ปมรัก
เขียนโดย rukpopfanggg
วันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 11.04 น.
แก้ไขเมื่อ 13 มกราคม พ.ศ. 2557 21.14 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
10) ดูแลกันและกัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
“อากาศเย็น รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ จะได้ลงไปล้อบบี้พร้อมกัน” ป๊อปปี้พูดเมื่อมาส่งฟางที่หน้าห้อง เธอพยักหน้าเล็กน้อย แล้วเขาก็เดินไปที่ห้องถัดไปซึ่งก็คือห้องพักของตัวเอง เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเช่นกัน
ก้อก ก้อก
“ท่านประธานนน สายแล้วนะ” ฟางที่อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย ก็เดินออกมาจากห้องแล้วตรงไปที่ห้องของป๊อปปี้เพื่อเรียกลงไปด้วยกัน แต่เมื่อเคาะประตูก็ไม่มีใครมาเปิด
“ป๊อปป เลทมา15นาทีแล้วนะ เห้” เธอตะโกน แล้วเคาะซ้ำอีกหลายครั้ง ก็ไม่มีการตอบรับใดๆ
“ขอโทษนะค้ะ ขอคีย์การ์ดสำรองห้อง A602 ได้มั้ยค่ะ” เธอตัดสินใจเดินลงไปที่ล้อบบี้แล้วขอคีย์การ์ดเพื่อเปิดประตูเพราะโทรเข้าโทรศัพท์ก็ไม่มีใครรับ ทำให้เธอไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
“เอ่อ ห้องของคุณภาณุ จิระคุณ ใช่มั้ยค่ะ” พนักงานต้อนรับถาม เพราะรู้ว่านี่เป็นท่านประธานที่เป็นคนเหมาทั้งตึกAของโรงแรมเพื่อจัดงานประจำปี
“ค่ะ ชั้นเป็นเลขา พอดีว่ามีปัญหานิดหน่อย ขอบคุณมากค่ะ” เธอรับคีย์การ์ดพร้อมพูดขอบคุณแล้วรีบวิ่งกลับไปที่ห้องป๊อปปี้อย่างร้อนใจ
“แอบหลับนี่เอง เห้ออุตส่าห์เป็นห่วง” เธอบ่นอุบอิบเมื่อเปิดประตูเข้ามาก็พบกับชายหนุ่มที่นอนแผ่อยู่บนเตียง และก็ต้องแปลกใจเพราะว่ายังใส่เสื้อเปียกๆตัวเดิมที่ไปเล่นน้ำกันมา
“นี่คุณป๊อป ตื่นๆๆ เปียกหมดแล้ว ทำไมไม่เปลี่ยนเสื้อก่อนจะหลับห้ะ” เธอพูดแล้วเดินไปใกล้ๆ แล้วเขย่าตัวเขาที่หลับสนิท
“อ่าว ตัวร้อนจี๋เลย เป็นไข้หรอเนี่ย” เธอร้องอ๋อ เมื่อเอามือแตะที่หน้าผากชายหนุ่ม เพราะเป็นไข้นี่เองถึงหลับปุ๋ยแบบนี้ ไข้ขึ้นเพราะแช่น้ำนาน อากาศก้เย็นมากสินะเนี่ย
“รู้มั้ยชั้นน่ะ สอบได้ A ในคลาสปฐมพยาบาลเบื้องต้นนะ หายแน่นอน สบายใจได้” เธอพูดกับเขาที่นอนหลับอยู่ แล้วยิ้มคนเดียว จากนั้นก็ลุกไปเตรียมผ้าชุบน้ำอุ่นเพื่อเช็ดตัวคนป่วยที่นอนอยู่บนเตียง
“เห้ออ ป่วยเองนะ ขอนิดนึงละกัน” เธอค่อยๆถอดเสื้อผ้าที่เปียกออก ทำให้เห็นซิกแพค กับ แผงอก ที่เปลือยเปล่าก็หน้าแดงแจ๋ แล้วก็ต้องขมวดคิ้ววุ่น เมื่อเลื่อนสายตาลงมาที่ส่วนล่างและเจออุปสรรคใหญ่
“ชั้นจะถอดไงละเนี่ย ไม่ถอดก็แฉะกันพอดี เอางี้ละกันน” เธอตัดสินใจลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่มาคลุมส่วนล่างไว้ก่อนแล้วค่อยๆล้วงมือเข้าไปใต้ผ้า เพื่อถอดกางเกงออกอย่างลำบาก เหลือก็แต่บ๊อกเซ่อตัวเดียว
“ฟางงงง” เสียงละเมอเพราะพิษไข้ของเขาดังขึ้นเบาๆ ดังเป็นชื่อของเธอ ..
“นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นพี่ชายแก้ว ไม่ช่วยทำให้หรอกนะ ท่านประธานบ้า” เมื่อถอดเสื้อผ้าที่เปียกออกทั้งหมดแล้ว เธอก็นำผ้าชุบน้ำที่เตรียมไว้มาค่อยๆเช็ดตัวให้เขาจนเสร็จ จากนั้นก็ไปหยิบเสื้อผ้ากับกางเกงจากกระเป๋าเดินทางมาใส่ให้เรียบร้อย
“นอนรอแป้บนึงนะ จะไปซื้อยามาให้” พูดจบสาวน้อยตัวเล็กก็ห่มผ้าให้ แล้วก็เดินไปที่ร้านยาชั้นล่าง แล้วก็ไม่ลืมที่จะไปสั่งที่ห้องครัวโรงแรมให้เอาข้าวต้มกุ้งมาเสริฟที่ห้อง
“ป๊อปตื่นน” เธอเขย่าตัวเพื่อปลุกเขาอีกครั้ง เพื่อจะให้ทานอาหารเย็นจะได้ทานยาต่อ
“เอ ตอนหลับนี่ยังหล่อเลยนะ” เธอจ้องหน้าเขา แล้วยื่นหน้าไปเข้าใกล้ๆ
“ฟาง” จู่ๆชายหนุ่มก็ลืมตาขึ้นมาทำให้ตอนนี้หน้าเธอและหน้าของเขาห่างกันแค่คืบเดียวเท่านั้น ทั้งคู่สบตากันอยู่สักครู่ จนเธอรู้สึกตัวก็รีบลุกขึ้นทันที
“ตื่นซักที คุณทานข้าวต้มก่อนจะได้ทานยาได้” เธอว่าแล้วมองซ้ายมองขวาไปเรื่อย แก้เขิน
“เอ่อ ผมทานไม่ลง” เขาค่อยพยุงตัวขึ้นแล้วเอามือกุมขมับเพราะยังมึนๆอยู่
“ไม่ลงก็ต้องกิน ไม่งั้นจะหายมั้ยล่ะค่ะ ” เธอมองดุๆ ไม่รอฟังคำตอบใดๆ แล้วจับแขนของเขาเพื่อให้ลุกจากเตียงมาทานข้าวที่โซฟาที่ทัน
“นี่ผมเป็นคนป่วยนะ ทะนุถนอมหน่อยสิ” เขาพูด แล้วย่นจมูก
“ค่าาา เอ่ารีบกินสิค่ะคุณคนป่วย” เธอยื่นช้อนข้าวต้มให้
“ป้อน” เขาพูดสั้นๆแล้วอมยิ้ม
“ห้ะ ให้ชั้นเนี่ยนะป้อนน” เธอเหวอ
“ไม่งั้น ไม่กิน” เขาพูดอย่างเอาแต่ใจ
“เห้ออ จำได้ว่าเจอกันครั้งแรกนี่ไม่ใช่แบบนี้เลยนะค่ะ คุณป๊อป ไหงตอนนี้ป่วยละกลายเป็นเด็กซะได้” เธอพูดแล้วส่ายหน้าเบาๆ
แล้วนึกถึงวันแรกที่เจอมาย้ายมาที่บ้านจิระคุณ ผู้ชายที่ดูหยิ่งๆเงียบๆ อยู่ด้วยแล้วอึดอัดสุดๆหายไปแล้ว และสุดท้ายก็ยอมใจอ่อนป้อนข้าวต้มให้เขา
“เป้าน้าา” เขาอ้อนอีกครั้ง
“จริงๆเลยย เห้อ” เธอบ่นนิดนึง แล้วก็ยิ้มให้กับท่าทางที่เหมือนเด็กของชายหนุ่มร่างใหญ่
“อิ่มแถมมีคนป้อนนี่มันสบายจัง” เขาพูดอย่างอารมณ์ดีหลังจากทานข้าวต้มเสร็จ โดยที่มือไม่ได้แตะช้อนเลย
“ร่าเริงแบบนี้คงหายแล้วสินะ ไข้เนี่ย” เธอว่า
“เออพูดถึงไข้ ฟางเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผมหรอ.....” เขามองตัวเองที่ไม่ได้ใส่เสื้อกับกางเกงตัวเดิมก็ถามขึ้น แล้วก็ยิ้มเขินๆ
“ก็ใช่น่ะสิ ไม่งั้นจะเช็ดตัวยังไง” เธอตอบ แล้วก็ต้องร้องออกมาเมื่อเห็นชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แถมยังเขินหน้าแดง ก็รู้ทันทีว่าเขาคิดอะไรอยู่
“น่ะนี่ แต่ชั้นไม่เห็นอะไรทั้งนั้นละ” เธอรีบปัดมือไปมาเพื่อปฏิเสธทันที จนเขาหลุดขำ
“เห้ยแย่ละ นี่สองทุ่มแล้ว แล้วงานเลี้ยงคืนนี้” เขาร้องตกใจ เมื่อหันไปสะดุดกับนาฬิกาพบว่าตอนนี้ก็สองทุ่มแล้ว
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นน ชั้นบอกพิธีกรให้แล้วค่ะว่าคุณป่วยอาจจะไปไม่ไหว” เธอพูดแล้วยิ้ม
“สมเป็นเลขาผมจริงๆ ขอบคุณที่วันนี้ดูแลผมนะ แล้วก็ขอโทษด้วยที่ทำให้ฟางพลาดงานคืนนี้เลย” เขาพูดต่อ
“วันนี้คุณก็ช่วยชีวิตชั้น ถือว่าหายกันนะค่ะ”
“ผมต้องขอโทษพนักงานจิระคุณทุกคนนะครับ ที่เมื่อคืนนี้ไม่สามารถมาร่วมงานเลี้ยงได้ แต่ก็หวังว่าทุกคนจะสนุกสนานกับงานเลี้ยงประจำปีที่28ของจิระคุณกรุ๊ป ที่ผมตั้งใจจัดขึ้นในทุกๆปีนะครับ” ป๊อปปี้พูดใส่ไมค์บอกกับพนักงานทุกคนในมื้ออาหารเช้า
“เอาล่ะ ขอเชิญทุกคนทานอาหารเช้ากันต่อเลยครับ แล้วนัดรวมกันที่ล้อบบี้ ตอนเที่ยงตรงเราจะมุ่งหน้ากลับกรุงเทพกัน” พิธีกรพูดต่อ
“เมื่อคืนฟางหายไปไหนหรอครับไม่เห็นมาร่วมงานเลี้ยงเลย” ธามไทเดินเข้ามาถาม ขณะที่ฟางกำลังตักอาหารใส่จานอยู่
“อ๋อพอดีคุณป๊อปไข้ขึ้นน่ะค่ะ” ฟางตอบตามจริงแล้วหันไปตักอาหารต่ออย่างไม่ใส่ใจอะไร
“ก็เลยตามไปดูแล ผมล่ะอิจฉาท่านประธานจริงๆ” ธามไทพูดแล้วแค่นหัวเราะ
“ฟางง เอาน้ำอะไรเดี๋ยวผมเอาให้” เสียงของชายหนุ่มที่ถูกเอ่ยถึง ดังขึ้น ป๊อปปี้ตะโกนถามฟางที่ยืนคุยอยู่กับธามไท
“อ้ออ น้ำเปล่าละกันค่ะ ฟางขอตัวก่อนนะค่ะ” ฟางตะโกนตอบป๊อปปี้แล้วหันมาลาธามไท ส่วนธามไทก็ยืนเหวอ
หลังจากทุกคนทานอาหารเช้าเสร็จพนักงานก็ขึ้นรถทัวร์กลับบริษัท ส่วนฟางก็ขึ้นรถกลับกับป๊อปปี้เหมือนตอนขามา และระหว่างทางรถคันหรูก็วิ่งผ่านบริษัทนีระสิงห์พอดี แล้วตอนนี้ดันเป็นช่วงที่รถติดไฟแดง
ทำให้คนตัวเล็กที่นั่งร่วมทางมาด้วยหันไปมองบริษัทของคนเป็นพ่ออย่างอ่อนใจ แล้วสายตาหวานก็ต้องชะงักเมื่อเห็นอานิมิตตัวเป็นๆกำลังเดินเข้าตึกไป ซึ่งป๊อปปี้ที่เป็นคนขับรถก็เห็นอย่างที่ฟางเห็นเหมือนกัน
“ป๊อป ฟางไม่ได้ตาฝาดใช่มั้ย คุณอามาทำอะไรที่บริษัทแด๊ด” หญิงสาวหันไปถามชายหนุ่มข้างๆ
“ไม่รู้สิ งั้นเราตามไปดูกันหน่อยมั้ยล่ะ” ป๊อปปี้ถามกลับ ส่วนฟางก็พยักหน้าแทนคำตอบ เขาจึงหันรถกลับเลี้ยวเข้าบริษัท เมื่อจอดรถทั้งคู่ก็รีบวิ่งตามอานิมิตเข้าไปทันที
“ฮัลโหล เจ้าป๊อป” นิมิตทักทายหลานชายที่เพิ่งโทรศัพท์เข้ามา
“สวัสดีครับคุณอา ตอนนี้คุณอาอยู่ใหนหรอครับ ผมว่าจะชวนคุณอาไปทานอาหารเย็น” ป๊อปปี้ที่ยืนอยู่กับฟางห่างๆแสร้งถาม
“อาคงไปกับแกไม่ได้ล่ะ อาทานข้าวอยู่กับเพื่อนน่ะ แกก็พาหนูฟางทานละกันนะ” นิมิตที่ไม่รู้ว่าป๊อปปี้กับฟางยืนดูตัวเองอยู๋ก็โกหกไป
“หรอครับ ไม่เป็นไรงั้นเดี๋ยวเจอกันที่บ้านนะครับ” ป๊อปปี้พูดจบก็วางสาย แล้วมองอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมอาต้องโกหกด้วย
“ป๊อป มันจะเป็นไปได้มั้ยว่า คุณอาจะกลับมาจากสวิตก่อนวันที่เราไปรับที่สนามบิน หรือไม่ก็ไม่ได้ไปสวิตแต่แรก” ฟางถาม ป๊อปปี้หันควับมามองอย่างพิจารณา แล้วก็หันกลับไปมองอาของตัวเองที่กำลังเหมือนนั่งรอใครอยู่
แล้วอีกไม่ถึงนาทีก็มีผู้ชายสองคนเดินออกมาจากลิฟท์แล้วตรงมาที่อานิมิต แล้วทั้งสองก็ยกมือไหว้อานิมิตอย่างนอบน้อมยิ่งทำให้ ป๊อปปี้และฟางไม่เข้าใจ
ผู้ชายสองคนนั้นดูน่าจะเป็นพนักงานตำแหน่งสูง ไม่ผู้จัดการก้ต้องเป็นผู้บริหารแน่ๆ เพราะดูมีอายุและการแต่งตัวก็ดูภูมิฐานพอควร
“ฟางเคยเห็นคนที่ใส่นาฬิกาเหมือนกับคุณอาที่บริษัท วันก่อนที่เราจะไปรับท่านที่สนามบินนะ” ฟางอธิบายต่อ
“คุณครับ ผุ้ชายสองคนนั้นใครหรอครับ” ป๊อปปี้เนียนเข้าไปถามพนักงานคนนึง ที่เดินหอบกองเอกสารผ่านมา แล้วชี้ไปที่ผู้ชายสองคนที่นั่งคุยกับคุณอาของตัวเอง
“อ๋อ คนที่ใส่เชิ้ตสีฟ้านั่นคือ คุณกิตติ ส่วนคนข้างๆ คือ คุณพลเทพ ทั้งคู่เป็นผู้ถือหุ้นของที่นี่น่ะค่ะ เอ่อดิชั้นขอตัวก่อนนะค่ะ” พูดจบพนักงานคนนั้นก็เดินไป
“นึกออกแล้ว คุณกิตติ น่ะเป็นหนึ่งผู้ถือหุ้นที่ลงนามในเอกสารถอนหุ้นแด๊ดของฟาง แต่พลเทพนี่จำไม่ได้ ต้องกลับไปดูเอกสารนั่นอีกที” ฟางว่า
“ถ้าสองคนนั้นเกี่ยวกับการจะถอนหุ้นคุณพ่อของฟาง แล้วอาของผมไปรู้จักได้ยังไง” ป๊อปปี้พูดขึ้นมาแล้วมองหน้าฟางอย่างไม่สบายใจ
จากนั้นป๊อปปี้ก็พาฟางกลับไปที่บ้านจิระคุณ แล้วทั้งคู่ก็ขึ้นไปที่ห้องนอนของฟางทันที
“อยู่ไหนนะ” หญิงสาวเริ่มหัวเสียเมื่อตัวเองลื้อทั่วห้องแล้วก็หากระดาษแผ่นนั้นไม่เจอ
“ใจเย็นๆ มีสติหน่อย รนอย่างนี้จะหาอะไรเจอได้ไง จริงมั้ยครับ” ป๊อปปี้ที่มีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเห็นท่าทางที่ร้อนรนของคนตัวเล็กข้างๆก็เตือนด้วยความเป็นห่วง
“หาไม่เจออะป๊อป แค่กระดาษแผ่นเดียวฟางยังหาไม่เจอ แล้วแด๊ด..” เธอพูดแล้วเริ่มน้ำตาคลอ เพราะเรื่องคิดมากว่า แค่เอกสารแผ่นเดียวยังหาไม่เจอ นับประสาอะไรกับพ่อของเธอ
ป๊อปปี้เห็นท่าไม่ดีก็นั่งลงข้างๆแล้วพยายามจะปลอบ ก็เลยโอบไหล่ฟางให้มาซบอกตัวเอง
“เห็นครั้งล่าสุดเมื่อไร่” ป๊อปปี้ถาม
“วันที่บ้านโดนยึด มันนานพักใหญ่แล้ว ฟางเคยอ่านอยู่แค่วันนั้น แล้วหลังจากนั้นก้ย้ายของมาที่นี่ แตฟางก็ไม่เคยจะหามันมาดูอีกเลย” ฟางพูดไปสะอึ้นไป
ครั้งแรกและครั้งเดียวที่เธออ่านเอกส่ารแผ่นนั้น ก็พร้อมกับแก้วในวันที่แก้วมาช่วยเธอเช้คเอกสารที่บ้านนีระสิงห์ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่บ้านนีระสิงห์ถูกยึด
ตึ้ง ตึ้ง
‘คืนนี้ชั้นกลับดึกหน่อยนะ ไม่ต้องรอนะจ้ะเพื่อนเลิฟ’
เสียงแจ้งเตือนข้อความจาก แก้ว ดังขึ้น ฟางหันไปเห็นก็นึกอะไรได้บางอย่าง
“หรือว่า” ฟางร้องอ๋อ เพราะนึกได้ว่าแก้วเป็นคนย้ายกองเอกสารเข้ามาให้ แล้วเหมือนว่าแก้วจะหอบมาใกล้ๆเธออยู่ครู่นึงแล้ววางลงที่เก้าอีข้างๆเตียง
ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเอสการแผ่นนั้นจะหล่นอยู่แถวๆเตียงหรือเปล่า เมื่อคิดได้แบบนั้นเธอก็รีบก้มหาใต้เตียง แล้วก็ยิ้มออกทันที เมื่อพบกับกระดาษที่ตัวเองหาอยู่นาน
“เจอแล้วว เย้” ฟางร้องไชโยเมื่อตัวเองเจอกระดาษ ป๊อปปี้เดินมาดู
“ไหนดูซิ มีคุณพลเทพอะไรนั่นหรือเปล่า” ป๊อปปี้ว่า ส่วนฟางก็ไล่ชื่อดูเรื่อยๆ
“นี่ไง พลเทพ กับ กิตติ ได้ลงชื่อไว้ในนี้ด้วย” ฟางชี้ไปที่ชื่อของทั้งสอง ส่วนป๊อปปี้ยืนนิ่งไม่พูดไม่จา สายตาคมจ้องเขม็งไปที่ชื่อ ชื่อหนึ่ง...นิมิต จิระคุณ
--------ตอนที่แล้วป๊อปช่วยฟาง ตอนนี้ฟางดูแลป๊อป ผลัดกันบ้างๆ------
--------เพิ่งกลับมาจากทะเล๊ทะเลอิอิ อย่าเพิ่งลืมกันน้าาา------
--------ขอเม้นเยอะๆนะคะ ชอบอ่านเม้นนของรีดเดอร์ทุกคนน^^------
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ