไงครับJ” กงชานเขย่าแขนจินยองเบาๆ

     “หืม..อ๊ะ ฝันอีกแล้วหรอเนี่ย.. แย่จริง ขนาดฝันฉันยังกลัวจนร้องไห้ แล้วฉันจะไปเข้มแข็งเป็นประธานนักเรียนตัวอย่างให้คนอื่นดูได้ไงเนอะ ฮะๆ...” จินยองเงยหน้าขึ้นมาพูดกับกงชาน แล้วยิ้มให้คนตรงอย่างสมเพชตัวเอง

     “จินยองกี้ฮยองอย่ายิ้มแบบนี้สิฮะ ฮยองเข้มแข็งจะตายไป..เข้มแข็งกว่าผมอีกนะฮะ รู้ไหม?” กงชานเอ่ยอย่างยิ้มๆ แม้คำพูดเหล่านั้นที่เขาเอ่ยออกไปจะทำให้เขานึกถึงความหลังก็ตาม แต่เขาก็ต้องยอมรับมันว่าเขาอ่อนแอ.. เมื่อครั้งที่แล้วเขาอ่อนแอ แต่คราวนี้เขากลับมาด้วยความแข็งแกร่งกว่าเดิมหลายเท่าเพราะ...เขาไม่มีหัวใจ ให้อ่อนแออีกแล้ว...

    “นั้นสิเนอะ งั้นฉันไปอาบน้ำก่อนนะ ทำกับข้าวให้ด้วยล่ะ” ว่าแล้วจินยองก็วิ่งเข้าห้องน้ำไป ลืมความอายที่เขากลัวจนต้องไปเกาะแขนกงชานซะสนิท

     “ฮยองยังเป็นเหมือนเดิมเลยนะ... เวลาร่าเริงก็จะลืมเรื่องที่ตัวเองอายไปซะหมด เพราะอย่างนี้สินะ...ผมถึงได้เคย...รักฮยอง” กงชานสลัดความคิดของตัวเองออก แล้วเดินเข้าไปในครัวเพื่อทำอาหาร แต่แล้วเขาก็โดนเสียงกริ๊งประตูขัดขึ้นเสียก่อน

ติ๊งต๊อง(ล้อเล่นนะ =___=;;) ติ๊งต่อง

     “คร๊าบบบ” กงชานลากเสียงยาวแล้ววิ่งไปเปิดประตูห้องของเขา

     “อ่าว กงชานชิคใช่มั้ย นายอ่ะ? ฉันเอาต๊อกโบกิที่ทำมาให้น่ะ” ว่าแล้วซานดึลก็ยื่นกล่องข้าวให้กงชานแล้วลาไปประชุมกิจกรรมชมรมของตน

     “คงไม่ต้องกับข้าวแล้วสินะ... ฮยองโชคดีนะ..ที่มีคนคอยดูแลเป็นอย่างดีมาตลอด..มีเพื่อนมากมาย..มีชีวิตอิสระ..ไม่เหมือนผม หึ!” กงชานเดินไปวางกล่องข้าวของซานดึลแล้วลุกไปแต่งตัว

     “จินยองฮยองคร๊าบ” กงชานเดินไปเรียกจินยองที่อยู่ในห้องน้ำ แล้วพูดต่อเมื่อได้ยินคนในห้องน้ำเปิดน้ำเพื่อจะฟังเขา “ซานดึลทำต๊อกโบกิมาให้น่ะฮะ เดี๋ยวมาทานด้วยกันนะครับ”

     “อืม ได้ๆ” จินยองเอ่ยออก แล้วอาบน้ำต่อ

     “ครับ” เวลานี้เขาไม่จำเป็นต้องยิ้ม แค่ทำเสียงร่าเริงก็พอ เพราะไม่ได้เห็นหน้ากัน ใช่...เขาไม่จำเป็นเลยในเวลานี้ เพราะมีคนที่จะเล่นแทนเขาอยู่แล้วในไม่ช้านี้

     กงชานเดินมานั่งรอที่โต๊ะอาหาร หลังจากที่แต่งตัวเสร็จแล้ว แล้วไม่นานเสียงประตูห้องน้ำก็เปิดออก จินยองเดินออกมาจากห้องน้ำเข้าไปเก็บของแล้วจึงเดินมาที่โต๊ะอาหาร

     “ทำไมพี่ถึงไม่เช็ดผมให้ดีๆล่ะฮะ ผมไม่แห้งเดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอกนะฮะ” กงชานเอ่ยออกมา

     “เดี๋ยวมันก็แห้งเองแหละน่า” จินยองตอบส่งๆ กงชานจึงเดินเข้าไปในห้องเพื่อหยิบผ้าขนหนูของเขาออกมา แล้วจึงเดินกลับมาที่โต๊ะอาหาร

     “นายจะเอาอะไรกับฉันนักหนาล่ะเนี่ย” ประโยคคำพูดที่จินยองเอ่ยออกมานั้นกรีดหัวใจอันว่างป่าวของกงชานได้เป็นอย่างดี เพราะเขาเคยพูดมันครั้งนึงแล้วน่ะสิ

     “ผมก็แค่ไม่อยากให้ฮยองไม่สบายนี่ฮะ” กงชานเอ่ยประโยคเดิมๆออกมาอย่างฝืนๆเล็กน้อย

     “อ๊ะ! ปะ..ปวดหัว..” จินยองยกมอขึ้นมากุมที่หน้าผาก กงชานก็รู้หน้าที่ดี รีบวิ่งไปเอายามาให้คนตรงหน้า

     ‘นายจะเอาอะไรกับฉันนักหนาล่ะเนี่ย’ จินยองยืนมองเขาที่เอ่ยประโยคตะกี้นี้ออกมา

     ‘ผมก็แค่ไม่อยากให้ฮยองไม่สบายนี่ฮะ’ จินยองพยายามจะมองใครบางคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา แต่กลับไม่เห็นใบหน้า ก็เขาจะไปเห็นได้อย่างไรล่ะ ก็เขานั่งหันหลังให้คนๆนั้นนี่นา

     ‘นายนี่ล่ะก็...มีใจให้ฉันแล้วรึไงกันนะ ฮ่าๆๆ’ จินยองงงกับคำพูดของเขา เพราะเขาจำไม่ได้ว่าเคยพูดประโยคแบบนั้น แล้วใครมาเช็ดผมให้แบบนี้

     ‘ไม่รู้สิฮะ รู้แค่ว่าผมอยากจะดูแลฮยอง เพราะฮยองดูแลผมมามากแล้ว’ จินยองฟังเสียงที่เขาคุ้นเคย...แต่กลับจำไม่ได้ว่าใครคือคนที่เอ่ยประโยคนั้นออกมา

     ‘ไม่จำเป็นหรอก เพราะถ้านายยังไม่เอาหัวใจมาให้ฉัน นายก็ไม่ต้องมาดูแลฉันหรอกนะ...’ เขาเอ่ยออกไป ทำไมเขาไม่ได้ยิน เขาเอ่ยชื่อใครกัน...ใครกันที่เขาต้องการหัวใจ...บาโรหรอ? แต่นั้นไม่ใช่เสียงบาโร...แล้วใครกัน แล้วนี่มันคืออะไร ทำไมจู่ๆภภาพก็เข้ามาในสมองให้เขาเห็นเหตุการณ์ที่เขาไม่เคยเจอ

     “ยอง...จินยองฮยอง!!!” กงชานเรียกจินยองเสียงดัง เพราะเขาเรียกคนตรงหน้ามานานแล้ว แต่ร่างเล็กก็ไม่ยอมตอบอะไรเขา

     “ห๊ะ! กงชาน? นายกำลังทำอะไรน่ะ?” จินยองที่เริ่มได้สติก็เอ่ยถามกงชานทันที เพราะตอนนี้กงชานกำลังเขย่าตัวเขาเบาๆ ใบหน้าที่กังวลทำให้เขาใจหาย

     “ก็ฮยองแหละเป็นอะไรฮะ ทำไมจู่ๆถึงปวดหัว หรือเพราะเมื่อวานไม่มีคนกอดเลยไม่สบายฮะ?J” กงชานเอ่ยออกมาติดตลก เพื่อให้คนตรงกลายความเครียดลงไปบ้าง

     “ฉันหรอ? อืม...ไม่รู้สิ จู่ๆก็มีภาพฉันอยู่กับใครไม่รู้ เขากำลังเช็ดผมให้ฉัน แล้วมันก็เป็นประโยคเดียวกันกับที่นายกับฉันคุยกันเมื่อกี้เลย แต่ฉันไม่เห็นหน้าเขา...ได้ยินแค่ว่าฉันต้องการหัวใจของเขา แล้วฉันก็เอ่ยชื่อใครไม่รู้ ฉันจำไม่ได้ ขอยาหน่อยสิ” จินยองคิ้วขมวดทันทีเมื่อเอ่ยถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น

     “อย่างนี้นี่เอง...ฮยองครับ ทำไมฮยองถึงจำไม่ได้ล่ะ?” กงชานหลอกถามจินยองเพราะอยากทราบสาตุเหตุที่จำเขาไม่ได้ด้วยเหมือนกัน

     “ก็ฉัน...นายจะรู้ไปทำไมห๊ะ! ช่างมันเถอะ ฉันจะกินต๊อกโบกิแล้วกินยา หิวจะตายแล้วเนี่ย!” แล้วจินยองก็เริ่มลงมือทานโดนไม่ได้สนใจกงชานเลย ว่ากำลังมองตนอย่างสงสัย

 

::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::

 

     “งั้นทุกคนมีความเห็นยังไงกับงานที่จะจัดขึ้นบ้างครับ?” ประธานชมรมคิมดงฮยอนเอ่ยถามออกมา

     “ผมว่าน่าจะมีเรื่องเกี่ยวกับเสียงเพลงหน่อยก็ดีนะครับ เราอาจจะถามประธานชมรมดนตรีให้มาร่วมด้วยก็ได้นะครับประธานมีความเห็นว่ายังไงครับ” ซานดึลเอ่ยออกมากลางห้องประชุม

     “ผมว่าก็เป็นไอเดียที่ดีนะครับ ผมจะลองปรึกษากับประธานชมรมดนตรีดูนะครับ แล้วใครมีความคิดเห็นอื่นไหมครับ” ดงฮยอนเผยรอยยิ้มบางๆขึ้นมาเมื่อเอ่ยถึงประธานชมรมดนตรีโนมินวู ทุกคนก็ยิ้มน้อยๆเป็นอันรู้กันว่าความสัมพันธ์ของ 2 คนนี้คืออะไร แม้แต่ซานดึลเองก็ตาม

     “ผมว่าน่าจะมีการแสดงละครด้วยนะครับ น่าจะถามประธานชมรมอีจองมินกับรองประธานชมรมชิมฮยอนซองดูนะครับ เพราะเห็นว่าแสดงละครไว้แต่ไม่ได้เอามาแสดง เลยคิดว่าจะเลิกเล่นกันไปแล้ว เห็นจะเล่นเรื่องใหม่กัน” อีมินยองเอ่ยขึ้น

     “นั้นสินะครับมินยอง งั้นผมจะไปเอ่ยตอนประชุมรวมนะครับ แล้วใครมีความเห็นอื่นอีกไหมครับ” ดงฮยอนยิ้มบางๆเมื่อนึกถึงคู่รักคู่กัดประจำโรงเรียน คงสนุกน่าดูเลยทีเดียว

     “เอ่อ...คือผมคิดว่าน่าจะมีการจัดสีสันงานให้มากขึ้น ประธานน่าจะลองฝาก 2 ประธานชมรมศิลปะดูนะครับ” คิมมีนูเอ่ยขึ้นบางหลังจากที่ใช้ความกล้าออกตัวเอง

     “อั่นแน่ จะไปหาใครบางคนหรือตั้งใจให้วันงานดูมีสีสันนะกันหรอมีนู” อีนายองเอ่ยขึ้นบ้าง จนพี่สาวต้องเอ่ยเตือน

     “นายอง! ขอโทษแทนนายองด้วยนะมีนู” มินยองตีนายองเบาๆ

     “อ้าว ก็มันจะไปจีบมินจูนี่หว่า ฉันก็ต้องปกป้องสิ” นายองเริ่มโวยเมื่อนึกถึงน้องสาวคนสุดท้อง

     “เอาเป็นว่าผมจะลองเสนอดูนะครับ เพื่อโจยองมินกับโจกวังมินจะอยากทำ เพราะเห็น 2 คนนั้นชอบตกแต่งอยู่แล้ว ใครจะนำเสนออีกไหมครับ” ดงฮยอนตัดบท เพราะมีเวลาไม่มากนัก

     “...” ทุกคนเงียบเพราะไม่รู้จะเสนออะไรดี

     “งั้นผมขอจบการประชุมชมรมแค่นี้นะครับ ยังไงชมรม Leadership (เกี่ยวกับจัดงานต่างๆ) ก็ขอบคุณทุกคนมากนะครับ ที่มาช่วยกันเสนอความคิดกัน” แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันไป

     “เฮ้อ...เสร็จไปอีกวันแล้วสินะ” ชมรม Leadership นั้นเป็นที่รู้กันว่าจะมีเฉพาะตอนเช้าเท่านั้น แล้วจะมีหลังเลิกเรียนเฉพาะก่อนวันงานไม่กี่วันเท่านั้น ถือเป็นชมรมอิสระเลยก็ว่าได้

     “ซานดึลลี่!!!!” ซานดึลหันไปมองตามเสียงก็เจอบาโร รายเดิมทุกวันๆเหมือนเดิม ซานดึลก็ทำได้แค่ลอบถอนหายใจ เพราะทุกวันๆความอดทนของน้อยลงทุกวันๆ กำแพงที่สร้างไว้อาจจะพังลงสักวันหากยังเจอบาโรทุกวันๆแบบนี้

     “ซานดึล! ไปชมรมฮยองกัน วันนี้ฮยองลงซ้อมด้วยน้า” ชินวูรีบเอ่ยตัด เพราะไม่อยากให้บาโรเข้าใกล้ซานดึลจนเกินไป

     “ไปกับฉันดีกว่าไหมเจ้าเป็ด เป็ดอย่างนายนั่งเฉยๆคงถูกจับไปย่างแน่ๆ ไปวิ่งกับฉันดีกว่า เผื่อนายจะแข็งแกร่งขึ้น” บาโรไม่ลืมเอ่ยประโยคกวนรับบาทาออกไป

     “ไปกับฮยองดีกว่า ถ้าไปกับบาโรมีหวังได้รับบาทาไปกิน เดี๋ยวไอ่จินยองก็มาแล้ว ดีกว่าไปเสียเหงื่อให้ตัวเหม็น” ทุกคำที่เอ่ยออกมาสร้างความหงุดหงิดให้บาโรไม่น้อยเลยทีเดียว

     “ถ้าจินยองมาฉันก็ไป!” ซานดึลชูกำปั้นแล้วควงแขนพี่ชายของตนไป โดยมีบาโรมองตามก่อนจะรีบวิ่งตามไป การปะทะของชินวูกับบาโรก็คงไม่จบแค่นั้นแน่ๆ ซานดึลก็คงทำได้แค่ปลง ต้องจำใจรับฟังแล้วเดินไปพร้อมๆกัน

 

::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::

 

     “กงชาน...” จินยองเอ่ยขึ้นระหว่างเดินไปโรงเรียน

     “ครับJ” กงชานหันมายิ้มให้คนที่เรียกตน

     “ถามอะไรไรหน่อยได้ไหม” ดวงตาคมมองไปที่ใบหน้าของกงชานอย่างไม่มั่นใจว่าจะเอ่ยมันออกมาดีหรือไม่ แล้วเราก็เห็นสีหน้ากงชานดูกังวลเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยออกมา

     “ก็เอาสิฮะ ถ้าผมตอบได้ ผมจะตอบนะครับJ” กงชานยังคงเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม

     “ฉันกับนาย...เราเคยเป็นอะไรกัน...กงชาน” จินยองใช้สายตาจับจ้องไปที่ใบหน้าของกงชานที่สีหน้าเปลี่ยนไป รอยยิ้มหายไปแล้ว... ดวงตาอ่อนโยนนั้นหายไปแล้ว...

     ทำไมนายทำหน้าอย่างนั้นล่ะ

     “เราไม่ได้เป็นอะไรกันนี่ฮะ ฮยองถามแปลกๆ ฮยองคิดมากไปเองรึป่าว หรือว่าฮยองเคยเจอผมที่ไหนแล้วลืมไปแล้วก็ได้มั้งครับ แล้วทำไมฮยองถึงถามแบบนี้ล่ะครับ หรือว่าฮยองลืม” จินยองยังคงจับจ้องใบหน้าของกงชาน กงชานเผยรอยยิ้มออกมาบางๆ ดวงตาเปลี่ยนเป็นกังวลแทน สีหน้าที่จินยองไม่เข้าใจ... ว่าทำไมมันถึงได้มีปฏิกิริยาต่อเขามากมายขนาดนี้

     ทำไมนายทำหน้าอย่างนั้นล่ะ...มันเหมือนนายกำลังฆ่าฉันทั้งเป็น หัวใจของฉันมันเจ็บขึ้นมาได้ยังไง แค่ใบหน้าของนายมันเหมือนบอกฉันว่า...เราจะไปรู้จักกันได้ยังไง ผมอยู่คนเดียวมาตลอด...คนเดียว ความรู้สึกนี้ฉันรู้ดีกว่าใครเลยล่ะ

     “หร..หรอ คงจะจริง ฮ่าๆๆ อย่าใส่ใจเลย ฉันก็แค่รู้สึกคุ้นๆเท่านั้นแหละ” จินยองหัวเราะแก้เก้อ ก่อนจะรีบเดินหนีเพราะอายคำพูดที่ตนเอ่ยออกไป แต่ติดที่ว่าคำถามกงชานรั้งเขาไว้

     “แล้วฮยองคิดว่าเราเคยเป็นอะไรกันหรอครับ” ดวงตาใสซื่อของกงชานทำให้จินยองตกใจ แต่ที่ตกใจไม่ใช่เพราะคำถาม แต่เป็นเพราะหัวใจของเขาที่อยู่ๆก็เต้นเร็วขึ้น หรือว่ามันจะเป็นเพราะกงชาน?

     “ไม่รู้สิ ฉันคงอยากได้หัวใจนายมั้ง เหอะ” จินยองตอบส่งๆ ตามสิ่งที่ตนเห็นตอนอยู่ในห้อง แม้จะเป็นอะไรที่น่าอายพอสมควร แต่ถ้าเขาไม่ตอบ กงชานก็จะซักเขาจนอาจจะแสดงละครเกินบทอีกครั้งก็เป็นได้

     “แล้วทำไมฮยองถึงจำไม่ได้ล่ะฮะ” กงชานยิงคำถามใส่จินยองต่อ เพราะเขาอยากรู้เหลือเกินว่าอะไรที่ทำให้จินยองลืมเขา ทั้งที่ไม่น่าจะลืมกันได้เลยซักนิดเดียว

     “เฮ้อ...จะเอาให้ได้เลยใช่ไหมเนี่ย ความจริง...ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนที่จำอะไรได้ ตอนนั้นฉันก็...ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดูดีเท่าไร ลืมตามาก็จำอะไรไม่ได้ เหมือนมันขาดหายไป แต่ทั้งพ่อ บาโร ชินวู ก็ไม่ยอมบอกสาเหตุอะไรเลย บอกแค่ว่าเพราะคนๆนั้น ที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ คนๆนั้นคือบุลคลต้องห้ามของฉัน...ทั้งที่ฉันก็ไม่รู้ว่าใคร” จินยองยิ้มบางๆระหว่างตอนเล่า เหตุการณ์มากมายที่ยากที่จะผ่านมา เขาก็ผ่านมันไปด้วยดี เวลาอันเจ็บปวดของเขานั้นก็ผ่านมานานแล้วเหมือนกัน

     3 ปี แห่งความทรมาน โดดเดี่ยว อ้างว้าง เชื่อใจใครไม่ได้ ไม่มีคนที่ตนรู้จัก เขาก็ผ่านมาได้ โดยหัวใจที่เย็นชา ถ้าไม่มีบาโรก็คงไม่มีวันนี้ คนที่คอยดูแลเขาทุกเวลา คนที่ทำให้เขากลับมาร่าเริงเหมือนเก่า คนที่นำความทรงจำของเขากลับมาส่วนหนึ่ง คนที่คอยให้กำลังใจเขา คนที่คอยยืนอยู่ข้างๆ นั้นคงเป็นเหตุผลที่เขารักบาโรสินะ... คนที่ดีที่สุด

     “แล้วทำไมไม่ถามบาโรฮยองล่ะครับ ว่าคนๆนั้นคือใคร” กงชานเอ่ยถาม

     “ฉันถามไปแล้ว แต่บาโรบอกว่าให้ฉันรอ รอจนกว่าฉันจะจำอะไรได้บ้าง ได้มากพอที่จะรู้ว่าคนๆนั้นสำคัญกับฉันแค่ไหน ถึงขนาดที่ฉันต้องเป็นแบบนี้ และถ้าฉันจำได้แล้ว แล้วคนๆนั้นไม่สำคัญพอได้จริง บาโรจะเป็นคนๆนั้นให้แก่ฉัน จะปกป้องไม่ให้ฉันเป็นแบบนี้อีก เขาบอกว่าอะไรที่ได้มาง่ายๆ มันจะไม่มีค่า ก็คงจะจริงนั้นแหละ” จินยองเล่าออกมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะหันมามองกงชาน

     “อย่างนี้นี่เอง บาโรฮยองนี่เป็นคนดีจังเลยนะครับ แล้วเรื่องมันเกิดตอนไหนหรอครับ” กงชานยังคงถามต่อไป

     “ทำไมถึงอยากรู้เรื่องฉันมากถึงขนาดนี้เนี่ย” จินยองมองกงชานด้วยสายตาสงสัย แล้วยกมือขึ้นมา ทำเป็นรูปปืนก่อนจะขยับไปที่ใต้คาง จนกงชานที่มองอยู่ก็อดขำในใจไม่ได้ ก็จินยองทำตัวอย่างกับนักสืบจิ๋วโคนันเลยนี่นา

     “ก็ฮยองน่าสนใจจะตายไปนี่ครับJ” ใบหน้าขาวนวลของจินยองก็มีสีแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย

     “บ..บ้าสิ ไปยิมกันเถอะ ไว้ฉันค่อยๆเล่า แล้วนายก็เล่าให้ฉันฟังด้วยล่ะ ฉันไม่อยากเสียเปรียบ” กงชานยิ้มบางๆ แล้วเดินตามจินยองไปถึงโรงยิมของดรงเรียน ซึ่งด้านในมีนักกีฬาของโรงเรียนกำลังซ้อมบาสกันอยู่

     “ฮยองอยู่ชมรมบาสหรอครับ” กงชานเอ่ยถามขึ้นมาอย่างสนใจ

     “นายอยากจะถามว่าหน้าอย่างฉันเล่นบาสเป็นด้วยหรอ ใช่มั้ยล่ะ เหอะ” จินยองตีความหมายเอาเอง เพราะดูจากอาการแตกตื่นของกงชาน เลยทำให้เขาเข้าใจผิด

     “ไม่ใช่นะฮะ แค่จะบอกว่าผมอยากเข้าชมรมบาสน่ะครับ” กงชานรีบเอ่ยง้อจินยองที่งอนจนแก้มตุ๊บป่อง

     “ก็เข้าซะสิ ฉันไม่ได้อยู่ชมรมนี้หรอก ฉันไม่มีชมรม” จินยองเอ่ยออกมาลอยๆ

     “เอ๋ กฏมันต้องเข้าร่วมอย่างน้อย 1 ชมรมนี่ฮะ” กงชานถามอย่างงงๆ

     “ก็ฉันจะสร้างกฏของฉันอ่ะ แล้วจะทำไม” น้ำเสียงของจินยองเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมา

     “อ๋อ จริงด้วย ผมลืม...ว่าแต่ แล้วฮยองมาทำไมล่ะฮะ”

     “ก็มาหาประธานชมรมบาสชินวู แล้วก็ซานดึลกับบาโรน่ะสิ” หลังเอ่ยจบไม่นาน จินยองก็เห็นซานดึลโบกมือให้ โดยมีบาโรที่กำลังมีปากเสียงกับชินวูเหมือนเคย

     “บาโร! ชินวู! จะกัดกันอีกนานไหมเนี่ย จินยองกับกงชานมาโน่นแล้ว เห็นไหม” ซานดึลที่รำคาญเสียงกัดกันก็เอ่ยออกมา บาโรที่กำลังด่าอยู่ก็หยุดเอาดื้อๆ ทำให้ชินวูงงตามกันไป

     “จินนี่ จินนี่ของบา..ว..ว่าไงกงชาน” บาโรฝืนยิ้มออกมา

     “ว่าไงบาโร นี่ชินวู เจ้านี่มันจะขอสมัครชมรมบาสแกอ่ะ” จินยองรีบเอ่ยประเด็นออกมาเพื่อไม่ให้เสียเวลา

     “อ๋อ ฉันต้องทดสอบก่อนอ่ะ เพราะ ม.5 ไม่รู้จะฝึกทันเหมือนพวก ม.ต้นรึเปล่า” ชินวูเอ่ยออกมา

     “งั้นจะมัวรออะไรล่ะ นายก็ไปกับชินวูซะสิ ฝากด้วยนะชินวู” พูดเสร็จ จินยองก็เดินมานั่งข้างๆซานดึล

     “ขอบใจสำหรับต็อกโบกินะ อร่อยเหมือนเดิมเลย” จินยองหันไปยอซานดึล

     “นายก็ปากหวานไปแหละ เจ้าบาโรมันยังบ่นเลย ว่าเหนียวไป จืดไป ไม่อร่อย ทำให้กินก็บุญแล้วแท้ๆ เหอะ” ซานดึลที่จู่ๆก็เปลี่ยนอารมณ์ไปอย่างรวดเร็ว ทำให้จินยองแปลกใจเล็กน้อย

     “นาย...ปกติไม่ได้เปลี่ยนอารมณ์ง่ายขนาดนี้นี่นา หรือว่าพูดเรื่องบาโรเลยเป็นแบบนี้ นาย...ชอบบาโรใช่ไหมล่ะ” จินยองจิ้มแก้มของซานดึลเล่น แก้มของซานดึลก็ขึ้นสีแดงระเรื่อทันที

     “จะ...จะบ้าไงล่ะ ฉันเนี่ยนะจะไปชอ..ชอบหน้ากระรอกอย่างมัน ไม่มีทางล่ะ แล้วฉันก็ไม่มีวันแย่งคนรักเพื่อนด้วย ขอบอกๆ” จินยองยิ้มบางๆ เพราะเขารู้ดีว่าซานดึลนั้นแอบมีใจให้บาโรลึกๆๆๆ ลึกมากของก้นบึ้งหัวใจ แต่เขาก็ยังอยากเอ่ยสิ่งที่คิดออกไป

     “นี่...นายจะชอบฉันก็ไม่ว่าหรอกนะ ฉันไม่ได้มีกฏข้อไหนห้ามนายนี่นา แล้วฉันก็...ไม่แน่ใจว่าฉันชอบบาโรที่ตัวของเขา หรือว่าชอบที่นิสัยของเขา เพราะที่ผ่านมาหัวใจฉันก็ปกติดีจนกระทั่ง...” จินยองเว้นไว้ เพราะไม่แน่ใจว่าควรจะพูดออกมาดีไหม แต่พอเห็นแววตาอยากรู้ของซานดึล เลยต้องเอ่ยออกมา

     “จนกระทั่งกงชานโผล่ออกมา หัวใจฉันมันเต้นแปลก บางทีก็กระตุกบ้างล่ะ เต้นเร็วบ้างล่ะ มันเป็นอะไรก็ไม่รู้ แถมฉันยังรู้สึกเหมือนเดจาวูเลย ว่ากงชานกับฉันเราเคยมีปากเสียงเรื่องเช็ดผมมาก่อน แล้วฉันก็ปวดหัวมากอ่ะ แล้วฉันก็เห็นตัวฉันคุยกับใครไม่รู้ ว่าฉันต้องการหัวใจของเขา ฉัน...บางทีฉันอาจจะยังรักคนๆนั้น แม้เขาจะไม่ได้รักฉันแล้วก็ตาม หรืออาจจะไม่เคยรักฉันก็ได้ ฉันลืมเขาไม่ได้จริงๆ เพราะงั้น...ฉันคิดว่าฉันไม่ได้ชอบบาโรล่ะ” จินยองระบายออกมาให้ซานดึลฟัง คนที่ได้ยินก็ตกใจไม่แพ้กับคนที่โดนกับตัว

     “หัวใจนายมันรักเขาคนนั้น แต่กลับเต้นแปลกตอนอยู่กับกงชานเนี่ยนะ เป็นไปไม่ได้น่า มันแปลกเกินไปนะ เอ่อ... ฉันว่าอาจจะจริง ที่ส่วนลึกฉันชอบบาโร แต่ฉันก็รู้ว่าเราไปกันไม่ได้ เขา เอ่อ.. เขากับฉัน เราต่างกันเกินไป” ซานดึลสารภาพออกมา แต่ก็ยังไม่ยอมเอ่ยเรื่องที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือ

     “นายชอบบาโรจริงๆด้วย ฮ่าๆๆ ฉันแค่ล้อนายเล่นเองน้า” จินยองหัวเราะออกมา

     “น..นาย จินยอง!!” ใบหน้าของซานดึลแดงระเรื่องทันที เพราะไม่คิดว่าตนจะพลาดท่า ตกหลุมพลางของจินยองจนได้ ทั้งที่เขาปฏิเสธมาทั้งนาน

     “ฮ่าๆๆ โทษทีๆ แล้วทำไมนายถึงคิดว่านายกับเขาต่างกันเกินไปล่ะ ก็เห็นเข้ากันดีไม่ใช่หรอ” คำถามที่เอ่ยออกไปทำให้ซานดึลถึงกับสะดุดความคิดที่จะเอ่ยประโยคต่อไปทันที

     เหตุผลน่ะหรอ เพราะฉันมันใสซื่อจนน่ารำคาญ แต่บาโรน่ากลัวและสนุกสนานทุกเวลา เขาถึงได้รำคาญฉันไงล่ะ

     “ไม่ต้องมาคุยเรื่องนี้เลยนะ ว่าแต่นายเถอะ ไม่ได้ชอบบาโรหรอกหรอ” เสียงสั่นๆเอ่ยถามออกไป

     “ฉันล้อนายเล่นไง แบร่! ฉันชอบบาโรสิ ส่วนเรื่องกงชานน่ะ ฉันโกหก ฮ่าๆๆ ฉันแค่ไม่สบายน่ะ หัวใจมันเลยเต้นแปลกๆไปบ้างเป็นปกติ เขาว่ากันว่าคนป่วยจะรับอากาศได้ยากขึ้น เลยทำให้เหนื่อยหัวใจเลยเต้นเร็ว แต่เรื่องเช็ดผมน่ะ เรื่องจริง” จินยองเฉลยสิ่งที่ตนพูดออกไป แต่นั้นก็ทำให้เขาได้รู้ถึงความรู้สึกของเพื่อนรักของเขา

     “นายหลอกฉันหรอ นี่แหน่ะๆๆ” กำปัดเล็กๆทุกลงบนไหล่จินยองเบาๆหลายที ก่อนที่เจ้าตัวจะสะบัดหน้าหนีด้วยความงอน

     “โอ๋ๆๆ เป็ดน้อยล่ะก็ขี้งอนไปได้ แต่ฉันก็ยังเล่าความจริงไปน้า” จินยองเขย่าซานดึลเบาๆ

     “แล้วไง นายก็แค่จำได้...จำได้!” ซานดึลที่ตกใจกับข้อมูลใหม่ก็รีบหันหน้ามาเพื่อที่จะถามคำถามมากมาย แต่ไม่ได้รู้เลยมาหัวของจินยองนั้นอยู่ใกล้ๆ =_____=;; ทำให้หันกลับไปกระแทกกันอย่างจังๆ

     “โอ๊ย/โอ๊ย” เสียงประสานความเจ็บนั้นก็ดังจนทุกคนในยิมหันมามองอย่าอดไม่ได้ ชินวูที่กำลังทดสอบกงชานก็ได้สติ รีบวิ่งมาถามอาการ ส่วนบาโรก็วิ่งมาถามสิ่งที่เกิดขึ้น โดยมีกงชานวิ่งตามมา

     “เป็นอะไรมากรึเปล่า เจ็บตรงไหนหรอ” ชินวูเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง

     “เกิดอะไรขึ้นอ่ะเป็ด จินนี่เป็นอะไรไปหรอ” บาโรหันไปถามจินยองหลังจากที่แขวะซานดึลเสร็จ

     “เกิดอะไรขึ้นหรอครับฮยอง” กงชานที่ตามมาทีหลังก็รีบถามทันที

     “เอ่อ ไม่ได้มีอะไรหรอก แค่หัวชนกันน่ะ แหะๆ” ซานดึลเป็นฝ่ายตอบแทนจินยองที่น้ำตาเล็ดตัวความเจ็บ

     “ว่าแต่พวกนายเหอะ บอกเจ้าพวกนั้นให้กลับไปซ้อมก่อนได้ไหมเนี่ย รำคาญสายตา” จินยองที่กัดฟันพูด เพื่อให้ชินวูได้สติ ชินวูเลยหันกลับไปบอกคนในชมรมให้ซ้อมต่อ

     “แล้วสรุปเป็นไง กงชานเก่งพอจะเข้าไหม หรือว่าอ่อนเกินไป” จินยองอดถามไม่ได้เมื่อมีโอกาส

     “ไม่อ่ะ...”

     “เหอะ สมน้ำหน้า” จินยองกระแทกเสียง

     “เปล่า ที่จะพูดน่ะ คือไม่...ไม่มีทางที่จะไม่ผ่านเลยต่างหาก คนอะไร เล่นบาสเก่งชะมัด” ชินวูต่อประโยคให้จบ

     “กงชานเนี่ยนะ? นายเป็นคนหรือเทวดาว่ะเนี่ย ผลสอบเข้าโรงเรียนกลางเทอมของนายที่ฉันไปถามพ่อตอนเมื่อวานก็ได้เต็ม นายเป็นใครกันแน่ล่ะเนี่ย” จินยองถามอย่างเบื่อหน่าย

     “เป็นคนหล่อด้วยไง =.,=” ซานดึลตอบคำถามแทน ซึ่งก็ได้กำมือบาโรเป็นรางวัลกลางหัว “โอ๊ย ทำไรว่ะเนี่ยเจ้ากระรอก!”

     “ก็ทำโทษเป็ดหื่นน่ะสิ ดูทำหน้าเข้า ฉันสยองแทนกงชานเลยนะขอบอก” บาโรทำสีหน้าขยะแขยง แล้วทำท่าขนลุก

     “ฉันก็แค่พูดความจริงนี่หว่า เฮ้ย ทำไมวันนี้คนมายิมเยอะจังว่ะเจ้ากระรอก” ซานดึลหันไปถามบาโร

     “ก็จะเพราะอะไรล่ะ เหอะ ก็มาดูหน้าเด็กใหม่อย่างกงชานน่ะดิ น่ารำคาญชะมัด จะต้องไล่ตั้งแต่วันแรกที่โผล่จนถึงวันสุดท้ายเลยใช่ไหมเนี่ย” จินยองเป็นฝ่ายตอบแทนบ้าง

     “โห...กงชาน นายนี่มันเจ๋งไปเลยอ่ะ แหวะ” นิ้วเค็มๆของบาโรขยับไปป้ายปากเป็ดให้เงียบ แต่ดูเหมือนจะสร้างเรื่องมากกว่าเดิมมากกว่า

     “สมน้ำหน้า” บาโรยักคิ้วให้ข้างนึงเป็นการท้าทาย

     “นายทำอะไรของนายเนี่ย เค็มชะมัด แหวะ แล้วตะกี้นายพูดอะไรห๊ะ” ซานดึลเริ่มโวยวาย

     “สม-น้ำ-หน้า-เป็ด-แบร่” บาโรเกือบจะต้องจูบพื้นถ้าหลบฝ่ามือออรหันต์เป็ด(?)ของซานดึลไม่ทัน แล้วใส่เกียร์กระรอก(?) วิ่งหนีซานดึลที่ใส่เกียร์เป็ดติดปีก(?) วิ่งตามไปเอาคืน

     “เอาอีกแล้วหรอเนี่ย เฮ้อ เดี๋ยวฉันมาจินยอง” ชินวูวิ่งตามไปแยกตัว แต่ดูเหมือนจะกลายเป็นเปิดศึก 3 ทิศแทน จนคนที่นั่งมองต้องถอนหายใจเลยทีเดียว แต่ก็เผยรอยยิ้มบางๆออกมา เพราะเขาเห็นทุกคนทะเลาะแบบนี้เป็นธรรมดา แต่มันก็เป็นความอบอุ่นไปอีกแบบ แม้จะแปลกๆไปหน่อยก็ตาม

     ซานดึล...นายทำตามหัวใจเถอะ ดูยังไงบาโรก็ชอบนาย ไม่ได้ชอบฉันซักหน่อย

     “ฮยองดูมีความสุขที่พวกเขาทะเลาะกันนะครับเนี่ย” กงชานเอ่ยขึ้นอย่างอดแปลกใจไม่ได้ เพราะรอยยิ้มบางๆ ดูแล้วสบายหูสบายตานั้นเกิดขึ้นบ่อยซะที่ไหนกันล่ะ

     “แน่สิ ก็มันแปลว่าพวกเขายังมีความสุขกันดีนี่นา นายลองดูไปที่ชินวูสิ รายนั้นน่ะหวงน้องยิ้มกว่าอะไร ทะเลาะกับบาโรได้ทั้งวัน ทุกวัน ทุกเวลา แต่ซานดึลก็ใช่ย่อยนะ” จินยองเอ่ยอย่างมีความสุข

     “วันแข่ง...” กงชานเอ่ยขึ้น

     “อ..อะไรนะ” จินยองละสายตามามองที่กงชาน

     “วันแข่ง...ถ้าผมเป็นตัวจริง ฮยองต้องมาดูผมเล่นนะ” กงชานชูนิ้งก้อยขึ้นมาให้จินยอง

     “ได้สิ ถ้านายทำได้อ่านะ” จินยองยกมือไปเกี่ยวก้อยแล้วยื่นนิ้วโป้งไปแตะที่นิ้วโป้งของกงชาน กริ่งจะดัง

กริ๊ง!!!

     “ไปเข้าเรียนกันเถอะ” จินยองปล่อยมือกงชานออก แต่กงชานก็จับมือจินยองแล้วเดินไปด้วยกัน

     “น..นายทำอะไรของนายน่ะ” มือเล็กพยายามจะสบัดมือใหญ่ของกงชานออก แต่ก็ไร้ผล เขาไม่ได้อ่อนแอนะ! แค่กงชานแรงเยอะเกินไปต่างหากล่ะ!

     “ก็ในโรงเรียน...เราเป็นแฟนกันนี่ครับJ”

     “ให้ตายสิ รีบๆเดินเลยไป จะได้ปล่อยเร็วๆ” ว่าแล้วจินยองก็เดินไปอย่างรวดเร็ว จนกงชานต้องวิ่งเยาะๆตามไป

 

::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::

 

     “กง..กงชาน” จินยองเรียกกงชานเบาๆ

     “มีอะไรหรอฮะ” กงชานเดินออกมาจากครัวตามเสียงเรียก แม้จะเบาแต่เขาก็ยังคงได้ยินชัดเชน

     “คือ...นายช่วยฉันทำการบ้านหน่อยสิ!!!!>////<” จินยองตัดสินใจเอ่ยออกมา แม้จะน่าอาย แต่ตอนนี้ขอทำให้เสร็จก่อนเถอะ แล้วค่อยตบปากตัวเองที่เอ่ยเรื่องน่าอายออกไป

     “ได้สิครับ ทำไม่ได้อย่างนั้นหรอครับ” กงชานเดินมานั่งข้างๆจินยอง

     “ทำไม่ได้แล้วไงล่ะ” จินยองมองกงชานตาขวาง แต่ที่ทำไม่ใช่เพราะโกรธหรอกนะ แต่เพราะกลบเกลื่อนความอายของตัวเองต่างหาก ที่กล้าเอ่ยออกไป

     “เปล่าครับๆ งั้นผมช่วยสอนนะ แต่ว่า...ทำไมให้ผมสอนล่ะ ผมเรียนอยู่ม.5 เองนะครับ” กงชานถามอย่างงงๆ

     “ก็นายทำข้อสอบตอนเข้าได้เต็มนี่นา เพราะงั้นนายก็น่าจะฉลาดพอที่จะทำของม.6 เหมือนกัน” จินยองพูดประชดเล็กน้อย แต่กงชานกลับหัวเราะเบาๆออกมาแทน

     “คร๊าบๆ ผมก็พอทำได้บ้างเท่านั้นแหละครับฮยอง ไหนดูสิ” กงชานหยิบสมุดไปดูก่อนจะลงมือเขียนอะไรลงไปแล้วยื่นมาให้จินยองอ่าน สิ่งที่กงชานเขียนคือวิธีคิด แล้วคำอธิบายคร่าว สิ่งเข้าใจได้ง่ายจนจินยองตะลึง

     “ผมไปทำอาหารก่อนนะฮะ ทิ้งไว้นานแล้ว เดี๋ยวแกงจืดผัก ผักจะนิ่มเกินไป” แล้วกงชานก็ลุกขึ้น เตรียมจะก้าวเท้าเดินแต่ก็หยุดชะงัก เมื่อได้ยินประโยคที่จินยองเอ่ยออกมา

     “ขอบใจนะ นายทำให้ฉันเข้าได้ง่ายขึ้นเยอะเลย” แล้วจินยองก็ก้มหน้าก้มตาอ่านสิ่งที่กงชานเขียนลงบนกระดาษ เพื่อซ่อนแก้มแดงๆของตน แต่ก็ปิดไม่มิดในสายตากงชานหรอก

     “อ่านให้ละเอียดนะครับJ” แล้วกงชานก็เดินเข้าไปทำอาหารต่อ จินยองก็ตั้งใจอ่านที่กงชานเขียนให้ แล้วก็สะดุดกับประโยคนึงในสิ่งที่กงชานเขียน

อย่าเขยิบมาใกล้ ช่วยขยับไปไกลไกล ขอได้ไหมหัวใจผมวายวอดกันพอดี

My heart beats cuz you make it crazy หยุดเดี๋ยวนี้นะก่อนที่ หัวใจผมมันจะวาย’ (เนื้อเพลง หัวใจจะวาย – แกงส้ม)

     บ้าๆๆๆ บ้าที่สุดเลยกงชาน!! >////<

     “ฉันจะอ่านให้ละเอียดครบทุกตัวอักษรเลยคอยดู! ว่านายจะใช้สักกี่เพลง กะจะให้ฉันตกเพราะเพลงของนายรึไง” จินยองตะโกนออกไป เพราะไล่ความอายของตัวเอง

     “ฮ่าๆๆ ผมให้จากใจเลยนะครับ” สิ้นสุดคำพูดของกงชาน จินยองก็เหมือนเวลาหยุดนิ่ง ภาพไหลเข้ามาในหัวอีกแล้ว

     ‘ผมจะแต่งเพลงให้ฮยองล่ะ ตอบแทนฮยอง ที่ดูแลผมเป็นอย่างดีมาตลอด แต่ตอนนี้ต้องอ่านสิ่งที่ผมเขียนลงไปให้ละเอียดนะครับ ผมตั้งใจเขียนให้ฮยองอ่านจริงๆ’ จินยองยังคงมองไม่เห็นใบหน้าของอีกฝ่าย เพราะเขาก้มหน้าก้มตาอ่านสิ่งที่อยู่ในมือ แล้วเขาก็เจอประโยคในนั้นที่ทำให้เขาต้องหยุดมองที่อื่น ยกเว้นข้อความในกระดาษ “รักนะคะ คนดีของฉัน จะวันไหนก็รักเพียงเธอ แล้วจะบอก ว่ารักเธอที่สุด ใจดวงนี้ของฉันหยุดที่เธอ” (เพลงไม่ได้เก่า แต่ขออนุญาติทำให้มันเก่านะครับ)

     ‘น..นี่นาย...’ จินยองเงยหน้าขึ้นเพื่อที่จะมองคนตรงหน้า แต่กลับถูกครอบครองริมฝีปากไปเสียก่อนที่จะได้เอ่ยอะไรออกไป เขาค่อยๆปิดตาลงแล้วยอมให้คนตรงหน้าจูบอย่างอ่อนหวาน จินยองจึงไม่เห็นใบหน้าของคนที่ก้มลงมาจูบเขา จูบแสนหวานค่อยๆผละออกช้าอย่างอ้อยอิ่ง จินยองลืมตาเพื่อมองคนตรงหน้า แต่ก็ถูกโอบกอดทันที พร้อมประโยคแสนหวาน ประโยคที่เขารอฟังมานานจากคนๆนี้

     ‘ผมรักฮยองนะครับ รักฮยองมาก มากจนไม่สามารถรักใครได้อีกแล้ว ฮยองอยากได้หัวใจของผมใช่ไหมครับ งั้นหัวใจของผมให้ฮยองแล้วนะ ฮยองจะเป็นคนเดียวที่ผมจะรักตลอดไป’ จินยองน้ำตาคลอขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ สิ่งที่เขาต้องการ เขาได้มันมาแล้ว แล้วหัวใจของเขาก็มีคนตรงหน้าอยู่เต็มหัวใจ จนไม่สามารถให้ใครได้อีกแล้วเหมือนกัน

     ‘ฮยองก็รักนาย รักมากๆ มากที่สุดเลย’ น้ำใสไหลลงอาบแก้มนวลของจินยองด้วยความสุขที่เหลือล้น

     ‘ฉันจะอ่านให้ละเอียดครบทุกตัวอักษรเลยคอย! ว่านายจะใช้สักกี่เพลง กะจะให้ฉันตกเพราะเพลงของนายรึไง’ จินยองตะโกนออกไป เพราะไล่ความอายของตัวเอง ก่อนจะยกมือปาดน้ำตาของตัวเอง

     ‘ฮ่าๆๆ ผมให้จากใจเลยนะครับ’ คนตรงหน้าเอ่ยขึ้นอย่างมีความสุข

     ภาพหายไปแล้ว... ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ อาการปวดหัวค่อยๆกลับมา จินยองเดินไปทุกโซฟาเพื่อที่จะล้มตัวลงไปนอน ดวงตาของจินยองมีน้ำตาคลอขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ภาพที่เขาเห็นนั้นเขามีความสุขมากเลย คนๆนั้นเป็นใครกัน คนที่เขารักหมดหัวใจจนไม่สามารถให้ใครได้อีก ใครกันที่ทำให้เขามีความสุขมากถึงขนาดนั้น จูบนั้น... แสดงว่าจินยองนั้นเสียจูบแรกของเขาไปแล้ว ให้ใครกัน คนๆนั้นที่ฉันคอยคือใครกัน น้ำใสไหลลงอาบใบหน้านวลของเขา แล้วเผลอหลับไป

::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::

 

     “บาโร...ได้เวลาเปลี่ยนบทแล้ว เราดีกันถึงแค่นี้พอเถอะ” ซานดึลเอ่ยขึ้นมาทำลายบรรยากาศความเงียบ

     “ถึงเวลาแล้วสินะ งั้นนายก็เปลี่ยนมาเป็นเครื่องมือเต็มตัวได้แล้ว จินยองเริ่มจำได้แล้วสินะ” บาโรเอ่ยตอบ

     สมใจนายแล้วสินะ...กงชาน

     “รีบๆทำให้มันจบไป เราจะได้ตัดขาดกันซักที” ซานดึลเอ่ยออกมา เสียงสั่นๆของซานดึลนั้นก็ควบคุมได้ดี

   “นายคงอยากไปจากฉันมากเลยสินะ” บาโรหลับตาอย่างเหนื่อยล้า

     “นายก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้ว” ซานดึลเอ่ยประโยคสุดท้ายก่อนจะย้ายของออกมานอนที่โซฟา

     “นั้นสินะ” บาโรเอ่ยก่อนที่จะลุกขึ้นเดิน ไปที่ห้องนอนของตน

     ฉันเข้าใจนายทุกอย่างเลยแท้ๆ ทำไมนายถึงไม่เคยเข้าใจฉันบ้าง ฉันรู้ว่านายรักฉัน... แต่นายไม่เคยรู้ว่าฉันรักนายเลย... ในสายตาของนาย ฉันคงเป็นคนเลวมาสินะ ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันจำเป็นจริงๆ ฉันขอโทษ ฉันมันอ่อนแอเอง ถึงที่ถูกคนอื่นควบคุมให้ทำกับนายแบบนี้ ฉันขอโทษนะซานดึล..ชินวู

     “ฉันขอโทษ...” น้ำตาแห่งความอ่อนแอไหลอาบลงบนแก้มของบาโร ร่างของบาโรค่อยๆสั่นเทาขึ้นทีล่ะน้อยๆ ก่อนที่จะหลับไปด้วยความอ่อนล้ากับสิ่งที่เจอ

::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::

 

     “ฮยองตื่นเถอะครับ” กงชานเอ่ยประโยคเดิมตามความเคยชิน หลังจากที่อยู่ด้วยกันมาซักพัก

   “หืม..อาหารเสร็จแล้วหรอ” จินยองลุกขึ้นมาอย่างงัวเงีย

     “พร้อมให้ฮยองกินแล้วล่ะคร๊าบ” กงชานยิ้มออกมาตามปกติ

     “อื้ม...กงชาน...”

     “ครับ?”

     “ขอบคุณนะ นายช่วยอะไรหน่อยได้ไหม?” จินยองเอ่ยออกมาเบาๆ

     “ถ้าทำได้นะครับ”

     “ช่วย..อยู่ข้างๆฉัน เวลาฉันอ่อนแอได้ไหม แม้ฉันจะมีซานดึล บาโร ชินวู อยู่ข้างๆ แต่ก็ไม่มีใครที่เห็นฉันอ่อนแอเหมือนนาย เพราะงั้น...ฮึก” จินยองสะอื้นขึ้น เมื่อน้ำตากลับมาคลออีกครั้ง

     “ฮยอง...ได้สิครับ ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับJ” กงชานนั่งลงข้างๆจินยอง

     “ช่วย...อยู่แบบนี้ซักพักนะกงชาน” จินยองเอนตัวลงมาพิงที่หน้าอกของกงชานเบาๆอย่างอ่อนล้า เขาไม่ไหวแล้วจริงๆ ไม่ไหวแล้วที่จะเดินหน้าต่อไปคนเดียว ถ้าคนที่จะเดินไปกับเขานั้น ถ้าไม่ใช่กงชาน...เขาก็ขอยอมแพ้ หยุดเดินหน้าต่อไป ถ้าไม่ใช่กงชาน เขาก็เดินต่อไปไม่ได้ เพราะงั้น...

     ช่วยเดินหน้าเป็นเพื่อนฉันนะกงชาน

     “ได้สิครับ เมื่อฮยองอ่อนแอ ผมจะเป็นคนปกป้องฮยองเอง ต่อจากนี้...”

 

 

 

ฝากเพจผมด้วยนะคับ

นิยายย้ายมาจากเด็กดีคับ

เขียนชื่อเรื่องแล้วค้นหาได้คับ

เพจที่ว่านี่เพจเฟสบุ๊คน่ะคับ ^^

ลิ้งอยู่ในบล็อคผมคับ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา