Innocent Love
-
เขียนโดย Neko_CJ
วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 23.55 น.
5 ตอน
0 วิจารณ์
9,521 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 09.38 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความInnocent Love
บทที่ 1
[ตอนที่ฉันอายุ 10 ขวบ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่ฉันเผลอหลับไปบนรถประจำทาง
หลังจากซ้อมวิ่งที่โรงเรียนในวันก่อนกีฬาสีเสร็จ...
พอมารู้ตัวอีกที เมื่อลืมตาตื่นขึ้น ก็พบว่าสถานที่รอบกายมันกลับแปลกใหม่ไม่คุ้นเคย...
มันทั้งน่ากลัวและตื่นเต้น ความรู้สึกแบบนี้รึเปล่านะที่ฉันรู้สึกกับเธอในตอนนี้.......Story by คิมฮเยซอง]
มุมหนึ่งในซอยที่เงียบสงบของจังหวัดกวางจู...
ตรงนั้นมีร้านไอศกรีมร้านหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ร้านหนึ่ง...
ไม่น่าเชื่อว่ามันจะสามารถอยู่รอดได้มาถึง 10 ปีเต็มแล้ว
ตัวร้านถูกสร้างขึ้นโดยอดีตมัณฑนากรจากโซลนามว่า ‘คิมแทซอง’...
ซึ่งมีสไตล์เฉพาะตัวจริงๆ ดูเรียบง่ายแต่แอบแฝงความหรูหราในนั้นด้วยนิดๆ...
ลองนึกภาพร้านไอศกรีมแบร์ติยง บนเกาะแซงต์หลุย ประเทศฝรั่งเศสดูสิ ไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไรหรอก
ส่วนเรื่องรสชาติของไอศกรีมน่ะเหรอ...บอกได้คำเดียวว่า ‘สุดยอด’ มันทั้งเย็นฉ่ำ หวานหอม นุ่มลิ้น
แค่ชิมคำเดียวต่อให้โลกแตกอยู่ตรงหน้าก็สามารถทำให้คุณยิ้มได้ แถมในร้านยังมีรสชาติใหม่ๆไม่ซ้ำใครผลิตออกมาเรื่อยๆ
จากฝีมือของคุณเจ้าของร้านและลูกสาวนั่นล่ะ...ถึงจะฤดูหนาว ก็ยังมีคนเต็มร้าน
กรุ้งกริ้ง~~กรุ้งกริ้ง~~
เสียงกระดิ่งเล็กๆกระทบกับบานประตูที่กำลังแง้มเปิด...บอกถึงการมาเยือนของใครบางคนที่กำลังเข้ามาในร้าน
“เชิญค่า ร้าน ‘Parfait-tic’ ยินดีต้อนรับค่า”
เสียงใสกล่าวต้อนรับดังลั่นร้าน ทั้งที่หญิงสาวยังไม่ทันได้หันมามองเด็กหนุ่มที่เพิ่มเข้ามาคนนั้น
เข้าใจหรอกว่าเจ้าหล่อนกำลังสาละวน วุ่นวายอยู่กับการเทคแคร์ลูกค้าที่ต่างส่งเสียงเรียกร้องสั่งออเดอร์อยู่คนเดียว
จะว่าน่าสงสารก็น่าสงสารอยู่หรอก จะว่าน่าตลกก็อาจใช่...
ว่าแต่คุณลุงเจ้าของร้านไปไหนนะ ถึงได้ปล่อยให้พี่สาวต้องทำงานงกๆอยู่คนเดียว
ทั้งที่ลูกค้าเต็มร้านจนแทบไม่มีที่นั่งเหลือให้เขาเลย
หรือว่าคุณลุงเจ้าของร้านจะป่วย? คงไม่หรอกออกจะแข็งแรงขนาดนั้น
คำตอบคงมีแค่พี่สาวคนนั้นเท่านั้นที่รู้ล่ะ...
แน่นอน...เธอรู้ดีเชียวล่ะ...
คุณป๋า หนอ คุณป๋าทำกันได้...จู่ๆก็หนีไปเที่ยวคนเดียวโดยไม่บอกล่วงหน้าอย่างนั้น
ตื่นเช้ามาก็เห็นโน้ตแปะที่หน้าตู้เย็นว่าจะไปฝรั่งเศส ให้ได้อย่างนั้นเถอะ ช่างเป็นพ่อที่เอาแต่ใจตัวเองจริงๆ
คอยดูเถอะกลับมาเมื่อไรแม่จะเฉ่งให้ลืมชื่อตัวเองไปเลย คอยดูสิ คิมฮเยซองขอสาบาน
อย่างว่าล่ะมันใช่ครั้งแรกที่เป็นแบบนี้สักหน่อย สามปีที่แล้วคุณป๋าก็หนีเที่ยวออสเตรียเฉย
สองปีก่อนก็อิตาลี ส่วนปีที่แล้วก็สเปน...
พอกลับมาก็ลั่ลล้าสนุกสนานลั่นบ้านทิ้งให้ลูกสาวตัวเล็กๆต้องทำงานอยู่คนเดียว
จะอ้าปากต่อว่าท่านบิดาอันเป็นที่รักเหมือนจะรู้ทัน นำของเซ่น(ของฝาก)มาหยั่งอารมณ์โมโหได้ทุกทีเชียวน่า
แต่คราวนี้ล่ะจะไม่ยอมให้พลาดอีกแน่...พ่อก็พ่อเถอะ
“เออ...คือว่า...”
เด็กหนุ่มเองที่ยังหาจังหวะพูดไม่ได้ เข้าอยากจะถามเธอคนนั้นจริงๆ อีกนานเท่าไรถึงจะมีที่นั่งให้เขาสักที
หรือจะออกไปก่อนดีแล้วค่อยกลับมาใหม่ทีหลังดีนะ แต่ก็ยังกลัวถ้าหากเขาไปแล้วแล้วดันมีที่ว่างพอดีล่ะ
แต่กลับมีคนมาตัดหน้าล่ะ
ฮู้ววว ไม่เอาหรอก อีกอย่างเขาก็อยากกินตอนนี้นี่นา อุตส่าห์อยากฉลองสอบเสร็จวันสุดท้ายทั้งที...
อ๋า~~จริงด้วย ยังมีวิธีนี้อยู่นี่นา...ซื้อแบบโค่นไปกินข้างนอกก็ได้...จริงด้วย เอาล่ะ เอาแบบนั้นล่ะ
“เออ...พี่สาวครับผมขอ.......”
“สมัครงานพาสไทม์ที่นี่ใช่ไหมครับ”
อยากจะบ้า...จู่ๆใครก็ไม่รู้ตะโกนเสียงดังอยู่ทางด้านหลังกันนี่...
ไอ้เสียงดังแสบแก้วหูน่ะยังไม่เท่าไร แต่นี่เขาคนนั้นดันพูดขึ้นในจังหวะเดียวกับที่เขากำลังจะสั่งไอศกรีมอยู่พอดีนี่สิ สุดอารมณ์เสีย
เฮ่ย~~~นายสองคน พวกเราไม่ได้รู้จักกันสักหน่อย ไม่ต้องใกล้ขนาดนั้นก็ได้
ให้ตายเถอะ แถมชุดนักเรียนที่พวกเขาใส่ยังมาจากโรงเรียนเดียวกันอีก ชองยุนโฮ ชักลางสังหรณ์ไม่ดีซะแล้วสิ -*-
“งั้นพวกนายสามคน ไปหยิบผ้ากันเปื้อนตรงนั้นมาใส่ซะนะ...”
พวกนายสามคน!!!??? หมายถึงเขาด้วยหรอ...
พี่สาว~~เปล่านะครับ ผมไม่ได้มากับพวกเขา ผมเป็นลูกค้า ผมแค่จะมาสั่งไอศกรีมกินแล้วก็ไป
ที่มาสมัครงานนี่น่ะแค่เขาสองคนเท่านั้นนะครับพี่สาว
“...เสร็จแล้วก็มาเสริฟไอศกรีมตามออเดอร์เลยนะ เดี๋ยวเรื่องจัดแต่งไอศกรีมฉันจัดการเอง...อ้า~~~ดีใจจังเลย นึกว่าจะเหนื่อยคนเดียวเหมือนที่ผ่านๆมาซะแล้ว ^__^”
“เออ...คือว่า...พี่สาวครับ...”
พี่เข้าใจผิดอย่างจัง...แต่ยังไม่ทันอธิบายอะไร ชองยุนโฮก็ถูกสองคนนั่นลากไปหลังเคาน์เตอร์ซะแล้ว
มือไม้ที่เคยว่างเปล่า พลันมีถาดเสริฟไอศกรีมขึ้นมาเรื่อยๆ...
ฝีมือการตกแต่งของพี่สาวลูกเจ้าของร้านตกแต่งได้สาวจริงๆ มีสไตล์เฉพาะตัว
“เบอร์รี่มูสพาร์เฟต์ ได้แล้วครับ”
เด็กน้อยที่มากับคุณแม่แสดงสีหน้าดีใจเมื่อไอศกรีมสุดโปรดอยู่ตรงหน้า รอยยิ้มนั่นพลันกว้างขึ้นไปอีก
ดูเด็กน้อยมีความสุขจริงๆ...พอสังเกตดีๆผมของเด็กน้อยแหว่งวิ่น เหมือนจะโดนตัดโดยไม่ตั้งใจ
บางทีก่อนหน้าหนูน้อยอาจจะร้องไห้งอแงมาแน่เลย
“พอกินแล้ว เดี๋ยวแม่พอไปตัดผมนะจ๊ะ”
“ค่า ^^ แต่ขออีกถ้วยนะคะแม่ขา”
“จ้า...น้องชายขอแบบนี้อีกถ้วยนะจ๊ะ”
“ครับ”
กี่ครั้งต่อกี่ครั้งในวันนี้ที่ยุนโฮเห็นรอยยิ้มผู้คนที่เข้ามาทาน...
จะว่าไปมันก็ไม่เลวเลย ถึงจะไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก แต่พอเห็นแบบนั้น รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
ในใจเขาก็รู้สึกอิ่มใจอย่างประหลาด...
หรือว่าเขาควรจะปล่อยเลยตามเลย มาทำงานพาสไทม์ตลอกปิดเทอมหน้าร้อนนี้ดีไหม?
เวลาผ่านไป...นาฬิกาบนผนังบอกเวลาว่าตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว ควรจะปิดร้านได้เสียที
ลูกค้าเองก็กลับกันไปหมดแล้ว...คงไว้แต่พวกเด็กทั้งสามและคิมฮเยซองเท่านั้นในร้าน
“ขอบใจพวกเธอทั้งสามคนมากเลยนะ”
เธอกล่าวพร้อมกับยกไอศกรีมถ้วยโตให้ทั้งสามหนุ่มคนละถ้วย
“ท่าทางพวกเธอจะเหนื่อยน่าดูเลย ขอโทษทีนะยังไม่ทันถามอะไรก็ใช้พวกเธอให้ทำโน้นทำนี่ เยอะแยะไปหมดเลย ยังต้องมาล้างจาน กวาดร้านถูร้าน”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ แบบนี้ก็ดีแล้ว อย่างน้อยมันก็เหมือนกับพี่สาวรับเราเข้าทำงานแล้ว”
เจ้าเล่ห์นักนะนายแปดหลอด...
ฮเยซองเองไม่ได้พูดอะไรต่อ ยิ้มเจื่อนๆให้...
จะเอาไงดีนะ ความจริงก็ไม่อยากรับใครมาเป็นพนักงานเลย แถมพวกเขายังเป็นเด็กมัธยมอยู่เลย ถ้าจะจ้างจริงๆคงอยู่ได้แค่ระยะสั้นๆ พอเปิดเทอมปุบเด็กพวกนี้ก็คงต้องไปเรียนหนังสือ
แต่ถ้าไม่รับล่ะก็พรุ่งนี้กระทั่งวันต่อๆไปจนกว่าคุณป๋าจะกลับ ตัวเองคงซี้แหง่แก๋แน่นอน คงได้เหนื่อยตายแน่ๆคราวนี้...ไม่เอาล่ะ ไม่อยากถูกพาดหัวตัวโตในหน้าหนังสือพิมพ์หรอกว่า...
‘หญิงสาววัย 22 สลบตายคาร้านไอศกรีมในจังหวัดกวางจู’...จึ๊ย ไม่เอาหรอก แค่คิดก็เสียวแล้ว
“ว่าแต่พวกเธอชื่ออะไรกันบ้างล่ะนี่ ฉันจะได้เรียกถูก”
“ผมคิมจุนซูครับ” ไอ้หนุ่มที่ยุนโฮตั้งฉายาว่า ‘นายแปดหลอด’ บอกชื่อของเขาด้วยรอยยิ้ม
“ส่วนผม มิกกี้ครับ”
“มิกกี้??”
“ครับ มิกกี้...ชื่อมิกกี้ นามสกุลมิกกี้ ชื่อเกาหลีก็มิกกี้ ชื่อเล่นก็มิกกี้ ดังนั้นเรียกผมว่ามิกกี้มิกกี้ก็ได้ครับ”
เด็กหนุ่มมิกกี้พูด...พร้อมหยิบดอกกุหลาบสีแดงในแจกันแก้วบนโต๊ะที่อยู่ตรงหน้า ยื่นให้กับฮเยซอง ทำสายตาหวานเยิ้ม ยิ้มยั่ว ส่งฟีโรโมนที่เรียกว่าสเน่ห์ของชายหนุ่มวัยละอ่อนน่าขบเคี้ยว
มิกกี้เอ๋ย...ไม่ได้ผลหรอกจ้า เสียใจด้วยนะ คนอย่างคิมฮเยซองไม่ชอบเด็กผู้ชายที่อ่อนกว่าหรอกจ้า...
ก็เด็กผู้ชายที่อายุน้อยกว่าเนี๊ยะ ดีต่อสายต่อ แต่ไม่ดีต่อหัวใจ...ถ้าต้องมาคบกัน คงมีเรื่องให้ปวดหัว ปวดใจไปอีกนานแน่เลย
“แล้วเธอล่ะชื่ออะไร”
เห็นนิ่งเงียบตั้งหน้าตั้งตากินไอศกรีมไม่พูดไม่จาอยู่ตั้งนาน
“ยุนโฮครับ ชองยุนโฮ”
“ชื่อชองยุนโฮอย่างนั้นหรอ”
เป็นเด็กที่น่ารักจริงๆนะ...เสียดายอย่างเดียว งกรอยยิ้มชะมัด นี่ถ้ายิ้มออกมาล่ะก็เชื่อเลยสาวๆจะต้องละลายคาที่แน่ๆ ^____^”
“พี่สาวครับ คือว่า....”
ดูเหมือนยุนโฮอยากจะบอกอะไรสักอย่าง
“...คือว่าผม...คือ....”
“พี่สาวมีเครื่องเล่นแผ่นเสียงด้วยหรอครับ ยังเล่นได้อยู่รึเปล่าน้า”
พ่อหนุ่มมิกกี้ถามอย่างตื่นเต้น...ให้ตายเถอะ ทำไมพวกนายถึงชอบมาขัดคำพูดฉันจังนะ
“ฟังเพลงกันไหม ฉันมีแผ่นเสียงเก่าๆเพียบเลย กินไอศกรีมไปฟังเพลงไปสร้างบรรยากาศจะตาย”
“จริงหรอครับพี่สาว”
ว่าแล้วฮเยซองเดินฉับๆไปหยิบแผ่นเสียงในตู้ด้านล่างเครื่องเล่นแผ่นเสียงโบราณเครื่องนั้น
“ความจริงฉันจะเปิดเครื่องนี้ทุกๆวัน แต่วันนี้มันวุ่นไปหน่อยเลยไม่ได้เปิดน่ะ...เอาเพลง ‘I Can't Stop Lovin You’ ของ ‘Ray Charles’ ละกันนะ”
“เก่าจัง”
มิกกี้กล่าว ขณะที่เสียงเพลงกำลังบรรเลง ดูเขาตื่นเต้นอย่างกับว่าโลกทั้งใบนั้นมันน่าอัศจรรย์อะไรเยี่ยงนี้เลยทีเดียว
“ว่าแต่ทำไมต้องเครื่องเล่นแผ่นเสียงโบราณด้วยล่ะครับ เครื่องเล่นแผ่นเสียงแบบใหม่คมชัดๆก็มีตั้งเยอะ” จุนซูถาม
“ก็เพราะฉันเล่นเปียโนไม่เป็นไงล่ะ ถึงต้องมาเปิดแผ่นเสียงแทน...ฮะฮะฮะ...ล้อเล่นน่า...คุณป๋าเคยบอกกับฉันว่า ‘ของใหม่ใช่ว่าจะสามารถเข้าถึงทุกสิ่งทุกอย่าง บางครั้งบางสิ่งบางอย่างก็คงต้องเจาะจงมันไปเฉพาะของมันเลย ถึงมันจะเป็นสิ่งโบราณล้าสมัยก็เถอะนะ ก็มีบ้างล่ะที่ของใหม่ไม่มีวันใช้ได้ดีเท่าของเก่าๆ’“
“ไม่เห็นจะเข้าใจเลยพี่สาว”
นั่นสิ...ฉันพูดเองก็ยังงงๆอยู่เหมือนกัน...
“เหมือนความรักเลยเน๊าะ...”
วู้~~~ในที่สุดเจ้าชายน้ำแข็งก็ปริปากพูดแล้ว
“...ถ้าไม่ใช่คนๆนั้น คนที่เรารักคนนั้น ต่อให้ใครต่อใครดีกว่าสักแค่ไหน เราก็ไม่สามารถรักเขาได้เต็มร้อยเหมือนคนๆนั้น”
พูดได้เยี่ยม
“แต่ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย” จุนซูแย้ง
“นั่นสิ ไร้สาระสุดๆ ฉันพูดเข้าไปได้ยังไงนี่”
“ไม่ไร้สาระหรอก ดีออก ฉันชอบ”
มิกกี้สนับสนุนเต็มที่...ท่าทางหมอนี่จะชอบเอามากๆซะด้วยนะ
“นี่...มันดึกมากแล้วนะ...พวกเธอสามคนกินเสร็จแล้วก็กลับบ้านได้แล้วล่ะ เดี๋ยวพ่อแม่จะเป็นห่วง... ไว้พรุ่งนี้เราค่อยมาเริ่มงานกันใหม่”
“คร้าบบบบ”
“เออ...พี่สาวครับ...”
“มีอะไรหรอจ๊ะยุนโฮ”
ก็อยากจะพูดหรอกนะว่าตัวเองไม่ได้มาเป็นพนักงานอะไรนี่...แต่ว่าบางอย่างมันขัดขวางไม่ให้พูดออกมา บางอย่างที่ว่ามันคืออะไรเขาเองก็ไม่รู้
“ไม่มีอะไรหรอกครับ...ไอศกรีมที่นี่อร่อยมากเลย มันเหมือนยาที่ทำให้คนมีความสุข”
“พูดแบบนี้ฉันก็เขินนะยุนโฮ”
“พรุ่งนี้...........พรุ่งนี้ ผมจะ......ผมจะตั้งใจทำงานเต็มที่เลยครับ”
“จ้า”
“แต่ว่าถ้าต้องกลับดึกแบบนี้ทุกวันผมคงแย่”
“ถ้าเรื่องนั้น ความจริงแล้วข้างบนชั้นสองยังมีห้องว่างอีกสามห้อง”
“จริงหรอครับพี่สาว” จุนซูตื่นเต้น
“จริงหรอ ดีจังๆ ผมอยากใกล้ชิดพี่สาว” มิกกี้ไม่ต่างกัน
“จ้า...เพียงแต่พวกเธอต้องขออนุญาตพ่อแม่พวกเธอก่อนนะ ฉันยังไม่อยากติดคุกฐานพรากผู้เยาว์ เพราะมันจะดึกแบบนี้ทุกวันนั่นล่ะ”
“งั้นผมจะรีบไปขออนุญาตพ่อแม่เดี๋ยวนี้เลย ต้องปลุกให้ตื่น คิคิ”
มันจะดีหรอจุนซู
“แต่ของผม ผมอยากให้พี่ไปขอให้น่ะ”
นี่...มิกกี้ ฉันไม่ได้ชวนนายมาแต่งงานนะ
“ถ้างั้นเจอกันพรุ่งนี้นะครับ”
เจ้าชายน้ำแข็งไม่ได้ตอบหรอกว่าจะมานอนค้างหรือไม่ ความจริงเดาไม่ได้ต่างหาก...
พอจะอ้าปากย้ำถามเจ้าตัวก็หิ้วกระเป๋านักเรียนเดินออกจากร้านไปซะแล้ว
ชองยุนโฮนายเป็นผู้ชายแบบไหนกันนะ...ทั้งๆที่ออกจะน่ารักขนาดนี้
ไหนบอกว่าไอศกรีมร้านนี้ทำให้คนยิ้มออกไงล่ะ...ท่าทางจะโกหกใช่ไหม ถึงจะกินหมดถ้วย แต่ก็ยังไม่เห็นรอยยิ้มของนายสักครั้ง ผิดกับเจ้าสองคนนั้น...ที่ดูจะดีใจ ยิ้มง่าย ดูง่ายออกขนาดนั้น
ถ้าไม่ใช่คนๆนั้น คนที่เรารักคนนั้น ต่อให้ใครต่อใครดีกว่าสักแค่ไหน เราก็ไม่สามารถรักเขาได้เต็มร้อยเหมือนคนๆนั้น
อย่างนั้นหรอ...แล้วแบบนี้จะได้เจอสักคนไหมนะ
คนอย่างคิมฮเยซองจะได้เจอสักคนรึเปล่า...เรื่องนั้นช่างเถอะ
เอาล่ะ...คิมฮเยซอง...ระหว่างปิดเทอมหน้าร้อนนี้ มีอะไรทำแก้เบื่อแล้ว...
ต่อไปนี้จนกว่าจะเปิดเทอมคิมฮเยซองจะต้องทำให้ชองยุนโฮคนนั้นยิ้มออกมาด้วยไอศกรีมที่คิดค้นเองให้ได้เลย...
คุณป๋า...ถ้าหากฉันทำให้เขายิ้มได้ล่ะก็ ฉันจะอภัยให้คุณป๋าเลยนะ
แต่หากไม่สำเร็จคุณป๋าเตรียมตัวเตรียมใจโดยลงโทษได้เลย ชิชิ ฐานทำให้หนูขายหน้า ต่อให้มีของเซ่นราคาแพงมาให้ก็ไม่ให้อภัยเด็ดขาด..
.คุณป๋าชะตาชีวิตคุณป๋าอยู่ที่เด็กคนนั้นแล้วนะ....
บางทีอาจรวมถึงชะตาของทั้งคิมฮเยซองและชองยุนโฮด้วยก็ได้...เพียงแต่ทั้งคู่ต่างไม่รู้ตัวกัน ก็เท่านั้น
###########TO BE CONTINUAL############
สวัสดีค่ะ เพิ่งลงที่นี่เป็นเรื่องแรก ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ
บทที่ 1
[ตอนที่ฉันอายุ 10 ขวบ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่ฉันเผลอหลับไปบนรถประจำทาง
หลังจากซ้อมวิ่งที่โรงเรียนในวันก่อนกีฬาสีเสร็จ...
พอมารู้ตัวอีกที เมื่อลืมตาตื่นขึ้น ก็พบว่าสถานที่รอบกายมันกลับแปลกใหม่ไม่คุ้นเคย...
มันทั้งน่ากลัวและตื่นเต้น ความรู้สึกแบบนี้รึเปล่านะที่ฉันรู้สึกกับเธอในตอนนี้.......Story by คิมฮเยซอง]
มุมหนึ่งในซอยที่เงียบสงบของจังหวัดกวางจู...
ตรงนั้นมีร้านไอศกรีมร้านหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ร้านหนึ่ง...
ไม่น่าเชื่อว่ามันจะสามารถอยู่รอดได้มาถึง 10 ปีเต็มแล้ว
ตัวร้านถูกสร้างขึ้นโดยอดีตมัณฑนากรจากโซลนามว่า ‘คิมแทซอง’...
ซึ่งมีสไตล์เฉพาะตัวจริงๆ ดูเรียบง่ายแต่แอบแฝงความหรูหราในนั้นด้วยนิดๆ...
ลองนึกภาพร้านไอศกรีมแบร์ติยง บนเกาะแซงต์หลุย ประเทศฝรั่งเศสดูสิ ไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไรหรอก
ส่วนเรื่องรสชาติของไอศกรีมน่ะเหรอ...บอกได้คำเดียวว่า ‘สุดยอด’ มันทั้งเย็นฉ่ำ หวานหอม นุ่มลิ้น
แค่ชิมคำเดียวต่อให้โลกแตกอยู่ตรงหน้าก็สามารถทำให้คุณยิ้มได้ แถมในร้านยังมีรสชาติใหม่ๆไม่ซ้ำใครผลิตออกมาเรื่อยๆ
จากฝีมือของคุณเจ้าของร้านและลูกสาวนั่นล่ะ...ถึงจะฤดูหนาว ก็ยังมีคนเต็มร้าน
กรุ้งกริ้ง~~กรุ้งกริ้ง~~
เสียงกระดิ่งเล็กๆกระทบกับบานประตูที่กำลังแง้มเปิด...บอกถึงการมาเยือนของใครบางคนที่กำลังเข้ามาในร้าน
“เชิญค่า ร้าน ‘Parfait-tic’ ยินดีต้อนรับค่า”
เสียงใสกล่าวต้อนรับดังลั่นร้าน ทั้งที่หญิงสาวยังไม่ทันได้หันมามองเด็กหนุ่มที่เพิ่มเข้ามาคนนั้น
เข้าใจหรอกว่าเจ้าหล่อนกำลังสาละวน วุ่นวายอยู่กับการเทคแคร์ลูกค้าที่ต่างส่งเสียงเรียกร้องสั่งออเดอร์อยู่คนเดียว
จะว่าน่าสงสารก็น่าสงสารอยู่หรอก จะว่าน่าตลกก็อาจใช่...
ว่าแต่คุณลุงเจ้าของร้านไปไหนนะ ถึงได้ปล่อยให้พี่สาวต้องทำงานงกๆอยู่คนเดียว
ทั้งที่ลูกค้าเต็มร้านจนแทบไม่มีที่นั่งเหลือให้เขาเลย
หรือว่าคุณลุงเจ้าของร้านจะป่วย? คงไม่หรอกออกจะแข็งแรงขนาดนั้น
คำตอบคงมีแค่พี่สาวคนนั้นเท่านั้นที่รู้ล่ะ...
แน่นอน...เธอรู้ดีเชียวล่ะ...
คุณป๋า หนอ คุณป๋าทำกันได้...จู่ๆก็หนีไปเที่ยวคนเดียวโดยไม่บอกล่วงหน้าอย่างนั้น
ตื่นเช้ามาก็เห็นโน้ตแปะที่หน้าตู้เย็นว่าจะไปฝรั่งเศส ให้ได้อย่างนั้นเถอะ ช่างเป็นพ่อที่เอาแต่ใจตัวเองจริงๆ
คอยดูเถอะกลับมาเมื่อไรแม่จะเฉ่งให้ลืมชื่อตัวเองไปเลย คอยดูสิ คิมฮเยซองขอสาบาน
อย่างว่าล่ะมันใช่ครั้งแรกที่เป็นแบบนี้สักหน่อย สามปีที่แล้วคุณป๋าก็หนีเที่ยวออสเตรียเฉย
สองปีก่อนก็อิตาลี ส่วนปีที่แล้วก็สเปน...
พอกลับมาก็ลั่ลล้าสนุกสนานลั่นบ้านทิ้งให้ลูกสาวตัวเล็กๆต้องทำงานอยู่คนเดียว
จะอ้าปากต่อว่าท่านบิดาอันเป็นที่รักเหมือนจะรู้ทัน นำของเซ่น(ของฝาก)มาหยั่งอารมณ์โมโหได้ทุกทีเชียวน่า
แต่คราวนี้ล่ะจะไม่ยอมให้พลาดอีกแน่...พ่อก็พ่อเถอะ
“เออ...คือว่า...”
เด็กหนุ่มเองที่ยังหาจังหวะพูดไม่ได้ เข้าอยากจะถามเธอคนนั้นจริงๆ อีกนานเท่าไรถึงจะมีที่นั่งให้เขาสักที
หรือจะออกไปก่อนดีแล้วค่อยกลับมาใหม่ทีหลังดีนะ แต่ก็ยังกลัวถ้าหากเขาไปแล้วแล้วดันมีที่ว่างพอดีล่ะ
แต่กลับมีคนมาตัดหน้าล่ะ
ฮู้ววว ไม่เอาหรอก อีกอย่างเขาก็อยากกินตอนนี้นี่นา อุตส่าห์อยากฉลองสอบเสร็จวันสุดท้ายทั้งที...
อ๋า~~จริงด้วย ยังมีวิธีนี้อยู่นี่นา...ซื้อแบบโค่นไปกินข้างนอกก็ได้...จริงด้วย เอาล่ะ เอาแบบนั้นล่ะ
“เออ...พี่สาวครับผมขอ.......”
“สมัครงานพาสไทม์ที่นี่ใช่ไหมครับ”
อยากจะบ้า...จู่ๆใครก็ไม่รู้ตะโกนเสียงดังอยู่ทางด้านหลังกันนี่...
ไอ้เสียงดังแสบแก้วหูน่ะยังไม่เท่าไร แต่นี่เขาคนนั้นดันพูดขึ้นในจังหวะเดียวกับที่เขากำลังจะสั่งไอศกรีมอยู่พอดีนี่สิ สุดอารมณ์เสีย
เฮ่ย~~~นายสองคน พวกเราไม่ได้รู้จักกันสักหน่อย ไม่ต้องใกล้ขนาดนั้นก็ได้
ให้ตายเถอะ แถมชุดนักเรียนที่พวกเขาใส่ยังมาจากโรงเรียนเดียวกันอีก ชองยุนโฮ ชักลางสังหรณ์ไม่ดีซะแล้วสิ -*-
“งั้นพวกนายสามคน ไปหยิบผ้ากันเปื้อนตรงนั้นมาใส่ซะนะ...”
พวกนายสามคน!!!??? หมายถึงเขาด้วยหรอ...
พี่สาว~~เปล่านะครับ ผมไม่ได้มากับพวกเขา ผมเป็นลูกค้า ผมแค่จะมาสั่งไอศกรีมกินแล้วก็ไป
ที่มาสมัครงานนี่น่ะแค่เขาสองคนเท่านั้นนะครับพี่สาว
“...เสร็จแล้วก็มาเสริฟไอศกรีมตามออเดอร์เลยนะ เดี๋ยวเรื่องจัดแต่งไอศกรีมฉันจัดการเอง...อ้า~~~ดีใจจังเลย นึกว่าจะเหนื่อยคนเดียวเหมือนที่ผ่านๆมาซะแล้ว ^__^”
“เออ...คือว่า...พี่สาวครับ...”
พี่เข้าใจผิดอย่างจัง...แต่ยังไม่ทันอธิบายอะไร ชองยุนโฮก็ถูกสองคนนั่นลากไปหลังเคาน์เตอร์ซะแล้ว
มือไม้ที่เคยว่างเปล่า พลันมีถาดเสริฟไอศกรีมขึ้นมาเรื่อยๆ...
ฝีมือการตกแต่งของพี่สาวลูกเจ้าของร้านตกแต่งได้สาวจริงๆ มีสไตล์เฉพาะตัว
“เบอร์รี่มูสพาร์เฟต์ ได้แล้วครับ”
เด็กน้อยที่มากับคุณแม่แสดงสีหน้าดีใจเมื่อไอศกรีมสุดโปรดอยู่ตรงหน้า รอยยิ้มนั่นพลันกว้างขึ้นไปอีก
ดูเด็กน้อยมีความสุขจริงๆ...พอสังเกตดีๆผมของเด็กน้อยแหว่งวิ่น เหมือนจะโดนตัดโดยไม่ตั้งใจ
บางทีก่อนหน้าหนูน้อยอาจจะร้องไห้งอแงมาแน่เลย
“พอกินแล้ว เดี๋ยวแม่พอไปตัดผมนะจ๊ะ”
“ค่า ^^ แต่ขออีกถ้วยนะคะแม่ขา”
“จ้า...น้องชายขอแบบนี้อีกถ้วยนะจ๊ะ”
“ครับ”
กี่ครั้งต่อกี่ครั้งในวันนี้ที่ยุนโฮเห็นรอยยิ้มผู้คนที่เข้ามาทาน...
จะว่าไปมันก็ไม่เลวเลย ถึงจะไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก แต่พอเห็นแบบนั้น รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
ในใจเขาก็รู้สึกอิ่มใจอย่างประหลาด...
หรือว่าเขาควรจะปล่อยเลยตามเลย มาทำงานพาสไทม์ตลอกปิดเทอมหน้าร้อนนี้ดีไหม?
เวลาผ่านไป...นาฬิกาบนผนังบอกเวลาว่าตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว ควรจะปิดร้านได้เสียที
ลูกค้าเองก็กลับกันไปหมดแล้ว...คงไว้แต่พวกเด็กทั้งสามและคิมฮเยซองเท่านั้นในร้าน
“ขอบใจพวกเธอทั้งสามคนมากเลยนะ”
เธอกล่าวพร้อมกับยกไอศกรีมถ้วยโตให้ทั้งสามหนุ่มคนละถ้วย
“ท่าทางพวกเธอจะเหนื่อยน่าดูเลย ขอโทษทีนะยังไม่ทันถามอะไรก็ใช้พวกเธอให้ทำโน้นทำนี่ เยอะแยะไปหมดเลย ยังต้องมาล้างจาน กวาดร้านถูร้าน”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ แบบนี้ก็ดีแล้ว อย่างน้อยมันก็เหมือนกับพี่สาวรับเราเข้าทำงานแล้ว”
เจ้าเล่ห์นักนะนายแปดหลอด...
ฮเยซองเองไม่ได้พูดอะไรต่อ ยิ้มเจื่อนๆให้...
จะเอาไงดีนะ ความจริงก็ไม่อยากรับใครมาเป็นพนักงานเลย แถมพวกเขายังเป็นเด็กมัธยมอยู่เลย ถ้าจะจ้างจริงๆคงอยู่ได้แค่ระยะสั้นๆ พอเปิดเทอมปุบเด็กพวกนี้ก็คงต้องไปเรียนหนังสือ
แต่ถ้าไม่รับล่ะก็พรุ่งนี้กระทั่งวันต่อๆไปจนกว่าคุณป๋าจะกลับ ตัวเองคงซี้แหง่แก๋แน่นอน คงได้เหนื่อยตายแน่ๆคราวนี้...ไม่เอาล่ะ ไม่อยากถูกพาดหัวตัวโตในหน้าหนังสือพิมพ์หรอกว่า...
‘หญิงสาววัย 22 สลบตายคาร้านไอศกรีมในจังหวัดกวางจู’...จึ๊ย ไม่เอาหรอก แค่คิดก็เสียวแล้ว
“ว่าแต่พวกเธอชื่ออะไรกันบ้างล่ะนี่ ฉันจะได้เรียกถูก”
“ผมคิมจุนซูครับ” ไอ้หนุ่มที่ยุนโฮตั้งฉายาว่า ‘นายแปดหลอด’ บอกชื่อของเขาด้วยรอยยิ้ม
“ส่วนผม มิกกี้ครับ”
“มิกกี้??”
“ครับ มิกกี้...ชื่อมิกกี้ นามสกุลมิกกี้ ชื่อเกาหลีก็มิกกี้ ชื่อเล่นก็มิกกี้ ดังนั้นเรียกผมว่ามิกกี้มิกกี้ก็ได้ครับ”
เด็กหนุ่มมิกกี้พูด...พร้อมหยิบดอกกุหลาบสีแดงในแจกันแก้วบนโต๊ะที่อยู่ตรงหน้า ยื่นให้กับฮเยซอง ทำสายตาหวานเยิ้ม ยิ้มยั่ว ส่งฟีโรโมนที่เรียกว่าสเน่ห์ของชายหนุ่มวัยละอ่อนน่าขบเคี้ยว
มิกกี้เอ๋ย...ไม่ได้ผลหรอกจ้า เสียใจด้วยนะ คนอย่างคิมฮเยซองไม่ชอบเด็กผู้ชายที่อ่อนกว่าหรอกจ้า...
ก็เด็กผู้ชายที่อายุน้อยกว่าเนี๊ยะ ดีต่อสายต่อ แต่ไม่ดีต่อหัวใจ...ถ้าต้องมาคบกัน คงมีเรื่องให้ปวดหัว ปวดใจไปอีกนานแน่เลย
“แล้วเธอล่ะชื่ออะไร”
เห็นนิ่งเงียบตั้งหน้าตั้งตากินไอศกรีมไม่พูดไม่จาอยู่ตั้งนาน
“ยุนโฮครับ ชองยุนโฮ”
“ชื่อชองยุนโฮอย่างนั้นหรอ”
เป็นเด็กที่น่ารักจริงๆนะ...เสียดายอย่างเดียว งกรอยยิ้มชะมัด นี่ถ้ายิ้มออกมาล่ะก็เชื่อเลยสาวๆจะต้องละลายคาที่แน่ๆ ^____^”
“พี่สาวครับ คือว่า....”
ดูเหมือนยุนโฮอยากจะบอกอะไรสักอย่าง
“...คือว่าผม...คือ....”
“พี่สาวมีเครื่องเล่นแผ่นเสียงด้วยหรอครับ ยังเล่นได้อยู่รึเปล่าน้า”
พ่อหนุ่มมิกกี้ถามอย่างตื่นเต้น...ให้ตายเถอะ ทำไมพวกนายถึงชอบมาขัดคำพูดฉันจังนะ
“ฟังเพลงกันไหม ฉันมีแผ่นเสียงเก่าๆเพียบเลย กินไอศกรีมไปฟังเพลงไปสร้างบรรยากาศจะตาย”
“จริงหรอครับพี่สาว”
ว่าแล้วฮเยซองเดินฉับๆไปหยิบแผ่นเสียงในตู้ด้านล่างเครื่องเล่นแผ่นเสียงโบราณเครื่องนั้น
“ความจริงฉันจะเปิดเครื่องนี้ทุกๆวัน แต่วันนี้มันวุ่นไปหน่อยเลยไม่ได้เปิดน่ะ...เอาเพลง ‘I Can't Stop Lovin You’ ของ ‘Ray Charles’ ละกันนะ”
“เก่าจัง”
มิกกี้กล่าว ขณะที่เสียงเพลงกำลังบรรเลง ดูเขาตื่นเต้นอย่างกับว่าโลกทั้งใบนั้นมันน่าอัศจรรย์อะไรเยี่ยงนี้เลยทีเดียว
“ว่าแต่ทำไมต้องเครื่องเล่นแผ่นเสียงโบราณด้วยล่ะครับ เครื่องเล่นแผ่นเสียงแบบใหม่คมชัดๆก็มีตั้งเยอะ” จุนซูถาม
“ก็เพราะฉันเล่นเปียโนไม่เป็นไงล่ะ ถึงต้องมาเปิดแผ่นเสียงแทน...ฮะฮะฮะ...ล้อเล่นน่า...คุณป๋าเคยบอกกับฉันว่า ‘ของใหม่ใช่ว่าจะสามารถเข้าถึงทุกสิ่งทุกอย่าง บางครั้งบางสิ่งบางอย่างก็คงต้องเจาะจงมันไปเฉพาะของมันเลย ถึงมันจะเป็นสิ่งโบราณล้าสมัยก็เถอะนะ ก็มีบ้างล่ะที่ของใหม่ไม่มีวันใช้ได้ดีเท่าของเก่าๆ’“
“ไม่เห็นจะเข้าใจเลยพี่สาว”
นั่นสิ...ฉันพูดเองก็ยังงงๆอยู่เหมือนกัน...
“เหมือนความรักเลยเน๊าะ...”
วู้~~~ในที่สุดเจ้าชายน้ำแข็งก็ปริปากพูดแล้ว
“...ถ้าไม่ใช่คนๆนั้น คนที่เรารักคนนั้น ต่อให้ใครต่อใครดีกว่าสักแค่ไหน เราก็ไม่สามารถรักเขาได้เต็มร้อยเหมือนคนๆนั้น”
พูดได้เยี่ยม
“แต่ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย” จุนซูแย้ง
“นั่นสิ ไร้สาระสุดๆ ฉันพูดเข้าไปได้ยังไงนี่”
“ไม่ไร้สาระหรอก ดีออก ฉันชอบ”
มิกกี้สนับสนุนเต็มที่...ท่าทางหมอนี่จะชอบเอามากๆซะด้วยนะ
“นี่...มันดึกมากแล้วนะ...พวกเธอสามคนกินเสร็จแล้วก็กลับบ้านได้แล้วล่ะ เดี๋ยวพ่อแม่จะเป็นห่วง... ไว้พรุ่งนี้เราค่อยมาเริ่มงานกันใหม่”
“คร้าบบบบ”
“เออ...พี่สาวครับ...”
“มีอะไรหรอจ๊ะยุนโฮ”
ก็อยากจะพูดหรอกนะว่าตัวเองไม่ได้มาเป็นพนักงานอะไรนี่...แต่ว่าบางอย่างมันขัดขวางไม่ให้พูดออกมา บางอย่างที่ว่ามันคืออะไรเขาเองก็ไม่รู้
“ไม่มีอะไรหรอกครับ...ไอศกรีมที่นี่อร่อยมากเลย มันเหมือนยาที่ทำให้คนมีความสุข”
“พูดแบบนี้ฉันก็เขินนะยุนโฮ”
“พรุ่งนี้...........พรุ่งนี้ ผมจะ......ผมจะตั้งใจทำงานเต็มที่เลยครับ”
“จ้า”
“แต่ว่าถ้าต้องกลับดึกแบบนี้ทุกวันผมคงแย่”
“ถ้าเรื่องนั้น ความจริงแล้วข้างบนชั้นสองยังมีห้องว่างอีกสามห้อง”
“จริงหรอครับพี่สาว” จุนซูตื่นเต้น
“จริงหรอ ดีจังๆ ผมอยากใกล้ชิดพี่สาว” มิกกี้ไม่ต่างกัน
“จ้า...เพียงแต่พวกเธอต้องขออนุญาตพ่อแม่พวกเธอก่อนนะ ฉันยังไม่อยากติดคุกฐานพรากผู้เยาว์ เพราะมันจะดึกแบบนี้ทุกวันนั่นล่ะ”
“งั้นผมจะรีบไปขออนุญาตพ่อแม่เดี๋ยวนี้เลย ต้องปลุกให้ตื่น คิคิ”
มันจะดีหรอจุนซู
“แต่ของผม ผมอยากให้พี่ไปขอให้น่ะ”
นี่...มิกกี้ ฉันไม่ได้ชวนนายมาแต่งงานนะ
“ถ้างั้นเจอกันพรุ่งนี้นะครับ”
เจ้าชายน้ำแข็งไม่ได้ตอบหรอกว่าจะมานอนค้างหรือไม่ ความจริงเดาไม่ได้ต่างหาก...
พอจะอ้าปากย้ำถามเจ้าตัวก็หิ้วกระเป๋านักเรียนเดินออกจากร้านไปซะแล้ว
ชองยุนโฮนายเป็นผู้ชายแบบไหนกันนะ...ทั้งๆที่ออกจะน่ารักขนาดนี้
ไหนบอกว่าไอศกรีมร้านนี้ทำให้คนยิ้มออกไงล่ะ...ท่าทางจะโกหกใช่ไหม ถึงจะกินหมดถ้วย แต่ก็ยังไม่เห็นรอยยิ้มของนายสักครั้ง ผิดกับเจ้าสองคนนั้น...ที่ดูจะดีใจ ยิ้มง่าย ดูง่ายออกขนาดนั้น
ถ้าไม่ใช่คนๆนั้น คนที่เรารักคนนั้น ต่อให้ใครต่อใครดีกว่าสักแค่ไหน เราก็ไม่สามารถรักเขาได้เต็มร้อยเหมือนคนๆนั้น
อย่างนั้นหรอ...แล้วแบบนี้จะได้เจอสักคนไหมนะ
คนอย่างคิมฮเยซองจะได้เจอสักคนรึเปล่า...เรื่องนั้นช่างเถอะ
เอาล่ะ...คิมฮเยซอง...ระหว่างปิดเทอมหน้าร้อนนี้ มีอะไรทำแก้เบื่อแล้ว...
ต่อไปนี้จนกว่าจะเปิดเทอมคิมฮเยซองจะต้องทำให้ชองยุนโฮคนนั้นยิ้มออกมาด้วยไอศกรีมที่คิดค้นเองให้ได้เลย...
คุณป๋า...ถ้าหากฉันทำให้เขายิ้มได้ล่ะก็ ฉันจะอภัยให้คุณป๋าเลยนะ
แต่หากไม่สำเร็จคุณป๋าเตรียมตัวเตรียมใจโดยลงโทษได้เลย ชิชิ ฐานทำให้หนูขายหน้า ต่อให้มีของเซ่นราคาแพงมาให้ก็ไม่ให้อภัยเด็ดขาด..
.คุณป๋าชะตาชีวิตคุณป๋าอยู่ที่เด็กคนนั้นแล้วนะ....
บางทีอาจรวมถึงชะตาของทั้งคิมฮเยซองและชองยุนโฮด้วยก็ได้...เพียงแต่ทั้งคู่ต่างไม่รู้ตัวกัน ก็เท่านั้น
###########TO BE CONTINUAL############
สวัสดีค่ะ เพิ่งลงที่นี่เป็นเรื่องแรก ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ