KP Warriors : โรงเรียนนักรบ แหวนเทวะ

9.7

เขียนโดย nesugiso

วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 12.35 น.

  20 ตอน
  12 วิจารณ์
  26.40K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2557 11.53 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

6) คำแนะนำจากเอวิน - เส้นทางสู่ไฮฮ็อกก้า -

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
         นัยน์ตาของเด็กหนุ่มที่ชื่อว่าเรย์ค่อยๆลืมขึ้นมา เขากวาดสายตาไปรอบๆพลางคิดว่าที่นี่คือที่ไหนกันแน่ เมื่อในที่แห่งนั้นมีแต่ความมืดมิดและความว่างเปล่าไร้ซึ่งแสงเดือนและหมู่ดาว ไร้ซึ่งแม้แต่ลมโชยเย็นๆที่เคยพัดผ่าน เรย์ค่อยๆลุกยืนขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกที่เหมือนกับว่าตัวเองหลับไป... นานแสนนาน

         เด็กหนุ่มยังคงมองไปรอบๆทั้งซ้ายและขวาด้วยความรู้สึกที่ดูเควงคว้าง ไร้จุดหมาย สายตาของเขาต้องการที่จะหาแสงสว่างจากที่ไหนซักแห่ง แต่มันกลับทำให้เขาคิดว่ามันช่างแสนยากเย็นนักเมื่อคิดจะทำเช่นนั้นภายใต้ความมืดมิดสีดำ ที่ดูกดดันความรู้สึกในตอนนี้ ขาทั้งสองข้างที่เคยนิ่งสนิดก็เริ่มก้าวออกมาจากที่ตรงนั้นเพื่อหาคำตอบว่าที่แห่งนี้คือที่ไหนกันแน่
 

         "เรย์ มิเลียร์!"
 

         ทันใดนั้นเสียงที่ดังกึกก้องกังวานไปทั่วพื้นที่แห่งความมืดก็ดังขึ้นมา เรย์หันมองไปรอบๆด้วยความหวาดหวั่น สายตาของเขาเริ่มสังเกตเห็นร่างเงาดำๆตรงหน้า ที่เริ่มขยับใกล้เข้ามาที่ละนิดๆ 
 

         "แกเป็นใคร!!!"
 

         เสียงตะโกนของเรย์ดังกึกก้องไปทั่วประหนึ่งเหมือนเสียงที่ดังอยู่ในถ้ำหรือในอุโมงกว้างๆ ทันใดนั้นเสียงที่คล้ายกับผ้าคลุมที่กำลังโบกสะบัดได้ดังขึ้นมา และเผยร่างเงาทมึฬร่างใหญ่ขึ้นตรงหน้าของเขา ชุดเกราะสีดำที่เต็มไปด้วยลวดลายสีแดงที่แสนวิจิตรบรรจงแต่แอบแฝงไปด้วยความน่ากลัว ผ้าคลุมสีดำที่โบกสะบัดกับร่างที่สูงใหญ่กว่าตัวของเรย์สองถึงสามเท่านั้น ทำให้เรย์ถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยความหวาดกลัว หมวกโลหะที่มีรูปทรงคล้ายกับหัวมังกรที่ปกปิดใบหน้าที่แท้จริง เรย์พยายามมองผ่านเข้าไปยังเงาดำภายใต้หน้ากากนั้นแต่ก็ไม่สามารถเห็นอะไรได้นอกจากความมืดบอด ประหนึ่งเหมือนกับว่าใบหน้านั้นถูกกลืนกินเข้าไปในความมืดมินนั้นแล้ว
 

         "ข้ารอจะพบเจ้าอยู่ตั้งนานแล้วล่ะ เรย์ มิเลียร์ ผู้กล้าแห่งแหวนอัคคี... คนที่ถูกเลือก!"
 
         "...อันดูริล!!"
 


         ผ้าคลุมสีดำทมึฬของคนตรงหน้าเริ่มแผ่ขยายออกไปครอบคลุมพื้นที่แห่งความมืดนั้นจนหมด เหมือนว่ากำลังจะคลอบงำโลกใบนี้ไปทั้งใบ และแล้วฉากพื้นหลังสีดำที่เคยมีอยู่ก็ได้บังเกิดแสงสีแดงขึ้นมา ภาพแรกที่เรย์เห็นนั้นคือเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้ไปทั่วพื้นที่แห่งนั้น ในขณะเดียวกันสายตาของเรย์ก็รับรู้ได้ว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง ทั้งต้นไม้ สนามหญ้า ตึกอาคารที่เรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ เป็นสถานที่ๆเขาคุ้นเคยมาเป็นอย่างดีนั่นก็คือ โรงเรียนไนท์เบลด 
 
         สายตาของเรย์สั่นระรึกด้วยความตกตะลึงกับเปลวเพลิงที่เขาเห็นอยู่นั้น มันกำลังลุกไหม้อย่างโชติช่วงตามอาคารเรียนและต้นไม้รอบๆ เรย์ได้รับความรู้สึกอะไรบางอย่างที่ปลายเท้าจึงก้มลงไปมองพื้นที่กำลังส่องแสงระยิบระยับ และนั่นทำให้เขาพบเจอกับฝันร้ายที่สุดตั้งแต่ที่เขาเกิดมา

         ใต้พื้นปูนที่ปูด้วยหินที่เปล่งแสงระยิบระยับของลานแสงมณีในตอนนี้ไม่มีอีกต่อไปแล้ว เมื่อพื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยร่างของคนที่ตายนอนเกลื่อนกลาดไปทั่ว สายตาของเรย์มองไปรอบๆอย่างหวาดหวั่นกับชุดนักเรียนของคนที่นอนอยู่ ทำให้เรย์ยิ่งมั่นใจได้ว่ากลุ่มคนที่ตายนั้นก็คือเด็กนักเรียนของไนท์เบลด
 
         น้ำตาของเรย์เริ่มเอ่อนองและไหลออกมาอย่างช้าๆโดยที่ตัวเองไม่ได้ตั้งใจ เมื่อเรย์พบกับร่างของคนที่ตายคือรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมโรงเรียนเดียวกัน และเป็นบรรดาคนที่เขารู้จัก ทั้งเหล่าบรรดาสภานักเรียน เพื่อนร่วมห้องเดียวกัน และกลุ่มชมรมดนตรีที่เขาสนิทสนมเป็นอย่างมาก เลือดของพวกเขาค่อยๆไหลออกมาเป็นสายน้ำและกำลังค่อยๆลุกเป็นไฟ
 

        "ไม่นะ! ทุกคน! ไม่นะ!"
 

         สายตาของเรย์มองกลับไปยังสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เงากองทัพสีดำนับร้อยกำลังเคลื่อนเข้ามาหาอย่างช้าๆ พร้อมกับเงาสีดำขนาดมหึมาที่ครอบคลุมกองทัพเงาดำทั้งหมดนั้น และเมื่อเงาดำขนาดใหญ่นั้นโบกมือสะบัดผ้าคลุมของตัวเอง ร่างของผู้ที่ตายที่รายล้อมรอบตัวอยู่นั้นก็กลายเป็นไฟโหมไหม้ไปทั่วพื้นที่แห่งนั้น

         ร่างกายของเรย์ค่อยๆถูกเผาด้วยเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ พร้อมกับเสียงหัวเราะที่น่าสะพรึงกลัวดังกึกก้องของบรรดากองทัพเงาทั้งหลายนั้น เรย์กรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียงด้วยความรู้สึกเศร้าโศก เจ็บปวด เสียใจ และอะไรหลายๆอย่างที่ถาโถมเข้ามาจนจิตใจของเขาแทบจะทนรับเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
 

         "ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย"
 
 
......
 
เรย์
 
เรย์!
 
เรย์!!!
 
 
         น้ำเสียงใสๆไหลผ่านเข้าโสตประสาทหูของคนที่นอนอยู่ ทำให้คนที่นอนอยู่สะดุ้งตื่นขึ้นมาแทบจะในทันทีด้วยความตกใจ เรย์เริ่มรู้สึกถึงแรงบีบที่หัวไหล่ของเขา และสายตาของเขาที่ฟ่าฟางค่อยๆกลับมาเด่นชัดขึ้นเมื่อเรย์หันไปสบตากับคนที่กำลังจับไหล่เขาเอาไว้ และค่อยๆออกแรงประคองเขาให้นอนลง คนนั้นคือหลินหลินเพื่อนสาวคนสนิทของเรย์นั้นเอง
 
         "อย่าพึ่งลุกสิ! เดี๋ยวอาการก็ทรุดอีกหรอก..."
 
         เรย์ยอมนอนลงไปแต่โดยดีและมองไปรอบๆห้องนั้นอย่างสงสัยใคร่รู้ เพดานห้องที่ทาสีขาวที่สายตาของเขากำลังมองเห็นอยู่ ภายในห้องนั้นเต็มไปด้วยเตียงนอนหลายเตียงเรียงรายอยู่ด้วยกัน แต่ละเตียงนั้นจะถูกคั่นกลางด้วยผ้าม่านสีขาวที่กำลังพับเก็บอยู่ข้างๆเตียงไว้สำหรับเวลาต้องการความเป็นส่วนตัว และลิ้นชักสีเหลืองที่ประดับด้วยแจกันดอกไม้อย่างสวยงาม

         แสงสว่างลอดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างบนหัวเตียงนอน และเสียงเจี้ยวจาวที่ดังผ่านเข้ามาทางหน้าต่างทำให้เรย์รู้ได้เลยว่าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลซักแห่งในเมืองเป็นแน่แท้ แต่ที่นี่คือห้องพยาบาลของโรงเรียนไนท์เบลดต่างหาก
 
         เรย์รู้สึกถึงไออุ่นๆจากฝ่ามือของหญิงสาวข้างๆที่กำลังแตะหน้าฝากของเขาอย่างเบาๆด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความห่วงใยเพื่อนคนสนิท เรย์ออกจากภวังค์แห่งความสงสัยนั้นไปก่อนชั่วครู่ แล้วเงยหน้ามองหญิงสาวที่ใส่ชุดนักเรียนหญิงสีแดงของไนท์เบลดที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆตัวเองนั้น
 
         "ไข้ไม่มีแล้ว!..." หลินหลินพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงความแปลกใจของตัวเองออกมา เมื่อหน้าฝากที่ตัวเองแตะอยู่นั้นกลับมีอุณหภูมิปกติดั่งคนทั่วไป "เมื่อเช้าตัวยังอุ่นๆอยู่เลยนี่นา"
 
         "เดี๋ยวก่อนนะ?.. แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?" เรย์อดใจไม่ได้จนต้องค่อยๆลุกขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจมันเรียกร้องที่จะต้องการคำตอบจากเพื่อนสาวของเธอ
 
         "อาจารย์เอวินกับอาจรย์ฟุยุสึกิเป็นคนพามาน่ะสิ บอกว่าพาเธอมาอยู่ที่นี่น่าจะปลอดภัยกว่า ฉันเองก็ไม่รู้ว่าอาจารย์หมายถึงอะไร คือเมื่อคืนฉันโทรไปหาเธอ แต่คนที่รับโทรศัพท์กลายเป็นอาจารย์ฟุยุสึกิแทน อาจารย์บอกกับฉัน ฉันถึงได้รู้ว่าเธอมานอนพักอยู่ที่นี่..." หลินหลินตอบพลางลุกออกจากที่นั่ง เพื่อไปหยิบขวดน้ำพลาสติกที่อยู่บนลิ้นชักใกล้ๆมาพร้อมกับแก้วน้ำใสๆแล้วเดินกลับมานั่งที่เก่าอย่างรวดเร็ว
 
         "ฉันรู้เรื่องของเธอเมื่อคืนหมดแล้วล่ะ... ทำกันเกินไปแล้ว! ไม่มีหลักฐานอะไรสักหน่อยว่าเธอเป็นเขาจริงๆ" หลินพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเธอไม่พอใจเป็นอย่างมาก ในขณะที่เธอกำลังรินน้ำใส่แก้วใส่ๆที่เธอถืออยู่ในมือไปด้วย 
 
         "งั้นก็หมายความว่า เธอก็คงรู้แล้วสินะว่าฉันคือ..."
 
 
         ประโยคถัดไปที่เรย์กำลังจะพูดถูกหยุดโดยเพื่อนสาวของเขาที่กำลังยื่นแก้วน้ำมาให้ ซึ่งเรย์เองก็ไม่ปฏิเสธที่จะคว้ามันแล้วดื่มมันลงไป เมื่อร่างกายของเขาเองก็รู้สึกได้ว่าต้องการน้ำดื่มเป็นอย่างมาก เสียงที่ดังอึกอักอย่างต่อเนื่องจากการดื่มน้ำเข้าไปอย่างหิวกระหาย

          ทำให้เพื่อนสาวรู้ว่าเพื่อนชายตรงหน้าคงจะหิวน้ำมากมาตั้งแต่เมื่อคืนเป็นแน่ เธอเลยอมยิ้มนิดๆเมื่อเธอเห็นปฏิกิริยาของคนตรงหน้า แล้วเธอก็ไม่รอช้าที่จะรินน้ำแก้วที่สองเมื่อเรย์ยื่นแก้วมาทันทีเมื่อดื่มมันหมด
 
         "ถึงยังไงเรย์ก็ยังเป็นเรย์ที่ฉันเคยรู้จักละนะ..."   
 
 
- ตึกๆ -

         เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นมาจากหน้าประตูเบนความสนใจของทั้งคู่ เมื่อพวกเขาหันไปยังประตูไม้บานเลื่อนที่กำลังเปิดเอาไว้อย่างกว้างขวาง อาจารย์สาวสวยใส่ชุดพยาบาลยาวสีขาวเดินเขามาพร้อมกับแว่นตากรอบสีดำคู่ใจของเธอ ผมที่รวบขึ้นไปเป็นจุกบนหัวและปล่อยผมที่เหลือปลกหน้าซึ่งรับกับโครงหน้าสวยๆของเธอเป็นอย่างมาก ผิวของเธอค่อนข้างคล้ำ ริบฝีปากสวยตอนนี้กำลังชีกรอยยิ้มที่ดูแสนจะใจดีออกมาต่อหน้าเรย์และหลิน
 
         "อ่าว! ฟื้นแล้วเหรอครับสุดหล่อ..." น้ำเสียงหวานแหววกล่าวทักทายถึงคนที่กำลังนอนอยู่บนเตียงตรงหน้านั้น
 
         "ครับ อาจารย์อิชิคาว่า" เรย์ตอบด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับเอื้อมมือนำแก้วน้ำที่ตัวเองถืออยู่ไปวางบนชั้นสีเหลืองที่อยู่ข้างๆเหมือนเดิม
 
         "ไหนขอดูอาการหน่อยซี๊ดีขึ้นแล้วรึยังเนี่ย..." เธอพูดพลางเดินมาแล้วใช้ฝ่ามือนุ่มๆของเธอแตะหน้าผากเพื่อดูอาการของเรย์  "อื้อหือ! ตัวไม่ร้อนแล้ว! หายเร็วจริงๆเลย!..."
 
         "แบบนี้ก็คงไม่ต้องใช้ใบลาก็ได้แล้วล่ะมั้งเนี่ย" เพราะประโยคของอาจารย์สาวของเขาแท้ๆ ทำให้เรย์ถึงกับหูผึ่งขึ้นมาในทันmu
 
         "ใบลา!! ใบลาอะไรเหรอคร๊าบอาจารย์" เรย์รีบถามขึ้นมาอย่างสงสัยใคร่รู้ แววตาคู่นั้นส่องแสงเป็นประกายเหมือนว่าเขาจะรู้คำตอบอยู่แล้ว
 
         "ก็ใบลาที่อาจารย์เอวินเป็นคนทำให้เธอไง เผื่อว่าอาการของเธอจะยังไม่ดีขึ้นมา อาจารย์เอวินอยากจะให้เธอพักรักษาตัวให้หายดีก่อน เลยทำเผื่อเอาไว้ เอวินถึงกับลงชื่อรับรองด้วยตัวเองเลยนะ... สุดยอดจริงๆเลยนะเรย์ ทำได้ยังไงเนี่ยถึงให้ตาบ้าหัวแข็งแบบนั้นยอมได้"
 
 
         เรย์เปลี่ยนสีหน้าไปนิดหน่อยเมื่อได้ยินว่าคนที่สนใจเรื่องสุขภาพของเขา กลับกลายมาเป็นอาจารย์ฝ่ายปกครองที่หลายๆคนในโรงเรียนต่างเกรงกลัวเป็นอย่างมาก เขาเริ่มมีคำถามแวบเข้ามาข้างในหัว แต่ก่อนที่เขาจะได้ถามจากอาจารย์สาวตรงหน้า เสียงฝีเท้าอีกคู่หนึ่งได้ดังขึ้นมาจากหน้าประตูอีกครั้ง
 
         "เรียกฉันว่าตาบ้าหัวแข็งแบบนั้นมันไม่เกินไปหน่อยเหรอชาร์มี่"

         ด้วยเสียงที่ทุ้มนุ่มนวลแต่ดูมีอำนาจดังขึ้นมาจากหน้าประตูทำให้พวกเขาทั้งสามคนต้องหันไปตามเสียงนั้น อาจารย์อิชิคาว่าหันไปพร้อมกับทำหน้าบูดบึ้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อนั้น อาจารย์ที่พวกเขากำลังพูดถึงอยู่เมื่อกี้นี้นั้นกำลังค่อยๆเดินเข้ามาในห้องพยาบาลอย่างช้าๆและตรงมายังเตียงที่เรย์กำลังนอนอยู่
 
         "บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าต่อหน้าลูกศิษย์อย่าเรียกฉันว่าชาร์มี่!" อาจารย์อิชิคาว่าพูดอย่างหัวเสีย "เรียกฉันแค่ว่าริกะเฉยๆก็พอแล้วมั้ง!..."
 
         "เอาเถอะน่า ก็แค่ฉายาเก่าในสมัยอดีต อย่าไปซีเรียสเลยนา ฮ่าๆ" อาจารย์เอวินพูดหยอกล้อคนที่กำลังฟังอยู่ โดยที่อาจารย์อิชิคาว่าทำแก้มป่องอย่างไม่สบอารมณ์เป็นคำตอบ ก่อนที่จะหันมาทางเรยที่กำลังนอนอยู่
 
         "อาจารย์ขอตัวก่อนนะครับสุดหล่อ รักษาสุขภาพดีๆนะครับ แล้วอย่าลืมโดดเรียนให้คนแถวนี้ปวดหัวเล่นนะจ๊ะ" เรย์เลิกคิ้วขึ้นมาก่อนจะสะอึกเพราะกั้นหัวเราะจากพฤติกรรมที่ดูน่ารักๆของอาจารย์ทั้งสองคนนี้ ส่วนอาจารย์อิชิคาว่านั้นเมื่อกล่าวลาเรยที่อยู่บนเตียงก็หันมามองค้อนอาจารย์หนุ่มที่พึ่งเข้ามาในทันที
 
         "...เชอะ!!!..."
 
 
         เมื่ออาจารย์อิชิคาว่าออกไปแล้ว บรรยากาศภายในห้องนั้นก็ดูอึมครึมไปในทันที เรย์รู้สึกถึงเสียงลมที่ค่อยๆพัดผ่านเข้ามาอย่างช้าๆตรงหน้าต่างบนหัวนอนของเขา เรย์กับหลินมองใบหน้าที่นิ่งสนิดของอาจารย์ของเขาอย่างไม่กระพริบตา เพราะความเงียบงันนั้นทำให้ได้ยินแม้แต่เสียงนาฬิกาที่เดินบอกเวลาอยู่ที่ผนังข้างบนอย่างชัดเจน อาจารย์ตรงหน้าถอนหายใจแล้วฉีกยิ้มออกมาบนใบหน้าที่ดูเขร่งขรึมนั้นจนเรย์กับหลินเลิกคิ้วขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
 
         "ไงเรย์ หลิน อรุณสวัสดิ์" 
 
         "เอ่อ อรุณสวัสดิ์เช่นกันครับ//ค่ะ อาจารย์"
 
 
 


         ในยามเช้าก่อนเข้าเรียนของเด็กนักเรียนทั้งหลายส่วนใหญ่พวกเขาจะทำกิจกรรมกันตามอัธยาศัยของตัวเอง บ้างก็นั่งคุยกันตามระเบียงทางเดินของตึกต่างๆ หรือตามทางเดินที่มีเด็กนักเรียนกำลังเดินคุยกันไประหว่างทางเดินเพื่อไปยังอาคารเรียนของพวกเขาเองในชั่วโมงแรก

         สายตาของเด็กคนหนึ่งเมื่อมองเห็นคนที่กำลังเดินมากับเรย์และหลินจากบันไดหินระหว่างทางแยกไปตึกหนึ่งหมวดวิชาสังคมและตึกสองหมวดวิชาคณิตศาสตร์คืออาจารย์ฝ่ายปกครอง เขาก็รีบก้มหน้าก้มตาเดินผ่านพวกเขาทั้งสามไปอย่างรู้สึกเกรงกลัว เรย์จินตนาการไปคนเดียวเงียบๆว่า ตัวเองและเพื่อนสาวที่เดินมากับเขากำลังเป็นนักโทษถูกจับกุมยู่อย่างไงอย่างงั้น 
 
         "เรื่องเมื่อคืนฉันต้องขอโทษแทนรามูเนสด้วยนะ..." อาจารย์เอวินกล่าวขึ้นมาในขณะที่ทั้งสามคนก็เดินด้วยกันมานาน แต่ไม่ได้มีบทสนทนากันเลยสักบทเดียว
 
         "เขาก็มีนิสัยอย่างที่คนอื่นพูดๆกันนั่นแหละ ชอบอวดดี ชอบอวดเก่ง แม้เขาจะดูก้าวร้าว... แต่จริงๆแล้วเขาย่ะเป็นคนดี เขายอมทำทุกๆอย่างเพื่อโรงเรียน"
 
         "ผมเข้าใจครับ" เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำให้เรย์พูดด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายเมื่อได้ยินชื่อนั้น และเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน คำถามในหัวของเขาก็ผุดขึ้นมาในหัวทันที
 
         "อาจารย์ครับ อะไรคือทายาทอันดูริลเหรอครับ"
 
         "ฮ่าๆ... ฉันว่าฉันคงแปลกใจมากแน่นอนถ้าเธอไม่ได้ถามถึงเรื่องนี้นะ" อาจารย์เอวินหัวเราะร่าขึ้นมาเมื่อได้ยินคำถามของเรย์
 
         "...เธอคงรู้ประวัติเรื่องแหวนของเธอมาบ้างแล้วสินะ ใช่หรือเปล่า เธอคงจะได้เรียนมาบ้างแล้วใช่ไหมจากวิชาประวัติศาสตร์"
 
         "แหวนของผมเหรอ!.." เรย์พูดขึ้นมาอย่างตกใจเมื่อได้ยินคำของอาจารย์เอวินของเขา
 
         "ใช่ มันเป็นแหวนของเธอ ฉันคิดว่าอย่างงั้นนะ เพราะมันตอบรับกระแสจิตของเธอเมื่อเธอต้องการมัน เธอคงน่าจะรู้แล้ว จากเหตุการณ์ที่เธอไปช่วยเด็กหญิงที่ชื่อ ฟุคุมุระ มิซึกิ"
 
 

         ... ได้ข่าวมาเร็วชะมัดยากเลย ...
         เรย์แอบคิดอยู่ในใจเงียบๆพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆออกมา แล้วหันไปทางหลินซึ่งเธอก็ยิ้มมุมปากตอบด้วยสายตาที่เรย์อ่านได้ว่า  มองทำไม!! ฉันไม่รู้เรื่อง!!
 
         "ครับ... เอ่อ ผมก็พอรู้เรื่องมาบ้างแล้วละครับ เรื่องแหวนวงนี้" เรย์ตอบพลางก้มลงไปมองแหวนที่อยู่ที่นิ้วกลางข้างขวาของเขา
 
         "อืม... เธอคงรู้ใช่ไหมว่าแหวนแต่ละวงมีอายุมากกว่าหลายพันปีมาแล้ว ซึ่งในแต่ละวงนั้นจะมีผู้สืบทอดเพียงแค่หนึ่งคนเท่านั้น เรียกว่าผู้ถูกเลือก และผู้ถูกเลือกนั้นได้มีการสับเปลี่ยนผู้กล้าแห่งแหวนกันไปตามกาลเวลา เว้น อยู่หนึ่งวง..." 

         สิ้นประโยคของอาจารย์เอวิน สายตาของเขาก็หันมองมาทางเรย์อย่างช้าๆ
 
         "แหวนของผม!..." เรยหันมาตอบ
 
         "ถูกต้อง... เราเชื่อว่าแหวนสีแดงได้ถูกคำสาบจากผู้ถูกเลือกแห่งแหวนคนสุดท้ายเมื่อหลายพันปีก่อน ให้แหวนวงนี้ไร้ผู้สืบทอด เมื่อไม่มีผู้สืบทอดแล้ว แหวนทั้งห้าที่เคยกอบกู้เอกราชจะรวมตัวกันไม่ได้ ทำให้พลังที่ปกป้องที่นี้เอาไว้ไม่สมดุลอีกต่อไป"  
 
         "เอ่อคือ ขอโทษนะครับอาจารย์ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับทายาทอันดูริลเหรอครับ" เรย์ยิ่งฟังเรื่องนี้มากเท่าไรก็ยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้นเท่านั้น 
 
         "พวกเรารวมไปถึงฉันด้วยเชื่อกันว่า แหวนวงสุดท้ายถูกพลังอำนาจของจักรพรรดิแห่งความมืดควบคุมมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้แหวนวงนี้ไม่สามารถคืนชีพขึ้นมาได้อีกครั้ง หลังจากสงครามสุดท้ายสิ้นสุดลง และคนที่สามารถจะปลุกแหวนวงนี้ให้ตื่นขึ้นมาได้อีกครั้งหนึ่ง จะต้องใช้พลังอำนาจมืดเดียวกันกับเวทมนต์คำสาบ ที่สืบทอดกันมาอย่างลับๆจนถึงปัจจุบันหรือที่เรียกกันว่า ทายาทแห่งจักรพรรดิ์มืด... ทายาทอันดูริล ยังไง"
 
 
         เรย์เริ่มจะเข้าใจทุกๆอย่างในขณะนั้น เขากำลังปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมา ที่กำลังวนเวียนอยู่ในหัวของเขา ในขณะที่หลินหลินได้แต่มองสลับกับสองชายหนุ่มไปมา เหมือนกับว่าตัวเองกำลังเดินอยู่คนเดียวบนทางเดินนี้อยู่อย่างงั้น
 
         "หรือว่า!" จู่ๆเรย์พูดขึ้นมาเมื่อเขาคิดอะไรออก
 
         "อะไรเหรอเรย์?" เอวินถามขึ้นมาในทันที
 
         "เรื่องเมื่อตอนนั้น!!... เอ่ออาจารย์ครับ ผมคิดว่าเหตุการณ์ที่กลุ่มชายชุดดำมาปล้นโรงเรียน คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อาจจะเป็นคนที่พวกเรากำลังพูดถึงนี่อยู่ คนที่ชื่อว่า ทายาทอันดูริล ก็ได้นะครับ"  เรย์อธิบายให้อาจารย์ของเขาฟัง ซึ่งอาจารย์เอวินก็รับฟังในสิ่งที่เขาพูดออกมาอย่างตั้งใจ แต่เขาก็สายหน้าช้าๆในเวลาต่อมา
 
         "เป็นไปไม่ได้หรอกเรย์ ถ้าทายาทอันดูริลมีจริงๆพวกฉันต้องรู้ก่อนแล้ว"
 
         "ไม่รู้เหมือนกันนะครับ แต่ตอนที่ผมต่อสู้กับพวกชายชุดดำ พวกนั้นพูดถึงเจ้านายของพวกมัน แต่ฟังดูแล้วมันก็มีอำนาจต่อพวกมันอยู่ไม่ใช่น้อย ผมเลยคิดว่าเบื้องหลังเรื่องนี้อาจจะเป็นเขาจริงๆก็ได้ แล้วอีกอย่างผมโลงศพนั้นในรถบรรทุกนั้นด้วยทำให้ผมยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่"
 
         จูู่ๆอาจารย์ของพวกเขาก็หยุดเดินอย่างกะทันหัน ทำให้เรย์และหลินหยุดกึกไปตามๆกันและมองอาจารย์ของพวกเขาตรงหน้าด้วยความแปลกใจ อาจารย์เอวินที่ทำหน้าอึ้งไปพักหนึ่งแล้วค่อยๆหันมาหาเรย์ที่ยืนอยู่ข้างๆ
 
         "โลงศพอะไรเหรอ! มันมีรูปร่างเป็นยังไง!" อาจารย์เอวินถามอย่างสงสัยใคร่รู้ด้วยท่าทีที่เรย์และหลินไม่เคยเห็นมาก่อนทำให้เรย์รู้สึกตกใจเล็กน้อยก่อนจะตอบอาจารย์อของเขาออกไป
 
         "เอ่อ... เป็นโลงศพสีดำครับอาจารย์ รอบๆเต็มไปด้วยอักษรโบรานที่ผมอ่านไม่ออกเลย" เมื่อได้ยินอย่างนั้นอาจารย์เอวินก็ทำท่าเหมือนว่าคนกำลังครุ่นคิดอยู่นาน สีหน้าของเขาดูจริงจังมากต่างจากเมื่อกี้นี้นัก
 
         "เอ่อ เฉียนหลิน..." จู่ๆอาจารย์เอวินก็หันมาทางหลินที่ยืนอยู่ด้วยกันกับเรย์ ซึ่งเธอกำลังทำสีหน้าเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรซักนิด "ฉันขอตัวเรย์สักประเดี๋ยวหนึ่งนะ แล้วฉันจะให้เขาตามไปทีหลัง"
 
         "เอ่อ ค่ะๆ" หลินพยักหน้าตอบแบบงงๆ "แล้วตามมานะ..."
 
 


         หลินพูดทิ้งท้ายให้เรย์พร้อมกับส่งสายตาเป็นเชิงบอกว่า 'ถ้าแอบโดดเรียนละก็ น่าดู!' แล้วเดินจากตรงนั้นไป ซึ่งเรย์ก็แอบกลืนน้ำลายเล็กน้อยเมื่อเห็นเช่นนั้น หลังจากนั้นไม่นานการสนทนาของทั้งคู่เริ่มจึงขึ้นอีกครั้ง
 
         "แหวนไม่ปลอดภัยแล้วล่ะถ้ายังเป็นแบบนี้ คงถึงเวลาแล้วจริงๆสินะ..." อาจารย์เอวินพูดขึ้นมาหลังจากที่หลินเดินออกไปไกลมากแล้ว ดวงตาสีเหลืองที่เอาแต่จ้องมองเรย์ ทำให้เรย์เกิดความแปลกใจเล็กน้อยกับคำพูดนั้น
 
         "เอ่อ คือ... เรื่องอะไรเหรอครับ?" เรย์ถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
 
         "เรย์ เธอเคยได้ยินเรื่องของภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศที่อยู่แถบทางเหนือบ้างมั๊ย ที่ชื่อว่า ไฮฮ็อกก้า น่ะ" เรย์ถึงกับตาโตขึ้นมาเมื่อได้ยินชื่อนั้นประหนึ่งเหมือนกับว่าเขาได้เจอเรื่องที่น่าตกใจที่สุดในโลก
 
         "ไฮฮ็อกก้า ภูเขาที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภูเขาแห่งความตาย นั่นเหรอครับ!!!" เรย์พูดเหมือนกับคนที่กำลังตกใจอย่างสุดขีด
 
         "ใช่แล้วล่ะ.." อาจารย์เอวินกล่าวอย่างเรียบๆเหมือนกับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติสำหรับเขาอย่างมากๆ
 
         "ที่ผมรู้มามันเป็นภูเขาในตำนานที่มีชื่อในการพรากชีวิตของคนที่เคยไปมาแล้วนับไม่ถ้วนเลย บนยอดเขามีพายุหิมะตกตลอดทั้งปีที่แม้จะใช้เครื่องบินๆขึ้นไปก็ไม่สามารถขึ้นไปบนยอดเขานั้นได้ เป็นภูเขาอาถรรพ์ของแท้เลยนะครับ!!!"
 
         "ใช่... และเพราะมันเป็นแบบนั้นฉันถึงอยากให้เธอไปที่นั่นยังไง..." อาจจะเป็นประโยคที่คาดไม่ถึงว่าจะได้ยินจากปากของอาจารย์ของเขา ในตอนนี้เรย์ตกใจจนตาจะถลนออกมาจากเบ้าแล้ว
 
         "เห! ทำไมละครับ!! อย่ามาล้อเล่นนะครับอาจารย์! ไปที่นั่นผมก็มีแต่ตายกับตายเลยนะครับ! ผมพึ่งอยู่ม.4เองนะครับ! ผมยังหาแฟนไม่ได้เลย!! แล้วก็ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยซักอย่างเลยด้วย!!"
 
         "...ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนั้นหรอกนะ ฮ่าๆ" อาจารย์เอวินหัวเราะในลำคอเบาๆทำให้เรยเอียงคออย่างแปลกใจ
 
         "ที่ไฮฮ็อกก้ายังมีอะไรอีกมากมายที่เธอยังไม่รู้ ความจริงบนยอดเขาแห่งไฮฮ๊อกก้า.... วิหารไฮคิง"
 
         "วิหารไฮคิง..." คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแทบจะในทันที เรย์พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ดูแปลกใจเอามากๆ "บนยอดเขามีวิหารอยู่เหรอครับ?" 
 
         "เรื่องนั้นเธอคงต้องไปหาคำตอบมาเองแล้วล่ะ และฉันเชื่อว่าเธอคงต้องไปถึงที่นั่นได้อย่างแน่นอน"
 
 
         เรย์มองตามมือที่อาจารย์เอวินกำลังล้วงเข้าไปในเสื้อโค้ดของเขาเพื่อหยิบอะไรบางอย่างออกมา เมื่อเขาควักออกมาให้เรย์ได้ดู เรย์จึงเห็นว่ามันเป็นกระดาษเก่าๆที่มีรอยเปื้อนสีดำคลำไปทั่วแผ่น อาจารย์เอวินยื่นมันให้กับเรย์โดยที่เรย์เองก็รับกระดาษแผ่นนั้นมาอย่างงงๆ
 
         "จงขึ้นไปตามบันได... และฉันเชื่ออย่างมากว่าเมื่อเธอผ่านที่นี่มาได้ เธอจะกลายเป็นเรย์คนใหม่อย่างแน่นอน"
 
         เรย์ค่อยๆเปิดกระดาษที่อาจารย์ของเขาให้มาอย่างสนอกสนใจ นัยน์ตาสีดำคลับนั้นก็เบิกกว่าขึ้นมาทันทีเมื่อได้อ่านข้อความที่อยู่ในกระดาษนั้นพร้อมกับสลับหน้าหลังของกระดาษไปมา อาจารย์เอวินมองปฏิกิริยาของเรย์แล้วก็อมยิ้มออกมาเล็กน้อย ส่วนคนที่กำลังอ่านกระดาษอยู่ก็มองสลับกับคนตรงหน้าไปมาด้วยความสนใจ
 
         "เอ่อ ผมว่าผมใช้ใบลาป่วยวันนี้เลยน่าจะดีกว่าครับ..." เรย์ถอนหายใจแล้วพูดออกมา เหมือนกับว่าเขากำลังเจอเรื่องที่หนักใจมากๆอยู่ ซึ่งอาจารย์เอวินก็ฉีกยิ้มออกมาทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้น
 
         "ตามใจเธอนะ ถ้ามันไม่กระทบกับผลการเรียนของเธอ"
 
         "ก็นั่นแหละครับที่ผมกำลังหนักใจอยู่...."
 
 
 


         ทางเดินตลอดสายของระเบียงชั้นสองจากอาคารเรียนที่หนึ่งนั้นเต็มไปด้วยเด็กนักเรียนที่กำลังรอเรียนวิชาในชั่วโมงแรก บ้างก็กำลังนั่งอยู่ตามม้านั่งปูนที่ฉาบติดกับระเบียงด้านนอกห้องเรียน หรือไม่ก็กำลังเดินกันไปมาอย่างขวักไขว่ เรย์รู้สึกว่าตัวเองพึ่งกำลังจะเดินสวนกับเพื่อนที่อยู่ห้องเจ็ดในชั้นเดียวกันไปหมาดๆ แต่ว่าเขาไม่ทันได้ทักทายกันเพราะในหัวของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยเรื่องการพิชิตยอดเขาไฮฮ็อกก้าที่กำลังจะมาถึงในเร็วๆนี้ ซึ่งในใจของเรย์อยากจะเร่งเวลาให้ถึงตอนเย็นเร็วๆเหลือเกิน
 
         เมื่อเรย์เลี้ยวขวาตรงทางแยกของตึก เขาก็พบกับเด็กนักเรียนหญิงในห้องเดียวกัน หัวหน้าห้องเจ้าของรอยยิ้มตาหยีและริมฝีปากขี้งอนอยู่ตลอดเวลา ในตอนนี้เธอกำลังเดินไปหาวไปอยู่ตลอดทาง เธอกำลังกระชับสายสะพายกระเป๋าเป้ใบใหญ่สีน้ำเงินของเธอไปยังห้องเรียนประจำวิชาตรงหน้านั้น เรย์รู้สึกว่าวันนี้เขามีเรื่องจะคุยกับเธอให้ได้ เขาเตรียมยกมือและพร้อมที่จะทักทายแล้ว...


         "ท่านเอริค๊าาาา าาา าา"
         ... ( เอ๊ะ ใคร ใครเรียกตัดหน้าเรา ) ...
         - ผลักกกกก!!!! -
 
         ... ( อะจ๊ายยยยยยยยยย มาผลักทำไมเล่าเนี่ย!!!!!!! ชนกำแพงเลย!!!!!!!!!!! ) ...
         - โครม-มมม มม!!! -  
 


         "อรุณสวัสดิ์ค๊าาาา ท่านเอริ ช่างเป็นเช้าที่น่ารักอะไรแบบนี้น๊าาา าา"
 
         นักเรียนสาวที่วิ่งมาเมื่อกี้นี้ยังคงเข้าไปทักทายหัวหน้าห้องของเธออย่างหน้าตาเฉย โดยที่ไม่ได้กลับมาสนใจคนที่เธอพึ่งผลักเขาออกไปเมื่อกี้นี้ให้พ้นทางว่าสภาพของเขาในตอนนี้จะเป็นอย่างไร

          เรย์เอาหน้าขึ้นมาจากกำแพงที่ร้าวจนหน้าติดเข้าไปในกำแพงอย่างยากลำบาก (หมดสภาพพระเอกเลยตู โอ๊ยยยโห๊ะๆไปเอาแรงมาจากไหนวะเนี้ย..)
 
         "ท่าน! ท่านเอริเหรอ?!..." เรย์พูดขึ้นมาด้วยความสงสัยในทาทีของเพื่อนสาวตัวเอง หลังจากดึงตัวออกมาจากกำแพงได้สำเร็จแล้วปัดฝุ่นที่ติดอยู่ตามร่างกายของเขา
 
         "อ๊ะ! ถือกระเป๋าให้มั้ย หนักไหมคะ" เธอว่าพลางยื่นมือมาหวังจะหยิบกระเป๋าที่สะพายอยู่บนบ่าของเอริมา
 
         "ฉันถือเองได้น่า" เอริตอบด้วยสีหน้าที่เบื่อหน่ายเล็กน้อยแล้วขยับกระเป๋าของเธอขึ้นมาจากหัวไหล่ของเธออีกนิด
 
         "ง่า ท่านเอริง่าไม่จำเป็นต้องถือมันก็ได้นี่นา" เธอพูดลากเสียงพลางนำมือคู่นั้นของเธอไปจับและบีบนวดที่หัวไหล่ของเอริเบาๆ
 
         "อ่าๆ เอาน๊าๆขอบใจนะ น่ารักมากๆเลย" เอริตอบด้วยน้ำเสียงเจื่อนๆพลางดึงมือคู่นั้นของคนที่พยายามดึงกระเป๋าของเธอออกไปอีกครั้งหนึ่ง
 
         "โรงเรียนนี้มันชักจะมีอะไรผิดปกติแฮะ" เรย์ที่ยืนดูด้วยด้วยความสงสัยในท่าทีของเพื่อนสาวของเขาจนอดไม่ได้ เลยต้องรีบเข้าไปดึงตัวคนที่กำลังจับสายกระเป๋าอยู่ออกมาเพื่อมาให้เธออธิบายเรื่องทั้งหมดนี้

         "เอ่อ เดี๋ยวก่อน! เดี๋ยวก่อนนะ ซายูมิ!"
 


         ซายูมิเป็นสาวผมสีดำขลับ ตัวค่อนข้างสูง หน้าตาน่ารัก แก้มใสอิ่มน่าหยิกและท่าทางที่ร่าเริงสดใสอยู่เสมอนั้นเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดคนรอบข้างของเธอ และถึงจะเห็นแบบนี้ แต่ซายูมิก็คือหนึ่งในกรรมการนักเรียนฝ่าย ม.ปลายอีกด้วย
 
         "มีอะไรเล่าเรย์?" ซายูมิถามขึ้นมาอย่างแปลกใจหลังเธอถูกเรย์ดึงตัวไป
 
         "นี่ทำไมจู่ๆเธอถึงได้ทำตัวเป็นมิตรจังล่ะเนีย ปกติคนเรียนเก่งอีโก้สูงประจำห้องอย่างเธอไม่น่าจะทำแบบนี้ได้เลยนี่นา" เรย์พูดพลางถือกระเป๋าของตัวเองขึ้นมากอดเอาไว้ที่อก สายตาที่เปล่งประกายอย่างเห็นได้ชัดของหญิงสาวตรงหน้าจ้องมองมาทางเขา
 
         "ฉันน่ะนะรักคนที่แข็งแกร่งกว่าฉัน ฉันแพ้ให้กับผลการเรียนของเอริในเทอมที่แล้วอย่างราบคาบเลย หัวว ววว วว ใจของฉันตกหลุมรักเธอไปซะแล้วล่ะน๊า!" เธออธิบายด้วยท่าทีที่สดใสและร่าเริงของเธอพร้อมกับยักไหล่สะกิดตัวของเรย์ 
 
         "เหอะๆ เหอะๆ" ซึ่งตอนนี้หน้าตาของเรย์ดูเหยเกประหนึ่งรับไม่ได้
 
         "ก็เหมือนกับซาลิเอรีที่เคารพโมสาร์ท เหมือนกับชิน อาสึกะที่นับถือคิระ ยามาโตะ ในเรื่องกันดั้มซี๊ด เดสตินี่ไงล่ะนะ!"
 
         "เอ่อรู้สึกว่าอันหลังจะไม่ใช่นะ" เสียงอ๊อดแอ๊ดดังขึ้นมาพร้อมกับที่เรย์ยกมือขึ้นมาเป็นรูปกากบาท
 
         "ฉันอยากจะเก่งอย่างเอริบ้างจังเลย คอยดูนะเกรดเทอมนี้ฉันจะพิชิตมันให้ดู" เธอพูดพร้อมกับนำมือมากุมกันขึ้นมาอย่างมีความหวังและดวงตาที่เป็นประกายระยิบระยับๆ แล้วค่อยๆหันมาจ้องตากับเรย์อีกครั้งหนึ่ง

         "พวกลูกกระจ๊อกที่บังอาจมาขวางทาง ฉันจะกำจัดออกไปให้หมดเลย!"
 
         "คาแรคเตอร์เธอเป็นแบบนี้เองสินะ" เรย์ยิ้มแบบเจื่อนๆแล้วหันไปทางอื่นเพื่อหลบหน้าของเพื่อนสาวที่กำลังเพ้อฝันอยู่
 
 


         "นี่เบ๊! ไปซื้อขนมปังมาให้หน่อยสิ" เสียงแหลมเล็กดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของซายูมิ เอริเดินมาพร้อมกับสายตาที่จ้องมองมายังเรย์อย่างหมาดเจ้านายลูกเหมือนทุกๆครั้ง
 
         "นี่ใช้กันตั้งแต่เช้าเลยเหรอ?!! แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่ได้เป็นเบ๊นะ!" 
 
         "ว่ายังไงนะ?!!" เสียงแหลมเล็กของเอริยิ่งสูงขึ้นไปอีกเมื่อได้ยินคำพูดของเรย์ สายตาที่หลี่จนหยีของเอริจ้องมองมาที่เรย์อย่างไม่พอใจเล็กน้อยจนเรย์มีท่าทีลุกหลีลุกรน "ไม่ฟังคำสั่งของเจ้านายใช่ป่ะ?"
 
         "เธอไม่ใช่เจ้านายของฉันซักหน่อย" เรย์ตอบกลับไปพร้อมหันเบนหน้าไปทางอื่นอย่างไม่สนใจใยดี ซึ่งเขาไม่ทันสังเกตุเห็นใบหน้าที่กำลังใช้ความคิดอันชั่วร้ายของเอริตรงหน้า นิ้วมือแตะที่ริบฝีปากอันแสนงอนของเธอแล้วยิ้มออกมาเมื่อเธอปิ้งไอเดียอะไรดีๆ
 
         "งั้นก็.. ถ้านายไปซื้อขนมปังให้ฉัน ฉันก็จะให้นายลอกข้อสอบของวันนี้นะ" สายตาเหย้ายวนกวนประสาทของเอริกำลังล้อเล่นกับคนตรงหน้า ซึ่งเมื่อเรย์ได้ยินอย่างนั้นก็มีท่าทีที่ดูเปลี่ยนไปขึ้นมาในทันที
 
         "เห้! จริงเหรอ? ถ้างั้นไปซื้อให้ก็ได้!..." 
 

         "ไปแล้วคร้าบบบบบบบ!" 
         - ฟิ้ววววววว วววว วว -
         ว่าแล้วเขาก็ออกจากตรงนั้นด้วยความเร็วสูง โดยมีซายูมิและเอริมองตามไป
 

         "นายนี่มันกากชะมัดเลย"
         "รีบซื้อแล้วรีบกลับมาให้เร็วเลยน๊าาาา" 
 
 


         ภายในบรรยากาศห้องเรียนประจำวิชาของชั้นม.4/8 ภาพของบรรดาเด็กนักเรียนในห้องที่กำลังจับกลุ่มเม้าท์กันในเรื่องต่างๆนาๆยังคงมีให้เห็นอยู่เป็นประจำ และแน่นอนว่าในเรื่องที่พวกเขาคุยกันนั้นไม่มีเรื่องเรียนอยู่เลยสักเรื่องเดียว

        เรย์ที่พึ่งซื้อขนมปังกลับมาก็รีบวิ่งหน้าตั้งเข้ามาในห้องเรียนประจำวิชาแรกของตัวเอง มือของเขานั้นถือขนมปังหนึ่งห่อใหญ่อยู่ในมืออย่างแน่นหนา
 
         "เอริ! ฉันซื้อขนมปังมาแล้ว!"
 
         เรย์มองหาเจ้าของออเดอร์ของขนมปังห่อนี้ และเขาก็ต้องทำหน้าเหนื่อยเมื่อเห็นว่าใบหน้าของเอรินั้นนอนฟุบลงหลับปุ๋ยไปกับโต๊ะเลคเชอร์สีขาวนั้นไปแล้ว แต่ในช่วงเวลาถัดมาที่หางตาของเรย์ที่เหลือบไปสะดุดกับใครคนหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะติดริมหน้าต่าง เด็กนักเรียนสาวสวยตัวค่อนข้างสูง เจ้าของผมหางม้าที่นำมาไว้ตรงบ่าด้านหน้าอย่างสวยงาม
 
         ใบหน้าเนียนสวยกับโครงหน้าที่แสนคมกริบ นัยน์ตาที่ดูแสนหวานกำลังจับจ้องลงไปยังนิยายแนวสืบสวนที่เธอกำลังก้มลงอ่านอย่างตั้งใจ แสงสว่างภายนอกสาดส่องมายังเธอคนนั้นเพียงผู้เดียว ทำให้เธอดูเหมือนมีออร่าที่เปร่งประกายมากๆจนคนที่กำลังยืนมองเธออยู่ต้องเคลิ้มไปอยู่แทบเท้าของเธอ
 
 
         - ผั๊ววว ววว วว -
         ซายูมิที่พึ่งเดินกลับเข้ามาในห้องก็โบ๊ะหัวเรย์ทันทีเมื่อเธอเห็นว่าเขากำลังยืนขวางทางเธอจนเรย์หน้าเกือบคว่ำไป ใบหน้าที่กำลังฟินๆของเรย์หายไปในทันที
 
         "นี่! นายจะมายืนขวางทางทำไมเนี่ย" 
 
         "เปล่าซะหน่อย!! ก็แค่ดูว่าเธอคนนั้นกำลังทำอะไรน๊า..." เรย์พูดพลางส่งสายตาหวานๆมองไปยังเพื่อนสาวตรงนั้นอีกครั้ง จนซายูต้องหันมองตามไปยังเป้าหมายในสายตาของเรย์
 
         "อ๋อ ต้องขอจับล่ะนะ! ยาจิมะ ไมมิ" ซายูพูดพลางทำท่าทางน่ารักๆประกอบ "อันนี้เป็นประโยคประจำตัวของเธอล่ะนะ"
 
         "จับเหรอ? ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ" เรย์พูดแล้วก็หัวเราะในลำคอเบาๆไปด้วย พลางนึกถึงเวลาที่ไมมิทำท่าบ้างแล้วจะเป็นยังไง
 
         "ใช่ๆ ยังเป็นพวกชอบเรื่องสืบสวนสอบสวนไม่เปลี่ยนเลย พวกบ้าความยุติธรรมอะไรประมานนี้นั่นแหละ ชอบพวกนักสืบ พวกตำรวจ เป็นคนเห็นเรื่องไม่ถูกต้องเกิดขึ้นไม่ได้เลยล่ะ เรย์... อย่าบอกนะว่านายปิ๊งเขา?"
 
         แม้หูจะฟังในสิ่งที่ซายูกำลังพูดอยู่ก็ตาม แต่สายตาของเรย์นั้นยังละจากออร่าที่เปล่งประกายความงดงามของไมมินั้นไม่ได้เลยซักนิด ดวงตาแสนหวานคู่นั้นยังคงจับจ้องตัวหนังสือในนิยายของเธออย่างไม่กระพริบตา
 
         "แต่เธอเป็นคนแปลกๆนะ ฉันว่านายอย่าเข้าไปยุ่งกับเธอเลยจะดีกว่า"
 
 


         "ไม่อยู่อ่ะ!" จู่ๆเพื่อนชายที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆเธอก็พูดขึ้นมาพลางมองหาของที่อยู่ในกระเป๋าของเขา
 
         "สมุดเล็คเชอร์ของฉันมันน่าจะอยู่ในนี้นี่นา" เขาไม่ได้สังเกตเห็นว่าหญิงสาวที่พึ่งหันมานั้น หันมาทางเขาด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างดีใจชอบกล
 
         "ปริศนา! นี่เป็นปริศนาใช่รึเปล่า?!" เธอว่าพร้อมกับตบหนังสือยายที่เธอกำลังอ่านอยู่บนโต๊ะดังสนั่นลั่นห้องเรียนนั้น จนเรย์และซายูที่กำลังยืนดูอยู่ตกใจจนทำหน้าเหวอไปทั้งคู่
 
         "คนร้ายอาจจะอยู่แถวๆนี้ก็ได้นะ" เธอว่าแล้วค่อยๆก้าวเข้ามาหาเพื่อนชายของเธออย่างช้าๆ แล้วค่อยๆยื่นมือจับไหล่ของเพื่อนชายเธอจนคนถูกจับต้องสะดุ้งโหยง
 
         "ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะเป็นคนหาให้เธอเอง" รอยยิ้มอันแสนน่ากลัวเกิดขึ้นบนใบหน้าของไมมิในขณะที่เพื่อนชายของเธอกำลังหน้าซีดเผือกในตอนที่เธอยื่นหน้ามาใกล้ๆ
 
         "เอ่อๆๆ แต่ฉันอาจจะลืมมันไว้ที่บ้านก็ได้น๊..า.." เขายังไม่ทันพูดจบไมมิก็สายหน้ารัวๆทันที

         "ต้องมีคนขโมยไปแน่ๆ ต้องมีคนขโมยไปแน่นอน!"
 
 
 
         "ฉันว่าฉันเชื่อเธอแล้วล่ะซายู... - - " 
 
 

         ... กิ้ง กอง ก้าง ก่อง ...
         (เฮ้ออออ ออดช่วยชีวิตตู...)
 
         เพื่อนชายของไมมิปาดเหงื่อหลังได้ยินเสียงออดเข้าเรียนที่ดังขึ้นมา ทุกคนในห้องที่แยกย้ายกันไปจับกลุ่มนั่งเม้าท์กันนั้นต้องกลับมานั่งที่ของตัวเอง ทุกคนจัดโต๊ะและเก้าอี้ให้เข้าที่เข้าทางอย่างเรียบร้อยแล้วก็นั่งประจำโต๊ะของตัวเองอย่างเป็นระเบียบ
 


         ภายนอกห้องเรียนที่ตอนนี้ไม่มีนักเรียนมานั่งอยู่ให้เห็นแล้ว ทางเดินตลอดสายนั้นมีเพียงสองอาจารย์หนุ่มสาวกำลังเดินคุยกันระหว่างทางที่กำลังจะไปสอนหนังสือในชั่วโมงแรกของตัวเอง อาจารย์หนุ่มเจ้าของทรงผมสั้นสีทองในชุดเสื้อยืดสีแดงกางเกงขากระบอกย้วยๆและรองเท้าแตะหูคีบสีดำนั้น กำลังอ้าปากกว้างหาวจนอาจารย์สาวชุดดำที่เดินมากับเขาข้างๆนั้นทนไม่ได้จนต้องหาเรื่องพูดคุยให้เขาคลายง่วง
 
        "เมื่อคืนกลับดึกเหมือนเคยอีกสินะคะอาจารย์เทชิงาวาระ" อาจารย์สาวสวมแว่นเลนใสพูดขึ้นมาพลางมองอาจารย์หนุ่มข้างที่กำลังหาวไม่หยุด
 
        "หาวววว วว เฮ้อ เมื่อคืนดื่มมากไปหน่อย ทำไงได้ล่ะเพื่อนสมัยเรียนด้วยกันมันอุตส่าห์กลับมาพร้อมหน้ากันทั้งทีนี่" อาจารย์เทชิงาวาระยังคงพูดแบบคนที่มีสภาพอิดโรย ขอบตาที่ดำคล้ำแบบคนอดนอน มือของเขายังคงป้องปากเวลาหาวอย่างเป็นดาวเป็นเดือนอยู่ตลอด
 
         "คุณก็รู้นี่นาว่าวันนี้มีสอนเช้าไม่น่าจะหักโหมมากขนาดนี้เลยนี่คะ ยิ่งคุณกับฉันเป็นอาจารย์ประจำชั้นของเด็กห้องแปดด้วยแล้วเนียเดี๋ยวจะรับมือเจ้าเด็กตัวแสบพวกนั้นไม่ไหวเอานะคะ"
 
         "เอาน่าอาจารย์ฟุยุสึกิ เรื่องแค่นี้จิ๊บๆเอง ฮ่าๆๆ...หาววว วว" อาจารย์เทชิงาวาระหัวเราะร่าขึ้นมา แต่เสียงหัวเราะของเขาก็ถูกลบด้วยเสียงหาวของตัวเองอีกเช่นเคย

         "เอาไว้ว่างๆเรามาดื่มกันดีไหม เอ๊ะ! คืนนี้เลยเป็นไง! นะๆ" เขาพูดเชิญชวนพร้อมกับใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่หัวไหล่ของอาจารย์สาวที่อยู่ข้างๆเบาๆ หวังจะให้คนที่อยู่ข้างๆตอบรับคำเชิญชวนให้ได้ ซึ่งคนที่โดนสะกิดก็ทำเป็นไม่สนใจโดยการแกล้งหลับตา
 
         "เอาไว้วันหลังแล้วกันนะคะ!" อาจารย์ฟุยุสึกิพูดบอกปัดไปพร้อมกับแก้มที่แดงกล่ำออกมา

         "เราแยกกันตรงนี้นะคะ ขอให้สนุกกับการสอนในวันนี้แล้วกันค่ะ"
 
         "จ้าาา าาา าาา"
 
 


         อาจารย์เทชิงาวาระพูดจบก็เลี้ยวไปยังอีกทางหนึ่งแยกจากอาจารย์ฟุยุสึกิไป หลังจากนั้นเขาเองก็หาวอย่างไม่หยุดตลอดทาง มือข้างหนึ่งกระชับหนังสือเรียนที่จะใช้สอนในชั่วโมงนี้และเดินงัวเงียเลี้ยวเข้าห้องของเรียนประจำชั่วโมงนั้นไปในที่สุด ห้องของเด็กนักเรียนตัวแสบ ม. 4/8 นั่นเอง
 
         "อรุณสวัสดิ์ทุกคน! หาววว ววว"
 
         "อรุณสวัสดิ์คร๊าบ//ค๊า"
 
         อาจารย์เทชิงาวาระหาวอย่างเป็นดาวเป็นเดือนเข้ามาในห้องเรียน แล้วว่างสัมภาระของตัวเองเข้าไว้บนโต๊ะสำหรับอาจารย์ข้างหน้าห้องของเขา ในขณะเดียวกันเด็กนักเรียนของเขาก็กำลังก้มลงไปในกระเป๋ากันเพื่อหยิบตำราเรียนของวิชาดังกล่าวนี้ขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง
 
         "หาววว วว เอาละเรามาเริ่มเรียนเลยแล้วกัน..." 
 




         อาจารย์เทชิงาวาระเปิดหนังสือที่นำมาไปได้สองสามหน้า และเวลาถัดมาเขาก็เงยหน้าขึ้นมามองเด็กนักเรียนที่อยู่ทางด้านหลังห้อง สายตาของเรย์ที่กำลังผลิกกระดาษหนังสืออย่างเชื่องช้าอยู่นั้นจู่ๆเขาก็รู้สึกว่ามีใครกำลังจ้องมองมาทางเขาอยู่ จนต้องละสายตาจากหนังสือนั้นแล้วเงยหน้าขึ้นไป แล้วสายตาของเขาก็ประสานกับอาจารย์เทชิงาวาระในทันที

         ไม่รู้ว่ามีเหตุผลอะไรหรือเปล่า และไม่รู้ทำไมเรย์ถึงรู้สึกไม่ค่อยดีนักในตอนนี้ จนกระทั่งอาจารย์เทชิงาวาระนั้นเอื้อมมือไปหยิบกระดานรายชื่อของสมาชิกในห้องเรียนนี้ขึ้นมา
 
         "เรนะขาดเรียนเหรอเนีย..." จู่ๆอาจารย์เทชิงาวาระก็ก้มไปหยิบปากกาแล้วใช้ปากบิดฝาปากกาที่เขาถืออยู่ในมือออกมา สายตาของเขากำลังไล่หารายชื่อของเด็กนักเรียนคนนั้นอยู่อย่างว่องไว เมื่อเรย์ได้ยินชื่อนั้นเขาก็หันไปมองโต๊ะข้างๆทางด้านช้ายมือของเขา ซึ่งโต๊ะนั้นว่างเปล่าไม่มีนักเรียนคนไหนมาจับจองที่หนังนั้น
 
         "หืม... วันนี้คงไม่ได้มาโรงเรียนอีกแล้วสินะ" เมื่อเรย์มองไปที่โต๊ะนั้นแล้วก็พูดขึ้นมาคนเดียวเบาๆ พร้อมกับหันกลับไปหน้าห้องอย่างไม่ได้ใสใจนัก อาจารย์เทชิงาวาระเห็นรายชื่อของเด็กที่หายไปแล้วและกำลังจะเช็คลงในช่องว่าขาด ในเวลาต่อมานั้นเอง..
 
 

         โห่ ฮี้ โย!!!
 
 

         เสียงประหลาดดังขึ้นอย่างกึกก้องกังวาลนอกหน้าต่างนั้น จนคนในห้องเรียนนั้นต้องหันมองออกไปข้างนอกห้องเรียนอย่างประหลาดใจ อาจารย์เทชิงาวาระที่กำลังจะลงปากกาต้องหยุดมือแล้วหันมองออกไปนอกหน้าต่างตามเสียงที่ดังผ่านหน้าต่างเข้ามานั้น เช่นเดียวกันกับเรย์ที่สายตาของเขาก็หันไปตามเสียงที่ดังข้างนอกหน้าต่างนั้นอย่างสงสัยใคร่รู้
 

         "เย้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยเฮ้ยยยยยย" อาจารย์เทชิงาวาระทำตาถลนอย่างแตกตื่นเมื่อเห็นภาพที่กำลังจะเกิดขึ้นภายนอกหน้าต่างนั้น
 
         "....อะไรเนี่ย!!!!" ส่วนเรย์นั้นเมื่อเห็นเหนตุการณ์ทีอยู่ตรงหน้าก็ตกใจจนแทบล้มกลิ้งไปเลย
 
 
         ภายนอกหน้าต่าง เชือกเส้นยาวที่กำลังค่อยๆใกล้หน้าต่างเข้ามาพร้อมกับร่างผู้หญิงตัวเล็กในชุดนักเรียนสีแดง ที่กำลังโหนเชือกนั้นมาประหนึ่งว่าเธอกำลังเป็นทาร์ซาน นักเรียนในห้องเรียนที่อยู่ริมหน้าต่างนั้นตกใจจนต้องลุกขึ้นหนีจากเก้าอี้ของตัวเองออกมาอย่างแตกตื่น เมื่อร่างบางนั้นพุ่งเข้ามาจากหน้าต่างแล้วก็ล้มกลิ้งม้วนตัวลงกับพื้น ไม่เว้นแม้แต่เรย์ก็ตกใจจนต้องลุกหนีถึงแม้ว่าตัวเองจะนั่งอยู่หลังห้องก็ตามที
 
         ร่างบางตัวเล็กเจ้าของผมยาวสลวยสีน้ำตาลแดงมันขลับลุกขึ้นมาปัดฝุ่นที่ติดอยู่กับตัวเองอย่างหน้าตาเฉย ดวงตากลมโตกับใบหน้าที่เหมือนลูกแมวนั้นยังคงไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอยังคงกระชับสายสะพายกระเป๋าที่อยู่บนบ่าของเธอให้แน่นขึ้นไปอีก 
 
         "ยัยเรนะ!!! ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย?!!" อาจารย์เทชิงาวาระตะหวาดลั่นและยังคงตกใจกับเหตุการณ์เมื่อกี้นี้อยู่ จากท่าทางที่หลังของเขากำลังผิงฝาผนังอยู่ ตัวสั่นระริกไปหมด
 
         "อย่าเรียกหนูว่ายัยสิคะอาจารย์.. หนูแค่หลับเพลินอยู่บนด่านฟ้าอ่ะค่ะ มันจะสายอยู่แล้วด้วย มาเป็นแบบทาร์ซานมันเร็วสุดนี่นา" เธอหันอธิบายให้อาจารย์ของเธอฟัง แล้วกลับหลังไปก้มลงม้วนเชือกเก็บไปด้วยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนนั้นเองเพื่อนในห้องที่ได้สติก็ค่อยๆเดินกลับเข้ามาประจำที่นั่งของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง
 
         "ยังทำตัวประหลาดไม่เปลี่ยนเลยนะเธอ" ซายูมิพูดด้วยอาการเซงๆแล้วเบือนหน้ากลับไปที่โต๊ะของตัวเอง
 
         "บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่ามันอันตราย เกิดเธอเป็นอะไรไปแล้วฉันจะทำยังไง อย่าทำแบบนี้อีกนะ!!!" อาจารย์เทชิงาวาระว่าพร้อมกับชี้นิ้วที่สั่นระรึกไปที่เรนะ ซึ่งเธอก็ไม่ได้สนใจซักเท่าไร เธอยังคงม้วนเชือกแล้วโยนลงไปนอนหน้าตานั่น
 
         "ค๊าาา าา า" เรนะตอบแบบลากเสียงยานๆพร้อมกับเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะของตัวเองด้วยท่าทางเบื่อหน่าย
 
         "เอาล่ะ!! เรามาเริ่มหน้าที่ 21 กันนะ! ฮ่าๆๆ(ตาสว่างเลยตู)"
 
 
         แม้เรนะจะเข้ามานั่งที่โต๊ะประจำของเธอแล้วแต่ว่าเธอก็ไม่ได้วางกระเป๋าหนังสือลงแต่อย่างใด แต่เธอค่อยๆหันไปมองนักเรียนชายโต๊ะข้างๆของเธอ ตอนนี้สายตาของเธอคงส่งความรู้สึกไปยังเรย์ที่นั่งอยู่ข้างๆแล้วจนเขารู้สึกได้ว่ามีคนกำลังจ้องมองเขาอยู่จนต้องหันไป เรนะยืนหน้ากวนโอ๊ยของเธอเข้ามาใกล้เรย์จนเรย์รู้สึกเสียวสันหลังแว๊บๆ
 
         "มองหน้าทำไมอยากมีปัญหาง่ะเรย์!"
 
         "เอ้ยมะๆๆๆๆ ไม่จ้าไม่จ้า! แห๊ะๆๆๆ"
 
         เรย์โบกมือไปมาให้กับคนที่ทำหน้าแยงกี้ใส่เขาก่อนที่เธอจะพยักหน้าที่กำลังแยกเขี้ยวแล้วหันกลับไป เรย์ค่อยๆหันกลับมาพร้อมกับใบหน้าที่ดูเศร้าสร้อยประหนึ่งเหมือนคนกำลังจะร้องไห้
 

         ... ฮื้อๆ โรงเรียนนี้มันเพี้ยนไปแล้วจริงๆ!!! ...
  
 
 
 
 
 
         ในยามเย็นบนรถไฟหัวกระสุนที่วิ่งโดยความเร็วสูงสุด การันตีความเร็วสูงกว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นสองเท่า ภาพอาทิตย์อัสดงกำลังจะลับขอบฟ้า แสงที่ทอออกมาจากปลายภูเขาลูกใหญ่นั้นเป็นสีส้มอ่อนๆ สายตาของเด็กหนุ่มชาวไนท์เบลดที่กำลังออกมาจากตู้รถไฟของตัวเองแล้วเดินมายังหน้าต่างตรงหน้า
         แสงทอกระทบเข้ากับนัยน์ตาของเขาระยิบระยับผ่านเงาสะท้อนบนกระจกหน้าต่างนั้น ในหัวของเขานึกถึงคำพูดที่เขาได้สนทนากับอาจารย์ของเขาเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
 


"จะให้ผมไปที่นั่นจริงๆเหรอครับ"
น้ำเสียงที่ดูไม่มั่นใจในตัวเองดังขึ้นมา...
 
"ใช่แล้วล่ะ มันถึงเวลาสำหรับเธอแล้วที่พลังของเธอจะตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ซักที ที่ไฮฮ็อกก้าเธอจะได้ค้นพบอะไรใหม่ๆที่แม้แต่เธออาจจะยังไม่รู้ เธออาจจะได้ค้นพบชะตากรรมของเธอเอง อนาคตของเธอเอง สิ่งที่เธอคิดว่าจะเปลี่ยนแปลงมันได้เธอจะทำมันได้รึเปล่า คำตอบทั้งหมดมันรวมอยู่ที่นั่นหมดแล้ว"
น้ำเสียงที่ดูมั่นใจมากๆดังขึ้นมา...
 
"...ผมไม่คิดว่าผมจะทำมันสำเร็จ ผมไม่คิดว่าผมจะทำได้"
 
"ฮ่าๆ แน่นอนเธออาจจะทำมันไม่สำเร็จ แต่ฉันเชื่อว่าเธอต้องทำได้ เพราะเธอคือคนที่ถูกเลือกเรย์ เธอคือคนที่ถูกเลือก"
คำพูดที่ดูกดดัน...
 
"แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ขอให้เธอจำเอาไว้ว่า สิ่งที่เธอทำได้ สิ่งที่เธอต้องการ..."
ภาพของคนที่กำลังพูดค่อยๆลอยห่างออกไป...
 
"...มีแต่ตัวเธอเองเท่านั้น ที่รู้ดีที่สุดนะ"
พร้อมกับคำพูดที่ดังกึกก้องอยู่ในใจ...
 
 
 

       สายตาที่เปร่งประกายจ้องมองลงไปยังแหวนสีแดงที่เขาชูขึ้นมากระทบกับแผ่นฟ้ายามเย็น ข้างในอัญมณีสีแดงที่กำลังเปร่งประกายอยู่นั้นมีรูปของนกฟินิกซ์อยู่ข้างในอัญมณี เรย์มองแล้วนึกถึงเรื่องในสมัยเด็กผสมกับเรื่องในอดีตวนเวียนกันไปมาไม่รู้จบ
 



"พี่จ๋าาา าาา าา"
...เสียงที่คุ้นเคยในห่วงลึกของความทรงจำ  
 
"เรย์ โตขึ้นลูกอยากจะทำอะไรเหรอลูก"
เสียงของผู้เป็นพ่อ...
 
"ผมอยากจะเปลี่ยนแปลงโลกนี้ครับ... เผื่อว่าถ้าโลกนี้สงบสุขครอบครัวของเราจะกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม"
เสียงสะอื้นจากในหัวใจของผู้เป็นลูก...
 
"แกมันไม่เอาไหนสักเรื่องเลยเรย์!!! ทำไมไม่ดูอย่างอายูมิเป็นตัวอย่าง!!!"
เสียงของผู้เป็นพ่อคนเดิมที่เปลี่ยนไป...
 
"คนอย่างพี่น่ะมันพึ่งพาไม่ได้สักอย่างเลย!!!!!"
เพราะไม่มีพลัง...
 
"แกมันอ่อนแอจริงๆวะเลย ไปตายแล้วเกิดใหม่ไป!!!!"
ความทรงจำของคนที่ถูกรังแก...
 
"พลัง ขอแค่มีพลัง!!!"
จากความรู้สึกที่หนักแน่น...
 
"พลังแห่งความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัด จะทำให้นายเดียวดาย..."
จากความรู้สึกที่เปลี่ยนไป...
 
"...ย่อมได้ ฉันขอยอมรับพันธะสัญญานั่น!!!"
ที่ไม่อาจหวนคืนกลับมาได้อีกแล้ว...
 
 
...
..
.
 
"สักวันหนึ่ง ปีกฟินิกซ์คู่นี้... จะเหินฟ้า!!!!"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา