FICTION หล่อวายร้ายกับนายน่ารัก [WONKYU]

9.3

เขียนโดย LuckyLovery

วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 20.02 น.

  23 chapter
  1 วิจารณ์
  41.46K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 20.16 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

2) chapter 37 คู่หมั้นสามขวบ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

                  รถของคิบอมเลี้ยวออกไปจากบ้านของดงเฮพอดีกับที่ฮีชอลขับเข้ามา ซองมินที่นั่งอยู่ข้างๆมองตามหลังไปจนลับสายตาก็นึกห่วงเพื่อน

 

         “รถคิบอม?”

          “อืม...สงสัยมาหาลูกล่ะมั้ง”ฮีชอลว่า แล้วจอดรถนิ่งสนิท แล้วอุ้มยองมินมาจากซองมิน ให้ซองมินอุ้มฮีจินที่ตัวเล็กกว่าลงมา

 

 

 

                 ดงเฮที่ยืนอยู่หน้าบ้านยังไม่ได้เข้าไป พอเห็นเพื่อนร่างอวบก็รีบเดินมาหาทันที

          “สวัสดีครับพี่ฮีชอล มินนี่”ฮีชอลยิ้มรับ ส่งยองมินให้ดงเฮที่ขออุ้ม

          “โอยหนัก ไอ้ลูกหมู”ดงเฮว่าพรางหัวเราะเบาๆ อุ้มยองมินพาดบ่า แล้วพากันเข้าไปในบ้าน ซองมินมองหน้าฮีชอลเล็กน้อยก็พอจะยิ้มออกมาได้บ้างที่เห็นเพื่อนยังพอสดใส อยู่บ้าง

          “ด๊อง...เมื่อกี้รถคิบอม?”ดงเฮพยักหน้า ยิ้มอ่อนๆไปให้ ซองมินตบบ่าเพื่อนเบาๆ

          “เค้ามาหาลูกน่ะ”ดงเฮบอก

          “แล้วนี่น้องฮเยฮเยไปไหนกันหมดล่ะ หืม บ้านเงียบเชียว”ร่างโปร่งเปลี่ยนเรื่อง เพื่อให้บรรยากาศดีขึ้น

          “ไปกับคิบอมเมื่อกี้น่ะครับ คิบอมบอกว่าจะพาไปเที่ยว”

          “แล้วทำไมไม่ออกไปด้วยกันล่ะ เด็กๆไม่งอแงเหรอ”ดงเฮส่ายหน้า ถามคำตอบคำ

          “คิบอมพาไปแค่ฮเยจินกับฮเยซองน่ะครับ ฮเยจองไม่ยอมไปผมก็เลยไม่อยากทิ้งแกไว้บ้าน อีกอย่าง...ผมแค่ต้องการเวลาให้ผมได้ตัดสินใจอะไรให้ได้มากกว่านี้ ให้ผมทำใจยอมรับอะไรได้มากกว่านี้ ถ้าผมต้องออกไปกับเค้า ผมไม่รู้ว่าผมจะทำอะไรไม่ดีให้ลูกเห็นรึปล่าว”ร่างโปร่งถอนหายใจออกมาเบาๆ ซองมินขยับเข้ามานั่งใกล้ๆดงเฮแล้วรั้งเข้ามากอด

          “คิบอมน่ะรักด๊องมากนะ คิบอมไม่เคยคิดจะทิ้งแกหรอกด๊อง”ซองมินว่า ดงเฮร้องไห้ออกมาทำให้ฮีชอลต้องพาเด็กๆออกไปข้างนอก

          “ฉันยังทำใจไม่ได้มินนี่...ตลอดเวลาที่รู้จัก อยู่ด้วยกันมา คิบอมไม่เคยเป็นแบบนี้ ถึงแม้เค้าจะออกไปเที่ยวกันเพื่อนๆ ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ครั้งนี้ฉันรับไม่ได้จริงๆ ถ้าเค้ารู้จักป้องกันบ้าง เราคงไม่ต้องแยกทางกันแบบนี้”ดงเฮร้องไห้สะอื้นจนตัวโยน ทำให้ซองมินยิ่งกอดให้แน่นขึ้น มืออวบลูบหลังเบาๆปลอบโยน

          “ไม่เป็นไรๆ อย่างร้องไห้ ด๊องแกอย่าร้อง ฉันอยากจะถามแกแค่ว่า...แกรักคิบอมมั้ย?”ดงเฮพยักหน้ารับหงึกหงัก

           “แล้วแกทิ้งคิบอมมาทำไม ทิ้งคิบอมมาแล้วแกก็ต้องมานั่งร้องไห้แบบนี้ทุกวัน แกไม่เบื่อตัวเองเหรอ ถ้าแกรักคิบอมแกต้องรับเขาให้ได้ ถ้าเขาทำผิดแกก็ต้องอภัยให้เขาไม่ใช่ทิ้งเขามาแบบนี้”

           “มินนี่ แกจะให้ฉันนั่งทนมองคิบอมต้องดูแลผู้หญิงคนนั้นต่อหน้าทุกวันเหรอ แล้วฉันต้องใจกว้างรับเธอเข้ามาในครอบครัวพูดคุยเหมือนเพื่อนกันปกติทั้งๆ ที่ใช้สามีคนเดียวกัน แล้วแกจะให้ฉันบอกลูกว่ายังไง”ดงเฮเขย่าซองมินเบาๆ ร่างอวบจับมือดงเฮเอาไว้ให้ใจเย็นขึ้น

           “ให้คิบอมมีคนอื่นอีกหลายคนเดินควงต่อหน้าฉัน ฉันยังทำใจยอมรับได้มากกว่าให้มีลูกแบบนี้”

          “ทุกอย่างมีทางออกนะด๊อง แกต้องใจเย็นและทำใจยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นให้ได้ ฉันเชื่อ...คิบอมไม่คิดที่จะให้เรื่องมันเป็นแบบนี้”ซองมินว่า ดงเฮนั่งร้องไห้เงียบๆ ซองมินเองก็ไม่รู้จะช่วยเพื่อนยังไง ทั้งที่เพื่อนกำลังทุกข์ใจอยู่แบบนี้

           “ลองปล่อยวางนะด๊อง แล้วอะไรๆมันจะดีขึ้น ทำใจให้สบาย”

           “ฉันพยายามที่จะไม่คิดมาก แต่มันก็ทำไม่ได้ซักที จนบางทีฉันอยากจะพาเด็กๆไปอยู่ต่างประเทศซักพัก แต่ก็ทำไม่ได้ ไม่รู้จะบอกลูกว่ายังไง ฉันทำอะไรไม่ได้เลยมินนี่”ดงเฮว่า ซบหน้ากับไหล่เล็กของซองมิน มืออวบได้แต่ลูบหลังไปมา

           “อย่างที่ฉันบอกไงด๊อง ทำใจให้สบายนะ”ดงเฮพยักหน้ารับ มือเรียวเช็ดน้ำตาออกจนหมด ตาแดงเล็กน้อย ดวงตาที่เคยสวยกลับเศร้าจนซองมินใจหาย มันคงเป็นมานานเกือบสองเดือนแล้วสิ่นะ

          “ไปล้างหน้านะ เดี๋ยวเด็กๆมาเห็นมันจะไม่ดี”ซองมินบอก ลุกขึ้นดึงดงเฮให้ลุกตามแล้วไปล้างหน้าในห้องน้ำ ออกมาก็ได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจของเด็กๆ จึงเดินออกไปดูที่สวนข้างบ้าน

          “อายุใกล้กันแบบนี้ก็ดีนะ จะได้มีเพื่อนเล่น”ซองมินว่าแล้วจับมือของดงเฮจูงออกไปให้นั่งเล่นกับเด็กๆ

          “พี่ครับ เดี๋ยวผมดูน้องเอง”ดงเฮหันไปบอกพี่เลี้ยงฮเยจอง ส่งยิ้มให้ เธอพยักหน้ารับ แล้วเดินกลับเข้าไปในบ้านเพื่อไปทำอย่างอื่นแทน ฮีชอลเห็นดงเฮยิ้มอีกครั้งก็ยีผมเบาๆจนยุ่งเล็กน้อย

          “เด็กน้อย...ต้องเข้มแข็งรู้มั้ย”ดงเฮยิ้มไปให้ พยักหน้ารับ จับมือฮเยจองที่จะเดินให้เกาะหลังเดินวนอยู่กันที่

          “ยองมินนี่ซนหน้าดูเหมือนกันนะครับ”ดงเฮว่าเพราะตั้งแต่เดินออกมาก็เห็นยอง มินเดินไปเดินมา บางทีก็วิ่ง ขาแข็งแรงจริงๆ รากฐานดีไม่มีล้ม

          “ซนจนจับไม่ไหวเลย เฮ้อ นี่ถ้าฮีจินเป็นแบบนี้อีกคนนะ ฉันว่าฉันคงตายแน่ๆเลยด๊อง”ซองมินมองไปที่ยองมินก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ 

          “เด็กก็แบบนี้แหละน่า นี่ยังเหนื่อยน้อยนะมินนี่ รอให้โตกว่านี้อีกนิด สองสามขวบล่ะไล่จับไม่ทันแน่ๆ แล้วจะรู้ว่ามีลูกอายุเท่าๆกัน เลี้ยงทีละสองคนมันเหนื่อยขนาดไหน”ดงเฮว่าแล้วก็หัวเราะออกมาน้อย มองฮีชอลที่อุ้มฮีจินขึ้นขี่คอเดินไปเดินมา นั่นทำให้ซองมินยิ้มตาม

         “ด๊อง ไปเยี่ยมฮยอกแจกันมั้ย เห็นว่าอีกสองเดือนกว่าก็คลอดแล้ว”ซองมินชวนเพราะไม่อยากให้อุดอู้อยู่แต่ใน บ้านให้คิดมาก ออกไปเปิดหูเปิดตาเสียบ้างก็คงจะดีไม่น้อย

          “นั่นสิ่ ทุกคนดูมีความสุขกันจังเลยเนอะ”ดงเฮพูดเสียงเบาๆ ลุกขึ้นยืน อุ้มฮเยจองขึ้นพาดบ่า ซองมินลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ยังอุส่าจะนึกถึงให้เสียใจอีก...เพื่อนเขา..

         “คิดมาก ป่ะ...พี่ฮีชอล เข้าบ้านเถอะ”ซองมินเรียกร่างโปร่งที่เล่นกับลูกๆอยู่ ฮีชอลพยักหน้ารับ จับมืออวบๆของยองมินจูงให้เดินตาม

         “ยองมิน อย่าดื้อสิ่ลูก มานี่”เมื่อเห็นว่าเจ้าลูกหมูตัวอวบยื้อมือออก ฮีชอลเองก็ต้องอุ้มฮีจินจึงจับไม่อยู่ ยองมินเดินกลับไปที่เดิมไม่ยอมเข้าบ้าน ซองมินมองแล้วก็ส่ายหน้าไปมา เดินไปจับยองมินแทน

         “ยองมิน อย่าดื้อสิ่ เดี๋ยวคุณพ่อตี เพี๊ยะๆเลยนะครับ”ซองมินพูดติดจะขู่เล็กน้อย เพราะฮีชอลเคยตีไปรอบหนึ่งตอนที่ยองมินดื้อไม่ฟัง ทำให้เจ้าลูกหมูตัวอวบเงยหน้ามองร่างโปร่งที่อุ้มน้องอยู่สบตาปิ๊งๆก่อนจะ เดินตามตามแรงจูงของซองมินเข้าบ้าน

         “ด๊อง นี่ต้นอะไรอ่ะ หน้าตาแปลกๆ”ซองมินเดินตามดงเฮเข้าบ้านก็สังเกตเห็นต้นไม้หน้าตาแปลกๆ จึงถามขึ้น ดงเฮส่ายหน้า

         “ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ คุณแม่ซื้อมา”ดงเฮบอกแล้วพากันเข้าบ้าน

         “น้องฮเยจอง เดินดีๆสิ่ลูก”ดงเฮบอกยัยตัวเล็กแก้มป่อง เพราะดึงยื้อกางเกงจะลากไม่ให้เข้าบ้าน

          “อื๊อ..”ส่งเสียงค้านเล็กน้อยพอเป็นพิธี ทำให้ดงเฮต้องอุ้มขึ้นเพราะให้เดินไปเองคงไม่พ้นล้มอยู่แถวนี้แน่ๆ

 

 

 

 

 

 

                   ทั้งสามคนตกลงที่จะไปบ้านฮันคยองเพื่อไปเยี่ยมฮยอกแจไม่รู้ว่าใช้งานสามี หนักจนบอบไปแล้วหรือยัง ดงเฮขับรถไปเองมีลูกสาวนั่งข้างๆ ตามด้วยรถของฮีชอลที่มีตุ๊กตาหน้ารถกับลูกหมูอีกสองตัวอวบๆ มาถึงบ้านฮันคยองก็ไม่รอช้า รีบเข้าบ้านพร้อมกระเช้าผลไม้ที่แวะซื้อมาส่งให้เจ้าของบ้าน

 

          “ไปยังไงมายังไงกันเนี่ย หืม...อ้าวดงเฮ คิบอมไม่มาด้วยเหรอ”ฮันคยองรับกระเช้าผมไม้ เมื่อเห็นดงเฮมากันฮเยจองสองคนก็ทักขึ้น ดงเฮหน้าเจื่อนลงทันที ร่างโปร่งเห็นแบบนี้ก็ส่งซิกให้ฮันคยองออกไปข้างนอกค่อยว่ากัน

          “คิบอม..พาเด็กๆไปเที่ยวน่ะ ด๊องเลยมากับฮเยจอง”ดงเฮบอก ฮันคยองพยักหน้ารับ แล้วหันไปบอกแม่บ้านให้เอาน้ำมารับแขก

           “นั่งก่อนๆ เดี๋ยวตามฮยอกแจให้นะ”ฮันคยองบอกแล้วเดินขึ้นห้องนอนไปเรียกคนที่มัวแต่ดู ละครอยู่บนห้อง ดงเฮพยักหน้ารับ แล้วอุ้มฮเยจองไปนั่งรอที่โซฟา

          “อ่า..ไม่ได้มาซะนาน เหมือนเดิมเลย”ซองมินว่าขึ้น มองไปรอบๆบ้านที่ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากมายนัก พอมองขึ้นไปชั่นสองก็เห็นเพื่อนตัวไม่บางเดินอุ้ยอ้ายลงมามีฮันคยองคยประคอง กลัวจะตกบันได

           “ทำไมไม่ย้ายลงมานอนข้างล่างวะฮัน”ฮีชอลทักขึ้น ฮันคยองได้แต่ยิ้มแหย

          “ไม่ได้หรอกพี่ ฮยอกแจนอนไม่หลับ”แก้ตัวไปอย่างนั้น อันที่จริงแล้ว ฮันคยองไม่กล้าขัดใจฮยอกแจเพราะเคยทำมาแล้วโดนไล่ออกจากบ้านเข้าบ้านไม่ได้ อยู่สองสามวัน ไม่รู้ว่าตั้งแต่ท้องฮยอกแจโดนอะไรเข้าสิงหรือปล่าว

          “วันนี้ว่างตรงกันหมดเลยเหรอ ดีจัง ออกไปเที่ยวกันมั้ย ฮยอกไม่ได้ไปไหนนานแล้วอ่ะ นะ”ฮยอกแจลงมานั่งได้ก็อ้อนเพื่อนร่างอวบกะร่างเล็กข้างๆ ซองมินมองหน้าฮันคยองว่าเอาไง

          “ฮยอกแจจะออกไปไหนล่ะครับ แดดยังร้อนอยู่เลยนะครับ เดี๋ยวค่อยไปเย็นๆมั้ย จะได้ทานข้าวเย็นด้วยกันหมดทุกคนเลย”ฮันคยองว่า ฮยอกแจหันมาค้อนขวับจนร่างสูงของฮันคยองก้าวถอยหลังทันที

          “ฮัน...ทำไมชอบขัดใจนัก ออกไปเลยนะ ไปนอนนอกห้องเลยคืนนี้”ฮีชอลแอบขำกับท่าทางกลัวเมียของฮันคยอง หันหน้าไปทางอื่นกลั้นขำจนตัวสั่น

          “ฮยอกอ่า ฮันไม่ได้ขัดใจนะ แค่ออกความคิดเห็นเฉยๆ แค่ห่วงว่าฮยอกจะร้อนเองนะครับ เดี๋ยวผิวเสียหมดนะครับ”ฮันคยองเกลี่ยกล่อม ซองมินที่นั่งอยู่ตรงข้ามดงเฮหันไปหัวเราะกันสองคนแบบไม่มีเสียง

          “ชิ ไม่ต้องมาพูดเลย เมื่อคืนก็ทีนึงแล้วนะ”ฮยอกแจบ่นเพราะฮันคยองซื้อหมูปิ้งให้เลยเวลาที่กำหมน เอาไว้ หมูปื้งจานนั้นเลยวางแหมะอยู่ในครัวไม่มีคนกิน

          “อ่า...อย่าพึ่งงอนนะครับ วันนี้ฮันเลี้ยงข้าวมื้อใหญ่ไถ่โทษนะ”ฮยอกแจหันขวับกับข้อเสนอยั่วยวนกระเพาะ

          “เลี้ยงทุกคน!!!”

          “โอเค..ทุกคนก็ทุกคนครับ”ฮยอกแจยิ้มอย่างผู้มีชัย ฮันคยองได้แต่ยืนคอตก ก่อนจะขอตัวออกไปเตรียมตัวออกไปข้างนอก

          “วันนี้ไปที่ภัตตาคารของที่บ้านด๊องก็ได้นิ่ เอามั้ยครับ”ฮยอกแจหันไปถามทั้งสามคน ดงเฮสะดุ้งน้อยๆ เพราะถ้ากลับไปก็ต้องเจอคิบอมแน่ๆ แล้วเขาเองก็ไม่ได้ไปที่นั่นนานแล้วตั้งแต่ย้ายออกมา ซองมินอึกอักที่จะบอก ฮีชอลเลยต้องบอก

          “ไม่สะดวกมั้งฮยอกแจ ไปที่อื่นเถอะ ไปกินแต่ที่ร้านนั่น ด๊องมันก้เบื่ออยากเปลี่ยนที่เหลือมกันแหละ ที่อื่นเถอะนะ”ฮยอกแจคิดตามที่ฮีชอลพูดก็พยักหน้ารับ

          “นั่นสิ่ ด๊องแกคงเบื่ออาหารที่ร้านใช่มั้ย...งั้นไปที่อื่นก็ได้ อ้อ...ร้านอาหารจีนมั้ยพี่ฮีชอล ฮันพาไปที่นั่นบ่อยๆอร่อยมากเลย”ทุกคนล้วนแต่พยักหน้ารับโดยเร็ว ฮีชอลหันไปยิ้มให้ดงเฮเล็กน้อย

                               พอฮันคยองลงมาก็พากันออกไปเดินเที่ยวห้างซักเล็กน้อย พอได้อะไรติดไม้ติดมือบ้าง แต่เหนื่อยตรงที่ต้องคอยจับเด็กซนทั้งหลายที่เห็นอะไรก็คว้าเสียหมดทุกอย่าง

          “หม่าม๊า อันนี้ของแจวอน แจวอนถือเองค่ะ”สาวลูกครึ่งเอ่ยออกมา ฮยอกแจพยักหน้ารับแล้วส่งให้ แจวอนรับไปด้วยรอยยิ้มดีใจ จับมือฮยอกแจเดินจูงไปทั่วห้าง

          “ด๊อง น้องจะหลับแล้วน่ะ”ฮยอกแจทักดงเฮที่เดินเลือกขนมอยู่ ฮเยจองก็หาวไม่หยุด

           “แปบนึงนะ ฮยอกแจ”ดงเฮร้องบอก รีบหยิบขนมสองสามถุงใส่รถเข็น แล้วอุ้มฮเยจองมาจากฮันคยองที่อุ้มอยู่ อุ้มขึ้นพาดบ่า ลูบหลังเบาๆ ฮันคยองจึงรับหน้าที่เดิมคือเข็นรถตามหลังสาวๆ?และหนึ่งคนแก่?

           “ตอนหลับนี่หน้าตาน่าหยิกจริงๆเลย”ฮยอกแจว่า ทำท่าจะเอามือหยิกจริงๆ แต่ก็นึกขึ้นได้ เดี๋ยวหลานตื่นล่ะแย่เลยคงจะงอแง

 

 

 

                  เดินซื้อของกันจนพอใจแล้วจึงไปจ่ายตังค์ ทุกคนยิ้มปากบานกันถ้วนหน้ายกเว้น...ฮันคยองเจ้ามือ เลี้ยงตลอดศก ก่อนจะพากันไปร้านอาหารจีนที่ฮยอกแจบอกเอาไว้...

 

 

 

 

                                     .........................................

 

 

 

 

                    ชเว ซีวอนเดินคอตกเข้ามาในห้องเพราะเหนื่อยจากการฝึกงานเดือนที่สองหลังจากหายไป หนึ่งเดือนเพราะกลับเกาหลี ร่างบางที่นั่งรออยู่เห็นก็ลุกขึ้นไปช่วยถือแฟ้มงานที่ร่างสูงเอากลับมาอ่าน ไปวางที่โต๊ะทำงานให้ แล้วหาน้ำมาให้ดื่มเสร็จสรรพ

 

          “เหนื่อยมากมั้ย”ร่างสูงพยักหน้ารับ ดื่มน้ำเข้าไปจนหมดแก้ว แล้วเดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟา

          “เด็กๆล่ะ”

          “ซองอึนอาบน้ำ โซอึนหลับอยู่ในห้องน่ะ”ร่างสูงพยักหน้า แต่ก็ต้องเอามือกุมศีรษะเพราะปวดหนึบขึ้นมา ร่างบางเห็นก็ตกใจ

         “ซีวอนเป็นอะไร ปวดหัวเหรอ”ร่างสูงพยักหน้ารับ ร่างบางเลยจับให้นอนราบกับโซฟา แล้วลุกขึ้นไปหายามาให้ แล้วรีบออกมาพร้อมน้ำอีกหนึ่งแก้ว ร่างสูงรับมากินก่อนนอนนิ่งไปซักพัก

          “ไปโรงพยาบาลตรวจสุขภาพหน่อยมั้ย รู้สึกสองสามวันมานี้เหนื่อยง่ายนะ”ร่างบางบอกเพราะเป็นห่วง ยิ่งเห็นว่าปวดหัวแบบนี้ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับที่เคยผ่าตัดรึปล่าว

          “ไม่เป็นไรหรอก สงสัยนอนไม่พอ ช่วงนี้งานเยอะน่ะ”ร่างสูงบอกเพื่อไม่ให้ร่างบางเป็นห่วง ก็หลังจากกลับมาจากเกาหลี ส่งความคิดถึงให้ร่างบางเสียวันนึงเต็มๆ ก็เริ่มไปทำงานเมื่อพักผ่อนเพียงพอแล้ว แต่เหมือนงานมันจะเยอะจนมึนไปหมดเลยทำให้ปวดหัวง่าย วันนี้ชินดงเลยให้กลับบ้านเร็ว

           “ไปนอนในห้องเถอะ ป่ะ”ร่างบางพยุงร่างสูงให้ลุกขึ้นนั่ง แล้วพาเข้าไปนอนในห้อง  ถอดเนกไทด์ออก ปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนออกให้หายใจได้สะดวกขึ้น อุ้มยัยตัวเล็กให้ไปนอนที่เตียงของตัวเอง เพราะกลัวร่างสูงจะนอนกลิ้งทับลูกตาย

           “อยากได้อะไร เรียกนะ”คยูฮยอนบอก เมื่อหาผ้ามาซับหน้าซับตาให้แล้ว ร่างสูงพยักหน้าก่อนจะหลับไปด้วยความเหนื่อยบวกกับฤทธิ์ยาที่กินเข้าไปเมื่อ ครู่ ร่างบางเห็นว่าซีวอนหลับไปแล้วจึงออกไปดูเจ้าตัวแสบที่อาบน้ำนานผิดปกติ

 

           “ซองอึน ทำไมอาบน้ำนานจังเลยลูก”ร่างบางเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปดูเห็นเจ้าตัวเล็กนอนแช่น้ำสบายใจเหมือนผู้ใหญ่ไม่มีผิด

           “คุณแม่ น้ำมันเย็น ชื่นจาย~”บอกพร้อมรอยยิ้มมีความสุข

           “ขึ้นมาได้แล้วลูก แช่น้ำนานๆไม่ดีนะครับ เดี๋ยวไม่สบายแล้วก็เป็นปอดบวมด้วย แม่จะพาไปหาหมอฉีดยาร้อยเข็มเลย”ร่างบางว่าด้วยรอยยิ้ม เจ้าตัวเล็กรีบลุกขึ้นจากอ่างทันทีเพราะกลัวเข็มที่ร่างบางบอก คยูฮยอนถือผ้าเช็ดตัวรออยู่แล้วก็รับเจ้าตัวเล็กที่โถเข้าใส่ เช็ดตัวให้แห้งแล้วพาออกไปใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย

           “เดี๋ยววันอาทิตย์แม่ไปส่งกลับแคนาดานะลูก แล้วแม่จะไปหาบ่อยๆด้วย”ร่างบางบอกเจ้าตัวเล็ก มือก็โปะแป้งให้จนหอมฟุ้งไปทั้งตัว

           “ไปอยู่กับคุณปู่นี่ไปกวนอะไรคุณปู่บ้างรึปล่าวลูก”

           “ซองอึนเป็นเด็กดีคั๊บ”เจ้าตัวเล็กบอก ร่างบางเลยจับหอมแก้มเสียฟอดใหญ่

          “แน่นะ ถ้าแม่ไปหาแล้วแอบเห็นไปกวนคุณปู่ทำงาน แม่จะพากลับเกาหลีแล้วไม่ให้มาอีกนะครับ”เจ้าตัวเล็กพยักหน้ารับ ยื่นนิ้วก้อยเกี่ยวสัญญา ร่างบางเกี่ยวตอบ

          “สัญญาแล้ว ตั้งใจเรียนรู้มั้ยลูก”

          “คั๊บ” ซองอึนรับปาก

 

 

                    เท่านั้นร่างบางก็วางใจ ถึงแม้จะซนไปบ้าง แต่ซองอึนก็ไม่เคยทำให้เขาผิดหวัง ถึงแม้ไม่ได้เป็นเด็กเคร่งครัดเหมือนในละครที่เขาดู...ที่ลูกคนรวยมักจะต้อง เนี๊ยบตั้งแต่เด็ก ผู้ใหญ่ให้ทำอะไรก็ต้องทำ...เขาไม่อยากให้ลูกเป็นแบบนั้น มันกดดันจนเกินไป เหมือนกับเด็กตัวเล็กๆที่ไม่ค่อยจะรู้อะไรต้องมารับภาระอันใหญ่หลวงของ ผู้ใหญ่ ถ้าเขาเลี้ยงซองอึนให้เป็นแบบนั้น ทุกวันนี้เขาคงไม่ได้เห็นเจ้าตัวเล็กที่ซน หัวเราะสดใสแบบนี้แน่ๆ แค่ทุกวันนี้ลูกอยากทำอะไรก็ให้ทำไม่เคยขัด แค่ขอให้ลูกเชื่อฟัง...เขาก็มีความสุขแล้ว

 

 

 

                                                 ……………….

 

 

 

 

                       นั่งรออยู่ข้างนอกจนร่างสูงตื่นก็เกือบห้าโมงเย็น ร่างบางอาบน้ำให้โซอึนเสร็จพอดีออกมาสวนกับซีวอนที่เดินเข้าห้องน้ำ

 

          “โอเคขึ้นแล้วใช่มั้ย”ร่างบางยกมือขึ้นทาบหน้าผากกว้างของร่างสูงเห็นว่าไม่มีไข้จึงเบาใจ

          “อือ...หิวแล้วอ่า”บอกเสียงอ้อน แถมยังฉวยแก้มนวลไปอีก

          “ตื่นมาก็หิวเลยนะ เดี๋ยวก็อ้วนหรอก กินแล้วก็นอน นอนแล้วก็กิน ไปล้างหน้าสิ่ รอแปบนึงนะ เดี๋ยวทำให้”ร่างบางว่าจบก็เดินออกไป อุ้มยัยตัวเล็กที่หน้าบูดเป็นตูดลิงไม่ยิ้มให้ใครออกไปนั่งรอข้างนอกกับซอง อึน

          “ยิ้มหน่อยสิ่ลูก ยิ้ม~”ร่างบางบอกเมื่อวางยัยตัวเล็กลงนั่งแล้ว นั่งยองๆให้ส่วนสูงเท่ากัน มือเล็กกับแก้มโซอึนให้ยิ้มออกมา  ซองอึนที่มองอยู่ก็ทำบ้าง

          “คุณแม่ น้องไม่ยิ้มเลย”เจ้าตัวเล็กบอก พยายามจะทำให้น้องหัวเราะออกมา แต่ก็ร้องไห้ออกมาเสียอย่างนั้น

          “อ๊~...ฮึก....”หน้าเบ้ร้องออกมาเสียงดัง จนร่างบางต้องรวบเข้ามากอดซบอก

          “ไม่ร้องสิ่ลูก เป็นอะไรหือ...งอแงจังเลย”มือเล็กลูบหลังลูบผมบางเบาๆ จนเริ่มนิ่ง ซองอึนได้แต่มองร่างบางตาปริบๆ มือเล็กเกลี่ยแก้มเบาๆเช็ดน้ำตาออกให้หมด

          “ร้องไห้ไม่สวยเลย ป่ะป๊ามาแล้วลูก อยู่กับป่ะป๊าก่อนนะคะ”ร่างบางบอกยัยตัวเล็กที่ทำท่าจะเกาะไหล่เป็นหมีโคอา ร่าตามไปด้วย พอร่างบางลุกขึ้นยืนก็ร้องออกมาอีกจนต้องอุ้มแล้วส่งให้ร่างสูงอุ้มแทน ตาคู่โตมองตามร่างบางเข้าไปในครัว มือป้อมเกาะไหล่กว้างแน่น

          “ร้องไห้ทำไมคะคนสวย หืม”ร่างสูงถามไม่ได้ต้องการเอาคำตอบ นั่งลงที่โซฟาข้างๆซองอึน ร่างสูงดึงเจ้าตัวเล็กมานั่งติดๆกัน โอบไหล่เอาไว้ ก่อนจะหยิบรีโมทขึ้นมาเปิดโทรทัศน์ดู

 

 

 

                   ร่างบางเดินออกมาบอกเมื่อจัดโต๊ะอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว อุ้มยัยตัวเล็กมาจากร่างสูงพาเข้าไปกินข้าว

 

         “ปาป๊า วันอาทิตย์ไปส่งซองอึนนะ”เจ้าตัวเล็กบอกร่างสูงที่จับมืออยู่ ซีวอนหันมามองแล้วเลิกคิ้วขึ้น

         “ไปส่ง?...ไปไหนลูก”ร่างสูงถามเพราะไม่รู้ เจ้าตัวเล็กยู่หน้าไปให้ด้วยความงอน ดึงมืออกแล้วเดินไปนั่งข้างๆร่างบาง

          “กลับแคนาดาสิ่ เปิดเทอมแล้ว”ร่างบางบอกเอง ซีวอนก็ถึงบางอ้อ เลยต้องหันไปง้อเจ้าตัวเล็กที่งอนหน้าบู้ไม่สนใจเขาอยู่

          “ซองอึนอ่า...ป่ะป๊าขอโทษ ป่ะป๊าไม่รู้จริงๆ ป่ะป๊าพึ่งกลับมาจากเกาหลีน้า ทำงานหนักด้วย ป่ะป๊าลืมจริงๆนะสุดหล่อ ยกโทษให้ป่ะป๊าที่หล่อน้อยกว่าซองอึนหน่อยน้า”ร่างสูงง้อ ซองอึนนั่งกอดอกนิ่งพยักหน้ารับอย่างมีฟอร์ม ร่างบางเห็นก็แอบขำเบาๆ พ่อลูกงอนกันทีไร เหมือนกันเด๊ะ เพราะพอซีวอนงอนบ้าง เจ้าตัวเล็กง้อก็จะวางฟอร์มแบบนี้ เลียนแบบมาได้เหมือนจริงๆ

          “งอนกันอยู่นั่นแหละ ซองอึนทานข้าวได้แล้วลูก”ร่างบางว่า...แล้วหันไปป้อนข้าวยัยตัวเล็กแทน ไม่สนใจสองหนุ่ม ซองอึนหันกลับมากินข้าวของตัวเองเช่นกัน

 

 

 

                  กินข้าวเสร็จ ใช้เวลาอยู่ด้วยกันสองชั่วโมงเด็กๆก็หลับกันหมด เหลือแค่สองคนสามีภรรยานั่งดูหนังกันอยู่

 

         “อุ้มซองอึนไปนอนในห้องให้หน่อยสิ่”ร่างบางบอกเพราะยัยตัวเล็กนอนอยู่บนตัก ลุกไม่ได้ ร่างสูงพยักหน้ารับ อุ้มเจ้าตัวแสบที่นอนยาวอยู่โซฟาอีกตัวเข้าห้องไป  ร่างบางโยกตัวน้อยๆ กล่อมให้โซอึนนอนหลับสบาย มือเล็กดึงขวดนมออกจากปากเรียวเล็กน่าจุ๊บวางบนโต๊ะ จะไม่ให้กินนมแบบนี้ก็ไม่ได้ ร้องไห้งอแงไม่ยอมจนเขาเองต้องยอม เพราะกลัวจะร้องไห้จนไม่สบายเหมือนคราวที่แล้ว

         “คยู ไปนอนกันเถอะป่ะ พรุ่งนี้มีเรียนรึปล่าว”

         “มีช่วงบ่าย”ร่างบางบอก แล้วอุ้มยัยตัวเล็กขึ้นพาดบ่า ลุกขึ้นเดินเข้าห้องตามร่างสูง “อ้อ...พรุ่งนี้เช้านายต้องไปหาหมอกันฉัน”ร่างบางนึกขึ้นได้พูดขึ้นก่อนที่ ร่างสูงจะนอน ซีวอนเด้งตัวขึ้นมาหลังจากเอนหลังลงไปได้เล็กน้อย

         “หาทำไม ฉันไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย”

         “ไม่เป็นอะไรก็ต้องไป ถ้าเกิดเป็นขึ้นมาล่ะ ฉันไม่ได้แช่งนะ แต่บางทีกันไว้ก่อนดีกว่าต้องมานั่งแก้ไม่ใช่เหรอ หรือต้องรอให้เป็นหนักแล้วไปนอนโรงพยาบาลเป็นเดือนๆเหมือนที่ผ่านมา”ร่างบาง ว่าเมื่อร่างสูงทำท่าจะค้านหัวชนฝา ดื้อจริงดื้อจัง

          “อันนั้นฉันไม่ได้ป่วย แต่มันเป็นอุบัติเหตุ”

         “ก็เพราะแบบนี้ไง เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเหมือนที่นายไม่รู้ว่านายจะรถคว่ำไง ถ้าเกิดคราวนี้นายเป็นอะไรขึ้นมาอีก ฉันจะอยู่ยังไงล่ะ นายอยากเห็นฉันต้องทรมานเหมือนที่ผ่านมารึไง“ร่างบางร่ายยาวแทบจะไม่หยุด หายใจ ร่างสูงกม้หน้าลงหงอยๆ

          “คยูฮยอนอ่า...ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆนะ เรื่องแค่นี้เอง”พูดเสียงเบา รู้ว่าร่างบางเป็นห่วง แต่เรื่องแค่นี้ มันไม่จำเป็นขนาดนั้น ...

          “ก็เพราะเรื่องแค่นี้ไง ต้องปล่อยให้มันใหญ่โตก่อนเหรอ ไปหาหมอ หมอไม่ได้จะงับหัวซะหน่อย”คยูฮยอนว่า มองร่างสูงอย่างไม่พอใจนิดๆ ที่ไม่รู้จักห่วงตัวเอง

          “ฉันไม่ไปหรอก”พูดยังไงก็ยังไม่ยอมไป แถมยังล้มตัวนอนหันหลังให้อีก ร่างบางถอนหายใจออกมาเบาๆ ยืนเท้าเอวมองคนที่นอนไม่สนใจ

          “ก็ได้ไม่ไปก็ไม่ต้องไป”ร่างบางว่าจบก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้า ร่างสูงยิ้มออกมาทันที แต่พอได้ยินเสียงกุกกักๆก็หันกลับมามอง

          “ทำอะไรน่ะ”

         “ก็นายไม่ไป ฉันก็จะไปเอง ถ้าไม่รู้จักห่วงตัวเองบ้างก็อยู่คนเดียวไปเลย”ร่างบางว่าสีหน้าเริ่มไม่พอ ใจเอามากๆแล้ว ที่ร่างสูงไม่เห็นความห่วงใยของเขาบ้างถึงยังดื้อไม่ยอมให้หมอตรวจอยู่แบบ นี้ มือเล็กเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าเตรียมออกจากคอนโด ร่างสูงรีบลุกขึ้นจากเตียง คว้ามือเล็กให้หยุด

          “พอแล้ว...ไปก็ได้ พรุ่งนี้ใช่มั้ย กี่โมง”ร่างสูงว่า...คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อย พรางหยิบเสื้อผ้าในกระเป๋าเก็บที่เดิม ร่างบางแอบยิ้มขณะที่ร่างสูงกำลังหันหลังให้ ยกกำปั้นขึ้นร้องเยสเบาๆ ก็แค่หลอก เชื่อสนิทเลยแหะ

          “แปดโมงเช้า ห้ามตื่นสาย ไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวเก็บเอง”ร่างบางบอก ดันแผ่นหลังกว้างให้กลับไปที่เตียง แล้วหันกลับมาเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้เหมือนเดิม ก่อนจะกลับไปล้มตัวลงนอนข้างๆคนที่งอนอยู่ นอนหันหลังให้แบบนี้ เขาคงต้องง้ออีกแล้วสิ่นะ

 

                  แขนเรียวยกขึ้นโอบเอวร่างสูง ซบหน้ากับแผ่นหลังกว้าง มือใหญ่จับแขนเรียวออกขยับหนี ร่างบางยิ้มนิดๆ สงสัยจะงอนของจริง แต่ก็ช่วยไม่ได้ พูดอะไรไม่เคยจะฟังบ้างเลย ไม่เคยห่วงตัวเอง ร่างบางยกแขนขึ้นโอบเอวอีกครั้ง คราวนี้รัดแน่นกว่าเดิม แต่ก็โดนเอาออกอีกครั้ง จึงทำอยู่อย่างนั้นจนร่างสูงเริ่มรำคาญหยุดไปเอง ....

 

 

 

                                               ..........

 

 

 

                   รุ่งเช้าร่างสูงก็ตื่นสายประท้วง แถมยังงอนไม่เลิกที่โดนบังคับ ร่างบางเลยใช้วิธีเดิม เก็บเสื้อผ้าเตรียมย้ายถิ่นฐานทั้งของตัวเองและลูก คราวนี้ซีวอนเลยไม่กล้าหือ รีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย พร้อมออกไปทำงานด้วยในช่วงบ่าย

 

 

                   ออกจากคอนโดก็ตรงไปโรงพยาบาลทันที เข้าห้องตรวจซักพัก ผลออกมาไม่เป็นอะไรแค่พักผ่อนไม่เพียงพอเท่านั้นร่างบางก็สบายใจขึ้นเยอะ

 

         “พอใจรึยัง เห็นมั้ยบอกแล้วว่าไม่เป็นอะไร”ร่างสูงบ่นออกมา คยูฮยอนที่กำลังยิ้มอยู่ก็มองร่างสูงด้วยความไม่พอใจที่เริ่มก่อตัวขึ้นอีก ครั้ง

         “ที่ฉันทำแบบนี้เพราะฉันเป็นห่วงนาย แต่ถ้านายไม่เคยเห็นความหวังดีของฉัน คราวหน้านายจะเป็นยังไง จะเป็นอะไรก็เชิญ ฉันจะไม่สนใจอีก ฉันจะพาเด็กๆไปฝากคุณอานาริ นายก็ไปทำงานของนายก็แล้วกัน ไม่ต้องไปส่ง ฉันไปเองได้”ร่างบางบอกด้วยน้ำเสียงที่เริ่มโกรธ ก่อนจะจับมือเจ้าตัวเล็กที่ยืนมองอยู่ด้วยความไม่เข้าใจและอุ้มโซอึนออกไป เรียกแท็กซี่ที่หน้าโรงพยาบาล

 

 

                   ทั้งๆที่เขาเป็นห่วงแทบจะกินไม่ได้ นอนไม่หลับตอนที่ซีวอนเริ่มปวดหัว หรืออาการที่ออกมาให้เห็นอยู่ตลอด แต่เจ้าตัวกลับไม่เคยสนใจเลยว่าเขาจะรู้สึกยังไง

 

                    ร่างสูงยืนเคว้งอยู่อย่างนั้น ก่อนจะหลับตาลงถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกผิด เมื่อจัดการจ่ายค่าตรวจอะไรเรียบร้อยแล้วก็ตรงไปที่โรงแรมทันที เพราะคยูฮยอนขึ้นรถแท็กซี่ไปแล้ว มาถึงโรงแรมก็พยายามจะโทรหาร่างบางแต่ก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์ ก็เลยต้องใช้วิธีส่งข้อความไปแทน

 

 

 

 

 

 

 

 

                    คยูฮยอนที่นั่งอยู่ที่บ้านของชินดงเพื่อรอเวลาไปเรียนในตอนบ่าย นั่งมองมือถือที่ส่งเสียงมาซักพักแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับแต่อย่างใด ชินดงที่ยังไม่ได้ออกไปทำงานยืนมองอยู่ก็สงสัย

 

         “คยูฮยอน ทำไมไม่รับโทรศัพท์ล่ะลูก”ร่างบางหันไปตามเสียง ก่อนจะต้องเช็ดน้ำตาที่คลออยู่น้อยๆออก ชินดงยิ้นอ่อนๆส่งให้ มือใหญ่ยกขึ้นวางบนศีรษะร่างบาง

         “มีอะไรทำไมไม่คุยกันล่ะลูก หืม”

         “ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่ห่วงเค้ามากเกินไป เค้าคงรำคาญถึงได้ปฏิเสธตลอดเวลา”ร่างบางบอก ก่อนมือถือจะสั่นอีกรอบ แต่เป็นข้อความที่ส่งมาแทนการโทร ร่างบางมองอยู่อย่างนั้นไม่ได้หยิบขึ้นมาเปิดดู

         “ซีวอนคงไม่ได้รำคาญหรอกลูก เขาคงมีเหตุผล”

          “ผมแค่อยากให้เค้าไปตรวจร่างกาย แต่เค้าไม่เคยเห็นความหวังดีของผมเลย เค้าไม่รู้เลยว่าผมห่วงเค้าแค่ไหน ที่เห็นเค้าปวดหัว แล้วก็หัวใจเต้นแรง บางทีก็หายใจไม่ทันเพราะเหนื่อยพักผ่อนไม่พอ ผมขอแค่ให้ไปตรวจให้ผมมั่นใจว่าเค้ายังแข็งแรงดี เค้ายังปฏิเสธ”ร่างบางพูดด้วยความน้อยใจ

         “ไม่ต้องคิดมากนะคยูฮยอน คนแบบนี้ถ้าเขาไม่เป็นอะไรหนักขึ้นมา เขาจะไม่ยอมไปหาหมอง่ายๆหรอกลูก อารู้ว่าซีวอนน่ะ ออกจะดื้อ ถึงเขาจะทำงานเก่ง เป็นคนขยัน นิสัยดี แต่นิสัยเล็กๆน้อยๆแบบนี้มันห้ามกันไม่ได้หรอกลูก มันก็ต้องมีบ้าง”ร่างบางพยักหน้ารับ มองมือถือที่รับข้อความมาเรื่อยๆเพราะเขาไม่ตอบกลับอีกฝ่ายไป

          “อาไปทำงานก่อนนะลูก มีอะไรก็คุยกันดีๆนะ”

         “ครับ เดินทางดีๆนะครับคุณอา”ร่างบางบอก ชินดงยิ้มรับแล้วเดินออกไปเมื่อแทคยอนออกมาจากห้องแล้ว

         “พี่ไม่เรียนเหรอวันนี้”ร่างบางหันไปตามเสียง

         “เรียนสิ่ แต่ยังไม่ถึงเวลา”แทคยอนพยักหน้ารับแล้วเดินตามหลังชินดงออกไป ร่างบางหนักลับมามองมือถืออีกครั้ง หยิบมันขึ้นมาเปิดดูข้อความ

 

 

                              “คยูฮยอนอ่า...ฉันขอโทษ”

 

 

                    เป็นข้อความแรกที่ถูกเปิดอ่าน ร่างบางยิ้มออกมาน้อยๆ แล้วเลื่อนดูข้อความถัดไป

 

 

                     “ขอโทษจริงๆนะ ฉันรู้แล้วว่านายเป็นห่วง ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น”มือเล็กเลื่อนดูเรื่อยๆ

 

 

                    “ฉันแค่ไม่อยากให้นายเป็นห่วงจนเกินไป มันเหมือนฉันเป็นคนไข้ป่วยหนัก ฉันอยากให้นายเห็นฉันเป็นคนแข็งแรง”

 

 

                         “ขอโทษนะ...ที่รัก ”

 

 

 

                    ข้อความสุดท้ายที่ร่างบางได้อ่านทำเอายิ้มแก้มปริ ฟันคมกัดริมปากล่างเบาๆ มือเล็กพิมพ์ข้อความตอบกลับบ้าง

 

                     “ถ้าไม่อยากให้ห่วง คราวหน้าก็ฟังกันบ้างสิ่ ตรวจร่างกายไปได้จะให้ตัด....ออกซะหน่อย แค่นี้นะ...แล้วเจอกันที่คอนโดเย็นนี้......................................ที่รัก ร่างบางเว้นระยะจนยาวพิมพ์คำสุดท้ายตามร่างสูงแล้วกดส่งกลับไป ริมฝีปากบางเผยยิ้มออกมาอย่างน่ารัก

 

 

 

 

                                           .........................................

 

 

 

 

 

                     คังอินจับเจ้าลูกหมีแต่งตัวตั้งแต่เช้าเพื่อไปโรงเรียนที่เปิดมาได้สองวัน แล้ว โดยมีอีทึกลงไปทำมื้อเช้าให้ด้วยความตื่นเต้นที่ยังไม่หายไปเพราะลูกได้เข้า โรงเรียนแล้ว

 

        “เสร็จแล้วลูก ลงไปให้คุณแม่ดูซิว่าหล่อรึยังเอ่ย”คังอินบอกแล้วจับมือป้อมจูงลงไปชั้นล่าง ไปรอที่ห้องอาหารก็เห็นอีทึกรออยู่แล้ว

        “ว้าว หล่ออีกแล้ว ชื่ออะไรครับสุดหล่อ”อีทึกเดินมาหาพร้อมกับหอมแก้มไปฟอดใหญ่

        “ชื่อยองซูคั๊บ”เจ้าลูกหมีพูดแล้วหัวเราะคิกคักออกมา ให้อีทึกอุ้มขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ตัวสูงเพื่อกินข้าวเช้า

         “ทานข้าวดีกว่าลูก จะได้ไปโรงเรียนไปเล่นกับเพื่อนๆ โอเคมั้ยครับ”

        “คั๊บคุณแม่”ยองซูบอกเสียงสดใส อีทึกหันไปยิ้มหวานให้คังอินที่มองอยู่ ก่อนจะป้อนข้าวให้เพราะจะให้กินเองก็กลัวจะเลอะเสียก่อนได้ไปโรงเรียน

 

 

                   กินข้าวเสร็จอีทึกกับคังอินก็รีบไปส่งที่โรงเรียนเพราะเดี๋ยวจะสายเสียก่อน มาถึงโรงเรียนกว่าจะปล่อยลูกเข้าห้องไปได้ก็หอมแก้มเสียหลายฟอด จนคังอินต้องให้พอเพราะยองซูอยู่โรงเรียนแค่ครึ่งวันทำเหมือนลูกจะอยู่เสียครึ่งเดือน

 

        “ยองซู เข้าห้องเรียนได้แล้วลูก ตอนเที่ยงคุณพ่อจะมารับนะครับ”คังอินย่อตัวลงนั่งให้ความสูงเท่ากัน มือหนาจับไหล่เล็ก บอกเสียงนุ่ม ยองซูพยักหน้ารับพร้อมรับคำ

        “คั๊บ”

        “ผมฝากยองซูด้วยนะครับคุณครู”คังอินบอกคุณครูคนสวยของนักเรียน เมื่อคุณครูพายองซูเข้าห้องเรียนไปแล้ว จึงพากันกลับไปที่บริษัทเพื่อเริ่มงานในเช้านี้เสียที

 

 

 

                   คังอินส่งอีทึกที่หน้าบริษัทก่อนจะเลี้ยวรถออกไปทำงานของตัวเองเช่นกัน อีทึกเดินเข้ามาแจกรอยยิ้มในพนักงานด้วยความเป็นกันเอง รอยยิ้มสวยๆทำเอาหนุ่มๆในที่ทำงานเพ้อมองตามจนเหลียวหลัง

 

       “คุณอีทึกครับ เก้าโมงเช้ามีประชุมที่ห้องประชุมใหญ่ด่วนครับ”เยซองเดินเข้ามาบอกในห้องทำงาน อีทึกมองนาฬิกาแล้วพยักหน้ารับ

        “ขอบใจจ้ะ ที่จริงเยซองไม่ต้องมาเองก็ได้ ฝากคุณยองอาบอกฉันก็ได้”อีทึกบอกด้วยความเกรงใจ เพราะเยซองเป็นลูกน้องของน้องชาย ไม่ใช่ของเขาที่จะต้องคอยตามงานให้

        “ไม่ได้ครับ คุณซีวอนไม่อยู่ ผมก็ยังต้องทำหน้าที่เหมือนเดิม จนกว่าคุณซีวอนจะกลับ อีกหนึ่งชั่วโมงเจอกันที่ห้องประชุมนะครับ ผมให้คุณยองอาเตรียมเอกสารเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ”เยซองบอกจบก้มศีรษะ น้อยๆ ก็เดินออกไป อีทึกอมลมแก้มป่องเหลือกตามองเพดาน แล้วก็พรูลมหายใจออกมา

        “เฮ้อ...น้องฉันไปทำอะไรเยซอง ถึงนิสัยดีขนาดนี้ มีซัมติงกันรึปล่าวเนี่ย เฮ้ย...บ้าแล้วเราคิดไปได้”อีทึกพูดกับตัวเองคนเดียว ตบหน้าผากกับความคิดติงต๊องของตัวเอง

        “คุณอีทึกคะรับกาแฟช่วงเช้ามั้ยคะ”ยองอาเคาะประตูสองสามครั้งแล้วเปิดเข้ามาถามคนที่นั่งเล่นอยู่ที่โต๊ะทำงาน

         “ไม่ดีกว่าครับ ขอน้ำส้มหรือน้ำอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่กาแฟครับ”ยองอารับคำแล้วปิดประตู อีทึกนั่งไขว่ห้างเคาะโต๊ะเล่นไปพรางๆ อีกมือก็หยิบแฟ้มงานขึ้นมาดู

 

 

                  ยองอาเดินเข้ามาพร้อมน้ำส้มสีสวยหนึ่งแก้ว วางลงบนโต๊ะทำงานให้อีทึกพร้อมรอยยิ้ม

 

        “ขอบคุณครับ”อีทึกบอก ยองอาก้มศีรษะน้อยๆก่อนหันหลังออกไป มือเรียวหยิบแก้วน้ำส้มขึ้นมาดู แล้วดื่มไปครึ่งแก้ว

        “อ่า...คุณยองอานี่ฝีมือดีชะมัด”มือเรียววางแก้มลง ปิดแฟ้มงานให้เรียบร้อย เตรียมตัวออกไปประชุม

 

 

 

                                                       .............

 

 

 

 

                   อีทึกนั่งอยู่ในห้องประชุมมาเกือบสองชั่วโมงแล้วกับการฟังแผนกลยุทธ์ทางการ ตลาดของบริษัทที่ฝ่ายการตลาดนำมาเสนอ ซึ่งผู้บริหารส่วนใหญ่เห็นด้วยกับแผนนั้น ที่ผลตอบรับน่าจะเป็นที่น่าพอใจของหลายๆฝ่าย

 

        “แผนการตลาดนี้ จะเริ่มใช้ในต้นเดือนหน้าครับ มีใครอยากให้เพิ่มเติมหรือเปลี่ยนส่วนไหนบ้างมั้ยครับ”หัวหน้าฝ่ายถามขึ้น เพื่อที่จะได้นำไปแก้ไข

        “ผมว่างานนี้โอเคแล้วไม่น่ามีจุดบกพร่องในส่วนไหน ถ้ามีก็น้อยมากที่คู่แข่งจะจับได้”คณะกรรมการต่างเห็นด้วยกับคนพูด อีทึกปรบมือให้กับหัวหน้างานคนเก่งที่ทำงานให้บริษัทตลอดห้าปีที่ผ่านมาไม่ เคยขาดตกบกพร่อง ทุกคนในที่นั้นต่างก็ชื่นชม

        “เอาเป็นว่า ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็ดำเนินงานต่อได้เลยครับ”อีทึกบอกก่อนจะปิดประชุมหลังจาก นั่งฟังมาสองชั่วโมง ทุกคนลุกขึ้นก่อนจะพูดคุยกันเล็กน้อยแล้วแยกย้ายกันไป

         “ตอนนี้คุณซีวอนไปทำงานที่สาขาไหนแล้วล่ะครับ”ผู้บริหารคนหนึ่งถามอีทึกเพราะไม่รู้ว่าซีวอนไปทำงานที่สาขาไหน

        “ไปทำที่อเมริกาน่ะครับ เป็นโรงแรมอยู่ที่บอสตัน”

         “คนเก่งๆแบบนี้หายากนะครับสมัยนี้ คุณซีวอนเขาเก่งจริงๆ ตลอดเวลาที่ทำงานที่นี่ไม่เคยมีขาดตกบกพร่องเลย”เขาชมร่างสูงให้อีทึกฟัง อีทึกยิ้มแก้มปริดีใจที่น้องชายทำงานเก่งจนมีคนชมให้ฟังแบบนี้ ช่างน่าภูมิใจ แต่ทำไมทีเรื่องครอบครับมันไม่เก่งให้ได้แบบนี้บ้างก็ไม่รู้ เก่งแต่เรื่องที่ทำให้เมียเหนื่อย เมียร้องไห้ เฮ้อ...

         “ขอบคุณแทนซีวอนด้วยนะครับ”ร่างเล็กขอบคุณสำหรับคำชมแทนน้องชาย ยืนคุยกันต่ออีกซักพักก็แยกย้ายกันไปทำงานต่อ

 

 

                  ร่างเล็กยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา ก่อนจะล้วงมือถือโทรหาคังอินที่อยู่อีกบริษัท

 

         “คังอิน อีกครึ่งชั่วโมงรับยองซูด้วย ว่างมั้ย?”

         ‘พี่ครับ พี่ไปรับยองซูด้วยนะครับ ตอนนี้ผมอยู่ข้างนอกกับลูกค้าคงกลับไปไม่ทัน’เสียงปลายสายตอบกลับมา อีทึกยู่หน้าเล็กน้อย

         “โอเค ก็ได้ ตั้งใจทำงานนะ บ๊ายบาย”บอกจบก็วางสาย แล้วลงไปที่ร้านดอกไม้หน้าบริษัท มาถึงก็เห็นว่าเรียวอุคกำลังจะไปรับอึนจองจึงพอดี

         “เรียวอุค ไปด้วยกันสิ่ จะได้ไม่เปลืองน้ำมัน”อีทึกเรียกเรียวอุคที่กำลังขึ้นรถ เรียวอุคหันมามองก่อนจะยิ้มหวาน

         “คุณอีทึกไปด้วยกันสิ่ครับ จะได้ไม่ต้องเอารถบริษัทไป ผมขับเอง”อีทึกยิ้มแฉ่งรีบเดินไปขึ้นรถเรียวอุคทันที ยังดีที่รถของเรียวอุคเป็นรถครอบครัวนั่งได้สบายๆ อีทึกจึงเอนหลังนิดหน่อย

         “อ่า...เมื่อยจังเลย นี่เรียวอุค พี่มีอะไรจะให้นายด้วย”เรียวอุคเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ ส่งยิ้มให้

         “อะไรเหรอครับ”

         “เรียกพี่เหมือนที่ซีวอนเรียกได้มั้ยเล่า บอกหลายรอบแล้วนะ”เพราะอีทึกเห็นเรียวอุคเหมือนน้องคนหนึ่งในครอบครัวเดียว กัน พอเรียวอุคเรียกคุณทีไรมันก็อดน้อยใจไม่ได้

         “แต่ว่า...”

         “ไม่มีแต่นะ ตอนนี้พี่ไม่มีน้องอยู่ใกล้ๆ ไม่มีคนเรียกตัวเองว่าพี่มันก็เหงาเหมือนกันนะ”อีทึกบอกอย่างน้อยใจ เพราะตอนซีวอนอยู่มันก็เรียกพี่อย่างนั้นพี่อย่างนี้ พอน้องไม่อยู่ก็เลยเหงาไม่มีคนมาอ้อน

         “ก็ได้ครับพี่ทึก”เท่านั้นอีทึกก็ยิ้มปากแทบจะฉีกถึงรูหู แต่คนเรียกกลับทำหน้าแหยๆด้วยความเกรงใจ อีทึกตบบ่าเบาๆ

         “เดี๋ยวถึงโรงเรียนแล้วให้ ตอนนี้ขับรถอยู่อันตราย”อีทึกบอก เรียวอุครับคำ ตั้งใจขับรถจนถึงโรงเรียน อีทึกก็รีบเปิดประตูออกไป จนเรียวอุคอดยิ้มไม่ได้เพราะเหมือนอีทึกจะติดน้องยองซูเสียเหลือเกิน

 

 

         “น้องยองซู น้องอึนจองคุณแม่มารับแล้วค่ะ”คุณครูสาวเรียกเด็กทั้งสองที่นั่งมองหน้ากัน อยู่ แต่เหมือนอึนจองจะหันหน้าหลบด้วยความอาย ยองซูได้ยินเสียงคุณครูเรียกก็หันขวับไปมอง เห็นอีทึกรออยู่หน้าห้องก็ดึงอึนจองขึ้น แต่เจ้าตัวยื้อเอาไว้

         “นูน่า คุณแม่มารับแล้ว”

          “คุณแม่ของยองซูไม่ใช่ของอึนจองนะ”ยัยหนูบอกเสียงเบา นั่งอยู่อย่างนั้นจนคุณครูต้องเดินมาอุ้มถึงที่

         “น้องอึนจองคะ คุณแม่มารับแล้วค่ะ”อึนจองมองมือคุณครูไปที่หน้าห้อง พอเห็นเรียวอุคก็ยิ้มแล้วรีบวิ่งออกไปทันที ยองซูยืนนิ่งอยู่กับที่ งง จนคุณครูต้องสะกิดให้เดินออกไป

         “แม่จ๋า น้องอึนจองอยากกลับบ้าน น้องอึนจองคิดถึงโมจิกับการ์ฟิลด์”เดินเข้าหาเรียวอุคแล้วกอดแน่น เหมือนจะร้องไห้

         “กลับบ้านค่ะกลับบ้าน แต่ว่าโมจิกับการ์ฟิลด์อยู่ที่ร้านดอกไม้แม่คยูน่ะลูก”

         “ไปร้านดอกไม้แม่คยู”ยัยหนูบอกเรียวอุคอุ้มขึ้นพาดบ่า

         “คุณแม่ ยองซูจะไปร้านดอกไม้น้าคยู”ยองซูเดินมาดึงขากางเกงอีทึกจนต้องอุ้มด้วยอีกคน ตาโตๆเหมือนแม่ของยองซูมองอึนจองที่หน้ายู่อยู่ตรงข้าม

         “ไปด้วยกันหมดนี่แหละลูกป่ะ”อีทึกบอกก่อนจะดึงเรียวอุคให้เดินมาพร้อมกัน อึนจองซบหน้ากับไหล่เล็กจับเสื้อไว้มั่นเบนสายตามองไปทางอื่น

 

 

 

 

                   เรียวอุคขับรถพาทั้งสามคนมาส่งที่ร้านดอกไม้ แล้วไปหาที่จอดรถหลังร้านก่อนจะกลับเข้ามาในร้านก็เห็นยองซูมองอึนจองตาไม่ กระพริบก็แปลกใจ

 

         “น้องยองซูโกรธอะไรอึนจองหรือปล่าวครับพี่ทึก”เรียวอุคถามอีทึกที่นั่งมองอยู่ห่างๆ อีทึกส่ายหน้ายิ้มๆ

         “ไม่ได้โกรธหรอก เรื่องนี้แหละที่จะพูด”เรียวอุคทำหน้าสงสัย ไม่เข้าใจเรื่องที่อีทึกกำลังจะพูด มือเรียวดึงร่างเล็กให้นั่งลงข้างๆ

          “คือว่าอย่างนี้นะเรียวอุค”อีทึกจับมือเรียวอุคขึ้นมาแล้ววางบางสิ่งบางอย่างลงบนฝ่ามือจน เรียวอุคขมวดคิ้วเล็กน้อย

          “แหวน? ทำไมเหรอครับ”

         “แหวนนี่ เป็นแหวนหมั้นที่คังอินสวมให้พี่ในวันเข้าพิธี”เรียวอุคได้ยินแบบนั้นก็รีบ ยัดใส่มือคืนอีทึกไป แล้วส่ายหน้า อีทึกก็ยิ้อมืออกมาอีกครั้ง ยกยิ้มให้

         “พี่อยากให้นายเก็บเอาไว้ ถ้าอึนจองอายุครบยี่สิบปีก็เอาแหวนวงนี้ให้อึนจอง เมื่อถึงเวลานั้นถ้าอึนจองไม่ต้องการค่อยเอามาคืนให้พี่ อย่าปฏิเสธพี่เลยนะ”อีทึกกุมมือเล็กให้กำแหวนเอาไว้ เรียวอุคมองอีทึก

         “แต่ว่า..แหวนวงนี้เป็นแหวนหมั้นของพี่นะครับ” เรียวอุคมีสีหน้าที่อีทึกเองก็เข้าใจรู้สึกยังไง อีทึกยิ้มรับ

         “แหวนหมั้นของพี่วงนี้ พี่กับคังอินตัดสินใจมากซักพักแล้วว่าจะทำยังไงกับมัน และนี่ก็คือคำตอบ รับเอาไว้เถอะนะ ถ้าเด็กสองคนนี้โตขึ้น เขาไม่รักกัน หรือเขาไม่ได้เกิดมาเพื่อกันและกัน วันนั้นเรียวค่อยเอามันมาคืนให้พี่”อีทึกกำมือเรียวอุคเอาไว้ไม่ยอมปล่อย จนเมื่อเรียวอุคพยักหน้ารับจึงคลายมือลง

          “แต่..ผมต้องบอกพี่เยซองก่อนนะครับ”

          “ไม่ต้อง เดี๋ยวพี่คุยเอง คุณมิยองครับ โทร.เรียกเยซองให้ผมด้วย อีกครึ่งชั่วโมงไปพบผมที่ห้องทำงาน”อีทึกสั่งมิยองที่กำลังส่งลูกค้าที่หน้า ร้าน มิยองรับคำแล้วรีบติดต่อเยซองทันที อีทึกยิ้ม ไม่ให้เรียวอุคปฏิเสธอีก เรียวอุคได้แต่ยิ้มเก้อไม่รู้จะทำยังไง

 

 

 

 

 

                    อีทึกกลับเข้ามาที่ห้องทำงานก็เจอเยซองนั่งรออยู่แล้ว เยซองเห็นอึทีกก็ลุกขึ้นก้มศีรษะให้เล็กน้อย

 

         “คุณอีทึกมี...”ยังไม่ทันพูดจบ อีทึก็แทรกขึ้น

         “นั่งลงเถอะ ฉันมีเรื่องสำคัญมากที่สุดจะบอกนาย”เยซองนั่งลงตรงข้าม รอฟังว่าอีทึกจะพูดอะไร

         “สัญญาก่อนว่าจะไม่ปฏิเสธ”

         “ไม่ได้ครับ เพราะผมไม่ทราบว่าเรื่องอะไร”เยซองปฏิเสธตั้งแต่อีทึกพูดประโยคแรกจนคนพูด หน้ายู่ นิสัยแบบนี้ก็อบน้องชายมารึปล่าวก็ไม่รู้

        “ก็ได้...แต่ว่าเรียวอุครับปากฉันไปแล้ว นายคงปฏิเสธยากหน่อยนะเยซอง”อีทึกว่ากลั้วหัวเราะ เยซองถึงกับหน้าถอดสี เวรกรรมแท้ๆ

        “ครับ”

        “คืองี้ ฉันยกแหวนหมั้นของฉันให้เรียวอุคไปแล้ว”เยซองทำท่าจะขัดก็โดนดักเอาไว้ “ฉันแค่ต้องการให้อึนจองกับยองซูหมั้นกันเอาไว้ก่อน”

        “แต่ผมบังคับอึนจองไม่ได้นะครับ แล้วตอนนี้อึนจองก็อายุแค่สามขวบ”

        “ยองซูก็สามขวบนะเยซอง ฉันไม่ได้ให้นายบังคับอึนจอง เพียงแต่...ถ้าอึนจองอายุครบยี่สิบเมื่อไร ฉันก็ให้เรียวอุคเอาแหวนวงนั้นให้อึนจอง แต่ถ้าอึนจองปฏิเสธ หรือ...เด็กทั้งสองคนไม่ได้รักกัน ฉันก็ไม่ได้บังคับเช่นกัน ถึงเวลานั้นค่อยเอาแหวนมาคืนฉัน” เยซองถอนหายใจออกมาพูดอะไรออกไปอีทึกก็คงไม่ฟังอยู่ดี เพราะอย่างน้อยข้อเสนอที่อีทึกให้มันก็มีทางออก

        “อ้อ...เหลืออีกอย่างนึง นายต้องไปพูดกับซีวอนให้ฉันด้วย เพราะไอ้น้องชายฉันเนี่ยมันหวงอึนจองมากกว่าลูกสาวมันอีก”อีทึกว่า นึกแล้วก็เกิดอาการเซงขึ้นมา เยซองยิ้มออกมาทันที...นั่นสิ่ ยังเหลือซีวอนอีกคน...

       “คุณอีทึกพูดเองเถอะครับ ผมคงช่วยไม่ได้ ขอตัวนะครับ”เยซองลุกขึ้นจากเก้ากี้ เดินออกไปอย่างผู้ชนะ ยิ้มมีความสุขให้อีทึก จนคนมองได้แต่กัดริมฝีปากตัวเอง เมื่อดันไปบอกช่องโหว่ให้เยซองปฏิเสธเสียได้

       

       “เยซอง...ก็ได้ๆ ฉันพูดเองก็ได้ แล้วคอยดูนะ หัวเราะทีหลังดังกว่า”เยซองยิ้มส่งให้อีทึกที่ยืนหน้ายุ่งอยู่ แล้วเปิดประตูออกไป เยซองส่ายหน้าน้อยๆ เพราะเขาเองก็หวงลูกสาวเหมือนกัน ใครอยากจะให้ลูกมีบ่วงผูกตั้งแต่เล็กกัน อีกอย่าง...เขากับอีทึกก็แทบจะเทียบกันไม่ติด อีทึกอยู่ได้โดยไม่ต้องทำอะไรก็มีเงินใช้อย่างสุขสบาย อนาคตของยองซูก็จะได้เจอคนที่ฐานะเท่าเทียมกัน เหมาะสมกันมากกว่าที่จะเป็นอึนจอง

 

 

 

 

.....................................................................................................

 

            

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา