Because of you เพราะนายฉันถึงเป็นแบบนี้

5.0

เขียนโดย Avalle_Cafe

วันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.

  11 ตอน
  0 วิจารณ์
  18.16K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556 00.22 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

1) Chapter 1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Chapter 1

 

                รู้ดีว่าเราเป็นเพื่อนกัน...แต่อย่างน้อยเพื่อนก็น่าจะรักษาสัญญาได้ดีแท้ๆ ทำไมกันนะทำไมถึงมาผิดสัญญากันได้! คิดแล้วโกรธอารมณ์เสียที่สุด ทำไมบาโรถึงยังไม่มาหาเขานะ...

     “คอยดูนะ ฉันจะไม่ให้เข้าห้องเรา วันนี้ไปนอนนอกห้องเลยไป๊” ผมเดินเขาห้องนอนที่หอด้วยอารมณ์บูดสุดๆ แต่พอผมเปิดประตูเข้าไป ใบหน้าบึงตึงของผมเปลี่ยนเป็นอมยิ้มทันที ดวงตาของผมที่มักจะจ้องเขม็งเป็นเรียวยาว ตอนนี้ได้เบิกกว้างจนโต น้ำตาของผมที่ไม่ได้สัมผัสมาเป็นปีเริ่มคลอขึ้นมา ผมยกมือขึ้นมาทาบปาก เพราะน้ำตาสามารถไหลออกมาได้ทุกวินาที

    “ยินดีต้อนรับกลับห้องนะJเค้าขอโทษนะที่ไม่ได้ไปหาเมื่อตอนกลางวัน พอดี...เอ่อ...คือว่าแฟนเก่าของฉันเขามาเล่าให้ฟังว่าพวกเขาทะเลาะกัน เลยไม่ได้ไปหาตอนกลางวัน” บาโรเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มบางๆ ดวงตาของเขา... ผมไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งแต่รู้จักกันมา 8 ปี ไม่สิ มันเป็นรอบที่ 2 ที่ผมเห็นสายตาแบบนี้ หลังจากที่เจอกันครั้งแรก

     “ตะเองทำอะไรก็ไม่รู้ จะบ้ารึไง ไม่รู้แหละ วันนี้ตะเองต้องนอนนอกห้องแน่ๆ เชอะ” ผมเดินเข้าห้องน้ำโดยที่ไม่หันไปนอนอีกเลย และทันทีที่ผมปิดประตูห้องน้ำลง น้ำตาของผมก็ได้สัมผัสใบหน้าเนียนอมชมพูของผมอีกครั้ง สิ่งที่เขาเห็นมันเป็นอะไรที่อดกลั้นน้ำตาได้ยาก เพราะบาโรกำลังกอดตุ๊กตาเป็ดตัวใหญ่ที่เขาเคยบอกว่าอยากได้มานานแล้ว ลูกโปร่งนับ 10 ใบลอยติดเพดาน โดยที่เชือกของลูกโปร่งนั้นมีรูปของซานดึลนับ 10 ใบห้อยอยู่ เป็นรูปที่แอบถ่ายทั้งนั้น ทั้งแต่วันที่พบกันจนถึงปัจจุบัน

     “ตะเอง! ตะเองออกมาคุยกับเค้าหน่อยน้า เขาขอโทษจริงๆ” เสียงของบาโรดังขึ้นมา ตั้งแต่ที่ทะเลาะกันครั้งใหญ่ เขากับบาโรก็ด่ากันกระจายจนร่างเล็กของเขาต้องร้องไห้ออกมา เขาจึงสัญญากับบาโรว่าจะเรียกแทนตัวเองว่า “เค้า” แล้วเรียกอีกฝ่ายว่า “ตะเอง” เฉพาะเวลาอยู่กัน 2 คนเท่านั้น

     “...” ผมไม่ตอบ เพราะไม่อย่างนั้นบาโรจะต้องรู้แน่ๆว่าเขาร้องไห้ เขาไม่อยากให้คนที่เขาแอบชอบ...ไม่สิ แอบรักต่างหาก...ใช่ ผมแอบรักเขา...รักมานานแล้ว และไม่อยากให้เขาเห็นผมอ่อนแอ

     “ตะเอง...อย่าทะเลาะกันอีกเลยนะ เราอย่ามาทะเลาะกันอีกเลย...” เสียงของบาโรอ่อนลงเหมือนเลือนหายไป มันทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเลย ผมปาดน้ำตาของตัวเอง แล้วเปิดประตูออกไป

โป๊ก!

     “โอ๊ย!” ทันทีที่ผมเปิดประตูไปอย่างสุดแรง ผมก็ดันลืมไปว่าประตูมันผลักออก - -^^ เลยไปชนหัวคนที่ง้อเขาอย่างจังๆ สงสัยว่าจะเป็นการลงโทษของพระเจ้ามั้ง ที่ทำให้เขาโดนแบบนี้ 555

     “เฮ้ย! ฉะ..ฉันขอโทษนะ พอดีมองไม่เห็นอ่ะ >/|\< ผมยกมือขึ้นปิดปากเชิงแอบขำ :’P

     “ไม่เป็นไรหรอก แค่ได้เจอหน้านายอีกครั้ง ฉันก็ดีใจที่สุดแล้วล่ะJ” บาโรพูดพร้อมยิ้มบางๆ ซึ่งมันก็ทำให้ผมใจสั่นได้อย่างง่ายๆ เพราะการเป็นคนกันเอง ขี้อ้อน เลยทำให้เขา...ไม่สิ ทุกคนหลงรักได้อย่างง่ายดาย ถึงบาโรจะไม่รู้ แต่ผมรู้ว่าจินยองเองก็คงคิดกับบาโรแบบเดียวกันกับผม

     “เหอะ! เค้าจะเข้าห้องน้ำไปตลอดกาลเลยรึไง สุดท้ายฉันก็ออกมาให้ตะเองเห็นหน้าอยู่ดีแหละ...แต่ถ้าเบื่อเค้าแล้ว เค้าก็จะไป...” ผมเอ่ยเสียงเบาแบบน้อยใจ ซึ่งดราม่าของผมก็ดีพอๆกับจินยองนั้นแหละ หึหึหึ

     “โถ่...คนดีของเค้า ชา ซอนอู คนนี้ไม่มีทางเบื่อ ลี จองฮวาน อย่างแน่นอน และ...เค้าจะมีแต่ตะเองด้วยJ” ผมรู้ได้เลยว่าถึงแม้ไม่มีกระจกให้ดูก็รู้ว่าตัวเองหน้าแดงอยู่ คนบ้า!

   “...” ผมยังอึ้งอยู่

     “อยู่กับเค้าตลอดไปนะ” เสียงที่แผ่วเบาที่เอ่ยออกมา ทำให้ผมอายจนหน้าจะมุดดินได้อยู่แล้ว

     “เค้าก็ไปไหนจากตะเองไม่ได้อยู่แล้วนี่นา...” ผมเอ่ยอย่างแผ่วเบาออกมาเหมือนกัน ผมไม่รู้ว่าพูดออกไปตอนไหน แต่คำพูดพวกนั้นทำให้ผมไม่เป็นตัวเองจริงๆ

     “ดีกันนะJ” แล้วบาโรก็เอื้อมมือออกมา...ให้ช่วยดึงให้ยืนขึ้น

     “ไม่เอา” ผมว่า

     “ทำไมอ๊า...” บาโรเริ่มงอแง

     “ถ้าตะเองไม่นอนกับเค้าคืนนี้...เราก็ไม่ต้องมาดีกันเลย” ผมหลบสายตาอึ้ง+ตกใจ+หวานเยิ้มนั้น คนบ้า...บ้าๆๆๆๆ อายนะเฟ้ย

     “ฮี่ๆๆ จะกอดให้แน่นๆเลยแหละ” บาโรยิ้มจนเห็นฟันขาวเรียงราย

     “ลุกขึ้นมาได้แล้วน่า” ผมดึงมือบาโร แต่แทนที่จะขึ้นมา กลับมีแรงดึงตัวผมลงไปนั่งบนตักของบาโรอย่างตั้งใจอย่างนั้นก็ว่าได้

     “แต่ตอนนี้ขอกอดให้พอใจก่อนนะ ฟอด” แต่บาโรไม่เพียงกอดผมเท่านั้น ยังหอมแก้มผมอย่างไม่ทันตั้งตัวอีก คนบ้า...บ้าๆๆๆๆๆ

     “คนบ้า!”

::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::

 

     “นั้นที่นอนนาย และวางข้าวของนายไว้ตรงโน้น” จินยองชี้นิ้วไปที่โซฟา ก่อนจะชี้ไปที่ตู้เก็บของ

     “ผมจำได้ว่าที่นอนต้องอยู่ในห้องนอนไม่ใช่หรอครับJ” กงชานถามขึ้นหลังจากที่จินยองพูดเสร็จ

     “แต่สำหรับนาย...ที่นี่แหละที่นอนนาย หรือถ้านายอยากนอนในห้องกับฉันล่ะก็...นายต้องนอนบนพื้น เพราะเตียงฉันมันไม่ใหญ่พอให้นอน 2 คนหรอกนะ” ร่างบางตอบอย่างมีชัย ว่าคนตรงหน้าต้องนอนข้างนอกแน่ๆ แต่บังเอิญคนๆนี้ไม่เหมือนคนอื่น!

     “งั้นผมขอหมอนกับผ้าห่มแล้วก็ฟูกนอนบนพื้นด้วยนะครับJ” ร่างสูงพูดเสร็จก็เดินเข้าไปในห้องนอนของจินยอง แล้ววางกระเป๋าเตรียมจะอาบน้ำ

     “นี่นายออกไปจากห้องฉันเลยนะ” จินยองโวยวายทันที เมื่อรู้ว่าเสียทีให้คนตรงหน้าที่ดันกล้ารับปาก

     “จะให้ผมออกจากห้องนอนของเราไปไหนหรอครับJ” กงชานเดินเข้ามาหาจินยองอย่างสบายใจ เพราะว่าเขาไม่เคยเกรงกลัวคนตรงหน้านี้มาตั้งแต่เจอกันวันแรกแล้ว

     “เอ่อ...ไปไหนก็ได้ที่มันไกลๆจากฉัน” จินยองพูดพรางหลบสายตาของร่างสูงตรงหน้า ที่ขยับใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

     “ได้ครับJ” กงชานยิ้มบาง พร้อมกลั้นตัวเองไม่ให้หัวเราะกับท่าทีของร่างบางที่ดูน่ารักมากขึ้น เมื่อใบหน้าขาวเนียนอมชมพูขึ้นสีระเรื่อและใกล้จะเป็นมะเขือเทศสุกอยู่แล้ว จึงเลือกที่จะเดินเข้าห้องน้ำ

     “เชอะ ทำให้ได้แล้วกัน” ร่างบางพูดก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ โดยที่สายตายังหลบอยู่อย่างนั้น จึงไม่รู้ว่าคนตรงหน้านั้นเพิ่งจะเดินเข้าไปไม่นาน

     “นี่ตามผมทำไมหรอครับ หรือที่บอกว่าห้ามเข้าใกล้ก็เพราะว่า...มันทำให้จินยองฮยองหวั่นไหวหรือไงครับ หรือจินยองฮยองจะเป็นคนลุกเอง ก็ดีเหมือนกันนะครับJ” ร่างสูงถามขึ้นหลังจากที่เห็นร่างบางเดินตามเขาเข้ามาในห้องน้ำด้วยการก้มหน้า และสายตาที่มองไปด้านข้าง เลยอาจจะไม่รู้ว่ามีคนเดินเข้าห้องน้ำก่อนแล้วก็เป็นได้ แต่ร่างสูงก็ยังคงอยากแกล้งอยู่ดี

     “บ้ารึไง! ฉันจะเข้าห้องน้ำ ห้องฉันมีแค่ห้องน้ำเดียวนะ เพราะงั้นออกไปซะ >///<” ร่างบางตะโกนไล่ร่างสูงด้วยความตกใจและอบอาย

     “คร๊าบๆ แต่ถ้ามีอารมณ์ก็เรียกผมได้ทุกเมื่อนะครับJ” ร่างสูงยังคงกวนร่างบางที่อายจนไม่รู้จะเอาหน้ามุดดินดีรึเปล่า

     “จะบ้ารึไงเล่า ฉันเป็นพี่นายนะ เคารพกันบ้างสิ!” ร่างบางพูดก่อนจะผลักคนตรงหน้าออกไปจากห้องน้ำ แล้วปิดประตูทำการล็อกทำที พร้อมหัวใจที่เต้นจนไม่เป็นจังหวะ ...ฉันไม่สบายแน่ๆ หัวใจถึงเป็นแบบนี้...

::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::

ก๊อกๆๆ

     “ไปเปิดประตูก่อนนะตะเอง” ซานดึลเอ่ยขึ้น

     “ก็ไปเปิดสิJ” บาโรเอ่ยอย่างมีความสุข

     “-*- แต่เค้าขยับไม่ได้...เลิกกอดเค้าได้แล้วน่า” ซานดึลกระซิบท่อนหลัง เพราะกลัวคนหน้าประตูจะได้ยินเอา

     “โถ่...ก็ได้ -3- อยากกอดนานๆนี่นา” อ้อมกอดเริ่มคลายออก ซานดึลก็รีบวิ่งหนีออกจากบาโรทันที ถึงแม้ไม่มีกระจก เขาก็สามารถรู้ได้เลยว่าตัวเองหน้าแดงอยู่

     “มาแล้วคร๊าบ” ร่างบางเอ่ยออกไป เพื่อให้คนข้างนอกได้ยิน

แอ๊ด...-*- ทำไมเสียงประตูน่ากลัวจังฟร่ะ...

     “อ๊ะ ชินวูฮยองงง คิดถึงจังเลย ^__^” ซานดึลที่เปิดประตูก็เห็นพี่ชายสุดที่รักของเขายืนอยู่ พร้อมยิ้มหวานให้น้องชายตัวน้อยของเขา

     “พี่มาเยี่ยมน่ะ เป็นไงบ้างล่ะไอ่แสบ กัดกันบ้างรึป่าว หืม?” ชินวูเดินเข้าห้องมาพร้อมคำถาม แบบนี้เป็นประจำ

     “ไม่กัดกันเลยคร๊าบพี่ชาย เรามีแต่หวะ...อ๊ากก” ไม่ทันที่คนยุ่งเรื่องชาวบ้าน(?) อย่างบาโรจะพูดจบ ก็โดนคนตัวเล็กแรงน้อยเหยียบเท้าเข้าให้

     “กัดกันไม่เว้นวันแหละชินวูฮยอง บาโรชอบเห่า น่ารำคาญ! เชอะ” ว่าแล้วซานดึลก็เดินจับมือชินวูไปที่ห้องรับแขก โดยทิ้งให้บาโรงงอยู่ตรงนั้น

     “ใช่สิ นายเห่าเสียงดังน่ารำคาญมากกว่าอีก คิดเสียว่าฉันเลี้ยงหมาห่วยๆไว้ตัวนึงก็แล้วกัน เหอะ” บาโรที่เล่นตามน้ำก็เดินเข้ามาตอบกลับ

     “นายว่าน้องฉันของไอ่กระรอก ฉันคิดผิดจริงๆที่ให้น้องฉันทนอยู่กับนายน่ะ ซานนี่ไปนอนห้องฮยองนะ     ฮยองอยู่ห้องคนเดียวมันเหงานะ” ชินวูส่งสายตาอ้อนวอนให้น้องตัวเล็กของเขา

     “ผมไม่อยากไปรบกวนฮยองนี่นา ผมขอโทษที่ทำให้ฮยองเหงานะฮะ” ซานดึลพูดเสียงอ่อยๆ

     “นายมีมารยาทพอที่จะกลัวไปรบกวนคนด้วยหรอไง ให้ตายสิ ฮยองก็น่าจะรู้ดีว่าซานดึลของฮยองน่ะ

เสแสร้ง! คนที่เชื่อก็มีแต่คนที่โง่เท่านั้นแหละ” บาโรเริ่มพูดออกจนซานดึลเริ่มรู้สึกแค้นนิดๆ

     “ผมไม่ได้เสแสร้งนะฮยอง ผมแค่...(ฮยองผมขออยู่เคลียร์กับบาโรก่อนนะฮะ เราเพิ่งทะเลาะกัน ผมอยากคืนดีกับเขา ฮึก นะฮะฮยอง)” ซานดึลกระซิบประโยคหลัง เพราะเขาต้องทำให้แนบเนียนมากที่สุด

     “จะพูดอะไรก็พูดกันตรงๆสิเฮ้ย กระซิบกระซากกันอยู่ได้ อยากกลับมากนักก็ไปเลยสิ ฉันจะได้ไม่ต้องทนอยู่กับเป็ดอย่างมัน” บาโรพูดพรางชี้นิ้วไปที่ซานดึล ประโยคก่อนๆอาจจะคิดว่าเป็นแค่การแสดง แต่ตอนนี้มันมากเกินไปจนอดโมโหไม่ได้

     “เงียบไปเลยนะเจ้าแฮม นายก็แค่ไม่ได้เรื่อง คิดว่าคนอื่นจะทำตามที่บอกทุกอย่างรึไง เป็นแค่รองประธานนักเรียนคิดว่าจะสั่งฉันได้รึไง ฮยองฉันก็เป็นเลขาผู้ช่วยของจินยองเหมือนกัน...แล้วอย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่านายคิดอะไรกับจินยอง ฮึก...ฮยองกลับไปก่อนนะฮะ แล้วผมจะขอให้จินยองหารูมเมทให้” ซานดึลร่ายยาวจนคนเป็นฮยองยังกลัว กลัวว่าถ้าเกิดกับตัวเองล่ะก็เขาคงดูงี่เง่าไปเลยทีเดียว

     “อ่า...งั้นไว้ฮยองจะมาเยี่ยมใหม่นะ แล้วก็...ฉันจะจับตาดูนายต่อไป” ชินวูเดินออกไปทั้งสายตาโหดจนทำให้บาโรแอบสั่นเล็กน้อย

    “เอ่อ...คือเมื่อกี้เค้าแสดงนะ...ไม่ได้พูดจริงๆ...เอ่อ...คือว่า...” บาโรพูดไม่ออกเมื่อเห็นร่างเล็กตรงหน้ามีน้ำใสไหลลงจากดวงตากลมโตที่ทำให้ใครต่อใครหวั่นไหว

     “เค้าแค่...แค้นนิดหน่อย แสดงซะแรงเชียว เชอะ” ซานดึลปาดน้ำตาออกแล้วเดินเข้ามาหาบาโรทั้งที่เมื่อกี้ดูเหมือนงอลแล้วจะเดินจากไปแท้ๆ

     “ฉันเล่นละครเก่งใช่ไหมล่ะ อาทิตย์หน้าถึงตาเปลี่ยนโจทย์แล้วนะ คุณชาซอนอู” ซานดึลพูดนอกบทเพื่อเตือนบาโรเรื่องที่สัญญาเอาไว้

 

::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::

 

     “ข้าวเย็นมีอะไรกินบ้างหนอ” จินยองเริ่มหาของกิน หลังจากที่ไล่ร่างสูงเข้าห้องน้ำไปแล้ว ไอ่ท่าทีที่ดูเขินอายมันไม่ใช่อะไรหรอก แค่เขาทำตัวไม่ถูกเฉยๆ เพราะคนอย่างเขาไม่เคยมีใครกล้าพูดกับเขาแบบนี้มาก่อน

     “ผมทำให้กินไหมครับJ” เสียงที่ดังมาจากด้านหลัง ทำให้จินยองสะดุ้งเผลอไปเหยียบน้ำที่เพิ่งทำหกไปเมื่อกี้จนเกือบหงายหลังล้มลงไป ถ้าไม่ติดที่กงชานเข้ามารับทันล่ะก็นะ ใบหน้าสวยของจินยองอยู่ห่างจากใบหน้าของกงชานไม่ถึงคืบนึงเลยด้วยซ้ำไป กงชานมองใบหน้าสวยที่ขาวเหมือนน้ำนมอมชมพูเล็กน้อย ปากที่อวบอิ่มน่าชวนชิมให้ลอง ดวงตาที่ทำให้ร่างบางในอ้อมแขนนั้นดูโหด แต่ก็หวานลึกเข้าไปข้างใน ปอยผมที่ถูกจัดเป็นทรง ทำให้คนตรงหน้าดูน่ารักมากขึ้น

                จินยองที่เผลอหันไปสบตาก็เหมือนถูกมนสะกดที่ทำให้ขยับไม่ได้ ได้แต่ลอบมองอยู่อย่างเดียว ใบหน้าที่เนียนขาว ปากที่อวบอิ่มจนคนมองอย่างลิ้มรส ดวงตาที่มองกี่ครั้งก็ต้องตกอยู่ในมนสะกด เพราะมันทำให้คนตรงหน้าดูน่ารัก กวน และคมในเวลาเดียวกัน ทรงผมที่ถูกจัดเล็กน้อย ไม่ได้ทำให้คนตรงหน้าดูดีน้อยลงไปสักนิดเดียว จมูกที่โด่งดูดีเข้ากับใบหน้า ทำให้เขารู้สึกเหมือนเคยเจอกันมาก่อน แต่เขาก็นึกไม่ออก อาจเป็นเพราะ...ความทรงจำที่...เขาลืมเลือนไป

     หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติอีกแล้ว ความรู้สึกแบบนี้อีกแล้ว สรุปแล้วฉันป่วยรึป่าวเนี่ย

     “เอ่อ...คือ...ขอบใจนะ แต่ปล่อยเถอะ” จินยองพูดพร้อมหลบสายตาของคนตรงหน้า

     “ครับ วันหลังเดินระวังหน่อยนะครับJ” กงชานยิ้มอย่างมีความสุข เพราะเขาเหมือนเพิ่งกอดร่างบางมาหมาดๆ

     “แล้วก็...นายผิดกฏข้อ 17 แตะเนื้อต้องตัวฉัน 30 ไม่เคารพรุ่นพี่ 33 จ้องหน้า 36 ทะลึ่ง เอ่อ...เรื่องคำพูดอ่านะ” จินยองไล่ยาว

     “ฮยองคงไม่ทำโทษผมหรอก เพราะฮยองน่ะรักผมJ”

     “ใครรักนายกัน! นายผิดกฏข้อที่ 39...” คนร่างเล็กไม่ทันพูดจบก็ถูกรวบกอดจากด้านหลังจนทำให้จินยองตกใจ เพราะมันเป็นสัมผัสที่เขาไม่ได้รับมันมานานแล้ว ความอบอุ่นที่ยากจะปฏิเสธหรือจะบอกว่าไม่อาจปฏิเสธก็ว่าได้ มันเป็นสิ่งที่จินยองโหยหามานาน ความอบอุ่นที่เคยได้รับในอดีตที่หายไป...เหมือนมันกำลังกลับมาพร้อมกับ...กงชาน

     “ผมช่วยฮยองไว้นะครับJ” กงชานลอบยิ้ม เมื่อจินยองนั้นยังคงตบทีแขนของเขา

     “ฉัน...ฉันหิวแล้ว” ในที่สุดจินยองก็ยอมพูดออกมา หลังจากที่รู้ว่าถึงตีตบไปก็ไม่กระทบคนด้านหลัง

     “งั้นผมทำให้กินนะครับJ” จินยองยอมพยักหน้าอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะออกจากอ้อมกอด

     “เอาให้กินได้ด้วยล่ะกัน หึ่ย!” ว่าแล้วจินยองก็เดินไปที่โซฟาอย่างอดไม่ได้ที่จะเก็บไปคิดต่อ

     นายเป็นใครกันแน่ ความรู้สึกนั้น ใบหน้านั้น คนๆนี้ต้องการอะไรจากเขากันแน่ แล้วหัวใจของเขาทำไมต้องเต้นแรงด้วย นี่ฉันไม่สบายจริงๆรึเปล่า นี่คำถามที่ 108 แล้วนะเฟ้ย นึกไรไม่ออกเลย!

 

.

.

.

.

     เวลาผ่านไปซักพักก็ได้ทำให้จินยองเผลอหลับไหลไปด้วยความเหนื่อยเพราะแกล้งคนอื่น(?) และเจอศึกหนักกับกงชานที่จู่ๆก็ปรากฎตัวออกมาในชีวิตของเขา แล้วจินยองก็เข้าสู่ความฝัน...หรือความทรงจำในอดีตที่โผล่ออกมาในความฝันของเขา

   ‘ผมชอบฮยอง...เป็นแฟนกันนะครับJ’ รอยยิ้มนี้คุ้นๆ เหมือนจินยองเคยได้รับทุกวันๆ

     ‘ฉันไม่ได้ชอบนาย...ฉันไม่ชอบเด็ก’ จินยองเอ่ยออกไปตามตรง

     ‘แต่บาโรฮยองก็เด็กกว่าฮยองนี่นา ทำไมฮยองถึงชอบเขาล่ะครับJ’ คำถามเดิมๆที่ได้รับ

     ‘มันเรื่องของฉันเจ้าเด็กน้อย ไปซะ ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย เบื่อเต็มทนแล้ว’ แล้วเขาก็เดินจากไป

     ‘ใจร้ายจังเลยนะ แต่จินยอง...เอ่อ...จินยองฮยอง ฮยองชอบเจ้ากระรอกนั้นจริงหรอ’ ชายหนุ่มหน้าตาน่ารัก จิ้มลิ้ม จนน่าฟัดแก้มให้ช้ำ

     ‘ก็นายเป็นคนบอกไม่ใช่รึไงกัน? ว่าฉันชอบเขา’ คำพูดเย็นชาเอ่ยออกไป ไร้เสียงอื่นใดที่ผิดปกติเวลาพูดถึง ‘บาโร’ เลยสักนิด

     ‘ก็เพราะนายเป็นคนบอกฉันเองนี่นา’ ทำไมฉันจำไม่ได้...

     ‘นายหายไปไหนน่ะ เรายังพูดกันไม่จบเลยนะ ทำไมฉันจำอะไรที่นายพูดไม่ได้เลย อย่ามาหลอกฉันนะ กลับมา... อย่าปล่อยฉันไว้คนเดียวแบบนี้...’ ทุกอย่างขาวไปหมด เงียบสงัด ไม่มีเสียงตอบรับ เหลือเขาเพียงคนเดียว เงียบๆคนเดียว เหงา... กลัว...

     ‘จินยองฮยอง...’ เสียงนี้มัน...

     ‘จินยองฮยอง...J’ เสียงนั้นเขารู้จัก... อย่าหายไป... ได้โปรด...

     ‘จินยองฮยอง...’ ไม่...อย่าหายไป...กลับมา...กลับมา...ที่นี่ที่ไหน...ทำไมมันขาวอย่างนี้...สถานที่นี้มัน...น่ากลัว...ความทรงจำอันเลวร้าย...ไม่มีใครเข้าใจ...เหงาหัวใจ...

     ‘จินยองฮยอง...’ เสียงนี้อีกแล้ว...นั้นใครน่ะ...ใคร...ใครเรียกฉัน...

     ‘จินยองฮยอง...จินยองฮยอง...’ เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ...นายจะมาหาฉันใช่ไหม...นายกำลังเข้ามาหาฉันใช่ไหม...บาโรใช่ไหม...แต่เสียงนี้มัน...

     ‘จินยองฮยอง...’ เสียงของกงชาน...

     “จินยองฮยองตื่นได้แล้วคร๊าบ!!!!!!!” เสียงที่ดังลั่นบ้านเป็นตัวปลุกคนขี้เซาอย่างจินยองได้เป็นอย่างดีทีเดียว เพราะหูเขาจะแตกแล้วน่ะสิ!

     “บ้านแตก!!! เฮ้ย!! นายจะตะโกนหาอะไรห๊ะ โอ๊ย...หูจะแตกแล้ว” จินยองที่สะดุ้งตื่นอย่างกระทันหันก็หันไปเอ็ดรุ่นน้องที่หน้าตาแสนจะน่ารัก

     “ก็ผมปลุกฮยองตั้งนาน แต่ฮยองไม่ตื่นนี่ครับJ ตื่นขึ้นมาทานข้าวกันดีกว่านะฮะ ผมทำข้าวผัดกิมจิ เอ่อ...อาหารง่ายๆ ฮยองคงทานได้ใช่ไหมฮะ เพราะผมดันชอบอาหารง่ายเสียด้วย เลยทำเป็นเท่านี้น่ะครับ” กงชานพูดด้วยท่าทีที่ใครหลายคนเห็นแล้วอยากจะพูดเป็นคำเดียวว่า...กินคนทำแทนได้ไหม เอ๊ย ทำอะไรก็กินหมดแหละ ถ้านายเป็นคนทำแล้วล่ะก็นะ

     “ข้าวผัดกิมจิ? อร่อยไหม? ฉันไม่เคยกินอ่ะ...” จินยองถามด้วยสีหน้าใสซื่อ แต่ก็เผลอไปสบตากับกงชานจนได้ แต่คราวนี้จินยองเห็นแววตาเศร้าสร้อย ท้อแท้ แล้วก็เปลี่ยนกลับมาเป็นความมุ่งมั่น และมีความสุขอย่างอบอุ่น ที่มอบผ่านมาให้เขา

     “อร่อยสิฮะ ผมทำเองเชียวน้าJ ผมว่าฮยองต้องเคยกินแล้ว แต่ลืมไปแล้วมากกว่า” กงชานเอ่ยคำว่าลืมออกมาอย่างแผ่วเบา

     “อย่างนั้นหรอ งั้นมัวรออะไรล่ะ ไปกินกันสิ เดี๋ยวฉันต้องออกไปตรวจหออีก” จินยองไม่รอช้า ลากอีกคนไปด้วยอย่างลืมตัว

     “มือฮยองนี่นิ่มจังเลยนะครับJ” ทันทีที่จินยองได้ยิน ก็รู้ตัวว่าตัวเองนั้นเผลอลากอีกคนมาด้วย จึงรีบปล่อยมืออย่างรวดเร็วอย่างกับไม่อยากจับอย่างไรอย่างนั้น

     “กินไปเลยนะ” เวลานี้จินยองก็ได้แต่พร่ำถามตัวเองว่าทำไมถึงไม่ลงโทษเด็กคนนี้กันนะ? ทั้งที่ผิดกฏไปหลายข้อแล้วแท้ๆ

     “อร่อยไหมฮะ” เสียงที่เอ่ยออกมาอย่างมีความหวัง...ความหวัง? ความหวังอะไรกัน จินยองก็คงให้คำตอบตัวเองไม่ได้อย่างเคย

     “นายนี่ถามไม่ดูเลยนะ ฉันยังไม่ได้กินแล้วจะรู้ไหมล่ะ” ว่าแล้วจินยองก็ชิมฝีมือการทำอาหารของกงชาน

     รสชาติแบบนี้...เหมือนเคยกินที่ไหนมาก่อน...ทำไมถึงคิดไม่ออกกันนะ...โอ๊ย! ปวดหัวจริงๆ

     “โอ๊ย!” จินยองยกมือขึ้นมาทาบหัวของเขา

     “ฮยองเป็นอะไรหรอฮะ!” กงชานที่ตกใจกับเสียงร้องของคนตรงหน้าก็รีบวิ่งไปหาอีกฝ่ายทันที

     “ฉันปวด...ปวดหัว...ขอยาหน่อย...” สีหน้าของจินยองที่ปกติขาวเป็นสีน้ำนมนั้นกลับขาวขึ้นจนซีด จนคนที่เห็นถึงกับใจหาย

     “ยาอันนี้ใช่ไหมฮะฮยอง นี่ฮะน้ำ!” กงชานที่รีบวิ่งไปเอายา ตรงที่จินยองชี้นิ้วไป ก็ได้วิ่งกลับมาถามและได้คำตอบเป็นการพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะยิ่นแก้วน้ำให้คนตรงหน้า

     “เฮ้อ... ขอโทษทีนะที่ทำให้ตกใจ พอดีช่วงนี้ฉันฝันร้ายจนปวดหัวบ่อยๆน่ะ” จินยองหันไปบอกคนข้างๆตัว แต่ก็ไม่ได้เล่าความฝันที่ตนฝันซ้ำๆซากๆ และชัดเจนขึ้นทุกวัน

     “ฮยองไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วฮะ รีบทานข้าวเถอะฮะ เดี๋ยวยาจะกัดกระเพราะเอานะครับJ” กงชานที่เห็นร่างบางตรงหน้าอาการดีขึ้นก็ค่อยๆเดินกลับไปที่นั่งของตัวเอง

.

.

.

.

     “นายล้างจานนะ แล้วก็ทำการบ้านหรืออะไรก็ได้ แล้วฉันจะไปตรวจหอ” จินยองสั่งกงชานที่นั่งยิ้มหวานให้เขาจนรู้สึกหมั่นไส้ ก็รอยยิ้มนั้นเป็นของเขาคนเดียวซะที่ไหนกันล่ะ...แล้วทำไมเขาต้องการให้รอยยิ้มนั้นเป็นของเขาคนเดียวด้วยล่ะ?

     “ได้เลยครับJ” แล้วจินยองก็ลากตัวของเขาออกไปตรวจหอทันที

 

หอ B1

     “มาสายนะจินยองฮยอง...ล้อเล่นน่า ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ ยิ้มหน่อยนะๆ ปริ้งๆ” บาโรที่เก๊กหน้าโหดได้ไม่นานก็ต้องเปลี่ยนเป็นฝ่ายง้อแทน เพราะหน้าของจินยองที่เหมือนงอนตุ๊บป่องใครมา จนเขาต้องทำตัวน่ารักๆให้เพื่อนคนนี้หายเครียด

     “เฮ้อ... บาโร...ฉันฝันอีกแล้วล่ะ เมื่อไรฉันจะได้มันคืนมาซักที ฉันอยากได้มันคืนมาจังเลยบาโร ฉัน...ฉันท้อจังเลยบาโร ทำไมฉันต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยนะ” ดวงตาของจินยองเริ่มสำผัสน้ำอุ่นๆที่คลออยู่ในดวงตาของเขา บาโรที่ยืนฟังก็ไม่มีอารมณ์ขัน เมื่อเพื่อนตัวเล็กของเขาเริ่มหมดหวัง จึงโอบกอดร่างเล็กเข้าหาตัวเขา

     “ถ้าฮยองท้อ...แล้วฮยองจะเจอคนๆนั้นได้อย่างไรล่ะ ถ้าฮยองอยากรู้ว่าคนๆนั้นเป็นใคร ฮยองก็ต้องต่อสู้ต่อไป อดทนกับสิ่งที่ต้องเจอ แม้มันจะลำบากแค่ไหน...ฮยองก็ยังมีพวกผมนะJ” บาโรผู้ร่าเริงได้ทำให้จินยองรู้ว่าเขาก็มีมันสมองเหมือนกันก็วันนี้เนี่ยแหละ ทั้งที่ผ่านมาแทบจะไม่เคารพความเป็นพี่ของเขา แต่ถ้าเอ่ยคำว่าฮยองขึ้นมาล่ะก็...แปลว่าเวลานั้นเขาไม่ได้พูดเรื่องล้อเล่น หรือมีอารมณ์ขัน

     “นั้นสิเนอะ ฮ่าๆๆ ฉันไม่น่าทำตัวอ่อนแอเป็นเด็กๆเลย...ขอบใจนะ นายทำให้ฉันหายกลัวมากขึ้นเยอะเลย” จินยองยิ้มแบบที่ตัวเขาชอบทำ

     “ไปตรวจหอกันเถอะจินนี่ ฮ่าๆๆ ฉันชอบชื่อนี้แหละ” บาโรที่กลับมาเป็นเหมือนเดิมก็เริ่มกวนตี_จินยองกี้ของเราต่อ - -‘

     “อย่าให้จับได้นะ ฉันจะให้นายวิ่งรอบสนามตอนกลางคืน 10 รอบซะเลยนิ!!!” ส่วนคนที่ถูกเรียกด้วยชื่ออันน่ารักก็วิ่งไล่จนเหมือนมาวิ่งเล่นมากกว่าตรวจหอซะอีก -*- เป็นประธานนักเรียนกับรองประธานนักเรียนที่ทำงานเรียบร้อยดีมากกกก

.

.

.

.

     “จินยองกี้ฮยอง...กลับมาแล้วหรอครับJ” หมอนี่มันยิ้มทั้งวันไม่เบื่อไงนะ

     “อืม ฉันจะไปนอนแหละ นายก็ควรไปนอนได้แล้วนะ ดึกแล้ว...เลิกเล่นเกมได้แล้ว” พูดเสร็จจินยองก็เดินเข้าห้องน้ำไป เตรียมตัวเข้านอน และเพื่อหลบหน้าคนที่ตั้งชื่อให้เขาใหม่อีกคน

     ชื่อฉันมันจะน่ารักไปไหนเนี่ย

     “งั้นผมไปนอนรอนะครับJ” ช่างเป็นคำพูดที่ชวนจิ้นดีจริงๆ -.,-

 

ห้องนอน

     “เตียงจินยองฮยองก็ใหญ่จนนอนได้ 3 คนเลยนี่นา ไหนว่าเตียงเดี่ยวไง - -‘” กงชานที่เพิ่งสังเกตชัดๆก็เลยเห็นว่าเตียงนั้นใหญ่มากกก กงชานจึงตัดสินใจล้มตัวนอนลงตรงกลาง พร้อมสูดดมกลิ่นหอมของจินยองที่ติดเตียง เขาเลยนึกได้ว่าจินยองนั้นต้องหอมน่าดูเลย เพราะขนาดเตียงที่มีกลิ่มจางๆยังหอมติดใจขนาดนี้

     “หอมดีแหะ อยากดมจากตัวเป็นๆจัง ฮ่าๆๆ แต่ดูท่าจะยากแหะ” กงชานเอ่ยกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะเผลอหลับไปเพราะความเหนื่อยสะสมจากการแกล้งคนตัวเล็ก(?)

 

เวลาผ่านไป 20 นาที ไวอย่างกับโกงเวลา(?)

     “กงชาน...กงชาน...อ่าว หลับไปซะแล้วหรอเนี่ย...อืม ช่างเถอะ” ว่าแล้วจินยองก็เดินผ่านไปยังตู้เสื้อผ้า ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้

     “เฮ้ย! นายมานอนบนเตียงฉันได้ไงล่ะเนี่ย ลุกเลยนะ ลุกเดี๋ยวนี้นะ” แต่ทว่ากลับไทยความเงียบเป็นคำตอบ

     “ให้ตายสิ นายนอนกินที่ชะมัดยาก เอ้า! จะนอนก็นอนไป แค่คืนนี้คืนเดียวเท่านั้นนะเว้ยย” จินยองพูดคนเดียวอย่างปลงๆ แล้วเดินไปล้มตัวนอนด้านข้างซึ่งห่างออกจากกงชานอยู่พอสมควร แต่เหมือนฟ้าจะไม่เป็นใจหรือเป็นใจก็ไม่รู้ กงชานที่นอนหมดสภาพอยู่ข้างๆก็เขยิบมานอนข้างๆตัว ก่อนจะหันมากอดเอวของจินยองไว้แน่น จนคนที่เป็นเจ้าของเตียงคิดผิดที่นอนหันไปทางด้านคนข้างๆ

     กลิ่นหอม...กงชานตัวหอมจัง -////- คิดอะไรของเราเนี่ย ช่างมัน ไหนๆก็ขยับไม่ได้อยู่แล้วนี่นา มันก็หลับไปแล้ว เนียนซุกอีกหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง ฮ่าๆๆ(?)

.

.

.

.

                เสียงลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอนั้นเป็นตัวบอกว่าคนในอ้อมกอดนั้นได้หลับลงไปแล้ว กงชานก็ได้เผยรอยยิ้มที่ยากจะเดาว่าคิดอะไรอยู่ และมาอารมณ์ไหนกันแน่

     “ผมรอคอยวันนี้มานานแล้ว...วันที่จะได้พบเจอฮยองอีกครั้งนึง...ผมจะทำให้ฮยอง...จำผมให้ได้” กงชานพูดกับคนตรงหน้าอย่างแผ่วเบา ก่อนจะก้มลงไปเพื่อสูดดมความหอมของอีกฝ่ายจนพอใจ แล้วหลับใหลไปอีกคน

.

.

.

.

แถมๆ

 

     “2 วันฉันก็คงจะไม่ได้กอดนายแล้วล่ะซานดึล ใจนายมันถูกล้อมด้วยกำแพงหนาแน่นจนยากที่จะทลายมันลงไป...ฝันดีเจ้าเป็ดน้อย ฉันคงจะคิดถึงนายมากเลยล่ะ” บาโรพูดแผ่วเบาให้คนในอ้อมกอดที่หลับไปแล้ว ก่อนจะข่มตาลงให้หลับไป เพื่อผ่านพ้นวันที่เจ็บปวดไปอีกวัน...

 

::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::*::

 

 

ฝากติดตามเพจผมด้วยนะคับ

เรื่องนี้ผมย้ายมาจากเด็กดี

เขียนชื่อเรื่องหาในเด็กดีเอาได้นะคับ ^^

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา