KP Warriors : โรงเรียนนักรบ แหวนเทวะ

9.7

เขียนโดย nesugiso

วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 12.35 น.

  20 ตอน
  12 วิจารณ์
  26.42K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2557 11.53 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

10) เบื้องหลังแห่งผู้กล้า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
         ในตอนนี้เป็นวันเดียวกันที่เรย์จะเดินทางไปยังไฮฮ็อกก้า เหตุการณ์ย้อนกลับไปยังตอนเช้าอันเงียบสงบ ดังเช่นทุกๆวันธรรมดาของเหล่านักเรียน...
 

         สายลมเอื่อยๆพัดอย่างแผ่วเบาล้อกับปีกนกกระจอกที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้าอย่างอิสระเสรี ในวันที่เมฆสีขาวที่สีอ่อนละมุดดั่งปุยนุ่นลอยผ่านท้องฟ้าสีครามดั่งน้ำทะเลในตอนเช้า แสงแดดอ่อนๆทอลงมากระทบกับพื้นน้ำของน้ำพุรูปวงกลมที่ตั้งอยู่ใจกลางโรงเรียนไนท์เบลด 
 
         รูปปั้นของนักรบแห่งไนท์เบลดตั้งตระหง่านอยู่กลางน้ำพุอย่างสง่าผ่าเผย แสงแดดที่ทอลงมาสะท้อนผิวน้ำขึ้นมายังรูปปั้นแลดูเหมือนว่ารูปปั้นนี้กำลังเปล่งประกายออร่าจากแสงพระอาทิตย์อยู่ก็ไม่ปาน
 
         ประตูโรงเรียนสีขาวที่ดูสูงและแข็งแกร่งดั่งปราการที่แข่งกล้าเปิดต้อนรับเหล่าเด็กนักเรียนหนุ่มสาวทั้งหลาย ที่เดินเข้ามาภายในโรงเรียนอย่างไม่รีบร้อนอะไร สีแดงดังเพลิงอันร้อนแรงจากชุดนักเรียนที่เดินเรียงรายกันตามทางเดินบนถนนคอนกรีต รวมไปถึงทางเดินและที่ต่างๆภายในโรงเรียน เสียงเจียวจาวดังอย่างไม่มีหยุดหย่อนของบรรดาเด็กนักเรียนที่กำลังนั่งพบปะพูดคุยกันตามจุดต่างๆของโรงเรียน หรือเล่นกันอยู่ที่ลานแสงมณีตามประสาของเด็กนักเรียนวัยรุ่นทั่วไปก่อนชั่วโมงแรกของคาบเรียนที่หนึ่งจะมาถึง เป็นยามเช้าของวันธรรมดาในทุกๆวันของโรงเรียนที่ไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงไป... หรือเปล่า?!
 
         ไม่มี!!
 
         อะไรเนี่ย!!!
 
         ไม่มี!!!
 
           "ม่ายยยยยยยมี๊!!!!!!"
 
 
         ภายในห้องเรียนของชั้นมัธยมปีที่ 4/1 อาคารเรียนที่สี่แห่งตึกวิทยาศาสตร์ของโรงเรียนไนท์เบลดพรอนเทียร่าที่ดูแล้วน่าจะเงียบสงบ เมื่อเด็กนักเรียนน้อยคนนักทีจะขึ้นมารอเรียนกันในห้องเรียนตั้งแต่เช้า

         แต่ในตอนนี้ความสงบกลับถูกทำลายลงไปด้วยน้ำเสียงสิบแปดหลอดของนักเรียนสาวที่ตัวค่อนข้างเล็ก ร่างอวบ ริบฝีปากเจ่อๆของเธอเผยอขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ ทำให้เห็นฝันกระต่ายขาวๆทั้งสองซี่ของเธอ แว่นสายตาเลนใสที่เจ้าตัวใส่อยู่สะท้อนกองหนังสือขนาดใหญ่ที่อยู่ในกระเป๋าเป๋นักเรียนหนาๆของเธอ หากคนที่มาเห็นกระเป๋าคู่ใจของเธอในตอนนี้ ก็ต้องคิดเหมือนๆกันแน่ว่า... นี่เธอกำลังย้ายบ้านมาโรงเรียนใช่ไหม
 
         ของชิ้นแล้วชิ้นเล่าที่เธอจับโยนออกนอกกระเป๋าอย่างไม่สบอารมณ์ไม่ว่าจะเป็นกระดาษที่ม้วนๆกันเป็นลูกกลมๆ เศษถุงพลาสติกของขนมปัง ถุงใส่ปากกาก หรือแม้กระทั่งหนังสือนิยายเล่มโปรดของเธอ เพื่อที่เธอจะหาของบางให้พบ แต่ผลที่ตามมาคือเสียงกรี๊ดร้องอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมกับมือสองข้างที่เก่าหัวดังแครกๆจนผมยาวๆสีดำสรวยของเธอนั้นยุ่งไปหมด
 
         "เป็นบ้าอะไรของเธอแต่เช้าเนี่ยซากิ!" เด็กสาวที่เป็นเจ้าของโต๊ะเลคเชอร์ซึ่งบนโต๊ะกำลังเต็มไปด้วยกองกระดาษด้วยฝีมือของคนข้างๆที่ขว้างมาอย่างไม่สนใจใยดี ซึ่งในตอนนี้เธอก็มีอารมณ์ไม่ต่างจากคนที่ถูกเรียกชื่อจนหันควับมาซักเท่าไรนัก สายตาของเด็กเรียนส่องมองลอดออกมาผ่านแว่นตาที่เธอกำลังสวมใสอยู่ ซากิลุกพลวดขึ้นมาแล้วตรงเข้าไปดึงคอเสื้อเพื่อนสาวของเธอที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างแรง
 
        "เป็นความผิดของเธอนั่นแหละ!! ยัยไม!!!"
 
         ไม สาวน้อยตัวเล็กหน้าตาน่ารักด้วยแก้มที่อวบอิ่ม เพราะแก้มยุ้ยขาวๆกับไฝเม็ดเล็กๆที่แก้มของเธอ รวทไปถึงร่างเล็กๆตันๆของเธอนั้นทำให้เธอแลดูเหมือนกับเด็กมัธยมชั้นปีที่ 1 เลยทีเดียว สายตาอย่างไม่สบอารมณ์ของเด็กเรียนส่องลอดแว่นตาเลนใสเช่นเดียวกันกับเพื่อนสาวของเธอ
 
         "อะไรเล่ายัยบ้า!" ไมว่าพลางปัดมือของซากิออกพร้อมกับปัดเลือนผมสีดำประบ่าของเธอ แต่ซากิก็ยังอาละวาดไม่เลิก เธอถอนหายใจฟ้อดใหญ่แล้วหันกลับไปที่กระเป๋าของเธอแล้วค้นกระเป๋าของเธออีกครั้งหนึ่ง
 
         "ฉันหาหนังสือวิชาวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิตประจำวันที่จะเรียนตอนคาบแรกไม่เจอ! เพราะเธอเอาไปซ่อนใช่มั๊ย! ยัยไมเน่า!!!" เธอหันมาตะหวาดใส่ไมอีกครั้งหนึ่ง
 
         "ไม่ได้เอาไปเฟ้ย!! เธอลืมเอามาจากบ้านหรือเปล่า! แล้วอีกอย่างใครจะไปกล้ายุ่งกับของๆเธอกันเล่า!!" ไมหันมาพูดฉอดๆจนคนตรงหน้าฟังเกือบไม่ทัน แต่นั่นมันก็ไม่ได้ทำให้ซากิอยากจะหยุดอาละวาดเลยแม้แต่น้อย
 
         "โกหก!! เมื่อกี้หน้าของเธอยังบอกเลยว่า "สะใจ" อยู่เลยไม่ใช่หราาาา!!!" ซากิพูดแล้วทำท่าเลียนแบบท่าทางของไมอย่างที่เธอว่าในตอนนั้น ซึ่งเจ้าตัวที่กำลังถูกใส่ร้ายก็ไม่รู้เลยว่าเธอทำแบบนั้นไปตั้งแต่เมื่อไรกัน
 
         "ไม่ใช่เฟ้ยยยยยยยยยยยย!!!!!"
 
 
         สงครามสี่ตาของสองสาวยังคงดำเนินต่อไปอย่างดุเดือด เสียงดังลั่นไปทั่วทั้งตึกที่สี่ จนแม้แต่เพื่อนร่วมห้องของพวกเธอที่แทบไม่อยากจะสนใจเรื่องที่ดูเหมือนจะเป็นกิจวัตรประจำวันคือการทะเลาะกันของพวกเธอ ก็ต้องหันมาติดตามชมสงครามเล็กๆว่ามันจะจบลงอย่างไร
 
         แต่ถึงแม้ว่าเสียงของซากิจะดังขนาดไหนก็ตามแต่ก็ยังไม่ขนาหูของชายหนุ่มที่กำลังฟุบตัวหลับอยู่บนโต๊ะเลคเชอร์สีขาวของเขาน ใบหน้าหันข้างของเขาทำให้ดูเหมือนว่าคนๆนี้ช่างไร้เดียงสากะไร ทั้งๆที่จริงแล้วมันตรงกันข้ามกับที่กล่าวมาทั้งหมด เสียงกรนเล็กๆยังคงดังอยู่เงียบๆในที่ส่วนตัวของตัวเองอย่างนั้น เขาแอบขยับตัวเล็กน้อยเมื่อซากิที่อยู่โต๊ะหลังดูเหมือนว่าจะผลักตัวเองออกจากโต๊ะ จนขอบโต๊ะของตัวเองไปถูกหลังเก้าอี้ของคนที่กำลังนอนอยู่เล็กน้อย
 
         "บอกแล้วไงว่าไม่ได้ทำ!! ไม่ได้ทำ!! ยัยบ้า!!!" ไมตวาดลั่น ซากิกำหมัดแน่นพร้อมกับแยกฟันกระต่ายของเธอออกมาอีกครั้งหนึ่ง
 
          "ฉันไม่เชื่อ!!!!!"
 
 
 
           "ได้โปรดรักษาความสงบกันด้วยค่ะ!"
 
         น้ำเสียงที่ฟังดูเป็นทางการดังขึ้นมาทำให้สองสาวที่กำลังจ้องตาเขม่งใส่กันอยู่นั้นต้องหยุดสงครามชั่วขณะ แล้วหันไปยังต้นเสียงที่ดังขึ้นมาที่หน้าห้องเรียนของพวกเธอ สารวัตรนักเรียนสาวทั้งสามคนกำลังย่างก้าวเข้ามาในห้องด้วยท่าทางที่ดูเป็นระเบียบ เมื่อมองดูจากการเดินเอามือไพล่หลังอยู่ตลอดเวลาของพวกเธอแล้ว  ปลอกแขนสีแดงขาวที่มีตราสัญลักษณ์ประสำโรงเรียนนั้น เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าเธออยู่ในฐานะอะไรในโรงเรียนนี้
 
         สารวัตรนักเรียนสาวคนหนึ่งค่อยๆเดินนำหน้าเข้ามาหาซากิและไมผู้ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ ใบหน้าเนียนขาวที่ดูงดงามแต่เยือกเย็น ดวงตาที่ดูเย็นชาและเข้มแข็งแสดงถึงความเคร่งครัดในกฏระเบียบเอามากๆ นัยน์ตาคู่นั้นกำลังจ้องมองไปยังเด็กสาวตัวเล็กทั้งสองคนตรงหน้าของเธออย่างดูน่ากลัวๆ 
 
         "เป็นอะไรกันน่ะ? คิดว่าเป็นเด็กประถมกันรึไง เสียงนี่ได้ยินไปถึงทางเดินข้างล่างเลย" เธอกล่าวด้วยท่าทีที่ดูนิ่งๆและมือของเธอยังคงไพล่หลังอยู่อย่างนั้น
 
         "...เอ่อ ขอโทษคะ คิคาวะ ยูว์" ซากิบอกด้วยน้ำเสียงเจื่อนๆแล้วก้มหน้าสำนึกผิดในความผิดของตัวเอง
 
         "ขอบคุณนะที่เรียกชื่อฉันแบบเต็มๆแต่ทีหลังไม่ต้อง..." ยูว์พูดสั้นๆห้วนๆ "พวกเธอคงรู้สินะว่าฉันเป็นใครที่นี่?"
 
         "สารวัตรนักเรียน ใช่ไหมค่ะ..." แววตาสั่นระริกและใบหน้าซีดเซียวของทั้งสองสาว แสดงถึงความกลัวจากสารวัตรนักเรียนสาวตรงหน้าของพวกเธอในตอนนี้
 
         "ถูกต้อง..." ยูว์เน้นทีละคำอย่างชัดเจนพร้อมกับสีหน้าที่ดูแสดงความมั่นอกมั่นใจมากๆของตัวเอง "พอมาพูดถึงเรื่องนี้แล้วฉันก็จะมีอะไรที่จะตักเตือนพวกเธออยู่เหมือนกันนะ ซากิ ไม" 
 
         "ผมข้างหน้าของเธอยาวเกินไปนะ..."
 
         "ห๊า!" สองสาวอุทานขึ้นมาพร้อมๆกันแล้วก็ไม่วายเหลือบตาขึ้นไปมองผมยาวๆหน้าม้าของพวกเธอ แล้วจับผมของพวกเธอที่ดูแล้วก็ไม่ยาวเกินไปซักเท่าไรนัก 
 
         "แต่ผมเราก็ยาวไปนิดหน่อยเอง ไม่ถึงเซนเลยด้วยซ้ำ ที่เห็นว่ายาวคงเพราะเราทำผมหน้าม้าหรอกนะคะ"
 
         "แล้วนั่นอะไรน่ะ โบว์สีชมพูของพวกเธอ กฏเขาห้ามใส่ที่คาดผมแฟชั่นมาโรงเรียนไม่ใช่เหรอ?" สายตาของยูว์มองไปยังโบว์ใหญ่ๆที่กับที่คาดผมที่อยู่กลางหัวของซากิและไม จนพวกเธอต้องรีบดึงมันออกมาอย่างลุกลนๆ 
 
         "แต่ว่าพวกเราใส่มันไว้แค่ตอนอยู่ในห้องเวลาพวกเราอ่านหนังสือเท่านั้นแหละนะ ไม่เห็นจะผิดกฏตรงไหนเลยนี่..." ซากิอธิบายให้คนตรงหน้าฟัง ซึ่งคนตรงหน้าเองก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยฟังคำอธิบายจากเธอซักเท่าไร ยูว์แสดงรอยยิ้มที่ดูเย็นชาออกมาแล้วกำลังจะพูดต่อ โดยไม่ได้สังเกตว่าคนข้างๆที่กำลังนอนฟุบตัวอยู่บนโต๊ะกำลังกำมือแน่นด้วยความคุ่นเคืองที่เสียงของเธอกำลังเข้าไปกระทบโสตประสาทหูของเขาในตอนนั้น
 
         "แต่ยังไงพวกเธอก็ทำผิดอยู่ดี กฏก็ต้องเป็นกฏ มันผิดกฏเธอเองก็รู้ดีนี่ เพราะฉะนั้.น..."
 
 
 
          - ปัง!!!!! -
          "หนวกหูจริงเล๊ย!!!!"
 
         เสียงตบโต๊ะดั่งลั่นจากชายหนุ่มที่เคยฟุบหน้านอนลงไปกับโต๊ะของตัวเอง จนทำให้คนในห้องนั้นตกใจถึงกับสะดุ้งขึ้นมากันหมด ในตอนนี้คนที่ลุกขึ้นมาพร้อมกับสีหน้าที่ดูโมโหมากกับการที่มีคนเข้ามาขัดจังหวะการนอนที่แสนจะสุขสบายในยามเช้าของโรงเรียน ยูว์มองหน้าคนที่กำลังจ้องหน้าเธออย่างไม่สบอารมณ์ ถึงแม้เธอจะรู้สึกตกใจนิดๆแต่สีหน้าที่เรียบเฉยของเธอก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยจากเดิมแม้แต่นิดเดียว
 
         "รามูเนส?!" คนที่ถูกเรียกเลิกคิ้วขึ้นมาเมื่อเจอกับเพื่อนที่อยู่ในฐานะเดียวกัน รามูเนสพ่นลมหายใจที่เต็มไปด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียวออกมาฟ๊อดใหญ่อย่างแรง
 
         "อ๋อ ฝีมือเธอเองเหรอยูว์..." รามูเนสพยักหน้าช้าๆประหนึ่งเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด พร้อมกับยิ้มหยันเล็กน้อยออกมา

         "อะไรกั๊นเธอ วันนี้บ้าอำนาจแต่เช้าเลยนะ"
 
         "ว่าไงนะ..." เพราะคำพูดที่ฟังดูไม่เข้าหูคนฟังอย่างที่สุดของรามูเนส ทำให้ยูว์คิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความไม่พอใจในทันที ส่วนสารวัตรนักเรียนอีกสองคนที่เหลือเห็นท่าว่าเพื่อนของพวกเธอจะมีปัญหาเลยเดินเข้ามาสมทบกับยูว์ แล้วก็ไม่วายพวกเธอก็เดินเอามือไพล่หลังมาอยู่ตลอดอีกด้วย เหมือนกับว่ามันเป็นกฏระเบียบอีกหนึ่งข้อของพวกเธอไปซะแล้ว
 
         "แค่แหกกฏซักข้อสองข้อก็ไม่ได้ทำให้ใครตายซักหน่อย..." รามูเนสพูดแบบหน้ากวนอารมณ์แล้วเบนหน้าหนีสายตาที่ดูไม่เป็นมิตรจนน่ากลัวของยูว์สารวัตรนักเรียนสาวตรงหน้าของเขาไป ซากิและไมที่ยืนอยู่ข้างหลังรามูเนสเมื่อได้ยินประโยคของเพื่อนชายของเธอต่างก็รีบพยักหน้าสนับสนุนในความเห็นนั้น
 
         "ทำแบบนี้คิดว่ามันสนุกนักเหรอ?" หางตาของรามูเนสค่อยๆขยับมาเพื่อสบตากับสายตาของยูว์ที่กำลังจ้องอยู่อย่างไม่ลดละ เช่นเดียวกับสายตาของเพื่อนของเธออีกสองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอเหมือนกับกำลังคอยสนับสนุนเธออยู่อีกด้วยเช่นกัน
 
         "หึ! จากมุมมองของฉัน คนอย่างนายไม่มีวันเข้าใจหรอก" เธอว่าพลางเดินเข้าไปใกล้รามูเนสให้มากขึ้นไปอีกประหนึ่งกำลังจะท้าทายชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเธอ 

         รามูเนสค่อยๆหันหน้ามาแล้วก็เดินเข้าไปให้ใกล้กับเธอให้มากขึ้นกว่าเดิมอีกเช่นเดียวกัน ทำให้คนที่กำลังยืนดูเห็นว่าระดับสายตาของทั้งสองนั้นมันช่างต่างกันนัก เมื่อยูว์นักเรียนสาวที่ตัวไม่สูงมากต้องมาแหงนหน้ามองรามูเนสที่ตัวสูงกว่าเข้าเล็กน้อยแต่ก็มากอยู่
 
         "คนอย่างเธอ! คนอย่างเธอนั่นเหรอยูว์ฉันไม่เคยคิดอยากจะเข้าใจเลย ผู้หญิงเห่ยๆแบบเธอที่ทำงานให้กับอาจารย์ใหญ่ซึงคุเพื่อหวังเกรดดีๆน่ะ"

         เพราะคำพูดกระแทกกระทั้นของรามูเนสทำให้ทั้งเพื่อนสาวของเขาทำตาโตกับสีหน้าที่ดูตกใจมากในทันที เมื่อคำพูดของรามูเนสแฉเรื่องบางเรื่องของสารวัตรนักเรียนสาวที่อยู่ตรงหน้าของพวกเธอ
 
         "ว่ายังไงนะ..." ใบหน้าเนียนใสของยูว์เริ่มจะเปลี่ยนสี ไม่ว่าใครๆที่กำลังมองอยู่ดูก็รู้ว่าตอนนี้เธอเริ่มจะรู้สึกโกรธขึ้นมานิดๆแล้ว "...อย่าคิดนะว่าคนที่คอยถือหางเอวินอย่างเธอจะทำอะไรตามใจชอบได้ซะทุกอย่าง!"
 
         "ก็ยังดีกว่าคนที่บ้ากฏบ้าบออย่างเธอล่ะน่า!"
 
         "หึยยยยยยยยยย" 
 


         เหมือนมีประจุไฟฟ้าซักแสนโวลที่ออกมาจากสายตาของทั้งสองคนที่กำลังขับเขี่ยวจ้องเขม่งอย่างไม่กระพริบตา ฟันของทั้งคู่ขบกันแน่นอย่างไม่มีใครคิดจะยอมใครจนทำให้คนกลางอย่างสาวแว่นทั้งสองคนต้องเข้าไปห้ามปรามพวกเขา
 
         "เอ่อ เอ่อ คือว่าพวกเธอ พวกเราผิดเองล่ะที่เราเสียงดังกันเกินไปน่ะนะ อย่าทะเลาะกันเลยนะทั้งสองคน" คู่กรณีตัวจริงทั้งสองที่เริ่มเห็นท่าว่าเรื่องมันจะบานปลายไปมากกว่านี้พวกเธอจึงรีบเข้าไปห้าม
 
         "หนวกหูน่า!!!"
         "หนวกหูน่า!!!"
 
         แต่ผลที่พวกเธอได้กลับตรงกันข้ามกัน คนที่กำลังจ้องหน้ากันเขม่งพร้อมใจกันหันมาตวาดคนที่คิดจะห้ามพวกเขาไม่ให้ทะเลาะกันเมื่อกี้อย่างพร้อมเพรียง จนทำให้คนที่กำลังดึงแขนเสื้อของรามูเนสอยู่ต้องสะดุดเฮือกด้วยความตกใจ พร้อมกับหดมือที่กระตุกแขนเสื้อเข้าไปอย่างรวดเร็ว สีหน้าเจื่อนๆแสดงความสำนึกผิดลอดผ่านแว่นตาเลนใสของพวกเธอทั้งสองคน พวกเธอต้องก้มหน้าหงุกลงไปและไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีกเลย
 
         รามูเนสและยูว์หันควับกลับมาพร้อมกับจ้องหน้ากันอีกครั้งอย่างไม่ลดล่ะ ยิ่งนานไปยูว์ที่มีอารมณ์โกรธอยู่แล้วก็รู้สึกยิ่งโกรธคนตรงหน้าเข้าไปใหญ่ คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากัน มือที่ไพล่หลังอยู่กำแน่น สายตาของสารวัตรนักเรียนเพื่อนของเธอมองสลับมือกับแผ่นหลังที่มีผมม้าที่ยาวถึงหลังของยูว์อย่างหวั่นๆเล็กน้อย
 
            "หึย!!... มิยาบิ ชิมิซึ กลับ!!!"
 
          เธอร้องบอกให้เพื่อนสาวของเธอที่อยู่ด้านหลังของเธอทั้งสองคนด้วยเสียงฉุนเฉียว แล้วหันหลังควับเดินไปจากห้องนั้นอย่างรวดเร็วโดยมีเพื่อนสาวของเธอเดินตามไปติดๆ แต่พวกเธอทั้งสองก็ไม่วายมองค้อนรามูเนสก่อนเดินหันหลังกลับไปที่ละคนๆ และมือของพวกเธอก็ยังคงไพล่หลังแสดงความมีระเบียบของพวกเธอตั้งแต่พวกเธอก้าวเข้ามาตราบจนพวกเธอจากห้องนั้นไป
 
        รามูเนสมองไล่หลังเหล่าสารวัตรนักเรียนสาวไปจนกระทั่งเขาถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์แล้วค่อยๆหันหลังกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง ส่วนคู่กรณีทั้งสองเมื่อเห็นว่าเขาสามารถทำให้พวกสารวัตรนักเรียนกลับไปได้ ก็แสดงความดีใจออกมาผ่านรอยยิ้มของพวกเธอแล้วเข้าไปจับแขนของรามูเนสเบาอย่างชื่นชม แต่รามูเนสเองก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไร่มากนัก
 
         "รามูเนส ขอบคุณมากๆเลยน๊า" แววตาเป็นประกายกับน้ำเสียงออดอ้อนของเพื่อนของเขาส่งมาให้กับฮีโร่ของพวกเธอ พร้อมกับยกมือไหว้ประหลกๆไปหลายที
 
         "เฮ้อออ น่าเบื่อจริงๆอะไรของพวกนั้นก็ไม่รู้" และแล้วเขาก็ฟุบหน้าลงไปที่โต๊ะของเขาอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับเสียงกรนเบาๆที่ดังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
 
 
          
         สารวัตรนักเรียนสาวทั้งสามคนเดินอยู่บนทางเดินของชั้นสองภายในตัวอาคารเรียนที่สี่ แสงสลัวๆจากภายนอกส่องเข้ามาทำให้เห็นใบหน้าอันงดงามของพวกเธอ จะเว้นก็แต่คนที่กำลังเดินนำหน้าเพื่อนของเขาทั้งสองคน ที่เธอมีสีหน้าที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก เมื่อคิ้วทั้งสองข้างของเธอยังขมวดเข้าหากันตั้งแต่ที่ออกจากห้องเรียนของชั้นม.4/1 ลงมา
 
         "หนอยยยยย รามูเนสนะรามูเนส!"
 
         "เป็นอะไรไปยูว์ ยังโกรธที่รามูเนสพูดแบบนั้นกับเธออยู่อีกเหรอ ช่างมันเถอะน่า" มิยาบิสาวน้อยผมสาวสีทองกล่าวขึ้นมา พลางปลอบใจเพื่อนคนที่อยู่ข้างหน้าที่ถูกคำพูดแท่งใจดำจากรามูเนสมาหมาดๆ 
 
         แต่เหมือนกับว่าคำพูดที่หวังดีของเพื่อนของเธอกลับจะทำให้ตอกย้ำกับคำพูดของรามูเนสเข้าไปอีก มิหนำซ้ำในหัวของเธอกลับมีแต่ภาพของชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังยิ้มหยอกล้อเธออย่างกวนๆวนไปวนมาในหัวไม่รู้จบ ใบหน้าของเธอแดงกล่ำขึ้นมาจนเพื่อนๆของเธอที่เดินมาประกบข้างด้วยความเป็นห่วงเธอนั้นเห็นว่าเธอกำลังหน้าแดงอย่างผิดปกติ
 
         "ยูว์เป็นอะไรเหรอ ทำไมหน้าแดงแจ๋อย่างนั่นเล่า" ชิมิซึเพื่อนสาวตัวเล็กผมสีน้ำตาลแก่พูดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นสีผิวของใบหน้าที่เปลี่ยนไป แววตาที่ดูออดอ้อนของเธอเปล่งประกายราวกับว่าเธอรู้อยู่แล้วว่ายูว์เพื่อนของเธอกำลังรู้สึกอะไรอยู่
 
         "ไม่มีอะไรหรอกน่า!!!"
 
 
 
 
         ภายในตึกที่ห้าอาคารเรียนของศูนย์ภาษาต่างประเทศและเทคโนโลยี ห้องสีขาวห้องหนึ่งที่เต็มไปด้วยแสงสว่างเจิดจ้าของห้องคอมพิวเตอร์ คอมเครื่องสีขาวหน้าจอHDขนาดยี่สิบสี่นิ้วเกือบแปดสิบเกว่าครื่องตั้งเรียงรายอยู่อย่างเป็นระเบียบ เสียงปุุุ่มกดคีย์บอดดังลั่นห้องพอๆกับเสียงคลิกเม้าท์ไร้สายประจำเครื่องของเหล่านักเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ในชั่วโมงแรกของวันนี้ แน่นอนถึงแม้ว่าจะเป็นชั่วโมงเรียนแต่ว่าเหล่าบรรดานักเรียนทั้งหลายก็สนใจการเรียนเป็นอย่างดีมาก
         หลักฐานแสดงความตั้งใจเรียนของพวกเขาก็คือ ภาพหน้าจอสีน้ำเงินรูปตัวเอฟตัวใหญ่ที่กำลังเม้นกันในบนไทม์ไลน์ในเครื่องคอมของนักเรียนหญิงกันอย่างสนุกสนาน และสงครามเกมส์ดอทเอออนไลน์ของพวกผู้ชายที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างสนุกสนานลั่นห้องเรียนห้องนั้น 
 
         แต่ก็ยังมีอยู่หนึ่งคนที่กำลังกู้หน้าในการเรียนของพวกเขา โดยการขมักเขม่นในการปรับแต่งโปรแกรมๆหนึ่งอยู่หน้าจอคอมของตัวเอง นักเรียนชายผมบ๊อบเทสีทองที่ไม่สนใจที่จะคลิกเข้าไปในสิ่งที่เย้ายวนยั่วใจในหน้าเดสท๊อปของจอคอมตรงหน้าของเขา แต่เขายังคงตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์คำสั่งต่างๆลงในโปรแกรมนั้น ดวงตาสีน้ำเงินสะท้อนสูตรต่างๆที่ใช้ในการป้อนข้อมูลที่อยู่บนจอคอมพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆอย่างดูมีความสุขในการทำงานในชั่วโมงเรียนของเขา
 
         ดวงตากลมโตคู่สวยที่อยู่เบื้องหลังเยื้องไปทางด้านขวาจับจ้องมาที่เครื่องคอมเครื่องนั้นอย่างไม่กระพริบตา จนสาวเจ้าเกิดรู้สึกที่จะอยากเข้าไปให้ช่วยทำอะไรซักอย่างจนเธออดใจไม่ไหวแล้วลุกขึ้นจากที่นั่งของเธอ จนผมยาวสีน้ำตาลแก่คลับดำนั้นเด้งอย่างแสดงให้เห็นถึงผมสวยที่มีน้ำหนัก สาวร่างสูงลุกไปยังเครื่องคอมเป้าหมายตรงหน้าที่มีเพื่อนชายผมสีทองเป็นเจ้าของเครื่องตรงหน้านั้น
 
         "แองเจโล่!" สาวเจ้าร้องบอกเพื่อนของเธอ จนคนที่กำลังเอาแต่มองอยู่แค่หน้าจอคอมนั้นต้องละสายตาไปก่อนแล้วหันมาอย่างชาๆ
 
         "อ่าว ยูรินะมีอะไรเหรอ" แองเจโล่ถามด้วยรอยยิ้มจนสาวตัวสูงหุ่นดีที่กำลังยืนอยู่นั้นรู้สึกลำบากใจขึ้นมา ใบหน้าทีคล้ายๆกับลูกหมีน้อยของเธอเม้มริมฝีปากสวยๆ แล้วบิดตัวไปมาอยู่นานอย่างรู้สึกลังเลใจก่อนที่จะพูดออกมา
 
         "...ขอโทษนะ! ช่วยเค้าหน่อยน๊าแองเลโล่!" เธอยกมือไว้ปลกๆพร้อมกับทำน้ำเสียงที่ออดอ้อนจนไม่ว่าใครที่ได้ยินก็คงจะปฎิเสธเธอไม่ลงแน่ๆ
 
         "เย้ยยยยย มะๆ ไม่เอาน่ายูรินะ!" แองเจโล่ยกมือห้ามปราม "ไม่ต้องยกมือไหว้แบบนี้ฉันก็ช่วยอยู่แล้วล่ะ ทำแบบนี้ฉันก็รู้สึกไม่ดีเลยนา"
 
         แองเจโล่ว่าพลางเกาหัวด้วยความเขินอาย แต่ผิดกับคนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา ยูรินะฉีกยิ้มออกมาแสดงความดีใจเมื่อเธอได้ยินว่าแองเจโล่พร้อมที่จะช่วยเธอทำอะไรบางอย่าง
 
         "จริงเหรอ งั้นก็!..."
 
 
 
         ยูรินะไม่รอช้ารีบคว้าแขนของแองเจโล่แล้วลากชายหนุ่มผมสีทองที่ตัวเล็กกว่าเธอออกจากคอมเครื่องที่เขากำลังนั่งอยู่ไปยังเครื่องคอมที่เธอนั่งอยู่ประจำ เมื่อเธอมาถึงหน้าจอคอมของเธอก็รีบให้แองเจโล่ดูผลงานที่อยู่บนหน้าเดสท๊อบของคอมพิวเตอร์ นัยน์ตาสีน้ำเงินดวงโตค่อยๆไล่ดูสูตรและตารางที่แสดงอยู่ตรงหน้าของเขานั้นอย่างตั้งใจ ไม่นานนักชายหนุ่มที่ถูกหญิงสาวดึงตัวมาก็ยิ้มออกมาอย่างดูมั่นอกมั่นใจ สายตาของยูรินะหันไปมองแองเจโล่ด้วยความแปลกใจ
 
         "อ๋อ ตรงนี้นี่เองไม่ยากเลย ยูรินะทำไม่ได้หรอ?" แองเจโล่ถาม ยูรินะทำปากหง๋อยๆด้วยความไม่มั่นใจออกมา
 
         "อื้อ เค้าแก้สูตรนี้มาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วยังไม่ไปถึงไหนเลย แองเจโล่ช่วยเค้าหน่อยนะ"
 
         "ได้เลยแน่นอน! เดี๋ยวเค้าสอนยูรินะไปด้วยเลย ยูรินะจะได้ทำเป็นนะ เพราะว่าเรื่องนี้มันต่อยอดไปในบทต่อไปด้วยล่ะ"
 
         "เหรอๆ"
 
 
         ยูรินะพยักหน้าอย่างช้าๆซึ่งเมื่อเธอรู้ตัวอีกทีเธอก็ถูกมือสองข้างของแองเจโล่ที่จับหัวไล่ของเธออยู่พาให้ตัวของเธอนั่งลงยังเก้าอี้หน้าคอม มือของเธอเอื้อมไปจับเม้าท์แล้วเริ่มคลิกไปที่คำสั่งต่างๆตามที่แองเจโล่คอยสอน
 
        แม้มือจะคลิกเม้าท์อยู่หรือหูจะฟังเสียงของแองเจโล่แต่สมาธิของคนที่กำลังทำงานที่อยู่หน้าคอมนั้นไม่ได้อยู่ที่จอคอมเลยซักนิดเดียว ตอนนี้ใบหน้าของทั้งคู่นั้นห่างกันแค่คืบเดียว สายตาของยูรินะมองใบหน้าของแองเจโล่ที่หางตาด้วยรอยยิ้มและสีหน้าที่แสดงความชื่นชมคนๆนี้อยู่ โดยที่เจ้าตัวคนที่ถูกมองนั้นไม่รู้ตัวและยังคงชี้มือชี้ไม้ไปตามสูตรและตารางที่อยู่บนหน้าจอคอมอย่างไม่สนใจเพื่อนสาวข้างๆเลย แต่เธอก็แอบหันกลับไปเมื่อเธอเห็นว่าแองเจโล่หันหน้ามามองเธอเมื่อแองเจโล่รู้สึกว่าเม้าท์ที่อยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์มันหยุดเคลื่อนไหวนานจนผิดปกติ
         พวกเขาและเธอยังคงแก้ไขปริศนาในโจดท์ที่อยู่ในบทเรียนนั้นต่อไป จนกระทั่งมีเสียงคลิกเม้าท์ครั้งสุดท้ายและสูตรที่เขาและเธอช่วยกันทำก็เสร็จสมบูรณ์กลายเป็นผลลัพท์ปลายกฏขึ้นมาบทหน้าจอคอม คำถามทุกข้อที่แสนยากเย็นสำหรับเธอนั้นได้มีคำตอบอยู่ครบทุกข้อ แองเจโล่ยิ้มขึ้นมาเมื่อเห็นดังนั้น
 
         "อื้ม!! เก่งมากเลยนะยูรินะ! สอนแค่แป๊บเดียวเองก็ทำได้เลยนะเนี่ย!"
 
         "ไม่หรอก ถ้าไม่ได้แองเจโล่สอนเค้าก็คงจะทำไมไปอีกนานเลยล่ะ แห๊ะๆ" เธอกล่าวอย่างเขินอายพร้อมกับรอยยิ้มสวยๆของเธอ
 
         "ฮ่าๆ ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจล่ะก็มาถามได้ทุกเมื่อเลยนะ"
 
         "อื้มจ้า!..."
 
         ยูรินะยิ้มตอบพร้อมกับมองตามหลังแองเจโล่ที่ค่อยๆเดินกลับไปที่โต๊ะคอมของตัวเองอย่างสบายใจ แม้จะกลับมามีสมาธิอยู่กับหน้าจอคอมแล้วก็ตามแต่ก็ไม่วายยังคงแอบมองแผ่นหลังที่มีผมสีทองยาวประบ่าตรงหน้าอย่างชื่นชม พร้อมกับอมยิ้มเล็กๆด้วยริมฝีปากน้อยๆนั้น
 
          "อ่าวแองเจโล่ แล้วซิกฟรีดล่ะ?" เพื่อนชายคนหนึ่งในห้องที่กำลังเดินผ่านข้างโต๊ะคอมของแองเจโล่นั้นเกิดความแปลกใจ เมื่อเก้าอี้และโต๊ะคอมข้างๆของแองเจโล่นั้นยังคงว่างเปล่าอยู่ ซึ่งปกติแล้วคอมเครื่องนี้จะเป็นเครื่องประจำของซิกฟรีดเพื่อนสนิทของแองเจโล่ที่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในที่นี่
 
         "อ๋อ เข้าไปในเมืองน่ะ ไปหาค่าขนมอีกตามเคยนั่นแหละ..." แองเจโล่หันมาตอบ
 
         "แห๋ม ช่วงนี้แอบหนีเรียนไปหาเงินบ่อยจังเลยนะเนีย" เพื่อนของเขาว่าพลางค่อยเดินจากตรงนั้นไป
 
         "ฮ่าๆ เอาน่า ยังไงซะคาบแรกของวันนี้ก็ไม่ได้เรียนอยู่แล้วนี่นา...." 
 
 
 
         แม้แองเจโล่ดูเหมือนว่าจะยังพิมพ์คอมอย่างตั้งใจอยู่ก็ตาม แต่ในหัวของเขานั้นกลับนึกถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมา ภาพในหัวที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งภายในเมือง การห่้ำหั่นกันอันแสนดุเดือนจนเสียสวนสาธารณะแห่งหนึ่งไป ร่างของเพื่อนคนหนึ่งที่กำลังนอนอยู่อย่างหมดสภาพโดยที่เขาเองกำลังกางแขนอยู่เพื่อปกป้องเขาเอาไว้ แองเจโล่ยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อคืนหลังจากนนั้น
 
         ... ตอนนี้คงหายดีแล้วล่ะมั้ง เอาไว้เดี๋ยวค่อยไปหาหลังคาบนี้ดีกว่า ...
 
 
 
***
 
         เสียงดังสนั่นหวันไหวไปทั่วพื้นที่โล่งแจ้งแห่งนั้น เศษซากต้นไม้หักมีให้เห็นอยู่ไปทั่ว ที่ที่เคยมีชื่อว่าเป็นสวนสาธารณะในตอนนี้ไม่มีอีกต่อไปแล้ว ท่ามกลางเด็กหนุ่มทั้งสี่คน อาจารย์เอวินและอาจารย์ฟุยุสึกิรีบเดินมาพวกเขาอย่างรีบเร่ง แองเจโล่ที่กำลังอุ้มตัวของเรย์อยู่นั้นมีสีหน้าที่ดูกระวนกระวายเมื่อเห็นใบหน้าที่ดูแดงฉาน และความร้อนสูงจากภายในตัวของเรย์ที่ส่งออกมา จนแองเจโล่รับรู้ได้จากฝ่ามือที่เขากำลังแตะอยู่บนหน้าฝาก
 
         "เรย์ตัวร้อนจี๋เลย!!! ต้องพาเขาไปส่งโรงพยาบาลโดยด่วนแล้วนะครับ!!!" แองเจโล่แสดงสีหน้ากระวนกระวายเพราะความเป็นห่วงเพื่อน
 
         "ไปโรงพยาบาลไม่ได้! ทั้งเขาและแหวนจะไม่ปลอดภัยแน่ๆ ถ้าเจ้าพวกนั้นรู้ว่าเขาไปอยู่ที่นั่นล่ะก็..." อาจารย์ฟุยุสึกิพูดอย่างดูรีบเร่งไม่ต่างกัน พลางล้มตัวคุกเข่าแล้วเริ่มหิ้วตัวเรย์ขึ้นมา
 
         "พาเขาไปที่ห้องพยาบาลของโรงเรียนจะปลอดภัยกว่านะ..."
 
         "ถึงตอนนี้แล้วพวกมันยังคิดจะเอาแหวนไปอีกเหรอครับ" แองเจโล่ช่วยอาจารย์สาวหิ้วปีกอีกข้างอย่างยากลำบากเพราะขนาดตัวของเขาที่ต่างกับเรย์มาก ทำให้แขนที่จะใช้หิ่วปีกอีกข้างดูเตี้ยไปอีกข้างอย่างไม่สมดุล
 
         "เธอสองคน!" น้ำเสียงที่ฟังดูมีอำนาจของอาจารย์เอวินดังขึ้นมา นิ้วของเข้าชี้มายังแองเจโล่และซิกฟรีด
 
         "ไปช่วยอาจารย์ฟุยุสึกิพาเรย์ไปห้องพยาบาลของโรงเรียน" เมื่อทั้งสองได้ยินคำสั่งจากอาจารย์ร่างสูงตรงหน้าก็รีบพยักหน้าเป็นการตอบ และซิกฟรีดก็ไม่รีรอรีบไปช่วยอาจารย์สาวอุ้มเรย์ออกจากที่ตรงนั้นไป
 
         "ส่วนพวกเธอ!" อาจารย์เอวินหันมาชี้นิ้วไปยังรามูเนสและอคิลลิสที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะได้แต่ยืนดูอยู่เฉยๆเท่านั้น คิ้วทั้งสองข้างที่ของอาจารย์เอวินที่กำลังขมวดเข้าหากันทำให้ใบหน้าที่ดูนิ่งๆและจริงจังแบบเดิมกลับดูน่ากลัวยิ่งขึ้นเข้าไปอีก นิ้วที่สั่นขึ้นลงไปมาประหนึ่งกำลังกำชับพวกเขาอยู่
 
         "...เรามีเรื่องที่ต้องคุยกัน"
 
***
 
 
         ภายในห้องที่มีแสงจากข้างนอกไม่มากนัก สิ่งที่ทำให้ห้องนี้สว่างขึ้นมาได้ดูเหมือนจะเป็นแสงไฟจากโคมไฟแก้วบนเพดานห้อง ที่ในตอนนี้แสงกำลังส่องลงมายังโต๊ะไม้เตี้ยๆที่บนโต๊ะนั้นมีกระดานหมากรุกวางอยู่ ชายวัยกลางคนในชุดลำลองธรรมดาดูเหมือนว่ากำลังจะตกที่นั่งลำบาก เมื่อสังเกตได้จากสีหน้าของเขาที่มีแต่เหงื่อที่ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย เขารู้สึกระส่ำระสายแบบนั่งไม่ติดเก้าอี้นวมสีน้ำตาลเข้มตัวใหญ่ ดวงตามองสลับไปมากับหมากรุกและคู่แข่งตรงหน้าของเขาเอง 
  
         ซึ่งคนที่อยู่ในชุดข้าราชการที่ดูโอ่โถงกับเครื่องแบบที่มีเครื่องหมายประดับยศถาดูจะมีความรู้สึกสบายใจมากกว่าคู่แข่งของเขาเป็นอย่างมาก หนวดสีน้ำตาลของเขานั้นขยับไปพร้อมกับปากที่กำลังเสียงหัมเพลงเบาๆท่ามกลางชายหนุ่มใส่สูทสีดำและแว่นตาสีดำที่ดูเหมือนบอดี้การ์ดของเขา นิ้วมือที่ว่างอยู่ของเขานั้นกำลังถูกตะไบเล็บโดยคนที่ดูเหมือนจะเป็นคนรับใช้ที่กำลังตั้งใจตะไบเล็บหนาๆนั้นด้วยความประณีต สายตาของคนที่นั่งอยู่บนโซฟาอย่างสบายใจนั้นนั้นเอาแต่มองไปยังตู้เครื่องดื่มขนาดใหญ่ที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามโดยไม่ได้สนใจเกมส์หมากรุกที่อยู่ตรงหน้าของเขาเลย
 
         นาฬิกาสองเรือนที่คอยบอกเวลาที่ใช้ในการคิดของทั้งสองฝ่ายตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างหมากรุกทั้งสองข้าง เข็มนาฬิกาค่อยๆเดินไปยังเลขสิบสองที่อยู่ตรงกลาง เมื่อเสียงเตือนของนาฬิกาดังขึ้นมา ชายวัยกลางคนที่กำลังเหงื่อตกอยู่นั้นก็สะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจ
 
         "เวลาหมดแล้วครับ" คนที่ใส่สูทสีดำที่อยู่ข้างของชายวัยกลางคนนั้นพูดขึ้นมา เขาหันไปตามเสียงพร้อมกับสายตาที่ดูเป็นกังวลยิ่งกว่าเดิม
 
         "จากนี้ไปเหลือเวลาเดินตาล่ะยี่สิบวินาทีนะครับ" ยังไม่ทันจบประโยคของคนที่ดูเหมือนกับบอดี้การ์ดคนนั้น เสียงเป่าลมก็ดังขึ้นมาจนทำให้ชายวัยกลางคนนั้นหันควับไปทันที คนที่อยู่ในชุดข้าราชกาลนั้นใช้นิ้วโป้งถูนิ้วไปมาก่อนจะใช้มือลูบผมสีน้ำตายาวๆเถิกๆของตัวเอง แล้วแสดงสายตาเหยีดหยามออกมา
 
         "อ่าว! ก็ได้ยินแล้วนี่..."
 
         "อ่ะๆ เฮ้อออออ..." ชายวัยกลางคนหลับตาถอนหายใจยาวๆอย่างดูอ่อนแรง แล้วเริ่มจะจับหมากรุกเดินอีกครั้ง
 
 
            - ครื้น -
 
         "นั่นตัวแทนที่นายว่าใช่หรือเปล่า?" 
 
         ทันใดนั้นประตูบานใหญ่ที่อยู่จากทางด้านหลังก็ได้เปิดออกมาทำให้แสงสว่างจากภายนอกส่องเข้ามายังที่แห่งนั้น ท่ามกลางแสงสว่างที่กำลังสาดส่องเข้ามาเผยให้เห็นสองนักเรียนหนุ่มจากโรงเรียนไนท์เบลดที่กำลังค่อยๆเดินเข้ามายังห้องนั้นอย่างช้าๆ
 
         "เฮ้อรอดไปที..." ชายวัยกลางคนลุกขึ้นมาจากเก้าอี้นวมนั้นด้วยท่าทางดีใจ เมื่อแสงสะท้อนที่อยู่ภายในห้องนั้นเผยให้เห็นใบหน้าและชุดนักเรียนสีแดงของเขาทั้งสอง คนที่กำลังนั่งอยู่อย่างสบายใจนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างดูถูกในทันที
 
         "อะไรกัน นักเรียนเองเหรอเนีย" น้ำเสียงที่ฟังดูผิดหวังเล็กน้อยดังขึ้นมา สายตาของเขาจับจ้องไปยังเด็กหนุ่มผมสีดำที่กำลังเดินนำหน้าเพื่อนของเขา โดยคนที่อยู่ข้างหลังไม่ยอมถอดหมวกกันน๊อคออกซะก่อนที่จะเข้ามายังในห้องนี้ เมื่อเจ้าของนัยน์ตาสีม่วงมองไปยังชายในชุดข้าราชการที่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าก็รู้สึกผิดหวังไม่แพ้กัน
 
         "อะไรกัน พวกนักการเมืองเหรอ" เสียงเคาะโต๊ะอย่างสบายใจยังคงดำเนินอยู่อย่างไม่ขาดสาย
 
         "หนุ่มๆสาวๆนี่ดีจังเนอะที่มีเวลาเหลือเฟือ เวลาสำนึกเสียใจเนี่ย... แล้วชื่ออะไร" คำถามสั้นๆห่วนๆถูกส่งมาจากคนที่นั่งอยู่
 
         "ซิกฟรีด... ไวโอเล็ต ซิกฟรีด" แม้จะถูกจ้องมองด้วยสายตาที่กำลังดูถูก แต่ว่าสีหน้านิ่งเฉยของซิกฟรีดก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่เขาก้าวเข้าประตูมา
 
         "ซิกฟรีดเหรอ ชื่อเหมือนกับเทพในนิยายกรีกเลยนะ" เขาว่าพลางเอามือขึ้นมาเท้าคางอย่างสบายอารมณ์ ซึ่งซิกฟรีดเองก็ไม่ได้สนใจพฤติกรรมอะไรของคนตรงหน้ามากนัก เพราะสายตาของเขานั้นสนใจตัวหมากที่เหลืออยู่ในกระดานด้านล่างนั้นมากกว่า
 
         "ก็ประมาณนั้น..."
 
 
         "เฮ้ยเฮ้ย! ดูยังไงก็ไม่ชนะหรอกน่า!..." เพื่อนของซิกฟรีดที่มาด้วยพูดขึ้นมาหลังจากที่เขามองลงไปที่กระดานหมากรุกนั้น ซึ่งก็เห็นได้ชัดเลยว่าตัวหมากสีขาวที่น้อยนิดนั้นกำลังถูกล้อมไปด้วยตัวหมากสีดำของอีกฝั่งอย่างระเกะระกะ ไร้ซึ่งกระบวนท่ากในารรบ
 
         "เนอะ!..." เขาหันมาหาซิกฟรีดพร้อมกับทำหน้าละเหียกที่ดูไม่มันใจในการต่อสู้นี้แทนเพื่อนของเขา
 
         "โกเก้... ฉันจะเข้าเรียนวิชาต่อไปให้ทันน่ะ ต้องออกจากที่นี่ภายในกี่นาที?" ซิกฟรีดถามเพื่อนของเขา
 
         "...เอ่อถ้าซิ่งหน่อยก็ราวๆยี่สิบนาทีได้น่ะ" โกเก้ตอบแทบจะในทันทีอย่างผู้ชำนานหลังจากได้ยินคำถามของซิกฟรีด
 
         "ถ้างั้นก็... ขากลับก็ขับให้ปลอดภัยหน่อยนะ" 
 
         "หาาา าาา...."  
 
         ซิกฟรีดทิ้งตัวนั่งลงไปยังเก้าอี้นวมนั้นโดยไม่สนใจเสียงอุทานของเพื่อนของเขาที่กำลังยื่นอยู่เลย
 
         "เก้านาทีก็เสร็จแล้ว... มาสเตอร์ อย่าลืมที่ตกลงกันเอาไว้นะ" ซิกฟรีดหันไปหาชายวัยกลางคนที่ยื่นอยู่ข้างๆเขา
 
         "เข้าใจแล้วๆ" ชายวัยกลางคนตอบกลับ
 
 
          เมื่อเสียงนาฬิกาดังขึ้น เข็มบอกเวลาชี้ไปที่เลขสี่สิบเพื่อนับเวลาถอยหลัง เริ่มต้นการแข่งขันหมากรุกระหว่างเด็กหนุ่มชาวไนท์เบลดและนักการเมือง
 
         "เก้านาทีเหรอ ตาละยี่สิบวินาทีนะ" นักการเมืองที่อยู่ตรงหน้าพูดขึ้นมาพร้อมกับมองซิกฟรีด ที่กำลังเอื้อมมือไปจับตัวหมากตัวแรกที่เขาจะทำการเดินหมากก่อนขึ้นมา       
  
         "....เหลือเฟือ" ซิกฟรีดชูตัวหมากที่เขากำลังถืออยู่ในมือขึ้นมา สายตาของนักการเมืองมองไปยังคนตรงหน้าด้วยความแปลกใจ
 
         "หืม เริ่มจากคิงเหรอ... ฮ่าๆๆๆ" เสียงหัวเราะร่าดังขึ้นมาเมื่อเขาเห็นท่าทีของคู่แข่ง เขากำลังคิดอยู่ว่านี่มันอาจจะเป็นเรื่องตลกอย่างหนึ่ง ซึ่งซิกฟรีดเองก็มีท่าทีที่ไม่ต่างกันเมื่อเขาหัวเราะตามแข่งกับนักการเมืองตรงหน้านั้น
 
 
            แปดนาทีต่อมา...
 
         ใบหน้าที่เหยเกซีดเผือกของนักการเมืองปรากฏขึ้นมาท่ามกลางตัวหมากของเขา หมากสีดำที่เคยรอบล้อมคู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายในตอนนี้ไม่มีอีกต่อไปแล้ว เมื่อตัวหมากสีขาวนั้นกำลังล้อมตัวหมากสีดำเอาไว้ทุกทิศทุกทาง เมื่อลองดูแล้วเหมือนกับว่าแม่ทัพกับขุนพลอีกสี่คนกำลังถูกฮ้อมล้อมไปด้วยกองทัพนับร้อย ดวงตาและริมฝีปากที่เหยเกของนักการเมืองสั่นระรึกด้วยความตกตะลึงในผลที่ออกมาอย่างไม่น่าเชื่อ
 
         "ว่าไงครับท่าน นี่จะครบยี่สิบวินาทีแล้วนะครับ" เสียงของซิกฟรีดดังขึ้นมาเบนความสนใจของนักการเมืองที่อยู่ตรงหน้า ในขณะที่เขาเองก็กำลังหมุนตัวหมากตัวหนึ่งไปมาอยู่บนนิ้วด้วยอย่างสบายใจ
 
         "ถ้าไม่รีบเดินล่ะก็เดี๋ยวจะเสียสิทธิ์ในการเดินตานี้ไปนะครับ... แต่ถึงรีบเดินไป ยังไงซะผลลัพท์" หางตาของดวงตาสีม่วงค่อยๆขยับมาจ้องคู่แข่งที่อยู่ตรงหน้าของเขา 
 
        "....มันก็คงไม่เปลี่ยนแปลงหรอก"
 
         นักการเมืองถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆพร้อมกับก้มหน้าที่แสดงถึงการยอมจำนนออกมา
 
         "....ขอยอมแพ้"
 
 
 
         หลังจากที่รู้ผลกันแล้วซิกฟรีดและโกเก้ก็เดินออกจากสถานที่แห่งนั้นเพื่อที่จะไปยังลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ ที่พวกเขานั่งมาตามทางเดินของพื้นโล่งๆ บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยตึกราวบ้านช่อง รถราที่แออัด และผู้คนชาวเมืองที่สัญจรไปมาบนริมทางเท้าตามประสาวิถีชีวิตของคนในเมือง สายลมที่กำลังพัดผ่านเข้ามานั้นกระทบกับเงินปึกใหญ่ๆที่โกเก้กำลังถืออยู่ในมือ เขากำลังนับเงินพวกนั้นอย่างบรรจงและรอบคอบที่สุดด้วยตาที่เป็นประกายนั้นอย่างรู้สึกชื่นชมปนกับความโลภนิดๆ ซึ่งผิดกับเพื่อนของเขาอีกคนหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด
 
         "สุดยอดเลยท่านนักการเมืองเนี่ย ยิ่งคนใหญ่คนโตด้วยเนี่ยเงินก็ยิ่งดีตามไปด้วยเนอะ แถมใช้เวลาแปดนาทีสามสิบสองวิเนียสถิติใหม่เลยน๊า"
 
         "ก็เวลาคิดของอีกฝ่ายน้อยด้วยล่ะนะ..." ซิกฟรีดพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆและสายตาของเขานั้นไม่ได้มองมาที่เงินพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆที่เงินมากมายนั้นตัวเขาเองเป็นคนหามาได้แท้ๆ
 
         "พวกนักการเมืองน่ะมันอ่อนปวกเปียก เพราะมีชีวิตอยู่ด้วยการใช้แต่อภิสิทธิ์เท่านั้นล่ะ..." 
 
 
         เมื่อมาถึงรถมอเตอร์ไซค์สีเงินคันงามที่พวกเขานั่งมาโกเก้ก็ยื่นเงินของซิกฟรีดที่อยู่ในมือของเขาให้ เมื่อซิกฟรีดรับเงินมาแล้วเขาก็ไม่ได้รีบเก็บมันลงเข้าไปในกระเป๋าแต่อย่างใด เขากำลังดึงเงินที่อยู่ในนั้นออกมาสองสามปึกแล้วยื่นให้กับโกเก้ ซึ่งโกเก้เห็นดังนั้นเขาก็เกิดตาแหวววาวขึ้นมาในทันที
 
         "อ่ะนี่ค่าน้ำมันรถนะ"
 
         "โอ้โห! เยอะชะมัดเลย! นี่ให้จริงๆเหรอเนี่ย!" ดวงตาของโกเก้ลุกวาว เขามองสลับกับเงินและใบหน้าของซิกฟรีดด้วยความเกรงใจ แต่อันที่จริงแล้วเขาอยากจะรีบคว้าเงินนั่นเลยใจจะขาดอยู่แล้ว
 
         "ก็นะ... ยังไงซะฉันก็ต้องพึ่งนายอีกด้วยหลังจากนี้ล่ะนะ" ซิกฟรีดพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
 
         "แห๋มมมม แล้วจะมาให้พึ่งบ่อยๆเลยแล้วกัน ฮ่าๆๆ" เสียงหัวเราะร่าของทั้งสองคนดังขึ้นมาก่อนที่พวกเขาจะรีบบึ่งรถออกจากที่นั่นไปโดยเร็ว เพื่อไปเรียนให้ทันดั่งที่ซิกฟรีดเคยบอกเอาไว้ก่อนหน้านั้น
 
 
 
 
         ยามดวงตะวันในตอนเย็นฉายแสงสีอ่อนๆ แสงแดดที่ส่องลงมาดูจะไม่ร้อนแรงอะไรมากนัก ชายหนุ่มผมสีเขียวนามว่าอคิลลิสเดินบนทางเดินที่ขั้นกลางระหว่างตึกสี่และตึกที่ห้าอย่างเดียวดายท่ามกลางทิวทัศน์สองตึกคู่แฝดที่ตั้งอยู่สองทั้งฝั่ง ลานสนามหญ้าเขียวขจีกับบ่อน้ำเล็กๆที่ตั้งอยู่หน้าตึกที่ห้าศูนย์ภาษาต่างประเทศและเทคโนโลยี น้ำพุที่กำลังเริงระบำหยอกล้อกับใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นลงมาตามแรงลมที่พัดพา หรือแม้จะทั้งบรรดาต้นไม้ที่รากของมันรายล้อมไปด้วยสวนเล็กๆที่ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยของจำลองฟาร์มเลี้ยงสัตว์เล็กๆน่ารักอยู่ข้างตึกที่สี่ของหมวดวิทยาศาสตร์

         ภาพเหล่านั้นดูจะไม่ดึงดูใจของเขามากนักเท่ากับเรื่องบางเรื่องที่เขาคิดทบทวนวงไปวนมาอยู่ในใจ
 
 
***
 
      ภายในห้องที่มีแสงไฟนีออนขาวๆสว่างไสวเผยให้เห็นโต๊ะทำงานโต๊ะใหญ่ที่ทำมาจากไม้สัก กับบรรดากองแฟ้มที่สูงประหนึ่งเป็นภูเขาที่ขวางกั้นคนที่อยู่ข้างหลังออกจากโลกภายนอก เก้าอี้นวมเลื่อนได้สีดำขนาดมหึมาดูจะไม่น่ากลัวมากไปกว่าเจ้าของๆมันที่กำลังนั่งอยู่เบื้องหน้าของสองนักเรียนหนุ่มชาวไนท์เบลด อคิลลิสและรามูเนส ที่ตอนนี้พวกเขาได้แต่ก้มหน้าก้มตาประหนึ่งพวกเขากำลังรับโทษทัณฑ์จากความผิดที่พวกเขาได้ก่อเอาไว้
 
         "พวกเธอคงรู้อยู่แก่ใจแล้วสินะว่าฉันเรียกพวกเธอมาทำไม ในยามดึกป่านนี้..." น้ำเสียงที่ดูจริงจังจนน่ากลัวของอาจารย์เอวินดังขึ้นมาจนพวกเขาทั้งสองไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว
 
         "ค..ะ..ครับ" น้ำเสียงเจื่อนๆที่ยากต่อการเอื้อนเอ่ยของทั้งสองคนดังขึ้นมาพร้อมๆกัน
 
         "ดี!!!.."

         เสียงพูดสั้นๆห้วนๆของอาจารย์เอวินดังขึ้นมา พร้อมกับเสียงลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วจากเก้าอี้ตัวใหญ่นั้นจนมันหมุนไม่หยุด แสดงให้เห็นถึงอารมณ์ของเจ้าของของมันในตอนนี้ เขาเดินออกไปและเปิดผ้าม่านสีขาวออกอย่างรวดเร็วแล้วยืนอยู่ตรงนั้น วิวทิวทัศน์สีดำนั้นเหมือนกับว่าตั้งใจที่จะปกปิดใบหน้าของเขาในตอนนี้ ให้คนที่กำลังยืนอยู่ ทั้งสองคนนั้นเห็นแต่เพียงแผ่นหลังที่มีผมยาวหยักศกสีดำประแผ่นหลังของเขาอยู่เท่านั้น
 
 
         "พวกเธอทั้งสองคนได้รับอภิสิทธิ์พิเศษโดยการได้รับความไว้วางใจจากฉัน แต่ฉันก็ไม่ได้ให้มันมากเกินไปกว่าการที่พวกเธอทำอะไรเกินขอบเขตในอำนาจของฉันที่มีอยู่... พวกเธอทั้งสองคนใช้พลังของตัวเองในการทำลาย และสร้างความเสียหายแก่บ้านเมืองของเราที่เรากำลังปกป้องอยู่ ซ้ำร้ายพวกเธอยังเกือบสังเวยหมู่บ้านหนึ่งๆที่มีคนอาศัยอยู่ พวกเธอเกือบฆ่าคนบริสุทธิ์นับร้อยเพราะความหุนหันพลันแล่นของพวกเธอเอง!..."
 
         "...เอ่อ ขอโทษนะอาจารย์ อันที่จริงแล้วมันเป็นความผิดของเจ้าซิกฟรีดต่างหากล่ะครับ ถ้ามันไม่ปล่อยพลังใส่อคิลลิสละก่..อ" รามูเนสพูดสวนขึ้่นมา ทำให้อาจารย์เอวินหันควับมาในทันที
 
         "หุบปาก!!!!" เสียงตะหวาดลั่นห้องดังขึ้นอย่างกึกก้องจนรามูเนสตกใจจนต้องก้มหน้าหนีลงไปอีกครั้ง
 
         "ฉันยังไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เธอเกือบจะฆ่าเรย์ พวกเธอใช้สมองคิดกันบ้างหรือเปล่าว่ากำลังทำอะไรลงไป พวกเธอกำลังจะลงมือฆ่าผู้ที่เรากำลังคิดว่าคือคนๆเดียวกันกับในคำทำนายของไนท์เบลดเมื่อหลายพันปีก่อน แต่พวกเธอกลับทึกทักกันเอาเองว่าเป็นศัตรูของเราโดยที่ไม่ได้มีหลักฐานที่แน่ชัด แต่พวกเธอก็ลงมือทำร้ายเขา แล้วเกือบจะฆ่าเขา พวกเธอคิดบ้างหรือเปล่าว่าพวกเธอได้รับพลังมาเพื่ออะไร เพื่อการทำร้ายคนบริสุทธิ์หรือไม่มีทางสู้เหรอ หรือว่า..."
 
         "อาจารย์ก็คงจะทำแบบเหมือนกัน!" รามูเนสพูดสวนขึ้นมาทำให้อาจารย์ของเขาที่กำลังจะพูดต่อต้องหยุดชะงักลงไป

         "...เพื่อความปลอดภัยของโรงเรียนและเมืองนี้ ถ้าอาจารย์เป็นพวกผม อาจารย์ก็กำลังคิดอย่างนั้นอยู่ใช่ไหมล่ะ!"
 
         "รามูเนสทำอะไรของนายน่ะ!" อคิลลิสหันมากระซิบอย่างแผ่วเบาแต่หางเสียงของเขาดูร้อนรนเมื่อได้ยินคำพูดที่ดูประชนประชันอาจารย์จากเพื่อนของเขา
 
         "แต่ถึงอย่างไรการปกป้องบ้านเมืองต้องมาก่อนมันคือหน้าที่ของพวกเรา แต่การที่พวกเธอทำลายบ้านเมืองลงไปอย่างไม่ใยดี นี่มันไม่ใช่คุณสมบัติของการเป็นผู้กล้า นี่มันเป็นแค่คนที่บ้าในพลังอำนาจของตัวเอง ที่เอาแต่ใช้พลังในการทำลายล้างสนองความต้องการของตัวเอง!! ความภาคภูมิใจที่ได้เป็นผู้ถูกเลือกของพวกเธอหายไปไหนหมดแล้ว!! ในวันนี้ที่ฉันเห็น พวกเธอทำตัวเหมือนไอ้บ้าคนหนึ่งที่กำลังสวมแหวนแห่งพลังอยู่เท่านั้น!!!"
 
        อาจารย์เอวินตะหวาดอย่างหัวเสียที่สุด เขาไม่ได้สนใจอคิลลิสที่ยืนนิ่งเงียบแต่ว่ามือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น พร้อมกับคำพูดสุดท้ายที่ดังก้องอยู่ในหัว
 
         "วันนี้ฉันจะยังไม่ลงโทษพวกเธอ... แต่จงจะจำเรื่องราวในวันนี้เอาไว้ให้ดี ว่าพลังของพวกเธอมันมีแต่สร้างความเสียหายมากกว่าที่จะปกป้องโลกใบนี้!!"
      

***
  
         อคิลลิสกำหมัดและขบฟันแน่นเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน เขายังคงได้ยินเสียงตำหนิของอาจารย์เอวินอย่างชัดเจนอยู่ในหัว ไม่เว้นแม้กระทั่งเสียงของรามูเนสเพื่อนที่ร่วมชะตากรรมรับผิดชอบด้วยกันในครั้งนี้
 
         "ยังคิดมากอยู่เหรอกับคำพูดของอาจารย์เอวินน่ะ อย่าไปคิดมากน่า นายก็ทำเหมือนฉันสิ ลืมๆมันไปซะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันก็ลืมมันไปได้หมดแล้วคอยดูดิ ถ้านายทำแบบฉันนายจะมีความสุขขึ้นอีกเยอะเลยนะ ไม่ใช่ความรู้สึกที่ต้องแบกรับอะไรไว้คนเดียวแบบนายในตอนนี้น่ะ"
 
         "...แล้วนายรู้เหรอว่าชะตากรรมของฉันมันกำลังแบกรับอะไรไว้อยู่บ้าง นายไม่เป็นฉันนายไม่เข้าใจหรอก..."
 
 
         อคิสลิสเอ่ยปากออกมากับสายลมที่ไร้ตัวตนของผู้สนทนาราวกับว่าเขากำลังคุยกับวิญญาณที่มองไม่เห็นอยู่ ฝีเท้าที่เลื่อนลอยตามความคิดก้าวไปยังจุดหมายตรงหน้า สถานที่เป็นดั่งที่พักพิงจิตใจของเขาและในขณะเดียวกันก็เป็นสถานที่ที่เขากำลังแบกรับภาระรับผิดชอบทั้งหมดเอาไว้ด้วยเช่นกัน สถานที่แห่งเสียงดนตรีอันไพเราะบรรเลงออกมาอย่างไม่ขาดสาย สถานที่ร่วมเหล่าบรรดาเด็กนักเรียนแสนสนที่สุดในโรงเรียน ชมรมดนตรีสากลแห่งโรงเรียนไนท์เบลด
 
         อคิลลิสหยุดยืนอยู่ที่หน้าบานประตูใสภายใต้ร่มเงาของบานเกร็ดสีเขียวกันฝนที่อยู่บนหัวของเขานั้น จนกระทั่งเสียงๆหนึ่งที่เขาคุ้นเคยเล็ดลอดออกมาจากบานประตูนั้น เขายื่นดูอย่างตั้งใจ จนกระทั่งประตูถูกเปิดออกมาและปรากฏใบหน้าของคนที่เขาพึ่งจะต่อสุ้ไปด้วยเมื่อคืน ชายหนุ่มร่างสูงหยุดกึกเหมือนกับถูกล๊อคเอาไว้อยู่หน้าประตูเมื่อเห็นอคิลลิสที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าของเขานั้น
 
         "เรย์..." น้ำเสียงราบเรียบพร้อมกับใบหน้าคิ้วขมวดกล่าวทักทายคนตรงหน้า
 
         "อคิลลิส!" เรย์เองก็มีท่าทีที่ไม่ต่างกันเท่าไร เมื่อเขาเห็นคนตรงหน้าก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย
 
 
          ดวงตาของทั้งสองประสานกัน ไม่มีคำพูดจาใดๆทั้งสิ้นจากเด็กหนุ่มทั้งสองคนที่กำลังประจัญหน้ากัน สายลมพัดหวิวๆประหนึ่งเป็นสัญญาณของบทโหมโรงแห่งการต่อสู้ ใบไม้ที่อยู่ตามพื้นหลีกหนีให้หางจากเขาทั้งสองมิใช่การปลิวไหวไปตามแรงลมดั่งที่เคยเป็นอยู่ทุกวัน ออร่ามายาสีแดงและสีเขียวหยอกล้อกับพลังของทั้งคู่อยู่ทั่วพื้นที่แห่งนั้น มือที่เคยนิ่งสนิดของทั้งคู่เริ่มจะขยับเล็กน้อย พื้นหญ้าไหวๆและเสียงใบไม้แห้งที่ถูกเหยียบดังขึ้นเป็นระยะๆ และสายตาของทั้งคู่ก็ถูกแทนที่ด้วย...
 
         "...หวัดดีค่า! ฮิๆ!"
 
         "เห! เย้ยยยยยยยยย!!!"
 
 
         เด็กสาวหน้าตาบ้านๆผู้มากับรอยยิ้มพิมพ์ใจโผล่ขึ้นขวางตรงหน้าของเขาทั้งสองคน ก่อนที่พวกเขาจะตั้งตัวได้ทัน วงแขนของทั้งสองคนก็ถูกแย่งชิงโดยเด็กสาวตัวเล็กนั้นไปก่อนซะแล้ว แถมพวกเขายังถูกดึงแกมบังคับให้ไปยังศาลาแปดเหลี่ยมที่อยู่ข้างๆนั่นอีกด้วย
 
         "อิอิ ง่าาา พี่เรย์ พี่อคิลลิส อย่าพึ่งเข้าไปซ้อมกันเลยน๊า วันนี้มาจังขี้เกียจจังเลย" น้ำเสียงใสๆของเด็กสาวคนนั้นพูดด้วยหางเสียงยานๆ ซึ่งคนที่กำลังถูกควงแขนทั้งคู่ต่างมองหน้ากันสลับไปมากับคนตัวเล็กที่อยู่ข้างๆ
 
         "มาซากิทำอะไรของเธอเนี่ย!" 
 
         มาซากิสาวน้อยมัธยมต้นหน้าตาบ้านๆนิสัยน่าเอ็นดู ตัวเล็กๆ หน้าเรียวคม ผมยาวประบ่าสีดำ คนที่อคิลลิสพยายามจะดึงแขนของเธอออกแต่ก็ถูกเธอดึงกลับเข้ามาให้แนบชิดยิ่งกว่าเดิม และสุดท้ายพวกเขาทั้งสองก็ถูกบังคับให้มานั่งอยู่ที่ศาลาแปดเหลี่ยมนั้นจนได้
 
         แม้จะไม่เต็มใจนักแต่ทั้งคู่ก็ต้องทำตามที่เด็กสาวคนนี้บังคับมาเมื่อเรย์พยักหน้าบอกให้กับอคิลลิสที่ดูจะไม่เหมือนจะไม่เต็มใจซักเท่าไร ซึ่งอคิลลิสเองก็ทำหน้าเบื่อหน่ายเล็กน้อยแล้วเบนหน้าไปทางอื่นอย่างจำยอม ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าที่ดังหลายๆครั้งทำให้พวกเขาทั้งสามหันไปตามเสียงที่มานั้น เมื่อพวกเขามองผ่านพุ่มไม้ไป เด็กสาวสามคนที่ขนาดความสูงเรียงไล่กันจากสูงมาต่ำอย่างเป็นระเบียบเดินเข้ามาอย่างพร้อมเพียงกัน

         สายตาของอิคิลลิสสนใจเด็กสาวตัวสูงที่ในมือถือเครื่องดนตรีที่เป็นแท่งยาวๆสีทองเหลือง พร้อมกับถ้วยข้าวโพดต้มที่ตัวเธอกำลังกินอย่างเอร็ดอร่อยเช่นเดียวกันกับเด็กสาวที่เดินมาพร้อมๆกับเธออีกสองคน
 
         "นี่ฮารุนะ ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเอาเครื่องดนตรีไปด้วยเวลาไปซื้อของกินน่ะ!" เสียงตำหนิในฐานะหัวหน้าวงของอคิลลิสดังขึ้นมา ทำให้ดวงตากลมโตดูเรียบร้อยเจ้าของชื่อเบิกกว้างขึ้นมาด้วยความตกใจที่ตัวเองลืมตัว
 
         "...อุ้ย! ขอโทษค่ะ!" 
 
         ฮารุนะเด็กสาวมัธยมต้นมือฟลุ๊ตร่างสูงและผอมแห้ง เธอเกาหัวตัวเองด้วยความเขินอายเล็กน้อย ผมยาวสีดำสลวยเงางามถึงแผ่นหลังของเธอถูกมือเล็กๆของเธอเกาจนยุ่ง เมื่อเธอนึกได้ทำให้เธอต้องรีบจัดทรงผมของเธอใหม่อีกครั้ง ริมฝีปากน้อยๆเม้มอย่างไม่ได้ตั้งใจเมื่อเธอเหลือบมองผมหน้าม้าของเธออย่างยากลำบาก อคิลลิสส่ายหน้าไปมาเบาๆอย่างท่าทางเหนื่อยหน่าย
 
         แม้ฮารุนะจะเป็นเด็กมัธยมต้นชั้นเดียวกันกับมาซากิและสาวน้อยท่าทางแมนๆอีกคนหนึ่งที่กำลังจะกล่าวถึง แต่ว่าเธอนั้นก็มีอายุอ่อนกว่าเรย์เพียงหนึ่งปีเท่านั้น เพราะว่าเธอซ้ำชั้นเรียนตอนอยู่ชั้นอนุบาล.3 เลยไม่ได้เลื่อนชั้นตามเพื่อนๆในตอนนั้น
 
         "ว๊ายยยยย ฮารุนะขึ้ลืม ลืมอีกแล้ววว วว" เสียงแจ๊นๆของมาซากิดังขึ้นมาอกีครั้งพร้อมกับชี้มือชี้ไม้ไปยังฮารุนะ ซึ่งสาวน้อยทั้งสองคนก็ทิ้งให้ฮารุนะจัดทรงผมแล้วเดินมานั่งยังม้านั่งก่อนด้วยความสบายใจ
 
         "จะว่าไปแล้วนี่ไม่กลัวเม้าท์ของฟลุ๊ตเธอมันเปื้อนเหรอ กินของแล้วไปเป่าแบบนี้น่ะ" เรย์พูดขึ้นมาหลังจากที่เขานั้นเงียบไปนานเหมือนกับว่าเขาออกจากพื้นที่แห่งนี้ไปแล้ว เด็กสาวทั้งสามส่ายหน้าพร้อมๆกันเหมือนว่าพวกเธอนัดกันมาก่อนหน้านนี้
 
         "ไม่เป็นไรหรอก เพราะว่าฮารุนะเป่าฟลุ๊ตใช้แต่ลมอย่างเดียวไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แล้วก็ซากุระน่ะที่เป็นเมนหลักร้องเพลงประสานเสียงก็ใช้แต่เสียงอย่างเดียว แถมยังต้องใช้พลังเสียงค่อนข้างมากด้วยล่ะ เลยต้องตุนพลังเอาไว้เยอะๆ กองทัพต้องเดินด้วยท้องนะคับ ใช่มั๊ย?!"
 
         สาวน้อยท่าทางแมนๆกล่าวอธิบายอย่างฉะฉาน แม้ว่าหน้าตาของเธอจะดูหวานมากขัดกับบุคลิกของเธออย่างมากมายซะเหลือเกิน ผมสั้นที่เลยติ่งหูขึ้นไปอีกเลยตอกย้ำความเป็นแมนของเธอมากขึ้นไปอีกด้วย แต่เธอเคยบอกเอาไว้กับพวกเขาว่านี่อาจจะเป็นตัวตนที่แท้จริงของเธอก็เป็นได้
 
         "อ๋อ อย่างงั้นเหรอคุโด้..." เรย์พูดด้วยสีหน้ากวนๆกับความคิดชั่วร้ายเล็กๆที่อยู่ในใจ
 
         เกือบลืมไป... อีกหนึ่งรายชื่อที่ได้กล่าวถึง ไม่ใช่ว่าเธอจะออกมาแค่ตอนนี้แล้วจะหายจากไปหรอกนะ โอดะ ซากุระ สาวน้อยตัวเล็กอวบๆซึ่งเธออายุน้อยสุดในกลุ่ม เพราะว่าเธออยู่เพียงม.1 เอง เธอเป็นหนึ่งในสาวน้อยเสียงทรงพลังของชมรมร้องประสานเสียง ที่มีใบหน้าจิ้มลิ้มน่าเอ็นดู เธอเป็นคนที่ดูแต่ภายนอกไม่ได้ เพราะเธอมักจะถูกคนพูดว่าของดีของเธอนั้นมักจะซ้อนอยู่ภายใต้ใบหน้าที่แสนเรียบร้อยนี้
 
         "...ถ้างั้นก็แล้วไป แต่ที่แน่ๆ อ้วนแบบพวกเธอแน่นอน ฮ่าๆๆๆ งิ" 
 
         รอยยิ้มชั่วร้ายเกิดขึ้นมาบนใบหน้าของเรย์ แต่ในขณะเดียวกันก็เหมือนกับมีระเบิดลงกลางศาลาแปดเหลี่ยมที่พวกเขานั่งกันอยู่ ดวงตาปีศาจทั้งสามคู่ลุกเป็นไฟขึ้นมาที่แม้แต่รอยยิ้มปีศาจที่เคยยิ้มแฉ่งเมื่อครู่ต้องหุบลงไปอย่างรวดเร็ว เพราะสู้กับแรงกดดันของสามสาวตรงหน้าที่ถลาเข้ามาในทันทีไม่ไหว
 
            "นี่หลอกว่าหนูใช่ม๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยย"
 
         "เฮ้ย ป่าวหน้า ฉันแค่จะบอกว่ากินเยอะมันจะอ้วนเร็วแบบพวกเธอต่างหาก เพราะหว้าาา าา ..."   
 
           "แล้วมันต่างกันตรงไหนค๊าาาา าาาา"
 
         สงครามจริงๆจึงเริ่มขึ้นแล้วเมื่อสามสาวต่างเข้าไปดึงหน้า หยิกแก้ม กัดขา ดึงผม สารพัดสารเพที่พวกเธอจะทำได้กับเรย์ โดยที่มีอคิลลิสและมาซากิยืนมองดูอยู่ แล้วดูเหมือนมาซากิจะดูมีความสุขมากเพราะเธอส่งเสียงเชียร์ยกใหญ่อยู่ข้างๆนั้น ในขณะที่อคิลลิสก็ยืนดูเฉยๆโดยที่เขาไม่ได้ห้ามปรามอะไร
 
         "เย่ๆ เอาเลยๆๆ ๆๆๆ"         
 
         อคิลลิสมองดูด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย แต่เมื่อมองดูไปนานๆก็อดขำไม่ได้กับพฤติกรรมที่แสดงออกถึงมิตรภาพที่ใกล้ชิดกันประหนึ่งเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดเดียวกัน เมื่อเขามองดูเหตุการณ์นี้ เรื่องในวันวานของอคิลลิสก็ปรากฏขึ้นมาอย่างเด่นชัด ในห้วงแห่งความทรงจำของเขา
 
 
***
 
         "ผมต้องขอโทษด้วยครับที่ผมไม่ได้ดูแลวงของผมให้ดี จนทำให้งานของท่านล่มแบบนี้ ขอโทษด้วยครับ"
 
         "...ไม่ต้องขอโทษหรอก ยังไงก็ครั้งนี้ก็เป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่พวกเราจะเชิญให้วงของโรงเรียนคุณมาบรรเลงที่นี่... ปีหน้าพวกเราจะเชิญวงใหม่มาอยู่แล้ว วงที่มีคุณภาพและมีความรับผิดชอบมากกว่าวงของพวกคุณ"
 
         ย้อนเมื่อหนึ่งปีก่อน ในวันนั้นวงโยธวาทิตยของโรงเรียนไนท์เบลดพรอนเทียร่าได้รับเกียร์ติอย่างสูงให้เป็นวงรับเสร็จของเจ้าชายอิลิชทายาทกษัตริย์แห่งไนท์เบลดผู้ยิ่งใหญ่ ณ ลานวงเวียนน้ำพุที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองท่ามกลางถนนใหญ่ของเมือง แต่ทว่าในงานนั้นอาจารย์ผู้ควบคุมวงทั้งสองเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นจึงทำให้วงโยธวาทิตจะต้องควบคุมวงกันเอง โดยมีหัวหน้าวงและรองหัวหน้าวงนำโดยอคิลลิสกับเรย์เป็นคนดำเนินการกันเอง 
 
         แต่ด้วยความอ่อนประสบการณ์ในการทำงาน ทำให้กำหนดการที่พวกเขาได้รับคลาดเคลื่อนไปอย่างมาก อคิลลิสที่คุมวงโดยการแบกภาระอันหนักอึ้งเอาไว้แต่เพียงลำพังคนเดียว ในขณะที่เรย์ก็ทำตัวไม่สมกับเป็นรองหัวหน้าวง เขาเอื่อยเฉื่อยอย่างดูไม่เดือดร้อนอะไรกับสถานการที่เร่งด่วนนี้ เมื่อการเตรียมพร้อมล่าช้าทำให้ในการบรรเลงเพลงสรรเสริญกษัตริย์ของพวกเขาที่น่าจะดำเนินไปอย่างไพเราะนั้น กลับล่มไม่เป็นท่า กลายเป็นวงดนตรีตลกขบขันที่น่าอับอายเป็นอย่างยิ่ง...
 
 

- ปลั๊ก ป๊าด ตึก ป๊าด -
 
         เสียงหมัดของทั้งสองคนระหว่างอคิลลิสและเรย์กระทบเข้าไปที่ร่างกายอย่างรุนแรง ใบหน้าของพวกเขาทั้งคู่อาบไปด้วยเลือดและรอยฟกช้ำเขียวๆที่เกิดจากการปะทะกันของหมัดทั้งสอง ชุดนักเรียนสีแดงเปรอะเปื้อนไปด้วยรอยเปื้อนของฝุ่นจากพื้นดินจากการล้มลงไปหลังจากที่หมัดของพวกเขาต่างปะทะเข้าไปที่ใบหน้าของกันและกัน
 
         "เพราะแกคนเดียวเรย์!! ทำไมถึงไม่ทำตัวให้มีความรับผิดชอบมากกว่านี้!! แกเป็นรองหัวหน้าวงนะเฟ้ย!! โธ่เว้ย!!!"
 
         "แล้วทีแกละอคิลลิส!!! อุบงานไว้คนเดียวไม่ไว้ใจให้ฉันทำงานด้วย!! หัวหน้าวงที่มันไม่มีความไว้ใจลูกน้องแบบเนี่ยใครอยากจะไปร่วมด้วยไอ้เจ้าบ้า!! คิดซะบ้างสิ!!!"
 
         "ก็เพราะว่าแกเป็นแบบนี้ยังไงเล่า!!! งี้เง่า!!! ปัญญาอ่อน!!! เมื่อไรแกถึงจะทำตัวให้มันน่านับถือกว่านี้ซะที!!!"
 
 
- ปลั๊ค!!!! -
 
          พวกเขาทั้งสองยังคงห้ำหั่นกันโดยที่ไม่สนใจสายตาของรุ่นน้องร่วมวงของพวกเขา ที่ได้แต่ยืนดูโดยที่ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปห้ามปรามเลยแม้แต่น้อย หยาดน้ำตาใสๆไหลเอ่อล้นอาบแก้มของพวกเขาทั้งหลายที่เต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจ ที่ผู้นำของพวกเขาทั้งสองต้องมาทะเลาะกับแบบนี้ โดยที่พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากยื่นดูอยู่เฉยๆ แต่ทันใดนั้นเสียงสะอื้นที่ดังกว่าเสียงกระทบกับหมัดของพวกเขาทั้งสองก็ดังขึ้นมา
 
           "ฮื้อออออ อย่าทะเลาะกันซี๊ แง้!!!..." 
 
         มาซากิปล่อยโฮออกมาลั่นพื้นที่แถวนั้นจนคนที่กำลังเกือบจะเหวี่ยงหมัดเข้าหากันต้องหยุดชะงักลง เธอยกมือปาดน้ำตาแต่ก็ไม่เพียงพอจนเธอต้องใช้แขนปาดอีกครั้งหนึ่ง แล้วเธอก็ซุกหน้าลงไปในวงขนของเธอนั้นแล้วปล่อยโฮออกมายกใหญ่ จนฮารุนะที่ยื่นอยู่ข้างต้องดึงเข้ามาปลอบแต่เพราะว่าแรงสะอื้นของมาซากิมากเกินไป จนทำให้มีผลกับคนที่อ่อนไหวง่ายอย่างฮารุนะด้วย ทำให้เธอเป็นอีกคนที่ปล่อยโฮออกมาตามๆกัน
 
          "...มาซากิ..." นัย์ตาของเรย์สั่นระรึก เมื่อเขาเห็นภาพเบื้องของเหล่าบรรดารุ่นน้องร่วมวงของเขาก็ทำให้อารมณ์ของเขาเย็นลง ใบหน้าที่เคยเต็มไปด้วยความโกรธของเขาในบัดนี้ได้แทนที่ด้วยน้ำตาใสๆที่ค่อยๆไหลอาบแก้มของเขา มือที่เคยกำหมัดแน่นก็ลดลงอย่างช้าๆ มือของอคิลลิสที่เคยจับคอเสื้อของเรย์อยู่ก็ค่อยๆคลายออกแล้วปล่อยออกไปเหมือนกับว่าเขารู้สึกตัวจากความบ้าคลั่งนั้น
 
         "พอได้แล้ว มันไม่ใช่เรื่องเลยมาซากิ เงียบได้แล้ว!" อคิลลิสพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่นัยน์ตาสีเขียวของเขานั้นก็สั่นระรึกอยู่เหมือนกัน
 
         "ฮื้อออออ ก็พี่เรย์กับพี่อคิลลิสทะเลาะกันแบบนี้อ่า มาจังไม่อยากให้พวกพี่ทะเลาะกันแบบนี้นี่นา แล้วมาจังทำอะไรไม่ได้เลยอ่า มาจังได้แต่ยื่นดูพวกพี่อยู่เฉยๆอ่า...แง้!!!"        
 
         อคิลลิสมองตามเรย์ที่เดินหนีไปจากตรงนั้นเพื่อไปหามาซากิที่กำลังอยู่ในอ้อมกอดของฮารุนะ เรย์ลูบผมคนตัวเล็กเบาๆอย่างเอ็นดูพร้อมกับค่อยๆเช็ดน้ำตาที่อยู่ที่แก้มของเธออย่างถนุถนอมก่อนจะดึงมาซากิเข้ามากอด ในขณะที่อคิลลิสได้มองภาพตรงหน้าเหล่านั้นด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไป...
 

***
 
 
        "จริงด้วยสินะ... เพราะว่ามีมาซากิ หลังจากนั้นทั้งเราแล้วก็เรย์ก็เหมือนเป็นสัญญาทางความรู้สึก ว่าเราสองคนจะเป็นรุ่นพี่ที่ดี จะไม่ทะเลาะกันต่อหน้ามาซากิหรือสมาชิกในวงให้เห็นอีก"
 
           "โอ๊ยเจ็บๆๆๆๆๆ ใครก็ได้ช่วยที๊!!!!"
 
         อคิลลิสมองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้มอย่างอ่อนโยน ที่ในตอนนี้เรย์กำลังโดนรุมดึงผมตั้งๆของเขาอย่างไม่ใยดี เขาจึงคิดว่าคนที่ดูค่อนข้างจริงจังมากไปหน่อยอย่างเขาน่าจะเดินไปจากตรงนี้ ปล่อยให้คนที่เขาดูแคลนรับเคาะไปก็แล้วกัน
 
         "...ยังไงก็พวกเธอรีบเข้ามาซ้อมกันเร็วๆด้วยนะ"                             
         
 
         แล้วเขาก็ปล่อยให้เรย์รับชะตากรรมอยู่ตรงนั้นไปจริงๆ จนกระทั่งการซ้อมได้เริ่มขึ้นซึ่งในวันนี้เรย์ไม่ได้อยู่ด้วยเพราะว่าเรย์ได้ขออนุญาตอาจารย์ผู้คุมวงไปทำธุระส่วนตัว ซึ่งธุระส่วนตัวที่เขาว่านั่นก็คือการมุ่งหน้าไปยังภูเขาแห่งความตาย ไฮฮ๊อกก้า ที่เรย์ได้รับภาพลายแทงมาจากอาจารย์เอวิน ผู้ที่มาให้คำแนะนำให้เขาไปยังที่นั่น เพื่ออะไรบางอย่างที่แม้ตัวของเขาเองนั้นก็ยังไม่รู้เลย แต่เขาก็ตั้งใจที่จะมุ่งหน้าไปยังที่นั่นเพราะเหตุผลอะไรบางอย่างที่ใจของเขาเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้
 
 
   
         ยามดึกอันเงียบสงัดในค่ำคืนที่เต็มไปด้วยเสียงนกกลางคืนและเสียงจิ้งหรีดร้องกันอย่างสนั่นหวั่นไหวไปทั่วพื้นที่สนามหญ้าหน้าพิพิธภัณฑ์ของโรงเรียนไนท์เบลด เสียงลมที่พัดผ่านหน้าต่างที่เปิดอย่างกว้างขวาง ทำให้ผ้าม่านทีขาวขนุ่นเก่าๆปลิวไปตามแรงลมที่มี 
 
         ลึกเข้าไปยังใกล้กลางห้องโถงของพิพิธภัณฑ์ ตรงเข้าไปยังห้องๆหนึ่งที่เคยถูกล๊อคด้วยกุญแจอย่างแน่นหนา ในบัดนี้ตัวล๊อคที่คิดว่าไม่น่าจะมีใครสะเดาะมันได้ได้ถูกปลดล๊อคออกมาเรียบร้อย บานประตูไม้ใหญ่ๆเปิดออกเผยให้เห็นบานกระจกหนาที่อยู่ข้างในนั้นอีกชั้นหนึ่ง ถัดจากกระจกใสไปเป็นเหล่าบรรดาของสะสมล้ำค่าที่แต่ละชิ้นดูมีอายุมากกว่าร้อยปี

        คนที่ยืนอยู่ท่ามกลางเงามืดในยามค่ำคืนเผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น และเมื่อเมฆที่เคยบดบังแสงจันทร์ลอยผ่านไป แสงที่ส่องสว่างลงมาเผยให้เห็นร่างของคนใส่ชุดหนังรัดๆสีดำลวดลายกล้ามเนื้อมนุษย์ พร้อมหน้ากากต่างลักษณะใบหน้าของทั้งสามกับผ้าคลุมยาวทมิฬของทั้งสามคน
 
         "นี่เหรอ เหล่าของสะสมอันอันล้ำค่าของโรงเรียน..."

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา