KP Warriors : โรงเรียนนักรบ แหวนเทวะ

9.7

เขียนโดย nesugiso

วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 12.35 น.

  20 ตอน
  12 วิจารณ์
  26.49K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2557 11.53 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

5) การต่อสู้ใต้แสงจันทร์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
         เป็นเรื่องที่เล่าขานสืบต่อกันมาช้านาน นับตั้งแต่สมัยสงครามในยุคโบราณกาล ว่าจอมทัพแห่งความมืดนามว่า"อันดูริล" ได้ตายลงไปหลังศึกสงครามครั้งสุดท้ายสิ้นสุดลง และไม่มีทางที่จอมทัพแห่งความมืดผู้นี้จะหวนคืนกลับมาบนโลกนี้ได้อีกครั้ง
 
         แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธีที่ทำให้จอมทัพผู้โหดเหี้ยมคนนี้กลับคืนมาจากขุมนรกอเวจี หนึ่งในวิธีนั้นก็คือ พลังของแหวนสีแดงจากไนท์เบลด ว่ากันว่ามีเพียงทายาทแห่งอันดูริลเท่านั้นที่จะสามารถคืนชีพให้แก่จอมทัพแห่งความมืดผู้นี้ได้
 
         ไม่มีใครรู้เหตุผลที่แหวนวงนี้ถูกสาปให้ใช้พลังไม่ได้อีก เล่ากันว่าคนที่สาปให้แหวนวงนี้ใช้การไม่ได้ นั่นก็คืออันดูริลเอง เพื่อทิ้งประตูที่จะทำให้ตนเองนั้นกลับมามีชีวิตขึ้นได้อีกครั้ง โดยกำหนดไว้แค่ทายาท ทายาทเท่านั้นที่จะสามารถคลายคำสาปของแหวนแห่งพลังวงนี้ลงไปได้ และแหวนวงเดียวเท่านั้นที่จะสามารถฟื้นคืนชีพให้กับอันดูริลได้
 
         แต่ถึงกระนั้นชาวไนท์เบลดก็เชื่อเหลือเกินว่ายังมีผู้ที่จะทำให้แหวนวงนี้กลับคืนมา นอกจากทายาทอันดูริลแล้ว นั่นก็คือผู้ที่ถูกเลือเพียงหนึ่งเดียว ซึ่งการค้นหาผู้ที่ถูกเลือกนั้นช่างยากเย็นซะยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก หลายร้อยหลายพันปีผ่านมา ยังไม่มีผู้ใดคืนชีพให้แก่แหวนวงนี้ได้ จนชาวไนท์เบลดเองเริ่มที่จะถอดใจและหมดหวังไปแล้ว
 
 
 
 
 
 
 
- เปรี๊ยง!!!!!!!!! -
"อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก"
 
 
         ในวันที่ดวงจันทร์และดวงดาราพรายรายล้อมไปทั่วท้องฟ้ายามคำคืนอันแสนสงบ ความเงียบสะงัดในยามวิกาลบัดนี้ไม่มีอีกแล้ว เมื่อในตอนนี้นักเรียนแห่งโรงเรียนไนท์เบลดกำลังห้ำหั่นกันท่ามกลางบ้านเรือนที่ตั้งอยู่รายเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ เสียงจากการต่อสู้อันดุเดือดดังสนั่นไปทั่วพื้นที่นั้น
         กำแพงปูนที่ถูกฉาบขึ้นมาอย่างดีในตอนนี้ได้ถูกทำลายลงไปแล้ว เมื่อชายหนุ่มแห่งไนท์เบลดคนหนึ่งกำลังถูกเพื่อนของเขาอีกสองคนยืนล้อมเอาไว้ แผ่นหลังของคนที่กำลังนอนอยู่จมลงไปในกำแพงรั้วปูนของบ้านหลังหนึ่ง ที่แตกจนไม่มีชิ้นดี ออร่าสีน้ำเงินและสีเขียวของคนที่กำลังยืนอยู่นั้นเจิดจ้าไปทั่วพื้นที่นั้นยามค่ำคืนที่กำลังจะถูกย้อมเป็นสีแดงนี้
 
         "เดี๋ยวก่อนรามูเนส!" อคิลลิส ชายหนุ่มผู้มีผมสีเขียวเป็นเอกลักษณ์ยกมือขึ้นมาขวางเพื่อนของตัวเอง เมื่อได้เห็นท่าทีที่ดูไม่เข้าท่าสักเท่าไรนัก เพราะสหายของเขาเกือบจะปล่อยหมัดที่เต็มไปด้วยไอเย็นใส่คนที่กำลังนอนอยู่ตรงหน้า
  
        "อะไรเล่าอคิลลิส?!" รามูเนสพูดขึ้นมาอย่างหัวเสียเมื่อถูกขัดจังหวะจากอคิลลิส
 
         "แถวนี้มันย่านชุมชนนะ!..." อคิลลิสกล่าวพร้อมกับหันมองไปรอบๆพื้นที่แถวนั้น และสายตาของเขาก็ได้ไปสะดุดเข้ากับบ้านหลังหนึ่งเยื้องกับบ้านที่เกิดเหตุไปไม่มาก
 
         ครอบครัวๆหนึ่ง แม่ลูกสองที่กำลังมองดูพวกเขาจากชั้นสองของบ้านหลังนั้น ชายหนุ่มผมสีเขียวสังเกตเห็นแววตาของทั้งสามคนที่แสดงออกถึงความหวาดกลัวออกมาอย่างชัดเจน เมื่อพวกเขาทั้งสามรู้สึกว่าชายหนุ่มผมสีเขียวที่อยู่ข้างล่างกำลังมองขึ้นมาบนหน้าต่างที่พวกเขากำลังแอบดูอยู่นั้น ผู้เป็นแม่จึงรีบปิดผ้าม่านสีขาวลายดอกไม้ที่ติดอยู่ริมหน้าต่างแล้วปิดไฟทันที เป็นภาพที่ทำให้หัวใจของอคิลลิสรู้สึกเจ็บแปบขึ้นมาในทันที
 
         "ถ้าเกิดมีใครโดนลูกหลงเข้าขึ้นมาจะทำยังไง!"
 
         "เหอะ! คิดว่าฉันแคร์รึไงเล่า!!!" แม้จะมีคำพูดตักเตือนไป แต่รามูเนสยังคงยืนยันที่จะทำต่อ โดยชาร์ตพลังขึ้นมาใหม่แล้วปล่อยพลังไอเย็นที่หมัดขวาออกไปทันทีเมื่อจบประโยค
 
 
         แต่ทว่าก่อนหน้านั้นไม่กี่วินาทีเมื่อสายตาของอคิลลิสได้ไปสะดุดเข้ากับที่แห่งหนึ่งที่ไกลห่างจากย่านชุมชนไปเล็กน้อย เขาจึงตัดสินใจเหวี่ยงหมัดผ่านอากาศออกไป เพราะความหนักและแรงทำให้ร่างของเรย์ถูกลมพัดพาลอยขึ้นไปเหนืออากาศ ก่อนที่จะถูกหมัดของรามูเนสจัดการไปซะก่อนแค่เสี้ยววินาที
 
         เพียงแค่พริบตาในขณะที่เรย์ไม่ทันได้ตั้งตัวแม้แต่น้อย อคิลลิสก็หายตัวไปปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเหนือร่างของเรย์ที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศ ราวกับว่าเขาสามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเหนือมนุษย์ได้อย่างนั้น  ชายหนุ่มผมสีเขียวประกบสองมือเข้าหากันแล้วทุบร่างของเรย์อย่างแรง จนร่างของคนที่โดนทุบพุ่งลงไปที่สวนสาธารณะใกล้ๆ ด้วยความเร็วที่ตกลงมาและความแรงจากหมัดของอคิลลิส ทำให้ต้นไม้ที่รายล้อมป่าแถวนั้นสองสามต้นหักและโค่นลงไปจากการพุ่งชนด้วยความแรง ตามมาด้วยเสียงกระทบกับพื้นดินราวกับว่ามีระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วจากร่างของชายหนุ่มที่พุ่งลงมากระทบกับพื้นดินอย่างแรง
 
         สองหนุ่มผู้กล้าพุ่งลงมาจากบนฟ้าอย่างรวดเร็ว แล้วยืนมองดูร่างของชายหนุ่มที่กำลังนอนแนบนิ่งไปเพราะความเจ็บปวดอยู่ตรงหน้า พื้นดินแหลกเป็นหลุมขนาดใหญ่ เลือดค่อยๆไหลออกจากมุมปากของคนที่กำลังนอนอยู่อย่างช้าๆ ถึงแม้ภาพที่เห็นอาจจะดูเจ็บหนักประหนึ่งว่าถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไปอาจจะมีสิทธิ์ตายได้ แต่สำหรับคนที่กำลังนอนอยู่นั้นเขาเพียงแต่รู้สึกจุกท้องเท่านั้น
 
         "หึ! พามาที่สวนสาธารณะเหรอ ความคิดดีเหมือนกันนี่..." รามูเนสกัดฟันพูดชมเชยเพื่อนของตัวเองด้วยท่าทางที่แสดงออกให้เห็นถึงความไม่พอใจสักเท่าไรนัก เพราะว่าอคิลลิสชิงลงมือตัดหน้ารามูเนสไปก่อนทั้งๆที่เขาเองก็ได้จังหวะดีๆนั้นอยู่แล้ว แม้จะเห็นท่าทางที่ไม่สบอารมณ์ของคนข้างๆแต่อคิลลิสก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายนัก
 
         "สู้กันที่นี่ดีกว่า จะได้ไม่ต้องมีใครมาบาดเจ็บเพราะว่าถูกลูกหลงของพวกเราด้วย" อคิลลิสอธิบายให้รามูเนสฟัง ซึ่งรามูเนสเองนั้นก็ฟังเขาแบบให้มันผ่านๆไป เพราะตอนนี้ในหัวของเขานั้นมีแต่เรื่องที่จะจัดการคนตรงหน้าเท่านั้น และในตอนนี้เรย์ที่กำลังนอนอยู่ก็พยายามใช้มือยันตัวลุกขึ้นมาจากพื้นดิน
 
         "ดะ ดะ เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อนสิพวกนาย!..." ชายหนุ่มที่ร่างกายสะบัดสะบอมลุกขึ้นมาพูดอย่างตะกุกตะกักเพราะความจุก "ทำไมพวกเราต้องมาสู้กันเองด้วยเนี่ย ฉันไม่เข้าใจเลย  พวกเราไม่ใช่ศัตรูกันสักหน่อยนะ!!! อคิลลิส!! รามูเนส!!"
 
         "เหอะ! มาถึงขั้นนี้แล้วยังจะมาพูดแบบนี้อีกเหรอ ไอ้ทายาทอันดูริน!" รามูเนสพูดสวนขึ้นทันควัน
 
        "ฉันไม่ใช่!!!" เรย์ตะหวาดใส่ "ทายาทอันดูริลอะไรของนายน่ะ!! ฉันไม่ใช่ทายาทอันดูรินหรืออะไรทั้งนั้นนะ!!! ฉันคือเรย์!! เรย์ มิลเลีย..ร์!!! "
 
 
        ชายหนุ่มยังไม่ทันพูดจบประโยคดี เขาก็ถูกหมัดของรามูเนสหวดเข้าไปที่ใบหน้าอย่างเต็มแรง ทำให้ร่างกายกระเด็นไปอีกครั้ง ร่างพุ่งไถลลงไปกับพื้นเพราะแรงหมัด ทำให้เกิดเป็นทางยาวๆหลายเมตรตามแรงชกของหมัดนั้น แต่ถึงอย่างไรเรย์ก็กลับมาตั้งหลักได้โดยการม้วนตัวกลับมากลางอากาศ โดยใช้เท้าของเขายันพื้นเอาไว้ แต่เพราะความแรงของหมัดรามูเนสก็ยังทำให้ตัวของเรย์ยังไถลไปอยู่อย่างนั้นจนความเร็วค่อยๆเฉื่อยลงไป
 
         "หึย! โถ่เว้ย!!! ทำไมไม่ฟังกันบ้างเลย!!!" เรย์สถบออกมาอย่างดังด้วยความฉุนเฉียวเป็นอย่างมาก เพราะความไม่เข้าใจอะไรหลายๆอย่างเ ทำให้เขาริ่มรู้สึกว่าร่างกายตัวเองเริ่มจะกลับมาลุกเป็นไฟอีกครั้งทั้งๆที่เขาพึ่งจะผ่านเหตุการณ์ร้ายๆมา
 
         "หุบปากแล้วยอมจำนนดีๆซะเถอะ ไอ้ทายาทจอมมาร!!!" รามูเนสยังคงตวาดใส่หน้าของเรย์
 
 
 
         พลังหมัดไอเย็นถูกปล่อยออกมาใส่เรย์อีกครั้งในชั่วพริบตาจากรามูเนส เมื่อเรย์เห็นดังนั้นเขาก็ยกแขนทั้งสองข้างป้องกันหมัดที่ปล่อยออกมาจากรามูเนสเอาไว้ ทำให้ในตอนนี้แขนทั้งสองข้างของเขาเต็มไปด้วยน้ำแข็งเกาะอยู่เต็มไปหมด แม้จะป้องกันพลังหมัดได้หมดก็จริง แต่ว่าเขาก็ไม่สามารถรับหมัดที่คนตรงหน้าสวนกลับมาด้วยความเร็วได้ หมัดอีกข้างของรามูเนสซัดเข้าไปที่ท่อนแขนของเรย์ที่กำลังยกอยู่จนร่างของเขาปลิวไปอีกครั้งเพราะความแรงของหมัด แหวนสีแดงที่กำลังส่องแสงอยู่ในกระเป๋ากางเกงของเรย์หลุดร่วงลงไปที่กองหญ้าแห้งใกล้ๆกับที่ๆเขาพึ่งล้มลงไปตรงนั้น
 
         เรย์ค่อยๆรวบรวมแรงที่เหลือลุกขึ้นมาแล้วใช้นิ้วโป้งปาดเลือดที่อยู่บนมุมปากของเขา สายตาที่แสดงความโกรธถูกส่งไปยังบุคคลที่อยู่ตรงหน้านั้น
 
         "ก็ได้... จะเอาอย่างนั้นใช่ไหม?!!!"
 
 
 
         เมื่อสิ้นที่ดังก้องกังวารของเรย์ เขาก็เอื้อมมือขวาออกไปเหมือนกำลังจะคว้าอะไรสักอย่าง ทันใดนั้นเองแหวนที่ตกอยู่ที่พื้นก็พุ่งเข้ามาหานิ้วของเขาราวกับว่ามันถูกสั่งให้พุ่งขึ้นมาสวมนิ้วของเรย์ ทันใดนั้นก็ได้เกิดประกายแสงสีแดงเจิดจ้าไปทั่วสวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยความมืดแห่งนั้น แล้วค่อยๆหายไปในช่วงวินาทีที่รามูเนสกำลังพุ่งเข้ามาเพื่อฉวยโอกาสที่เรย์ยังไม่ทันได้ตั้งตัว แต่เพราะพลังที่เพิ่มขึ้นมาเป็นเท่าทวีคูณทำให้พลังกายและการเคลื่อนไหวต่างๆนั้นแตกต่างจากเดิมอย่างมหาสาร เรย์จึงสามารถอ่านความเร็วของรามูเนสได้ และสวนกลับไปด้วยหมัดอัปเปอร์คัทที่ลุกเป็นไฟเข้าไปที่ปลายคางของรามูเนสที่พุ่งแหวกผ่านอากาศเข้ามาในทันที เพราะความรุนแรงของหมัดเรย์ทำให้ร่างของรามูเนสม้วนตัวกลางอากาศแล้วปลิวไปชนกับต้นไม้ที่อยู่ข้างๆนั้น
 
         อคิลลิสยืนมองดูเพื่อนของตัวเองล้มลงไป ด้วยสายตาที่แสดงออกถึงสิ่งที่ไม่คาดคิดอยู่ตรงหน้านั่น
 
         "...คิดจะต่อต้านจริงๆสินะ" อคิลลิสเอ่ยขึ้นมาในขณะที่กำลังมองดูเรย์ ชายหนุ่มที่พึ่งสวมแหวนสีแดงกำลังยืนมองร่างที่นอนฟุบลงไปข้างๆต้นไม้ เมื่อเรย์รู้สึกได้ว่ายังมีอีกคนหนึ่งที่จ้องคอยจะเล่นงานเขาอยู่อีก เรย์ก็หันขวับไปตามเสียงนั่นในทันที
 
         "อคิลลิส!! นายก็เหมือนกันนั่นแหละ!!" เรย์หันมาพร้อมกับตั้งท่าต่อสู้ "มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนีย!! ทำไมผู้พิทักษ์อย่างพวกเราถึงต้องมาสู้กันแบบนี้ด้วย ฉันไม่เข้าใจเลย!!! แล้วทายาทอันดูรินมันคืออะไรกัน!!!"
 
         อคิลลิสมองใบหน้าของเรย์ด้วยห่างตาเพราะความไม่แน่ใจในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ แต่สายตาของคนตรงหน้าก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะโกหก อคิลลิสคิดเช่นนั้น
 
         "นายพูดจริงๆอย่างงั้นเหรอ นายคงไม่ได้คิดจะโกหกฉันหรอกนะ ใช่ไหม?..." อคิลลิสถามเรย์ด้วยใบหน้าที่คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย
 
         "ก็ใช่นะสิ!!!! เรื่องนี้มันหมายความว่ายังไงกันแน่อคิลลิส!! อธิบายมาเดี๋ยวนี้นะ!!!" เรย์ตวาดลั่นสวนสาธารณะที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ เมื่ออคิลลิสได้ยินอย่างนั้นก็หลับตาลงในทันที ออร่าสีเขียวที่เคยส่องสว่างอยู่ก็ค่อยๆจางหายไป สร้างความมึนงงให้กับเรย์ที่กำลังใจคอไม่ดีอยู่ เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้าทำให้เขารู้สึกไม่เข้าใจยิ่งขึ้นไปอีก
 
         "หมายความว่ายังไงเนี่ยอคิลลิส นี่นายจะไม่สู้แล้วเหรอ..." เรย์ถามขึ้นมาเมื่อเห็นท่าทางที่แปลกไปจากคนตรงหน้า
 
         "เปล่าเลย..." อคิลลิสตอบพร้อมกับสายหน้าไปมาช้าๆ "ฉันยังมีอีกหลายๆเรื่องที่พวกฉันต้องรู้ อีกหลายๆเรื่องที่ฉันต้องฟังคำตอบจากปากของนายให้ได้เรย์ ทั้งเรื่องแหวนและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันเปิดเทอมวันแรก มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมแหวนถึงตอบรับนาย ทำไมนายที่ไม่เอาไหนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาถึงปลุกแหวนในตำนานนั้นขึ้นมาได้..."
 
         อคิลลิสพูดพร้อมกับมองมาที่เรย์ด้วยสีหน้าที่ดูจริงจังทำให้เรย์รู้สึกกดดันเข้าไปอีก มือของอคิลลิสกำแน่นเมื่อเพราะเขาคิดอยู่ในใจเพียงแค่อยากจะได้คำตอบจากชายคนนี้ในทันที
 
         "ดะๆๆๆ เดี๋ยวสินาย นั่นน่ะมันถือว่าเป็นเหตุผลที่พวกนายมารุมอัดฉันอย่างนั้นเหรอ!"
 
         "แม้ใจของฉันจะบอกอย่างนั้น แต่ตราบใดที่ฉันยังไม่ได้คำตอบฉันก็จะไม่เชื่อใจนายเด็ดขาด เพราะฉะนั้นยอมไปกับฉันดีๆซะเถอะเรย" คำพูดที่ดูกดดันสำหรับเรย์ถูกส่งออกมาจากคนตรงหน้า พร้อมกับมือที่ยืนออกมาราวกับกำลังจะเชื้อเชิญคนตรงหน้า
 
         "เดี๋ยวก่อนสินาย อย่าพูดเองเออเองเส่!!!!"
 
 
 
 
         "มันไม่ยอมง่ายๆหรอก!!!!" 
 
           เสียงที่ดังมาจากข้างหลังพร้อมกับเสียงลมที่พัดผ่านหูของเรย์ทำให้เขาต้องละสายตาจากอคิลลิสตรงหน้าแล้วหันไปยังที่มาของเสียงนั้น รามูเนสที่พึ่งพื้นจากอาการบาดเจ็บก็พุ่งเข้าใส่เรย์อย่างรวดเร็วจนเรย์ไม่ทันได้ตั้งตัว ความเร็วของรามูเนสยากที่เรย์จะสวนกลับไป จนเขาต้องตัดสินใจตั้งการ์ดเพื่อรับหมัดของรามูเนสเอาไว้ แต่เพราะความรุนแรงของหมัดที่กระทบกับแขนของเขา ทำให้ร่างของเรย์ปลิวไปจากตรงนั้นอีกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้เขาสามารถที่จะออกแรงใช้เท้ายึดเหนี่ยวกับพื้นดินนั้นเอาไว้
 
         "หนอย! รามูเนสอีกแล้วเหรอ!!" เรย์มองรามูเนสผ่านช่องแขนที่ไขว่กันเป็นรูปตัวเอ็กซ์นั่น
 
         แต่แค่พริบตาเดียวเท่านั้น ออร่าสีน้ำเงินก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งตรงหน้า พร้อมๆกับร่างของรามูเนส เมื่อเรย์เห็นว่ารามูเนสคงไม่ยอมรามือจากเขาไปง่ายๆเป็นแน่ เขาจึงเหวี่ยงหมัดขวาสวนกลับออกไป แต่ผลปรากฏว่าเป้าหมายที่ทำให้เขาเหวี่ยงหมัดออกไปนั้นกลายเป็นแค่เงาสุดท้ายของรามูเนสอย่างที่ทำให้เขารู้สึกอึ้งไป และวินาทีต่อมาเรย์ก็ถูกสวนกลับด้วยกำปั้นของรามูเนสเข้าไปที่ท้องของเขาเต็มๆ ทำให้เขารู้สึกเจ็บและจุกมาก
 
         เรย์เจ็บจนเดินเซถอยหลังไป แล้วก็ออกแรงสวนกลับรามูเนสไปในทันที
 
 
         "อึ้ยยยยยยยยย ย๊ากกกกกกกกกกกกกก"
        
         วินาทีต่อมาเรย์รัวหมัดไปที่คนตรงหน้าอย่างไม่ยั้งมือราวกับปืนกลที่กำลังรัวกระสุนใส่ศัตรูอยู่ก็ไม่ปาน นัยน์ตาของเรย์เปลี่ยนเป็นสีแดงโดยฉับพลันแสดงให้เห็นถึงพลังที่กำลังเพิ่มพูลอยู่ แต่ทว่าแค่นั้นก็ยังไม่เพียงพอ
 
         ด้วยความเร็วที่เหนือมนุษย์ของคนตรงหน้าผลปรากฏว่าทำให้หมัดของเรย์ประหนึ่งกลายเป็นแค่อากาศสำหรับเขาไปก็ไม่ปาน ไม่ว่าเรย์จะเหวี่ยงหมัดอกไปสักกี่ครั้งก็ไร้ผล ความเร็วของเขาสู้ความเร็วของคนตรงหน้าไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
 
 
         ... บ้าน่ะ! พลังอะไรกันเนี่ย! ขนาดเราใช้พลังของแหวนแล้วยังตามความเร็วของมันไม่ทันเลย ...
 
 
         เพียงแค่เสี้ยววินาทีของลมหายใจของเรย์ เพราะความเหนื่อยอ่อนทำให้เกิดช่องว่างขึ้นมาเล็กน้อย คนที่หลบหมัดของเรย์ได้จนหมดเห็นดั่งนั้นแล้วก็รีบสวนกลับด้วยหมัดของตัวเองเข้าไปที่ใบหน้าของเรย์อย่างแรง และแสงสว่างสีน้ำเงินพุ่งเข้าไปที่ท้องของเรย์อีกครั้ง ทำให้ร่างของเรย์กระเด็นถอยหลังแล้วล้มลงไปกับพื้น รามูเนสยืนยิ้มอย่างเย้ยหยันที่เขาสามารถฉวยโอกาสให้เป็นประโยชน์ได้สำเร็จ
 
 
         "เรย์คงยังไม่มีสินะ พลังแบบนั้น..." อคิลลิสพูดกับตัวเองในขณะที่เขากำลังดูการต่อสู้ของทั้งสองคนอยู่ และสังเกตเห็นว่าพลังของเขากับผู้กล้าสีแดงนั้นมันต่างชั้นกับเขาเกินไป
 
 
         เรย์ค่อยๆยืนขึ้นมาอย่างช้าๆเพราะอาการบาดเจ็บตามร่างกาย และก็ต้องรู้สึกตกใจขึ้นอีกครั้งเมื่อได้เห็นภาพที่อยู่ตรงหน้านั้น รามูเนสที่ตรงหน้ากำลังร่ายรำอะไรบางอย่างที่คล้ายคกับเคล็ดลับวิชาบางอย่างที่เขาเคยอ่านในการ์ตูนหรือในนิยาย ถัดมาจากนั้นสายตาของเขาเริ่มเห็นอะไรบางอย่างที่ค่อยๆปรากฏตัวออกมาพร้อมๆกับออร่าสีน้ำเงินนั้น สัตว์ที่โผล่ออกมามันดูคล้ายกับเสื้อเขี้ยวดาบที่กำลังเดินวนรอบๆตัวของรามูเนสอย่างช้าๆ เกร็ดน้ำแข็งไดม่อนที่อยู่แถบไซบีเรียค่อยๆลอยขึ้นมาจากพื้นดินที่รามูเนสกำลังยืนอยู่ ราวกับว่าเขากำลังจะเปลี่ยนพื้นที่แห่งนี้ให้กลายเป็นทวีปขั่วโลกเหนือหรือใต้ก็ไม่ปาน
 
         "อะไรน่ะ!!" เรย์พูดออกมาด้วยความตกใจกับภาพเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นตรงหน้า
 
         "...นี่ คงจะเป็นหมัดสุดท้ายสำหรับแกแล้วล่ะ เรย์!!!!!" สิ้นเสียงของรามูเนสก็ได้เกิดไอเย็นขึ้นรายล้อมร่างของเขา และไอเย็นเหล่านั้นก็พุ่งไปรวมเอาไว้ที่หมัดขวา
 
         "หรือว่า นายกำลังจะใช้ท่านั้น! อย่านะรามูเนส!!!" อคิลลิสตะโกนห้ามแต่ทว่ามันก็สายไปแล้ว เมื่อพลังของรามูเนสถึงขีดสุด
 
          "รับไปซะ เกร็ดน้ำแข็งแห่งความตาย!!!"
 
 
 
         - ไดม่อนฟรีซเซอร์!!! -
 
 
 
        ทันใดนั้นหมัดที่เต็มไปด้วยไอเย็นจากพลังแห่งน้ำแข็งมากมายถูกปล่อยออกมาจากหมัดขวาของรามูเนส พุ่งตรงไปยังเรย์ที่ยืนอยู่ตรงหน้า เมื่อเห็นดังนั้นเขาก็รีบตั้งการ์ดขึ้นมาป้องกันหวังจะป้องกันได้ไม่มากก็น้อย แต่ทว่าน้ำเเข็งที่กำลังโหมกระหน่ำเข้าใส่มาดังพายุนั้นมันมีมากเกินไป แขนทั้งสองข้างของเรย์เริ่มมีน้ำแข็งจับรวมไปถึงร่างกายส่วนอื่นๆด้วย ไม่นานนักร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยน้ำแข็งไปทั้วตัว เรย์เริ่มรู้สึกว่าอุณหภูมิในร่างกายของเขาเริ่มเย็นลงอย่างฉับพลันจนเริ่มหายใจไม่ออก เกร็ดน้ำแข็งที่โถมใส่เข้ามามีมากเกินไปทำให้ไม่กี่วินาทีต่อมาร่างกายของเรย์ก็ถูกแช่แข็งด้วยน้ำแข็งที่ถูกปล่อยออกมาจากหมัดของรามูเนสอย่างต่อเนื่อง
 
         - เพล้ง!!! -
 
        "อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก"
         ร่างของเรย์ถูกหมัดสุดท้ายของรามูเนสชกเข้าไปอย่างแรง ทำให้ร่างของเรย์นั้นลอยไปไกลเพราะความรุนแรงแรงของพลังหมัดจากรามูเนส
 
 
         เรย์กระเด็ดล้มลงไปกับพื้นพร้อมกับเกร็ดน้ำแข็งมากมายที่เกาะอยู่ไปทั่วตัวของเขา ร่างกายรู้สึกชาไปหมดทั้งตัว นัตน์ตาสีแดงหายวับกลับมาเป็นสีดำโดยฉับพลัน ร่างที่เคยมีแรงเหลือและลุกขึ้นมาได้ทุกครั้งในตอนนี้นอนแนบนิ่งลงไปกับพื้นดินตรงนั้น ชายหนุ่มในชุดนักเรียนสีแดงเพลิงทั้งสองคนยืนมองคนที่กำลังนอนอยู่ตรงหน้า มีเพียงแต่รามูเนสที่กำลังยิ้มเย้ยหยันคนที่กำลังนอนอยู่เท่านั้น
 
         "... ต่อให้แกจะเก่งสักแค่ไหนก็ตามเถอะ แต่แกก็ไม่มีวันเอาชนะความหนาวเหน็บของท่า ไดม่อนฟรีซเซอร์ ได้หรอก"
 
         "รามูเนส!!! นายทำเกินไปแล้วนะ!!!" อคิลลิสหันมาตะหวาดใส่คนตรงหน้าลั่น เมื่อเขาคิดว่าที่รามูเนสกำลังทำอยู่นั้นมันไม่สมควร
 
         "หนวกหูน่า!!!" รามูเนสหันมาตวาดกลับพร้อมกับส่งสายตาที่ดูก้าวร้าวนั่นออกมา "จะเอาตัวไอ้หมอนี่ไปได้ก็มีแต่ต้องทำแบบนี้เท่านั้น! วิธีการใจดีแบบโง่ๆของนายมันไม่ได้ผลอีกต่อไปแล้วล่ะนะ รู้ไว้เอาไว้เถอะอคิลลิส"
 
         "นี่แก!! รามูเนส!!" อคิลลิสกำหมัดแน่นเมื่อได้ยินคำพูดแทงใจดำของสหายของเขา สีหน้าของอคิลลิสเปลี่ยนไปเพราะความโกรธเป็นอย่างมาก
 
         และอคิลลิสก็แทบจะน็อตหลุดขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อได้เห็นรามูเนสยกมือขึ้นมาแล้วเริ่มรวบรวมพลังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับเล็งไปที่เป้าหมายตรงหน้า นั่นก็คือคนที่กำลังนอนนิ่งสนิดอย่างไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นมาเลยได้เลยตอนนี้
 
         "นั่นนายจะทำอะไรน่ะรามูเนส!!" อคิลลิสถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงอาการร้อนรนกับเหตุการณ์ตรงหน้าที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ นัตน์ตาสีเขียวของเขาเบิกกว้าง แต่ทว่ารามูเนสเองยังคงทำเป็นหูทวนลมไปอย่างนั้น รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขาและพลังหมัดก็เพิ่มพลังยิ่งแรงกล้าขึ้นไปกว่าเดิมอีก จนมันกำลังส่องสว่างเป็นแสงสีน้ำเงิน
 
         "รามูเนส อย่านะ!!!" แม้อคิลลิสจะเข้ามาห้ามปรามแต่ก็ไม่ทันการ เมื่อหมัดของรามูเนสปล่อยหมัดออกมาอีกครั้งหนึ่ง
 
 
          แต่ทว่า...
 
 
 
 
- เปรี้ยง!!!!!!!!!! วื้ดดดดดดด -
 
         หมัดที่รามูเนสได้ปล่อยออกไปนั้นกลับถูกหยุดจากม่ายพลังสีแดงจากคนที่กำลังนอนอยู่ แม้ว่าร่างกายจะลุกแทบไม่ไหว แต่ก็ยังมีเรี่ยวแรงพอที่จะป้องกันตัวเองจากหมัดที่กำลังโจมตีเข้ามา เรย์ยกมือข้างขวาขึ้นมาเพื่อเรียกพลังม่านพลังสีแดงที่กำลังป้องกันเขาจากหมัดพลังของรามูเนสที่หยุดอยู่ตรงหน้าของเขา จะกระทั่งหมัดที่ถูกปล่อยออกมานั้นได้สลายไปพร้อมๆกับแรงระเบิดเล็กน้อยที่ออกมา ถึงจะไม่แรงมาแต่ก็ทำให้ม่านพลังนั้นสลายไปและทำให้เรย์ล้มไปนอนอีกครั้งหนึ่ง
 
         รามูเนสมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความไม่พอใจ ปนกับอึ้งเล็กน้อย เมื่อคิดว่าท่าไม้ตายของเขานั้นพลังน่าจะมากพอที่จะทำให้เรย์ไม่สามารถลุกขึ้นมาอีกได้ แต่ว่าเรย์ก็สามารถลุกขึ้นมาป้องกันหมัดของเขาได้ แต่ถึงแม้จะเป็นแค่การปล่อยหมัดออกมาครั้งเดี่ยวเท่านั้น แต่ในตอนนี้ร่างกายของเรย์ก็ดูจะไม่สู้ดีนัก เพราะในตอนนี้เขาทั้งอ่อนแรงและหายใจหืดหอบราวกับคนที่กำลังจะหมดลมหายใจ
 
         "ยังมีแรงเหลืออีกนะแก!!!" รามูเนสกระทืบเท้าเข้าไปหาร่างที่กำลังนอนอยู่ตรงนั้นด้วยความไม่สบอารมณ์ แต่ทว่าเขาก็ต้องหยุดเดินไปก่อน เพราะว่าอคิลลิสได้มายืนขวางตรงหน้าเข้าเอาไว้
 
         "ฉันไม่ยอมให้นายทำอะไรตามใจอีกต่อไปแล้วรามูเนส!!" ถึงแม้จะพูดอย่างนั้นแต่ดูเหมือนคนที่อยู่ตรงหน้าของอคิลลิสจะไม่ได้ฟังเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำ...
 
 
- ตุบ!!!!!!! -
 
        "อรั๊ก!!!!!"
         รามูเนสชกเข้าไปที่ลำตัวของอคิลลิสที่กำลังยืนขวางหน้าเขาเข้าไปจนทำให้อคิลลิสจุกและล้มลงไป ทำให้รามูเนสเดินไปยืนอยู่เบื้องหน้าของเรย์ที่กำลังนอนนิ่งสนิดอยู่ตรงนั้น
 
 
         และไม่กี่วินาทีต่อมา รามูเนสก็เริ่มรวมรวบพลังหมัดของตัวเองอีกครั้ง แสงสว่างสีน้ำเงินเจิดจ้าขึ้นมาอีกละลอก อคิลลิสได้แต่นั่งดูเหตุการณ์ตรงหน้าเพราะความเจ็บที่พึ่งถูกหมัดของรามูเนสไป พลังเริ่มทวีคูณมากขึ้นและมากขึ้นไปอีกจนถึงขีดสุดและปล่อยออกมา
 
 
 
- เปรี้ยง!!!!!!!!!!!!!!!!!!! -
 
        
 
 
         ทันใดนั้นเองก็ได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นตรงหน้าของพวกเขาทั้งสองคน สายฟ้าฟาดสีเหลือผ่าจากฟ้าลงมาตรงหน้าของพวกเขาทั้งสองคน หมัดของรามูเนสที่ปล่อยออกไปนั้นได้ถูกทำลายจนหมดสิ้น สายฟ้าที่กระทบกับพื้นนั้นเกิดเป็นรอยแตกขนาดใหญ่ตรงหน้าของพวกเขา ทั้งรามูเนสและอคิลลิสมองเหตุการณ์นี้ด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความตกใจเป็นอย่างมาก และทั้งสองก็พยายามมองหาที่มาของสายฟ้านี้
 
         และทัทีที่พวกเขาได้ยินเสียงลมที่อยู่บนฟ้าพัดผ่านพวกเขาไป ร่างของคนที่กระโดดลงมาจากฟ้ามาปรากฏตัวต่อหน้าของพวกเขาทั้งสองคนนั้น คนที่ยืนขวางหน้าของรามูเนสอยู่นั้นกลายเป็นนักเรียนโรงเรียนไนท์เบลดร่างเล็กที่มีทรงผมบ๊อบเทสีทอง นัยน์ตาสีน้ำเงินที่ดูเอาจริงเอาจังจ้องมองมาที่พวกเขาทั้งสองคนตรงหน้า
 
         "...แองเจโล่!" อคิลลิสเอ่ยขึ้นมาเมื่อเห็นคนตรงหน้าซึ่งเขาก็มีทีท่าว่าจะรู้จักคนที่มาใหม่นี้ด้วย แต่เมื่อเขาทำท่าว่าจะเดินเข้าไปหา คนตรงหน้ากลับกางแขนทั้งสองข้างขึ้นมาเหมือนเป็นสัญญาณบอกกับทั้งสองคนว่าห้ามผ่านจากตรงนี้ไปอีกเด็ดขาด
 
         "หยุดเถอะครับ ทั้งสองคน..." แองเจโล่พูดขึ้นมา "ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องทำแบบนี้เลยนะครับ"
 
         "ไม่มีเหตุผลอย่างนั้นเหรอ!! " รามูเนสพูดออกมาอย่างหัวเสีย "งั้นนายลองหันหลังไปดู ว่าที่นิ้วของเจ้านั่นมันสวมอะไรเอาไว้อยู่!"
 
         เมื่อสิ้นเสียงของรามูเนส แองเจโล่ที่กำลังยืนขวางพวกเขาทั้งสองคนก็เหลียวหลังไปดูนิ้วของเรย์ที่กำลังนอนอยู่ตรงนั้นตามคำพูดของรามูเนส นัย์ตาสีน้ำเงินของแองเจโล่จับจ้องไปยังแหวนอัญมณีสีแดงวงนั้น ที่มีรูปนกสีเงินคล้ายรูปหงษ์อุ้มอัญมณีเม็ดนั้นอยู่ แม้ตอนนี้จะมีน้ำแข็งเกาะอยู่เต็มไปหมดก็ตาม
 
         "นั่นแหวนแห่งอัคคีที่ไม่มีใครเคยปลุกมันขึ้นมาได้จนมาถึงตอนนี้ แหวนนี้พื้นขึ้นมาได้ก็เพราะมัน..." แม้รามูเนสจะอธิบายให้แองเจโล่ฟังสักแค่ไหนก็ตาม แต่สายตาของแองเจโล่ก็ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
 
         "แล้วยังไงครับ?.." แองเจโล่หันควับกลับมาพร้อมกับคำถามที่สวนขึ้นมาทันที ทำให้รามูเนสคิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความไม่พอใจขึ้นมา
 
         "...แล้วยังไงเหรอ! หลักฐานมันก็อยู่ตรงหน้านายแล้วไม่ใช่หรือไง!! เจ้านี่มันคือทายาทแห่งอันดูรินแน่นอน!..." รามูเนสกล่าวด้วยความมั่นใจ
 
         "เป็นอย่างนั้นจริงๆเหรอครับ?" แองเจโล่ถามสวนกลับขึ้นมา ทำให้รามูเนสที่กำลังจะพูดต่อสะดุดไปเพราะเจอคำถามที่กำลังขัดใจเขาอยู่
 
         "หัวใจของผมกำลังรู้สึกได้ในตอนนี้ว่านายกำลังที่ยัดเยียดฐานะ ทายาทอันดูริน ให้เขาเพราะเหตุผลส่วนตัวของนายเอง...." เพราะคำพูดของแองเจโล่นั่นเองทำให้อคิลลิสที่พึ่งหายจากอาการจุกท้องหันมามองรามูเนสด้วยสีหน้าแปลกๆ เมื่อเห็นได้ชัดว่าแววตาของรามูเนสสั่นระรึก มือของเขากำแน่นเมื่อคำพูดนั้นเริ่มเสียดแทงใจของเขา
 
         "ไม่ใช่นะ!!!!" รามูเนสตะหวาดออกมา
 
         "แล้วพวกนายรู้หรือเปล่าว่าก่อนที่พวกนายจะมาเจอเขา เขาพึ่งไปเจอเหตุการณ์อะไรมาก่อนหน้านี้ พวกนายรู้กันบ้างไหม?" คำถามที่ออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังจากคนชายร่างเล็กที่อยู่ข้างหน้า ทำให้ทั้งอคิลลิสและรามูเนสยืนอึ้งไปพักใหญ่
 
         "เรย์น่ะ ยอมเสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อไปช่วยเด็กนักเรียนหญิงโรงเรียนของเราคนหนึ่ง ที่กำลังจะถูกรุมทำร้ายจากพวกแก็งซ์อันธพาล เรย์น่ะบุกเข้าไปช่วยนักเรียนคนนั้นออกมาคนเดียวโดยที่เขาไม่ได้ห่วงชีวิตของเขาเลยสักนิด!"
 
 
         ทั้งรามูเรสและอคิลลิสเมื่อได้ยินเรื่องเล่าจากปากของแองเจโล่นั้นก็ถึงกับยื่นอึ้งไปพักใหญ่ และขณะเดียวกันนั้น คนที่กำลังนอนอยู่ข้างหลังของแองเจโล่ค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก นัยน์ตาสีดำมองภาพตรงหน้าอย่างเลือนลาง เขาเห็นเพียงแค่ภาพมัวๆของรูปร่างคนสามคนกำลังยืนเผชิญหน้ากันอยู่เท่านั้น แต่ว่าหูของเขายังคงได้ยินทุกคำพูดที่เปล่งเสียงออกมา
 
         "ไม่จริงน่ะ อย่างไอ้หมอนั่นมันจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ได้ด้วยเหรอ" อคิลลิสพูดกับตัวเองออกมาเบาๆ
 
         "เหอะ!! แล้วมันสำคัญตรงไหนกัน!!" แม้ว่าแองเจโล่จะพูดเกี่ยวกับเรื่องราวในวันนี้ของเรย์ให้พวกเขาฟัง แต่รามูเนสเหมือนจะไม่ค่อยยอมรับสักเท่าไรนัก
 
         "ก็ลองคิดดูสิครับ! ถ้าเขาเป็นทายาทอันดูรินอย่างที่พวกคุณว่าจริงๆแล้วล่ะก็ ทำไมเขาถึงขั่นยอมเสี่ยงตายเพื่อไปปกป้องเด็กนักเรียนของเราครับ!!!"
 
          เพราะคำพูดของแองเจโล่ที่เปรียบเสมือนไฟส่องแสงทางความคิด ทำให้อคิลลิสและรามูเนสต้องยืนอึ้งไปอีกครั้งหนึ่ง นัยน์ตาของอคิลลิสสั่นระริก เขารู้สึกว่าตัวเขาเองเริ่มเข้าใจแล้วกับอะไรหลายๆอย่าง และเขาควรต้องทำยังไงต่อไป แต่ผิดกับรามูเนสที่ในตอนนี้เขากำลังก้าวออกมาอย่างช้าๆ
 
         "ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะ..." รามูเนสพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆ "แต่ว่ายังไงก็ไม่มีหลักฐานให้ฉันเชื่อได้อยู่ดี... อย่ามาพยายามพูดให้พวกเราเชื่อเลยดีกว่าแองเจโล่"
 
           รามูเนสไม่ได้สังเกตุเห็นว่ากำลังมีอะไรบางอย่างกระพริบอยู่ตรงมือข้างขวาของแองเจโล่ โดยที่เขาไม่ได้ดูเลยว่าในขณะที่นัยน์ตาของแองเจโล่เองเริ่มจ้องมองรามูเนสอยู่นั้น เหมือนกับว่าคนตัวเล็กตรงหน้าของเขานั้นต้องการจะมองให้่ลึกลงไปข้างในจิตใจของเขา อคิลลิสยืนมองเหตุการณ์อย่างรู้สึกหวั่นๆราวกับเขาจะรู้แล้วว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
 
         "งั้นก็แปลว่าคุณไม่เชื่อใจผม และไม่เชื่อในพลังของผมสินะ..." แองเจโล่เริ่มยกนิ้วชี้กับนิ้วกลางขึ้นมาประคบกับขมับขวาของเขา รามูเนสเองก็เริ่มรวบรวมพลังขึ้นอีกครั้งหนึ่งโดยที่ไม่ได้สนใจคนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
 
         "ฉันไม่ได้อยากจะสู้กับนาย หลีกไปซะ!!!"
 
 
 
 
        แต่ทว่าทันทีที่รามูเนสกำลังจะเหวี่ยงหมัดออกไปนั้น ร่างกายของเขากลับขยับไปไหนไม่ได้ ราวกับว่าร่างกายของเขาถูกโซ่ล๊อคเอาไว้ หรือถูกสาบให้เป็นหินอย่างไงอย่างงั้น สายตาของเขามองร่างกายของตัวเองที่กำลังสั่นไปทั้งตัวเพราะความพยายามที่จะขัดขืนและขยับตัวของเขาเอง แสงที่กำลังจะถูกปล่อยกลับมาหยุดอยู่ที่หมัดขวาของเขาตามเดิม และเมื่อรามูเนสละสายตาขึ้นมามองคนตรงหน้า ได้เห็นแองเจโล่กับนัยน์ตาที่เปลี่ยนสีกลายเป็นสีเหลือง พร้อมกับแหวนที่กำลังส่องประกายแสงสีเหลืองอย่างสว่างไสวอยู่ตรงหน้าของเขา
 
          ... ขอแค่หยุดความเคลื่อนไหวของคุณ แค่นั้นก็คงพอแล้วใช่ไหม! ...
 
        "ห๊ะ!" รามูเนสเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง เพราะว่าจู่ๆน้ำเสียงของคนที่กำลังจ้องมองเขาอยู่นั้นก็ดังเข้ามาในหัวของเขาเอง เขาไม่เข้าใจเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อยว่าอะไรกันที่ทำให้แองเจโล่เข้ามาในหัวของเขาได้
        
         สายตาที่ดูกดดันของแองเจโล่ยังคงจ้องมองร่างของรามูเนสอยู่ไม่คลาดสายตา จนกระทั่งร่างกายของรามูเนสเริ่มเกิดปะจุไฟฟ้าขึ้นมารอบๆตัวของเขา สายตาของรามูเนสเบิกกว้าง เพราะรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้านั้น ปะจุไฟฟ้าสีเหลืองปรากฏออกมาและเริ่มไต่ขึ้นมาตามร่างกายของแองเจโล่ ผ่านขา และช่วงท้อง ค่อยๆไล่ขึ้นไปที่ศีรษะของเขา และปะจุไฟฟ้าสีเหลืองนั้นเริ่มเคลื่อนไปยังแขนขวาโดยผ่านศีรษะและทางนิ้วทั้งสองที่กำลังแตะขมับขวาเอาไว้อยู่ ปะจุรวมตัวกันกลายเป็นแสงสว่างสีเหลืองอร่ามรอบๆแขน และทันใดนั้น
 
        
          - ดรรชนีสายฟ้าฟาด!!!! -
            
 
         เมื่อแองเจโล่สะบัดแขนชี้นิ้วออกไปยังตรงหน้าก็ได้เกิดเสียงฟ้าคำรามออกมา สายฟ้าสีเหลืองพุ่งออกมาจากปลายนิ้วทั้งสองตรงไปยังรามูเนสที่อยู่ตรงหน้าและทะลุไปยังป่าที่อยู่ทางด้านหลังของรามูเนส ด้วยความเร็วและแรงของสายฟ้านั้นทำให้ต้นไม้หลายต้นระเบิดไป หลงเหลือแต่เพียงเศษซากไม้ชิ้นเล็กๆอยู่ตามพื้นเท่านั้น
 
         สายตาของแองเจโล่มองร่างของรามูเนสที่เต็มไปด้วยควันไหม้จากการปะทะของพลังสายฟ้านั้น ร่างของคนที่ถูกสายฟ้าสีเหลืองโจมตีค่อยๆล้มลงอย่างช้าๆ อคิลลิสที่มองดูเหตุการณ์นั้นอยู่ได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกก่อนที่จะชายตามามองคนตรงหน้าของเขา ที่ตอนนี้นัยน์ตาสีเหลืองกำลังเหลือบมามองเขาเช่นกัน นิ้วชี้นิ้วเดิมกลับขึ้นมาประกบกับขมับของแองเจโล่อีกครั้ง
 
         "คงไม่บาดเจ็บอะไรมากหรอก ผมแค่อยากหยุดการเคลื่อนไหวของเขาเท่านั้น ก็อยากที่รู้ๆกันดีว่าตอนนี้รามูเนสน่ะ คงไม่ฟังอะไรใครง่ายๆแน่" แองเจโล่พูดขึ้นมาท่ามกลางสายลมที่แผ่วเบาพัดผ่านหมู่ดาวยามวิกาล ใบไม้แห้งร่วงหล่นปลิวไปตามแรงลมที่พัดผ่าน ชายหนุ่มแห่งไนท์เบลดทั้งสองกำลังยืนประจันหน้ากัน และทั้งคู่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรกันเป็นเวลานาน เพราะว่าสงครามการต่อสู้ด้วยวาทะแห่งความคิดนั้นได้เริ่มต้นขึ้นไปแล้วนั่นเอง
 
         ... ผมรู้ว่านายต้องการอะไรจากเรย์ แต่ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วล่ะ ล้มเลิกความคิดแล้วยุติการต่อสู้นี้ซะทีเถอะครับ ...
 
         ในแววตาที่ดูนิ่งสนิดของอคิลลิสกลับมีเสียงของคนตรงหน้าของเขาดังขึ้นมาในห่วงลึกของจิตใจ แต่ถึงกระนั้นร่างกายของเขาก็ยังนิ่งอยู่ราวกับว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น
 
 
         ... นายรู้จริงๆเหรอว่าฉันต้องการอะไรกันแน่ แองเจโล่ ...         
 
         ... แน่นอน พลังแหวนแห่งอัสนีของฉันสามารถเข้าไปในหัวของนาย ฉันสามารถเข้าไปในความคิดของนายได้ ฉันรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับนายว่านายต้องการอะไร และอยากจะทำอะไร แม้กระทั่งตอนนี้ฉันก็กำลังทำอยู่ ...
 
         ... อ๋อ อย่างนั้นเหรอ แต่ว่า ฉันเองก็ไม่ได้ชอบให้ใครเข้ามาในหัวของฉันโดยที่ฉันไม่ได้อนุญาตหรอกนะ ...
 
 
   
         ทันใดนั้นอคิลลิสก็เริ่มขยับร่างกายของเขาจนเกิดสายลมที่พัดโหมขึ้นมาอย่างแรง นัยน์ตาสีน้ำเงินของแองเจโล่เห็นว่าคนตรงหน้ากำลังร่ายรำด้วยท่วงท่าที่สง่างาม ภายใต้ออโรร่าสีเขียวที่กำลังเปล่งแสงสว่างอยู่นั้น แองเจโล่ได้เห็นมังกรสีเขียวที่กำลังค่อยๆลอยขึ้นมาตามท่วงท่าที่อลิคลิสร่ายรำอยู่ วงแขนโบกสบัดอย่างงดงามไปพร้อมๆกับมังกรที่ลอยอยู่รอบๆตัวของเขา แองเจโล่สังเกตเห็นว่าดวงตาสีแดงกล่ำของมังกรนั้นกำลังจ้องมองมาทางเขาอยู่อย่างไม่ละสายตา แล้วอคิลลิสก็หยุดรำที่ท่าที่แองเจโล่เห็นว่า ท่าสุดท้ายของอลิคลิสนั้นเหมือนกับว่าเขากำลังจะเหวี่ยงอะไรสักอย่างมาที่เขา
 
         "อะ... อลิคลิส หรือว่านาย" นัยน์ตาของแองเจโล่สั่นระริกด้วยความตกตะลึงกับภาพตรงหน้า ผิดกับสายตาที่แน่วแน่ของอคิลลิสที่จ้องมาอย่างไม่คลาดสายตา
 
          ... นายไม่ได้รู้ทุกเรื่องจริงๆหรอก แองเจโล่!!! รับไป!!!!!! ...
 
         "อย่านะครับ ผมไม่ได้จะ!!!.."
 
 
         - หมัดมังกรเหินโลกันต์!!!!!!!!!!!!!! -                          
 
 
         เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วผืนฟ้าเมื่ออคิลลิสได้เหวี่ยงหมัดของเขาออกไป มังกรตัวสีเขียวที่อยู่ข้างหลังของอคิลลิสนั่นลอยพุ่งไปที่คนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ดวงตาของแองเจโล่เบิกกว้างขึ้นมาจนกระทั่งเขาเริ่มรู้สึกว่าต้องเหวี่ยงตัวหลบ เขาจึงถีบตัวอย่างแรงเพื่อเบี่ยงหลบให้พ้นพลังหมัดที่แสนจะมหาสารนี้ไปให้ได้ ด้วยแรงอัดของพลังหมัดอันมหาสารนี้ที่แม้มังกรเขียวจะพุ่งผ่านหน้าของแองเจโล่ไป แต่แองเจโล่ก็ยังถูกแรงที่พัดผ่านอากาศของหมัดมังกรเหินเขาไปเต็มๆ ถึงการเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงของแองเจโล่จะเหนือกว่าและไม่ทำให้เขารับพลังหมัดเข้าไปเต็มๆก็ตาม แต่ก็ทำให้ร่างของแองเจโล่กระเด็นไถลไปหลายเมตรเพราะความรุนแรงของหมัดที่มหาสาร เกิดเป็นแนวยาวตามแรงที่ร่างของเขาไถลไป
 
         มังกรสีเขียวพุ่งผ่านแองเจโล่ไปยังป่าที่อยู่เบื้องหลังนั้น จนกระทบกับพื้นดินทำให้เสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว ด้วยแรงอัดอันมหาสารทำให้ต้นไม้ใหญ่ๆแหลกไปพร้อมกับร่างของมังกรสีเขียว เหลือเพียงแต่เศษซากความว่างเปล่าที่เคยเป็นต้นไม้อยู่เท่านั้น พื้นดินแตกเป็นวงกว้างขนาดใหญ่ สวนสาธารณะที่เคยมีต้นไม้ปกคลุมอยู่ในบัดนี้ไม่มีอีกต่อไปแล้ว
 
         "สมแล้วที่เป็นแองเจโล่ผู้กล้าแห่งแหวนอัสนีบาต..." อลิคลิสพูดเอ่ยออกมาอย่างชื่นชม พร้อมกับค่อยๆย่างก้าวเข้ามาหาแองเจโล่ที่กำลังนอนอยู่ตรงหน้านั้น "ถ้าการเคลื่อนไหวไม่เร็วมากพอจริงๆ คงหลบหมัดมังกรของฉันไม่พ้นแน่ๆ"
 
         "ไม่หรอก!" แองเจโล่พูดตัดบทขึ้นมา ในขณะที่เขาพยายามจะลุกขึ้น อคิลลิสก็เห็นว่ามือข้างซ้ายของเขาจับแขนขวาเอาไว้ เพราะความเจ็บปวดจากอาการหัวไหล่หลุดตอนที่เขากระแทกกับพื้น
 
         "ความจริงแล้ว ผมก็คงจะหลบไม่พ้นจริงๆนั่นแหละ แต่ เพราะว่า..."
 
 
         เพราะคำพูดที่ฟังดูตะกุกตะกักด้วยความเจ็บปวดของแองเจโล่ ทำให้คนที่เพิ่งจะทำร้ายเขาไปนั้นถึงกับยืนอึ้งไป แองเจโล่หันกลับไปมองข้ามไหล่ขวาของเขา อคิลลิสมองตามสายตาที่แองเจโล่มองไปข้างหลัง และภาพตรงหน้าของพวกเขาทั้งสองคนก็คือกลุ่มพลังงานบางอย่างที่คล้ายลูกบอลสีม่วงล้อมรอบด้วยวงแหวนสีทองที่มีลูกกลมๆสีทองเคลื่อนที่วนเวียนไปทั่ว มันลอยอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเหมือนมีใครบางคนดึงมันให้กลับไป
 
         อคิลลิสและแองเจโล่มองตามลูกบอลลูกนั้นไป จนกระทั่งมันหายเข้าไปในแหวนของคนๆหนึ่งที่ยื่นหมัดออกมา แหวนที่มีอัญมณีสีม่วงกลมๆอัดกรอบสีเงินรูปวงกลมที่รอบๆมีอักษรแบบโบราณเขียนเอาไว้อยู่ ซึ่งเมื่อแสงจากลูกบอลหายไป อัญมณีสีม่วงก็ถูกปิดเป็นรูปตัวเอ็กซ์ครอบกันเอาไว้ ซึ่งข้อความที่อยู่บนตัวเอ็กซ์นั้นเขียนคำว่า "เนบิวล่า"
 
        นัยน์ตาสีม่วงจ้องมองมายังพวกเขาทั้งสองคนตรงหน้า เมื่ออคิลลิสเพ่งสายตาดูในความมืดมิดนั้น ก็แน่ใจแล้วว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเป็นคนที่พวกเขาทั้งสองคนรู้จักอีกคนหนึ่ง เพราะว่าใส่ชุดนักเรียนของโรงเรียนไนท์เบลดเหมือนกับพวกเขาทั้งสองคน ชายร่างสูงหุ่นสมส่วนเจ้าของใบหน้าหวานตรงหน้าค่อยๆเดินมารับแสงจันทร์ที่กำลังสาดส่องมายังพวกเขาทั้งสามคน
 
          "ไวโอเล็ต ซิกฟรีด!!!" อคิลลิสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แสดงความตกใจ เมื่อคนตรงหน้าเปิดเผยตัว ซิกฟรีดค่อยๆย่างก้าวเข้ามาหาพวกเขาอย่างเฉื่อยชา จนมาหยุดอยู่ข้างๆแองเจโล่ และมองคนทีกำลังนั่งคุกเข่าจับแขนตัวเองอยู่ด้วยหางตา
 
          "เกือบไปแล้วนะแองเจโล่ ถ้าฉันมาช้ากว่านี้อีกนิดล่ะก็..." ซิกฟรีดพูดด้วยเรียบๆ
 
         "อ่า... ขอบใจนะครับที่มาช่วยผม" แองเจโล่บอกคนตรงหน้า ซึ่งตอนนี้สายตาของเขานั้นค่อยๆชายตามองไปยังอคิลลิสที่กำลังยืนกำหมัดอยู่ตรงหน้า
 
         "ซิกฟรีด!!!" อคิลลิสตะหวาดขึ้นมา "นายเองก็จะมาขวางฉันอย่างนั้นเหรอ!!!"
 
         "....แล้วนายล่ะอคิลลิส นายมาที่นี่ทำไม? เหมือนว่าตอนนี้พวกนายกำลังจะทำนอกเหนือจากคำสั่งของหัวหน้าของพวกเราอยู่นะ" ประโยคที่ซิกฟรีดเอ่ยออกมาทำให้ชายหนุ่มผมสีเขียวผงะไปเล็กน้อย สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างที่ทั้งแองเจโล่และซิกฟรีดเองเห็นได้
 
         "ฉันมาที่นี่เพื่อมาเอาตัวคนที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นทายาทอันดูริน...." อคิลลิสตอบ
 
         "อ๋ออย่างงั้นเหรอ พิสูจน์สิ!"
            
        
 
 
        เมื่อสิ้นเสียงของซิกฟรีด พวกเขาทั้งสองคนตั้งกลับไปตั้งท่าต่อสู้กันในทันที ขณะที่แองเจโล่ค่อยๆลุกขึ้นมาและยืนมองพวกเขาอยู่ห่างๆ สายตาของทั้งคู่สบตากันอย่างไม่กระพริบตา อคิลลิสสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่ๆแล้วเปล่งออร่าสีเขียวประจำตัวของเขาออกมา ทันทีที่ออร่าเปล่งแสงก็ฝุ่นตะหลบไปทั่วตามการเคลื่อนไหวของออร่าสีเขียวนั้น นัยน์ตาสีเขียวที่กำลังเปล่งแสงอยู่จ้องมองมาทีคนตรงหน้าของเขา ซึ่งซิกฟรีดเองก็กำลังกำหมัดทั้งสองข้างอย่างแน่นหนาและเกร็งร่างกายของเขา ทันใดนั้นเองฝุ่นใต้แทบเท้าของเขาก็เริ่มฟุ้งขึ้นมา และเริ่มม้วนตัวคล้ายๆกับกำลังจะเกิดพายุ เมื่อนัยน์ตาสีม่วงของซิกฟรีดเริ่มจะเปลี่ยนไป ก็ได้บังเกิดออร่าสีม่วงรายล้อมรอบๆร่างของเขา เหมือนกับอคิลลิสไม่มีผิดเพี้ยน
 
         ภายใต้ความมืดมิดในสวนสาธารณะ มีแต่เพียงแสงสว่างสีม่วงและสีเขียวที่กำลังเจิดจรัสแสงแข่งกันอยู่เท่านั้น ฝุ่นที่ฟุ้งกระจายไปทั่วจนทำให้แองเจโล่ที่กำลังยืนมองดูทั้งอยู่นั้นต้องยกมือมาบังหน้าเขาเอาไว้เพื่อนกันฝุ่นเข้าตา ไม่นานนัก อคิลลิสก็เริ่มร่ายรำอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งในตอนนี้มังกรสีเขียวก็เริ่มเลื้อยลอยขึ้นมาจากพื้นดินอย่างช้าๆจนไปหยุดอยู่ในท่าที่เขากำลังจะปล่อยหมัดออกไปเหมือนกับที่เคยทำกับแองเจโล่
 
         และในขณะเดียวกันนั้นเอง เมื่ออคิลลิสเริ่มรู้สึกได้ว่าบรรยากาศและพื้นที่รอบๆตัวของเขาเริ่มเปลี่ยนจะไป เขาเริ่มหันไปสนใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเขาแทนที่จะรีบปล่อยหมัดออกไป เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าสิ่งที่เขากำลังเห็นอยู่นั้นไม่ได้ตาฝาดไป เขาจ้องมองไปยังอวกาศหรือเนบิวล่าขนาดใหญ่ที่อยู่ที่พื้นของซิกฟรีด ในขณะที่มือทั้งสองข้างของเขานั้นกำลังร่ายรำโดยทำมือวนเป็นวงกลมไปมาในอากาศ คล้ายกับว่าเขากำลังร่ายเวทมนต์บนเนบิวล่า หลังจากนั้นเนบิวล่าสีน้ำเงินก็ปรากฏอยู่ตรงระหว่างมือสองข้างที่เอามาประสานกัน เหมือนกับเขากำลังโอบอุ้มเนบิวล่านั้นเอาไว้อยู่
 
 
         - หมัดมังกรเหิน โลกันต์!!!... - อคิลลิสไม่รอช้าแล้วชิงลงมือก่อน ปล่อยหมัดออกไปโดยที่มังกรพุ่งทะยานเข้าไปหาคนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว และในขณะนั้นเอง ซิกฟรีดก็เริ่มระเบิดพลังออกมาอย่างมหาสารจนได้เกิดเป็นเสียงระเบิกขึ้นมา
 
 
         - กาแลคติก เอ็กซ์โพชั่น!!!!!! -
 
 
         เสียงดังสนั่นดังฟ้าคำรามเมื่อซิกฟรีดเหวี่ยงฝ่ามือออกไป ดวงดาวที่อยู่ในจักรวาลรอบๆเนบิวล่านั้นก็พุ่งเข้าไปหามังกรสีเขียวที่กำลังลอยเข้ามาหา หมัดทั้งสองหมัดเขาปะทะกันอย่างรุนแรงชนิดที่ว่าแผ่นดินสั่นสะเทือนไปทั่ว และด้วยความรุนแรงและพลังอะไรหลายๆอย่างที่เท่าเทียมกัน ทำให้หมัดของพวกเขากำลังรวมตัวกันกลายเป็นลูกบอลขนาดยักษ์ แสงสีเขียวและม่วงกำลังส่องแสงเจิดจ้า พลังที่ออกมาเป็นสายๆของทั้งสองคนแสดงให้เห็นถึงการต่อสู้ของพวกเขาที่กำลงใช้พลังทั้งหมดในการที่จะดันลูกบอลนี้ให้ไปยังฝั่งใครสักคน
 
         แต่ทว่าผลลัพธ์มันไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเขาต้องการ ลูกบอลที่อยู่ตรงกลางลูกนั้นเมื่อได้รับพลังของพวกเขาเข้าไปก็ค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นทีล่ะนิดทีละน้อย แต่ถึงกระนั้นทั้งสองคนก็ยังไม่ละความพยายาม จนกระทั่งแองเจโล่เห็นท่าว่าไม่ดีแล้ว จึงค่อยๆเดินเข้าไปห้ามพวกเขาทั้งสองคนโดยฝ่าลมกรรโชกแรงดั่งพายุเข้าไป
 
 
         "หยุดนะทั้งสองคน!!! พวกนายคิดจะทำลายหมู่บ้านแถวนี้รึไงกัน!!!"
        
   
         แองเจโล่ที่ยืนดูอยู่ใกล้ๆตะโกนห้ามปาม เพราะได้คำนึงถึงความเสียหายมหาสารที่จะออกมาหากว่าพลังของทั้งสองคนเกิดระเบิดขึ้น แต่ถึงกระนั้นพวกเขาทั้งสองก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้ และยังคงปล่อยพลังของทั้งสองเข้าไปอีกจนตอนนี้ลูกบอลนั้นมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก ด้วยพลังมหาสารมันเริ่มที่จะกลืนพื้นดินตรงนั้นเข้าไป กระแสไฟฟ้าจากลูกบอลปล่อยออกมาไม่หยุดหย่อน สปาร์คพื้นดินรอบๆให้เป็นรอยไหม้สีดำ ลมแรงดั่งพายุโหมกระหน่ำถึงขั้นทำให้คนที่กำลังสลบอยู่ต้องตื่นขึ้นมา
 
         รามูเนสค่อยๆลืมตาแล้วลุกพรวดขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงคล้ายๆฟ้าผ่า และเขาก็ต้องตกใจสุดขีดกับเหตุการณ์ตรงหน้าเมื่อได้ลุกขึ้นมาเห็น ส่วนเรย์นั้นพยายามลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก เขาเริ่มรู้สึกว่าร่างกายของเขามันเริ่มผิดปกติไป ร่างกายที่ดูหมดเรี่ยวหมดแรง หน้าฝากร้อนตุบๆ สายตาค่อนคข้างพล้ามัว แต่ก็ยังคงเห็นแสงจากลูกบอลตรงหน้าได้อย่างชัดเจน
 
         ไม่นานนักพวกเขาก็เริ่มเห็นว่าพลังของลูกบอลเริ่มจะมีรอยแตก และมันกำลังจะระเบิดในไม่ช้า แสงสว่างเริ่มเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาของแองเจโล่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อเขารู้ว่าไม่สามารถจะหยุดเหตุการณ์นี้เอาไว้ได้แล้ว เขาจึงวิ่งตรงเข้าไปหาเรย์ที่กำลังนอนอยู่แล้วล้มตัวไปกอดปกป้องเขาเอาไว้ รามูเนสเองก็เรียกม่านพลังสีน้ำออกมาจากฝ่ามือของเขาเพื่อป้องกันแรงระเบิดเอาไว้ ทันใดนั้นเองในขณะที่ลูกบอลกำลังจะระเบิดออกมา
 
 
 
         - อตอมมิค โรลิ่ง โวลต์!!!! -
 
 
 
         เสียงประหลาดที่ดังขึ้นมาทำให้ทุกคนหันไปหาที่มาของเสียงนั้น แต่สิ่งที่พวกเขาเห็นนั้นกลายเป็นพายุหมุนสีทองคำที่พุ่งเข้าไปยังลูกบอลพลังนั้น แล้วลูกบอลพลังที่กำลังจะแตกลูกนั้นก็ลอยขึ้นไปสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว และจากนั้นก็ได้เกิดเสียงระเบิดที่ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วฟ้า แสงอันเจิดฟ้าทำให้ทุกคนที่ยืนมองอยู่นั้นต้องยกมือกันแสงสว่างนั่นเอาไว้ เมื่อแสงสว่างค่อยๆจางหายไป พวกเขาก็หันไปมองตรงหน้าเมื่อรู้สึกว่ามีใครบางคนที่มาใหม่กำลังมองพวกเขาทั้งหมดอยู่
 
         พวกเขาเจอกับคนสองคนที่พวกเขาทั้งหมดรู้จักกันดี อาจารย์หนุ่มและอาจารย์สาวกำลังยืนมองพวกเขาอยู่ ควันที่ออกมาจากฝ่ามือของอาจารย์หนุ่มเป็นสิ่งทีบอกว่าเหตุการณ์ในเมื่อสักครู่นี้เป็นฝีมือของเขาอย่างแน่นอน
 
         "อาจารย์ฟุยุซึกิ!!! อาจารย์เอลวิน!!!" อาจารย์สาวหันมามองตามเสียงของรามูเนสด้วยสายตาที่เธอไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก แต่สายตาของรามูเนสนั้นกลับจ้องไปยังใบหน้าของอาจารย์หนุ่มด้วยสายตาที่หวาดเกรง เขาก็คือคนที่มากับรามูเนสที่พิพิธภัณฑ์ในเมื่อเย็น หรือเรียกให้เข้าใจง่ายขึ้นไปกว่านั้น เขาก็คือหัวหน้าของเขานั่นเอง
 
         แม้สายตาของอาจารย์หนุ่มจะนิ่งเฉยราวกับไม่ได้รู้สึกอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ว่ารามูเนสกับรู้สึกหวาดกลัวเขาอย่างไม่น่าเชื่อ เช่นเดียวกันกับอคิลลิส
 
 
         "จบเรื่องนี้กันได้หรือยัง..."
 
 
         นัยน์ตาของเรย์เริ่มพล่ามัวหลังจากได้ยินเสียงสุดท้ายของอาจารย์สาว และแสงสว่างบนโลกนี้ก็ค่อยๆจางหายไปจากสายตาของเขา

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา