FICTION หล่อวายร้ายกับนายน่ารัก [WONKYU]

9.3

เขียนโดย LuckyLovery

วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 20.02 น.

  23 chapter
  1 วิจารณ์
  41.41K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 20.16 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

3) chapter 38 ย้อนวัยนายปลาดุก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

               อีทึกเดินหน้ามุ่ยอยู่ในห้องทำงาน มือเรียวกำมือถือแน่น เพราะพึ่งเสียท่าเยซองไปเมื่อครู่ ให้เยซองปฏิเสธเขาเสียได้

 

        “ซีวอน...น้องว่างอยู่รึปล่าว” อีทึกลงทุนโทรทางไกลไปหาน้องชายถึงบอสตัน

         ‘ครับพี่ ว่างอยู่ครับ มีอะไรด่วนรึปล่าว’ ปลายสายตอบกลับมาน้ำเสียงสงสัย

        “นี่พี่มีเรื่องจะให้ช่วยหน่อย ห้ามปฏิเสธนะ”

        ‘ครับ’ เพราะอีทึกเป็นพี่จึงปฏิเสธไม่ได้ ไม่ว่าพี่จะให้ทำอะไรเพราะเขาเองก็รักอีทึกมาก อีทึกช่วยเขาเอาไว้เยอะ

        “คืองี้...” อีทึกเริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงที่แล้วให้ร่างสูงฟัง ซีวอนหัวเราะออกมาเสียงดัง

        ‘พี่ ครับ ผมไม่ปฏิเสธนะว่าอยากได้น้องอึนจองมาเป็นหลานสะใภ้เพราะผมก็รักน้องอึนจอง เหมือนลูกคนนึง แต่น้องอึนจองแกยังเด็กอยู่เลยนะครับ ยองซูเองก็ตัวนิดเดียว พี่อย่าไปบังคับเยซองเลยครับ เยซองเองก็อยากอยู่กับลูกยังไม่อยากให้ลูกมีบ่วงผูกเอาไว้เหมือนกัน’

        “สรุปว่าจะไม่ช่วยใช่มั้ย” น้ำเสียงเริ่มติดจะงอนส่งให้คนปลายสาย

         ‘ไม่ใช่อย่างนั้น พี่รอให้เด็กๆเขาโตก่อนไม่ได้เหรอครับ ให้เขาตัดสินใจกันเอง’

         “ไม่ต้องมาพูดเลย พูดแบบนี้แสดงว่าหวงใช่มั้ยล่ะ ทีตัวเองยังมัดมือชกฮันคยองขอแจวอนเอาไว้ ตั้งแต่เกิดน่ะ พี่ยังไม่ว่าเลยนะ” อีทึกพูดด้วยความงอนที่เริ่มจะถึงขีดสุด

         ‘พี่ อ่า แล้วไอ้ฮันมันยอมซะทีไหนล่ะ ก็เห็นอยู่มันแทบจะถล่มบ้านน่ะ....ก็ได้ๆ ผมยอมให้พี่หมั้นน้องอึนจองให้ยองซูก็ได้ แต่ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะยกลูกสาวของเยซองให้พี่นะครับ อันนี้พี่ก็รู้ เพราะผมไม่ใช่พ่อน้องอึนจอง’

         “เรื่องนั้นไม่มีปัญหาหรอก พี่ต้องการแค่นี้แหละ ฮ่าๆๆ แล้วเยซองจะรู้ว่าหัวเราะทีหลังดังกว่า” อีทึกพูดจบก็ตัดสายไป คนที่อยู่อีกฟากได้แต่นั่งเกาศีรษะแกรกๆด้วยความงง

 

 

 

 

                                                  ..........

 

 

 

                    ตาคมมองไอโฟนที่วางไปเมื่อครู่ด้วยความงง...อะไรของพี่ทึกวะ...ได้แต่คิดอยู่ในใจ

 

        “พี่ทึกนะพี่ทึก จะสู้กับเยซองคงจะยากหน่อยนะ ผมเองยังไม่ไหวเลย คนไหวพริบดีขนาดนั้น”ร่างสูงได้แต่พูดคนเดียว พรางหมุนไอโฟนเล่นไปเรื่อยเปื่อย ก่อนจะต้องสะดุ้งตกใจเมื่อมีสายเข้า แต่แค่ชื่อที่โชว์หราอยู่ก็ยิ้มแก้มปริ รีบคว้ามารับทันที

        “ที่รัก”

         ‘ไม่ต้องมาหวาน เย็นนี้กินข้าวที่บ้านคุณอานะ’เสียงหวานติดจะยังอยู่ในอาการงอนบอกร่างสูง ซึ่งซีวอนเองก็รู้ดี ไม่เป็นไร เวลาให้ง้อยังมีอีกเยอะ หึหึ

        “จ้ะ คนสวย”รับปากแล้ว ร่างบางก็วางสายทันที ร่างสูงยู่ปากจนติดจมูกมองไอโฟน และโยนใส่กองแฟ้มงานตรงหน้า

         “คอยดูนะ คืนนี้จะง้อให้ลุกไปเรียนพรุ่งนี้ไม่ไหวเลย หึ” ร่างสูงกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กน้อย..(เอาตัวเองให้รอดก่อนมั้ยฉ่อย ตัวเองน่ะจะลุกไม่ไหว -*- : ไรเตอร์)

 

 

 

 

 

 

                  ตกเย็นเลิกงานซีวอนก็ขับรถไปบ้านชินดงทันที ไปถึงก่อนเจ้าของบ้านเสียด้วยซ้ำ

 

         “พี่ โดดงานมาเหรอ จะฟ้องพ่อ” แทคยอนแกล้งถาม เพราะรู้ว่าซีวอนเลิกงานตรงเวลาอยู่แล้วไม่มีโดดหรอก ร่างสูงหันมาถลึงตาใส่

          “โดดบ้านแกสิ่ แกนั่นแหละช้า”

         “ก็บ้านผมน่ะสิ่พี่ เนี่ยบ้านผม” ร่างสูงแทบจะหาอะไรใกล้ๆเขวี้ยงใส่เมื่อน้องกวนประสาท นาริที่นั่งคุยกับร่างบางอยู่เห็นแบบนั้นก็อดยิ้มไม่ได้

 

 

          “ถ้าแทคมีพี่ หรือน้องแท้ๆก็ดีสิ่นะ แกคงไม่เหงา ก่อนน้องคยูจะมานะ แทคน่ะตื่นเต้นจนนอนไม่หลับต้องมานอนห้องอาเลยล่ะลูก ตัวก็โตยังมานอนเบียด แถมบอกอาว่าอยากเจอน้องคยูมากเลยล่ะ เค้าอยากมีพี่น่ะ”นาริบอกให้ร่างบางฟัง คยูฮยอนอดยิ้มไม่ได้ ตัวโตนิสัยเด็กเหมือนซีวอนจริงๆ

          “ผมก็อยากมีน้องเหมือนกันครับคุณอา ผมอยู่คนเดียวมานานไม่มีใครเลย ถ้าผมไม่ได้เจอซีวอน วันนี้ผมคงไม่ได้มาเจอคุณอาแน่ๆ”ร่างบาบอก สายตาก็มองไปที่แทคยอน แล้วหันกลับมายิ้มให้นาริ นาริมองด้วยสายตาอ่อนโยน ดึงร่างบางเข้ามากอดเหมือนลูกคนหนึ่ง

          “ตอนนี้น้องคยูมีทั้งอาชินดง มีอา มีแทค แล้วนะ ไม่อยู่คนเดียวแล้ว”ร่างบางพยักหน้ารับ กอดนาริให้สมกับที่อยากกอดแม่ เพียงแต่นาริไม่ใช่ เท่านั้นเอง

         “สองสาวนั่งกอดกันอยู่แบบนั้น ถ้าวันนี้ผมน้ำหนักลด ผมจะกินคุณแทนข้าวนะนาริ”เสียงชินดงทักสองอาหลานที่มัวแต่กอดกันจนลืมคน อื่นๆ คยูฮยอนหัวเราะออกมาน้อยๆกับคำหยอกของชินดงที่เล่นกันนาริ ก่อนจะขอตัวลุกออกไป

         “คุณนิ่ ไปทำเองบ้างสิ่คะ ไม่เบื่อฝีมือฉันบ้างรึไง”

         “ถ้าเบื่อจะอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้เหรอจ๊ะ”ชินดงเดินเข้ามาหาพร้อมกันหอมแก้ม ไปอีก นาริลุกขึ้น เหลือบมองเข้าไปในบ้านก็ไม่เห็นว่ามีใครสนใจก็โล่งใจ หันไปตีชินดงเบาๆ

         “เด็กๆอยู่กัน เล่นแบบนี้อายเด็กบ้างสิ่คะ แก่ๆกันแล้ว”นาริว่าพร้อมรอยยิ้มเขิน เดินหลบเข้าบ้านไป ชินดงมองตามเข้าไปในบ้านก้ส่ายหน้า ริมฝีปากยกยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา อย่างคนอารมณ์ดี

 

 

 

                  เสียงนาริชวนร่างบางไปทำมื้อเย็นในครัวดังขึ้นและต่อด้วยเสียงตอบรับของร่าง บาง ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นมากขึ้น บ้านหลังใหญ่ไม่เหงาเหมือนแต่ก่อน ไหนจะเสียงไอ้ตัวเล็กๆที่ซนไม่หยุดอีก

 

         “ซองอึน ถ้าเขียนหน้าน้าอีกรอยนึงนะ จะเอาไม้เรียวฟาดให้ก้นลายเลย”แทคยอนบอก แต่กลับหัวเราะอกมาแล้วแบบนี้เด็กที่ไหนจะกลัว

          “ซองอึนไม่กลัว คุณแม่บอกว่าเป็นผู้ชายทำผิดต้องยอมรับผิด ซองอึนไม่กลัวน้าแทคหรอก”เจ้าตัวเล็กบอก วิ่งหนีแทคยอนที่ไล่จับอยู่จนทั่วบ้าน เสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากดังขึ้น

         “ไม่กลัวแล้ววิ่งหนีทำไม มาให้จับซะดีๆ”แทคยอนบอก แต่พอนึกอะไรขึ้นมาได้ก็หยุดวิ่ง มองซองอึนแล้วยักคิ้วกวนไปให้ ซองอึนมองอย่างไม่เข้าใจ

          “จะให้จับมั้ย?”เจ้าตัวเล็กส่ายหน้าว่าไม่ แทคยอนเดินหันหลังกลับไปหาโซอึนที่นั่งอยู่กับซีวอน แล้วอุ้มขึ้น ซองอึนเห็นแบบนั้นก็ทำท่าจะวิ่งเข้าหาแต่พอนึกได้ว่าถ้าเข้าไปแล้วโดนจับ น้าแทคต้องตีแน่ๆ ก็หยุดลังเล

          “จะให้จับมั้ย น้าจะเอาน้องโซอึนไปขายแล้วนะ”

          “ไม่เอา น้าแทคใจร้าย เอาน้องโซอึนมาให้ซองอึนนะ”และด้วยความหวงน้องมันมีมากกว่า จึงวิ่งเข้าไปหา กอดเอวแทคยอนเอาไว้ แถมยังดึงยื้อไม่หยุด แทคยอนส่งโซอึนคืนให้ซีวอนที่นั่งอยู่แล้วหันไปจับไอ้ตัวแสบยกขึ้นจับตีก้น เล่น

         “เสร็จน้าแล้วไอ้แสบ ฮ่าๆๆๆ”แทคยอนหัวเราะอย่างชอบใจ ซองอึนตาโตทันที ด้นให้หลุด แต่ก็ไม่หลุด เลยกอดคอแทคยอนเอาไว้ แล้วกัดหู?

         “อ๊ากก เจ็บนะ แบบนี้ต้องตีให้เข็ด”

 

                  เล่นกันจนเพลินลืมเวลาอาหาร ชินดงเรียกอยู่หลายรอบกว่าจะมานั่งพร้อมหน้าพร้อมตากันได้ มือนี้คงมีความสุขอบอวลไปทั่วทั้งบ้าน...     

 

 

 

 

                                          .............................

 

 

 

                    กลับถึงบ้านสามทุ่มฉ่อยก็ลงมือปฏิบัติการง้อเมีย ส่งลูกเข้านอนห้องเดียวกันให้หมดทั้งสองคน แล้วลากเมียเข้าห้องเมื่ออาบน้ำเสร็จแล้ว ร่างบางหน้ายุ่งบิดตัวออกด้วยอารมณ์ไม่ค่อยปกติ เพราะยังงอนไม่หาย

 

        “ปล่อย อย่ามายุ่ง”

         “คยูอ่า หายงอนนะ...น้า”ส่งเสียงอ้อนกอดร่างบางไม่ปล่อย ดึงมานั่งตัก คยูฮยอนลุกขึ้นแต่ก็โดนกอดเอวแน่นไม่ยอมปล่อย มือเล็กแกะแขนล่ำออกจากเอวบางแต่ก็ไม่เป็นผล

          “ขอร้องล่ะซีวอน เลิกทำให้ฉันเป็นห่วงนายแบบนี้ซักทีได้มั้ย รู้มั้ยว่าฉันรู้สึกยังไง ตอนที่นายไม่สบาย รู้มั้ยว่าฉันรู้สึกยังไงตอนที่รู้ว่านายไม่ได้เป็นอะไรแล้ว แต่นายไม่เคยสนใจเลย ไม่เคยสนใจว่าฉันจะดีใจหรือเสียใจยังไง”ร่างบางว่าเสียงสั่น มองออกไปทางอื่นไม่หันมามองคนที่เขานั่งทับอยู่ ร่างสูงซบหน้าลงกับแผ่นหลังบาง รัดอ้อมกอดให้แน่นขึ้น

         “ฉันขอโทษ ฉันรู้ว่านายดีใจที่ฉันสบายดี ฉันรู้ว่านายเป็นห่วง ฉันขอโทษนะคยู ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้น”ร่างสูงพูดด้วยความสำนึกผิดเพราะเขาดื้อเองที่ ไม่ยอมทำให้ร่างบางรู้สึกสบายใจเสียตั้งแต่แรก มือเล็กแกะแขนล่ำออก ลุกขึ้นยืน ร่างสูงเงยหน้ามองเมื่อไม่รู้ว่าร่างบางจะทำอะไร

          “ฉันรู้ว่าฉันห่วงนายมากเกินไป แต่ฉันก็อยากให้นายรู้ว่าที่ฉันเป็นแบบนี้เพราะ....”ร่างบางก้มตัวลง กอดคอร่างสูงเอาไว้แล้วกระซิบเบาๆ “ฉันรักนาย...” ร่างสูงกอดตอบ และตอบกลับร่างบางเช่นกัน พร้อมกับมอบจูบอ่อนโยน ดึงร่างบางลงมานั่งตักหันข้างให้

 

 

                  ทะเลาะกันกี่ครั้ง งอนกันกี่ครั้งก็มักจะจบลงที่เตียงอยู่เสมอและครั้งนี้ก็เช่นกันที่ร่างสูง เสกเด็กเข้าท้องร่างบาง แต่ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือไม่ ต่อให้ไม่ได้ผลก็ไม่เคยละความพยายาม...

 

 

 

 

                                                       ......

 

 

                                  รุ่งเช้า

 

                   โชคดีที่วันนี้ร่างบางมีเรียนช่วงบ่ายเหมือนเมื่อวาน จึงตื่นสายได้ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ทำไม่ได้อยู่ดีเพราะเด็กๆอยู่ด้วยไม่ได้อยู่กันสองคนสามีภรรยา จึงต้องแหกขี้หูขี้ตาตื่นแต่เช้า ถึงแม้ว่าเด็กๆจะยังไม่ตื่นก็ตาม ก็ต้องทำมื้อเช้าเตรียมเอาไว้ให้ พอเสร็จก็กลับมานอนต่อเมื่อปลุกคุณสามีไปอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานแล้ว แต่กลับไปนอนที่ห้องเด็กๆไม่ใช่ห้องที่นอนอยู่ทุกคืน

 

        “คยูฮยอน ฉันไปทำงานแล้วนะ”ร่างสูงเดินเข้ามากระซิบเบาๆให้ได้ยินกันสองคน

         “อือ ไปดีๆนะ”ร่างบางตอบแค่นั้นแล้วก็หลับไปเพราะความเพลีย ร่างสูงอมยิ้มเล็กน้อย หอมแก้มนวลเบาๆ ก่อนจะออกไปจากห้อง เพื่อไปทำงาน ถึงแม้เขาเองจะเพลียเหมือนกัน แต่งานก็คืองาน ทำเสร็จแล้วค่อยพักยาวก็ได้

 

 

 

                                                     ..................

 

 

 

 

 

        “ดงเฮอยู่มั้ยครับ”คิบอมเข้ามาในบ้านตระกูลลีถามหาดงเฮ คุณนายลียิ้มให้แล้วบอกว่าอยู่หลังบ้าน คิบอมก้มศีรษะให้เล็กน้อยก่อนจะขออนุญาตไปหาดงเฮ เดินมาก็เห็นร่างเล็กนั่งเล่นกับเจ้าชิสสุตัวเล็กอยู่

         “ด๊องครับ”เรียกเสียงเบา เท่านั้นดงเฮก็ได้ยิน หันไปหาทันที ลุกขึ้นพรวด

         “คิบอม มีอะไรเหรอ”ดงเฮที่ตกใจเล็กน้อยถามขึ้น ไม่ได้มองหน้าคนที่กำลังพูดด้วยแต่อย่างใด ก้มหน้าลงมองพื้นหญ้าสีเขียวชะอุ่ม

         “ผมแค่.......”คิบอมพูดแล้วหยุดไป ก้มหน้าลงมองไปจุดเดียวกันกับที่ร่างเล็กมองอยู่

         “มีอะไรเหรอ ถ้าไม่มีด๊องเข้าบ้านนะ”ร่างเล็กว่าจบก็เดินก้มหน้าก้มตาเข้าบ้าน แต่ก็โดนคิบอมรั้งเอาไว้ทำให้เสียหลัก หันมาซบอกพอดี คิบอมได้โอกาสกอดร่างเล็กไม่ปล่อย

         “ผมแค่อยากคุยกับด๊อง”

         “ปล่อยเถอะคิบอม ตอนนี้เราไม่ได้เหมือนเดิมแล้วนะ”ดงเฮว่า พยายามที่จะดันคิบอมออกแต่ก็ไม่เป็นผล มือเรียวทิ้งลงข้างตัว คิบอมซบหน้าลงกับไหล่เล็ก ดงเฮพยายามที่จะไม่ร้องไห้ออกมา

          “ผมขอโทษ...ด๊องผมขอโทษ”คิบอมกอดรัดดงเฮแน่นกว่าเดิม ดงเฮที่กลั้นน้ำตาไม่ไหวจนต้องปล่อยออกมาหยดลงไหล่กว้างของคนที่กอดอยู่

         “ไม่เป็นไร คิบอม...”ดงเฮบอก สะอื้นเบาๆ กอดตอบคิบอมก่อนจะผละออกเงยหน้ามอง “ดูแลคุณนาบีให้ดีๆนะ กลับไปดูแลเธอเถอะ”ดงเฮว่าแล้วเดินหลบออกมา แต่ก็ยังโดนรั้งอยู่อย่างนั้น มือเล็กแกะออกแล้วเดินหนีออกมา คิบอมเดินตามแทบจะวิ่งเข้าไปกอดจากด้านหลัง

         “ผมคิดถึงด๊อง ผมรักด๊องคนเดียวนะครับ ด๊องรอผมนะ สัญญานะ รอผมนะครับ”คิบอมซบหน้ากับแผ่นหลังบาง ดงเฮร้องไห้ออก ปลดแขนที่รัดเอวออก คิบอมรั้งให้ร่างเล็กหันหน้ามาหา แล้วคุกเข่าลงตรงหน้า

         “ให้โอกาสผมนะด๊อง ผมขอโทษกับที่ผ่านมา ขอโทษที่ทำให้ด๊องเสียใจ ขอโทษที่ไม่ซื่อสัตย์กับคุณ ขอโทษที่เป็นคนที่ทำให้ครอบครัวเราต้องแตกแยก”คิบอมพูดจบน้ำตาก็ไหลออกมา ดงเฮตกใจกับสิ่งที่เห็นเพราะคิบอมไม่เคยร้องไห้ให้เห็นเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ครั้งนี้ คิบอมกลับร้องไห้ออกมาอย่างง่ายดาย

 

                    ดงเฮย่อตัวนั่งลงดึงคิบอมเข้ามากอด ร้องไห้ออกมาด้วยกันทั้งคู่ มือเล็กลูบหลังเบาๆ เกยคางไหล่กว้าง กระพริบตาเพื่อไล่น้ำตาออก แต่เท่าไรมันก็ไม่หมดไปเสียที

 

         “คิบอม ด๊องขอเวลา ขอแค่เวลา”ร่างเล็กบอกเสียงสั่น คิบอมกอดตอบกลับแน่น

         “ผมเข้าใจ ผมเข้าใจว่าด๊องเสียใจ ผมเข้าใจ”คิบอมพูดซ้ำอยู่อย่างนั้น มือใหญ่เช็ดน้ำตาออกให้หมด นั่งกอดกันอยู่อย่างนั้น มอบสัมผัสที่ไม่ได้รับมานานหลายเดือน สัมผัสที่ต่างคนต่างโหยหา

 

 

                  คุณนายลีแอบมองอยู่ก็โล่งใจ อย่างน้อยทุกอย่างมันคงไม่อยากอย่างที่คิด รอแค่เวลาเท่านั้น แล้วทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิม...

 

 

 

 

                                             .....................

 

 

 

                      ซองอึนตื่นขึ้นมาก็เห็นร่างบางนอนอยู่ข้างๆ แต่เมื่อเห็นว่านอนหลับสบายจึงไม่กล้าปลุก ลุกขึ้นไปอาบน้ำเองโดยไม่ต้องมีคนคอยบอก แต่พออาบน้ำเสร็จท้องก็ประท้วงหิวไม่รู้จะทำยังไง มองซ้ายมองขวา แล้วก็หันไปมองคนที่นอนอยู่

 

        “คุณแม่”ตัดสินใจเรียกเพราะไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง พร้อมกับเขย่าไปด้วย

        “อือ...ว่าไงลูก”ร่างบางงัวเงียตื่นขึ้นมากระพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับแสง ก่อนจะหันไปมองเจ้าตัวเล็กที่ยืนมองอยู่ข้างเตียง แล้วลุกขึ้นนั่ง

         “คุณแม่ ซองอึนหิวข้าว”บอกหน้าซื่อ ร่างบางหัวเราะน้อยๆ พยักหน้ารับ แล้วพาไปห้องครัว เอาอาหารมื้อเช้าใส่ไมโครเวฟเพื่อให้ร้อนซักนิด

         “รอแปบนึงนะลูก ป่ะป๊าไม่ได้ทานข้าวเช้าอีกแล้ว ดูสิ่”ร่างบางบอกเจ้าตัวเล็ก เพราะมื้อเช้ายังวางไว้ที่เดิมไม่ได้ลดเลยจากของเดิมที่ทำเอาไว้ให้

        “ไม่เป็นไร ซองอึนทานเอง”บอกแล้วหัวเราะคิกคัก คยูฮยอนอดยิ้มไม่ได้ แล้วเดินไปเอามื้อเช้าในไมโครเวฟเมื่อเสียงเตือนดังขึ้น วางลงตรงหน้าเจ้าตัวเล็ก พร้อมกับข้าวอีกหนึ่งจาน และน้ำอีกหนึ่งแก้ว

         “ทานข้าวก่อนนะลูก เดี๋ยวแม่ไปปลุกน้องอาบน้ำก่อนนะครับ”ซองอึนพยักหน้าหงึกหงักเพราะข้าวเต็ม ปาก ร่างบางจึงเดินกลับเข้าห้องนอน ไปปลุกยัยตัวเล็กที่นอนอยู่เพราะสายมากแล้วยังไม่ตื่น

 

 

 

                      กว่าจะลากมาอาบน้ำได้ก็งอแง ต้องเอาขนมเอาของเล่นมาล่อกว่าจะยอมหยุดก็เหนื่อยพอกันกับอยู่กับพ่อมันเลย

 

         “ไปทานข้าวกับพี่ซองอึนดีกว่าลูก ร้องไห้แบบนี้ไม่สวยเลยค่ะ”ร่างบางเช็ดหน้าเช็ดตาให้อุ้มขึ้นพาดบ่า เดินเข้าครัว ก็เห็นเจ้าตัวเล็กกินข้าวเสร็จแล้วก็ยิ้ม

         “ทานเสร็จแล้วเหรอลูก วางไว้เดี๋ยวแม่เก็บเอง”ร่างบางบอกแล้ววางโซอึนลงนั่งเก้าอี้ เดินไปเอานมอุ่นๆมาให้ซองอึน แล้วข้าวถ้วยเล็กของโซอึนอีก

        “ปาป้า....ไหน?”เสียงเล็กๆของโซอึนดังขึ้น ถามร่างบางที่กำลังป้อนข้าวให้อยู่

         “ป่ะป๊าไปทำงานค่ะ ป่ะป๊ากลับมาจะซื้อขนมมาฝากเยอะแยะเลย ทานข้าวก่อนนะคะ”ปากเล็กอ้ากว้างรับข้าวเข้าปาก มองร่างบางตาแป๋ว ร่างบางก็ป้อนจนอิ่มถึงหยุด

 

 

 

 

                   ตกบ่ายร่างบางก็พาเด็กๆไปฝากที่บ้านชินดงก่อนจะไปเรียน มืดก็กลับคอนโด เป็นอย่างนี้ทุกวันจนกระทั่งถึงวันอาทิตย์ที่ซองอึนต้องกลับแคนาดา

 

         “เก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้วนะ”ร่างบางบอกร่างสูงที่นั่งดูข่าวอยู่ ซีวอนหันมาพยักหน้าให้ หันกลับไปจ้องจอเหมือนเดิม ร่างบางจึงเดินเข้าครัวหานมให้เด็กดื่มก่อนนอน ออกมาซีวอนก็ยังจ้องไม่วางตา เลยมานั่งลงข้างๆ

         “ดึกแล้วนะ ไปนอนเถอะเดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสายจะตกเครื่อง”ร่างบางสะกิด

          “อีกแปบนึง ถ้าง่วงก็นอนก่อนนะ เดี๋ยวตามเข้าไป”ร่างบางส่ายหน้า นั่งดูที่ร่างสูงดูอยู่เช่นกัน

          “ให้ซื้อไปไว้ในห้องก็ไม่ซื้อ”

          “ดูในห้องไม่ดีหรอก ไม่ได้ดูด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา”ร่างสูงบอกแล้วล้มตัวลลงนอนตักร่างบาง คยูฮยอนอมยิ้มน้อยๆ มือเล็กจับผมสั้นของร่างสูงเล่นไปพรางๆ

          “นอนแบบนี้เดี๋ยวก็หลับหรอก ฉันอุ้มนายไม่ไหวหรอกนะ”ร่างบางบอกกลั้วหัวเราะ ร่างสูงเลยหันหน้าซุกหน้าท้องแบนราบ ซุกไซร้ให้ร่างบางจั๊กจี้ดิ้นจนตัวงอ

          “ฮิฮิ...ซีวอนอ่า...ไม่เอา ไม่เล่น”เสียงหวานเอ่ยบอกพร้อมเสียงหัวเราะ มือเล็กดันหน้าหล่อออกแต่ก็ไม่ออก โดนจี้เอวจนล้มลงนอนราบให้ร่างสูงลวนลาม

 

                     คยูฮยอนหัวเราะออกมาด้วยความจั๊กจี้ ดิ้นบิดไปบิดมาเหมือนหนอนไม่มีผิด พยายามที่จะดันร่างสูงออก แต่มือใหญ่ก็เหนียวหนึบเป็นหมึกพอล

 

          “คิกคิก ฮ่าๆๆ ซีวอนพอแล้ว ไม่เอานะ”ร่างบางร้องบอก หยุดหัวเราะไม่ได้ เพราะโดนจี้เอวไม่หยุด

         “หายง่วงรึยัง”

          “หายแล้ว คืนนี้นอนไม่หลับ พรุ่งนี้ตื่นสายตกเครื่องจะฉันฆ่านาย”ร่างบางบอกแบบนั้นก็เลยโดนทำโทษ ดิ้นแทบจะตกโซฟาอีกรอบ

          “ฮ่าๆๆๆ ซีวอนไม่เล่นแล้ว คิคิ”ร่างบางหยุดหัวเราะไม่ได้ก็กลัวเด็กๆที่หลับไปเมื่อไม่นานมานี้จะตื่น เสียก่อน เพราะเสียงดัง บอกร่างสูงให้หยุดจี้เอว ดิ้นไปดิ้นมาเท้าคู่งามก็ยันเข้ากลางท้องร่างสูงจนลงไปนั่งแหมะกับพื้น

 

                        ตุ้บ!!!

 

                        อ่อกก ก ก กก

 

 

                     นั่งจุมปุกอยู่กับพื้นมือใหญ่กุมท้อง ทำหน้าเบ้ ร่างบางที่ตกใจต้องรีบลุกลี้ลุกลนลงไปดู

 

         “เจ็บตรงไหน ขอโทษนะซีวอน”ร่างสูงส่ายหน้า ร่างบางจับร่างสูงหันซ้ายหันขวา สำรวจจนเกือบทุกมุมก็โล่งใจ ร่างสูงแอบยิ้มขัน

         “ไม่เป็นไรหรอก ไปนอนดีกว่าป่ะ”อยู่ๆก็ชวนไปนอน และปิดโทรทัศน์ให้พร้อมกับอุ้มร่างบางจนตัวลอยหวือขึ้นจากพื้น แขนเรียวคล้องคอหมับกลัวตก แล้วค่อยๆซบหน้าลงกับอกแกร่ง

         “นอนเฉยๆนะ ไม่ทำอย่างอื่น”ร่างบางพูดงึมงำๆ ซีวอนหัวเราะออกมาเสียงเบาๆ

         “อือ ไม่ทำหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นไม่ไหว ไอ้ตัวแสบได้งอนฉันอีก”ร่างสูงบอกกลั้วหัวเราะ แล้ววางร่างบางลงบนเตียงกว้าง แล้วเดินไปปิดไฟข้างนอก เดินกลับเข้ามาก็ล้มตัวลงนอนข้างๆ ปิดไฟให้หมด แล้วดึงร่างบางเข้ามากอด

          “หอมแก้มทีนึง”ร่างสูงบอก แล้วหอมแก้มร่างบางตามที่ขอ คยูฮยอนไม่ได้พูดอะไร กอดร่างสูงตอบซบหน้ากับอกอยู่อย่างนั้น

          “จูบทีนึง”ร่างสูงทำท่าจะจูบ มือเล็กก็ยกขึ้นปิดปากหยักที่กำลังจะจูบลงมา

          “ไม่เอา จูบแล้วเลยเถิดตลอด พอเลย นอนได้แล้ว”ร่างบางว่าแล้วพลิกตัวหลบน้อยๆ แต่ก็โดนดึงกลับมาเหมือนเดิม

          “กอดเฉยๆก็ได้”

          “อือ”ร่างบางตอบรับเพียงเท่านั้น นอนนิ่งๆให้สามีกอดให้พอใจ

 

 

 

                                                  ................

 

 

 

                     ร่างบางตื่นแต่เช้ามืดเพื่อเตรียมตัวไปสนามบิน ปลุกร่างสูงและเด็กๆไปอาบน้ำ ยกเว้นยัยตัวเล็กที่หลับยาว ไม่อยากปลุกกลัวจะงอแงเพราะนอนไม่เต็มอิ่ม แต่งตัวเสร็จก็ออกจากคอนโด ยกกระเป๋าขึ้นรถที่ไปแลกกับแทคยอนมาเพราะรถตัวเองไปไม่พอ

 

        “บอกแล้วว่าถ้าซื้อรถให้ซื้อคันใหญ่ๆ แบบนี้”ร่างบางบ่นเล็กน้อยเพราะซีวอนชอบไปถอยรถเห็นแก่ตัวออกมาขับ ก็รู้ว่าเด็กไปไหนด้วยไม่ได้ยังจะถอยมา

         “เอาน่า กลับเกาหลีค่อยว่ากันใหม่ ไปกันเถอะป่ะ”ร่างสูงเปิดประตูอุ้มซองอึนขึ้นไปนอนเบาะหลังก่อน แล้วเปิดประตูให้ร่างบางที่อุ้มยัยตัวเล็กอยู่ให้เข้าไปนั่ง ก่อนจะกลับไปนั่งด้านคนขับแล้วเคลื่อนรถออกไปยังสนามบิน

 

 

 

 

 

                                             ..........................

 

 

 

 

                       มาถึงแคนาดาซองอึนก็รีบวิ่งเข้าไปหาคุณปู่คุณย่าที่คาดว่าจะพักผ่อนอยู่ใน ห้อง มือป้อมกดออดหน้าห้องพักสองครั้ง ก่อนจะหันไปยิ้มแฉ่งให้ร่างบางที่ตามมาด้วยความรีบร้อนเพราะกลัวเจ้าตัวเล็ก จะไปซน พอประตูเปิดออกมา เจ้าตัวเล็กก็กระโดดกอดหมับทันที

 

        “คุณปู่~”เรียกเสียงอ้อน กอดไม่ยอมปล่อย ร่างบางก้มศีรษะทักทายคุณพ่อสามีด้วยความเคารพ

        “สวัสดีครับคุณพ่อ”คุณชเวยิ้ม แล้วเปิดประตูให้เข้ามาข้างใน ร่างบางหันไปมองหาซีวอนเพราะไม่เห็นตามขึ้นมา

         “ซีวอนกับโซอึนยังไม่มาเลยครับ”ร่างบางบอกคุณชเว

         “เดี๋ยวก็มานั่นแหละลูก เข้ามาก่อนมะ...พ่อนึกว่าจะมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะเนี่ย”ร่างบางเดิน ลากกระเป๋าเสื้อผ้าของซองอึนเข้ามาในห้องพักสุดหรู

         “พอดีเมื่อวานผมติดเรียนน่ะครับ คุณพ่อสบายดีนะครับ”

         “สบายดีลูก แล้วนี่เรียนหนักมั้ย”

         “นิดหน่อยครับ”ร่างบางตอบคำถามพร้อมรอยยิ้ม สองคนพ่อสามีกับลูกสะใภ้นั่งคุยสาระทุกข์สุกดิบกันจนร่างสูงอุ้มโซอึนเข้ามาในห้อง

 

           “ไปไหนกันมา”ร่างบางหันไปถาม ลุกขึ้นยืน ให้คุณปู่ยังไม่แก่และคุณหลานชายตัวจ้อย คิดถึงกันเสียให้พอ ขาเรียวพาร่างบางเดินไปอุ้มโซอึนมาจากร่างสูง มือใหญ่ยืนขนมสองสามถุงให้ร่างบางแล้วเดินไปคุยกันคุณชเวที่เรียกอยู่

 

          “คุณปู่ ซองอึนคิดถึงคุณปู่มากๆเลย”

         “ปู่ก็คิดถึงซองอึนมากเหมือนกันครับ ไปอเมริกาสนุกมั้ยครับ”สองคนปู่หลานคุยกันงุ๊งงิ๊ง ร่างสูงที่เดินมาหาก็อดยิ้มไม่ได้

          “คุณพ่อ”

         “นั่งก่อนลูก เป็นยังไงบ้าง ไหนดูซิ”คุณชเวจับร่างสูงหันซ้ายขวา ก่อนจะพยักหน้า “หมอที่อเมริกานี่เก่งนะ”คุณชเวพูดขึ้น เมื่อเห็นว่าลูกชายคนเล็กหายเป็นปกติแล้ว

         “คุณหมอเก่งแต่ลูกชายคุณพ่อน่ะดื้อครับ”ร่างบางบอกให้ฟัง ฟ้องคุณชเวเรื่องที่ซีวอนชอบขัดทุกเรื่องที่เกี่ยวกับสุขภาพ ไม่เคยห่วงสุขภาพตนเอง คุณชเวหันไปค้อนขวับเข้าให้แล้วส่ายหน้า

          “ไม่ไหวไอ้ลูกคนนี้”ร่างสูงได้ยินแบบนั้นก็เบ้ปากใส่ร่างบาง คยูฮยอนยู่หน้าใส่แล้วหัวเราะออกมาเบาๆ

          “แล้วนี่คุณแม่ไปไหนครับ”ร่างสูงถามเมื่อเข้ามาแล้วยังไม่เห็นคุณนาย

          “ออกไปงานคุณหญิงคุณนายตามประสาคนแก่นั่นแหละลูก พอดีงานนี้พ่อขอบาย อยากพักบ้างน่ะ”ร่างสูงที่ได้ยินพ่อตัวเองพูดแบบนั้นก็เริ่มคิด

          “คุณพ่อกลับไปอยู่บ้านมั้ยครับ ส่วนงานผมจะดูแลเอง”ร่างสูงบอกเพราะอยากให้คุณชเวได้พักผ่อน หยุดทำงานอยู่บ้านเฉยๆบ้าง เพราะตลอดเวลาเกือบสี่สิบปีที่ผ่านมาคุณชเวทำงานแทบไม่ได้พักมาตลอด

          “โอ๊ย เรื่องแค่นี้เองลูก สบายมาก แรงยังเหลืออีกเย๊อะ”คุณชเวบอกเพราะรู้ว่าลูกเป็นห่วง ก็ยิ้มรับ ร่างสูงหันไปมองร่างบางที่นั่งเล่นกับโซอึนอยู่เพื่อให้ช่วย คยูฮยอนมองไปที่คุณชเวก็ยิ้ม

           “คุณพ่อกลับไปพักผ่อนก็ดีนะครับ เรื่องงานผมกับซีวอนทำต่อแทนคุณพ่อเองครับ”ร่างบางพูดขึ้น คุณชเวส่ายหน้า

           “ไม่ดีกว่าลูก หนูยังเรียนไม่จบเลย แล้วอีกอย่างหนึ่ง พ่อไม่ชอบอยู่เฉยๆ นั่งอยู่บ้านเหมือนคนแก่โดนทิ้ง มันเหงา”คยูฮยอนยิ้มแหย หันไปมองร่างสูงที่จนปัญญาเช่นกัน

           “แล้วนี่คุณพ่อทานข้าวรึยังครับ”ร่างบางถามขึ้นเมื่อเห็นเข็มสั้นนาฬิกาเดินไปถึงเลขสิบเอ็ดแล้ว

            “ทานแล้วลูก ยังไม่ได้ทานกันมาล่ะสิ่ ป่ะ เดี๋ยวพ่อไปพักก่อน ตามสบายนะลูก”ทั้งสองคนรับคำ ร่างสูงเอากระเป๋าเจ้าตัวเล็กเข้าไปเก็บในห้องนอนให้ แล้วเดินเข้าครัวไปดูของสดทำอาหารเพราะขี้เกียจออกไปข้างนอก

 

            “ทำอะไรน่ะ”ร่างบางถามอย่างสงสัย ร่างสูงส่งยิ้มให้ แล้วเดินไปเปิดเตาแก๊ส ตั้งกระทะ คว้าไข่ในตู้เย็นมาสามฟองและพักอีกเล็กน้อยมาหันเป็นชิ้นเล็กๆ

            “ไข่เจียวสูตรพิเศษ รอแปบนะ ขี้เกียจออกไปข้างนอกน่ะ”ร่างบางพยักหน้ารับ แล้วหันไปหั่นผักเพิ่มเพื่อจะทำข้าวผัดบ้าง

 

                      สองคนม่วนกันอยู่ในครัวจนกลิ่นหอมๆ ของข้าวผัดและไข่เจียวลอยฟุ้งให้คนที่นอนอยู่ในห้องได้กลิ่นเดินออกมาดู

 

            “ปาป๊า คุณแม่ ซองอึนหิว”เสียงเจ้าตัวเล็กดังขึ้นด้านหลัง ทั้งสองคนมองหน้ากันก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ร่างบางเดินไปหยิบจานมาตักข้าวผัดใส่ให้ พร้อมกันไข่เจียวอีกหนึ่งฟองส่งให้เจ้าตัวเล็กที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร

             “ทานให้อร่อยนะครับ”ซองอึนพยักหน้ารับ แล้วตักข้าวใส่ปาก ร่างบางจึงเดินไปหยิบน้ำเย็นในตู้เย็นมารินใส่แก้วให้อย่างดี

             “คยูอ่ะ อันนี้ของนาย”ร่างสูงส่งจานข้าวให้ ร่างบางรับมาวางลงบนโต๊ะ พร้อมทั้งแก้มน้ำให้ตัวเองและร่างสูงด้วย

             “เรียกคุณพ่อมากินด้วยสิ่ ท่านคงยังไม่ได้กินข้าวกลางวัน”ร่างบางว่า ร่างสูงพยักหน้ารับ แล้วเดินไปบอกคุณชเว แต่ได้รับการปฏิเสธมา บอกเพียงให้เก็บเอาไว้ให้ จะเวฟกินเองเท่านั้น

 

 

 

                                                .....................

 

 

 

                      ยังไม่ทันได้ไปเที่ยวที่ไหนก็ต้องพากันกลับอเมริกาเพราะร่างบางมีเรียนในตอน เช้าของวันรุ่งขึ้น เจ้าตัวเล็กที่ติดคุณปู่ก็โบกมือบ๊ายบายทั้งสองสีหน้ายิ้มแย้ม ยิ้มจนแก้มบุ๋ม ทั้งสองคนโบกมือลาก่อนจะขึ้นแท็กซี่ไปสนามบิน

 

             “พรุ่งนี้เรียนกี่โมงน่ะ”ร่างสูงถามคนข้างกายที่นั่งเงียบ สายตามองออกไปนอกกระจกรถ ก่อนจะเบนกลับเข้ามามองคนถาม มือเล็กลูบหลังยัยตัวเล็กเบาๆ เพราะกลัวจะเสียงรบกวนการนอนหลับที่แสนสบาย

              “พรุ่งนี้เหรอ ก็เก้าโมงเช้าถึงสี่โมงเย็นเลย เห็นแบบนี้แล้วก็เริ่มอยากนอนซะแล้วสิ่”ร่างสูงหัวเราะน้อยๆ มือใหญ่ยกขึ้นโยกศีรษะร่างบางเบาๆ

              “เมื่อก่อนนะ ฉันก็คิดแบบนี้แหละ มันเหนื่อยมากเลย แต่พอคิดว่าถ้าฉันมัวแต่นอน เที่ยวไปวันๆ นอกจากจะเรียนไม่จบแล้ว คุณพ่อคงไล่ฉันออกจากบ้าน ตัดพ่อตัดลูกแน่ๆ เลยล่ะ เสียเงินแล้วยังเสียเวลาอีก”ร่างบางหัวเราะเบาๆ มองหน้าร่างสูงก็ยิ้มกว้าง

              “แล้วเป็นยังไงล่ะ นายก็เรียนจนจบไม่ใช่เหรอ”ร่างสูงพยักหน้ารับ

              “ก็ใช่ แต่ค่อนข้างทุลักทุเลเลยแหละ ฉันเรียนไม่ทันคนอื่นเขาน่ะ ช่วงนั้นพอได้เจอเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกันตอนป.ตรีนะก็ติดเพื่อน จนใกล้สอบถึงได้รู้อนาคต ไอ้ซีวอนตายแน่ แต่สุดท้ายฉันอ่านหนังสืออัดกันทั้งอาทิตย์ไม่ออกไปไหนนอกจากออกไปซื้อของสด มาใส่ตู้เย็นไว้ทำกินเองในห้องน่ะ”

              “ไม่เข้าเรียนแล้วเข้าใจเหรอ”ร่างบางถามอย่างสงสัยเพราะเขายังทุลักทุเลอยู่ เลยในตอนนี้ ถึงจะเข้าใจอะไรมากขึ้นแล้วก็ตาม

              “ก็เข้าใจนะ ฉันชินกับภาษาอังกฤษไปเลยหล่ะ เรียนที่แคนาดาตั้งแต่ป.ตรี ยันป.โท ไม่พูดภาษาเกาหลีเลย จนช่วงแรกๆ ที่กลับบ้านนะ พูดกับคนที่บ้านเป็นภาษาอังกฤษหมด จนคุณป้าต้องสอนภาษาเกาหลีใหม่น่ะ เพราะฟังฉันพูดไม่รู้เรื่อง พูดแล้วก็อดขำตัวเองไม่ได้”ร่างสูงว่ากลั้วหัวเราะ ร่างบางเองก็ยิ้มขำที่ซีวอนเป็นแบบนั้น

              “นายมันติงต๊อง ลืมภาษาบ้านเกิดตัวเอง”

              “มันไม่ใช่ว่าลืมนะ แต่ไม่ชินปากไง ฉันไม่ได้กลับบ้านหกปี พูดภาษาอังกฤษตลอด”

              “อ้าว แล้วเวลานายคุยกันคนอื่นหรือติดต่อกลับไปที่บ้านล่ะ”ร่างบางถามอย่างสงสัย

              “คุณพ่อบังคับให้พูดภาษาอังกฤษไง ฉันก็ต้องตามน้ำ พูดภาษาเกาหลีคุณพ่อก็ไม่ยอมพูดด้วย เพราะอยากฝึกให้ฉันพูดเก่งๆ เวลาทำงานจะได้ชินหรือไม่เขิน อะไรประมาณนี้แหละมั้ง”ร่างสูงว่า ร่างบางพยักหน้ารับ ก่อนจะพากันลงรถและพากันเข้าไปในสนามบิน เข้าไปจัดการเรื่องให้เรียบร้อย รอเวลาขึ้นเครื่อง

              “แล้วไงต่ออ่ะ เล่าสิ่”ร่างบางที่อยากรู้ถามต่อ ให้ร่างสูงเล่าต่อจากเมื่อครู่

              “นั่นแค่ปีแรกนะที่เรียนป.โท พอปีสองช่วงที่เริ่มทำทีซิส เพื่อนมันหาว่าฉันบ้า ฉันกับเยจินก็ทะเลาะกันบ่อยขึ้นเพราะฉันไม่มีเวลาให้เธอ วันๆ หมกตัวอยู่แต่กับหนังสือ ไม่ออกไปสูดอากาศ หมายถึงเที่ยวกับพวกมันแบบเมื่อก่อนน่ะ นอกจากออกไปเรียนเท่านั้น ฉันว่าฉันคงเครียดเกินไปจริงๆ นั่นแหละ แต่ทำยังไงได้ ถ้าเป็นแบบเมื่อก่อน คงเรียนไม่จบ คุณพ่อก็คอยจับตามองอยู่ด้วย กระดิกตัวไปไหนก็ลำบาก จะให้กลับมาช่วยงานที่บ้าน”ร่างบางพยักหน้ารับ

              “เรียนจบแล้ว?”

              “ก็นะ พอเรียนจบก็กลับมาเกาหลี ครั้งแรกที่เหยียบแผ่นดินเกาหลีนะ ฉันเหมือนอยู่ต่างบ้านต่างเมือง เป็นคนต่างชาติเข้ามาอาศัยอยู่ในเกาหลีเลยหล่ะ”ร่างบางหัวเราะออกมาเสียงใส

              “แต่สุดท้ายนายก็ไม่ได้เข้าไปทำงานไม่ใช่เหรอ”ร่างบางถาม เพราะอีทึกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังก่อนที่เขาจะตกลงแต่งงานกับซีวอน ร่างสูงพยักหน้ารับ หน้าเศร้า แต่ก็เผยยิ้มออกมาว่าไม่เป็นอะไรแล้วเมื่อเห็นว่าร่างบางเป็นห่วง

             “ก็ใช่นะ ฉันกลับมาช่วยคุณพ่อทำงานได้ไม่ถึงเดือน เรื่องนั้นมันก็เกิดขึ้น ฉันก็เลยเป็นอย่างที่นายเจอนั่นแหละ”ร่างบางพยักหน้ารับ ส่งยิ้มให้ มือเล็กจับมือใหญ่กุมเอาไว้

             “เรื่องมันผ่านมาหลายปีแล้ว เอาเป็นว่าอย่าพูดถึงมันอีกเลย”ร่างสูงพยักหน้ารับ “นี่..ซีวอน ทำไมตอนที่เรียนอยู่ KIS ฉันถึงไม่เคยเจอนายเลยล่ะ”ร่างบางว่าอย่างสงสัย

              “ฉันอยู่ม.ปลายปีสุดท้ายนายอยู่ม.อะไร”ร่างสูงถาม ร่างบางคำนวณอายุก็ยิ้มเผล่

              “นายปีสุดท้าย ฉันม.ต้นปีแรก”ร่างสูงหัวเราะชอบใจ รั้งไหล่เล็กโอบเข้าหาตัว “แต่ก็น่าจะเดินผ่านบ้างนะ” ร่างบางต่อ

             “ไม่รู้สิ่ แต่ปีสุดท้ายฉันไม่ค่อยได้เข้าโรงเรียน อาจจะเดินผ่านแต่ต่างคนต่างไม่ได้มอง ก็เลยไม่เห็นล่ะมั้ง”ร่างบางพยักหน้าเห็นด้วย พอได้ยินเสียงเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่องทั้งสองก็ลุกขึ้นพากันเดินเข้าไป

             “นี่ แต่ฉันน่าจะเคยเห็นนายนะ มีรูปตอนอยู่ม.ปลายมั้ย? ฉันอาจจะเคยเห็นแต่จำหน้าไม่ได้อะไรงี้”ร่างสูงพยักหน้ารับ แล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาหยิบรูปสมัยมัธยมที่พกติกกระเป๋าอยู่ตลอดส่งให้ ร่างบางดู

             “เฮ้...นายเองเหรอ นาย...นักกีฬาเทควันโดของโรงเรียนนิ่”ร่างบางทักขึ้น เมื่อเห็นรูปของซีวอนกับฮันคยองกอดคอกันหน้าชื่นบาน เขาจำได้ลางๆ ว่าเคยเจอในหนังสือพวกวารสารของโรงเรียน และหน้าแบบนี้ก็มีคนเดียว มือเล็กจับหน้าหล่อพลิกไปพลิกมา

              “นี่คยู หน้าฉันมีอะไรรึไง พลิกจนคอจะเคล็ดแล้ว”ร่างสูงว่า เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นของร่างบาง แต่ก็อดขำไม่ได้

              “หน้านาย กับนายปลาดุก?นั่น”ร่างบางว่าพรางนึกในใจ ร่างสูงที่ได้ยินร่างบางว่าปลาดุกก็คิ้วขมวด

              “อะไร ปลาดุก?อะไร”

              “นายปลาดุก นายนั่นแหละ ฉันบอกความลับอะไรให้มั้ย” ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้น ร่างบางจึงกระซิบบอกเสียงเบา

             “ฉันน่ะ เคยนินทานายกับเพื่อนในห้อง เรียกนายว่ารุ่นพี่หน้าปลาดุกด้วย”ว่าจบก็หัวเราะคิกคักเพราะเขาจำได้แล้ว ว่าเคยเจอร่างสูงตอนอยู่โรงเรียนเดียวกัน แต่ตอนนี้ซีวอนเปลี่ยนไป หล่อขึ้นจนเขาจำไม่ได้เลย

             “คยูฮยอน นี่นาย!! ให้ตายเถอะ ปลาดุกอะไรจะหล่อขนาดนี้”ร่างบางร้องแหวะใส่อย่างตลก ที่ซีวอนไม่พ้นหลงตัวเอง “ไปขึ้นเครื่องได้แล้ว”ร่างสูงวา จูงมือเล็กขึ้นเครื่องบิน พอเจอที่นั่งก็รีบนั่งลงทันทีอย่างสบายอกสบายใจเอนหลังแล้วหันไปหาร่างบาง

             “นายเคยนินทาฉัน เรียกฉันว่าหน้าปลาดุก ถึงตอนนั้นฉันจะไม่รู้ แต่คอยดูเถอะ คืนนี้ฉันจะลงโทษ คนที่มีผัวหน้าปลาดุกให้ไม่ได้นอนเลย”ว่าจบก็หัวเราะหึใส่ร่างบางก่อนจะอุ้ม โซอึนมานอนบนตัก คยูฮยอนเบ้ปากใส่

             “ให้ตายเถอะ ไม่คิดว่าจะเป็นนายจริงๆ นะเนี่ย เคยนินทาไว้สุดท้ายก็ได้นายเป็นสามี สุดยอดจริง หนีไม่พ้น ถ้าเพื่อนที่เคยนินทาด้วยกันรู้ว่าฉันแต่งงานกับนาย พวกนั้นไม่หัวเราะฉันจนฟันล่วงเลยเหรอเนี่ย”ร่างบางว่าแล้วหัวเราะเบาๆ ร่างสูงเองก็ยิ้ม

             “เอาน่า ช้าไปแล้วคนสวย ว่าแต่เพื่อนนายเองก็ไม่รู้อย่างนั้นสิ่ตอนไปงานแต่งน่ะ”ร่างบางพยักหน้ารับ

             “ก็หน้านายมัน....ดูดีขึ้น”ร่างสูงเลิกคิ้วแล้วพยักหน้ารับ

             “ใช่ดูดี ถึงขั้นหล่อไม่เกรงใจใคร”ร่างสูงว่า

            “ให้มันน้อยๆ หน่อย หล่อก็จริงเหอะ ก็หล่อจริงนั่นแหละ”ร่างบางว่าแล้วหันหน้าหนีด้วยความเขิน ร่างสูงหัวเราะคิกคัก แต่พอได้ยินเสียงยัยตัวเล็กร้องออกมาเล็กน้อยก็เงียบเสียงตัวเองจนเสียงยัย ตัวเล็กเงียบลงไป

 

 

                     ทั้งสองคนคุยกันไม่มีท่าว่าจะหยุด และก็เหมือนจะสนุกกับการคุยจนลืมลูกลืมเวลา เหมือนย้อนวัยกลับไปสมัยเมื่อสิบปีก่อน จนเครื่องลงจอดที่สนามบินถึงได้รู้ตัว มองหน้าแล้วก็หัวเราะกันเอง ไม่รู้ว่าคุยกันได้ยังไงตั้งแต่แคนาดาถึงอเมริกา คุยกันเหมือนคนที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปีทีเรื่องเล่ามากมายให้ฟัง กลับถึงคอนโด ยัยตัวเล็กก็ตื่นมาอาระวาดตามปกติ งอแงจะเอานู่นนี่จนทั้งสองคนต้องเหนื่อยอีกรอบ

 

 

.................................................................................................................

 

            

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา