ปมรัก

7.7

เขียนโดย rukpopfanggg

วันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 11.04 น.

  13 ตอน
  134 วิจารณ์
  25.07K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 มกราคม พ.ศ. 2557 21.14 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

11) เปิดใจคุยกัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“นี่ไง พลเทพ กับ กิตติ ลงชื่อไว้ในนี้ด้วย” ฟางชี้ไปที่ชื่อของทั้งสองในเอกสาร ส่วนป๊อปปี้นิ่งไม่พูดไม่จา สายตาคมจ้องเขม็งไปที่ชื่อ ชื่อหนึ่ง นิมิต จิระคุณ

 

 

 

“ป๊อป ได้ยินฟางมั้ยเนี่ย อ้ะนี่มัน” เธอหันไปถามย้ำเมื่อไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากชายข้างๆ และเมื่อมองตามสายตาของเขาก็ทำให้เห็นในเอกสารระบุไว้ว่า ขอถอนหุ้นทั้งหมดของ นายทรงพล นีระสิงห์ แล้วโอนไปให้ นายนิมิต จิระคุณ

 

 

 

แล้วก็มีลายเซ็นต์ของอานิมิตเซ็นต์รับ อีกทั้งยังระบุวันที่ไว้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นวันที่อานิมิตควรจะอยู่ที่สวิต หญิงสาวตัวเล็กตาโตและพูดไม่ออก

 

 

 

“น่ะนี่ หมายความว่ายังไง” เธอพูดอย่างไม่เข้าใจ แล้วดึงกระดาษมาดูใกล้ๆอีกครั้ง ข้อความที่ถูกพิมพ์บนกระดาษยังคงเหมือนเดิม

 

 

 

แล้วเธอก็คิดได้บางอย่าง ตอนที่ได้ยินชื่อ ภาณุ จิระคุณ ครั้งแรกแล้วว่าทำไมมันคุ้นๆ จริงๆแล้วก้คือคุ้นนามสกุล เธอคงเคยอ่านผ่านๆแต่จำไม่ได้เอง

 

 

 

“ฟางจะเอาไงต่อ” เขาถามจริงจัง

 

 

 

“คุณอามีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการจะถอนหุ้นของแด๊ด แต่คุณอาก็ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ แถมยังดีกับฟางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คุณอาทำแบบนี้ได้ยังไง” เธอพูดอย่างไม่เข้าใจ

 

 

 

“ฟางจะไปถามคุณอาให้รู้เรื่อง ไหนจะเรื่องที่โกหกว่าไปทานข้าวกับเพื่อนอีก” เธอตอบแล้วทำท่าจะลุกขึ้นแต่โดนชายหนุ่มข้างๆฉุดแขนไว้

 

 

“เดี๋ยว ผมว่าเราแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปก่อนดีกว่านะ” เขาตอบ

 

 

 

“ทำไม อาป๊อปทำขนาดนี้จะให้ฟางนิ่งๆเหมือนไม่รู้งั้นหรอ” เธอเริ่มโวยวายเสียงดัง

 

 

 

“นั่งลงแล้วฟังดีๆสิ ผมหมายความว่าถ้าจู่ๆเราโพล่งถามไปงี้ คิดว่าคุณอาจะยอมพูดอะไรหรอ สู้เรานิ่งๆแล้วคอยดูสถานการณ์ไปเรื่อยๆดีกว่า เผื่อได้เรื่องอะไรอีก” เขาอธิบายอย่างสมเหตุสมผล

 

 

 

“เอ่อ จะเอาแบบนั้นหรอ” เธอถาม ส่วนเขาก็พยักหน้าเล็กน้อย เมื่อได้ฟังเหตุผลของเขา ทำให้หญิงสาวอารมณ์ร้อน เริ่มเย็นลงแล้วยอมนั่งนิ่งๆแต่โดยดี

 

 

 

“แต่ป๊อปต้องช่วยฟางนะ ฟางไม่เหลือใครแล้วจริงๆ จะมีก็แต่แก้วแล้วก็คุณ” เธอพูดต่อ

 

 

 

“ไม่บอกผมก็จะช่วยอยู่แล้วละเลขาตัวแสบ” เขาว่าแล้วขยี้ผมคนตัวเล็กข้างๆเบาๆอย่างเอ็นดู

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

15วันต่อมา

 

 

 

 

หลังจากทำไปฝึกงานที่จิระคุณเป็นเวลา10วัน ป๊อปปี้ได้ช่วยสอนงานที่จำเป็นทั้งหมดให้ฟางอย่างละเอียด และฟางได้ไปสมัครงานที่นีระสิงห์กรุ๊ปตามที่วางแผนไว้แต่แรก

 

 

 

โดยที่มีป๊อปปี้ในนามประธานจิระคุณกรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ที่มีชื่อเสียงในวงการมานาน ช่วยปลอมประวัติการทำงานว่ามีประสบการณ์ การทำงานที่ดีและมีผลงานมากพอควร

 

 

 

และบวกกับที่เธอได้ลุงไพบูลย์ ซึ่งเป็นคนที่พ่อของเธอเคยช่วยเหลือให้งานทำจนมีหน้ามีตาในบริษัท ช่วยฝากงานให้ทำให้ตอนนี้ฟางได้ตำแหน่งรองผู้จัดการฝ่ายมาร์เก็ตติ้ง เพราะภาษาอังกฤษของเธอก็แน่นบึ้ก ทำให้สามารถทำงานได้อย่างสบายๆ

 

 

 

“อรุณสวัสดิค่ะคุณอา” ฟางที่เพิ่งเดินลงมาจากชั้นบน กล่าวทักทายตอนเช้าอานิมิตที่นั่งจิบกาแฟและอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่ห้องรับแขก

 

 

 

“จ้ะหนูฟาง จะไปไหนหรอ อยู่ทานอาหารเช้าด้วยกันสิ อาให้แม่บ้านเตรียมไว้แล้ว” นิมิตชวน และถามเมื่อเห็นว่าฟางแต่งตัวดูเป็นทางการมากๆ เหมือนจะไปราชการที่ไหน

 

 

 

“ฟางรีบไปทำงานน่ะค่ะ” เธอตอบ

 

 

“หืม อ่าวทำไมไม่ไปพร้อมเจ้าป๊อปล่ะ อาเห็นป๊อปเพิ่งออกไปทำงานก่อนหน้าหนูครู่เดียวเอง” อานิมิตถาม เพราะเข้าใจว่าฟางยังทำงานที่จิระคุณกรุ๊ปอยู่

 

 

 

“อ๋อ ฟางไม่ได้จะไปจิระคุณกรุ๊ปค่ะ”

 

 

 

“ฟางไปทำงานที่บริษัทของแด๊ด” เธอตั้งใจพูดต่อ ทำเอานิมิตเหวอ

 

 

 

“คุณอาตกใจอะไรหรอค่ะ” เธอถามต่อ

 

 

 

“อ้อเปล่าจ้ะ อานึกว่าหนูยังทำงานกับเจ้าป๊อปน่ะ แล้วหนูคิดจะไปทำงานที่นีระสิงห์กรุ๊ปจริงๆหรอ” นิมิตรีบปฏิเสธ แล้วถาม

 

 

 

“ใช่ค่ะ ฟางจะต้องเอาบริษัทของแด๊ดกลับคืนมาให้ได้” เธอตอบอย่างมั่นใจแล้วเดินยิ้มออกไป โดยที่นิมิตมองตามอย่างร้อนใจ

 

 

 

“หนูอย่าเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยฟาง เฟี๊ยต..ผมจะทำยังไงดี” นิมิตพูดพึมพำคนเดียวเบาๆแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างตามฟางที่กำลังขึ้นรถแล้วขับรถออกไป

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“โอ้ยยย ประเทศไทยนี่มันยังไงนะ แท็กซี่หายไปไหนหมดเนี่ย” เสียงบ่นของสาวน้อยจบนอกมาสดๆร้อนๆอย่างเฟย์ดังขึ้น

 

 

 

เมื่อตัวเองกำลังยืนมือก่ายหน้าผากรอรถอยู่ริมถนน เพื่อที่จะไปหาพี่สาวสุดที่รัก แต่ก็รอมานานมากแล้วก็ไม่มีแท๊กซี่ผ่านมาแถวนี้เลย

 

 

 

“ถ้าเป็นที่นิวนะ อากาศก็เย็น ไปไหนมาไหนก็สะดวกเห้อออ” เฟย์ยังคงบ่นอุบอิบต่อไปคนเดียวอย่างหงุดหงิด จนกระทั่งมีนิ้วนิ้วหนึ่งสะกิดข้างหลัง

 

 

 

“สะกิดไรนักหนาห้ะ คนยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่” เฟย์โวยวายเสียงดังโดยไม่ทันหันไปมองว่าคนนั้นเป็นใคร

 

 

 

“สาวน้อยย” หนุ่มคนนั้นพูดแล้วยิ้ม

 

 

 

“เห้ยยย นายหน้ากบ” เฟย์พูดแล้วชี้หน้าเขื่อนที่เข้ามาทัก

 

 

 

“นี่ๆๆ เก็บนิ้วของเธอไปเลยนะยัยเด็กบ้า” เขื่อนพูดแล้วเอามือปัดนิ้วของเฟย์ไปไห้พ้นหน้าตัวเอง

 

 

 

“ใครเด็กยะ ชั้นเรียนจบแล้วนะ” เฟย์กอดอกโวยวาย

 

 

 

“ก็เธอไง ดูดิเถียงผู้ใหญ่แว้ดๆเป็นเด็กไปได้” เขื่อนพูดล้อแล้วแลบลิ้นใส่

 

 

 

“ไม่เถียงกับนายละ แล้วนายหน้ากบมาอยู่แถวนี้ได้ไง” เฟย์เมื่อโดนเขื่อนว่าก็หยุดเถียงแล้วถามขึ้น

 

 

 

“ก็ขับรถอยู่แล้วเห็นเธอยืนข้างถนนเป็นหมาหงอย ก็เลยแวะมาดูซะหน่อย” เขื่อนตอบหน้าตาเฉย ขณะที่เฟย์ยืนหน้าตึง

 

 

 

“รอรถอยู่หรอ จะไปไหนล่ะ วันนี้ว่างๆพอดี เดี๋ยวไปส่ง” เขื่อนอาสา

 

 

 

“ขอบใจแต่ไม่เอาย่ะ” เฟย์ปฏิเสธแล้วเชิดใส่ รีบเดินหนีไปทางอื่นแล้วชะโงกซ้ายขวามองหารถ โดยที่เขื่อนมองตามแล้วส่ายหน้าน้อยๆจากนั้นก็วิ่งตามหลังไปหา

 

 

 

“เอ้นี่ก็10นาทีแล้วนะ ไม่ไปกับชั้น งั้นชั้นไปก่อนนะ” เขื่อนพูดข้างๆหูเฟย์ แล้วทำท่าจะเดินกลับไปที่รถ

 

 

 

“เห้ยย นายหน้ากบ ชั้นเอ่อ ไปด้วยก็ได้” เฟย์จำใจยอมไปด้วย เพราะนี่ก็นานมากแล้วแถมแดดร้อนมาก

 

 

 

“เห็นว่าจำเป็นหรอกนะ” เฟย์พูดต่อ เขื่อนขำนิดๆ

 

 

 

“จะไปไหนล่ะ” เขื่อนถาม ขณะที่เฟย์นั่งอยู่บนรถกับเฟย์

 

 

 

“ไปหาเจ้ฟาง” เฟย์ตอบ

 

 

 

“แล้วเจ้ฟางของเธออยู่ใหนล่ะ” เขื่อนถามต่อ

 

 

 

“ไม่รู้ย่ะ” เฟย์ตอบหน้าตาเฉย

 

 

 

“เอ้าแล้วชั้นจะไปส่งเธอที่ไหนล่ะ โทรถามสิยัยต๊อง” เขื่อนดุ เฟย์ร้องอ๋อ เออใช่ลืมโทรหาเจ้เลย ทันทีที่คิดได้จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรถามพี่สาว

 

 

 

“ห้ะ มีประชุมถึง6โมง ไม่ว่างหรอเจ้” เฟย์ร้องเสียงดังเมื่อได้ยินคำตอบจากฟาง

 

 

 

“ใช่ๆ แค่นี้ก่อนนะซอรี่นะเฟย์ ไว้ประชุมเสร้จจะโทรกลับ” พูดจบฟางก็ตัดสายทันที

 

 

 

“นี่เพิ่ง3โมงเอง แล้วชั้นจะทำไงละทีนี้” เฟย์ร้อง เมื่อเห็นเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์

 

 

 

“เอ่อ ก็อย่างที่นายได้ยินนั่นล่ะ” เฟย์หันมายิ้มเจื่อนๆให้เขื่อน

 

 

 

“แล้วเธอจะไปไหนล่ะ” เขื่อนถาม

 

 

 

“พาชั้นไปส่งที่คอนโดได้มั้ยอะ” เฟย์ยิ้มแห้งๆขอ

 

 

 

“เด็กบ้า พูดเร็วกว่านี้ซัก10วิ จะได้มั้ยเนี่ย มันเลยทางกลับรถมาแล้วจะกลับรถได้อีกทีก็ไปไกลละเธอ” เขื่อนโวย เพราะเพิ่งขับเลยทางกลับรถเมื่อกี้นี้เอง และถ้าจะกลับรถไปที่คอนโดจริงๆก็ตั้งอีกหลายกิโล

 

 

 

“ละนายจะให้ชั้นทำไงเล่า เพิ่งรู้เหมือนกันเนี่ยแหละ” เฟย์โวยกลับ

 

 

 

“ก็เธอสะเพร่าไม่โทรถามคุณฟางให้ดีก่อนเองนะ” เขื่อนเถียงบ้าง

 

 

 

“เอ้า ก็ใครจะไปรู้ก่อนละยะ” เฟย์ที่มีนิสัยไม่ยอมคนเหมือนฟาง ก็เถียงต่อ แม้จะไม่ได้เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน แต่นิสัยกลับถอดแบบมาเหมือนกันเป้ะ

 

 

 

“พอๆ คุยกับเธอทีไรชั้นล่ะเหนื่อยใจ เอาล่ะชั้นยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย เธอเองก็ว่าง งั้นไปกินข้าวเป้นเพื่อนชั้นละกัน ถือว่าเป็นค่ารถ” เขื่อนตัดบท

 

 

 

“แต่ชั้นกินมาแล้ว ไม่หิว” เฟย์โต้ เขื่อนไม่ตอบอะไร แล้วเลี้ยวเข้าร้านอาหารทันที

 

 

 

“อยากกินอะไรก็สั่งละกัน ชั้นเลี้ยง” เขื่อนลากเฟย์ลงจากรถแล้วพาไปนั่งที่โต๊ะแล้วยื่นเมนูให้เฟย์สั่งอาหาร

 

 

 

“เอาอันนี้ นี้ นี้ แล้วก็นี่ ด้วยค่ะ” เมื่อเฟย์ได้ยินเขื่อนพูดว่าจะเลี้ยงก็ยิ้มแป้น แล้วสั่งอาหารไปหลายอย่างจนเขื่อนเหวอ นี่เขายังไม่ทันเปิดเมนูดูรายการอาหาร เธอก็รัวเป็นชุดแบบนี้ซะแล้ว

 

 

 

“อ้าวนายกบไม่สั่งอาหารหรอ” เฟย์ถามเมื่อเห็นเขื่อนยังไม่ทันได้สั่งอะไรก็คืนเมนูให้พนักงานแล้ว

 

 

 

“ก็ดูเธอสั่งอย่างกะจะเหมาร้าน ชั้นกินไม่หมดหรอก แล้วไหนว่าไม่หิวไงฮึ” เขื่อนเย้าะ

 

 

 

“นายบอกจะเลี้ยง ชั้นก็ต้องเอาให้คุ้มสิ” เฟย์ยิ้มร่า

 

 

 

“ละอีกอย่างชั้นชื่อ เขื่อน ไม่ใช่ กบ เรียกให้มันดีๆหน่อย” เขื่อนว่า

 

 

 

“ช่วยไม่ได้นายหน้าเหมือนกบเอง” เฟย์แลบลิ้นใส่

 

 

 

แล้วก้มหน้าก้มตาทานอาหารที่เพิ่งเอามาเสริฟไม่สนใจเขื่อน จนเขื่อนยิ้มให้กับท่าทางน่ารักๆของเฟย์ และเมื่อทานอาหารเสร็จเขื่อนก็พาเฟย์ไปส่งที่คอนโด

 

 

 

“ขอบใจนะ นายกบ” เฟย์กล่าวขอบคุณเขื่อนพลางรูดคีย์การ์ดเพื่อเข้าห้อง

 

 

 

“ฝันดีนะเด็กบ้า ม๊วฟฟ” เขื่อนโบกมือบ้ายๆ แล้วทำปากจู๋ส่งจุ้บให้เฟย์

 

 

 

“นายสิบ้า ไอ้หน้ากบ” เฟย์เขิน รีบปิดประตูทันทีแล้วยืนพิงประตูยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คนเดียว

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“อ้าวโมะมาได้ไงเนี่ย หายไปนานเลยนะ” แก้วทักโทโมะที่เดินดุ่มๆเข้ามาในบ้านของเธอ

 

 

 

“วันนี้ฟางไม่อยู่นะ ไปทำงานน่ะ” แก้วตอบเสียงจ่อยๆเพราะคิดว่าโทโมะที่มานี่คงมาหาฟางไม่ใช่เธอสินะ

 

 

 

“ไม่เป็นไร ชั้นก็กะจะมาหาแก้วด้วย” โทโมะตอบแล้วยิ้ม แก้วตาโต มาหาชั้นหรอ

 

 

 

“มีอะไรกับชั้นหรอ” แก้วหันควับถามอย่างดีใจ

 

 

 

“จะชวนไปดูหนัง” โทโมะตอบนิ่งๆ แก้วยิ่งเหวอ

 

 

 

“มาไม้เนี่ยพ่อคนนี้” แก้วที่ยังงงๆกับท่าทางแปลกๆของโทโมะแต่ตัวเองก็ดีใจไม่น้อยได้แต่แอบหวังนิดๆว่าโทโมะจะเปิดใจให้เธอบ้าง จนโทโมะลากแขนแก้วไปขึ้นรถตัวเอง

 

 

 

“ชั้นอยากดู Hunger game2” แก้วและโทโมะพูดขึ้นมาพร้อมกัน ทำให้แก้วเขินหน้าแดง ส่วนโทโมะก็ยิ้มนิดๆ

 

 

 

“เธอนี่รู้ใจชั้นจริงๆเลยนะแก้ว” โทโมะว่า

 

 

 

“ชั้นก็อยากดูพอดีต่างหากล่ะ” แก้วตอบปัดแก้เขิน

 

 

 

“เอ่อโทโมะแล้วนายไม่เสียใจเรื่องฟางแล้วหรอ ถึงมาอารมณ์ดีมาดูหนังแบบนี้” แก้วถามคำถามที่ใจนึงก็อยากจะรู้คำตอบ อีกใจก็กลัวคำตอบเหลือเกิน

 

 

 

“ไม่รู้สิ ตามหลักนี่ชั้นต้องเสียใจใช่ปะ แต่ชั้นกลับรู้สึกสบายใจมาก ที่ในที่สุดฟางก็รู้เหตุผลซักที ชั้นไม่ตื้อฟางต่อแล้วล่ะ

จริงๆชั้นก็รู้นิสัยฟางดีแต่แรกอยู่แล้วว่าไงฟางก็ไม่กลับมาคบกับชั้นหรอก” โทโมะตอบแล้วมองหน้าแก้วอย่างมีความสุข

 

 

 

“พอดีอยากดูหนัง แล้วอยู่ๆคิดถึงเธอขึ้นมา ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเนอะ” โทโมะตอบหน้าตาเฉย

 

 

โดยที่ทุกๆประโยคที่เขาพูดตอนนี้ไม่สิตั้งแต่ตอนที่เขาเข้ามาหาเธอที่บ้านวันนี้ มันทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวอย่างมีหวัง

 

 

 

ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงต้องคอยข่มความเสียใจ แล้วปั้นยิ้มให้เขาที่เอาแต่ถามเรื่องของฟาง แต่วันนี้มันกลับกันเธอยิ้มเพราะมีความสุขจากใจจริงๆ

 

 

 

“ชั้นน่ารักไง” แก้วยิ้ม

 

 

 

“ก็จริง ฮ่าๆ ชั้นขอบคุณแก้วมากนะที่ ตลอดเวลาที่รู้จักกันมาเธอเป็นคนที่รู้ใจชั้นที่สุด แถมคอยช่วยชั้นทุกเรื่องเลย บอกตรงๆอยู่กับเธอน่ะสบายใจสุดล่ะ” โทโมะพูดเปิดอก แต่เขาก็ไม่รู้หรอกว่าที่เขารู้สึกกับแก้วน่ะใช่ความรักรึเปล่า ก็เป็นเพื่อนกันมาตัง4ปีนินะ

 

 

 

 

“คุณคนสวยครับ ชื่ออะไรหรอ” ชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งเข้ามาทักแก้วที่ยืนรอโทโมะไปซื้อตั๋วหนังอยู่

 

 

 

“แก้วค่ะ” แก้วตอบ

 

 

 

“ผมกราฟนะครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” กราฟแนะนำตัวเองแล้วยื่นมือไปเพื่อจะเชคแฮน แก้วเองก็งงๆ แต่ก็ยื่นมือไปเชคแฮนตอบ

 

 

 

โทโมะที่ถือตั๋วหนังมาเห้นพอดีก็รู้สึกไม่ชอบใจอย่างบอกไม่ถูก จึงรีบเดินเข้ามาขัดทันที

 

 

 

“ที่รักจ๋า ขอโทษที่ให้รอนานนะ” โทโมะทักแก้วด้วยสรรพนามที่เปลี่ยนไปแถมยังโอบไหล่อีก ทำเอาแก้วค้างกว่าเดิม ส่วนกราฟก็เหวอแล้วรีบเดินหนีทันที

 

 

 

“เห้ยนาย” แก้วหันควับมามองโทโมะที่โอบตัวเองอยู่อย่างไม่เข้าใจ

 

 

 

“ก็นายนั่นมันจ้องจะกินเธอทั้งตัวแล้วยังไม่รู้อีก ชั้นอุตส่าห์ช่วยนะ” โทโมะพูดหน้าตาเฉย โดยที่มือยังไม่ยอมปล่อยออกจากไหล่ของแก้ว ทั้งๆที่กราฟก็เดินไปแล้ว

 

 

 

“เอ่องั้นหรอ งั้นนายก็ปล่อยชั้นได้ยังเนี่ย” แก้วเขินจัด ถอยตัวออกห่างจากโทโมะ

 

 

 

“ไปเหอะ หนังจะฉายละ” โทโมะว่า แล้วทั้งคู่ก็เดินเข้าโรงไปโดยที่แวะซื้อป๊อปคอร์นกับโค้กก่อน

 

 

 

“โมะทำไมจองที่นั่งนี้ล่ะเนี่ย” แก้วถามเพราะโทโมะพาตัวเองมาที่วีไอพีชั้นบนสุด ซึ่งเป็นโซฟาที่ส่วนใหญ่จะเป็นคู่รักมาดู

 

 

 

“แพงกว่ากันอีกไม่กี่ร้อยจะไปนั่งเบียดๆทำไมเล่า ตรงนี้สบายกว่าตั้งเยอะ” โทโมะตอบแล้วดึงให้แก้วนั่งลง

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนนี้ให้มีเขื่อนเฟย์ โมะแก้วบ้างเดี๋ยวรีดเดอร์งงว่าอยู่ๆหายไปไหน5555

 

โมะเริ่มจะเปิดใจให้แก้วใจแล้วน้าอิอิ ส่วนเขื่อนนี่ก็ ฮ่าๆ

 

Merry christmas ย้อนหลังน้ารีดเดอร์ทุกคน

 

***เม้นฟิคให้ไรเตอร์หน่อยน้าาาา ชื่นใจเวลาอ่านเม้นงะ อิอิ

 

 

 

ps.พรุ่งนี้ไรเตอร์ไปเที่ยวเหนือไม่อยุ่4-5วันงะ รีดเดอณ์อย่าเพิ่งหนีไปไหนน้า

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา