KP Warriors : โรงเรียนนักรบ แหวนเทวะ
9.7
เขียนโดย nesugiso
วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 12.35 น.
20 ตอน
12 วิจารณ์
26.43K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2557 11.53 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
7) ฝ่าบันได 7000 ขั้น - เส้นทางสู่ไฮฮ็อกก้า 2 -
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
"จงขึ้นขึ้นไปตามบันได 7000 ขั้น ด่านที่แสนอันตรายแห่งไฮฮ็อกก้า"
....บรื้นนนนนนนน... "ที่นี่เหรอหมู่บ้านไอวารุส..." เสียงรถบัสคันสีน้ำเงินที่อยู่ข้างหลังของเรย์ค่อยๆเคลื่อนตัวจากตรงนั้นไปอย่างช้าๆ หลังจากที่ได้มาส่งที่ป้ายรถประจำทางที่อยู่ตรงทางเข้าหน้าหมู่บ้านๆหนึ่ง เรย์ค่อยๆเดินลงมาจากเนินตามทางที่ลาดลงไปประกบกับสะพานหินเก่าๆที่ใช้สำหรับข้ามแม่น้ำเพื่อเข้าไปหมู่บ้านนั้น สายตาของเรย์มองไปยังรอบๆหมู่บ้านนั้นแล้วสูดอากาศที่ค่อนข้างสดชื่นสำหรับโพลงจมูกของเขาเข้ามาอย่างเต็มปอด เป็นบรรยากาศที่คนที่ใช้ชีวิตในเมืองอย่างเขาไม่ค่อยคุ้นเคยซักเท่าไร
บ้านทุกๆหลังตรงหน้าของเขานั้นทำด้วยไม้ทั้งหมด ในบางบ้านนั้นปลูกผักผลไม้เอาไว้หลังบ้านของตัวเอง หรือแม้แต่เลี้ยงไก่ เลี้ยงวัว และกังหันลมขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างหลังของหมู่บ้านกับแท่นหินรูปวงกลมที่วนไปที่ฐานตามแรงลมนั้น เรย์สังเกตเห็นแป้งที่กำลังค่อยๆเกาะตัวขึ้นมาจากรอบๆเครื่องโม่แป้งนั้น
เขาค่อยๆมองบรรยากาศแบบนี้ไปพร้อมๆกับทานขนมปังแถวไส้ช็อกโกแลตที่เขาชื่นชอบ ซึ่งแทนอาหารเย็นของวันนี้ เขาเดินผ่านร้านขายของชำประจำหมู่บ้านที่กำลังค่อยๆเคลื่อนย้ายพืชผักผลไม้ของตัวเองไปไว้ในร้าน เพราะตอนนี้แสงจากดวงอาทิตย์แทบจะไม่มีเหลือให้เห็นแล้ว เรย์สังเกตเห็นบ้านหลังหนึ่งตรงหน้าของเขา เป็นบ้านไม้สองชั้นขนาดใหญ่กว่าบ้านหลังอื่นๆในหมู่บ้านทั้งหมด สิ่งที่ผิดปกติกว่าบ้านทุกหลังนี้ก็คือ มีชาวบ้านในหมู่บ้านเข้าออกบ้านหลังนี้กันเป็นจำนวนมากจนเรยเกิดความสนใจจึงรีบเดินไปดู เมื่อเข้าไปถึงหน้าประตูในเรยก็แหงนมองบ้ายที่กำลังแขวนอยู่ข้างบนที่มีรูปร่างคล้ายกับถ้วยที่มีน้ำที่กำลังเดือดจัด เขาจึงรู้ได้เลยทันทีว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านแต่เป็นร้านอาหารประจำหมู่บ้านนี่เอง เมื่อเขาเดินผ่านบานพับประตูเข้ามายังข้างในร้านนั้นก็พบกับบรรยากาศภายในร้านที่ดูคลื้นเครง ชาวบ้านที่กำลังกินและดื่มกันอย่างสนุกสนานอยู่บนโต๊ะไม้เก่าๆกับบรรดาอาหารและเครื่องดื่มที่พวกเขาสั่งมา ท่ามกลางเสียงดนตรีของวงดนตรีที่กำลังบรรเลงอยู่ในร้าน ภายในร้านนั้นดูมืดมิดเพราะมีแต่แสงไฟที่สลัวๆมาจากดวงไฟที่ติดอยู่ตามเสาทั้งหกต้น และเตาผิงที่อยู่ตรงข้ามกับที่เรยกำลังยื่นอยู่ เขายืนมองบรรยากาศภายในร้านนั้นแล้วคิดอยู่ว่าเขาควรจะทำอะไรต่อไป
และเขาก็นึกขึ้นได้เมื่อมองไปยังหน้าเคาน์เตอร์ที่เป็นเคาน์เตอร์ไม้ยาวๆที่ประดับประดาไปด้วยผลไม้และผักนานาชนิด ข้างหลังเคาน์เตอร์นั้นเต็มไปด้วยเครื่องดื่มหลากหลายชนิดที่กำลังแช่อยู่ในตู้เย็น เก้าอี้ไม้จำนวนแปดตัวที่ตอนนี้มีเพียงชายแก่ๆกำลังจิบเบียร์ยี่ห้อหนึ่งในแก้วลิตรใหญ่ๆ เรยค่อยๆเดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ตัวหนึ่งที่ห่างจากชายแก่คนนั้นมาสามตัว "จะรับอะไรดีพ่อหนุ่ม?" เจ้าของร้านกล่าวทักทายกับเรยลูกค้าที่เข้ามาใหม่ด้วยรอยยิ้มกับหนวดเฟิ้มของตัวเอง เขาสวมผ้ากันเปื้อนสีขาวที่ตอนนี้มีรอยเปื้อนจากน้ำที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ที่เขายืนอยู่นั้นบ้างแล้ว
"เอ่อ... ขอบัตเตอร์เบียร์ที่นึงครับ" เมื่อได้ยินออเดอร์ของเรยเขาก็หันไปยังข้างหลังเคาน์เตอร์เพื่อเริ่มทำของตามที่สั่งมาทันที
หลังจากนั้นเรย์ก็มองบรรยากาศภายในร้านรอบๆเพื่อฆ่าเวลาไปพลางๆ เขามองไปที่โต๊ะที่อยู่ข้างหน้าที่กำลังสำราญอยู่กับปลาสามรสและต้มยำกุ้งหม้อไฟอยู่ เขาเลยหยิบเมนูอาหารของร้านนั้นขึ้นมาดูเล่นๆ แค่เล่นๆเท่านั้น (...เขาคิดแบบนั้นในใจเพราะว่าเขาต้องชั่งใจเอาไว้เผื่อค่าเดินทางเที่ยวกลับของตัวเองด้วย) เรย์ค่อยๆไล่เมนูอาหารดูไปเรื่อยๆและเหลือบหันไปมองดูราคาที่ติดเอาไว้ถัดจากรายชื่อของอาหารนั้นๆ ซึ่งเขาก็ต้องตกใจเมื่อราคาอาหารที่ติดเอาไว้นั้นมีราคาที่ถูกมาก มากกว่าร้านอาหารประจำที่เขาเคยไปทานกับเพื่อนของเขาบ่อยๆกว่าสองเท่าของราคาอาหารนั้นได้ บางอย่างนั้นมากกว่าสามเท่าซะด้วยซ้ำไป
"เอ้า ได้แล้วพ่อหนุ่ม" เจ้าของร้านยื่นแก้วบัตเตอร์เบียร์วางไว้ตรงหน้าเรย เขาก็หยิบมันขึ้นมาดื่มในทันทีและขณะที่ยกแก้วดื่มอยู่นั้น เรยก็เห็นสายตาของเจ้าของร้านมองมาที่ป้ายชื่อโรงเรียนแล้วเขาก็ยิ้มนิดๆ
"มาจากเมืองไนท์เบลดเหรอ?" เจ้าของร้านถามขึ้นมา เรย์หยุดดื่มแล้ววางแก้วลง แล้วเลิกคิ้วขึ้นมาอย่างแปลกใจ "ตรานั่นไง เธอคงเป็นนักเรียนของไนท์เบลดสินะ..."
"อ๋อ ใช่ครับ ผมมาจากโรงเรียนไนท์เบลด..." เรย์ตอบพลางใช้มือของตัวเองปาดบัตเตอร์เบียร์ที่ติดอยู่ที่ริมฝีปาก
"อ่างั้นเหรอ แล้วเธอมาทำอะไรแถวนี้ล่ะเนีย จากไนท์เบลดมาที่นี่ก็ตั้งกว่าร้อยกิโล... มาเที่ยวที่นี่เหรอ หรือว่ามาหาโครงงานส่งอาจารย์วิชาสังคมล่ะ" เจ้าของร้านถามพลางใช้ผ้าเช็ดแก้วน้ำที่อยู่บนมือของเขา
"เอ่อ ถามจริงๆเหรอครับ" เรย์ถามซ้ำ
"เอ้า ก็จริงน่ะซิ คิดว่าฉันถามนายไปอย่างงั้นเหรอ ฮ่าๆ" เจ้าของร้านพูดแล้วหัวเราะไปด้วย
"ถ้ารู้แล้วอย่างตกใจนะครับ..." เรย์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ
"ผมกำลังจะขึ้นไป ไฮฮ็อกก้า...."
เหมือนกับเวลาที่กำลังเล่นเพลงแล้วถูกหยุดพ็อทเอาไว้อย่างนั้น บรรยากาศที่ดูครึกครื้นกลับเงียบสนิดในทันใด คนในร้านหันมองมาทางเรย์ที่กำลังนั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์นั้นเมื่อได้ยินประโยคที่เรยเป็นคนพูดขึ้นมา ไม่เว้นแม้แต่เจ้าของร้านที่ตกใจเมื่อได้ยินในสิ่งที่เรยพูด "พ่อหนุ่ม! นี่ล้อเล่นลุงใช่ไหมเนีย!" เจ้าของร้านพูดขึ้นมาด้วยท่าทางที่ยังคงตกใจกับในสิ่งที่เรย์พูดอยู่
"เปล่าครับ ผมพูดจริงๆ" เรย์ยังคงยืนยันคำตอบเดิม เจ้าของร้านถอนหายใจเล็กน้อย
"งั้นนายคงจะได้ยินเรื่องของไฮฮ็อกก้ามาบ้างแล้วสินะ" เจ้าของร้านถามพลางเลิกคิ้วขึ้นมา เรย์พยักหน้าตอบพร้อมกับยกแก้วบัตเตอร์เบียร์ดื่มขึ้นอีกครั้ง "เธอล้มเลิกความคิดที่จะพิชิตยอดเขานั่นซะเถอะ"
"ทำไมเหรอครับ เพราะว่ามันคือหุบเขาแห่งความตายเหรอ?" เรย์ถามพลางวางแก้วบัตเตอร์เบียร์นั้นลง
"ปีศาจ...." เจ้าของร้านจู่ๆก็พูดสวนขึ้นมาพร้อมกับสีหน้าของเขาที่ดูไม่ค่อยดีสักเท่าไรนัก
"เพราะปีศาจต่างหากล่ะที่มาของชื่อนั้น ปลายทางของบันไดเจ็ดพันขั้นแห่งไฮฮ็อกก้าที่ทุกคนต้องการจะไปให้ถึง พวกมันเฝ้าอยู่ตลอดทางและออกมาฆ่าทุกคนที่คิดจะไปให้ถึงที่นั่น ไม่!... ไม่เคยมีใครได้รอดกลับมาซักคนเดียวเมื่อคนที่ก้าวขึ้นไปสู่บันไดแห่งไฮฮ็อกก้าแล้ว"
เรย์ฟังอย่างตั้งใจพร้อมกับมองดูสีหน้าของเจ้าของร้านในขณะที่เขากำลังเล่าเรื่อง
"ขึ้นไปสองก็ตายสอง ขึ้นห้าก็ตายห้า ขึ้นไปสิบก็ตายสิบ ไม่เคยมีใครได้รอดกลับลงมาสักคนเดียว ได้ยินแบบนี้แล้วฉันว่านายเปลี่ยนใจแล้วกลับบ้านไปจะดีกว่านะ" เจ้าของร้านพูดพลางยกแก้วที่ตัวเองเช็ดทิ้งเอาไว้มาทำต่ออีกครั้ง "...ผมจะขึ้นไปครับ!" เพราะคำพูดของเรย์ทำให้เจ้าของร้านหยุดมืออีกครั้งหนึ่ง
"นี่นาย!!... คิดจะเอาชีวิตไปทิ้งที่นั่นเปล่าๆอย่างงั้นหรือไง!!!" เจ้าของร้านพูดด้วยเสียงสั่นๆ
"ผมตั้งใจเอาไว้แล้วว่ายังไงผมก็จะขึ้นไปให้ได้ แล้วอีกอย่างนึงผมน่ะมีเจ้านี่นะ" เรย์พูดพร้อมยกแหวนที่อยู่ที่นิ้วขึ้นมาให้เจ้าของร้านดู ซึ่งเจ้าของร้านก็มองดูแหวนที่นิ้วของเรย์อย่างงงๆ
"แหวนเหรอ... นั่นแหวน...?! "
"ครับผม..."
... ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องขึ้นไปให้ได้ เพราะเราตั้งใจเอาไว้แล้วนิ ...
เสียงสายน้ำไหลที่ไหลกระทบกับสะพานหินดังไปทั่วพื้นที่นั้นที่เงียบสงบยามค่ำคืนที่ท้องฟ้าไร้หมู่เมฆ ด้วยดาวดาราพลายรายล้อมไปทั่วผืนฟ้า อีกฟากของฝั่งแม่น้ำนั้นเป็นเส้นทางของบันไดขึ้นไปยังภูเขาใหญ่ที่สูงเสียดฟ้า ชาวบ้านนับร้อยยืนอยู่ตรงหัวสะพานพร้อมกับตะเกียงหรือโคมไฟเพื่อให้เกิดแสงสว่างในที่มืดมิดนั้น พวกเขามาเพื่อทำการส่งนักเรียนหนุ่มของไนท์เบลดตรงหน้า เพื่อทำตามเป้าหมายของตัวเองอย่างที่ตั้งใจ "อ่ะนี่ เผื่อว่านายต้องใช้มัน" เจ้าของร้านอาหารยื่นผ้าคลุมสีเทาที่พับมาอย่างดีให้กับเรย์ ซึ่งเรยก็ยินดีรับเอาไว้ด้วยความเต็มใจ
"ขอบคุณครับ"
"จะไม่เปลี่ยนใจแน่นะพ่อหนุ่ม?" เขาถามเรย์อีกครั้งเผื่อว่าเรยจะเปลี่ยนใจขึ้นมา แต่ผลลัพท์ที่ได้คือการสายหน้าไปมาของเรย์พร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ
"ถ้างั้นก็ระวังตัวให้มากๆด้วยล่ะ โชคดีนะพ่อหนุ่ม..."
"ครับ ขอบคุณทุกคนมากนะครับที่มาส่งผม" หลังจากที่โค้งให้กับชาวบ้านที่มาส่งเขาถึงที่แล้ว เรย์ก็หันหลังเดินออกจากที่ตรงนั้นไปทันที
"นี่..." หญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้ๆกับเจ้าของร้านอาหารคนนั้นพูดขึ้นมา หลังจากที่เรย์เดินจากตรงนั้นไปได้ไกลแล้ว "ปกติกับคนอื่นก็ไม่เห็นคุณทำแบบนี้เลยนี่น่า แต่กับคนๆนี้ไม่ใช่เลย มีอะไรพิเศษเหรอเด็กคนนี้น่ะ" เธอถามพลางมองเจ้าของร้านอาหารนั้น แววตาที่กำลังมองคนตรงหน้าของเขากระทบกับแสงจากตะเกียงอย่างเปล่งประกาย
"เด็กคนนี้น่ะไม่เหมือนกับคนอื่นๆที่ผ่านๆมาหรอก เขามีอะไรพิเศษอยู่ล่ะนะ" เจ้าของร้านยกตะเกียงขึ้นมาให้เห็นคนตรงหน้าซึ่งคนที่เดินจากไปนั้นถึงอีกฝั่งหนึ่งเรียบร้อยแล้ว
"ไม่แน่ว่าเด็กคนนี้อาจจะเป็นคนแรกที่พิชิตยอดเขาลูกนี้ก็ได้..." เพราะคำพูดของเจ้าของร้านนั้นเอง ทำให้เกิดเสียงซุบซิบขึ้นมาจากชาวบ้านข้างหลังของเขาในทันใด
... ถ้าเราจำไม่ผิดละก็ ต้องใช่แน่ๆแหวนในตำนานของไนท์เบลด ...
เรย์หันมาโบกมือให้กับชาวบ้านที่มายืนดูให้กำลังใจเขาแล้วหันกลับไปยังสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ภูเขาสูงเสียดฟ้าที่กำลังจะขึ้นไปหลังจากนี้ไม่อาจอนุมานได้ว่าสิ่งที่รอเรยอยู่คืออะไร เรยมองบันไดหินเก่าๆตรงหน้าก็รู้สึกใจหวิวๆนิดๆเมื่อเสียงลมยามค่ำคืนพัดเข้ามากระทบกับโสตประสาทหูในตอนนั้น ไม่นานนักคนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าบันไดก็ยอมก้าวขึ้นไปแต่โดยดี เป็นอย่างที่คาดการเอาไว้ไม่ผิดเมื่อเขาย่างก้าวขึ้นไปเท่านั้นเอง เหมือนกับว่าอากาศของโลกนี้มันเปลี่ยนแปลงโดยฉับพลัน จากที่เมื่อกี้นี้เรยยังรู้สึกเย็นๆตามสภาพอากาศของหมู่บ้านที่ติดเขาธรรมดาแต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกหนาว ราวกับว่าสภาพอากาศตอนนี้กลายเป็นหน้าหนาวไปอย่างงั้น
เรย์เดินขึ้นบันไดพร้อมกับนำผ้าคลุมที่เจ้าของร้านอาหารนั้นให้ขึ้นมาสวมใส่ในทันทีทำให้เขารู้สึกอุ่นขึ้นมาบ้าง เสียงลมพัดผ่านเข้ามาอย่างช้าๆ เมื่อเรยขึ้นมาจนถึงเนินสายตาของเขาไปสะดุดกับอะไรบ้างอย่างเข้าตรงหน้า มันมีรูปร่างคล้ายกับศาลหรือรูปปั้นอะไรสักอย่างทรงสามเหลี่ยมที่มีการสลักลวดลายอย่างวิจิตบรรจงสวยงาม เรย์ค่อยๆเดินเข้าไปเพื่อดูสิ่งนั้นใกล้ๆ แต่เขากลับสนใจแท่นหินที่อยู่ภายในนั้นมากกว่า มันมีรูปร่างคล้ายกับหน้าหมาป่าตอนก้มหัว หลังจากที่ชื่นชมกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามาพักหนึ่งเขาก็หันหน้าไปยังเนินและเดินขึ้นไปตามบันไดหินเก่าๆอีกครั้ง ใบไม้เล็กจากต้นไม้ที่อยู่รายล้อมค่อยๆร่วงหล่นลงมาตามแรงลมที่พัดผ่าน ทำให้เรยนึกถึงวันสบายๆวันหนึ่งของวันหยุดตอนฤดูร้อน เขาพึ่งเดินผ่านต้นสนและต้นยูคาลิปตัสอย่างช้าๆ พลางเหลือบไปมองหมู่บ้านที่อยู่ข้างล่าง บรรดาชาวที่ยืนส่งเรยอยู่เมื่อกี้นี้นั้นตอนนี้พวกเขาทั้งหลายต่างแยกย้ายกันกลับเข้าบ้านของตัวเอง แสงไฟระยิบระยับของหมู่บ้านส่องขึ้นมาถึงที่ที่เขากำลังยืนอยู่ เรย์มองลงไปแล้วยืนชื่นชมกับภาพบรรยากาศที่แสนสวยนี้
แต่ในขณะนั้นเองเสียงคำรามที่มาเป็นระยะๆก็ดังขึ้นตรงใกล้ๆกับที่เขากำลังยืนอยู่ ทำให้เรยต้องตื่นตัวขึ้นมาและเริ่มรู้สึกว่าตัวของเขาต้องใช้ความระมัดระวังตัวให้มากๆแล้วตอนนี้ เรยค่อยๆเดินย่องไปทีละก้าวไปบนบันไดหินนั้น หลังจากที่เขาผ่านเนินที่บดบังสายตาไปนั้นสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำให้เขารู้สึกใจหวิวเล็กน้อย
หมีควายสีน้ำตาลตัวใหญ่ยืนขวางทางเรยอยู่ มันส่งเสียงคำรามออกมาเป็นระยะๆ ขนาดตัวของมันใหญ่กว่าเรยสามหรือสี่เท่าได้ "ฮ่ะๆ ฉันว่าแกคงไม่ใช่ปีศาจที่เขาพูดถึงหรอกนะ"
เรย์พูดแบบติดตลก แต่ทว่าสายตาของหมีตัวนั้นก็หันควับมาทางเรย์ทันทีหลังจากได้ยินเสียงพูดของเขา มันใช้สี่ขาของมันวิ่งเข้ามาหาเรยอย่างรวดเร็วจนเรย์ต้องถอยหลังไปสองสามก้าว เมื่อมันเข้ามาใกล้เรยมาขึ้นมันก็ใช้สองขาหลังของมันกระโจนเข้าหาเขาอย่างไม่กลัว แต่ทว่าในขณะที่มันกระโดดเข้าหาเรยนั้น เขาก็กำหมัดแน่นแล้วพุ่งกำปั้นไปที่ท้องของหมีตัวนั้นอย่างแรง เสียงหมัดที่กระทบกับร่างกายของหมีดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว ร่างของหมีสีน้ำนั้นล้มกลิ้งลงไปตามบันไดหินนั้นจนหยุดอยู่เนินข้างล่างตรงที่เรย์จากมา เรย์มองผลงานของตัวเองแล้วยิ้มเล็กๆออกมา
"แกไม่ตายหรอก อย่างน้อยก็น่าจะลุกไม่ได้ไปอีกสักชั่วโมงสองชั่วโมง" เขาพูดออกมาพร้อมกับก้าวเดินออกจากตรงนั้น
"...แล้วพอตื่นขึ้นมาอย่าไปฆ่าใครอีกน๊า!!"
หลังจากนั้นเรย์ก็ออกเดินอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเห็นว่าทางบันไดขึ้นไปต่อจากนี้เป็นเนินสูงตลอดเขาจึงคิดว่าวิ่งขึ้นไปเลยน่าจะเร็วว่า หลังจากที่เขาเลี้ยวนั้นแล้วเขาก็ออกแรงวิ่งขึ้นบันไดไปในทันทีด้วยความรวดเร็ว สายตาของเรยที่มองบันไดนั้นเห็นว่าบางจุดก็มีบันไดบ้าง บางจุดเป็นหินทำให้เขาต้องกระโดดหลบ เขารู้สึกว่าเขาวิ่งอยู่บนพื้นดินของภูเขาอยู่พักหนึ่งในที่สุดเขาก็เจอกับบันไดหินแล้ว แต่บันไดหินตรงนี้กลับไม่เหมือนกับบันไดหินที่เขาเคยขึ้นมาก่อนหน้านั้น บันไดหินมีหิมะปกคลุมจนขาวโผลนทั้งหมด ต้นไม้ก็มีหิมะเกาะอยู่เต็มไปหมดและรวมไปถึงภูเขาด้วย
สายตาของเขาเหลือบไปเห็นบางสิ่งที่อยู่ตรงหน้า รูปทรงสามเหลื่ยมที่ดูคุ้นตา เมื่อเรยเข้าไปใกล้ก็รู้ว่ามันคือรูปปั้นหินเหมือนกับที่อยู่ข้างล่างที่เขาพึ่งผ่านมาเมื่อกี้นั่นเอง เรยมองเข้าไปข้างในนั้นพร้อมกับปัดหิมะที่เกาะอยู่ออกไป ปรากฏรูปปั้นที่ดูเหมือนคล้ายรูปเสือ
ไม่นานนักเรย์หันไปทางบันไดหินที่เต็มไปด้วยหิมะแล้วก้าวเดินขึ้นไปบันไดนั้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาค่อยข้างที่จะระวังตัวหน่อย เพราะว่าหิมะที่เกาะอยู่นั้นทำให้เขารู้สึกว่าพื้นรองเท้าค่อนข้างลื่นไปหน่อย เรยค่อยๆเดินขึ้นมาผ่านเนินสูงขึ้นไป เขาได้ยินเสียงลมพัดหวิวๆที่ข้างหน้า เพราะความสงสัยใคร่รู้ของตัวเองทำให้เรยต้องรีบก้าวฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีกนิดนึงจนพ้นเนินตรงหน้านั่นจนทำให้เขาพบกับหิมะของฝั่งตรงข้าม ที่กำลังปลิวเพราะแรงลมข้างหลังที่พัดผ่าน สายตาของเขามองมายังบันไดที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั้นวนอ้อมเขานั้นขึ้นไปอีก ทำให้เขามั่นใจว่าคงต้องเดินและขึ้นบันไปอีก
วินาทีที่เขากำลังจะก้าวเดินนั้น จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงผ้าคลุมพัดอยู่ตรงหน้า ซึ่งเขามั่นใจได้ว่าไม่ใช่เสียงที่มาจากผ้าคลุมของเขาอย่างแน่นอน เมื่อเรยเหลือบมองไปตามเสียงปลิวไสวที่กำลังดังอยู่นั้น เขาก็ได้พบกับคนๆหนึ่งที่กำลังสวมชุดคลุมและฮูดสีดำยืนอยู่ตรงหน้าของเขา ทำให้เรย์รู้สึกตกใจนิดหน่อย เรย์ยืนมองอยู่นานจนคนตรงหน้าเริ่มขยับตัวทำให้เขาต้องวิ่งตาม เมื่อเรย์วิ่งไปเจอเสาต้นหนึ่งหางตาของเขาก็เห็นคนๆนั้นยืนอยู่แล้วกำลังวิ่งหนีเขาไปอีกครั้ง
ในขณะที่เรย์กำลังจะวิ่งตามไปนั้นเสียงลมที่มากจากข้างล่างทำให้เรย์ต้องหันไปมองอย่างแปลกใจ ปรากฏว่าถัดจากบันไดที่เขายืนอยู่นั้นกลายเป็นหน้าผาลึกลงไป เมื่อเรย์เห็นก็รู้สึกใจหายลงตะตุ่มไป เขาเกือบโดนธรรมชาติหลอกเอาแล้ว แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงผ้าคลุมไหวของคนที่เขากำลังคิดจะตามอยู่นั้นเขาก็ต้องออกวิ่งตามไปอีกครั้งหนึ่ง เรย์วิ่งอ้อมเขาไปตามบันไดหินนั้นแต่สักพักหนึ่งเขาก็รู้สึกว่าเสียงผ้าคลุมที่เขาได้ยินตลอดทางนั้นกลับหายไป เขาจึงตัดสินใจมาหยุดที่ต้นสนใกล้ๆกับบันไดที่สายตาของเขาเห็นว่าต้องเลี้ยงไปทางด้านขวา เรย์หันมองสลับซ้ายขวาก็ไม่มีวี่แววคนๆนั้นอยู่แถวนี้เลย เขาจึงค่อยๆก้าวเดินขึ้นไปบันไดอีกครั้งหนึ่ง แต่ในขณะนั้นเอง
- ตรึง -
จู่ๆเสียงฝีเท้าขนาดใหญ่ก็ดังขึ้นมาพร้อมกับหิมะที่คลุ้งไปทั่ว เรย์หันตามเสียงนั้นก็พบกับสิ่งที่เขาไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเอง เขาพบสัตว์ที่มีรูปร่างคล้ายคลึงกับมนุษย์ ขนปุกปุยของมันมีสีขาวดั่งหิมะ รูปร่างของมันค่อยข้างใหญ่กว่าตัวของเรย นิ้วทั้งสามของมันมีกรงเล็บที่แสนคมกริบ ดวงตาทั้งสามจ้องมองมาที่เรย ปากของมันกำลังแยกเขี้ยวและส่งเสียงคำรามออกมาใส่คนตรงหน้าของมัน
"นี่มัน! หรือว่า! โทรลเหรอ!" เรย์พูดขึ้นมาอย่างตกใจ สายตาของเขาสั้นระริกด้วยความตกตะลึง "บ้าน่า ทำไมถึงมีโทรลอยู่ที่นี่ มันแค่สัตว์ในนิยายหรือเกมส์เองไม่ใช่รึไง..."
โทรลส่งเสียงคำครั้งสุดท้ายแล้วเหวี่ยงกรงเล็บของมันผ่านหัวของเรย์ไปจนเรยต้องก้มตัวหลบ เรย์ต้องถอยหลังเพื่อไปตั้งหลัก แต่เขาพึ่งรู้สึกได้ว่าข้างหลังของเขานั้นเป็นเหวลึกถ้าเขาก้าวถอยหลังไปอีกก้าวเดียวเขาต้องตกลงไปแน่ เรย์เลยหาจังหวะที่โทรลเหวี่ยงแขนของมันอีกครั้งม้วนตัวหลบไปด้านข้าง
เมื่อเรย์ลุกขึ้นมาตั้งหลักได้แล้ว รอจังหวะที่โทรลค่อยๆกระโดดเหมือนลิงนั้นเขามาหา ทันใดนั้นเรย์จึงออกแรงพุ่งหมัดขวาเข้าไปที่ท้องของโทรลอย่างแรงทำให้โทรลชะงักไป แต่ทว่าสิ่งที่เขาคิดไว้กลับไม่เป็นผล โทรลคำรามใส่หน้าของเรย์แล้วใช้แขนมันตบเรยจนปลิวไปกระแทกกับหินที่อยู่ข้างหลัง ... นี่เองเหรอปีศาจที่เจ้าของร้านนั่นพูดถึง! ...
เรย์คิดว่าตั้งแต่เขาเจอคู่ต่อสู้มาก็มีโทรลตัวนี้นี่แหละที่ทนแรงหมัดของเขาได้ นัยน์ตาของเรย์ลืมขึ้นมาแล้วมองไปยังโทรลที่กำลังเข้ามา เสียงแหวกผ่านอากาศของกรงเล็บโทรลนั้นทำให้เรย์ต้องก้มตัวหลบ จนทำให้เล็บที่แสนคมกริบของมันไปผ่าเอาหินที่อยู่ข้างหลังเรยแทน จังหวะนี้เรยคิดว่าเป็นจังหวะดีมากที่จะสวนกลับเรยจึงรัวหมัดชกไปเข้าที่ลำตัวของโทรลตรงหน้าจนร่างของโทรลสะเทือนไปทั้งตัว และในวินาทีต่อมาเรยรวบรวมพลังไปที่เท้าของตัวเอง แล้วเหวี่ยงขาเข้าไปที่ใบหน้าของโทรลตัวนั้นจนร่างของโทรลลอยตกหน้าผาลงไป
เมื่อเรย์มองลงร่างของโทรลที่ตกลงไปนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่าที่แห่งนี้ไม่ปลอดภัยแล้ว เขาจึงวิ่งขึ้นบันไดแล้วจากตรงนั้นไปอย่างรวดเร็วเพื่อขึ้นไปยังเนินที่อยู่ตรงหน้า เรยวิ่งอ้อมไปตามบันไดที่ทอดยาวพาเขาไป ด้วยความเร็วในการวิ่งจนหิมะที่กำลังปลิวตามแรงลมนั้นแตกกระจายตามตัวของไปเมื่อเขาวิ่งผ่านไป เรย์ออกแรงกระโดดขึ้นเนินนั้นโดยผ่านบันไดที่ต้องขึ้นมาไปหลายขั้น เมื่อเข้าค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา สายตาของเขาก็พบกับอะไรบางอย่าง
ตรงหน้าของเรยนั้นคือกองหินที่เรียงตัวกันอย่างวิจิตรบรรจง มีผ้าหนึ่งผืนผูกเอาไว้กับหินข้างบนสุด เรยเดินมาและยื่นมือจับผ้านั้นขึ้นมาดูใกล้ๆ เศษผ้าสีส้มเก่าๆที่ขาดจนแทบไม่เหลือชิ้นดีกับรอยเลือดที่ยังคงหลงเหลือให้เห็น นี่คงเป็นหลักฐานหนึ่งของผู้ที่มาผจญภัยแล้วต้องมาจบชีวิตบนภูเขาที่ขึ้นชื่อว่า ภูเขาแห่งความตาย นัยน์ตาของเรยสั่นระริกด้วยความสะเทือนใจ เขาค่อยๆละมือที่จับผ้าผืนนั้นแล้วนำมือไปประกบเข้าหากัน แล้วนั่งคุกเขาไว้อาลัยให้กับคนที่เป็นเจ้าของผ้าผืนนี้ สายลมที่โชยเอื่อยๆพร้อมกับใบไม้ที่ร่วงหล่น แทนบทเพลงแห่งการไว้อาลัยและสวดส่งวิญญาณให้ผู้ที่จากไปสู่สุขคติ... ในขณะที่เรย์ลืมตาและเงยหน้าขึ้นมานั้น ภายตรงหน้าของพื้นที่ว่างๆที่เต็มไปด้วยหิมะกับขั้นบันไดต่อไปที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้า รูปปั้นทรงสามเหลี่ยมรูปเดิมตั้งอยู่ติดหินภูเขาที่ดูคุ้นเคยปรากฏอยู่ตรงหน้า เรย์ไม่รอช้าเดินเข้าไปยังรูปปั้นที่ตั้งอยู่ท่ามกลางความว่างของพื้นที่ตรงนั้น แต่ว่ารูปปั้นที่เขาเจอในครั้งนี้ไม่เหมือนกับรูปปั้นที่ เรยเจอเมื่อครั้งก่อนๆ คราวนี้มันผิดกันตรงที่ว่าตรงหน้าของรูปปั้นนี้มีชามสีเงินที่ยังดูใหม่เอี่ยมพร้อมกับดอกไม้สีม่วงและเงินอีกจำนวนหนึ่งอยู่ในชามนั้นด้วย
... อะไรกันเนีย ทำไมถึงมีของแบบนี้อยู่ในที่แบบนี้ด้วยนะ ...
เมื่อเรย์ยื่นหน้าเข้าไปดูภายในช่องของรูปปั้นนั้นกลับว่าเขาไม่พบรูปปั้นสัตว์อะไรทั้งสิ้น แต่เรย์ก็ไม่รู้สึกแปลกใจไปมากกว่าในสิ่งที่สายตาของเขากำลังจ้องมองอยู่ในตอนนี้ เขายืนคิดไม่ตกอยู่ซักพักหนึ่งจนลมหนาวพัดผ่านเข้ามาในผ้าคลุมที่เขากำลังสวมใส่อยู่ทำให้เรยคิดได้ว่าควรออกไปจากตรงนี้ได้แล้ว
- ตึกๆๆๆ - แต่ทว่าเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นมาทั้งหน้าและหลังนั้นทำให้เรยต้องหยุดเดินและหันมาตั้งท่าเตรียมต่อสู้อีกครั้ง เมื่อสายตาของเขากำลังเห็นโทรลตัวหนึ่งที่อยู่บันไดบนเนินกำลังเดินกึ่งกระโดดลงมาหาและข้างหลังของเรยอีกตัวหนึ่ง
เรยในตอนนี้กำลังถูกโทรลล้อมเอาไว้ ดวงตาทั้งสามของมันจับจ้องมายังชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่กระพริบตา เรย์ตัดสินใจเปิดศึกนี้ก่อนโดยเรยหันไปถีบโทรลที่อยู่ข้างหลังของตัวเองจนมันกระเด็นไป ส่วนโทรลตัวหน้าก็ไม่รอช้ารีบพุ่งเข้าไปหาเรยพร้อมกับเหวี่ยงกรงเล็บของมันใส่เรย แต่เรยกับออกไปพร้อมกับสวนหมัดเข้าไปที่หน้าของโทรลจนกระเด็นไป โทรลตัวหลังกระโดดเข้ามาหาเรยพร้อมกับเหวี่ยงกรงเล็บไปมาแต่เรยก็ใช้แขนกันเอาไว้แล้วออกแรงพลักแขนออก พร้อมกับสวนด้วยหมัดรัวๆเข้าไปที่ท้องของโทรลจนโทรลกระเด็นแล้วล้มลงไปอีกรอบ
ในขณะที่เรยกำลังตั้งสมาธิอยู่กับโทรลที่อยู่ตรงหน้า โทรลที่อยู่ข้างหลังของเขาก็พุ่งเขามาหาเรยจนเรยเหวี่ยงตัวหลบเกือบไม่ทัน มันไม่รอช้าเหวี่ยงกรงเล็บของมันรัวแต่เรยก็หลบเล็บอันแหลมคมของมันอย่างชำนาน แล้วสวนกลับด้วยหมัดขวาที่มีแสงสีแดงเจิดจ้าพร้อมกับปล่อยพลังเข้าไปที่ท้องจนโทรลกระเด็นกลิ้งตกเขาไป
เรย์เหลือบไปยังโทรลที่กำลังค่อยๆลุกขึ้นมาแล้วค่อยๆเดินกึ่งกระโดดเข้ามาหาเรย แต่ในขณะเดียวกันเรยก็กำหมัดเอาไว้ที่แขนแล้วพุ่งเข้าไปชกหมัดที่ลำตัวของโทรลตรงหน้า เพราะความแรงของหมัดของเรยทำให้มันกระเด็นลอยไปชนกับหินภูเขาจนร่างของมันจมเข้าไปในหินชนิดที่มันคงจะออกมาอาละวาดไม่ได้อีกแล้ว ในที่สุดเหตุการณ์ก็สงบลง เรย์ค่อยเดินออกจากตรงนั้นไปอีกครั้งหนึ่ง เขาค่อยๆเดินขึ้นไปตามบันไดหินนั้นไปเรื่อยๆ ตลอดทางนั้นเขาเห็นอนุสรของคนที่ตายจากการมาผจญภัยที่นี่หลายต่อหลายครั้ง จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้เขาไม่สงสัยแล้วว่าทำไมที่นี่ถึงขนานนามว่าเป็นภูเขาแห่งความตาย แต่เรยมีเรื่องที่ทำให้ตัวเองสงสัยมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ในเวลาที่เขาค่อยๆเดินไปนั้นเขาพลางคิดว่า รูปปั้นพวกนั้นมันมีความหมายอะไรกันแน่ แล้วในที่แบบนี้ใครกันเป็นคนทำอนุสรที่ระรึกของคนที่ตาย
เรย์นึกเล่นๆพลางหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดู นัยน์ตาของเขาโฟกัสไปที่เวลาที่โชว์อยู่บนมือถือ ตอนนี้เวลาห้าทุ่มกับอีกห้านาที ในใจของเขาแทบไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเองว่าเวลาจะผ่านมานานมากขนาดนี้ ทั้งๆที่เขารู้สึกว่าเหมือนว่าตัวเองจะเดินขึ้นเขามาได้ไม่ถึงชั่วโมงเอง และเขาก็มองไปยังคลื่นของโทรศัพท์มือถือที่ตอนนี้สัญญาณไม่มีซักขีดเดียว เขาคิดว่าก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะไม่มีสัญญาณมือถือเลย
เรย์เดินมาได้สักพักหนึ่งก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมันผิดปกติไป บันไดที่เขาเดินมาตลอดนั้นจู่ๆก็หายไป เขาพยายามมองหาแต่ก็ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากกองหิมะที่ขาวโพลน เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังหลงทางจนเขาหาทางไปไม่ถูก เรยรู้สึกกังวนและกระวนกระวายจนเขาวิ่งออกจากที่นั่นไปตามทางหิมะนั่น เขาไม่รู้ว่าทางนี้มันจะพาเข้าไปถึงไหน เขายังรู้สึกกระวนกระวายอยู่ตลอดทาง จนเขาสะดุดหินแล้วล้มจนตัวเองกลิ้งตกลงไปข้างล่าง เรย์นอนแนบนิ่ง รู้สึกระบมไปหมดทั้งตัวจากการตกลงมาที่เนินสูงนั้น เขาแหงนหน้าขึ้นไปมองแล้วทำหน้าเสีย พลางคิดในใจว่าเราน่าจะใจเย็นกว่านี้ ในขณะที่เรย์กำลังหาทางกลับขึ้นไปข้างบนอยู่นั้นสายตาของเขาก็ไปสะดุดกับที่ๆหนึ่ง บันไดหินที่เขากำลังค้นหาอยู่มันอยู่ตรงหน้าของเขานี่เอง เรยรู้สึกดีใจนิดๆเมื่อเห็นเส้นทางที่ไปต่อผ่านเนินลูกนั้น เรย์ไม่รอช้ารีบวิ่งขึ้นไปยังบันไดหินตรงหน้านั้นทันที
เมื่อเรย์ขึ้นมายังบนเนินแล้ว สิ่งที่กำลังปรากฏตรงหน้าของเขาทำให้เขาต้องหยุดเดินต่อ คนสวมผ้าคลุมสีดำคนเดิมยืนอยู่ข้างล่างถัดจากบันไดหินข้างๆ เขาเงยหน้าขึ้นมามองเรย์ผ่านฮูทสีดำที่ปกปิดใบหน้าของเขา และไม่นานนักเขาก็หันหลังแล้วหนีเรยออกไปอีกครั้งหนึ่ง
"เฮ้ย! เดี่ยวสิ!!!" เขาคนนั้นไม่สนใจในเสียงเรียกของเรยแล้ววิ่งออกไปด้วยความเร็วสูง เรย์เห็นแบบนั้นก็ทนไม่ได้กระโดดจากเนินสูงนั้นลงไปยังข้างล่างโดยไม่กลัวว่าตัวเองจะเจ็บแล้ววิ่งตามคนๆนั้นไปอย่างรวดเร็ว เรย์อยากรู้ว่าภายใต้ผ้าคลุมนั่นแท้ที่จริงแล้วเขาเป็นใครกันแน่
เรย์คิดที่จะตามคนๆนั้นไปให้ได้โดยที่ไม่สนใจอนุสรของคนที่ตายที่เขาวิ่งผ่านมาแล้วนับหลายที่ หรือแม้กระทั่งรูปปั้นหินที่เรยใช้แต่เพียงหางตาดูเท่านั้นแต่เขาก็ไม่รู้เลยว่าข้างในนั้นมันคือสัตว์อะไร ตอนนี้ในหัวของเรยมีแต่ความคิดที่จะตามคนตรงหน้าให้ทันเท่านั้น เรยสั่งเกตเห็นบันไดสูงชันยาวๆที่ชายคนนั้นกำลังขึ้นไปด้วยความเร็วสูง เรยกำลังคิดอยู่ว่านั่นคนตรงหน้าของเขากำลังใช้เท้าวิ่งอยู่หรือกำลังเหาะขึ้นไปกันแน่ เพราะว่าความเร็วที่เรยเห็นนั้นมันเป็นความเร็วที่เหนือมนุษย์มาก
ด้วยความตั้งใจที่จะตามคนๆนั้นให้ทันให้ได้ เรย์จึงกำหมัดเรียกพลังแห่งแหวนที่เขาสวมอยู่ที่นิ้ว จากนั้นเขาก็กระโดดขึ้นไปบนบันไดที่อยู่บนเนินที่ลาดชันนั้น เรย์ค่อยๆกระโดดไปทีล่ะคืบๆถึงแม้ว่าจะไม่ทำให้เร็วจนตามคนๆนั้นทัน แต่ก็ช่วยยืดเวลาไปได้มาก ในที่สุดเขาก็ตามหลังของคนๆนั้นทันจนได้เมื่อขึ้นมาถึงที่หลังเนินนั่น
เมื่อมาถึงหลังเนินนั่นสายตาของเขาก็สนใจอยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า หลังไวๆของคนๆนั้นหายเข้าไปยังช่องแคบของภูเขาที่เต็มไปด้วยหิมะ เรย์ค่อยๆเดินเข้าไปยังช่องแคบนั้นและเมื่อเขาเลี้ยวไป เขาก็พบกับปากช่องว่างขนาดใหญ่ เสียงลมที่ผ่านช่องนั้นทำให้บรรยากาศของที่นั่นดูน่าขนลุกสำหรับเรย เขาค่อยๆเดินผ่านช่องว่างนั้นไป
แต่ในขณะนั้นเองเขารู้สึกว่าเหมือนกำลังเกิดแผ่นดินไหวขึ้นมา เมื่อร่างกายของเขาทั้งตัวกำลังสั่นไปตามแรงกระเทือนของอะไรบางอย่าง
- ตึกๆ ตึกๆ ตรึง!!!!! -
ทันใดนั้นความลับของแผ่นดินไหวในครั้งนี้ก็เปิดเผยออกมาตรงหน้าของเรยในตอนนี้ ทำให้เรย์แทบเขาอ่อนเมื่อได้รู้ความจริง โทรลสีขาวตัวขนาดมหึมาค่อยๆเดินออกมาจากเขาแล้วกระโดดลงมาจากเนินข้างบน เพราะร่างกายที่ดูใหญ่โตของมันทำให้เรยเห็นด้วยตาทั้งสามนั้นอย่างชัดเจน มันส่งเสียคำรามดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว มันค่อยๆเดินเข้ามาหาคนตัวเล็กที่อยู่ข้างหน้า เรยรู้สึกถึงงานช้างที่กำลังจะเข้ามาหา
"ตัวใหญ่ชมัดเลยแกเนี่ย"
เมื่อสิ้นเสียงของเรย์ยักษ์ขาวตรงหน้าก็คำรามออกมา แล้วก็ใช้กรงเล็บพุ่งเข้าลงไปยังคนที่อยู่ข้างล่างจนเรยต้องกระโดดหลบไป ด้วยแรงปะทะอย่างมหาสารทำให้ร่างของเรยลอยอยู่บนอาการนานขึ้นไปอีก เมื่อเท้าของเขาถึงพื้นแล้วก็ไม่รอช้ารีบพุ่งเข้าไปแล้วใช้หมัดชกเข้าไปที่ลำตัวของโทรลนั่นสองทีอย่างแรง แต่ทว่ามันไม่เป็นผล โทรลยังคงทนหมัดหนักๆของเรย์ได้อยู่เขาจึงโดนโทรลปัดออกไป จนร่างของเรย์กระเด็นไปชนกับหินภูเขา ร่างของเขาค่อยๆไหลลงไป แต่เมื่อเขาค่อยๆลืมตาขึ้นมาก็ต้องยันตัวหลบหมัดของโทรลยักษ์ตัวนั้นที่กำลังพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างต่อเนื่อง เรย์ม้วนตัวตีลังกาหลบแล้วหลบอีกจนแขนข้างหนึ่งของโทรลติดเข้าไปในหินจนเอาออกไม่ได้ ตอนนี้เรยคิดว่าเป็นโอกาศดีที่เขาจะโต้ตอบ เรยจึงรวบรวมพลังทั้งหมดไว้ที่หมัดทั้งสองข้างแล้วพุ่งเข้าไปหา เป็นจังหวะเดียวกับที่โทรลดึงแขนที่ติดอยู่ออกมาได้ เรย์พุ่งเข้าไปแล้วรัวหมัดนับร้อยชกเข้าไปที่ลำตัวของโทรล ทั้งต่อยทั้งแตะเขางั้นกลวิธีออกมาอย่างสุดความสามารถแต่ว่ามันก็ยังไม่เพียพอ เรย์โดนโทรลจับได้แล้วเหวี่ยงเข้าไปยังหินที่อยู่ข้างๆอย่างแรงจนร่างของเรย์จมหายไปในกองหินที่แตกกระจายอย่างไม่มีชิ้นดีนั่น โทรลกำหมัดแล้วงอกกรงเล็บที่แหลมคมของมันออกแล้วพุ่งเข้าไปยังกองหินที่มีเรยอยู่ในนั้น แต่ทันทีที่กรงเล็บพุ่งเข้าไปที่กองหินนั้นได้สำเร็จ ชายหนุ่มที่อยู่ในนั้นก็พุ่งทะยานสวนขึ้นมาจากกองหินนั้น แล้วกระโดดพุ่งฝ่าเท้าลงไปยังใบหน้าของโทรล
"ฮูวววววววว จ๊าก ย๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ "
เรย์สูดหายใจเข้าไปเพื่อเรียกพลังภายในร่างกายของตัวเองแล้วรวมมันไว้ที่เท้าที่คาอยู่ใบหน้าของโทรล แล้วระเบิดพลังออกมาพร้อมกับลูกเตะนับร้อยที่เข้าไปปะทะกับใบหน้าของโทรลนั้น จนใบหน้าของมันเหยเยเพราะแรงเตะ เลือดสีแดงพุ่งออกมาจากปากใหญ่ๆของโทรล และเรย์ก็ปิดฉากสุดท้ายด้วยการเหวี่ยงเท้าที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่ลุกโชนเข้าไปที่ใบหน้าของโทรลอีกครั้ง จนร่างยักษ์ปลิวลอยไปปะทะกับหินภูเขาแล้วหายไปข้างในนั้น
เมื่อเรย์กระโดดลงมาถึงพื้นก็เริ่มรวบรวมพลังไว้ที่มือข้างขวา แสงสว่างสีแดงอันเจิดจ้าปรากฏขึ้นมากลายเป็นลูกบอลพลังที่เรยกำลังถืออยู่ในมือ เมื่อรวบรวมพลังเรียบร้อยแล้วก็เหวี่ยงลูกบอลพลังที่อยู่ในมือเข้าไปที่กองหินขนาดใหญ่ตรงหน้าที่มีโทรลอยู่นั้น ทำให้กองหินนั้นแหลกไปเพราะการระเบิดของลูกบอลสีแดง
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วพื้นที่นั้น เรย์มองภาพฝุ่นที่คลุ้งกระจายอยู่ตรงหน้าพักหนึ่งแล้วจึงหันกลับเข้าไปในช่องว่างนั้น เพื่อเข้าไปหลบพายุหิมะที่กำลังพัดอย่างโหมกระหน่ำอยู่ในตอนนี้
เพราะความหนาวเหน็บจากหิมะที่เกาะอยู่ตามผ้าคลุมสีเทานั่นทำให้เรยตอนนี้ตัวสั่นไปหมดเพราะความหนาว เขาต้องรีบสลัดหิมะออกไปจากผ้าคลุมให้หมดก่อนที่ตัวเองจะหนาวมากไปกว่านี้ เรย์ยกมือขึ้นมาเป่าปากให้ความร้อนภายในร่างกายถ่ายเถลงไปในมือคู่นั้น เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆจนควันจากร่างกายออกมา คงจะไม่มีอันตรายอะไรอีกแล้ว
- ครืนนนนน นนน - เสียงที่คล้ายกับแผ่นดินไหวดังขึ้นอีกครั้งจนเรยต้องหันไปตามเสียงที่ดังขึ้นมานั้น กองหิมะกองใหญ่ที่ทับถมกันกำลังเคลื่อนไหวและในทันใดกรงเล็บอันแหลมคมพุ่งเข้าไปหาเรยที่ยืนอยู่ภายในช่องนั้น แต่ด้วยความเร็วที่เหนือกว่าทำให้เรย์ม้วนตัวหลบไปด้านข้างแล้ววิ่งหนีออกไปได้ โทรลตัวใหญ่ค่อยๆลุกขึ้นมาจากกองหิมะ แววตาทั้งสามของมันดูกำลังโกรธคนตรงหน้าเป็นอย่างมาก "...หน๊อยยยย อึดจังนะแก!!" ยังไม่ทันขาดคำโทรลตัวขนาดมหึมานั้นก็เหวี่ยงกรงเล็บของมันไปมาอย่างบ้าคลั่ง จนหลายครั้งที่เรยเกือบจะหลบไม่พ้น เรยคิดหาทางโต้กลับระหว่างที่วิ่งหนีขึ้นไปยังบนเนินสูง ซึ่งยักษ์ขาวก็แทงกรงเล็บไล่หลังเรยไปด้วย เรยคิดแผ่นๆหนึ่งออกในตอนนั้น เขาล่อให้โทรลตามขึ้นมายังบนเนินที่เขากำลังวิ่งหนีอยู่ เพราะความเร็วกว่าทำให้เขารู้สึกได้เปรียบอยู่นิดๆ
หลังจากที่หางตาของเรยมองเห็นโทรลกำลังเดินเข้าไปที่จุดๆหนึ่งที่เป็นพิกัดเป้าหมายของเขา เรยก็ออกแรงกระโดดเหวี่ยงตัวออกจากเนินนั้น
ร่างของเรย์ลอยอยู่กลางอากาศในขณะนั้น เป็นช่วงจังหวะเดียวกับที่โทรลสีขาวที่อยู่บนเนินนั้นกำลังจะกระโดดตามเข้ามา เรยหันไปพร้อมกับรวบรวมพลังเอาไว้บนฝ่ามือของเขาอีกครั้งหนึ่ง แต่ทว่าลูกบอลพลังสีแดงนั้นกลับไม่ได้เล็งไปที่โทรลตัวตรงหน้าของเขา - ฟาววว ววว ตูมมมมมมมมมมมม - เรย์ปล่อยพลังออกจากฝ่ามือของตัวเองอีกครั้ง ลูกบอลพลังสีแดงพุ่งเข้าไปยังช่องๆหนึ่งตรงหินภูเขา แสงสีแดงสว่างจ้าขึ้นมาก่อนที่จะเกิดการระเบิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เนินภูเขาหิมะที่โทรลใช้เป็นที่ยืนอยู่นั้นถล่มลงมาในทันใด ร่างของโทรลจมหายเข้าไปในกองเนินที่ถล่มลงมานั้น เรยโดดลงมาจากอากาศมองดูการถล่มของของภูเขาตรงหน้า ช่องแคบที่เคยมีอยู่ในตอนนี้ได้หายไปหมดแล้ว เหลือเอาไว้เพียงแต่กองหินกับหิมะกองใหญ่เท่านั้น แต่ทันใดนั้นเองมือสีขาวได้พุ่งออกมาจากกองหิมะที่เรย์กำลังยืนมองอยู่นั้น มืออันมหึมาเข้าไปจับตัวของเรย ์ร่างอันมหึมาของยักษ์ใหญ่สีขาวค่อยๆลุกขึ้นมาจากกองหิมะพร้อมกับออกแรงบีบชายหนุ่มที่อยู่ในอุ้งมือของมันนั้น เพราะแรงบีบจากมือยักษ์นั้นจนทำให้เรย์ต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าแดงกล่ำจนเขียว ลมหายใจเริ่มติดๆขัดๆ เขารู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายของเขานั้นจะแหลกไปเป็นเสี่ยงๆให้ได้ "บ้าเหรอ! ใครจะไปยอม.. ใครจะไปยอมแพ้แกกันเล่า!!! อึ้ยยยยยยยยย ย๊ากกกกกกกกกกกกก" เรย์ระเบิดพลังเฮือกสุดท้ายออกมาในทันทีจนมือใหญ่ที่บีบร่างของเขาอยู่นั้นต้องกระเด็นออกไป ยักษ์ขาวสลัดมือด้วยความเจ็บปวด ดวงตาทั้งสามของมันมองไปยังมือที่กำลังไหม้ไปพร้อมกับควันสีดำคลับ เมื่อมันเหลือบมามองชายหนุ่มต้องหน้านัยน์ตาของโทรลก็กำลังแสดงให้เห็นว่ามันกำลังแปลกใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
ร่างของชายหนุ่มที่เคยมีผ้าคลุมสีเทาในบัดนี้ผ้าคลุมนั้นถูกฉีกจนไม่เหลือเพราะพลังที่เขากำลังเบ่งออกมา กลายเป็นลูกแก้วสีแดงที่ห้อมล้อมตัวของเขาเอาไว้ และเมื่อลูกแก้วลูกนั้นหายไป ร่างของคนที่กำลังลอยอยู่ก็ร่วงลงมา เรยสบัดหน้าเงยขึ้นมาพร้อมกับนัยน์ตาที่เปลี่ยนสีเป็นสีแดง
ชายหนุ่มค่อยๆยืนขึ้นมาประจัญหน้ากับโทรล เมื่อยักษ์ขาวตรงหน้าคำรามด้วยความโกรธมันก็พุ่งเข้ามาหาเรยพร้อมกับเหวี่ยงกรงเล็บใส่อีกครั้ง แต่ด้วยความเร็วในการหลบที่เหนือกว่ามากๆทำให้โทรลเห็นเพียงแค่เงาสุดท้ายของเขาเท่านั้น และเมื่อรู้สึกตัวอีก โทรลก็โดนชกจนกระเด็นถอยหลังไปติดหิมะอีกครั้ง
โทรลค่อยๆดันตัวเองออกจากกองหิมะที่อยู่ข้างหลังด้วยความโกรธ แล้วแยกเขี้ยวส่งเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง มันพุ่งตัวออกมาแล้วพุ่งกรงเล็บเข้าหาเรยที่กำลังยืนอยู่ นัยน์ตาสีแดงของเรยจับจ้องไปยังกรงเล็บที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าเมื่อกรงเล็บนั่นถึงตัวของเรย กลายเป็นว่าเขาเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงหลบเบี่ยงไปซะก่อน
- ฟาววว ววว เปรี้ยง!!!! -
กรงเล็บข้างขวาที่แสนคมกริบของโทรลนั้นหักเป็นสองท่อน เรย์ใช้ฝ่ามือของตัวเองตัดกรงเล็บของโทรลขาดสบั้น จนมันร้องด้วยความเจ็บปวด
โทรลยกมือขึ้นมามองดูผลงานที่เรยทำกับมันเอาไว้ เล็บที่หักออกไปนั้นยังมีไฟสีแดงๆลุกอยู่ตามเล็บของมันอยู่ เมื่อโทรลเห็นดังนั้นก็ทำให้มันทวีความโกรธมากขึ้นไปอีกจนมันกระทืบอุ้งเท้าหนาๆของมันแล้ววิ่งเข้าหาเรย แต่ว่าเรยเองก็พุ่งหมัดสวนมันกลับไปด้วยความรวดเร็วและหนักจนมันต้องชะงักลงไป และวินาทีต่อมาเรย์ก็รัวหมัดด้วยความเร็วดุจสายฟ้าแลบจนร่างอันมหึมาของโทรลนั้นสะเทือนไปหมดทั้งตัว และในระหว่างที่ยักษ์ขาวตรงหน้านั้นยังไม่ทันได้ตั้งตัว เรย์ต้องออกแรงเหยี่ยบตัวของโทรลและตีลังกาขึ้นไปในอากาศอีกครั้งหนึ่ง ดวงตาทั้งสามของโทรลยังไม่ทันได้มองดูเหตุการณ์ตรงหน้ามันก็ถูกฝ่าเท้าที่แสนหนักหน่วงพุ่งลงมาเข้าปะทะไปที่หน้าของมัน จนมันกระเด็นจนหลังไปติดกองหิมะใหญ่นั่นอีกครั้งหนึ่ง "ฮึ่ยยยยยยย!! ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!"
เมื่อเรย์กระโดดลงมาจากอากาศนั้นก็ไม่รีรอพุ่งเข้าไปหาโทรลที่กำลังไม่ได้ตั้งตัว พร้อมกับระเบิดพลังออกมาที่ฝ่ามือ เมื่อเข้าระยะแล้วเรยก็กระแทกฝ่ามือนั้นลงไปในร่างของโทรลแล้วปล่อยพลังที่กำลังไหลเวียนอยู่นั้นเข้าไปในร่างของโทรล และเมื่อดึงมือออกมาพร้อมกับยันตัวออกจากโทรล ร่างของโทรลที่อยู่ภายใต้กองหิมะนั้นก็ค่อยๆลุกเป็นไฟ จนร่างของมันระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ไม่เหลือซากทั้งร่างของโทรลและกองหิมะนั้น เรยถอนหายในเฮือกใหญ่ๆอีกครั้งก่อนที่เขาจะรู้สึกว่ามีอะไรแปลกไปจากสภาพอากาศรอบๆตัวของเขา
หลังจากที่เรย์โค่นโทรลหิมะได้สำเร็จ พายุหิมะที่เคยโหมกระหน่ำจู่ๆก็หายวับไปอย่างงั้น เรย์แปลกใจมากจนเขาต้องเดินออกมาจากแถวนั้นเพื่อหาสาเหตุเรยเดินตามทางที่เต็มไปด้วยหิมะออกมาได้ซักพักหนึ่ง เขาก็เห็นบันไดหินที่เขาคิดว่าน่าจะหมดแล้วกลับปรากฏขึ้นอีกครั้งตรงหน้า
"ยังมีทางให้ไปต่ออีกเหรอเนีย!"
เรย์บ่นพรึมพรำอยู่คนเดียวท่ามกลางหิมะที่ปกคลุมนั้น ไม่นานนักเขาก็จำใจยอมเดินขึ้นไปบนบันไดหินเพื่อไปจุดหมายต่อไปซึ่งเขาก็ไม่อาจจะรู้ได้เลยว่าจุดหมายที่รอเขาอยู่ข้างหน้าจะมีอะไรซ่อนอยู่กันแน่
แต่ในขณะนั้นเองที่เรย์กำลังจะก้าวออกมาจากที่ตรงนั้น เสียงผ้าคลุมที่โบกสบัดตามแรงลมพัดก็ได้ดังขึ้นตรงหน้าของเขา เมื่อเรยเงยหน้าขึ้นไปมองยังเนินที่เห็นแสงดาวบนท้องฟ้า คนใส่ผ้าคลุมสีดำปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่งต่อหน้าเขา "นี่แก!" เรย์เปลี่ยนสีหน้าไปในทันทีเมื่อพบคนที่เขากำลังตามหา แต่ยังไม่ทันสิ้นเสียงของเรย์ดีคนตรงหน้าก็หันหลังและวิ่งออกไปไกลแล้ว
"หน๊อยยยยยยย หยุดน๊าาา!!!!"
เรย์ใช้พลังของแหวนอีกครั้งทำให้ดวงตาของเขาเปลี่ยนสีกลายเป็นสีแดง แล้ววิ่งออกไปด้วยความเร็วสูงเพื่อตามคนตรงหน้าของเขาให้ทัน และก็เป็นไปอย่างที่เขาคาดหวัง พลังของแหวนนั้นช่วยเพิ่มความเร็วในการวิ่งของเขาหลายเท่าตัวนัก แม้แต่ความเร็วของคนตรงหน้าก็ยังสู้ไม่ได้
พวกเขาทั้งสองวิ่งไล่กันไปเรื่อยๆตามบันไดหินที่เต็มไปด้วยหิมะนั่น เรย์ไม่สนทั้งอนุสรของผู้ที่ตายที่กำลังเรียงรายอยู่นับหลายแห่งข้างๆทางนั้น หรือแม้แต่รูปปั้นหินรูปทรงสามเหลี่ยมที่เขาวิ่งผ่านไปซักสองแห่ง และสามเมื่อกี้ในขณะที่เรย์กำลังจะคว้าชายผ้าคลุมสีดำนั่นได้ แต่เขาก็ต้องหลุดมือไปเพราะว่าคนตรงหน้ากระโดดข้ามเนินไปได้ทันก่อน แต่เรยก็ไม่ลดละกระโดดข้ามเนินที่กีดขวางเขาไป เมื่อเรยลงถึงพื้นหินนั้นได้ก็รีบวิ่งต่อ เขาใกล้ถึงแล้ว ใกล้ถึงตัวของคนตรงหน้าแล้ว!
- ควับ!!! ฟาวววว วววว ววว -
แต่ทว่าสิ่งที่ไม่คาดคิดกับเขาก็เกิดขึ้น ทันทีที่เรย์ดึงชายผ้าคลุมของคนตรงหน้าได้สำเร็จ เขาหวังว่าจะได้เจอกับบุคคลปริศนาที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีดำนั่น แต่ทว่าสิ่งนั้นกลับกลายเป็นความว่างเปล่าที่เหลือเพียงแต่ผ้าคลุมสีดำที่ตัวเขากำลังถืออยู่ในมือเท่านั้น นัยน์ตาของเรยเบิกกว้างค้างด้วยความตกตะลึง พลางคิดวนลูปไปมาว่า นี่เขาวิ่งตามใครอยู่กันแน่ แล้วคนที่กำลังสวมผ้าคลุมนั้นเป็นใคร เรยยืนอึ้งอยู่นานจนเขาต้องเดินต่อไปตามทางบันไดหินที่กำลังทอดยาวไปนั้น จู่ๆสิ่งที่ทำให้เขาหลุดออกจาก
วังวนนั้นกลับเป็นเสียงลมที่กำลังพัดผ่านอยู่บนท้องฟ้า
เรย์เงยหน้ามองขึ้นไปตามเสียงลมนั้น เขาค่อยๆเดินขึ้นบันไดตรงหน้านั้นไป สายตาของเขากับจ้องไปยังภาพที่สวยงามที่กำลังปรากฏขึ้นอยู่บนท้องฟ้า
ออร่าเจ็ดสีกำลังส่องแสงขึ้นมาอยู่บนฟ้าท่ามกลางหมู่ดาวที่ระยิบระยับอย่างสวยงาม เมื่อเรยได้เห็นก็รู้สึกชื่นชมและดีใจเป็นอย่างมากที่เขาได้เห็นภาพสวยงามๆในที่แบบนี้ เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังอยู่แถวๆไซบีเรียอย่างไงอย่างงั้น สายตาของเรยมองตามหิมะที่กำลังปลิวไปตามแรงลมที่กำลังพัดผ่านร่างกายของเขาไป เขาค่อยๆชายตามองตามไปนั้น ทำให้เขาได้พบกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเขา วิหารหินหลังใหญ่ตั้งอยู่ตรงหน้าของเขา เรยเดินเขาไปอย่างช้าๆ สายตาของเรยชายมองวิหารตรงหน้าตั้งแต่สุดขอบหน้าผ่าทางซ้าย จนไปถึงกำแพงวิหารที่ติดอยู่ที่ภูเขาหิมะทางขวา เรย์เงยหน้ามองสิ่งๆหนึ่งที่กำลังตั้งตระหง่านระหว่างบันไดทั้งสองฝาก ที่ทอดยาวขึ้นไปบนประตูที่อยู่ทางเข้าข้างหน้าวิหาร รูปปั้นของบุรุษในตำนานคนหนึ่งหนึ่งขนาดสามเมตรตั้งอยู่บนฐานหินสี่เหลี่ยม ใส่ชุดเกราะที่ข้างหลังนั้นมีปีกคล้ายกับเทพเจ้า สวมหมวกที่มีปีกอยู๋ด้านข้าง มือซ้ายจับโล่และมือขวากำลังชูดาบขึ้นมา เรย์ค่อยๆเดินเข้าไปใกล้เพื่อชื่นชมกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก สายตาของเขาค่อยๆไล่ลงมาจนไปหยุดอยู่กับรูปปั้นทรงสามเหลี่ยมที่ดูคุ้นตา เมื่อเห็นดังนั้นเรยก็เข้าไปดูในช่องภายในรูปปั้นนั้น รูปแกะสลักข้างในรูปปั้นภายใต้ฐานของอัศวินคนนั้นก็คือ นกฟินิกซ์ นั่นเอง
เมื่อเห็นรูปแกะสลักที่อยู่ภายในนั้นเรยก็ยกแหวนขึ้นมาดู นัยน์ตาสีดำคลับของเขากำลังสะท้องแสงที่แหวนสีแดงของเขากำลังส่องออกมา รูปนกฟินิกซ์ที่อยู่ในแหวนกับรูปนกฟินิกซ์ที่อยู่ภายในรูปปั้นทรงสามเหลี่ยมนั้นเป็นรูปๆเดียวกันกับเขา เรย์มองสลับไปมาระหว่างสิ่งของทั้งสองนั้น
- คลึบๆ ๆ - "ยินดีต้อนรับสู่ไฮฮ็อกก้า และวิหารแห่งผู้พิทักษ์ ไฮคิง..."
เสียงผ้าคลุมโบกสบัดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เรยหันไปตามเสียงนั่น ผู้สวมผ้าคลุมสีดำปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่งบนบันไดทางเข้าไปในวิหาร เรยตั้งท่าเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาต่อไป
แต่ทว่าคนตรงหน้านั้นกลับไม่มีทีท่าว่าจะหนีจากเขาไปอีกแล้วเหมือนครั้งก่อนๆ เขากลับยกมือขึ้นมาถอดฮูทที่กำลังปิดบังใบหน้าของตัวเองนั้นออกมา เผยให้เห็นใบหน้าของชายชราที่มีหนวดเครายาวๆ ผิวสีขาว หัวล้าน ดวงตาสีดำคู่เล็กที่ดูแสนดีใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นถูกส่งมาให้คนตรงหน้า พร้อมกับรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตร...
"ข้ารอท่านอยู่นานแล้วล่ะ ท่านเรย มิเลียร์... ผู้กล้าแห่งแหวนอัคคี"
|
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.6 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ